Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) |
๓. อุปนิสสุตฺตวณฺณนา
3. Upanisasuttavaṇṇanā
๒๓. ตติเย ‘‘ชานโต อห’’นฺติอาทีสุ ชานโตติ ชานนฺตสฺสฯ ปสฺสโตติ ปสฺสนฺตสฺสฯ เทฺวปิ ปทานิ เอกตฺถานิ, พฺยญฺชนเมว นานํฯ เอวํ สเนฺตปิ ‘‘ชานโต’’ติ ญาณลกฺขณํ อุปาทาย ปุคฺคลํ นิทฺทิสติฯ ชานนลกฺขณญฺหิ ญาณํฯ ‘‘ปสฺสโต’’ติ ญาณปฺปภาวํ อุปาทายฯ ปสฺสนปฺปภาวญฺหิ ญาณํ, ญาณสมงฺคีปุคฺคโล จกฺขุมา วิย จกฺขุนา รูปานิ , ญาเณน วิวเฎ ธเมฺม ปสฺสติฯ อาสวานํ ขยนฺติ เอตฺถ อาสวานํ ปหานํ อสมุปฺปาโท ขีณากาโร นตฺถิภาโวติ อยมฺปิ อาสวกฺขโยติ วุจฺจติ, ภโงฺคปิ มคฺคผลนิพฺพานานิปิฯ ‘‘อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺติ’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๔๓๘; วิภ. ๘๓๑) หิ ขีณากาโร อาสวกฺขโยติ วุจฺจติฯ ‘‘โย อาสวานํ ขโย วโย เภโท ปริเภโท อนิจฺจตา อนฺตรธาน’’นฺติ (วิภ. ๓๕๔) เอตฺถ ภโงฺคฯ
23. Tatiye ‘‘jānato aha’’ntiādīsu jānatoti jānantassa. Passatoti passantassa. Dvepi padāni ekatthāni, byañjanameva nānaṃ. Evaṃ santepi ‘‘jānato’’ti ñāṇalakkhaṇaṃ upādāya puggalaṃ niddisati. Jānanalakkhaṇañhi ñāṇaṃ. ‘‘Passato’’ti ñāṇappabhāvaṃ upādāya. Passanappabhāvañhi ñāṇaṃ, ñāṇasamaṅgīpuggalo cakkhumā viya cakkhunā rūpāni , ñāṇena vivaṭe dhamme passati. Āsavānaṃ khayanti ettha āsavānaṃ pahānaṃ asamuppādo khīṇākāro natthibhāvoti ayampi āsavakkhayoti vuccati, bhaṅgopi maggaphalanibbānānipi. ‘‘Āsavānaṃ khayā anāsavaṃ cetovimutti’’ntiādīsu (ma. ni. 1.438; vibha. 831) hi khīṇākāro āsavakkhayoti vuccati. ‘‘Yo āsavānaṃ khayo vayo bhedo paribhedo aniccatā antaradhāna’’nti (vibha. 354) ettha bhaṅgo.
‘‘เสกฺขสฺส สิกฺขมานสฺส, อุชุมคฺคานุสาริโน;
‘‘Sekkhassa sikkhamānassa, ujumaggānusārino;
ขยสฺมิํ ปฐมํ ญาณํ, ตโต อญฺญา อนนฺตรา’’ติฯ (อิติวุ. ๖๒); –
Khayasmiṃ paṭhamaṃ ñāṇaṃ, tato aññā anantarā’’ti. (itivu. 62); –
เอตฺถ มโคฺคฯ โส หิ อาสเว เขเปโนฺต วูปสเมโนฺต อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา อาสวานํ ขโยติ วุโตฺตฯ ‘‘อาสวานํ ขยา สมโณ โหตี’’ติ เอตฺถ ผลํฯ ตญฺหิ อาสวานํ ขีณเนฺต อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา อาสวานํ ขโยติ วุตฺตํฯ
Ettha maggo. So hi āsave khepento vūpasamento uppajjati, tasmā āsavānaṃ khayoti vutto. ‘‘Āsavānaṃ khayā samaṇo hotī’’ti ettha phalaṃ. Tañhi āsavānaṃ khīṇante uppajjati, tasmā āsavānaṃ khayoti vuttaṃ.
‘‘อาสวา ตสฺส วฑฺฒนฺติ, อารา โส อาสวกฺขยา’’ติ; (ธ. ป. ๒๕๓) –
‘‘Āsavā tassa vaḍḍhanti, ārā so āsavakkhayā’’ti; (Dha. pa. 253) –
เอตฺถ นิพฺพานํฯ ตญฺหิ อาคมฺม อาสวา ขียนฺติ, ตสฺมา อาสวานํ ขโยติ วุตฺตํฯ อิธ ปน มคฺคผลานิ อธิเปฺปตานิฯ โน อชานโต โน อปสฺสโตติ โย ปน น ชานาติ น ปสฺสติ, ตสฺส โน วทามีติ อโตฺถฯ เอเตน เย อชานโต อปสฺสโตปิ สํสาราทีหิเยว สุทฺธิํ วทนฺติ, เต ปฎิกฺขิตฺตา โหนฺติฯ ปุริเมน ปททฺวเยน อุปาโย วุโตฺต, อิมินา อนุปายํ ปฎิเสเธติฯ
Ettha nibbānaṃ. Tañhi āgamma āsavā khīyanti, tasmā āsavānaṃ khayoti vuttaṃ. Idha pana maggaphalāni adhippetāni. No ajānato no apassatoti yo pana na jānāti na passati, tassa no vadāmīti attho. Etena ye ajānato apassatopi saṃsārādīhiyeva suddhiṃ vadanti, te paṭikkhittā honti. Purimena padadvayena upāyo vutto, iminā anupāyaṃ paṭisedheti.
อิทานิ ยํ ชานโต อาสวานํ ขโย โหติ, ตํ ทเสฺสตุกาโม กิญฺจ, ภิกฺขเว, ชานโตติ ปุจฺฉํ อารภิฯ ตตฺถ ชานนา พหุวิธาฯ ทพฺพชาติโก เอว หิ โกจิ ภิกฺขุ ฉตฺตํ กาตุํ ชานาติ, โกจิ จีวราทีนํ อญฺญตรํ, ตสฺส อีทิสานิ กมฺมานิ วตฺตสีเส ฐตฺวา กโรนฺตสฺส สา ชานนา สคฺคมคฺคผลานํ ปทฎฺฐานํ น โหตีติ น วตฺตพฺพํฯ โย ปน สาสเน ปพฺพชิตฺวา เวชฺชกมฺมาทีนิ กาตุํ ชานาติ, ตเสฺสวํ ชานโต อาสวา วฑฺฒนฺติเยวฯ ตสฺมา ยํ ชานโต ปสฺสโต จ อาสวานํ ขโย โหติ, ตเทว ทเสฺสโนฺต อิติ รูปนฺติอาทิมาหฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, ชานโตติ เอวํ ปญฺจนฺนํ ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ ชานนฺตสฺสฯ อาสวานํ ขโย โหตีติ อาสวานํ ขยเนฺต ชาตตฺตา ‘‘อาสวานํ ขโย’’ติ ลทฺธนามํ อรหตฺตํ โหติฯ
Idāni yaṃ jānato āsavānaṃ khayo hoti, taṃ dassetukāmo kiñca, bhikkhave, jānatoti pucchaṃ ārabhi. Tattha jānanā bahuvidhā. Dabbajātiko eva hi koci bhikkhu chattaṃ kātuṃ jānāti, koci cīvarādīnaṃ aññataraṃ, tassa īdisāni kammāni vattasīse ṭhatvā karontassa sā jānanā saggamaggaphalānaṃ padaṭṭhānaṃ na hotīti na vattabbaṃ. Yo pana sāsane pabbajitvā vejjakammādīni kātuṃ jānāti, tassevaṃ jānato āsavā vaḍḍhantiyeva. Tasmā yaṃ jānato passato ca āsavānaṃ khayo hoti, tadeva dassento iti rūpantiādimāha. Evaṃ kho, bhikkhave, jānatoti evaṃ pañcannaṃ khandhānaṃ udayabbayaṃ jānantassa. Āsavānaṃ khayo hotīti āsavānaṃ khayante jātattā ‘‘āsavānaṃ khayo’’ti laddhanāmaṃ arahattaṃ hoti.
เอวํ อรหตฺตนิกูเฎน เทสนํ นิฎฺฐเปตฺวา อิทานิ ขีณาสวสฺส อาคมนียํ ปุพฺพภาคปฎิปทํ ทเสฺสตุํ ยมฺปิสฺส ตํ, ภิกฺขเวติอาทิมาหฯ ตตฺถ ขยสฺมิํ ขเยญาณนฺติ อาสวกฺขยสงฺขาเต อรหตฺตผเล ปฎิลเทฺธ สติ ปจฺจเวกฺขณญาณํฯ ตญฺหิ อรหตฺตผลสงฺขาเต ขยสฺมิํ ปฐมวารํ อุปฺปเนฺน ปจฺฉา อุปฺปนฺนตฺตา ขเยญาณนฺติ วุจฺจติฯ สอุปนิสนฺติ สการณํ สปฺปจฺจยํฯ วิมุตฺตีติ อรหตฺตผลวิมุตฺติฯ สา หิสฺส อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย โหติฯ เอวํ อิโต ปเรสุปิ ลพฺภมานวเสน ปจฺจยภาโว เวทิตโพฺพฯ
Evaṃ arahattanikūṭena desanaṃ niṭṭhapetvā idāni khīṇāsavassa āgamanīyaṃ pubbabhāgapaṭipadaṃ dassetuṃ yampissa taṃ, bhikkhavetiādimāha. Tattha khayasmiṃ khayeñāṇanti āsavakkhayasaṅkhāte arahattaphale paṭiladdhe sati paccavekkhaṇañāṇaṃ. Tañhi arahattaphalasaṅkhāte khayasmiṃ paṭhamavāraṃ uppanne pacchā uppannattā khayeñāṇanti vuccati. Saupanisanti sakāraṇaṃ sappaccayaṃ. Vimuttīti arahattaphalavimutti. Sā hissa upanissayapaccayena paccayo hoti. Evaṃ ito paresupi labbhamānavasena paccayabhāvo veditabbo.
วิราโคติ มโคฺคฯ โส หิ กิเลเส วิราเชโนฺต เขเปโนฺต อุปฺปโนฺน, ตสฺมา วิราโคติ วุจฺจติฯ นิพฺพิทาติ นิพฺพิทาญาณํฯ เอเตน พลววิปสฺสนํ ทเสฺสติฯ พลววิปสฺสนาติ ภยตูปฎฺฐาเน ญาณํ อาทีนวานุปสฺสเน ญาณํ มุญฺจิตุกมฺยตาญาณํ สงฺขารุเปกฺขาญาณนฺติ จตุนฺนํ ญาณานํ อธิวจนํฯ ยถาภูตญาณทสฺสนนฺติ ยถาสภาวชานนสงฺขาตํ ทสฺสนํฯ เอเตน ตรุณวิปสฺสนํ ทเสฺสติฯ ตรุณวิปสฺสนา หิ พลววิปสฺสนาย ปจฺจโย โหติฯ ตรุณวิปสฺสนาติ สงฺขารปริเจฺฉเท ญาณํ กงฺขาวิตรเณ ญาณํ สมฺมสเน ญาณํ มคฺคามเคฺค ญาณนฺติ จตุนฺนํ ญาณานํ อธิวจนํฯ สมาธีติ ปาทกชฺฌานสมาธิฯ โส หิ ตรุณวิปสฺสนาย ปจฺจโย โหติฯ สุขนฺติ อปฺปนาย ปุพฺพภาคสุขํฯ ตญฺหิ ปาทกชฺฌานสฺส ปจฺจโย โหติฯ ปสฺสทฺธีติ ทรถปฎิปฺปสฺสทฺธิฯ สา หิ อปฺปนาปุพฺพภาคสฺส สุขสฺส ปจฺจโย โหติฯ ปีตีติ พลวปีติฯ สา หิ ทรถปฎิปฺปสฺสทฺธิยา ปจฺจโย โหติฯ ปาโมชฺชนฺติ ทุพฺพลปีติฯ สา หิ พลวปีติยา ปจฺจโย โหติฯ สทฺธาติ อปราปรํ อุปฺปชฺชนสทฺธาฯ สา หิ ทุพฺพลปีติยา ปจฺจโย โหติฯ ทุกฺขนฺติ วฎฺฎทุกฺขํฯ ตญฺหิ อปราปรสทฺธาย ปจฺจโย โหติฯ ชาตีติ สวิการา ขนฺธชาติ ฯ สา หิ วฎฺฎทุกฺขสฺส ปจฺจโย โหติฯ ภโวติ กมฺมภโวฯ (โส หิ สวิการาย ชาติยา ปจฺจโย โหติฯ) เอเตนุปาเยน เสสปทานิปิ เวทิตพฺพานิฯ
Virāgoti maggo. So hi kilese virājento khepento uppanno, tasmā virāgoti vuccati. Nibbidāti nibbidāñāṇaṃ. Etena balavavipassanaṃ dasseti. Balavavipassanāti bhayatūpaṭṭhāne ñāṇaṃ ādīnavānupassane ñāṇaṃ muñcitukamyatāñāṇaṃ saṅkhārupekkhāñāṇanti catunnaṃ ñāṇānaṃ adhivacanaṃ. Yathābhūtañāṇadassananti yathāsabhāvajānanasaṅkhātaṃ dassanaṃ. Etena taruṇavipassanaṃ dasseti. Taruṇavipassanā hi balavavipassanāya paccayo hoti. Taruṇavipassanāti saṅkhāraparicchede ñāṇaṃ kaṅkhāvitaraṇe ñāṇaṃ sammasane ñāṇaṃ maggāmagge ñāṇanti catunnaṃ ñāṇānaṃ adhivacanaṃ. Samādhīti pādakajjhānasamādhi. So hi taruṇavipassanāya paccayo hoti. Sukhanti appanāya pubbabhāgasukhaṃ. Tañhi pādakajjhānassa paccayo hoti. Passaddhīti darathapaṭippassaddhi. Sā hi appanāpubbabhāgassa sukhassa paccayo hoti. Pītīti balavapīti. Sā hi darathapaṭippassaddhiyā paccayo hoti. Pāmojjanti dubbalapīti. Sā hi balavapītiyā paccayo hoti. Saddhāti aparāparaṃ uppajjanasaddhā. Sā hi dubbalapītiyā paccayo hoti. Dukkhanti vaṭṭadukkhaṃ. Tañhi aparāparasaddhāya paccayo hoti. Jātīti savikārā khandhajāti . Sā hi vaṭṭadukkhassa paccayo hoti. Bhavoti kammabhavo. (So hi savikārāya jātiyā paccayo hoti.) Etenupāyena sesapadānipi veditabbāni.
ถุลฺลผุสิตเกติ มหาผุสิตเกฯ ปพฺพตกนฺทรปทรสาขาติ เอตฺถ กนฺทรํ นาม ‘ก’นฺติลทฺธนาเมน อุทเกน ทาริโต อุทกภิโนฺน ปพฺพตปเทโส, โย ‘‘นิตโมฺพ’’ติปิ ‘‘นทีกุโญฺฉ’’ติปิ วุจฺจติฯ ปทรํ นาม อฎฺฐมาเส เทเว อวสฺสเนฺต ผลิโต ภูมิปฺปเทโสฯ สาขาติ กุสุมฺภคามินิโย ขุทฺทกมาติกาโยฯ กุโสพฺภาติ ขุทฺทกอาวาฎาฯ มหาโสพฺภาติ มหาอาวาฎาฯ กุนฺนทิโยติ ขุทฺทกนทิโยฯ มหานทิโยติ คงฺคายมุนาทิกา มหาสริตาฯ เอวเมว โข , ภิกฺขเว, อวิชฺชูปนิสา สงฺขาราติอาทีสุ อวิชฺชา ปพฺพโตติ ทฎฺฐพฺพาฯ อภิสงฺขารา เมโฆติ, วิญฺญาณาทิวฎฺฎํ กนฺทราทโยติ, วิมุตฺติ สาคโรติฯ
Thullaphusitaketi mahāphusitake. Pabbatakandarapadarasākhāti ettha kandaraṃ nāma ‘ka’ntiladdhanāmena udakena dārito udakabhinno pabbatapadeso, yo ‘‘nitambo’’tipi ‘‘nadīkuñcho’’tipi vuccati. Padaraṃ nāma aṭṭhamāse deve avassante phalito bhūmippadeso. Sākhāti kusumbhagāminiyo khuddakamātikāyo. Kusobbhāti khuddakaāvāṭā. Mahāsobbhāti mahāāvāṭā. Kunnadiyoti khuddakanadiyo. Mahānadiyoti gaṅgāyamunādikā mahāsaritā. Evameva kho, bhikkhave, avijjūpanisā saṅkhārātiādīsu avijjā pabbatoti daṭṭhabbā. Abhisaṅkhārā meghoti, viññāṇādivaṭṭaṃ kandarādayoti, vimutti sāgaroti.
ยถา ปพฺพตมตฺถเก เทโว วสฺสิตฺวา ปพฺพตกนฺทราทีนิ ปูเรโนฺต อนุปุเพฺพน มหาสมุทฺทํ สาครํ ปูเรติ, เอวํ อวิชฺชาปพฺพตมตฺถเก ตาว อภิสงฺขารเมฆสฺส วสฺสนํ เวทิตพฺพํฯ อสฺสุตวา หิ พาลปุถุชฺชโน อวิชฺชาย อญฺญาณี หุตฺวา ตณฺหาย อภิลาสํ กตฺวา กุสลากุสลกมฺมํ อายูหติ, ตํ กุสลากุสลกมฺมํ ปฎิสนฺธิวิญฺญาณสฺส ปจฺจโย โหติ, ปฎิสนฺธิวิญฺญาณาทีนิ นามรูปาทีนํฯ อิติ ปพฺพตมตฺถเก วุฎฺฐเทวสฺส กนฺทราทโย ปูเรตฺวา มหาสมุทฺทํ อาหจฺจ ฐิตกาโล วิย อวิชฺชาปพฺพตมตฺถเก วุฎฺฐสฺส อภิสงฺขารเมฆสฺส ปรมฺปรปจฺจยตาย อนุปุเพฺพน วิญฺญาณาทิวฎฺฎํ ปูเรตฺวา ฐิตกาโลฯ พุทฺธวจนํ ปน ปาฬิยํ อคหิตมฺปิ ‘‘อิธ ตถาคโต โลเก อุปฺปชฺชติ, อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชตี’’ติ อิมาย ปาฬิยา วเสน คหิตเมวาติ เวทิตพฺพํฯ ยา หิ ตสฺส กุลเคเห นิพฺพตฺติ, สา กมฺมภวปจฺจยา สวิการา ชาติ นามฯ โส พุทฺธานํ วา พุทฺธสาวกานํ วา สมฺมุขีภาวํ อาคมฺม วฎฺฎโทสทีปกํ ลกฺขณาหฎํ ธมฺมกถํ สุตฺวา วฎฺฎวเสน ปีฬิโต โหติ, เอวมสฺส สวิการา ขนฺธชาติ วฎฺฎทุกฺขสฺส ปจฺจโย โหติฯ โส วฎฺฎทุเกฺขน ปีฬิโต อปราปรํ สทฺธํ ชเนตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติ, เอวมสฺส วฎฺฎทุกฺขํ อปราปรสทฺธาย ปจฺจโย โหติฯ โส ปพฺพชฺชามเตฺตเนว อสนฺตุโฎฺฐ อูนปญฺจวสฺสกาเล นิสฺสยํ คเหตฺวา วตฺตปฎิปตฺติํ ปูเรโนฺต เทฺวมาติกา ปคุณํ กตฺวา กมฺมากมฺมํ อุคฺคเหตฺวา ยาว อรหตฺตา นิชฺชฎํ กตฺวา กมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา อรเญฺญ วสโนฺต ปถวีกสิณาทีสุ กมฺมํ อารภติ, ตสฺส กมฺมฎฺฐานํ นิสฺสาย ทุพฺพลปีติ อุปฺปชฺชติฯ ตทสฺส สทฺธูปนิสํ ปาโมชฺชํ, ตํ พลวปีติยา ปจฺจโย โหติฯ พลวปีติ ทรถปฎิปฺปสฺสทฺธิยา, สา อปฺปนาปุพฺพภาคสุขสฺส, ตํ สุขํ ปาทกชฺฌานสมาธิสฺสฯ โส สมาธินา จิตฺตกลฺลตํ ชเนตฺวา ตรุณวิปสฺสนาย กมฺมํ กโรติฯ อิจฺจสฺส ปาทกชฺฌานสมาธิ ตรุณวิปสฺสนาย ปจฺจโย โหติ, ตรุณวิปสฺสนา พลววิปสฺสนาย, พลววิปสฺสนา มคฺคสฺส, มโคฺค ผลวิมุตฺติยา, ผลวิมุตฺติ ปจฺจเวกฺขณญาณสฺสาติ ฯ เอวํ เทวสฺส อนุปุเพฺพน สาครํ ปูเรตฺวา ฐิตกาโล วิย ขีณาสวสฺส วิมุตฺติสาครํ ปูเรตฺวา ฐิตกาโล เวทิตโพฺพติฯ ตติยํฯ
Yathā pabbatamatthake devo vassitvā pabbatakandarādīni pūrento anupubbena mahāsamuddaṃ sāgaraṃ pūreti, evaṃ avijjāpabbatamatthake tāva abhisaṅkhārameghassa vassanaṃ veditabbaṃ. Assutavā hi bālaputhujjano avijjāya aññāṇī hutvā taṇhāya abhilāsaṃ katvā kusalākusalakammaṃ āyūhati, taṃ kusalākusalakammaṃ paṭisandhiviññāṇassa paccayo hoti, paṭisandhiviññāṇādīni nāmarūpādīnaṃ. Iti pabbatamatthake vuṭṭhadevassa kandarādayo pūretvā mahāsamuddaṃ āhacca ṭhitakālo viya avijjāpabbatamatthake vuṭṭhassa abhisaṅkhārameghassa paramparapaccayatāya anupubbena viññāṇādivaṭṭaṃ pūretvā ṭhitakālo. Buddhavacanaṃ pana pāḷiyaṃ agahitampi ‘‘idha tathāgato loke uppajjati, agārasmā anagāriyaṃ pabbajatī’’ti imāya pāḷiyā vasena gahitamevāti veditabbaṃ. Yā hi tassa kulagehe nibbatti, sā kammabhavapaccayā savikārā jāti nāma. So buddhānaṃ vā buddhasāvakānaṃ vā sammukhībhāvaṃ āgamma vaṭṭadosadīpakaṃ lakkhaṇāhaṭaṃ dhammakathaṃ sutvā vaṭṭavasena pīḷito hoti, evamassa savikārā khandhajāti vaṭṭadukkhassa paccayo hoti. So vaṭṭadukkhena pīḷito aparāparaṃ saddhaṃ janetvā agārasmā anagāriyaṃ pabbajati, evamassa vaṭṭadukkhaṃ aparāparasaddhāya paccayo hoti. So pabbajjāmatteneva asantuṭṭho ūnapañcavassakāle nissayaṃ gahetvā vattapaṭipattiṃ pūrento dvemātikā paguṇaṃ katvā kammākammaṃ uggahetvā yāva arahattā nijjaṭaṃ katvā kammaṭṭhānaṃ gahetvā araññe vasanto pathavīkasiṇādīsu kammaṃ ārabhati, tassa kammaṭṭhānaṃ nissāya dubbalapīti uppajjati. Tadassa saddhūpanisaṃ pāmojjaṃ, taṃ balavapītiyā paccayo hoti. Balavapīti darathapaṭippassaddhiyā, sā appanāpubbabhāgasukhassa, taṃ sukhaṃ pādakajjhānasamādhissa. So samādhinā cittakallataṃ janetvā taruṇavipassanāya kammaṃ karoti. Iccassa pādakajjhānasamādhi taruṇavipassanāya paccayo hoti, taruṇavipassanā balavavipassanāya, balavavipassanā maggassa, maggo phalavimuttiyā, phalavimutti paccavekkhaṇañāṇassāti . Evaṃ devassa anupubbena sāgaraṃ pūretvā ṭhitakālo viya khīṇāsavassa vimuttisāgaraṃ pūretvā ṭhitakālo veditabboti. Tatiyaṃ.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๓. อุปนิสสุตฺตํ • 3. Upanisasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๓. อุปนิสสุตฺตวณฺณนา • 3. Upanisasuttavaṇṇanā