Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā)

    ๓. อุปนิสสุตฺตวณฺณนา

    3. Upanisasuttavaṇṇanā

    ๒๓. ชานโต ปสฺสโตติ เอตฺถ ทสฺสนํ ปญฺญาจกฺขุนาว ทสฺสนํ อธิเปฺปตํ, น มํสจกฺขุนาติ อาห ‘‘เทฺวปิ ปทานิ เอกตฺถานี’’ติฯ เอวํ สเนฺตปีติ ปททฺวยสฺส เอกตฺถเตฺตปิ ญาณลกฺขณญาณปฺปภาววิสยสฺสฺส ตถาทสฺสนภาวาวิโรธนาติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘ชานนลกฺขณญฺหิ ญาณ’’นฺติอาทิฯ ญาณปฺปภาวนฺติ ญาณานุภาเวน ญาณกิจฺจวิสโยภาสนฺติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘ญาเณน วิวเฎฺฎ ธเมฺม ปสฺสตี’’ติฯ ชานโต ปสฺสโตติ จ ชานนทสฺสนมุเขน ปุคฺคลาธิฎฺฐานา เทสนา ปวตฺตาติ อาห – ‘‘ญาณลกฺขณํ อุปาทายา’’ติอาทิฯ ชานโตติ วา ปุพฺพภาคญาเณน ชานโต, อปรภาเคน ญาเณน ปสฺสโตฯ ชานโตติ วา วตฺวา น ชานนํ อนุสฺสวาการปริวิตกฺกมตฺตวเสน อิธาธิเปฺปตํ, อถ โข รูปานิ วิย จกฺขุวิญฺญาเณน รูปาทีนิ เตสญฺจ สมุทยาทิเก ปจฺจเกฺข กตฺวา ทสฺสนนฺติ วิภาเวตุํ ‘‘ปสฺสโต’’ติ วุตฺตนฺติ เอวํ วา เอตฺถ อโตฺถฯ

    23.Jānato passatoti ettha dassanaṃ paññācakkhunāva dassanaṃ adhippetaṃ, na maṃsacakkhunāti āha ‘‘dvepi padāni ekatthānī’’ti. Evaṃ santepīti padadvayassa ekatthattepi ñāṇalakkhaṇañāṇappabhāvavisayasssa tathādassanabhāvāvirodhanāti attho. Tenāha ‘‘jānanalakkhaṇañhi ñāṇa’’ntiādi. Ñāṇappabhāvanti ñāṇānubhāvena ñāṇakiccavisayobhāsanti attho. Tenāha ‘‘ñāṇena vivaṭṭe dhamme passatī’’ti. Jānato passatoti ca jānanadassanamukhena puggalādhiṭṭhānā desanā pavattāti āha – ‘‘ñāṇalakkhaṇaṃ upādāyā’’tiādi. Jānatoti vā pubbabhāgañāṇena jānato, aparabhāgena ñāṇena passato. Jānatoti vā vatvā na jānanaṃ anussavākāraparivitakkamattavasena idhādhippetaṃ, atha kho rūpāni viya cakkhuviññāṇena rūpādīni tesañca samudayādike paccakkhe katvā dassananti vibhāvetuṃ ‘‘passato’’ti vuttanti evaṃ vā ettha attho.

    อาสวานํ ขยนฺติ อาสวานํ อจฺจนฺตปฺปหานํฯ โส ปน เตสํ อนุปฺปาทนิโรโธ สเพฺพน สพฺพํ อภาโว เอวาติ อาห ‘‘อสมุปฺปาโท ขีณากาโร นตฺถิภาโว’’ติฯ อาสวกฺขยสทฺทสฺส ขีณาการาทีสุ อาคตฎฺฐานํ ทเสฺสตุํ ‘‘อาสวานํ ขยา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อุชุมคฺคานุสาริโนติ กิเลสวงฺกกายวงฺกาทีนํ ปหาเนน อุชุภูเต สวิปสฺสนาเหฎฺฐิมมคฺคธเมฺม อนุสฺสรนฺตสฺสฯ ยเทว หิสฺส ปริกฺขีณํฯ ขยสฺมิํ ปฐมํ ญาณํ ‘‘ตโต อญฺญา อนนฺตรา’’ติ ขยสงฺขาเต อคฺคมเคฺค ตปฺปริยาปนฺนเมว ญาณํ ปฐมํ อุปฺปชฺชติ, ตทนนฺตรํ ปน อญฺญา อรหตฺตนฺติฯ ยทิปิ คาถาย ‘‘ขยสฺมิํ’’อิเจฺจว วุตฺตํ, สมุเจฺฉทวเสน ปน ‘‘อาสเว ขีเณ มโคฺค ขโย’’ติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘มโคฺค อาสวกฺขโยติ วุโตฺต’’ติฯ สมโณติ สมิตปาโป อธิเปฺปโต, โส ปน ขีณาสโว โหตีติฯ ‘‘อาสวานํ ขยา’’ติ อิธ ผลํ, ปริยาเยน ปน อาสวกฺขโย มโคฺค, เตน ปตฺตพฺพโต ผลํฯ เอเตเนว นิพฺพานสฺสปิ อาสวกฺขยภาโว วุโตฺตติ เวทิตโพฺพฯ

    Āsavānaṃ khayanti āsavānaṃ accantappahānaṃ. So pana tesaṃ anuppādanirodho sabbena sabbaṃ abhāvo evāti āha ‘‘asamuppādo khīṇākāro natthibhāvo’’ti. Āsavakkhayasaddassa khīṇākārādīsu āgataṭṭhānaṃ dassetuṃ ‘‘āsavānaṃ khayā’’tiādi vuttaṃ. Ujumaggānusārinoti kilesavaṅkakāyavaṅkādīnaṃ pahānena ujubhūte savipassanāheṭṭhimamaggadhamme anussarantassa. Yadeva hissa parikkhīṇaṃ. Khayasmiṃ paṭhamaṃ ñāṇaṃ ‘‘tato aññā anantarā’’ti khayasaṅkhāte aggamagge tappariyāpannameva ñāṇaṃ paṭhamaṃ uppajjati, tadanantaraṃ pana aññā arahattanti. Yadipi gāthāya ‘‘khayasmiṃ’’icceva vuttaṃ, samucchedavasena pana ‘‘āsave khīṇe maggo khayo’’ti vuccatīti āha ‘‘maggo āsavakkhayoti vutto’’ti. Samaṇoti samitapāpo adhippeto, so pana khīṇāsavo hotīti. ‘‘Āsavānaṃ khayā’’ti idha phalaṃ, pariyāyena pana āsavakkhayo maggo, tena pattabbato phalaṃ. Eteneva nibbānassapi āsavakkhayabhāvo vuttoti veditabbo.

    ชานโต เอว ปสฺสโต เอวาติ เอวเมตฺถ นิยโม อิจฺฉิโต, น อญฺญถา วิเสสาภาวโต อนิฎฺฐาปโนฺนวาติ ตสฺส นิยมสฺส ผลํ ทเสฺสตุํ ‘‘โน อชานโต โน อปสฺสโต’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘โย ปน น ชานาติ, น ปสฺสติ, ตสฺส โน วทามีติ อโตฺถ’’ติฯ อิมินา ขนฺธานํ ปริญฺญา อาสวกฺขยสฺส เอกนฺติกการณนฺติ ทเสฺสติฯ เอเตนาติ ‘‘โน อชานโต, โน อปสฺสโต’’ติ เอเตน วจเนนฯ เต ปฎิกฺขิตฺตาติ เก ปน เตติ? ‘‘พาเล จ ปณฺฑิเต จ สนฺธาวิตฺวา สํสริตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสนฺติ (ที. นิ. ๑.๑๖๘; ม. นิ. ๒.๒๒๘) อเหตู อปฺปจฺจยา สตฺตา วิสุชฺฌนฺตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๖๘; ม. นิ. ๒.๑๐๑, ๒๒๗) เอวมาทิวาทาฯ เตสุ เกจิ อภิชาติสงฺกนฺติมเตฺตน สํสารสุทฺธิํ ปฎิชานนฺติ, อเญฺญ อิสฺสรปชาปติการณาทิวเสนฯ ตยิทํ สพฺพํ สํสาราทีหีติ เอเตฺถว สงฺคหิตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ ปุริเมน ปททฺวเยนาติ ‘‘ชานโต ปสฺสโต’’ติ อิมินา ปททฺวเยนฯ อุปาโย วุโตฺต ‘‘อาสวกฺขยา’’ติ อธิการโตฯ อิมินาติ ‘‘โน อชานโต, โน อปสฺสโต’’ติ อิมินา ปททฺวเยนฯ อนุปาโย โหติ เอส อาสวานํ ขยสฺส, ยทิทํ ปญฺจนฺนํ ขนฺธานํ อปริญฺญาติ ‘‘ชานโต ปสฺสโต’’ติ อิมินาว อนิยมวจเนน อนุปายปฎิเสโธปิ อตฺถโต โพธิโต โหตีติฯ ตเมว หิ อตฺถโต โพธิตภาวํ วิภาเวตุํ เอวํ สํวณฺณนา กตาติ ทฎฺฐพฺพํฯ

    Jānato eva passato evāti evamettha niyamo icchito, na aññathā visesābhāvato aniṭṭhāpannovāti tassa niyamassa phalaṃ dassetuṃ ‘‘no ajānato no apassato’’ti vuttanti āha ‘‘yo pana na jānāti, na passati, tassa no vadāmīti attho’’ti. Iminā khandhānaṃ pariññā āsavakkhayassa ekantikakāraṇanti dasseti. Etenāti ‘‘no ajānato, no apassato’’ti etena vacanena. Te paṭikkhittāti ke pana teti? ‘‘Bāle ca paṇḍite ca sandhāvitvā saṃsaritvā dukkhassantaṃ karissanti (dī. ni. 1.168; ma. ni. 2.228) ahetū appaccayā sattā visujjhantī’’ti (dī. ni. 1.168; ma. ni. 2.101, 227) evamādivādā. Tesu keci abhijātisaṅkantimattena saṃsārasuddhiṃ paṭijānanti, aññe issarapajāpatikāraṇādivasena. Tayidaṃ sabbaṃ saṃsārādīhīti ettheva saṅgahitanti daṭṭhabbaṃ. Purimena padadvayenāti ‘‘jānato passato’’ti iminā padadvayena. Upāyo vutto ‘‘āsavakkhayā’’ti adhikārato. Imināti ‘‘no ajānato, no apassato’’ti iminā padadvayena. Anupāyo hoti esa āsavānaṃ khayassa, yadidaṃ pañcannaṃ khandhānaṃ apariññāti ‘‘jānato passato’’ti imināva aniyamavacanena anupāyapaṭisedhopi atthato bodhito hotīti. Tameva hi atthato bodhitabhāvaṃ vibhāvetuṃ evaṃ saṃvaṇṇanā katāti daṭṭhabbaṃ.

    ทพฺพชาติโกติ ทพฺพรูโปฯ โส หิ ‘‘ทฺรโพฺย’’ติ วุจฺจติ ‘‘ทฺรพฺยํ วินสฺสติ นาทฺรพฺย’’นฺติอาทีสุฯ ทพฺพชาติโก วา สารสภาโว, สารุปฺปสีลาจาโรติ อโตฺถฯ ยถาห ‘‘น โข ทพฺพ ทพฺพา เอวํ นิเพฺพเฐนฺตี’’ติ (ปารา. ๓๘๔)ฯ วตฺตสีเส ฐตฺวาติ วตฺตํ อุตฺตมํ ธุรํ กตฺวาฯ โย หิ ปริสุทฺธาชีโว กาตุํ อชานนฺตานํ สพฺรหฺมจารีนํ อตฺตโน วา วสฺสวาตาทิปฎิพาหนตฺถํ ฉตฺตาทีนิ กโรติ, โส วตฺตสีเส ฐตฺวา กโรติ นามฯ ปทฎฺฐานํ น โหตีติ น วตฺตพฺพํ นาถกรณธมฺมภาเวน มคฺคผลาธิคมสฺส อุปนิสฺสยภาวโตฯ วุตฺตญฺหิ ‘‘ยานิ ตานิ สพฺรหฺมจารีนํ อุจฺจาวจานิ กิจฺจกรณียานิ, ตตฺถ ทโกฺข โหตี’’ติอาทิ (ที. นิ. ๓.๓๔๕)ฯ เอวํ ชานโตติ เอวํ เวชฺชกมฺมาทีนํ ชานนเหตุ มิจฺฉาชีวปจฺจยา กามาสวาทโย อาสวา วฑฺฒนฺติเยว, น ปหียนฺติฯ ‘‘เอวํ โข…เป.… อาสวานํ ขโย โหตี’’ติ อิมาย ปาฬิยา อรหตฺตเสฺสว คหณํ ยุตฺตํ ผลคฺคหเณน เหตุโน อวุตฺตสิทฺธตฺตาฯ เตนาห ‘‘อาสวานํ ขยเนฺต ชาตตฺตา’’ติฯ

    Dabbajātikoti dabbarūpo. So hi ‘‘drabyo’’ti vuccati ‘‘drabyaṃ vinassati nādrabya’’ntiādīsu. Dabbajātiko vā sārasabhāvo, sāruppasīlācāroti attho. Yathāha ‘‘na kho dabba dabbā evaṃ nibbeṭhentī’’ti (pārā. 384). Vattasīse ṭhatvāti vattaṃ uttamaṃ dhuraṃ katvā. Yo hi parisuddhājīvo kātuṃ ajānantānaṃ sabrahmacārīnaṃ attano vā vassavātādipaṭibāhanatthaṃ chattādīni karoti, so vattasīse ṭhatvā karoti nāma. Padaṭṭhānaṃ na hotīti na vattabbaṃ nāthakaraṇadhammabhāvena maggaphalādhigamassa upanissayabhāvato. Vuttañhi ‘‘yāni tāni sabrahmacārīnaṃ uccāvacāni kiccakaraṇīyāni, tattha dakkho hotī’’tiādi (dī. ni. 3.345). Evaṃ jānatoti evaṃ vejjakammādīnaṃ jānanahetu micchājīvapaccayā kāmāsavādayo āsavā vaḍḍhantiyeva, na pahīyanti. ‘‘Evaṃ kho…pe… āsavānaṃ khayo hotī’’ti imāya pāḷiyā arahattasseva gahaṇaṃ yuttaṃ phalaggahaṇena hetuno avuttasiddhattā. Tenāha ‘‘āsavānaṃ khayante jātattā’’ti.

    อาคมนํ อาคโม, ตํ อาวหตีติ อาคมนียา, ปุพฺพภาคปฎิปทาฯ ขยสฺมินฺติ ภาเวนภาวลกฺขเณ ภุมฺมํ, ขเยติ ปน วิสเยฯ เตนาห ‘‘อาสวกฺขยสงฺขาเต’’ติฯ อุปนิสีทติ ผลํ เอตฺถาติ การณํ อุปนิสาฯ อรหตฺตผลวิมุตฺติ อุกฺกฎฺฐนิเทฺทสโตฯ สาติ วิมุตฺติฯ อสฺสาติ ปจฺจเวกฺขณญาณสฺสฯ มนสฺมิํ วิวฎฺฎนิสฺสิเต ปน อนนฺตรูปนิสฺสยาปิ ปจฺจยา สมฺภวนฺตีติ ‘‘ลพฺภมานวเสน ปจฺจยภาโว เวทิตโพฺพ’’ติ วุตฺตํฯ

    Āgamanaṃ āgamo, taṃ āvahatīti āgamanīyā, pubbabhāgapaṭipadā. Khayasminti bhāvenabhāvalakkhaṇe bhummaṃ, khayeti pana visaye. Tenāha ‘‘āsavakkhayasaṅkhāte’’ti. Upanisīdati phalaṃ etthāti kāraṇaṃ upanisā. Arahattaphalavimutti ukkaṭṭhaniddesato. ti vimutti. Assāti paccavekkhaṇañāṇassa. Manasmiṃ vivaṭṭanissite pana anantarūpanissayāpi paccayā sambhavantīti ‘‘labbhamānavasena paccayabhāvo veditabbo’’ti vuttaṃ.

    วิรชฺชติ อเสสสงฺขารโต เอเตนาติ วิราโค, มโคฺคฯ นิพฺพินฺทติ เอตายาติ นิพฺพิทา, พลววิปสฺสนาฯ เตนาห ‘‘เอเตนา’’ติอาทิฯ ปฎิสงฺขานุปสฺสนาปิ มุจฺจิตุกมฺยตาปกฺขิกา เอวาติ อธิปฺปาเยน ‘‘จตุนฺนํ ญาณานํ อธิวจน’’นฺติ วุตฺตํฯ ‘‘ยาว มคฺคามคฺคญาณทสฺสนวิสุทฺธิ, ตาว ตรุณวิปสฺสนา’’ติ หิ วจนโต อุปกฺกิเลสวิมุตฺตอุทยพฺพยญาณโต ปรํ พลววิปสฺสนาฯ รูปารูปธมฺมานํ วิเสสภูโต สามญฺญภูโต จ โย โย สภาโว ยถาสภาโว, ตสฺส ชานนํ ยถาสภาวชานนํฯ ตเทว ทสฺสนํฯ ปจฺจกฺขกรณเตฺถน ญาตปริญฺญา ตีรณปริญฺญา จ คหิตา โหติฯ เตนาห ‘‘ตรุณวิปสฺสน’’นฺติอาทิฯ สงฺขารปริเจฺฉเทญาณนฺติ นามรูปปริคฺคหญาณํ วทติฯ กงฺขาวิตรณํ ปจฺจยปริคฺคโห ธมฺมฎฺฐิติญาณนฺติปิ วุจฺจติฯ นยวิปสฺสนาทิกํ อนุปสฺสนาญาณํ สมฺมสนํฯ มคฺคามเคฺคญาณนฺติ มคฺคามคฺคํ ววตฺถเปตฺวา ฐิตํ ญาณํฯ โส หิ ปาทกชฺฌานสมาธิ ตรุณวิปสฺสนาย ปจฺจโย โหติฯ ‘‘สมาหิโต ยถาภูตํ ปชานาติ ปสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๕.; ๔.๙๙; ๕.๑๐๗๑) หิ วุตฺตํฯ

    Virajjati asesasaṅkhārato etenāti virāgo, maggo. Nibbindati etāyāti nibbidā, balavavipassanā. Tenāha ‘‘etenā’’tiādi. Paṭisaṅkhānupassanāpi muccitukamyatāpakkhikā evāti adhippāyena ‘‘catunnaṃ ñāṇānaṃ adhivacana’’nti vuttaṃ. ‘‘Yāva maggāmaggañāṇadassanavisuddhi, tāva taruṇavipassanā’’ti hi vacanato upakkilesavimuttaudayabbayañāṇato paraṃ balavavipassanā. Rūpārūpadhammānaṃ visesabhūto sāmaññabhūto ca yo yo sabhāvo yathāsabhāvo, tassa jānanaṃ yathāsabhāvajānanaṃ. Tadeva dassanaṃ. Paccakkhakaraṇatthena ñātapariññā tīraṇapariññā ca gahitā hoti. Tenāha ‘‘taruṇavipassana’’ntiādi. Saṅkhāraparicchedeñāṇanti nāmarūpapariggahañāṇaṃ vadati. Kaṅkhāvitaraṇaṃ paccayapariggaho dhammaṭṭhitiñāṇantipi vuccati. Nayavipassanādikaṃ anupassanāñāṇaṃ sammasanaṃ. Maggāmaggeñāṇanti maggāmaggaṃ vavatthapetvā ṭhitaṃ ñāṇaṃ. So hi pādakajjhānasamādhi taruṇavipassanāya paccayo hoti. ‘‘Samāhito yathābhūtaṃ pajānāti passatī’’ti (saṃ. ni. 3.5.; 4.99; 5.1071) hi vuttaṃ.

    ปุพฺพภาคสุขนฺติ อุปจารชฺฌานสหิตสุขํฯ ทรถ ปฎิปฺปสฺสทฺธีติ กามจฺฉนฺทาทิกิเลสทรถสฺส ปฎิปสฺสมฺภนํฯ ‘‘สุขํปาหํ, ภิกฺขเว, สอุปนิสํ วทามี’’ติ เอตฺถ อธิเปฺปตสุขํ ทเสฺสตุํ ‘‘อปฺปนาปุพฺพภาคสฺส สุขสฺสา’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวเทตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๔๖๖;๓.๓๕๙; อ.นิ. ๑.๓.๙๖) วุตฺตอปฺปนาสุขสฺส ปสฺสทฺธิยา ปจฺจยเตฺต วตฺตพฺพเมว นตฺถิฯ สุขนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ พลวปีตีติ ผรณลกฺขณปฺปตฺตา ปีติฯ ตาทิสา หิ วิตกฺกวิจารสุขสมาธีหิ ลทฺธปฺปจฺจยา นีวรณํ วิกฺขมฺภนฺตี ตํนิมิตฺตํ ทรถํ ปริฬาหํ ปฎิปสฺสเมฺภติฯ เตนาห ‘‘สา หิ ทรถปฺปสฺสทฺธิยา ปจฺจโย โหตี’’ติฯ ทุพฺพลปีตีติ ตรุณปีติฯ เตนาห ‘‘สา หิ พลวปีติยา ปจฺจโย โหตี’’ติฯ สทฺธาติ รตนตฺตยคุณานํ กมฺมผลสฺส จ สทฺทหนวเสน ปวโตฺต อธิโมโกฺข, สา ปน ยสฺมา อตฺตโน วิสเย ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชติ, น เอกวารเมว, ตสฺมา อาห ‘‘อปราปรํ อุปฺปชฺชนสทฺธา’’ติฯ ยสฺมา สทฺทหโนฺต สเทฺธยฺยวตฺถุสฺมิํ ปมุทิโต โหติ, ตสฺมา อาห ‘‘สา หิ ทุพฺพลปีติยา ปจฺจโย โหตี’’ติฯ ทุกฺขทุกฺขาทิเภทสฺส สพฺพสฺสปิ ทุกฺขสฺส วฎฺฎทุกฺขโนฺตคธตฺตา ตสฺส จ อิธาธิเปฺปตตฺตา วุตฺตํ ‘‘ทุกฺขนฺติ วฎฺฎทุกฺข’’นฺติฯ ชรามรณทุกฺขนฺติ เกจิ, โสกาทโย จาติ อปเรฯ ตทุภยสฺสปิ สงฺคณฺหนโต ปฐโม เอวโตฺถ ยุโตฺตฯ ยสฺมา ทุกฺขปฺปโตฺต กมฺมสฺส ผลานิ สทฺทหติ, รตนตฺตเย จ ปสาทํ อุปฺปาเทติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ตญฺหิ อปราปรสทฺธาย ปจฺจโย โหตี’’ติฯ ยสฺมา ‘‘อาจริยานํ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปวตฺติทุกฺข’’นฺติ จินฺตยโต ‘‘เอกนฺตโต อยํ ธโมฺม อิมสฺส ทุกฺขสฺส สมติกฺกมาย โหตี’’ติ สทฺธา อุปฺปชฺชติฯ เตนาห ‘‘ธมฺมํ สุตฺวา ตถาคเต สทฺธํ ปฎิลภตี’’ติอาทิ (ที. นิ. ๑.๑๙๑)ฯ สวิการาติ อุปฺปาทวิกาเรน สวิการา ขนฺธชาติ ชายนเฎฺฐนฯ ชาติยา ปน อสติ ตตฺถ ตตฺถ ภเว นตฺถิ ทุกฺขสฺส สมฺภโวติ อาห ‘‘สา หิ วฎฺฎทุกฺขสฺส ปจฺจโย’’ติฯ กมฺมภโวติ กมฺมภวาทิโก ติวิโธปิ กมฺมภโวฯ โส หิ อุปปตฺติภวสฺส ปจฺจโยฯ เอวมาทิํ สนฺธายาห ‘‘เอเตนุปาเยนา’’ติฯ เสสปทานีติ อุปาทานาทิปทานิฯ อนุโลมญาณํ สงฺขารุเปกฺขาปกฺขิกตฺตา นิพฺพานคฺคหเณน คหิตํ, โคตฺรภุญาณํ ปฐมมคฺคสฺส อาวชฺชนํฯ โส หิ เตน วิปสฺสนาย กิญฺจิ กิญฺจิ วิเสสฎฺฐานํ กยิรตีติ ตํ อนามสิตฺวา นิพฺพิทูปนิโส วิราโคติ ‘‘วิราโค’’อิเจฺจว วุตฺตํฯ

    Pubbabhāgasukhanti upacārajjhānasahitasukhaṃ. Daratha paṭippassaddhīti kāmacchandādikilesadarathassa paṭipassambhanaṃ. ‘‘Sukhaṃpāhaṃ, bhikkhave, saupanisaṃ vadāmī’’ti ettha adhippetasukhaṃ dassetuṃ ‘‘appanāpubbabhāgassa sukhassā’’ti vuttaṃ. ‘‘Passaddhakāyo sukhaṃ vedetī’’ti (dī. ni. 1.466;3.359; a.ni. 1.3.96) vuttaappanāsukhassa passaddhiyā paccayatte vattabbameva natthi. Sukhanti etthāpi eseva nayo. Balavapītīti pharaṇalakkhaṇappattā pīti. Tādisā hi vitakkavicārasukhasamādhīhi laddhappaccayā nīvaraṇaṃ vikkhambhantī taṃnimittaṃ darathaṃ pariḷāhaṃ paṭipassambheti. Tenāha ‘‘sā hi darathappassaddhiyā paccayo hotī’’ti. Dubbalapītīti taruṇapīti. Tenāha ‘‘sā hi balavapītiyā paccayo hotī’’ti. Saddhāti ratanattayaguṇānaṃ kammaphalassa ca saddahanavasena pavatto adhimokkho, sā pana yasmā attano visaye punappunaṃ uppajjati, na ekavārameva, tasmā āha ‘‘aparāparaṃ uppajjanasaddhā’’ti. Yasmā saddahanto saddheyyavatthusmiṃ pamudito hoti, tasmā āha ‘‘sā hi dubbalapītiyā paccayo hotī’’ti. Dukkhadukkhādibhedassa sabbassapi dukkhassa vaṭṭadukkhantogadhattā tassa ca idhādhippetattā vuttaṃ ‘‘dukkhanti vaṭṭadukkha’’nti. Jarāmaraṇadukkhanti keci, sokādayo cāti apare. Tadubhayassapi saṅgaṇhanato paṭhamo evattho yutto. Yasmā dukkhappatto kammassa phalāni saddahati, ratanattaye ca pasādaṃ uppādeti, tasmā vuttaṃ ‘‘tañhi aparāparasaddhāya paccayo hotī’’ti. Yasmā ‘‘ācariyānaṃ santike dhammaṃ sutvā pavattidukkha’’nti cintayato ‘‘ekantato ayaṃ dhammo imassa dukkhassa samatikkamāya hotī’’ti saddhā uppajjati. Tenāha ‘‘dhammaṃ sutvā tathāgate saddhaṃ paṭilabhatī’’tiādi (dī. ni. 1.191). Savikārāti uppādavikārena savikārā khandhajāti jāyanaṭṭhena. Jātiyā pana asati tattha tattha bhave natthi dukkhassa sambhavoti āha ‘‘sā hi vaṭṭadukkhassa paccayo’’ti. Kammabhavoti kammabhavādiko tividhopi kammabhavo. So hi upapattibhavassa paccayo. Evamādiṃ sandhāyāha ‘‘etenupāyenā’’ti. Sesapadānīti upādānādipadāni. Anulomañāṇaṃ saṅkhārupekkhāpakkhikattā nibbānaggahaṇena gahitaṃ, gotrabhuñāṇaṃ paṭhamamaggassa āvajjanaṃ. So hi tena vipassanāya kiñci kiñci visesaṭṭhānaṃ kayiratīti taṃ anāmasitvā nibbidūpaniso virāgoti ‘‘virāgo’’icceva vuttaṃ.

    เกน อุทเกน วิทารยิตฺวา คตปเทโสติ กตฺวา กนฺทโรฯ นิตโมฺพติปิ อุทกสฺสฯ ยถา นินฺนํ อุทกํ ปวตฺตติ, ตถา นิวตฺตนภาเวน นทีกุโญฺฉติปิ วุจฺจติฯ เหมนฺตคิมฺหอุตุวเสน อฎฺฐ มาเส ปวโตฺต ปถวีวิวโรติ กตฺวา ปทโรฯ ขุทฺทิกา อุทกวาหินิโย สาขา วิยาติ สาขา , ขุทฺทกา โสพฺภา กุสุพฺภา โอ-การสฺส อุ-การํ กตฺวาฯ เอวเมว โขติอาทิ ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว’’ติอาทินา อุปนีตาย อุปมาย อุปเมเยฺยน สํสนฺทนนฺติ, ตํ โยเชตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘อวิชฺชา ปพฺพโตติ ทฎฺฐพฺพา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อวิชฺชา จ สนฺตานวเสน จิรํตนกาลปฺปวตฺตนโต ปจุรชเนหิ ทุปฺปชหนโต ‘‘ปพฺพโต’’ติ วุตฺตาฯ โลกตฺตยาภิพฺยาปนโต อภิสนฺทนโต จ อภิสงฺขารา เมฆสทิสาฯ อภิสงฺขารา เมโฆติ ทฎฺฐพฺพาติ อาเนตฺวา สมฺพโนฺธฯ ตถา เสสปททฺวเยปิฯ วิญฺญาณาทิวฎฺฎํ อนุปวตฺติโต ปรมฺปรปจฺจยโต จ กนฺทราทิสทิสาฯ วิมุตฺติ เอกรสตฺตา, หานิวุทฺธิอภาวโต จ สาครสทิสาติ อุปมาสํสนฺทนํฯ

    Kena udakena vidārayitvā gatapadesoti katvā kandaro. Nitambotipi udakassa. Yathā ninnaṃ udakaṃ pavattati, tathā nivattanabhāvena nadīkuñchotipi vuccati. Hemantagimhautuvasena aṭṭha māse pavatto pathavīvivaroti katvā padaro. Khuddikā udakavāhiniyo sākhā viyāti sākhā, khuddakā sobbhā kusubbhā o-kārassa u-kāraṃ katvā. Evameva khotiādi ‘‘seyyathāpi, bhikkhave’’tiādinā upanītāya upamāya upameyyena saṃsandananti, taṃ yojetvā dassetuṃ ‘‘avijjā pabbatoti daṭṭhabbā’’tiādi vuttaṃ. Tattha avijjā ca santānavasena ciraṃtanakālappavattanato pacurajanehi duppajahanato ‘‘pabbato’’ti vuttā. Lokattayābhibyāpanato abhisandanato ca abhisaṅkhārā meghasadisā. Abhisaṅkhārā meghoti daṭṭhabbāti ānetvā sambandho. Tathā sesapadadvayepi. Viññāṇādivaṭṭaṃ anupavattito paramparapaccayato ca kandarādisadisā. Vimutti ekarasattā, hānivuddhiabhāvato ca sāgarasadisāti upamāsaṃsandanaṃ.

    ตตฺถ ยสฺมา ปุริมสิทฺธาย อวิชฺชาย สติ อภิสงฺขารา, นาสติ, ตสฺมา เต อุปริปพฺพเต ปวตฺตา วิย โหนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘อวิชฺชา…เป.… วสฺสนํ เวทิตพฺพ’’นฺติฯ อสฺสุตวา หีติอาทิ วุตฺตเสฺสว อตฺถสฺส สมตฺถนํฯ ตณฺหาย อภิลาสํ กตฺวาติ เอเตน สพฺพสฺสปิ อภิสงฺขารวุฎฺฐิเตมนตฺถํ ทีเปติฯ ตณฺหา หิ ‘‘เสฺนโห’’ติ วุตฺตาฯ อนฺติมภวิกสฺส อนฺตภวนิพฺพตฺตโก อภิสงฺขาโร นิพฺพานํ น ปโตฺต, ตทนฺตสฺส ภาคสฺส นิพฺพานํ อาหจฺจ ฐิโต วิย โหตีติ ‘‘มหาสมุทฺทํ อาหจฺจ ฐิตกาโล วิยา’’ติ อุปมานิทสฺสนํ กตํฯ วิญฺญาณาทิวฎฺฎํ ปูเรตฺวาปิ อิมินาปิ หิ อนฺติมภวิกเสฺสว วิญฺญาณปฺปวตฺติ ทสฺสิตาฯ สา หิ ปูริตาติ วตฺตพฺพา ตโต ปรํ วิญฺญาณาทิวฎฺฎเสฺสว อภาวโตฯ ชาตสฺส ปุคฺคลสฺส ชาติปจฺจยวฎฺฎทุกฺขเวทนาย ธมฺมสฺสวนํ อิจฺฉิตพฺพํ, ตํ ปน ยทิปิ อิมสฺมิํ สุเตฺต น อาคตํ, สุตฺตนฺตเรสุ ปน อาคตเมวาติ ตโต อาหริตฺวา ตํ วตฺตพฺพนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘พุทฺธวจนํ ปนา’’ติอาทิมาหฯ ตยิทํ สาวกโพธิสตฺตานํ วเสนายํ เทสนาติ กตฺวา วุตฺตํฯ อิตเรสํ ปน วเสน วุจฺจมานํ สุตฺตนฺตรคฺคหณตฺถํ ปโยชนํ นตฺถีติ ‘‘ยา หี’’ติอาทิมาหฯ ปาฬิยา วเสน คหิตเมวาติ สเงฺขปโต วุตฺตอตฺถสฺส วิตฺถารโต ทสฺสนํฯ นิพฺพตฺตีติ นิพฺพตฺตมานา ขนฺธา คหิตาติ อาห ‘‘สวิการา’’ติฯ อนิจฺจตาลกฺขณาทิทีปนโต ลกฺขณาหฎํฯ กมฺมากมฺมนฺติ วินิจฺฉยํฯ นิชฺชฎนฺติ นิคฺคุมฺพํ, สุทฺธนฺติ อโตฺถฯ ปถวีกสิณาทีสุ กมฺมํ อารภตีติอาทิ ปาฬิยํ สมถปุพฺพงฺคมา วิปสฺสนา ทสฺสิตาติ กตฺวา วุตฺตํ ฯ เอวญฺหิ ปาโมชฺชาทิทสฺสนํ สมฺภวตีติฯ เทวสฺสาติ เมฆสฺสฯ กสฺมา ปเนตฺถ ‘‘ขีณาสวสฺส…เป.… ฐิตกาโล เวทิตโพฺพ’’ติ วุตฺตํ, นนุ ปุเพฺพ เทวฎฺฐานิโย อภิสงฺขาโร วุโตฺต, น อภิสงฺขาโร ขีณาสโวติ? นายํ โทโส, การณูปจาเรน ผลสฺส วุตฺตตฺตาฯ อภิสงฺขารมูลโก หิ ขนฺธสนฺตาโน ขนฺธสนฺตาเน จ อุจฺฉินฺนสํโยเค ขีณาสวสมญฺญาติฯ

    Tattha yasmā purimasiddhāya avijjāya sati abhisaṅkhārā, nāsati, tasmā te uparipabbate pavattā viya hontīti vuttaṃ ‘‘avijjā…pe… vassanaṃ veditabba’’nti. Assutavā hītiādi vuttasseva atthassa samatthanaṃ. Taṇhāya abhilāsaṃ katvāti etena sabbassapi abhisaṅkhāravuṭṭhitemanatthaṃ dīpeti. Taṇhā hi ‘‘sneho’’ti vuttā. Antimabhavikassa antabhavanibbattako abhisaṅkhāro nibbānaṃ na patto, tadantassa bhāgassa nibbānaṃ āhacca ṭhito viya hotīti ‘‘mahāsamuddaṃ āhacca ṭhitakālo viyā’’ti upamānidassanaṃ kataṃ. Viññāṇādivaṭṭaṃ pūretvāpi imināpi hi antimabhavikasseva viññāṇappavatti dassitā. Sā hi pūritāti vattabbā tato paraṃ viññāṇādivaṭṭasseva abhāvato. Jātassa puggalassa jātipaccayavaṭṭadukkhavedanāya dhammassavanaṃ icchitabbaṃ, taṃ pana yadipi imasmiṃ sutte na āgataṃ, suttantaresu pana āgatamevāti tato āharitvā taṃ vattabbanti dassento ‘‘buddhavacanaṃ panā’’tiādimāha. Tayidaṃ sāvakabodhisattānaṃ vasenāyaṃ desanāti katvā vuttaṃ. Itaresaṃ pana vasena vuccamānaṃ suttantaraggahaṇatthaṃ payojanaṃ natthīti ‘‘yā hī’’tiādimāha. Pāḷiyā vasena gahitamevāti saṅkhepato vuttaatthassa vitthārato dassanaṃ. Nibbattīti nibbattamānā khandhā gahitāti āha ‘‘savikārā’’ti. Aniccatālakkhaṇādidīpanato lakkhaṇāhaṭaṃ. Kammākammanti vinicchayaṃ. Nijjaṭanti niggumbaṃ, suddhanti attho. Pathavīkasiṇādīsu kammaṃ ārabhatītiādi pāḷiyaṃ samathapubbaṅgamā vipassanā dassitāti katvā vuttaṃ . Evañhi pāmojjādidassanaṃ sambhavatīti. Devassāti meghassa. Kasmā panettha ‘‘khīṇāsavassa…pe… ṭhitakālo veditabbo’’ti vuttaṃ, nanu pubbe devaṭṭhāniyo abhisaṅkhāro vutto, na abhisaṅkhāro khīṇāsavoti? Nāyaṃ doso, kāraṇūpacārena phalassa vuttattā. Abhisaṅkhāramūlako hi khandhasantāno khandhasantāne ca ucchinnasaṃyoge khīṇāsavasamaññāti.

    อุปนิสสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Upanisasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๓. อุปนิสสุตฺตํ • 3. Upanisasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๓. อุปนิสสุตฺตวณฺณนา • 3. Upanisasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact