Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปญฺจปกรณ-อฎฺฐกถา • Pañcapakaraṇa-aṭṭhakathā |
๙. อุปนิสฺสยปจฺจยนิเทฺทสวณฺณนา
9. Upanissayapaccayaniddesavaṇṇanā
๙. อุปนิสฺสยปจฺจยนิเทฺทเส ปุริมา ปุริมาติ อนนฺตรูปนิสฺสเย สมนนฺตราตีตา ลพฺภนฺติ, อารมฺมณูปนิสฺสยปกตูปนิสฺสเยสุ นานาวีถิวเสน ปุริมตราฯ เต ตโยปิ ราสโย กุสลวเสน กุสลปเท ลพฺภนฺติ, กุสเลน ปน อกุสเล สมนนฺตราตีตา น ลพฺภนฺติฯ เตเนว วุตฺตํ – ‘‘อกุสลานํ ธมฺมานํ เกสญฺจิ อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ ฯ อิทญฺหิ – ‘‘กุสโล ธโมฺม อกุสลสฺส ธมฺมสฺส อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย; อารมฺมณูปนิสฺสโย ปกตูปนิสฺสโยฯ อารมฺมณูปนิสฺสโย – ทานํ ทตฺวา สีลํ สมาทิยิตฺวา อุโปสถกมฺมํ กตฺวา ตํ ครุํ กตฺวา อสฺสาเทติ อภินนฺทติ, ตํ ครุํ กตฺวา ราโค อุปฺปชฺชติ, ทิฎฺฐิ อุปฺปชฺชติ, ปุเพฺพ สุจิณฺณานิ ครุํ กตฺวา อสฺสาเทติ อภินนฺทติ, ตํ ครุํ กตฺวา ราโค อุปฺปชฺชติ, ทิฎฺฐิ อุปฺปชฺชติฯ ฌานา วุฎฺฐหิตฺวา ฌานํ ครุํ กตฺวา อสฺสาเทติ อภินนฺทติ, ตํ ครุํ กตฺวา ราโค อุปฺปชฺชติ ทิฎฺฐิ อุปฺปชฺชติฯ ปกตูปนิสฺสโย – สทฺธํ อุปนิสฺสาย มานํ ชเปฺปติ, ทิฎฺฐิํ คณฺหาติฯ สีลํ สุตํ จาคํ ปญฺญํ อุปนิสฺสาย มานํ ชเปฺปติ, ทิฎฺฐิํ คณฺหาติฯ สทฺธา สีลํ สุตํ จาโค ปญฺญา ราคสฺส โทสสฺส โมหสฺส มานสฺส ทิฎฺฐิยา ปตฺถนาย อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ อิมํ นยํ สนฺธาย วุตฺตํฯ กุสเลน อพฺยากเต ตโยปิ ลพฺภนฺติ, ตถา อกุสเลน อกุสเลฯ
9. Upanissayapaccayaniddese purimā purimāti anantarūpanissaye samanantarātītā labbhanti, ārammaṇūpanissayapakatūpanissayesu nānāvīthivasena purimatarā. Te tayopi rāsayo kusalavasena kusalapade labbhanti, kusalena pana akusale samanantarātītā na labbhanti. Teneva vuttaṃ – ‘‘akusalānaṃ dhammānaṃ kesañci upanissayapaccayena paccayo’’ti . Idañhi – ‘‘kusalo dhammo akusalassa dhammassa upanissayapaccayena paccayo; ārammaṇūpanissayo pakatūpanissayo. Ārammaṇūpanissayo – dānaṃ datvā sīlaṃ samādiyitvā uposathakammaṃ katvā taṃ garuṃ katvā assādeti abhinandati, taṃ garuṃ katvā rāgo uppajjati, diṭṭhi uppajjati, pubbe suciṇṇāni garuṃ katvā assādeti abhinandati, taṃ garuṃ katvā rāgo uppajjati, diṭṭhi uppajjati. Jhānā vuṭṭhahitvā jhānaṃ garuṃ katvā assādeti abhinandati, taṃ garuṃ katvā rāgo uppajjati diṭṭhi uppajjati. Pakatūpanissayo – saddhaṃ upanissāya mānaṃ jappeti, diṭṭhiṃ gaṇhāti. Sīlaṃ sutaṃ cāgaṃ paññaṃ upanissāya mānaṃ jappeti, diṭṭhiṃ gaṇhāti. Saddhā sīlaṃ sutaṃ cāgo paññā rāgassa dosassa mohassa mānassa diṭṭhiyā patthanāya upanissayapaccayena paccayo’’ti imaṃ nayaṃ sandhāya vuttaṃ. Kusalena abyākate tayopi labbhanti, tathā akusalena akusale.
อกุสเลน ปน กุสเล สมนนฺตราตีตา น ลพฺภนฺติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘กุสลานํ ธมฺมานํ เกสญฺจิ อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติฯ อิทมฺปิ หิ – ‘‘อกุสโล ธโมฺม กุสลสฺส ธมฺมสฺส อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโยฯ ปกตูปนิสฺสโย – ราคํ อุปนิสฺสาย ทานํ เทติ, สีลํ สมาทิยติ, อุโปสถกมฺมํ กโรติ, ฌานํ อุปฺปาเทติ วิปสฺสนํ อุปฺปาเทติ, มคฺคํ อุปฺปาเทติ, อภิญฺญํ อุปฺปาเทติ, สมาปตฺติํ อุปฺปาเทติ; โทสํ โมหํ มานํ ทิฎฺฐิํ ปตฺถนํ อุปนิสฺสาย ทานํ เทติ…เป.… สมาปตฺติํ อุปฺปาเทติฯ ราโค โทโส โมโห มาโน ทิฎฺฐิ ปตฺถนา สทฺธาย สีลสฺส สุตสฺส จาคสฺส ปญฺญาย อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโยฯ ปาณํ หนฺตฺวา ตสฺส ปฎิฆาตตฺถาย ทานํ เทตี’’ติอาทินา นเยน ปญฺหาวาเร อาคตํ ปกตูปนิสฺสยเมว สนฺธาย วุตฺตํฯ อกุสลํ ปน กุสลสฺส อารมฺมณูปนิสฺสโย น โหติฯ กสฺมา? ตํ ครุํ กตฺวา ตสฺส อปฺปวตฺตนโตติ ยถา อนนฺตรูปนิสฺสโย, เอวํ อารมฺมณูปนิสฺสโยเปตฺถ น ลพฺภตีติ เวทิตโพฺพฯ อกุสเลน อพฺยากตปเท อารมฺมณูปนิสฺสโยว น ลพฺภติฯ น หิ อพฺยากตา ธมฺมา อกุสลํ ครุํ กโรนฺติ ฯ ยสฺมา ปน อนนฺตรตา ลพฺภติ, ตสฺมา เอตฺถ ‘‘เกสญฺจี’’ติ น วุตฺตํฯ อพฺยากเตน ปน อพฺยากเต กุสเล อกุสเลติ ตีสุ นเยสุ ตโยปิ อุปนิสฺสยา ลพฺภเนฺตวฯ ปุคฺคโลปิ เสนาสนมฺปีติ อิทํ ทฺวยํ ปกตูปนิสฺสยวเสน วุตฺตํฯ อิทญฺหิ ทฺวยํ กุสลากุสลปวตฺติยา พลวปจฺจโย โหติฯ ปจฺจยภาโว จสฺส ปเนตฺถ ปริยายวเสน เวทิตโพฺพติ อยํ ตาเวตฺถ ปาฬิวณฺณนาฯ
Akusalena pana kusale samanantarātītā na labbhanti. Tena vuttaṃ – ‘‘kusalānaṃ dhammānaṃ kesañci upanissayapaccayena paccayo’’ti. Idampi hi – ‘‘akusalo dhammo kusalassa dhammassa upanissayapaccayena paccayo. Pakatūpanissayo – rāgaṃ upanissāya dānaṃ deti, sīlaṃ samādiyati, uposathakammaṃ karoti, jhānaṃ uppādeti vipassanaṃ uppādeti, maggaṃ uppādeti, abhiññaṃ uppādeti, samāpattiṃ uppādeti; dosaṃ mohaṃ mānaṃ diṭṭhiṃ patthanaṃ upanissāya dānaṃ deti…pe… samāpattiṃ uppādeti. Rāgo doso moho māno diṭṭhi patthanā saddhāya sīlassa sutassa cāgassa paññāya upanissayapaccayena paccayo. Pāṇaṃ hantvā tassa paṭighātatthāya dānaṃ detī’’tiādinā nayena pañhāvāre āgataṃ pakatūpanissayameva sandhāya vuttaṃ. Akusalaṃ pana kusalassa ārammaṇūpanissayo na hoti. Kasmā? Taṃ garuṃ katvā tassa appavattanatoti yathā anantarūpanissayo, evaṃ ārammaṇūpanissayopettha na labbhatīti veditabbo. Akusalena abyākatapade ārammaṇūpanissayova na labbhati. Na hi abyākatā dhammā akusalaṃ garuṃ karonti . Yasmā pana anantaratā labbhati, tasmā ettha ‘‘kesañcī’’ti na vuttaṃ. Abyākatena pana abyākate kusale akusaleti tīsu nayesu tayopi upanissayā labbhanteva. Puggalopi senāsanampīti idaṃ dvayaṃ pakatūpanissayavasena vuttaṃ. Idañhi dvayaṃ kusalākusalapavattiyā balavapaccayo hoti. Paccayabhāvo cassa panettha pariyāyavasena veditabboti ayaṃ tāvettha pāḷivaṇṇanā.
อยํ ปน อุปนิสฺสยปจฺจโย นาม สทฺธิํ เอกจฺจาย ปญฺญตฺติยา สเพฺพปิ จตุภูมกธมฺมาฯ วิภาคโต ปน อารมฺมณูปนิสฺสยาทิวเสน ติวิโธ โหติฯ ตตฺถ อารมฺมณูปนิสฺสโย อารมฺมณาธิปตินา นินฺนานากรโณติ เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว นานปฺปการเภทโต คเหตโพฺพฯ อนนฺตรูปนิสฺสโย อนนฺตรปจฺจเยน นินฺนานากรโณ, โสปิ เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว นานปฺปการเภทโต เวทิตโพฺพฯ ปจฺจยุปฺปนฺนโตปิ เนสํ ตตฺถ วุตฺตนเยเนว วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพฯ ปกตูปนิสฺสโย ปน ชาติวเสน กุสลากุสลวิปากกิริยรูปเภทโต ปญฺจวิโธ โหติ, กุสลาทีนํ ปน ภูมิเภทโต อเนกวิโธติ เอวํ ตาเวตฺถ นานปฺปการเภทโต วิญฺญาตโพฺพ วินิจฺฉโยฯ
Ayaṃ pana upanissayapaccayo nāma saddhiṃ ekaccāya paññattiyā sabbepi catubhūmakadhammā. Vibhāgato pana ārammaṇūpanissayādivasena tividho hoti. Tattha ārammaṇūpanissayo ārammaṇādhipatinā ninnānākaraṇoti heṭṭhā vuttanayeneva nānappakārabhedato gahetabbo. Anantarūpanissayo anantarapaccayena ninnānākaraṇo, sopi heṭṭhā vuttanayeneva nānappakārabhedato veditabbo. Paccayuppannatopi nesaṃ tattha vuttanayeneva vinicchayo veditabbo. Pakatūpanissayo pana jātivasena kusalākusalavipākakiriyarūpabhedato pañcavidho hoti, kusalādīnaṃ pana bhūmibhedato anekavidhoti evaṃ tāvettha nānappakārabhedato viññātabbo vinicchayo.
เอวํ ภิเนฺน ปเนตฺถ เตภูมกกุสโล จตุภูมกสฺสาปิ กุสลสฺส อกุสลสฺส วิปากกิริยสฺสาติ จตุนฺนํ ราสีนํ ปกตูปนิสฺสโย โหติฯ โลกุตฺตโร อกุสลเสฺสว น โหติฯ อมฺหากํ อาจริเยน ‘‘โลกุตฺตรธโมฺม นิพฺพตฺติโต’’ติ อิมินา ปน นเยน อเญฺญสํ อกุสลสฺสาปิ โหติฯ ยสฺส วา อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺสาปิ อนุตฺตเรสุ วิโมเกฺขสุ ปิหํ อุปฎฺฐาปยโต อิมินา นเยน โหติเยวฯ อกุสโล สเพฺพสมฺปิ จตุภูมกานํ ขนฺธานํ ปกตูปนิสฺสโย โหติ, ตถา เตภูมกวิปาโกฯ โลกุตฺตรวิปาเก เหฎฺฐิมานิ ตีณิ ผลานิ อกุสลเสฺสว น โหนฺติ, อุปริฎฺฐิมํ กุสลสฺสาปิฯ ปุริมนเยน ปน อเญฺญสํ วา ยสฺส วา อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺส สนฺตาเน สโพฺพปิ โลกุตฺตรวิปาโก สเพฺพสํ กุสลาทีนํ อรูปกฺขนฺธานํ ปกตูปนิสฺสโย โหติฯ กิริยสงฺขาโตปิ ปกตูปนิสฺสโย จตุภูมกานํ อกุสลาทิขนฺธานํ โหติเยว, ตถา รูปสงฺขาโตฯ สยํ ปน รูปํ อิมสฺมิํ ปฎฺฐานมหาปกรเณ อาคตนเยน อุปนิสฺสยปจฺจยํ น ลภติ, สุตฺตนฺติกปริยาเยน ปน ลภตีติ วตฺตุํ วฎฺฎติฯ เอวเมตฺถ ปจฺจยุปฺปนฺนโตปิ วิญฺญาตโพฺพ วินิจฺฉโยติฯ
Evaṃ bhinne panettha tebhūmakakusalo catubhūmakassāpi kusalassa akusalassa vipākakiriyassāti catunnaṃ rāsīnaṃ pakatūpanissayo hoti. Lokuttaro akusalasseva na hoti. Amhākaṃ ācariyena ‘‘lokuttaradhammo nibbattito’’ti iminā pana nayena aññesaṃ akusalassāpi hoti. Yassa vā uppajjissati, tassāpi anuttaresu vimokkhesu pihaṃ upaṭṭhāpayato iminā nayena hotiyeva. Akusalo sabbesampi catubhūmakānaṃ khandhānaṃ pakatūpanissayo hoti, tathā tebhūmakavipāko. Lokuttaravipāke heṭṭhimāni tīṇi phalāni akusalasseva na honti, upariṭṭhimaṃ kusalassāpi. Purimanayena pana aññesaṃ vā yassa vā uppajjissati, tassa santāne sabbopi lokuttaravipāko sabbesaṃ kusalādīnaṃ arūpakkhandhānaṃ pakatūpanissayo hoti. Kiriyasaṅkhātopi pakatūpanissayo catubhūmakānaṃ akusalādikhandhānaṃ hotiyeva, tathā rūpasaṅkhāto. Sayaṃ pana rūpaṃ imasmiṃ paṭṭhānamahāpakaraṇe āgatanayena upanissayapaccayaṃ na labhati, suttantikapariyāyena pana labhatīti vattuṃ vaṭṭati. Evamettha paccayuppannatopi viññātabbo vinicchayoti.
อุปนิสฺสยปจฺจยนิเทฺทสวณฺณนาฯ
Upanissayapaccayaniddesavaṇṇanā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ปฎฺฐานปาฬิ • Paṭṭhānapāḷi / (๒) ปจฺจยนิเทฺทโส • (2) Paccayaniddeso