Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปญฺจปกรณ-อนุฎีกา • Pañcapakaraṇa-anuṭīkā

    ๙. อุปนิสฺสยปจฺจยนิเทฺทสวณฺณนา

    9. Upanissayapaccayaniddesavaṇṇanā

    . อุปนิสฺสเย ตโยติ อนนฺตรารมฺมณปกตูปนิสฺสยปฺปเภเท ตโย อุปนิสฺสเยฯ อเนกสงฺคาหกตายาติ อเนเกสํ ปจฺจยธมฺมานํ สงฺคหณโตฯ เอกเนฺตเนว โหนฺติ จิตฺตนิยมเหตุภาเวน ปวตฺตินิยมโตฯ เยสุ ปเทสูติ เยสุ กุสลาทิปเทสุฯ สงฺคหิโตติ สงฺคหํ คโต, กุสลาทิปเทสุ เยสํ ปทานํเยว อนนฺตรูปนิสฺสโย ลพฺภตีติ อโตฺถฯ เตสุ ‘‘เกสญฺจี’’ติ น วุตฺตํฯ กสฺมา? น สกฺกา วตฺตุํ เอกเนฺตเนว อุปลพฺภนโตฯ เตสูติ กุสลากุสลปเทสุฯ น หิ กุสโล อกุสลสฺส อนนฺตรูปนิสฺสโย โหติ, อกุสโล วา กุสลสฺส, อารมฺมณปกตูปนิสฺสยา ปน อเนกนฺติกา, ตสฺมา ตตฺถ ‘‘เกสญฺจี’’ติ วุตฺตํฯ สิทฺธานํ ปจฺจยธมฺมานนฺติ ปจฺจยภาเวน ปุริมนิปฺผนฺนานํ กุสลาทีนํ กุสลสฺส อกุสลสฺส วาติ อโตฺถฯ อกุสลาทีหีติ ยถาสงฺขฺยํ อกุสเลน กุสเลน วาฯ อวิเสเสนาติ ยถาวุตฺตวิเสเส นิยมํ อคฺคเหตฺวา อกุสลาทีสุ อกุสลกุสลานํ ‘‘เกสญฺจี’’ติอาทินาฯ

    9. Upanissaye tayoti anantarārammaṇapakatūpanissayappabhede tayo upanissaye. Anekasaṅgāhakatāyāti anekesaṃ paccayadhammānaṃ saṅgahaṇato. Ekanteneva honti cittaniyamahetubhāvena pavattiniyamato. Yesu padesūti yesu kusalādipadesu. Saṅgahitoti saṅgahaṃ gato, kusalādipadesu yesaṃ padānaṃyeva anantarūpanissayo labbhatīti attho. Tesu ‘‘kesañcī’’ti na vuttaṃ. Kasmā? Na sakkā vattuṃ ekanteneva upalabbhanato. Tesūti kusalākusalapadesu. Na hi kusalo akusalassa anantarūpanissayo hoti, akusalo vā kusalassa, ārammaṇapakatūpanissayā pana anekantikā, tasmā tattha ‘‘kesañcī’’ti vuttaṃ. Siddhānaṃ paccayadhammānanti paccayabhāvena purimanipphannānaṃ kusalādīnaṃ kusalassa akusalassa vāti attho. Akusalādīhīti yathāsaṅkhyaṃ akusalena kusalena vā. Avisesenāti yathāvuttavisese niyamaṃ aggahetvā akusalādīsu akusalakusalānaṃ ‘‘kesañcī’’tiādinā.

    อนารมฺมณตฺตา อารมฺมณูปนิสฺสยํ ปุพฺพาปรนิยเมน อปฺปวตฺติโต อนนฺตรูปนิสฺสยํ น ลภตีติ โยชนาฯ ปกตสฺสาติ นิปฺผาทิตสฺส, อุปเสวิตสฺส วาฯ น หิ รูปสนฺตานสฺส สทฺธาทินิปฺผาทนํ อตฺถิ, อุตุโภชนาทิอุปเสวนํ วา สมฺภวติฯ เตนาห ‘‘ยถา หิ…เป.… รูปสนฺตาเนนา’’ติฯ นนุ จ รูปสนฺตาเน ปุเพฺพนาปรํ วิเสโส ลพฺภติ , โส จ น วินา สมานชาติเยน การเณนาติ สฺวายํ ปกตูปนิสฺสยลาโภติ กทาจิ อาสเงฺกยฺยาติ อาห ‘‘ยสฺมิญฺจา’’ติอาทิฯ ตตฺถ นฺติ อุตุพีชาทิกํ กมฺมาทิ จ เตน รูเปน ปุริมนิปฺผเนฺนนฯ อุปฺปาทนํ สาภิสนฺธิกํ ทฎฺฐพฺพํฯ อธิปตีสุ ปุพฺพาภิสงฺขาโร วิย ปกปฺปนํ สํวิทหนํฯ ปกรณํ วุตฺตลกฺขเณน การณภาเวน อวฎฺฐานํ, ยโต การณวิเสโส ‘‘ปกตี’’ติ วุจฺจติฯ ยทิ เอวํ กสฺมา รูปเสฺสว ตํ ปฎิกฺขิปียตีติ อาห ‘‘ยถา จ…เป.… ทฎฺฐพฺพา’’ติฯ เอวมฺปิ อุตุพีชาทีนํ องฺกุราทีสุ กถํ ปจฺจยวิเสสภาโวติ อาห ‘‘อุตุพีชาทโย ปน…เป.… ภาวโต’’ติฯ อุปนิสฺสโยติ จ ยสฺมา พลวตาการณํ อธิเปฺปตํ, ตสฺมา น เอตฺถ เอกเนฺตน ปุริมนิปฺผตฺติ อิจฺฉิตพฺพาฯ ยทิ เอวํ ปาฬิยํ กถํ ปุริมคฺคหณนฺติ อาห ‘‘ปุริมปุริมานํเยว ปนา’’ติอาทิฯ เตปิ วา ปริกปฺปนวเสน ปุริมนิปฺผนฺนาเยว นาม โหนฺติฯ น หิ อสํวิทิตากาเร วตฺถุสฺมิํ ปตฺถนาปวตฺตีติฯ เตนาห ‘‘ตํสมานลกฺขณตายา’’ติฯ

    Anārammaṇattā ārammaṇūpanissayaṃ pubbāparaniyamena appavattito anantarūpanissayaṃ na labhatīti yojanā. Pakatassāti nipphāditassa, upasevitassa vā. Na hi rūpasantānassa saddhādinipphādanaṃ atthi, utubhojanādiupasevanaṃ vā sambhavati. Tenāha ‘‘yathā hi…pe… rūpasantānenā’’ti. Nanu ca rūpasantāne pubbenāparaṃ viseso labbhati , so ca na vinā samānajātiyena kāraṇenāti svāyaṃ pakatūpanissayalābhoti kadāci āsaṅkeyyāti āha ‘‘yasmiñcā’’tiādi. Tattha tanti utubījādikaṃ kammādi ca tena rūpena purimanipphannena. Uppādanaṃ sābhisandhikaṃ daṭṭhabbaṃ. Adhipatīsu pubbābhisaṅkhāro viya pakappanaṃ saṃvidahanaṃ. Pakaraṇaṃ vuttalakkhaṇena kāraṇabhāvena avaṭṭhānaṃ, yato kāraṇaviseso ‘‘pakatī’’ti vuccati. Yadi evaṃ kasmā rūpasseva taṃ paṭikkhipīyatīti āha ‘‘yathā ca…pe… daṭṭhabbā’’ti. Evampi utubījādīnaṃ aṅkurādīsu kathaṃ paccayavisesabhāvoti āha ‘‘utubījādayo pana…pe… bhāvato’’ti. Upanissayoti ca yasmā balavatākāraṇaṃ adhippetaṃ, tasmā na ettha ekantena purimanipphatti icchitabbā. Yadi evaṃ pāḷiyaṃ kathaṃ purimaggahaṇanti āha ‘‘purimapurimānaṃyeva panā’’tiādi. Tepi vā parikappanavasena purimanipphannāyeva nāma honti. Na hi asaṃviditākāre vatthusmiṃ patthanāpavattīti. Tenāha ‘‘taṃsamānalakkhaṇatāyā’’ti.

    ธเมฺมติ ปุคฺคลเสนาสนปญฺญตฺตีนํ อุปาทานภูเต ธเมฺมฯ อยํ นโยติ ปญฺญตฺติมุเขน ปญฺญเปตพฺพา ตทุปาทานภูตา ธมฺมา คยฺหนฺตีติ ยถาวุโตฺต นโยฯ เอเตฺถวาติ ‘‘เสนาสนมฺปิ อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ เอตสฺมิํเยว วจเนฯ กถํ ปจฺจุปฺปนฺนสฺส ปกตูปนิสฺสยภาโวติ โจทนาย ‘‘วกฺขตี’’ติอาทินา อาคมํ ทเสฺสตฺวา ยุตฺติํ ทเสฺสตุํ ‘‘ปจฺจุปฺปนฺนานมฺปิจ ตาทิสานํ ปุเพฺพ ปกตตฺตา’’ติ วุตฺตํฯ ตาทิสานนฺติ ยาทิสา อุตุอาทโย ปจฺจุปฎฺฐิตา, ตาทิสานํ ตโต ปุเพฺพ ปุเรตรํ ปกตตฺตา ปกตูปนิสฺสยโยคฺยตาย อาปาทิตตฺตาฯ

    Dhammeti puggalasenāsanapaññattīnaṃ upādānabhūte dhamme. Ayaṃ nayoti paññattimukhena paññapetabbā tadupādānabhūtā dhammā gayhantīti yathāvutto nayo. Etthevāti ‘‘senāsanampi upanissayapaccayena paccayo’’ti etasmiṃyeva vacane. Kathaṃ paccuppannassa pakatūpanissayabhāvoti codanāya ‘‘vakkhatī’’tiādinā āgamaṃ dassetvā yuttiṃ dassetuṃ ‘‘paccuppannānampica tādisānaṃ pubbepakatattā’’ti vuttaṃ. Tādisānanti yādisā utuādayo paccupaṭṭhitā, tādisānaṃ tato pubbe puretaraṃ pakatattā pakatūpanissayayogyatāya āpāditattā.

    กสิณาทีนมฺปิ อารมฺมณูปนิสฺสยตา สมฺภวตีติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘อิมินา อธิปฺปาเยน ‘เอกจฺจายา’ติ อาหา’’ติฯ ตถา หิ ‘‘กสิณมณฺฑลํ ทิสฺวา’’ติอาทินา ตสฺส อุปนิสฺสยภาโว อฎฺฐกถายํ วุโตฺตฯ

    Kasiṇādīnampi ārammaṇūpanissayatā sambhavatīti katvā vuttaṃ ‘‘iminā adhippāyena ‘ekaccāyā’ti āhā’’ti. Tathā hi ‘‘kasiṇamaṇḍalaṃ disvā’’tiādinā tassa upanissayabhāvo aṭṭhakathāyaṃ vutto.

    อรูปาวจรกุสลมฺปิ อุปนิสฺสโย โหติ, ปเคว กามาวจรรูปาวจรกุสลนฺติ อธิปฺปาโยฯ ตํ ปน ยถา อุปนิสฺสโย โหติ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ยสฺมิํ กสิณาทิมฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อนุปฺปนฺนฌานุปฺปาทเนติ รูปาวจรชฺฌานํ สนฺธายาห, อรูปาวจรชฺฌาเน ปน วตฺตพฺพเมว นตฺถิฯ ตทุปฺปาทกกุสลานนฺติ ตสฺส รูปาวจรวิปากสฺส อุปฺปาทกกุสลานํ, รูปาวจรกุสลานนฺติ อโตฺถฯ ปฎิสนฺธินิยามกสฺสาติ รูปาวจรปฎิสนฺธินิยามกสฺสฯ จุติโตติ รูปาวจรปฎิสนฺธิยา อนนฺตรปจฺจยภูตาย จุติยาฯ ปุริมชวนสฺส วเสนาติ จุติยา อาสนฺนชวนภาเวนฯ รูปาวจรกุสลํ อรูปาวจรวิปากสฺสาติ เอตฺถาปิ ‘‘ตทุปฺปาทกกุสลาน’’นฺติอาทินา อาเนตฺวา โยเชตพฺพํฯ ยถา จ ‘‘รูปาวจรกุสลํ อรูปาวจรวิปากสฺส อุปนิสฺสโย’’ติ วุตฺตํ, เอวํ ‘‘กามาวจรกุสลมฺปิ ตทุปฺปาทกกุสลาน’’นฺติอาทินา โยเชตพฺพํฯ โลกุตฺตรวิปากสฺส เตภูมกกุสลานมฺปิ ปาทกาทิวเสน อุปนิสฺสยภาโว ปากโฎเยว, ตถา ตํตํภูมกกุสลานํ ตํตํภูมกกิริยานํ, กามาวจรกุสลสฺส รูปารูปาวจรกิริยานํ, รูปาวจรกุสลสฺส อรูปาวจรกิริยาย อุปนิสฺสยภาโวติ อิมมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘เอวํ ปเจฺจกํ…เป.… เวทิตโพฺพ’’ติ อาหฯ ‘‘สทฺธํ อุปนิสฺสาย ทานํ เทตี’’ติอาทินา ปกตูปนิสฺสโย อุเทฺทสวเสเนว ปาโฐ อาคโต, น วิภชนวเสนาติ อาห ‘‘ปาฬิยมฺปิ…เป.… วิสฺสชฺชิโต’’ติฯ กุสลตฺติกาทีสุ อนุโลมาทิเภทภินฺนตฺตา ปญฺหาวาเรสูติ พหุวจนนิเทฺทโสฯ

    Arūpāvacarakusalampi upanissayo hoti, pageva kāmāvacararūpāvacarakusalanti adhippāyo. Taṃ pana yathā upanissayo hoti, taṃ dassetuṃ ‘‘yasmiṃ kasiṇādimhī’’tiādi vuttaṃ. Anuppannajhānuppādaneti rūpāvacarajjhānaṃ sandhāyāha, arūpāvacarajjhāne pana vattabbameva natthi. Taduppādakakusalānanti tassa rūpāvacaravipākassa uppādakakusalānaṃ, rūpāvacarakusalānanti attho. Paṭisandhiniyāmakassāti rūpāvacarapaṭisandhiniyāmakassa. Cutitoti rūpāvacarapaṭisandhiyā anantarapaccayabhūtāya cutiyā. Purimajavanassa vasenāti cutiyā āsannajavanabhāvena. Rūpāvacarakusalaṃ arūpāvacaravipākassāti etthāpi ‘‘taduppādakakusalāna’’ntiādinā ānetvā yojetabbaṃ. Yathā ca ‘‘rūpāvacarakusalaṃ arūpāvacaravipākassa upanissayo’’ti vuttaṃ, evaṃ ‘‘kāmāvacarakusalampi taduppādakakusalāna’’ntiādinā yojetabbaṃ. Lokuttaravipākassa tebhūmakakusalānampi pādakādivasena upanissayabhāvo pākaṭoyeva, tathā taṃtaṃbhūmakakusalānaṃ taṃtaṃbhūmakakiriyānaṃ, kāmāvacarakusalassa rūpārūpāvacarakiriyānaṃ, rūpāvacarakusalassa arūpāvacarakiriyāya upanissayabhāvoti imamatthaṃ dassento ‘‘evaṃ paccekaṃ…pe… veditabbo’’ti āha. ‘‘Saddhaṃ upanissāya dānaṃ detī’’tiādinā pakatūpanissayo uddesavaseneva pāṭho āgato, na vibhajanavasenāti āha ‘‘pāḷiyampi…pe… vissajjito’’ti. Kusalattikādīsu anulomādibhedabhinnattā pañhāvāresūti bahuvacananiddeso.

    โลกุตฺตรนิพฺพตฺตนํ อุปนิสฺสาย ปรสฺส สิเนหุปฺปาทเน โลกุตฺตรธมฺมา อุปนิสฺสโย วิย โหนฺตีติ อยเมตฺถ เลโส, ภาวิโน ปน โลกุตฺตรสฺส อกุสลานํ อุปนิสฺสยตา สมฺภวตีติ อาห ‘‘น อิทํ สารโต ทฎฺฐพฺพนฺติ อธิปฺปาโย’’ติฯ รูปาวจราทิกุสลานนฺติ รูปารูปาวจรโลกุตฺตรกุสลานํ อุปฺปาทิยมานสฺส รูปาวจรกุสลสฺสาติ โยชนาฯ รูปาวจรกิริยสฺส จ อรูปาวจรวิปาโก อุปนิสฺสโย กถนฺติ อาห ‘‘ปุเพฺพ นิวุตฺถาทีสุ…เป.… อรหโต’’ติ ฯ ตํ ตํ วิปากํ ปเตฺถโนฺต ตสฺส ตสฺส วิปากสฺส เหตุภูตํ กุสลํ นิพฺพเตฺตตีติ วิปากานํ กุสลูปนิสฺสยตาติ อาห ‘‘จตุภูมกา…เป.… อุปนิสฺสโย’’ติฯ โลกิยกุสลานํ ปน โลกุตฺตรวิปากา อุปนิสฺสโย น โหนฺตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยทิปี’’ติอาทิมาหฯ เตเนว หิ ‘‘ตถา เตภูมกวิปาโก’’ติ เตภูมกคฺคหณํ กตํฯ ตตฺถ เตนาติ อนาคามินาฯ นฺติ อรหตฺตผลํฯ ตสฺมาติ อทิฎฺฐปุพฺพตฺตาฯ ตานิ วิยาติ โสตาปตฺติผลานิ วิยฯ เตสนฺติ ปุถุชฺชนาทีนํฯ อิมสฺสาติ อนาคามิโนฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา ปุถุชฺชนาทีนํ สนฺตาเน ฌานาทีนํ โสตาปตฺติผลาทีนํ น อุปนิสฺสยปจฺจโย อนุปลทฺธปุพฺพตฺตา, เอวํ อนาคามิโน ฌานาทีนํ อคฺคผลํ อุปนิสฺสยปจฺจโย อทิฎฺฐปุพฺพตฺตาฯ เตนาห ‘‘อุปลทฺธปุพฺพสทิสเมว หิ อนาคตมฺปิ อุปนิสฺสโย’’ติฯ อฎฺฐกถายํ ปน เหฎฺฐิมผลานํ กุสลูปนิสฺสยตา วุตฺตา เอวฯ

    Lokuttaranibbattanaṃ upanissāya parassa sinehuppādane lokuttaradhammā upanissayo viya hontīti ayamettha leso, bhāvino pana lokuttarassa akusalānaṃ upanissayatā sambhavatīti āha ‘‘na idaṃ sārato daṭṭhabbanti adhippāyo’’ti. Rūpāvacarādikusalānanti rūpārūpāvacaralokuttarakusalānaṃ uppādiyamānassa rūpāvacarakusalassāti yojanā. Rūpāvacarakiriyassa ca arūpāvacaravipāko upanissayo kathanti āha ‘‘pubbe nivutthādīsu…pe… arahato’’ti . Taṃ taṃ vipākaṃ patthento tassa tassa vipākassa hetubhūtaṃ kusalaṃ nibbattetīti vipākānaṃ kusalūpanissayatāti āha ‘‘catubhūmakā…pe… upanissayo’’ti. Lokiyakusalānaṃ pana lokuttaravipākā upanissayo na hontīti dassento ‘‘yadipī’’tiādimāha. Teneva hi ‘‘tathā tebhūmakavipāko’’ti tebhūmakaggahaṇaṃ kataṃ. Tattha tenāti anāgāminā. Tanti arahattaphalaṃ. Tasmāti adiṭṭhapubbattā. Tāni viyāti sotāpattiphalāni viya. Tesanti puthujjanādīnaṃ. Imassāti anāgāmino. Idaṃ vuttaṃ hoti – yathā puthujjanādīnaṃ santāne jhānādīnaṃ sotāpattiphalādīnaṃ na upanissayapaccayo anupaladdhapubbattā, evaṃ anāgāmino jhānādīnaṃ aggaphalaṃ upanissayapaccayo adiṭṭhapubbattā. Tenāha ‘‘upaladdhapubbasadisameva hi anāgatampi upanissayo’’ti. Aṭṭhakathāyaṃ pana heṭṭhimaphalānaṃ kusalūpanissayatā vuttā eva.

    ยถา วิปากา กุสลานํ, เอวํ กิริยาปิ เตสํ อุปนิสฺสโย โหตีติ ตํ นยํ ทเสฺสตุํ ‘‘กิริยํ อตฺถปฎิสมฺภิทาทิ’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ โยนิโสมนสิกาเร วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ จตุภูมกกุสลสฺสปิ โยนิโสมนสิกาโร อุปนิสฺสโย โหตีติ เอตฺถ วตฺตพฺพเมว นตฺถิ, ตทตฺถํ โยนิโสมนสิการํ ปวเตฺตนฺตสฺสาติ อโตฺถฯ นฺติ โยนิโสมนสิการํฯ อกุสลสฺส จ จตุภูมกวิปากสฺส อุปนิสฺสโย โยนิโสมนสิกาโรติ โยชนาฯ เอวํ กิริยสฺสปีติ ยถา กุสลสฺส โยนิโสมนสิการสฺส วเสน อุปนิสฺสโย วุโตฺต, เอวํ กิริยสฺสปิ โยนิโสมนสิการสฺส วเสน โยเชตพฺพนฺติ อโตฺถฯ โส หิ ตํ อุปนิสฺสาย ราคาทิอุปฺปาทเน อกุสลสฺส วุตฺตนเยน กุสลากุสลูปนิสฺสยภาวมุเขน จตุภูมกวิปากสฺส อุปนิสฺสโย โหติเยวฯ ยทิ กิริยสงฺขาโต…เป.… โหติเยว, อถ กสฺมา ปกตูปนิสฺสยวิภชเน กิริยา น คหิตา, อุตุโภชนเสนาสนานิเยว คหิตานีติ อาห ‘‘เนววิปากนวิปากธมฺมธเมฺมสุ…เป.… นยทสฺสนมตฺตเมวา’’ติฯ เอวมาทิกนฺติ อาทิ-สเทฺทน ‘‘กุสลํ ธมฺมํ สหชาโต อพฺยากโต ธโมฺม อุปฺปชฺชติ น อุปนิสฺสยปจฺจยา’’ติ เอวมาทิกํ สงฺคณฺหาติฯ อุปนิสฺสยปริยาโย อุปนิสสโทฺทติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘วิญฺญาณูปนิสํ นามรูปํ, นามรูปูปนิสญฺจ สฬายตนนฺติอาทิเกนา’’ติฯ เอตฺถ หิ วิญฺญาณสฺส นามรูปานํ ผสฺสรูปาทีนํ จกฺขายตนาทีนญฺจ อุปนิสฺสยภาโว วุโตฺตติฯ

    Yathā vipākā kusalānaṃ, evaṃ kiriyāpi tesaṃ upanissayo hotīti taṃ nayaṃ dassetuṃ ‘‘kiriyaṃ atthapaṭisambhidādi’’ntiādi vuttaṃ. Yonisomanasikāre vattabbameva natthīti catubhūmakakusalassapi yonisomanasikāro upanissayo hotīti ettha vattabbameva natthi, tadatthaṃ yonisomanasikāraṃ pavattentassāti attho. Tanti yonisomanasikāraṃ. Akusalassa ca catubhūmakavipākassa upanissayo yonisomanasikāroti yojanā. Evaṃ kiriyassapīti yathā kusalassa yonisomanasikārassa vasena upanissayo vutto, evaṃ kiriyassapi yonisomanasikārassa vasena yojetabbanti attho. So hi taṃ upanissāya rāgādiuppādane akusalassa vuttanayena kusalākusalūpanissayabhāvamukhena catubhūmakavipākassa upanissayo hotiyeva. Yadi kiriyasaṅkhāto…pe… hotiyeva, atha kasmā pakatūpanissayavibhajane kiriyā na gahitā, utubhojanasenāsanāniyeva gahitānīti āha ‘‘nevavipākanavipākadhammadhammesu…pe… nayadassanamattamevā’’ti. Evamādikanti ādi-saddena ‘‘kusalaṃ dhammaṃ sahajāto abyākato dhammo uppajjati na upanissayapaccayā’’ti evamādikaṃ saṅgaṇhāti. Upanissayapariyāyo upanisasaddoti katvā vuttaṃ ‘‘viññāṇūpanisaṃ nāmarūpaṃ, nāmarūpūpanisañca saḷāyatanantiādikenā’’ti. Ettha hi viññāṇassa nāmarūpānaṃ phassarūpādīnaṃ cakkhāyatanādīnañca upanissayabhāvo vuttoti.

    อุปนิสฺสยปจฺจยนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Upanissayapaccayaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ปฎฺฐานปาฬิ • Paṭṭhānapāḷi / (๒) ปจฺจยนิเทฺทโส • (2) Paccayaniddeso

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-มูลฎีกา • Pañcapakaraṇa-mūlaṭīkā / ๙. อุปนิสฺสยปจฺจยนิเทฺทสวณฺณนา • 9. Upanissayapaccayaniddesavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact