Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) |
๓. อุปนียสุตฺตวณฺณนา
3. Upanīyasuttavaṇṇanā
๓. อเนกตฺถตฺตา ธาตุสทฺทานํ อุปสคฺควเสน อตฺถวิเสสวาจโก โหตีติ อาห ‘‘อุปนียตีติ ปริกฺขียติ นิรุชฺฌตี’’ติฯ วินสฺสตีติ อโตฺถฯ อุปนียตีติ วา สรเสเนว ชีวิตสฺส มรณูปคมนํ วุตฺตนฺติ อาห – ‘‘อุปคจฺฉติ วา, อนุปุเพฺพน มรณํ อุเปตีติ อโตฺถ’’ติฯ กามเญฺจตฺถ ‘‘อุปนียตี’’ติ ปทํ อปากฎกมฺมวิเสสํ วุตฺตํฯ ยถา ปน ‘‘สพฺพํ อาโรคฺยํ พฺยาธิปริโยสานํ, สพฺพํ โยพฺพนํ ชราปริโยสานํ, สพฺพํ ชีวิตํ มรณปริโยสาน’’นฺติ, ‘‘อุปนียติ ชีวิต’’นฺติ วุตฺตตฺตา ‘‘มรณํ อุเปตี’’ติ วุตฺตํฯ กมฺมกตฺตุวเสน เหตํ วุตฺตํฯ
3. Anekatthattā dhātusaddānaṃ upasaggavasena atthavisesavācako hotīti āha ‘‘upanīyatīti parikkhīyati nirujjhatī’’ti. Vinassatīti attho. Upanīyatīti vā saraseneva jīvitassa maraṇūpagamanaṃ vuttanti āha – ‘‘upagacchati vā, anupubbena maraṇaṃ upetīti attho’’ti. Kāmañcettha ‘‘upanīyatī’’ti padaṃ apākaṭakammavisesaṃ vuttaṃ. Yathā pana ‘‘sabbaṃ ārogyaṃ byādhipariyosānaṃ, sabbaṃ yobbanaṃ jarāpariyosānaṃ, sabbaṃ jīvitaṃ maraṇapariyosāna’’nti, ‘‘upanīyati jīvita’’nti vuttattā ‘‘maraṇaṃ upetī’’ti vuttaṃ. Kammakattuvasena hetaṃ vuttaṃ.
อิทานิ กมฺมสาธนวเสน อตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘ยถา วา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ โคปาเลน โคคโณ นียติ ยถิจฺฉิตํ ฐานํฯ ชีวนฺติ เตน สตฺตา, สหชาตธมฺมา วาติ ชีวิตํ, ตเทว เตสํ อนุปาลเน อาธิปจฺจสพฺภาวโต อินฺทฺริยนฺติ อาห ‘‘ชีวิตนฺติ ชีวิตินฺทฺริย’’นฺติ ปริตฺตนฺติ อิตฺตรํฯ เตนาห ‘‘โถก’’นฺติฯ ปพนฺธานุปเจฺฉทสฺส ปจฺจยภาโว อิธ ชีวิตสฺส มรณกิจฺจนฺติ อธิเปฺปตนฺติ อาห ‘‘สรสปริตฺตตาย จา’’ติอาทิฯ อายูติ จ ปรมายุ อิธาธิเปฺปตํ, ตญฺจ อชฺชกาลวเสน เวทิตพฺพํฯ
Idāni kammasādhanavasena atthaṃ dassetuṃ ‘‘yathā vā’’tiādi vuttaṃ. Gopālena gogaṇo nīyati yathicchitaṃ ṭhānaṃ. Jīvanti tena sattā, sahajātadhammā vāti jīvitaṃ, tadeva tesaṃ anupālane ādhipaccasabbhāvato indriyanti āha ‘‘jīvitanti jīvitindriya’’nti parittanti ittaraṃ. Tenāha ‘‘thoka’’nti. Pabandhānupacchedassa paccayabhāvo idha jīvitassa maraṇakiccanti adhippetanti āha ‘‘sarasaparittatāya cā’’tiādi. Āyūti ca paramāyu idhādhippetaṃ, tañca ajjakālavasena veditabbaṃ.
อิมสฺมิญฺหิ พุทฺธุปฺปาเท อยํ กถาติ ชีวิตสฺส อติอิตฺตรภาวทีปนปรา อยํ เทสนาฯ ชีวิตินฺทฺริยวเสน ชีวิตกฺขยํ นิยเมโนฺต ‘‘เอกจิตฺตปฺปวตฺติมโตฺตเยวา’’ติ อาห, เอกสฺส จิตฺตุปฺปาทสฺส ปวตฺติกฺขณมโตฺต เอวาติ อโตฺถฯ อิทานิ ตมตฺถํ อุปมาย วิภาเวตุํ ‘‘ยถา นามา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ปวตฺตมานนฺติ เนมิรถีสา วตฺตนฺตี เอเกเนว เนมิปฺปเทเสน ปวตฺตติ เอกสฺมิํ ขเณติ อธิปฺปาโยฯ ‘‘เอเกเนว ติฎฺฐตี’’ติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ เอกจิตฺตกฺขณิกนฺติ เอกจิตฺตกฺขณมตฺตวนฺตํฯ ตสฺมิํ จิเตฺตติ ตสฺมิํ ยสฺมิํ กิสฺมิญฺจิ เอกสฺมิํ จิเตฺตฯ นิรุทฺธมเตฺตติ นิรุทฺธภาวปฺปตฺตมเตฺตฯ นิรุโทฺธติ วุจฺจตีติ มโตติ วุจฺจติ ตํสมงฺคี สโตฺต ปรมตฺถโตฯ อวิเสสวิทุโน ปน อวิญฺญายมานนฺตเรน อนุสนฺธานสฺส นิรุทฺธนํ นิโรธํ สลฺลเกฺขนฺติฯ ยถาวุตฺตมตฺถํ สุเตฺตน วิภาเวตุํ ‘‘ยถาหา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เตน ตีสุปิ กาเลสุ สตฺตานํ ปรมตฺถโต ชีวนํ มรณํ จิตฺตกฺขณวเสเนวาติ ทเสฺสติฯ
Imasmiñhi buddhuppāde ayaṃ kathāti jīvitassa atiittarabhāvadīpanaparā ayaṃ desanā. Jīvitindriyavasena jīvitakkhayaṃ niyamento ‘‘ekacittappavattimattoyevā’’ti āha, ekassa cittuppādassa pavattikkhaṇamatto evāti attho. Idāni tamatthaṃ upamāya vibhāvetuṃ ‘‘yathā nāmā’’tiādi vuttaṃ. Tattha pavattamānanti nemirathīsā vattantī ekeneva nemippadesena pavattati ekasmiṃ khaṇeti adhippāyo. ‘‘Ekeneva tiṭṭhatī’’ti etthāpi eseva nayo. Ekacittakkhaṇikanti ekacittakkhaṇamattavantaṃ. Tasmiṃ citteti tasmiṃ yasmiṃ kismiñci ekasmiṃ citte. Niruddhamatteti niruddhabhāvappattamatte. Niruddhoti vuccatīti matoti vuccati taṃsamaṅgī satto paramatthato. Avisesaviduno pana aviññāyamānantarena anusandhānassa niruddhanaṃ nirodhaṃ sallakkhenti. Yathāvuttamatthaṃ suttena vibhāvetuṃ ‘‘yathāhā’’tiādi vuttaṃ. Tena tīsupi kālesu sattānaṃ paramatthato jīvanaṃ maraṇaṃ cittakkhaṇavasenevāti dasseti.
ชีวิตนฺติ ชีวิตินฺทฺริยํฯ อตฺตภาโวติ ชีวิตเวทนาวิญฺญาณานิ ฐเปตฺวา อวสิฎฺฐธมฺมา อธิเปฺปตาฯ สุขทุกฺขาติ สุขทุกฺขา เวทนา, อุเปกฺขาปิ อิธ สุขทุกฺขาเสฺวว อโนฺตคธา อิฎฺฐานิฎฺฐภาวโตฯ เกวลาติ อตฺตนา, นิจฺจภาเวน วา อโวมิสฺสาฯ เอกจิตฺตสมายุตฺตาติ เอกเกน จิเตฺตน สหิตาฯ ลหุโส วตฺตเต ขโณติ วุตฺตนเยน เอกจิตฺตกฺขณิกตาย ลหุโก อติอิตฺตโร ชีวิตาทีนํ ขโณ วตฺตติฯ
Jīvitanti jīvitindriyaṃ. Attabhāvoti jīvitavedanāviññāṇāni ṭhapetvā avasiṭṭhadhammā adhippetā. Sukhadukkhāti sukhadukkhā vedanā, upekkhāpi idha sukhadukkhāsveva antogadhā iṭṭhāniṭṭhabhāvato. Kevalāti attanā, niccabhāvena vā avomissā. Ekacittasamāyuttāti ekakena cittena sahitā. Lahuso vattate khaṇoti vuttanayena ekacittakkhaṇikatāya lahuko atiittaro jīvitādīnaṃ khaṇo vattati.
เย นิรุทฺธา มรนฺตสฺสาติ จวนฺตสฺส สตฺตสฺส จุติโต อุทฺธํ นิรุทฺธาติ วตฺตพฺพา เย ขนฺธาฯ ติฎฺฐมานสฺส วา อิธาติ เย วา อิธ ปวตฺติยํ ติฎฺฐมานสฺส ธรนฺตสฺส ภงฺคปฺปตฺติยา นิรุทฺธา ขนฺธา, สเพฺพปิ สทิสา เต สเพฺพปิ เอกสทิสา คตา อตฺถงฺคตา อปฺปฎิสนฺธิยา ปุน อาคนฺตฺวา ปฎิสนฺธานาภาเวน วิคตาฯ ยถา หิ จุติขนฺธา น นิพฺพตฺตนฺติ, เอวํ ตโต ปุเพฺพปิ ขนฺธาฯ ตสฺมา เอกจิตฺตกฺขณิกํ สตฺตานํ ชีวิตนฺติ อธิปฺปาโยฯ
Ye niruddhā marantassāti cavantassa sattassa cutito uddhaṃ niruddhāti vattabbā ye khandhā. Tiṭṭhamānassa vā idhāti ye vā idha pavattiyaṃ tiṭṭhamānassa dharantassa bhaṅgappattiyā niruddhā khandhā, sabbepi sadisā te sabbepi ekasadisā gatā atthaṅgatā appaṭisandhiyā puna āgantvā paṭisandhānābhāvena vigatā. Yathā hi cutikhandhā na nibbattanti, evaṃ tato pubbepi khandhā. Tasmā ekacittakkhaṇikaṃ sattānaṃ jīvitanti adhippāyo.
อนิพฺพเตฺตน น ชาโตติ อนุปฺปเนฺนน จิเตฺตน ชาโต น โหติ ‘‘อนาคเต จิตฺตกฺขเณ น ชีวิตฺถ น ชีวติ ชีวิสฺสตี’’ติ วตฺตพฺพโตฯ ปจฺจุปฺปเนฺนน วตฺตมาเนน จิเตฺตน ชีวติ ชีวมาโน นาม โหติ, น ชีวิตฺถ น ชีวิสฺสติฯ จิตฺตภงฺคา มโต โลโกติ จุติจิตฺตสฺส วิย สพฺพสฺสปิ ตสฺส ตสฺส จิตฺตสฺส ภงฺคปฺปตฺติยา อยํ โลโก ปรมตฺถโต มโต นาม โหติ ‘‘อตีเต จิตฺตกฺขเณ ชีวิตฺถ น ชีวติ น ชีวิสฺสตี’’ติ วตฺตพฺพโต, นิรุทฺธสฺส อปฺปฎิสนฺธิกตฺตาฯ เอวํ สเนฺตปิ ปญฺญตฺติ ปรมตฺถิยา, ยายํ ตํ ตํ ปวตฺตํ จิตฺตํ อุปาทาย ‘‘ติโสฺส ชีวติ, ผุโสฺส ชีวตี’’ติ วจนปฺปวตฺติยา วิสยภูตา สนฺตานปญฺญตฺติ, สา เอตฺถ ปรมตฺถิยา ปรมตฺถภูตาฯ ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘นามโคตฺตํ น ชีรตี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๗๖)ฯ
Anibbattena na jātoti anuppannena cittena jāto na hoti ‘‘anāgate cittakkhaṇe na jīvittha na jīvati jīvissatī’’ti vattabbato. Paccuppannena vattamānena cittena jīvati jīvamāno nāma hoti, na jīvittha na jīvissati. Cittabhaṅgā mato lokoti cuticittassa viya sabbassapi tassa tassa cittassa bhaṅgappattiyā ayaṃ loko paramatthato mato nāma hoti ‘‘atīte cittakkhaṇe jīvittha na jīvati na jīvissatī’’ti vattabbato, niruddhassa appaṭisandhikattā. Evaṃ santepi paññatti paramatthiyā, yāyaṃ taṃ taṃ pavattaṃ cittaṃ upādāya ‘‘tisso jīvati, phusso jīvatī’’ti vacanappavattiyā visayabhūtā santānapaññatti, sā ettha paramatthiyā paramatthabhūtā. Tathā hi vuttaṃ ‘‘nāmagottaṃ na jīratī’’ti (saṃ. ni. 1.76).
น สนฺติ ตาณาติ ชรํ อุปคตสฺส ตโต ตํนิมิตฺตํ ยํ วา ปาปการิโน ปาปกมฺมานํ อุปฎฺฐานวเสน ปุญฺญการิโน ปิยวิปฺปโยควเสน จิตฺตทุกฺขํ อุภเยสมฺปิ พนฺธนเจฺฉทนาทิวเสน วิตุชฺชมานํ อนปฺปกํ สรีรทุกฺขํ สโมฺมหปฺปตฺติ จ โหติ, ตโต ตายนฺตา น สนฺติฯ เตนาห – ‘‘ตาณํ เลณํ สรณํ ภวิตุํ สมตฺถา นาม เกจิ นตฺถี’’ติฯ ภายติ เอตสฺมาติ ภยํ, ภยนิมิตฺตนฺติ อาห ‘‘ภยวตฺถู’’ติฯ ตคฺคหเณน จ จิตฺตุตฺราสลกฺขณํ ภยํ คหิตเมว, สติ นิมิเตฺต เนมิตฺตํ สนฺตเมวาติฯ ปุพฺพเจตนนฺติ เอกาวชฺชนวีถิยํ นานาวชฺชนวีถิยํ สมฺปวตฺตํ อุปจารชฺฌานเจตนํฯ อปรเจตนนฺติ วสีภาวาปาทนวเสน ปรโต สมาปชฺชนวเสน จ ปวตฺตํ สมาปตฺติเจตนํฯ มุญฺจเจตนนฺติ วิกฺขมฺภนวเสน ปวตฺตํ ปฐมปฺปนาเจตนํฯ กุสลชฺฌานสฺส วิปากชฺฌาเนว ลพฺภมานํ สุขํ ฌานสุขํฯ อิฎฺฐปริยาโย เจตฺถ สุข-สโทฺทฯ ฌาเน อเปกฺขา ฌานนิกนฺติฯ ฌานสฺส อสฺสาทวเสน ปวโตฺต โลโภ ฌานสฺสาโทฯ เยน เต เต พฺรหฺมาโน ฌานโต วุฎฺฐาย ‘‘อโห สุขํ อโห สุข’’นฺติ วาจํ นิจฺฉาเรสุนฺติฯ ยถา เทวา สุขพหุลา ติเหตุปฎิสนฺธิกาวาติ ปฎิปชฺชนฺตา ฌานํ อธิคนฺตุํ ภพฺพา, น อิตเรติ ‘‘กามาวจรเทเวสู’’ติ วุตฺตํฯ กามาวจรา จ อุปริเทวา จ กามาวจรเทวาติ เอกเทสสรูเปกเสโส ทฎฺฐโพฺพฯ เตน มนุสฺสานมฺปิ เอกจฺจานํ สเพฺพสมฺปิ วา สงฺคโห สิโทฺธ โหติ ปตฺถนาปริกปฺปนาย วิสยภาวโตฯ เตนาห ‘‘อโห วติเม จ…เป.… ติเฎฺฐยฺยุ’’นฺติฯ ถุลฺลานิ ผุสิตานิ วิปฺผุรานิ เอตฺถาติ ถุลฺลผุสิตโก, กาโล, เทโส วาฯ ตสฺมิํ ถุลฺลผุสิตเกฯ
Nasanti tāṇāti jaraṃ upagatassa tato taṃnimittaṃ yaṃ vā pāpakārino pāpakammānaṃ upaṭṭhānavasena puññakārino piyavippayogavasena cittadukkhaṃ ubhayesampi bandhanacchedanādivasena vitujjamānaṃ anappakaṃ sarīradukkhaṃ sammohappatti ca hoti, tato tāyantā na santi. Tenāha – ‘‘tāṇaṃ leṇaṃ saraṇaṃ bhavituṃ samatthā nāma keci natthī’’ti. Bhāyati etasmāti bhayaṃ, bhayanimittanti āha ‘‘bhayavatthū’’ti. Taggahaṇena ca cittutrāsalakkhaṇaṃ bhayaṃ gahitameva, sati nimitte nemittaṃ santamevāti. Pubbacetananti ekāvajjanavīthiyaṃ nānāvajjanavīthiyaṃ sampavattaṃ upacārajjhānacetanaṃ. Aparacetananti vasībhāvāpādanavasena parato samāpajjanavasena ca pavattaṃ samāpatticetanaṃ. Muñcacetananti vikkhambhanavasena pavattaṃ paṭhamappanācetanaṃ. Kusalajjhānassa vipākajjhāneva labbhamānaṃ sukhaṃ jhānasukhaṃ. Iṭṭhapariyāyo cettha sukha-saddo. Jhāne apekkhā jhānanikanti. Jhānassa assādavasena pavatto lobho jhānassādo. Yena te te brahmāno jhānato vuṭṭhāya ‘‘aho sukhaṃ aho sukha’’nti vācaṃ nicchāresunti. Yathā devā sukhabahulā tihetupaṭisandhikāvāti paṭipajjantā jhānaṃ adhigantuṃ bhabbā, na itareti ‘‘kāmāvacaradevesū’’ti vuttaṃ. Kāmāvacarā ca uparidevā ca kāmāvacaradevāti ekadesasarūpekaseso daṭṭhabbo. Tena manussānampi ekaccānaṃ sabbesampi vā saṅgaho siddho hoti patthanāparikappanāya visayabhāvato. Tenāha ‘‘aho vatime ca…pe… tiṭṭheyyu’’nti. Thullāni phusitāni vipphurāni etthāti thullaphusitako, kālo, deso vā. Tasmiṃ thullaphusitake.
‘‘ปุญฺญานิ กยิราถ สุขาวหานี’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘อนิยฺยานิกํ วฎฺฎกถํ กเถตี’’ติ วุตฺตํฯ ลุชฺชนปลุชฺชนเฎฺฐน โลโก, กิเลเสหิ อามสิตพฺพโต อามิสญฺจาติ โลกามิสํฯ นิปฺปริยายามิสํ ปน โลเก อามิสนฺติปิ โลกามิสํฯ ปริยาเยติ สภาวโต ปริวเตฺตตฺวา ญาเปติ เอเตนาติ ปริยาโย, เลโส, การณํ วาติ อาห ‘‘นิปฺปริยาเยน จตฺตาโร ปจฺจยา’’ติ, วฎฺฎสฺส เอกนฺตโต พาลโลเกเหว อามสิตพฺพภาวโต ปริยายามิสตา วุตฺตาฯ อิธ ปริ..เป.… อธิเปฺปตํ วิวฎฺฎปฎิโยคิโน อิจฺฉิตตฺตาฯ จตุปจฺจยาเปกฺขญฺหิ ปหานํฯ เอกจฺจสฺส สกลวฎฺฎาเปกฺขปฺปหานสฺสปิ ปจฺจโย โหตีติ ‘‘วฎฺฎติเยวา’’ติ สาสงฺกํ วทติฯ วูปสมติ เอตฺถ สกลวฎฺฎทุกฺขนฺติ สนฺติ, อสงฺขตธาตูติ อาห ‘‘นิพฺพานสงฺขาต’’นฺติฯ
‘‘Puññāni kayirātha sukhāvahānī’’ti vuttattā ‘‘aniyyānikaṃ vaṭṭakathaṃ kathetī’’ti vuttaṃ. Lujjanapalujjanaṭṭhena loko, kilesehi āmasitabbato āmisañcāti lokāmisaṃ. Nippariyāyāmisaṃ pana loke āmisantipi lokāmisaṃ. Pariyāyeti sabhāvato parivattetvā ñāpeti etenāti pariyāyo, leso, kāraṇaṃ vāti āha ‘‘nippariyāyena cattāro paccayā’’ti, vaṭṭassa ekantato bālalokeheva āmasitabbabhāvato pariyāyāmisatā vuttā. Idha pari..pe… adhippetaṃ vivaṭṭapaṭiyogino icchitattā. Catupaccayāpekkhañhi pahānaṃ. Ekaccassa sakalavaṭṭāpekkhappahānassapi paccayo hotīti ‘‘vaṭṭatiyevā’’ti sāsaṅkaṃ vadati. Vūpasamati ettha sakalavaṭṭadukkhanti santi, asaṅkhatadhātūti āha ‘‘nibbānasaṅkhāta’’nti.
อุปนียสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Upanīyasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๓. อุปนียสุตฺตํ • 3. Upanīyasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๓. อุปนียสุตฺตวณฺณนา • 3. Upanīyasuttavaṇṇanā