Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā |
อุปาสกตฺตปฎิเวทนากถาวณฺณนา
Upāsakattapaṭivedanākathāvaṇṇanā
๑๕. อญฺญาณนฺติ ธิ-สทฺทโยเคน สามิอเตฺถ อุปโยควจนํฯ ปาทานีติ ปาเทฯ ยสสาติ ปริวาเรนฯ โกตูหลจฺฉเรติ โกตูหเล อจฺฉเร จฯ อยนฺติ อมิกฺกนฺต-สโทฺทฯ นยิทํ อาเมฑิตวเสน ทฺวิกฺขตฺตุํ, อถ โข อตฺถทฺวยวเสนาติ ทเสฺสโนฺต อถ วาติอาทิมาหฯ อวิเสเสน อตฺถสามเญฺญน นิปฺผโนฺน อภิกฺกนฺตนฺติ ภาวนปุํสกนิเทฺทโส, เทสนาปสาทาทิวิเสสาเปกฺขายปิ ตเถว ติฎฺฐติ ปุเพฺพ นิปฺผนฺนตฺตาติ อาห ‘‘อภิกฺกนฺตํ…เป.… ปสาโท’’ติฯ อโธมุขฐปิตํ เกนจิฯ เหฎฺฐามุขชาตํ สยเมวฯ ปริยาเยหีติ ปกาเรหิ, อรสรูปตฺตาทิปฎิปาทกการเณหิ วาฯ
15.Aññāṇanti dhi-saddayogena sāmiatthe upayogavacanaṃ. Pādānīti pāde. Yasasāti parivārena. Kotūhalacchareti kotūhale acchare ca. Ayanti amikkanta-saddo. Nayidaṃ āmeḍitavasena dvikkhattuṃ, atha kho atthadvayavasenāti dassento atha vātiādimāha. Avisesena atthasāmaññena nipphanno abhikkantanti bhāvanapuṃsakaniddeso, desanāpasādādivisesāpekkhāyapi tatheva tiṭṭhati pubbe nipphannattāti āha ‘‘abhikkantaṃ…pe… pasādo’’ti. Adhomukhaṭhapitaṃ kenaci. Heṭṭhāmukhajātaṃ sayameva. Pariyāyehīti pakārehi, arasarūpattādipaṭipādakakāraṇehi vā.
คมุธาตุสฺส ทฺวิกมฺมกตฺตาภาวา โคตมํ สรณนฺติ อิทํ ปททฺวยมฺปิ น อุปโยควจนํฯ อปิ จ โข ปุริมเมว, ปจฺฉิมํ ปน ปจฺจตฺตวจนนฺติ ทเสฺสตุํ ‘‘โคตมํ สรณนฺติ คจฺฉามี’’ติ วุตฺตํฯ เตน จ อิติ-สโทฺท ลุตฺตนิทฺทิโฎฺฐติ ทเสฺสติฯ อฆสฺสาติ อฆโต ปาปโตฯ ตาตาติ หิ ปทํ อเปกฺขิตฺวา นิสฺสกฺกเสฺสว ยุตฺตตฺตาฯ อธิคตมเคฺค สจฺฉิกตนิโรเธติ ปททฺวเยนาปิ ผลฎฺฐา เอว ทสฺสิตา, น มคฺคฎฺฐาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยถานุสิฎฺฐํ ปฎิปชฺชมาเน จา’’ติ อาหฯ วิตฺถาโรติ อิมินา ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, ธมฺมา สงฺขตา วา อสงฺขตา วา, วิราโค เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติ (อิติวุ. ๙๐; อ. นิ. ๔.๓๔) วุตฺตปทํ สงฺคณฺหาติฯ อเนชนฺติ นิตฺตณฺหํฯ อปฺปฎิกูลนฺติ อวิโรธตฺถทีปนโต อวิรุทฺธสุจิํ ปณีตํ วาฯ วาจาย ปคุณีกตฺตพฺพโต, ปกเฎฺฐหิ สทฺทตฺถคุเณหิ โยคโต วา ปคุณํฯ สํหโตติ ฆฎิโต สเมโต ฯ ยตฺถาติ เยสุ ปุริสยุเคสูติ สมฺพโนฺธฯ อฎฺฐ จ ปุคฺคลธมฺมทสา เตติ เต อฎฺฐ ปุคฺคลา อริยธมฺมสฺส ทิฎฺฐตฺตา ธมฺมทสาฯ
Gamudhātussa dvikammakattābhāvā gotamaṃ saraṇanti idaṃ padadvayampi na upayogavacanaṃ. Api ca kho purimameva, pacchimaṃ pana paccattavacananti dassetuṃ ‘‘gotamaṃ saraṇanti gacchāmī’’ti vuttaṃ. Tena ca iti-saddo luttaniddiṭṭhoti dasseti. Aghassāti aghato pāpato. Tātāti hi padaṃ apekkhitvā nissakkasseva yuttattā. Adhigatamagge sacchikatanirodheti padadvayenāpi phalaṭṭhā eva dassitā, na maggaṭṭhāti dassento ‘‘yathānusiṭṭhaṃ paṭipajjamāne cā’’ti āha. Vitthāroti iminā ‘‘yāvatā, bhikkhave, dhammā saṅkhatā vā asaṅkhatā vā, virāgo tesaṃ aggamakkhāyatī’’ti (itivu. 90; a. ni. 4.34) vuttapadaṃ saṅgaṇhāti. Anejanti nittaṇhaṃ. Appaṭikūlanti avirodhatthadīpanato aviruddhasuciṃ paṇītaṃ vā. Vācāya paguṇīkattabbato, pakaṭṭhehi saddatthaguṇehi yogato vā paguṇaṃ. Saṃhatoti ghaṭito sameto . Yatthāti yesu purisayugesūti sambandho. Aṭṭha ca puggaladhammadasā teti te aṭṭha puggalā ariyadhammassa diṭṭhattā dhammadasā.
สรณนฺติอาทีสุ อยํ สเงฺขปโตฺถ – ภยหิํสนาทิอเตฺถน รตนตฺตยํ สรณํ นาม, ตเทว เม รตนตฺตยํ ตาณํ เลณํ ปรายณนฺติ พุทฺธสุพุทฺธตาทิคุณวเสน ตปฺปรายณตาการปฺปวโตฺต จิตฺตุปฺปาโท สรณคมนํ นามฯ ยถาวุเตฺตน อิมินา จิตฺตุปฺปาเทน สมนฺนาคโต สรณํ คจฺฉติ นามฯ เอตสฺส จ สรณคมนสฺส โลกิยโลกุตฺตรวเสน ทุวิโธ ปเภโทฯ ตตฺถ โลกุตฺตรํ สรณคมนูปกฺกิเลสสมุเจฺฉเทน มคฺคกฺขเณเยว สิชฺฌติฯ โลกิยสรณคมนํ จตุธา ปวตฺตติ อหํ อตฺตานํ พุทฺธสฺส ปริจฺจชามีติอาทินา อตฺตนิยฺยาตเนน, ยถาวุตฺตตปฺปรายณตาย, สิสฺสภาวูปคมเนน, ปณิปาเตน จาติฯ สพฺพตฺถาปิ เจตฺถ เสฎฺฐทกฺขิเณยฺยภาววเสเนว สรณคมนํ โหติ, น ญาติภยาจริยาทิวเสนาติ เวทิตพฺพํฯ เอวํ ญาติอาทิวเสน ติตฺถิยํ วนฺทโต สรณํ น ภิชฺชติ, ทกฺขิเณยฺยภาเวน อญฺญํ วนฺทโต สรณํ ภิชฺชติฯ โลกิยสฺส สรณคมนสฺส นิพฺพานปฺปตฺตินิยมํ สทิสผลํ สรณคตสฺส อนาคเต นิพฺพานปฺปตฺตินิยมโตฯ สพฺพโลกิยสมฺปตฺติสมธิคโม ปน อปายทุกฺขาทิสมติกฺกโม จ อานิสํสผลํฯ ตีสุ วตฺถูสุ จสฺส สํสยมิจฺฉาญาณาทิ สํกิเลโสฯ เภโทปิสฺส สาวชฺชานวชฺชวเสน ทุวิโธฯ ตตฺถ ปฐโม มิจฺฉาทิฎฺฐิปุพฺพเกหิ ติตฺถิยปณิปาตาทีหิ โหติ, โส จ อนิฎฺฐผลตฺตา สาวโชฺชฯ อนวโชฺช ปน กาลกิริยาย โหติฯ โลกุตฺตรสรณคมนสฺส สพฺพถา สํกิเลโส วา เภโท วา นตฺถีติ เวทิตพฺพํฯ
Saraṇantiādīsu ayaṃ saṅkhepattho – bhayahiṃsanādiatthena ratanattayaṃ saraṇaṃ nāma, tadeva me ratanattayaṃ tāṇaṃ leṇaṃ parāyaṇanti buddhasubuddhatādiguṇavasena tapparāyaṇatākārappavatto cittuppādo saraṇagamanaṃ nāma. Yathāvuttena iminā cittuppādena samannāgato saraṇaṃ gacchati nāma. Etassa ca saraṇagamanassa lokiyalokuttaravasena duvidho pabhedo. Tattha lokuttaraṃ saraṇagamanūpakkilesasamucchedena maggakkhaṇeyeva sijjhati. Lokiyasaraṇagamanaṃ catudhā pavattati ahaṃ attānaṃ buddhassa pariccajāmītiādinā attaniyyātanena, yathāvuttatapparāyaṇatāya, sissabhāvūpagamanena, paṇipātena cāti. Sabbatthāpi cettha seṭṭhadakkhiṇeyyabhāvavaseneva saraṇagamanaṃ hoti, na ñātibhayācariyādivasenāti veditabbaṃ. Evaṃ ñātiādivasena titthiyaṃ vandato saraṇaṃ na bhijjati, dakkhiṇeyyabhāvena aññaṃ vandato saraṇaṃ bhijjati. Lokiyassa saraṇagamanassa nibbānappattiniyamaṃ sadisaphalaṃ saraṇagatassa anāgate nibbānappattiniyamato. Sabbalokiyasampattisamadhigamo pana apāyadukkhādisamatikkamo ca ānisaṃsaphalaṃ. Tīsu vatthūsu cassa saṃsayamicchāñāṇādi saṃkileso. Bhedopissa sāvajjānavajjavasena duvidho. Tattha paṭhamo micchādiṭṭhipubbakehi titthiyapaṇipātādīhi hoti, so ca aniṭṭhaphalattā sāvajjo. Anavajjo pana kālakiriyāya hoti. Lokuttarasaraṇagamanassa sabbathā saṃkileso vā bhedo vā natthīti veditabbaṃ.
โก อุปาสโกติอาทิ อุปาสกตฺตสรูปการณาทิปุจฺฉาฯ ตตฺถ โย คหโฎฺฐ มนุโสฺส วา อมนุโสฺส วา วุตฺตนเยน ติสรณํ คโต, อยํ อุปาสโกฯ โย จ สรณคมนาทิกิริยาย รตนตฺตยํ อุปาสนโต ‘‘อุปาสโก’’ติ วุจฺจติฯ ปญฺจ เวรมณิโย จสฺส สีลํฯ ปญฺจมิจฺฉาวาณิชฺชาทิปาปาชีวํ ปหาย ธเมฺมน สเมน ชีวิตกปฺปนมสฺส อาชีโวฯ อสฺสทฺธิยทุสฺสีลตาทโย อุปาสกตฺตสฺส วิปตฺติ, ตทภาโว สมฺปตฺตีติ เวทิตพฺพาฯ
Ko upāsakotiādi upāsakattasarūpakāraṇādipucchā. Tattha yo gahaṭṭho manusso vā amanusso vā vuttanayena tisaraṇaṃ gato, ayaṃ upāsako. Yo ca saraṇagamanādikiriyāya ratanattayaṃ upāsanato ‘‘upāsako’’ti vuccati. Pañca veramaṇiyo cassa sīlaṃ. Pañcamicchāvāṇijjādipāpājīvaṃ pahāya dhammena samena jīvitakappanamassa ājīvo. Assaddhiyadussīlatādayo upāsakattassa vipatti, tadabhāvo sampattīti veditabbā.
วิหารเคฺคนาติ โอวรกาทิวสนฎฺฐานโกฎฺฐาเสนฯ อชฺชภาวนฺติ อสฺมิํ อหนิ ปวตฺตํ ปสาทาทิํฯ กายวิญฺญตฺติเหตุโก สรีราวยโว กายงฺคํฯ วจีวิญฺญตฺติเหตุกํ โอฎฺฐชิวฺหาทิ วาจงฺคํฯ อโจเปตฺวาติ อจาเลตฺวาฯ เอเตน จ วจีปวตฺติยา ปุพฺพภาเค ฐานกรณานํ จลนปจฺจโย วาโยธาตุยา วิการากาโร วิสุํ กายวิญฺญตฺติ น โหติ, เตน วิสุํ วิญฺญาเปตพฺพสฺส อธิปฺปายสฺส อภาวา วจีวิญฺญตฺติยเมว สงฺคยฺหติ ตทุปการตฺตาฯ ยถา กาเยน กายกณฺฑุยนาทีสุ สทฺทุปฺปตฺติเหตุภูโต ปถวีธาตุยา อาการวิกาโร วิสุํ อธิปฺปายสฺส อวิญฺญาปนโต วจีวิญฺญตฺติ น โหติ, เอวมยมฺปีติ ทเสฺสติฯ อธิปฺปายวิญฺญาปนโต เหตา วิญฺญตฺติโย นาม ชาตา, น เกวลํ วายุปถวีนํ จลนสทฺทุปฺปตฺติปจฺจยภูตวิการาการมตฺตตายฯ เอวญฺจ พหิทฺธา รุกฺขาทีสุ จลนสทฺทุปฺปตฺติปจฺจยานํ ยถาวุตฺตปฺปการานํ วิการาการานํ อวิญฺญตฺติตา สมตฺถิตา โหตีติ เวทิตพฺพาฯ เกจิ วาจงฺคนฺติ ‘‘โหตุ สาธู’’ติ เอวมาทิวาจาย อวยวนฺติอาทิํ วทนฺติ, ตํ อโจเปตฺวาติ อิมินา น สเมติฯ ขนฺติํ จาเรตฺวาติ อนุมติํ ปวเตฺตตฺวาฯ ‘‘ขนฺติํ ธาเรตฺวา’’ติปิ ปาโฐ, พหิ อนิกฺขมนวเสน คณฺหิตฺวาติ อโตฺถฯ ปฎิมุโขติ ภควติ ปฎินิวตฺตมุโข, เตนาห ‘‘อปกฺกมิตฺวา’’ติฯ
Vihāraggenāti ovarakādivasanaṭṭhānakoṭṭhāsena. Ajjabhāvanti asmiṃ ahani pavattaṃ pasādādiṃ. Kāyaviññattihetuko sarīrāvayavo kāyaṅgaṃ. Vacīviññattihetukaṃ oṭṭhajivhādi vācaṅgaṃ. Acopetvāti acāletvā. Etena ca vacīpavattiyā pubbabhāge ṭhānakaraṇānaṃ calanapaccayo vāyodhātuyā vikārākāro visuṃ kāyaviññatti na hoti, tena visuṃ viññāpetabbassa adhippāyassa abhāvā vacīviññattiyameva saṅgayhati tadupakārattā. Yathā kāyena kāyakaṇḍuyanādīsu sadduppattihetubhūto pathavīdhātuyā ākāravikāro visuṃ adhippāyassa aviññāpanato vacīviññatti na hoti, evamayampīti dasseti. Adhippāyaviññāpanato hetā viññattiyo nāma jātā, na kevalaṃ vāyupathavīnaṃ calanasadduppattipaccayabhūtavikārākāramattatāya. Evañca bahiddhā rukkhādīsu calanasadduppattipaccayānaṃ yathāvuttappakārānaṃ vikārākārānaṃ aviññattitā samatthitā hotīti veditabbā. Keci vācaṅganti ‘‘hotu sādhū’’ti evamādivācāya avayavantiādiṃ vadanti, taṃ acopetvāti iminā na sameti. Khantiṃ cāretvāti anumatiṃ pavattetvā. ‘‘Khantiṃ dhāretvā’’tipi pāṭho, bahi anikkhamanavasena gaṇhitvāti attho. Paṭimukhoti bhagavati paṭinivattamukho, tenāha ‘‘apakkamitvā’’ti.
๑๖. ยาจธาตุสฺส ทฺวิกมฺมกตฺตา ‘‘ภควา วสฺสาวาสํ ยาจิโต’’ติ วุตฺตํฯ สุสสฺสกาเลปีติ วุตฺตเมวตฺถํ ปากฎํ กาตุํ ‘‘อติสมเคฺฆปี’’ติ วุตฺตํฯ อติวิย อปฺปเคฺฆปิ ยทา กิญฺจิเทว ทตฺวา พหุํ ปุพฺพณฺณาปรณฺณํ คณฺหนฺติ, ตาทิเส กาเลปีติ อโตฺถฯ ภิกฺขมานาติ ยาจมานาฯ วุตฺตสสฺสนฺติ วปิตสสฺสํฯ ตตฺถาติ เวรญฺชายํ, เอเตน ‘‘วุตฺตํ สลากา เอว โหติ เอตฺถาติ สลากาวุตฺตา’’ติ วิเสสนสฺส ปรนิปาเตน นิพฺพจนํ ทเสฺสติฯ อถ วา ‘‘สพฺพํ สสฺสํ สลากามตฺตเมว วุตฺตํ นิพฺพตฺตํ สมฺปนฺนํ เอตฺถาติ สลากาวุตฺตา’’ติปิ นิพฺพจนํ ทฎฺฐพฺพํ, เตนาห ‘‘สลากา เอว สมฺปชฺชตี’’ติฯ ‘‘สลากาย วุตฺตํ ชีวิกา เอติสฺสนฺติ สลากาวุตฺตา’’ติปิ นิพฺพจนํ ทเสฺสตุํ สลากาย วาติอาทิ วุตฺตํฯ ธญฺญกรณฎฺฐาเนติ ธญฺญมินนฎฺฐาเนฯ วณฺณชฺฌกฺขนฺติ กหาปณปริกฺขกํฯ
16. Yācadhātussa dvikammakattā ‘‘bhagavā vassāvāsaṃ yācito’’ti vuttaṃ. Susassakālepīti vuttamevatthaṃ pākaṭaṃ kātuṃ ‘‘atisamagghepī’’ti vuttaṃ. Ativiya appagghepi yadā kiñcideva datvā bahuṃ pubbaṇṇāparaṇṇaṃ gaṇhanti, tādise kālepīti attho. Bhikkhamānāti yācamānā. Vuttasassanti vapitasassaṃ. Tatthāti verañjāyaṃ, etena ‘‘vuttaṃ salākā eva hoti etthāti salākāvuttā’’ti visesanassa paranipātena nibbacanaṃ dasseti. Atha vā ‘‘sabbaṃ sassaṃ salākāmattameva vuttaṃ nibbattaṃ sampannaṃ etthāti salākāvuttā’’tipi nibbacanaṃ daṭṭhabbaṃ, tenāha ‘‘salākā eva sampajjatī’’ti. ‘‘Salākāya vuttaṃ jīvikā etissanti salākāvuttā’’tipi nibbacanaṃ dassetuṃ salākāya vātiādi vuttaṃ. Dhaññakaraṇaṭṭhāneti dhaññaminanaṭṭhāne. Vaṇṇajjhakkhanti kahāpaṇaparikkhakaṃ.
อุเญฺฉน ปคฺคเหนาติ เอตฺถ ปคฺคเหนาติ ปเตฺตน, ตํ คเหตฺวาติ อโตฺถฯ ปคฺคยฺหติ เอเตน ภิกฺขาติ หิ ปคฺคโห, ปโตฺตฯ เตนาห ปคฺคเหน โย อุโญฺฉติอาทิฯ อถ วา ปคฺคเหนาติ คหเณน, อุญฺฉตฺถาย คเหตโพฺพ ปโตฺตติ สิชฺฌตีติ อาห ‘‘ปตฺตํ คเหตฺวา’’ติฯ
Uñchena paggahenāti ettha paggahenāti pattena, taṃ gahetvāti attho. Paggayhati etena bhikkhāti hi paggaho, patto. Tenāha paggahenayo uñchotiādi. Atha vā paggahenāti gahaṇena, uñchatthāya gahetabbo pattoti sijjhatīti āha ‘‘pattaṃ gahetvā’’ti.
คงฺคาย อุตฺตรทิสาปเทโส อุตฺตราปโถ, โส นิวาโส เอเตสํ, ตโต วา อาคตาติ อุตฺตราปถกา, เตนาห อุตฺตราปถวาสิกาติอาทิฯ ‘‘อุตฺตราหกา’’ติปิ ปาโฐ, โส เอว อโตฺถ นิรุตฺตินเยนฯ มนฺทิรนฺติ อสฺสสาลํฯ ‘‘มนฺทร’’นฺติปิ ลิขนฺติ, ตํ น สุนฺทรํฯ สา จ มนฺทิรา ยสฺมา ปริมณฺฑลากาเรน พหุวิธา จ กตา, ตสฺมา ‘‘อสฺสมณฺฑลิกาโย’’ติ วุตฺตาฯ
Gaṅgāya uttaradisāpadeso uttarāpatho, so nivāso etesaṃ, tato vā āgatāti uttarāpathakā, tenāha uttarāpathavāsikātiādi. ‘‘Uttarāhakā’’tipi pāṭho, so eva attho niruttinayena. Mandiranti assasālaṃ. ‘‘Mandara’’ntipi likhanti, taṃ na sundaraṃ. Sā ca mandirā yasmā parimaṇḍalākārena bahuvidhā ca katā, tasmā ‘‘assamaṇḍalikāyo’’ti vuttā.
คงฺคาย ทกฺขิณาย ทิสาย เทโส ทกฺขิณาปโถ, ตตฺถ ชาตา มนุสฺสา ทกฺขิณาปถมนุสฺสาฯ พุทฺธํ มมายนฺติ มเมวายนฺติ คณฺหนสีลา พุทฺธมามกา, เอวํ เสเสสุปิฯ เอวนฺติ ปจฺฉา วุตฺตนเยน อเตฺถ คยฺหมาเนฯ ปฎิวีสนฺติ โกฎฺฐาสํฯ ตทุปิยนฺติ ตทนุรูปํ ตปฺปโหนกํฯ ลทฺธาติ ลภิตฺวา โน โหตีติ สมฺพโนฺธฯ ‘‘ลโทฺธ’’ติ วา ปาโฐ, อุปฎฺฐากฎฺฐานํ เนว ลภินฺติ อโตฺถฯ ญาติ จ ปสตฺถตมคุณโยคโต เสโฎฺฐ จาติ ญาติเสโฎฺฐฯ เอวรูเปสุ ฐาเนสุ อยเมว ปติรูโปติ อามิสสฺส ทุลฺลภกาเลสุ ปริกโถภาสาทิํ อกตฺวา ปรมสเลฺลขวุตฺติยา อาชีวสุทฺธิยํ ฐตฺวา ภควโต อธิปฺปายานุคุณํ อามิสํ วิจาเรเนฺตน นาม ญาติสิเนหยุเตฺตน อริยสาวเกเนว กาตุํ ยุตฺตนฺติ อธิปฺปาโยฯ
Gaṅgāya dakkhiṇāya disāya deso dakkhiṇāpatho, tattha jātā manussā dakkhiṇāpathamanussā. Buddhaṃ mamāyanti mamevāyanti gaṇhanasīlā buddhamāmakā, evaṃ sesesupi. Evanti pacchā vuttanayena atthe gayhamāne. Paṭivīsanti koṭṭhāsaṃ. Tadupiyanti tadanurūpaṃ tappahonakaṃ. Laddhāti labhitvā no hotīti sambandho. ‘‘Laddho’’ti vā pāṭho, upaṭṭhākaṭṭhānaṃ neva labhinti attho. Ñāti ca pasatthatamaguṇayogato seṭṭho cāti ñātiseṭṭho. Evarūpesu ṭhānesu ayameva patirūpoti āmisassa dullabhakālesu parikathobhāsādiṃ akatvā paramasallekhavuttiyā ājīvasuddhiyaṃ ṭhatvā bhagavato adhippāyānuguṇaṃ āmisaṃ vicārentena nāma ñātisinehayuttena ariyasāvakeneva kātuṃ yuttanti adhippāyo.
มาราวฎฺฎนายาติ มาเรน กตจิตฺตปริวฎฺฎเนน, จิตฺตสโมฺมหเนนาติ อโตฺถฯ ตมฺปีติ อุตฺตรกุรุํ วา ติทสปุรํ วา อาวเฎฺฎยฺยฯ
Mārāvaṭṭanāyāti mārena katacittaparivaṭṭanena, cittasammohanenāti attho. Tampīti uttarakuruṃ vā tidasapuraṃ vā āvaṭṭeyya.
‘‘ผุสฺสสฺสาหํ ปาวจเน, สาวเก ปริภาสยิํ;
‘‘Phussassāhaṃ pāvacane, sāvake paribhāsayiṃ;
ยวํ ขาทถ ภุญฺชถ, มา จ ภุญฺชถ สาลโย’’ติฯ (อป. เถร ๑.๓๙.๘๘) –
Yavaṃ khādatha bhuñjatha, mā ca bhuñjatha sālayo’’ti. (apa. thera 1.39.88) –
อปทาเน วุตฺตสฺส อกุสลสฺส ตทา โอกาสกตตฺตาฯ นิพทฺธทานสฺสาติ ‘‘ทสฺสามา’’ติ วาจาย นิยมิตทานสฺสฯ อปฺปิตวตฺตสฺสาติ กาเยน อติหริตฺวา ทินฺนวตฺถุโนปิฯ วิสหตีติ สโกฺกติฯ สเงฺขเปนาติ นีหาเรนฯ พฺยามปฺปภายาติ สมนฺตโต เหฎฺฐา จ อุปริ จ อสีติหตฺถมเตฺต ฐาเน ฆนีภูตาย ฉพฺพณฺณาย ปภาย, ยโต ฉพฺพณฺณรํสิโย ตฬากโต มาติกาโย วิย นิกฺขมิตฺวา ทสสุ ทิสาสุ ธาวนฺติ, สา ยสฺมา พฺยามมตฺตา วิย ขายติ, ตสฺมา ‘‘พฺยามปฺปภา’’ติ วุจฺจติฯ ยสฺมา อนุพฺยญฺชนานิ จ ปเจฺจกํ ภควโต สรีเร ปภาสมฺปตฺติยุตฺตา อากาเส จนฺทสูริยาทโย วิย วิภาตา วิโรจนฺติ, ตสฺมา ตานิ พฺยามปฺปภาย สห เกนจิ อนภิภวนียานิ วุตฺตานิฯ
Apadāne vuttassa akusalassa tadā okāsakatattā. Nibaddhadānassāti ‘‘dassāmā’’ti vācāya niyamitadānassa. Appitavattassāti kāyena atiharitvā dinnavatthunopi. Visahatīti sakkoti. Saṅkhepenāti nīhārena. Byāmappabhāyāti samantato heṭṭhā ca upari ca asītihatthamatte ṭhāne ghanībhūtāya chabbaṇṇāya pabhāya, yato chabbaṇṇaraṃsiyo taḷākato mātikāyo viya nikkhamitvā dasasu disāsu dhāvanti, sā yasmā byāmamattā viya khāyati, tasmā ‘‘byāmappabhā’’ti vuccati. Yasmā anubyañjanāni ca paccekaṃ bhagavato sarīre pabhāsampattiyuttā ākāse candasūriyādayo viya vibhātā virocanti, tasmā tāni byāmappabhāya saha kenaci anabhibhavanīyāni vuttāni.
อนตฺถสญฺหิเตติ ฆาตาเปกฺขํ สามิอเตฺถ ภุมฺมวจนํ, เตนาห ‘‘ตาทิสสฺส วจนสฺส ฆาโต’’ติฯ อโตฺถ ธมฺมเทสนาย เหตุ อุปฺปชฺชติ เอตฺถ, ธมฺมเทสนาทิโก วา อโตฺถ อุปฺปชฺชติ เอตายาติ อฎฺฐุปฺปตฺติ, ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุฯ
Anatthasañhiteti ghātāpekkhaṃ sāmiatthe bhummavacanaṃ, tenāha ‘‘tādisassa vacanassa ghāto’’ti. Attho dhammadesanāya hetu uppajjati ettha, dhammadesanādiko vā attho uppajjati etāyāti aṭṭhuppatti, paccuppannavatthu.
เอกํ คเหตฺวาติ ธมฺมเทสนาสิกฺขาปทปญฺญตฺติสงฺขาเตสุ ทฺวีสุ ธมฺมเทสนาการณํ คเหตฺวาฯ รตฺติเจฺฉโท วาติ สตฺตาหกรณียวเสน คนฺตฺวา พหิ อรุณุฎฺฐาปนวเสน วุโตฺต, น วสฺสเจฺฉทวเสน ตสฺส วิสุํ วุจฺจมานตฺตาฯ เอเตน จ วสฺสเจฺฉทปจฺจเย สตฺตาหกรณีเยน คมนํ อนุญฺญาตนฺติ เวทิตพฺพํฯ น กิสฺมิญฺจีติ กิสฺมิญฺจิ คุเณ สมฺภาวนาวเสน น มญฺญนฺติฯ ปจฺฉา สีลํ อธิฎฺฐเหยฺยามาติ อาชีวเหตุ สนฺตคุณปฺปกาสเนน อาชีววิปตฺติํ สนฺธาย วุตฺตํฯ อติมญฺญิสฺสตีติ อวมญฺญิสฺสติฯ
Ekaṃ gahetvāti dhammadesanāsikkhāpadapaññattisaṅkhātesu dvīsu dhammadesanākāraṇaṃ gahetvā. Ratticchedo vāti sattāhakaraṇīyavasena gantvā bahi aruṇuṭṭhāpanavasena vutto, na vassacchedavasena tassa visuṃ vuccamānattā. Etena ca vassacchedapaccaye sattāhakaraṇīyena gamanaṃ anuññātanti veditabbaṃ. Na kismiñcīti kismiñci guṇe sambhāvanāvasena na maññanti. Pacchā sīlaṃ adhiṭṭhaheyyāmāti ājīvahetu santaguṇappakāsanena ājīvavipattiṃ sandhāya vuttaṃ. Atimaññissatīti avamaññissati.
๑๗. ‘‘อายสฺมาติ ปิยวจนเมต’’นฺติ อุจฺจนีจชนสามญฺญวเสน วตฺวา ปุน อุจฺจชนาเวณิกวเสเนว ทเสฺสโนฺต ‘‘ครุคารวสปฺปติสฺสาธิวจน’’นฺติ อาหฯ ตตฺถ สห ปติสฺสเยน นิสฺสเยนาติ สปฺปติโสฺส, สนิสฺสโย, ตสฺส ครุคุณยุเตฺตสุ คารววจนนฺติ อโตฺถฯ อิธ ปน วจนเมว อธิวจนํฯ ปปฺปฎโกชนฺติ อาทิกเปฺป อุทกูปริ ปฐมํ ปถวีภาเวน สญฺชาตํ นวนีตปิณฺฑสทิสํ อุทเกปิ อุปฺปิลนสภาวํ อวิลียนกํ อติสินิทฺธมธุรํ อเนกโยชนสหสฺสพหลํ รสาตลสงฺขาตํ ปถโวชํฯ ยํ อาทิกปฺปิเกหิ มนุเสฺสหิ รสตณฺหาย คเหตฺวา ภุญฺชมานํ เตสํ กมฺมพเลน อุปริภาเค กกฺขฬภาวํ อาปชฺชิตฺวา เหฎฺฐา ปุริมากาเรเนว ฐิตํ, ยสฺส จ พเลน อยํ มหาปถวี สปพฺพตสมุทฺทกานนา เหฎฺฐาอุทเก อนิมุชฺชมานา อวิกิริยมานา กุลฺลุปริ วิย นิจฺจลา ติฎฺฐติ, ตํ ปถวีสารมณฺฑนฺติ อโตฺถ, เตนาห ปถวีมโณฺฑติอาทิฯ สมฺปนฺนนฺติ มธุรรเสน อุเปตํ, เตนาห ‘‘สาทุรส’’นฺติฯ อุปปนฺนผโลติ พหุผโลฯ ‘‘นิมฺมกฺขิก’’นฺติ วตฺวา ปุน ‘‘นิมฺมกฺขิกณฺฑ’’นฺติ มกฺขิกณฺฑานมฺปิ อภาวํ ทเสฺสติฯ เย ปถวีนิสฺสิตา ปาณา, เต ตตฺถ สงฺกาเมสฺสามีติ เอตฺถ มนุสฺสามนุสฺสติรจฺฉานคติตฺถีนมฺปิ หตฺถสงฺกามเน กิํ อนามาสโทโส น โหตีติ? น โหติ, กสฺมา? ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขเว, อิทฺธิมสฺส อิทฺธิวิสเย’’ติ (ปารา. ๑๕๙) วจนโต, เตเนว ภควาปิ อนามาสโทสํ อทเสฺสตฺวา ‘‘วิปลฺลาสมฺปิ สตฺตา ปฎิลเภยฺยุ’’นฺติ อาห, ขุทฺทโก คาโมฯ มหโนฺต สาปโณ นิคโมฯ ปทวีติหาเรนาติ ปทนิเกฺขเปนฯ
17. ‘‘Āyasmāti piyavacanameta’’nti uccanīcajanasāmaññavasena vatvā puna uccajanāveṇikavaseneva dassento ‘‘garugāravasappatissādhivacana’’nti āha. Tattha saha patissayena nissayenāti sappatisso, sanissayo, tassa garuguṇayuttesu gāravavacananti attho. Idha pana vacanameva adhivacanaṃ. Pappaṭakojanti ādikappe udakūpari paṭhamaṃ pathavībhāvena sañjātaṃ navanītapiṇḍasadisaṃ udakepi uppilanasabhāvaṃ avilīyanakaṃ atisiniddhamadhuraṃ anekayojanasahassabahalaṃ rasātalasaṅkhātaṃ pathavojaṃ. Yaṃ ādikappikehi manussehi rasataṇhāya gahetvā bhuñjamānaṃ tesaṃ kammabalena uparibhāge kakkhaḷabhāvaṃ āpajjitvā heṭṭhā purimākāreneva ṭhitaṃ, yassa ca balena ayaṃ mahāpathavī sapabbatasamuddakānanā heṭṭhāudake animujjamānā avikiriyamānā kullupari viya niccalā tiṭṭhati, taṃ pathavīsāramaṇḍanti attho, tenāha pathavīmaṇḍotiādi. Sampannanti madhurarasena upetaṃ, tenāha ‘‘sādurasa’’nti. Upapannaphaloti bahuphalo. ‘‘Nimmakkhika’’nti vatvā puna ‘‘nimmakkhikaṇḍa’’nti makkhikaṇḍānampi abhāvaṃ dasseti. Ye pathavīnissitā pāṇā, te tattha saṅkāmessāmīti ettha manussāmanussatiracchānagatitthīnampi hatthasaṅkāmane kiṃ anāmāsadoso na hotīti? Na hoti, kasmā? ‘‘Anāpatti, bhikkhave, iddhimassa iddhivisaye’’ti (pārā. 159) vacanato, teneva bhagavāpi anāmāsadosaṃ adassetvā ‘‘vipallāsampi sattā paṭilabheyyu’’nti āha, khuddako gāmo. Mahanto sāpaṇo nigamo. Padavītihārenāti padanikkhepena.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / เวรญฺชกณฺฑํ • Verañjakaṇḍaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā
เทสนานุโมทนกถา • Desanānumodanakathā
ทุพฺภิกฺขกถา • Dubbhikkhakathā
มหาโมคฺคลฺลานสฺสสีหนาทกถา • Mahāmoggallānassasīhanādakathā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā
เทสนานุโมทนกถา • Desanānumodanakathā
ทุพฺภิกฺขกถา • Dubbhikkhakathā
มหาโมคฺคลฺลานสฺส สีหนาทกถา • Mahāmoggallānassa sīhanādakathā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / อุปาสกตฺตปฎิเวทนากถาวณฺณนา • Upāsakattapaṭivedanākathāvaṇṇanā