Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๑๖๖] ๖. อุปสาฬกชาตกวณฺณนา

    [166] 6. Upasāḷakajātakavaṇṇanā

    อุปสาฬกนามานีติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรโนฺต เอกํ อุปสาฬกํ นาม สุสานสุทฺธิกํ พฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิฯ โส กิร อโฑฺฒ อโหสิ มหทฺธโน, ทิฎฺฐิคติกตฺตา ปน ธุรวิหาเร วสนฺตานมฺปิ พุทฺธานํ สงฺคหํ นาม น อกาสิฯ ปุโตฺต ปนสฺส ปณฺฑิโต อโหสิ ญาณสมฺปโนฺนฯ โส มหลฺลกกาเล ปุตฺตํ อาห – ‘‘มา โข มํ, ตาต, อญฺญสฺส วสลสฺส ฌาปิตสุสาเน ฌาเปหิ, เอกสฺมิํ ปน อนุจฺฉิฎฺฐสุสาเนเยว มํ ฌาเปยฺยาสี’’ติฯ ‘‘ตาต, อหํ ตุมฺหากํ ฌาเปตพฺพยุตฺตกํ ฐานํ น ชานามิ, สาธุ วต มํ อาทาย คนฺตฺวา ‘อิมสฺมิํ ฐาเน มํ ฌาเปยฺยาสี’ติ ตุเมฺหว อาจิกฺขถา’’ติฯ พฺราหฺมโณ ‘‘สาธุ, ตาตา’’ติ ตํ อาทาย นครา นิกฺขมิตฺวา คิชฺฌกูฎมตฺถกํ อภิรุหิตฺวา ‘‘ตาต, อิทํ อญฺญสฺส วสลสฺส อฌาปิตฎฺฐานํ, เอตฺถ มํ ฌาเปยฺยาสี’’ติ วตฺวา ปุเตฺตน สทฺธิํ ปพฺพตา โอตริตุํ อารภิฯ

    Upasāḷakanāmānīti idaṃ satthā veḷuvane viharanto ekaṃ upasāḷakaṃ nāma susānasuddhikaṃ brāhmaṇaṃ ārabbha kathesi. So kira aḍḍho ahosi mahaddhano, diṭṭhigatikattā pana dhuravihāre vasantānampi buddhānaṃ saṅgahaṃ nāma na akāsi. Putto panassa paṇḍito ahosi ñāṇasampanno. So mahallakakāle puttaṃ āha – ‘‘mā kho maṃ, tāta, aññassa vasalassa jhāpitasusāne jhāpehi, ekasmiṃ pana anucchiṭṭhasusāneyeva maṃ jhāpeyyāsī’’ti. ‘‘Tāta, ahaṃ tumhākaṃ jhāpetabbayuttakaṃ ṭhānaṃ na jānāmi, sādhu vata maṃ ādāya gantvā ‘imasmiṃ ṭhāne maṃ jhāpeyyāsī’ti tumheva ācikkhathā’’ti. Brāhmaṇo ‘‘sādhu, tātā’’ti taṃ ādāya nagarā nikkhamitvā gijjhakūṭamatthakaṃ abhiruhitvā ‘‘tāta, idaṃ aññassa vasalassa ajhāpitaṭṭhānaṃ, ettha maṃ jhāpeyyāsī’’ti vatvā puttena saddhiṃ pabbatā otarituṃ ārabhi.

    สตฺถา ปน ตํ ทิวสํ ปจฺจูสกาเล โพธเนยฺยพนฺธเว โอโลเกโนฺต เตสํ ปิตาปุตฺตานํ โสตาปตฺติมคฺคสฺส อุปนิสฺสยํ อทฺทสฯ ตสฺมา มคฺคํ คเหตฺวา ฐิตลุทฺทโก วิย ปพฺพตปาทํ คนฺตฺวา เตสํ ปพฺพตมตฺถกา โอตรนฺตานํ อาคมยมาโน นิสีทิ, เต โอตรนฺตา สตฺถารํ อทฺทสํสุฯ สตฺถา ปฎิสนฺถารํ กโรโนฺต ‘‘กหํ คมิสฺสถ พฺราหฺมณา’’ติ ปุจฺฉิฯ มาณโว ตมตฺถํ อาโรเจสิฯ สตฺถา ‘‘เตน หิ เอหิ, ตว ปิตรา อาจิกฺขิตฎฺฐานํ คจฺฉามา’’ติ อุโภ ปิตาปุเตฺต คเหตฺวา ปพฺพตมตฺถกํ อารุยฺห ‘‘กตรํ ฐาน’’นฺติ ปุจฺฉิฯ มาณโว ‘‘อิเมสํ ติณฺณํ ปพฺพตานํ อนฺตรํ อาจิกฺขิ, ภเนฺต’’ติ อาหฯ สตฺถา ‘‘น โข, มาณว, ตว ปิตา อิทาเนว สุสานสุทฺธิโก, ปุเพฺพปิ สุสานสุทฺธิโกว, น เจส อิทาเนว ‘อิมสฺมิํ ฐาเน มํ ฌาเปยฺยาสี’ติ ตว อาจิกฺขติ, ปุเพฺพปิ อิมสฺมิํเยว ฐาเน อตฺตโน ฌาปิตภาวํ อาจิกฺขี’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ

    Satthā pana taṃ divasaṃ paccūsakāle bodhaneyyabandhave olokento tesaṃ pitāputtānaṃ sotāpattimaggassa upanissayaṃ addasa. Tasmā maggaṃ gahetvā ṭhitaluddako viya pabbatapādaṃ gantvā tesaṃ pabbatamatthakā otarantānaṃ āgamayamāno nisīdi, te otarantā satthāraṃ addasaṃsu. Satthā paṭisanthāraṃ karonto ‘‘kahaṃ gamissatha brāhmaṇā’’ti pucchi. Māṇavo tamatthaṃ ārocesi. Satthā ‘‘tena hi ehi, tava pitarā ācikkhitaṭṭhānaṃ gacchāmā’’ti ubho pitāputte gahetvā pabbatamatthakaṃ āruyha ‘‘kataraṃ ṭhāna’’nti pucchi. Māṇavo ‘‘imesaṃ tiṇṇaṃ pabbatānaṃ antaraṃ ācikkhi, bhante’’ti āha. Satthā ‘‘na kho, māṇava, tava pitā idāneva susānasuddhiko, pubbepi susānasuddhikova, na cesa idāneva ‘imasmiṃ ṭhāne maṃ jhāpeyyāsī’ti tava ācikkhati, pubbepi imasmiṃyeva ṭhāne attano jhāpitabhāvaṃ ācikkhī’’ti vatvā tena yācito atītaṃ āhari.

    อตีเต อิมสฺมิเญฺญว ราชคเห อยเมว อุปสาฬโก พฺราหฺมโณ อยเมวสฺส ปุโตฺต อโหสิฯ ตทา โพธิสโตฺต มคธรเฎฺฐ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ปริปุณฺณสิโปฺป อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิญฺญา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพเตฺตตฺวา ฌานกีฬํ กีฬโนฺต หิมวนฺตปเทเส จิรํ วสิตฺวา โลณมฺพิลเสวนตฺถาย คิชฺฌกูเฎ ปณฺณสาลายํ วิหาสิฯ ตทา โส พฺราหฺมโณ อิมินาว นิยาเมน ปุตฺตํ วตฺวา ปุเตฺตน ‘‘ตุเมฺหเยว เม ตถารูปํ ฐานํ อาจิกฺขถา’’ติ วุเตฺต ‘‘อิทเมว ฐาน’’นฺติ อาจิกฺขิตฺวา ปุเตฺตน สทฺธิํ โอตรโนฺต โพธิสตฺตํ ทิสฺวา ตสฺส สนฺติกํ อุปสงฺกมิฯ โพธิสโตฺต อิมินาว นิยาเมน ปุจฺฉิตฺวา มาณวสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘เอหิ, ตว ปิตรา อาจิกฺขิตฎฺฐานสฺส อุจฺฉิฎฺฐภาวํ วา อนุจฺฉิฎฺฐภาวํ วา ชานิสฺสามา’’ติ เตหิ สทฺธิํ ปพฺพตมตฺถกํ อารุยฺห ‘‘อิทํ ติณฺณํ ปพฺพตานํ อนฺตรํ อนุจฺฉิฎฺฐฎฺฐาน’’นฺติ มาณเวน วุเตฺต ‘‘มาณว, อิมสฺมิํเยว ฐาเน ฌาปิตกานํ ปมาณํ นตฺถิ, ตเวว ปิตา อิมสฺมิํเยว ราชคเห พฺราหฺมณกุเลเยว นิพฺพตฺติตฺวา อุปสาฬโกเยว นาม หุตฺวา อิมสฺมิํเยว ปพฺพตนฺตเร จุทฺทส ชาติสหสฺสานิ ฌาปิโตฯ ปถวิยญฺหิ อฌาปิตฎฺฐานํ วา อสุสานฎฺฐานํ วา สีสานํ อนิเวสิตฎฺฐานํ วา ลทฺธุํ น สกฺกา’’ติ ปุเพฺพนิวาสญาเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวา อิมํ คาถาทฺวยมาห –

    Atīte imasmiññeva rājagahe ayameva upasāḷako brāhmaṇo ayamevassa putto ahosi. Tadā bodhisatto magadharaṭṭhe brāhmaṇakule nibbattitvā paripuṇṇasippo isipabbajjaṃ pabbajitvā abhiññā ca samāpattiyo ca nibbattetvā jhānakīḷaṃ kīḷanto himavantapadese ciraṃ vasitvā loṇambilasevanatthāya gijjhakūṭe paṇṇasālāyaṃ vihāsi. Tadā so brāhmaṇo imināva niyāmena puttaṃ vatvā puttena ‘‘tumheyeva me tathārūpaṃ ṭhānaṃ ācikkhathā’’ti vutte ‘‘idameva ṭhāna’’nti ācikkhitvā puttena saddhiṃ otaranto bodhisattaṃ disvā tassa santikaṃ upasaṅkami. Bodhisatto imināva niyāmena pucchitvā māṇavassa vacanaṃ sutvā ‘‘ehi, tava pitarā ācikkhitaṭṭhānassa ucchiṭṭhabhāvaṃ vā anucchiṭṭhabhāvaṃ vā jānissāmā’’ti tehi saddhiṃ pabbatamatthakaṃ āruyha ‘‘idaṃ tiṇṇaṃ pabbatānaṃ antaraṃ anucchiṭṭhaṭṭhāna’’nti māṇavena vutte ‘‘māṇava, imasmiṃyeva ṭhāne jhāpitakānaṃ pamāṇaṃ natthi, taveva pitā imasmiṃyeva rājagahe brāhmaṇakuleyeva nibbattitvā upasāḷakoyeva nāma hutvā imasmiṃyeva pabbatantare cuddasa jātisahassāni jhāpito. Pathaviyañhi ajhāpitaṭṭhānaṃ vā asusānaṭṭhānaṃ vā sīsānaṃ anivesitaṭṭhānaṃ vā laddhuṃ na sakkā’’ti pubbenivāsañāṇena paricchinditvā imaṃ gāthādvayamāha –

    ๓๑.

    31.

    ‘‘อุปสาฬกนามานิ , สหสฺสานิ จตุทฺทส;

    ‘‘Upasāḷakanāmāni , sahassāni catuddasa;

    อสฺมิํ ปเทเส ทฑฺฒานิ, นตฺถิ โลเก อนามตํฯ

    Asmiṃ padese daḍḍhāni, natthi loke anāmataṃ.

    ๓๒.

    32.

    ‘‘ยมฺหิ สจฺจญฺจ ธโมฺม จ, อหิํสา สํยโม ทโม;

    ‘‘Yamhi saccañca dhammo ca, ahiṃsā saṃyamo damo;

    เอตํ อริยา เสวนฺติ, เอตํ โลเก อนามต’’นฺติฯ

    Etaṃ ariyā sevanti, etaṃ loke anāmata’’nti.

    ตตฺถ อนามตนฺติ มตฎฺฐานํฯ ตญฺหิ อุปจารวเสน ‘‘อมต’’นฺติ วุจฺจติ, ตํ ปฎิเสเธโนฺต ‘‘อนามต’’นฺติ อาหฯ ‘‘อนมต’’นฺติปิ ปาโฐ, โลกสฺมิญฺหิ อนมตฎฺฐานํ อสุสานํ นาม นตฺถีติ อโตฺถฯ ยมฺหิ สจฺจญฺจ ธโมฺม จาติ ยสฺมิํ ปุคฺคเล จตุสจฺจวตฺถุกํ ปุพฺพภาคสจฺจญาณญฺจ โลกุตฺตรธโมฺม จ อตฺถิฯ อหิํสาติ ปเรสํ อวิเหสา อวิเหฐนาฯ สํยโมติ สีลสํยโมฯ ทโมติ อินฺทฺริยทมนํฯ อิทญฺจ คุณชาตํ ยมฺหิ ปุคฺคเล อตฺถิ, เอตํ อริยา เสวนฺตีติ, อริยา พุทฺธา จ ปเจฺจกพุทฺธา จ พุทฺธสาวกา จ เอตํ ฐานํ เสวนฺติ, เอวรูปํ ปุคฺคลํ อุปสงฺกมนฺติ ภชนฺตีติ อโตฺถฯ เอตํ โลเก อนามตนฺติ เอตํ คุณชาตํ โลเก อมตภาวสาธนโต อนามตํ นามฯ

    Tattha anāmatanti mataṭṭhānaṃ. Tañhi upacāravasena ‘‘amata’’nti vuccati, taṃ paṭisedhento ‘‘anāmata’’nti āha. ‘‘Anamata’’ntipi pāṭho, lokasmiñhi anamataṭṭhānaṃ asusānaṃ nāma natthīti attho. Yamhi saccañca dhammo cāti yasmiṃ puggale catusaccavatthukaṃ pubbabhāgasaccañāṇañca lokuttaradhammo ca atthi. Ahiṃsāti paresaṃ avihesā aviheṭhanā. Saṃyamoti sīlasaṃyamo. Damoti indriyadamanaṃ. Idañca guṇajātaṃ yamhi puggale atthi, etaṃ ariyā sevantīti, ariyā buddhā ca paccekabuddhā ca buddhasāvakā ca etaṃ ṭhānaṃ sevanti, evarūpaṃ puggalaṃ upasaṅkamanti bhajantīti attho. Etaṃ loke anāmatanti etaṃ guṇajātaṃ loke amatabhāvasādhanato anāmataṃ nāma.

    เอวํ โพธิสโตฺต ปิตาปุตฺตานํ ธมฺมํ เทเสตฺวา จตฺตาโร พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิฯ

    Evaṃ bodhisatto pitāputtānaṃ dhammaṃ desetvā cattāro brahmavihāre bhāvetvā brahmalokaparāyaṇo ahosi.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุโภ ปิตาปุตฺตา โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิํสุฯ ‘‘ตทา ปิตาปุตฺตาว เอตรหิ ปิตาปุตฺตา อเหสุํ, ตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammaṃ dhammadesanaṃ āharitvā saccāni pakāsetvā jātakaṃ samodhānesi, saccapariyosāne ubho pitāputtā sotāpattiphale patiṭṭhahiṃsu. ‘‘Tadā pitāputtāva etarahi pitāputtā ahesuṃ, tāpaso pana ahameva ahosi’’nti.

    อุปสาฬกชาตกวณฺณนา ฉฎฺฐาฯ

    Upasāḷakajātakavaṇṇanā chaṭṭhā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๑๖๖. อุปสาฬกชาตกํ • 166. Upasāḷakajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact