Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวคฺคปาฬิ • Mahāvaggapāḷi |
๖๓. อุปสมฺปทาวิธิ
63. Upasampadāvidhi
๑๒๕. เตน โข ปน สมเยน อุปสมฺปนฺนา ทิสฺสนฺติ กุฎฺฐิกาปิ คณฺฑิกาปิ กิลาสิกาปิ โสสิกาปิ อปมาริกาปิฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อุปสมฺปาเทเนฺตน เตรส 1 อนฺตรายิเก ธเมฺม ปุจฺฉิตุํฯ เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, ปุจฺฉิตโพฺพ – ‘‘สนฺติ เต เอวรูปา อาพาธา – กุฎฺฐํ, คโณฺฑ, กิลาโส, โสโส, อปมาโร? มนุโสฺสสิ ? ปุริโสสิ? ภุชิโสฺสสิ? อณโณสิ? นสิ ราชภโฎ? อนุญฺญาโตสิ มาตาปิตูหิ? ปริปุณฺณวีสติวโสฺสสิ? ปริปุณฺณํ เต ปตฺตจีวรํ? กิํนาโมสิ? โกนาโม เต อุปชฺฌาโย’’ติ?
125. Tena kho pana samayena upasampannā dissanti kuṭṭhikāpi gaṇḍikāpi kilāsikāpi sosikāpi apamārikāpi. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. Anujānāmi, bhikkhave, upasampādentena terasa 2 antarāyike dhamme pucchituṃ. Evañca pana, bhikkhave, pucchitabbo – ‘‘santi te evarūpā ābādhā – kuṭṭhaṃ, gaṇḍo, kilāso, soso, apamāro? Manussosi ? Purisosi? Bhujissosi? Aṇaṇosi? Nasi rājabhaṭo? Anuññātosi mātāpitūhi? Paripuṇṇavīsativassosi? Paripuṇṇaṃ te pattacīvaraṃ? Kiṃnāmosi? Konāmo te upajjhāyo’’ti?
เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู อนนุสิเฎฺฐ อุปสมฺปทาเปเกฺข อนฺตรายิเก ธเมฺม ปุจฺฉนฺติฯ อุปสมฺปทาเปกฺขา วิตฺถายนฺติ, มงฺกู โหนฺติ, น สโกฺกนฺติ วิสฺสเชฺชตุํฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปฐมํ อนุสาสิตฺวา ปจฺฉา อนฺตรายิเก ธเมฺม ปุจฺฉิตุนฺติฯ
Tena kho pana samayena bhikkhū ananusiṭṭhe upasampadāpekkhe antarāyike dhamme pucchanti. Upasampadāpekkhā vitthāyanti, maṅkū honti, na sakkonti vissajjetuṃ. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. Anujānāmi, bhikkhave, paṭhamaṃ anusāsitvā pacchā antarāyike dhamme pucchitunti.
ตเตฺถว สงฺฆมเชฺฌ อนุสาสนฺติฯ อุปสมฺปทาเปกฺขา ตเถว วิตฺถายนฺติ, มงฺกู โหนฺติ, น สโกฺกนฺติ วิสฺสเชฺชตุํฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, เอกมนฺตํ อนุสาสิตฺวา สงฺฆมเชฺฌ อนฺตรายิเก ธเมฺม ปุจฺฉิตุํฯ เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อนุสาสิตโพฺพ –
Tattheva saṅghamajjhe anusāsanti. Upasampadāpekkhā tatheva vitthāyanti, maṅkū honti, na sakkonti vissajjetuṃ. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. Anujānāmi, bhikkhave, ekamantaṃ anusāsitvā saṅghamajjhe antarāyike dhamme pucchituṃ. Evañca pana, bhikkhave, anusāsitabbo –
๑๒๖. ปฐมํ อุปชฺฌํ คาหาเปตโพฺพฯ อุปชฺฌํ คาหาเปตฺวา ปตฺตจีวรํ อาจิกฺขิตพฺพํ – อยํ เต ปโตฺต, อยํ สงฺฆาฎิ, อยํ อุตฺตราสโงฺค, อยํ อนฺตรวาสโกฯ คจฺฉ, อมุมฺหิ โอกาเส ติฎฺฐาหีติฯ
126. Paṭhamaṃ upajjhaṃ gāhāpetabbo. Upajjhaṃ gāhāpetvā pattacīvaraṃ ācikkhitabbaṃ – ayaṃ te patto, ayaṃ saṅghāṭi, ayaṃ uttarāsaṅgo, ayaṃ antaravāsako. Gaccha, amumhi okāse tiṭṭhāhīti.
พาลา อพฺยตฺตา อนุสาสนฺติฯ ทุรนุสิฎฺฐา อุปสมฺปทาเปกฺขา วิตฺถายนฺติ, มงฺกู โหนฺติ, น สโกฺกนฺติ วิสฺสเชฺชตุํฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ น, ภิกฺขเว, พาเลน อพฺยเตฺตน อนุสาสิตโพฺพฯ โย อนุสาเสยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, พฺยเตฺตน ภิกฺขุนา ปฎิพเลน อนุสาสิตุนฺติฯ
Bālā abyattā anusāsanti. Duranusiṭṭhā upasampadāpekkhā vitthāyanti, maṅkū honti, na sakkonti vissajjetuṃ. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. Na, bhikkhave, bālena abyattena anusāsitabbo. Yo anusāseyya, āpatti dukkaṭassa. Anujānāmi, bhikkhave, byattena bhikkhunā paṭibalena anusāsitunti.
กถญฺจ อตฺตนาว อตฺตานํ สมฺมนฺนิตพฺพํ? พฺยเตฺตน ภิกฺขุนา ปฎิพเลน สโงฺฆ ญาเปตโพฺพ – ‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนามสฺส อายสฺมโต อุปสมฺปทาเปโกฺขฯ ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อหํ อิตฺถนฺนามํ อนุสาเสยฺย’’นฺติฯ เอวํ อตฺตนาว อตฺตานํ สมฺมนฺนิตพฺพํฯ
Kathañca attanāva attānaṃ sammannitabbaṃ? Byattena bhikkhunā paṭibalena saṅgho ñāpetabbo – ‘‘suṇātu me, bhante, saṅgho. Itthannāmo itthannāmassa āyasmato upasampadāpekkho. Yadi saṅghassa pattakallaṃ, ahaṃ itthannāmaṃ anusāseyya’’nti. Evaṃ attanāva attānaṃ sammannitabbaṃ.
กถญฺจ ปน ปเรน ปโร สมฺมนฺนิตโพฺพ? พฺยเตฺตน ภิกฺขุนา ปฎิพเลน สโงฺฆ ญาเปตโพฺพ – ‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนามสฺส อายสฺมโต อุปสมฺปทาเปโกฺขฯ ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนามํ อนุสาเสยฺยา’’ติ ฯ เอวํ ปเรน ปโร สมฺมนฺนิตโพฺพฯ
Kathañca pana parena paro sammannitabbo? Byattena bhikkhunā paṭibalena saṅgho ñāpetabbo – ‘‘suṇātu me, bhante, saṅgho. Itthannāmo itthannāmassa āyasmato upasampadāpekkho. Yadi saṅghassa pattakallaṃ, itthannāmo itthannāmaṃ anusāseyyā’’ti . Evaṃ parena paro sammannitabbo.
เตน สมฺมเตน ภิกฺขุนา อุปสมฺปทาเปโกฺข อุปสงฺกมิตฺวา เอวมสฺส วจนีโย – ‘‘สุณสิ, อิตฺถนฺนาม, อยํ เต สจฺจกาโล ภูตกาโลฯ ยํ ชาตํ ตํ สงฺฆมเชฺฌ ปุจฺฉเนฺต สนฺตํ อตฺถีติ วตฺตพฺพํ, อสนฺตํ นตฺถี’’ติ วตฺตพฺพํฯ มา โข วิตฺถายิ, มา โข มงฺกุ อโหสิฯ เอวํ ตํ ปุจฺฉิสฺสนฺติ – ‘‘สนฺติ เต เอวรูปา อาพาธา – กุฎฺฐํ, คโณฺฑ, กิลาโส, โสโส, อปมาโร? มนุโสฺสสิ? ปุริโสสิ? ภุชิโสฺสสิ? อณโณสิ? นสิ ราชภโฎ? อนุญฺญาโตสิ มาตาปิตูหิ? ปริปุณฺณวีสติวโสฺสสิ? ปริปุณฺณํ เต ปตฺตจีวรํ? กิํนาโมสิ? โกนาโม เต อุปชฺฌาโย’’ติ?
Tena sammatena bhikkhunā upasampadāpekkho upasaṅkamitvā evamassa vacanīyo – ‘‘suṇasi, itthannāma, ayaṃ te saccakālo bhūtakālo. Yaṃ jātaṃ taṃ saṅghamajjhe pucchante santaṃ atthīti vattabbaṃ, asantaṃ natthī’’ti vattabbaṃ. Mā kho vitthāyi, mā kho maṅku ahosi. Evaṃ taṃ pucchissanti – ‘‘santi te evarūpā ābādhā – kuṭṭhaṃ, gaṇḍo, kilāso, soso, apamāro? Manussosi? Purisosi? Bhujissosi? Aṇaṇosi? Nasi rājabhaṭo? Anuññātosi mātāpitūhi? Paripuṇṇavīsativassosi? Paripuṇṇaṃ te pattacīvaraṃ? Kiṃnāmosi? Konāmo te upajjhāyo’’ti?
เอกโต อาคจฺฉนฺติฯ น, ภิกฺขเว, เอกโต อาคนฺตพฺพํฯ อนุสาสเกน ปฐมตรํ อาคนฺตฺวา สโงฺฆ ญาเปตโพฺพ – ‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนามสฺส อายสฺมโต อุปสมฺปทาเปโกฺข ฯ อนุสิโฎฺฐ โส มยาฯ ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อิตฺถนฺนาโม อาคเจฺฉยฺยา’’ติฯ อาคจฺฉาหีติ วตฺตโพฺพฯ
Ekato āgacchanti. Na, bhikkhave, ekato āgantabbaṃ. Anusāsakena paṭhamataraṃ āgantvā saṅgho ñāpetabbo – ‘‘suṇātu me, bhante, saṅgho. Itthannāmo itthannāmassa āyasmato upasampadāpekkho . Anusiṭṭho so mayā. Yadi saṅghassa pattakallaṃ, itthannāmo āgaccheyyā’’ti. Āgacchāhīti vattabbo.
เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ การาเปตฺวา ภิกฺขูนํ ปาเท วนฺทาเปตฺวา อุกฺกุฎิกํ นิสีทาเปตฺวา อญฺชลิํ ปคฺคณฺหาเปตฺวา อุปสมฺปทํ ยาจาเปตโพฺพ – ‘‘สงฺฆํ, ภเนฺต, อุปสมฺปทํ ยาจามิฯ อุลฺลุมฺปตุ มํ, ภเนฺต, สโงฺฆ อนุกมฺปํ อุปาทายฯ ทุติยมฺปิ, ภเนฺต, สงฺฆํ อุปสมฺปทํ ยาจามิฯ อุลฺลุมฺปตุ มํ, ภเนฺต, สโงฺฆ อนุกมฺปํ อุปาทายฯ ตติยมฺปิ, ภเนฺต, สงฺฆํ อุปสมฺปทํ ยาจามิฯ อุลฺลุมฺปตุ มํ , ภเนฺต, สโงฺฆ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติฯ พฺยเตฺตน ภิกฺขุนา ปฎิพเลน สโงฺฆ ญาเปตโพฺพ –
Ekaṃsaṃ uttarāsaṅgaṃ kārāpetvā bhikkhūnaṃ pāde vandāpetvā ukkuṭikaṃ nisīdāpetvā añjaliṃ paggaṇhāpetvā upasampadaṃ yācāpetabbo – ‘‘saṅghaṃ, bhante, upasampadaṃ yācāmi. Ullumpatu maṃ, bhante, saṅgho anukampaṃ upādāya. Dutiyampi, bhante, saṅghaṃ upasampadaṃ yācāmi. Ullumpatu maṃ, bhante, saṅgho anukampaṃ upādāya. Tatiyampi, bhante, saṅghaṃ upasampadaṃ yācāmi. Ullumpatu maṃ , bhante, saṅgho anukampaṃ upādāyā’’ti. Byattena bhikkhunā paṭibalena saṅgho ñāpetabbo –
‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ อยํ อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนามสฺส อายสฺมโต อุปสมฺปทาเปโกฺขฯ ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อหํ อิตฺถนฺนามํ อนฺตรายิเก ธเมฺม ปุเจฺฉยฺย’’นฺติ? สุณสิ, อิตฺถนฺนาม, อยํ เต สจฺจกาโล ภูตกาโลฯ ยํ ชาตํ ตํ ปุจฺฉามิฯ สนฺตํ อตฺถีติ วตฺตพฺพํ, อสนฺตํ นตฺถีติ วตฺตพฺพํฯ สนฺติ เต เอวรูปา อาพาธา – กุฎฺฐํ คโณฺฑ กิเลโส โสโส อปมาโร, มนุโสฺสสิ, ปุริโสสิ, ภุชิโสฺสสิ, อณโณสิ, นสิ ราชภโฎ, อนุญฺญาโตสิ มาตาปิตูหิ, ปริปุณฺณวีสติวโสฺสสิ, ปริปุณฺณํ เต ปตฺตจีวรํ, กิํนาโมสิ, โกนาโม เต อุปชฺฌาโยติ? พฺยเตฺตน ภิกฺขุนา ปฎิพเลน สโงฺฆ ญาเปตโพฺพ –
‘‘Suṇātu me, bhante, saṅgho. Ayaṃ itthannāmo itthannāmassa āyasmato upasampadāpekkho. Yadi saṅghassa pattakallaṃ, ahaṃ itthannāmaṃ antarāyike dhamme puccheyya’’nti? Suṇasi, itthannāma, ayaṃ te saccakālo bhūtakālo. Yaṃ jātaṃ taṃ pucchāmi. Santaṃ atthīti vattabbaṃ, asantaṃ natthīti vattabbaṃ. Santi te evarūpā ābādhā – kuṭṭhaṃ gaṇḍo kileso soso apamāro, manussosi, purisosi, bhujissosi, aṇaṇosi, nasi rājabhaṭo, anuññātosi mātāpitūhi, paripuṇṇavīsativassosi, paripuṇṇaṃ te pattacīvaraṃ, kiṃnāmosi, konāmo te upajjhāyoti? Byattena bhikkhunā paṭibalena saṅgho ñāpetabbo –
๑๒๗. ‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ อยํ อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนามสฺส อายสฺมโต อุปสมฺปทาเปโกฺข, ปริสุโทฺธ อนฺตรายิเกหิ ธเมฺมหิ, ปริปุณฺณสฺส ปตฺตจีวรํฯ อิตฺถนฺนาโม สงฺฆํ อุปสมฺปทํ ยาจติ อิตฺถนฺนาเมน อุปชฺฌาเยนฯ ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สโงฺฆ อิตฺถนฺนามํ อุปสมฺปาเทยฺย อิตฺถนฺนาเมน อุปชฺฌาเยนฯ เอสา ญตฺติฯ
127. ‘‘Suṇātu me, bhante, saṅgho. Ayaṃ itthannāmo itthannāmassa āyasmato upasampadāpekkho, parisuddho antarāyikehi dhammehi, paripuṇṇassa pattacīvaraṃ. Itthannāmo saṅghaṃ upasampadaṃ yācati itthannāmena upajjhāyena. Yadi saṅghassa pattakallaṃ, saṅgho itthannāmaṃ upasampādeyya itthannāmena upajjhāyena. Esā ñatti.
‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ อยํ อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนามสฺส อายสฺมโต อุปสมฺปทาเปโกฺข, ปริสุโทฺธ อนฺตรายิเกหิ ธเมฺมหิ, ปริปุณฺณสฺส ปตฺตจีวรํฯ อิตฺถนฺนาโม สงฺฆํ อุปสมฺปทํ ยาจติ อิตฺถนฺนาเมน อุปชฺฌาเยนฯ สโงฺฆ อิตฺถนฺนามํ อุปสมฺปาเทติ อิตฺถนฺนาเมน อุปชฺฌาเยน ฯ ยสฺสายสฺมโต ขมติ อิตฺถนฺนามสฺส อุปสมฺปทา อิตฺถนฺนาเมน อุปชฺฌาเยน, โส ตุณฺหสฺส; ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺยฯ
‘‘Suṇātu me, bhante, saṅgho. Ayaṃ itthannāmo itthannāmassa āyasmato upasampadāpekkho, parisuddho antarāyikehi dhammehi, paripuṇṇassa pattacīvaraṃ. Itthannāmo saṅghaṃ upasampadaṃ yācati itthannāmena upajjhāyena. Saṅgho itthannāmaṃ upasampādeti itthannāmena upajjhāyena . Yassāyasmato khamati itthannāmassa upasampadā itthannāmena upajjhāyena, so tuṇhassa; yassa nakkhamati, so bhāseyya.
‘‘ทุติยมฺปิ เอตมตฺถํ วทามิ – สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ อยํ อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนามสฺส อายสฺมโต อุปสมฺปทาเปโกฺข, ปริสุโทฺธ อนฺตรายิเกหิ ธเมฺมหิ, ปริปุณฺณสฺส ปตฺตจีวรํฯ อิตฺถนฺนาโม สงฺฆํ อุปสมฺปทํ ยาจติ อิตฺถนฺนาเมน อุปชฺฌาเยนฯ สโงฺฆ อิตฺถนฺนามํ อุปสมฺปาเทติ อิตฺถนฺนาเมน อุปชฺฌาเยนฯ ยสฺสายสฺมโต ขมติ อิตฺถนฺนามสฺส อุปสมฺปทา อิตฺถนฺนาเมน อุปชฺฌาเยน, โส ตุณฺหสฺส; ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺยฯ
‘‘Dutiyampi etamatthaṃ vadāmi – suṇātu me, bhante, saṅgho. Ayaṃ itthannāmo itthannāmassa āyasmato upasampadāpekkho, parisuddho antarāyikehi dhammehi, paripuṇṇassa pattacīvaraṃ. Itthannāmo saṅghaṃ upasampadaṃ yācati itthannāmena upajjhāyena. Saṅgho itthannāmaṃ upasampādeti itthannāmena upajjhāyena. Yassāyasmato khamati itthannāmassa upasampadā itthannāmena upajjhāyena, so tuṇhassa; yassa nakkhamati, so bhāseyya.
‘‘ตติยมฺปิ เอตมตฺถํ วทามิ – สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ อยํ อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนามสฺส อายสฺมโต อุปสมฺปทาเปโกฺข, ปริสุโทฺธ อนฺตรายิเกหิ ธเมฺมหิ, ปริปุณฺณสฺส ปตฺตจีวรํฯ อิตฺถนฺนาโม สงฺฆํ อุปสมฺปทํ ยาจติ อิตฺถนฺนาเมน อุปชฺฌาเยนฯ สโงฺฆ อิตฺถนฺนามํ อุปสมฺปาเทติ อิตฺถนฺนาเมน อุปชฺฌาเยนฯ ยสฺสายสฺมโต ขมติ อิตฺถนฺนามสฺส อุปสมฺปทา อิตฺถนฺนาเมน อุปชฺฌาเยน, โส ตุณฺหสฺส; ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺยฯ
‘‘Tatiyampi etamatthaṃ vadāmi – suṇātu me, bhante, saṅgho. Ayaṃ itthannāmo itthannāmassa āyasmato upasampadāpekkho, parisuddho antarāyikehi dhammehi, paripuṇṇassa pattacīvaraṃ. Itthannāmo saṅghaṃ upasampadaṃ yācati itthannāmena upajjhāyena. Saṅgho itthannāmaṃ upasampādeti itthannāmena upajjhāyena. Yassāyasmato khamati itthannāmassa upasampadā itthannāmena upajjhāyena, so tuṇhassa; yassa nakkhamati, so bhāseyya.
‘‘อุปสมฺปโนฺน สเงฺฆน อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนาเมน อุปชฺฌาเยนฯ ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติฯ
‘‘Upasampanno saṅghena itthannāmo itthannāmena upajjhāyena. Khamati saṅghassa, tasmā tuṇhī, evametaṃ dhārayāmī’’ti.
อุปสมฺปทากมฺมํ นิฎฺฐิตํฯ
Upasampadākammaṃ niṭṭhitaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวคฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvagga-aṭṭhakathā / อุปสมฺปทาวิธิกถา • Upasampadāvidhikathā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / อุปสมฺปทาวิธิกถาวณฺณนา • Upasampadāvidhikathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / อุปสมฺปทาวิธิกถาวณฺณนา • Upasampadāvidhikathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / อุปสมฺปทาวิธิกถาวณฺณนา • Upasampadāvidhikathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๖๓. อุปสมฺปทาวิธิกถา • 63. Upasampadāvidhikathā