Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā

    อุปสมฺปทาวิธิกถาวณฺณนา

    Upasampadāvidhikathāvaṇṇanā

    ๑๒๖. อุปชฺฌาติ อุปชฺฌาย-สทฺทสมานโตฺถ อาการโนฺต อุปชฺฌาสโทฺทติ ทเสฺสติฯ อุปชฺฌาย-สโทฺท เอว วา อุปชฺฌา อุปโยคปจฺจตฺตวจเนสุ ย-การโลปํ กตฺวา เอวํ วุโตฺต กรณวจนาทีสุ อุปชฺฌา-สทฺทสฺส ปโยคาภาวาติ ทฎฺฐพฺพํฯ ปาฬิยํ อตฺตนาว อตฺตานํ สมฺมนฺนิตพฺพนฺติ อตฺตนาว กตฺตุภูเตน กรณภูเตน อตฺตานเมว กมฺมภูตํ ปติ สมฺมนนกิจฺจํ กาตพฺพํฯ อตฺตานนฺติ วา ปจฺจเตฺต อุปโยควจนํ, อตฺตนาว อตฺตา สมฺมนฺนิตโพฺพติ อโตฺถฯ น เกวลญฺจ เอเตฺถว, อญฺญตฺราปิ เตรสสมฺมุติอาทีสุ อิมินาว ลกฺขเณน อตฺตนาว อตฺตา สมฺมนฺนิตโพฺพวฯ อปิจ สยํ กมฺมารหตฺตา อตฺตานํ มุญฺจิตฺวา จตุวคฺคาทิโก คโณ สพฺพตฺถ อิจฺฉิตโพฺพฯ

    126.Upajjhāti upajjhāya-saddasamānattho ākāranto upajjhāsaddoti dasseti. Upajjhāya-saddo eva vā upajjhā upayogapaccattavacanesu ya-kāralopaṃ katvā evaṃ vutto karaṇavacanādīsu upajjhā-saddassa payogābhāvāti daṭṭhabbaṃ. Pāḷiyaṃ attanāva attānaṃ sammannitabbanti attanāva kattubhūtena karaṇabhūtena attānameva kammabhūtaṃ pati sammananakiccaṃ kātabbaṃ. Attānanti vā paccatte upayogavacanaṃ, attanāva attā sammannitabboti attho. Na kevalañca ettheva, aññatrāpi terasasammutiādīsu imināva lakkhaṇena attanāva attā sammannitabbova. Apica sayaṃ kammārahattā attānaṃ muñcitvā catuvaggādiko gaṇo sabbattha icchitabbo.

    สจฺจกาโลติ ‘‘นิคูหิสฺสามี’’ติ วญฺจนํ ปหาย สจฺจเสฺสว เต อิจฺฉิตพฺพกาโลฯ ภูตกาโลติ วญฺจนาย อภาเวปิ มนุสฺสตฺตาทิวตฺถุโน ภูตตาย อวสฺสํ อิจฺฉิตพฺพกาโล, อิตรถา กมฺมโกปาทิอนฺตราโย โหตีติ อธิปฺปาโยฯ มงฺกูติ อโธมุโขฯ อุทฺธรตูติ อนุปสมฺปนฺนภาวโต อุปสมฺปตฺติยํ ปติฎฺฐเปตูติ อโตฺถฯ

    Saccakāloti ‘‘nigūhissāmī’’ti vañcanaṃ pahāya saccasseva te icchitabbakālo. Bhūtakāloti vañcanāya abhāvepi manussattādivatthuno bhūtatāya avassaṃ icchitabbakālo, itarathā kammakopādiantarāyo hotīti adhippāyo. Maṅkūti adhomukho. Uddharatūti anupasampannabhāvato upasampattiyaṃ patiṭṭhapetūti attho.

    สพฺพกมฺมวาจาสุ อตฺถโกสลฺลตฺถํ ปเนตฺถ อุปสมฺปทากมฺมวาจาย เอวมโตฺถ ทฎฺฐโพฺพ – สุณาตูติ สวนาณตฺติยํ ปฐมปุริเสกวจนํฯ ตญฺจ กิญฺจาปิ โย สโงฺฆ สวนกิริยาย นิโยชียติ, ตสฺส สมฺมุขตฺตา ‘‘สุณาหี’’ติ มชฺฌิมปุริเสกวจเนน วตฺตพฺพํ, ตถาปิ ยสฺมา สงฺฆ-สทฺทสนฺนิธาเน ปฐมปุริสปโยโคว สทฺทวิธูหิ สมาจิโณฺณ ภควนฺตอายสฺมนฺตาทิสทฺทสนฺนิธาเนสุ วิย ‘‘อธิวาเสตุ เม ภวํ โคตโม (ปารา. ๒๒)ฯ เอตสฺส สุคต กาโล, ยํ ภควา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปญฺญเปยฺย (ปารา. ๒๑)ฯ ปกฺกมตายสฺมา (ปารา. ๔๓๖)ฯ สุณนฺตุ เม อายสฺมโนฺต’’ติอาทีสุ วิยฯ ตสฺมา อิธ ปฐมปุริสปโยโค กโตฯ อถ วา คารววเสเนเวตํ วุตฺตํฯ ครุฎฺฐานีเยสุ หิ คารววเสน มชฺฌิมปุริสปโยคุปฺปตฺติยมฺปิ ปฐมปุริสปโยคํ ปยุชฺชนฺติ ‘‘เทเสตุ สุคโต ธมฺม’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๖๖; ม. นิ. ๒.๓๓๘; สํ. นิ. ๑.๑๗๒; มหาว. ๘) วิยาติ ทฎฺฐพฺพํฯ เกจิ ปน ‘‘ภเนฺต, อาวุโสติ สเทฺท อเปกฺขิตฺวา อิธ ปฐมปุริสปโยโค’’ติ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ ‘‘อาจริโย เม ภเนฺต โหหิ, (มหาว. ๗๗) อิงฺฆาวุโส อุปาลิ, อิมํ ปพฺพชิตํ อนุยุญฺชาหี’’ติอาทีสุ (ปารา. ๕๑๗) ตปฺปโยเคปิ มชฺฌิมปุริสปโยคเสฺสว ทสฺสนโตฯ

    Sabbakammavācāsu atthakosallatthaṃ panettha upasampadākammavācāya evamattho daṭṭhabbo – suṇātūti savanāṇattiyaṃ paṭhamapurisekavacanaṃ. Tañca kiñcāpi yo saṅgho savanakiriyāya niyojīyati, tassa sammukhattā ‘‘suṇāhī’’ti majjhimapurisekavacanena vattabbaṃ, tathāpi yasmā saṅgha-saddasannidhāne paṭhamapurisapayogova saddavidhūhi samāciṇṇo bhagavantaāyasmantādisaddasannidhānesu viya ‘‘adhivāsetu me bhavaṃ gotamo (pārā. 22). Etassa sugata kālo, yaṃ bhagavā sāvakānaṃ sikkhāpadaṃ paññapeyya (pārā. 21). Pakkamatāyasmā (pārā. 436). Suṇantu me āyasmanto’’tiādīsu viya. Tasmā idha paṭhamapurisapayogo kato. Atha vā gāravavasenevetaṃ vuttaṃ. Garuṭṭhānīyesu hi gāravavasena majjhimapurisapayoguppattiyampi paṭhamapurisapayogaṃ payujjanti ‘‘desetu sugato dhamma’’ntiādīsu (dī. ni. 2.66; ma. ni. 2.338; saṃ. ni. 1.172; mahāva. 8) viyāti daṭṭhabbaṃ. Keci pana ‘‘bhante, āvusoti sadde apekkhitvā idha paṭhamapurisapayogo’’ti vadanti, taṃ na yuttaṃ ‘‘ācariyo me bhante hohi, (mahāva. 77) iṅghāvuso upāli, imaṃ pabbajitaṃ anuyuñjāhī’’tiādīsu (pārā. 517) tappayogepi majjhimapurisapayogasseva dassanato.

    เมติ โย สาเวติ, ตสฺส อตฺตนิเทฺทเส สามิวจนํฯ ภเนฺตติ อาลปนเตฺถ วุเฑฺฒสุ สคารววจนํฯ ‘‘อาวุโส’’ติ ปทํ ปน นวเกสุฯ ตทุภยมฺปิ นิปาโต ‘‘ตุเมฺห ภเนฺต, ตุเมฺห อาวุโส’’ติ พหูสุปิ สมานรูปตฺตาฯ สโงฺฆติ อวิเสสโต จตุวคฺคาทิเก ปกตตฺตปุคฺคลสมูเห วตฺตติฯ อิธ ปน ปจฺจนฺติเมสุ ชนปเทสุ ปญฺจวคฺคโต ปฎฺฐาย, มชฺฌิเมสุ ชนปเทสุ ทสวคฺคโต ปฎฺฐาย สโงฺฆติ คเหตโพฺพฯ ตตฺรายํ ปิณฺฑโตฺถ – ภเนฺต, สโงฺฆ มม วจนํ สุณาตูติฯ อิทญฺจ นวกตเรน วตฺตพฺพวจนํฯ สเจ ปน อนุสฺสาวโก สเพฺพหิ ภิกฺขูหิ วุฑฺฒตโร โหติ, ‘‘สุณาตุ เม, อาวุโส, สโงฺฆ’’ติ วตฺตพฺพํฯ โสปิ เจ ‘‘ภเนฺต’’ติ วเทยฺย, นวกตโร วา ‘‘อาวุโส’’ติ, กมฺมโกโป นตฺถิฯ เกจิ ปน ‘‘เอกตฺถ ‘อาวุโส’ติ วตฺวา อญฺญตฺถ ‘ภเนฺต’ติ วุเตฺตปิ นตฺถิ โทโส อุภเยนาปิ อาลปนสฺส สิชฺฌนโต’’ติ วทนฺติฯ

    Meti yo sāveti, tassa attaniddese sāmivacanaṃ. Bhanteti ālapanatthe vuḍḍhesu sagāravavacanaṃ. ‘‘Āvuso’’ti padaṃ pana navakesu. Tadubhayampi nipāto ‘‘tumhe bhante, tumhe āvuso’’ti bahūsupi samānarūpattā. Saṅghoti avisesato catuvaggādike pakatattapuggalasamūhe vattati. Idha pana paccantimesu janapadesu pañcavaggato paṭṭhāya, majjhimesu janapadesu dasavaggato paṭṭhāya saṅghoti gahetabbo. Tatrāyaṃ piṇḍattho – bhante, saṅgho mama vacanaṃ suṇātūti. Idañca navakatarena vattabbavacanaṃ. Sace pana anussāvako sabbehi bhikkhūhi vuḍḍhataro hoti, ‘‘suṇātu me, āvuso, saṅgho’’ti vattabbaṃ. Sopi ce ‘‘bhante’’ti vadeyya, navakataro vā ‘‘āvuso’’ti, kammakopo natthi. Keci pana ‘‘ekattha ‘āvuso’ti vatvā aññattha ‘bhante’ti vuttepi natthi doso ubhayenāpi ālapanassa sijjhanato’’ti vadanti.

    อิทานิ ยมตฺถํ ญาเปตุกาโม ‘‘สุณาตู’’ติ สงฺฆํ สวเน นิโยเชติ, ตํ ญาเปโนฺต ‘‘อยํ อิตฺถนฺนาโม’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อยนฺติ อุปสมฺปทาเปกฺขสฺส หตฺถปาเส สนฺนิหิตภาวทสฺสนํฯ เตน จ หตฺถปาเส ฐิตเสฺสว อุปสมฺปทา รุหตีติ สิชฺฌติ หตฺถปาสโต พหิ ฐิตสฺส ‘‘อย’’นฺติ น วตฺตพฺพโตฯ เตเนว อนุสาสกสมฺมุติยํ โส หตฺถปาสโต พหิ ฐิตตฺตา ‘‘อย’’นฺติ น วุโตฺตฯ ตสฺมา อุปสมฺปทาเปโกฺข อนุปสมฺปโนฺน หตฺถปาเส ฐเปตโพฺพฯ อยํ อิตฺถนฺนาโมติ อยํ-สโทฺท จ อวสฺสํ ปยุชฺชิตโพฺพฯ โส จ อิมสฺมิํ ปฐมนามปโยเค เอวาติ คเหตพฺพํ ฯ ‘‘อิตฺถนฺนาโม’’ติ อิทํ อนิยมโต ตสฺส นามทสฺสนํฯ อุภเยนปิ อยํ พุทฺธรกฺขิโตติอาทินามํ ทเสฺสติฯ ‘‘อุปสมฺปทาเปโกฺข’’ติ ภินฺนาธิกรณวิสเย พหุพฺพีหิสมอาโส, อุปสมฺปทํ เม สโงฺฆ อเปกฺขมาโนติ อโตฺถฯ ตสฺส จ อุปชฺฌายตํ สมงฺคิภาเวน ทเสฺสตุํ ‘‘อิตฺถนฺนมสฺส อายสฺมโต’’ติ วุตฺตํฯ เอเตน ‘‘อยํ พุทฺธรกฺขิโต อายสฺมโต ธมฺมรกฺขิตสฺส สทฺธิวิหาริกภูโต อุปสมฺปทาเปโกฺข’’ติ เอวมาทินา นเยน นามโยชนาย สห อโตฺถ ทสฺสิโตติฯ เอตฺถ จ ‘‘อายสฺมโต’’ติ ปทํ อวตฺวาปิ ‘‘อยํ พุทฺธรกฺขิโต ธมฺมรกฺขิตสฺส อุปสมฺปทาเปโกฺข’’ติ วตฺตุํ วฎฺฎติฯ เตเนว ปาฬิยํ ‘‘อิตฺถนฺนาเมน อุปชฺฌาเยนา’’ติ เอตฺถ ‘‘อายสฺมโต’’ติ ปทํ น วุตฺตํฯ ยเญฺจตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฎฺฐา วุตฺตเมวฯ

    Idāni yamatthaṃ ñāpetukāmo ‘‘suṇātū’’ti saṅghaṃ savane niyojeti, taṃ ñāpento ‘‘ayaṃ itthannāmo’’tiādimāha. Tattha ayanti upasampadāpekkhassa hatthapāse sannihitabhāvadassanaṃ. Tena ca hatthapāse ṭhitasseva upasampadā ruhatīti sijjhati hatthapāsato bahi ṭhitassa ‘‘aya’’nti na vattabbato. Teneva anusāsakasammutiyaṃ so hatthapāsato bahi ṭhitattā ‘‘aya’’nti na vutto. Tasmā upasampadāpekkho anupasampanno hatthapāse ṭhapetabbo. Ayaṃ itthannāmoti ayaṃ-saddo ca avassaṃ payujjitabbo. So ca imasmiṃ paṭhamanāmapayoge evāti gahetabbaṃ . ‘‘Itthannāmo’’ti idaṃ aniyamato tassa nāmadassanaṃ. Ubhayenapi ayaṃ buddharakkhitotiādināmaṃ dasseti. ‘‘Upasampadāpekkho’’ti bhinnādhikaraṇavisaye bahubbīhisamaāso, upasampadaṃ me saṅgho apekkhamānoti attho. Tassa ca upajjhāyataṃ samaṅgibhāvena dassetuṃ ‘‘itthannamassa āyasmato’’ti vuttaṃ. Etena ‘‘ayaṃ buddharakkhito āyasmato dhammarakkhitassa saddhivihārikabhūto upasampadāpekkho’’ti evamādinā nayena nāmayojanāya saha attho dassitoti. Ettha ca ‘‘āyasmato’’ti padaṃ avatvāpi ‘‘ayaṃ buddharakkhito dhammarakkhitassa upasampadāpekkho’’ti vattuṃ vaṭṭati. Teneva pāḷiyaṃ ‘‘itthannāmena upajjhāyenā’’ti ettha ‘‘āyasmato’’ti padaṃ na vuttaṃ. Yañcettha vattabbaṃ, taṃ heṭṭhā vuttameva.

    นนุ เจตฺถ อุปชฺฌาโยปิ อุปสมฺปทาเปโกฺข วิย หตฺถปาเส ฐิโต เอว อิจฺฉิตโพฺพ, อถ กสฺมา ‘‘อยํ อิตฺถนฺนาโม อิมสฺส อิตฺถนฺนามสฺส อุปสมฺปทาเปโกฺข’’ติ เอวํ อุปชฺฌายปรามสเนปิ อิม-สทฺทสฺส ปโยโค น กโตติ? นายํ วิโรโธ อุปชฺฌายสฺส อภาเวปิ กมฺมโกปาภาวโตฯ เกวลญฺหิ กมฺมนิปฺผตฺติยา สนฺตปทวเสน อวิชฺชมานสฺสปิ อุปชฺฌายสฺส นามกิตฺตนํ อนุปชฺฌายสฺส อุปสมฺปทาทีสุปิ กรียติฯ ตสฺมา อุปชฺฌายสฺส อสนฺนิหิตตายปิ ตปฺปรามสนมเตฺตเนว กมฺมสิทฺธิโต ‘‘อิมสฺสา’’ติ นิทฺทิสิตุํ น วฎฺฎติฯ

    Nanu cettha upajjhāyopi upasampadāpekkho viya hatthapāse ṭhito eva icchitabbo, atha kasmā ‘‘ayaṃ itthannāmo imassa itthannāmassa upasampadāpekkho’’ti evaṃ upajjhāyaparāmasanepi ima-saddassa payogo na katoti? Nāyaṃ virodho upajjhāyassa abhāvepi kammakopābhāvato. Kevalañhi kammanipphattiyā santapadavasena avijjamānassapi upajjhāyassa nāmakittanaṃ anupajjhāyassa upasampadādīsupi karīyati. Tasmā upajjhāyassa asannihitatāyapi tapparāmasanamatteneva kammasiddhito ‘‘imassā’’ti niddisituṃ na vaṭṭati.

    ปริสุโทฺธ อนฺตรายิเกหิ ธเมฺมหีติ อภพฺพตาทิเกหิ อุปสมฺปทาย อวตฺถุกเรหิ เจว ปญฺจาพาธหตฺถจฺฉินฺนาทีหิ จ อาปตฺติมตฺตกเรหิ อนฺตรายิเกหิ สภาเวหิ ปริมุโตฺตฯ เอวํ วุโตฺต เอว จ อาปตฺติมตฺตกเรหิ ปญฺจาพาธาทีหิ อปริมุตฺตสฺสปิ อุปสมฺปทา รุหติ, นาญฺญถาฯ ปริปุณฺณสฺส ปตฺตจีวรนฺติ ปริปุณฺณมสฺส อุปสมฺปทาเปกฺขสฺส ปตฺตจีวรํฯ เอวํ วุเตฺต เอว อปตฺตจีวรสฺสาปิ อุปสมฺปทา รุหติ, นาญฺญถาฯ อุปสมฺปทํ ยาจตีติ ‘‘สงฺฆํ, ภเนฺต, อุปสมฺปทํ ยาจามี’’ติอาทินา (มหาว. ๗๑, ๑๒๖) ยาจิตภาวํ สนฺธาย วุตฺตํฯ เอวํ เตน สเงฺฆ อยาจิเตปิ ‘‘อิตฺถนฺนาโม สงฺฆํ อุปสมฺปทํ ยาจตี’’ติ วุเตฺต เอว กมฺมํ อวิปนฺนํ โหติ, นาญฺญถาฯ อุปชฺฌาเยนาติ อุปชฺฌาเยน กรณภูเตน อิตฺถนฺนามํ อุปชฺฌายํ กตฺวา กมฺมภูตํ อุปสมฺปทํ ทาตุํ นิปฺผาเทตุํ กตฺตุภูตํ สงฺฆํ ยาจตีติ อโตฺถฯ ยาจธาตุโน ปน ทฺวิกมฺมกตฺตา ‘‘สงฺฆํ, อุปสมฺปท’’นฺติ เทฺว กมฺมปทานิ วุตฺตานิฯ

    Parisuddho antarāyikehi dhammehīti abhabbatādikehi upasampadāya avatthukarehi ceva pañcābādhahatthacchinnādīhi ca āpattimattakarehi antarāyikehi sabhāvehi parimutto. Evaṃ vutto eva ca āpattimattakarehi pañcābādhādīhi aparimuttassapi upasampadā ruhati, nāññathā. Paripuṇṇassa pattacīvaranti paripuṇṇamassa upasampadāpekkhassa pattacīvaraṃ. Evaṃ vutte eva apattacīvarassāpi upasampadā ruhati, nāññathā. Upasampadaṃ yācatīti ‘‘saṅghaṃ, bhante, upasampadaṃ yācāmī’’tiādinā (mahāva. 71, 126) yācitabhāvaṃ sandhāya vuttaṃ. Evaṃ tena saṅghe ayācitepi ‘‘itthannāmo saṅghaṃ upasampadaṃ yācatī’’ti vutte eva kammaṃ avipannaṃ hoti, nāññathā. Upajjhāyenāti upajjhāyena karaṇabhūtena itthannāmaṃ upajjhāyaṃ katvā kammabhūtaṃ upasampadaṃ dātuṃ nipphādetuṃ kattubhūtaṃ saṅghaṃ yācatīti attho. Yācadhātuno pana dvikammakattā ‘‘saṅghaṃ, upasampada’’nti dve kammapadāni vuttāni.

    ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลนฺติ เอตฺถ ปโตฺต กาโล อิมสฺสาติ ปตฺตกาลํ, อปโลกนาทิจตุพฺพิธสงฺฆกมฺมํ, ตเทว สกเตฺถ ย-ปจฺจเยน ‘‘ปตฺตกลฺล’’นฺติ วุจฺจติฯ อิธ ปน ญตฺติจตุตฺถอุปสมฺปทากมฺมํ อธิเปฺปตํ, ตํ กาตุํ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ ชาตํฯ ยทีติ อนุมติคหณวเสน กมฺมสฺส ปตฺตกลฺลตํ ญาเปติฯ โย หิ โกจิ ตตฺถ อปตฺตกลฺลตํ มญฺญิสฺสติ, โส วกฺขติฯ อิมเมว หิ อตฺถํ สนฺธาย อนุสฺสาวนาสุ ‘‘ยสฺสายสฺมโต ขมติ…เป.… โส ภาเสยฺยา’’ติ (มหาว. ๑๒๗) วุตฺตํฯ ตํ ปเนตํ ปตฺตกลฺลํ วตฺถุสมฺปทา, อนฺตรายิเกหิ ธเมฺมหิ จสฺส ปริสุทฺธตา, สีมาสมฺปทา, ปริสสมฺปทา, ปุพฺพกิจฺจนิฎฺฐาปนนฺติ อิเมหิ ปญฺจหิ อเงฺคหิ สงฺคหิตํฯ

    Yadi saṅghassa pattakallanti ettha patto kālo imassāti pattakālaṃ, apalokanādicatubbidhasaṅghakammaṃ, tadeva sakatthe ya-paccayena ‘‘pattakalla’’nti vuccati. Idha pana ñatticatutthaupasampadākammaṃ adhippetaṃ, taṃ kātuṃ saṅghassa pattakallaṃ jātaṃ. Yadīti anumatigahaṇavasena kammassa pattakallataṃ ñāpeti. Yo hi koci tattha apattakallataṃ maññissati, so vakkhati. Imameva hi atthaṃ sandhāya anussāvanāsu ‘‘yassāyasmato khamati…pe… so bhāseyyā’’ti (mahāva. 127) vuttaṃ. Taṃ panetaṃ pattakallaṃ vatthusampadā, antarāyikehi dhammehi cassa parisuddhatā, sīmāsampadā, parisasampadā, pubbakiccaniṭṭhāpananti imehi pañcahi aṅgehi saṅgahitaṃ.

    ตตฺถ วตฺถุสมฺปทา นาม ยถาวุเตฺตหิ เอกาทสหิ อภพฺพปุคฺคเลหิ เจว อนฺติมวตฺถุอชฺฌาปเนฺนหิ จ อโญฺญ ปริปุณฺณวีสติวโสฺส อนุปสมฺปนฺนภูโต มนุสฺสปุริโส, เอตสฺมิํ ปุคฺคเล สติ เอว อิทํ สงฺฆสฺส อุปสมฺปทากมฺมํ ปตฺตกลฺลํ นาม โหติ, นาสติฯ กตญฺจ กุปฺปเมว โหติฯ

    Tattha vatthusampadā nāma yathāvuttehi ekādasahi abhabbapuggalehi ceva antimavatthuajjhāpannehi ca añño paripuṇṇavīsativasso anupasampannabhūto manussapuriso, etasmiṃ puggale sati eva idaṃ saṅghassa upasampadākammaṃ pattakallaṃ nāma hoti, nāsati. Katañca kuppameva hoti.

    อนฺตรายิเกหิ ธเมฺมหิ จสฺส ปริสุทฺธตา นาม ยถาวุตฺตเสฺสว อุปสมฺปทาวตฺถุภูตสฺส ปุคฺคลสฺส เย อิเม ภควตา ปฎิกฺขิตฺตา ปญฺจาพาธผุฎฺฐตาทโย มาตาปิตูหิ อนนุญฺญาตตาปริโยสานา เจว หตฺถจฺฉินฺนตาทโย จ โทสธมฺมา การกสงฺฆสฺส อาปตฺตาทิอนฺตรายเหตุตาย ‘‘อนฺตรายิกา’’ติ วุจฺจนฺติ เตหิ อนฺตรายิเกหิ โทสธเมฺมหิ ปริมุตฺตตฺตา, อิมิสฺสา จ สติ เอว อิทํ กมฺมํ ปตฺตกลฺลํ นาม โหติ, นาสติฯ กตํ ปน กมฺมํ สุกตเมว โหติ ฐเปตฺวา อูนวีสติวสฺสปุคฺคลํฯ

    Antarāyikehi dhammehi cassa parisuddhatā nāma yathāvuttasseva upasampadāvatthubhūtassa puggalassa ye ime bhagavatā paṭikkhittā pañcābādhaphuṭṭhatādayo mātāpitūhi ananuññātatāpariyosānā ceva hatthacchinnatādayo ca dosadhammā kārakasaṅghassa āpattādiantarāyahetutāya ‘‘antarāyikā’’ti vuccanti tehi antarāyikehi dosadhammehi parimuttattā, imissā ca sati eva idaṃ kammaṃ pattakallaṃ nāma hoti, nāsati. Kataṃ pana kammaṃ sukatameva hoti ṭhapetvā ūnavīsativassapuggalaṃ.

    สีมาสมฺปทา ปน อุโปสถกฺขนฺธเก (มหาว. ๑๔๗-๑๔๘) วกฺขมานนเยน สพฺพโทสวิรหิตาย พทฺธาพทฺธวเสน ทุวิธาย สีมาย วเสเนว เวทิตพฺพาฯ ตาทิสาย หิ สีมาย สติ เอว อิทํ กมฺมํ ปตฺตกลฺลํ นาม โหติ, นาสติฯ กตญฺจ กมฺมํ วิปชฺชติฯ

    Sīmāsampadā pana uposathakkhandhake (mahāva. 147-148) vakkhamānanayena sabbadosavirahitāya baddhābaddhavasena duvidhāya sīmāya vaseneva veditabbā. Tādisāya hi sīmāya sati eva idaṃ kammaṃ pattakallaṃ nāma hoti, nāsati. Katañca kammaṃ vipajjati.

    ปริสสมฺปทา ปน เย อิเม อุปสมฺปทากมฺมสฺส สพฺพนฺติเมน ปริเจฺฉเทน กมฺมปฺปตฺตา ทสหิ วา ปญฺจหิ วา อนูนา ปาราชิกํ อนาปนฺนา, อนุกฺขิตฺตา จ สมานสํวาสกา ภิกฺขู, เตสํ เอกสีมายํ หตฺถปาสํ อวิชหิตฺวา ฐานํ, ฉนฺทารหานญฺจ ฉนฺทสฺส อานยนํ, สมฺมุขีภูตานญฺจ อปฺปฎิโกฺกสนํ, อุปสมฺปทาเปกฺขรหิตานํ อุโปสถกฺขนฺธเก ปฎิกฺขิตฺตานํ คหฎฺฐาทิอนอุปสมฺปนฺนานเญฺจว ปาราชิกุกฺขิตฺตกนานาสํวาสกภิกฺขุนีนญฺจ วชฺชนียปุคฺคลานํ สงฺฆสฺส หตฺถปาเส อภาโว จาติ อิเมหิ จตูหิ อเงฺคหิ สงฺคหิตาฯ เอวรูปาย จ ปริสสมฺปทาย สติ เอว อิทํ ปตฺตกลฺลํ นาม โหติ, นาสติฯ ตตฺถ ปุริมานํ ติณฺณํ องฺคานํ อญฺญตรสฺสปิ อภาเว กตํ กมฺมํ วิปชฺชติ, น ปจฺฉิมสฺสฯ

    Parisasampadā pana ye ime upasampadākammassa sabbantimena paricchedena kammappattā dasahi vā pañcahi vā anūnā pārājikaṃ anāpannā, anukkhittā ca samānasaṃvāsakā bhikkhū, tesaṃ ekasīmāyaṃ hatthapāsaṃ avijahitvā ṭhānaṃ, chandārahānañca chandassa ānayanaṃ, sammukhībhūtānañca appaṭikkosanaṃ, upasampadāpekkharahitānaṃ uposathakkhandhake paṭikkhittānaṃ gahaṭṭhādianaupasampannānañceva pārājikukkhittakanānāsaṃvāsakabhikkhunīnañca vajjanīyapuggalānaṃ saṅghassa hatthapāse abhāvo cāti imehi catūhi aṅgehi saṅgahitā. Evarūpāya ca parisasampadāya sati eva idaṃ pattakallaṃ nāma hoti, nāsati. Tattha purimānaṃ tiṇṇaṃ aṅgānaṃ aññatarassapi abhāve kataṃ kammaṃ vipajjati, na pacchimassa.

    ปุพฺพกิจฺจนิฎฺฐาปนํ นาม ยานิมานิ ‘‘ปฐมํ อุปชฺฌํ คาหาเปตโพฺพ’’ติอาทินา ปาฬิยํ วุตฺตานิ ‘‘อุปชฺฌํ คาหาปนํ, ปตฺตจีวราจิกฺขนํ, ตโต ตํ หตฺถปาสโต พหิ ฐเปตฺวา อนุสาสกสมฺมุติกมฺมกรณํ, สมฺมเตน จ คนฺตฺวา อนุสาสนํ, เตน จ ปฐมตรํ อาคนฺตฺวา สงฺฆสฺส ญาเปตฺวา อุปสมฺปทาเปกฺขํ ‘อาคจฺฉาหี’ติ หตฺถปาเส เอว อพฺภานํ, เตน จ ภิกฺขูนํ ปาเท วนฺทาเปตฺวา อุปสมฺปทายาจาปนํ, ตโต อนฺตรายิกธมฺมปุจฺฉกสมฺมุติกรณํ, สมฺมเตน จ ปุจฺฉน’’นฺติ อิมานิ อฎฺฐ ปุพฺพกิจฺจานิ, เตสํ สเพฺพสํ ยาถาวโต กรเณน นิฎฺฐาปนํฯ เอตสฺมิญฺจ ปุพฺพกมฺมนิฎฺฐาปเน สติ เอว อิทํ สงฺฆสฺส อุปสมฺปทากมฺมํ ปตฺตกลฺลํ นาม โหติ, นาสติฯ เอเตสุ ปน ปุพฺพกเมฺมสุ อกเตสุปิ กตํ กมฺมํ ยถาวุตฺตวตฺถุสมฺปตฺติอาทีสุ วิชฺชมาเนสุ อกุปฺปเมว โหติฯ ตเทวเมตฺถ ปตฺตกลฺลํ อิเมหิ ปญฺจหิ อเงฺคหิ สงฺคหิตนฺติ เวทิตพฺพํฯ อิมินาว นเยน เหฎฺฐา วุเตฺตสุ, วกฺขมาเนสุ จ สเพฺพสุ กเมฺมสุ ปตฺตกลฺลตา ยถารหํ โยเชตฺวา ญาตพฺพาฯ

    Pubbakiccaniṭṭhāpanaṃ nāma yānimāni ‘‘paṭhamaṃ upajjhaṃ gāhāpetabbo’’tiādinā pāḷiyaṃ vuttāni ‘‘upajjhaṃ gāhāpanaṃ, pattacīvarācikkhanaṃ, tato taṃ hatthapāsato bahi ṭhapetvā anusāsakasammutikammakaraṇaṃ, sammatena ca gantvā anusāsanaṃ, tena ca paṭhamataraṃ āgantvā saṅghassa ñāpetvā upasampadāpekkhaṃ ‘āgacchāhī’ti hatthapāse eva abbhānaṃ, tena ca bhikkhūnaṃ pāde vandāpetvā upasampadāyācāpanaṃ, tato antarāyikadhammapucchakasammutikaraṇaṃ, sammatena ca pucchana’’nti imāni aṭṭha pubbakiccāni, tesaṃ sabbesaṃ yāthāvato karaṇena niṭṭhāpanaṃ. Etasmiñca pubbakammaniṭṭhāpane sati eva idaṃ saṅghassa upasampadākammaṃ pattakallaṃ nāma hoti, nāsati. Etesu pana pubbakammesu akatesupi kataṃ kammaṃ yathāvuttavatthusampattiādīsu vijjamānesu akuppameva hoti. Tadevamettha pattakallaṃ imehi pañcahi aṅgehi saṅgahitanti veditabbaṃ. Imināva nayena heṭṭhā vuttesu, vakkhamānesu ca sabbesu kammesu pattakallatā yathārahaṃ yojetvā ñātabbā.

    อิตฺถนฺนามํ อุปสมฺปาเทยฺยาติ อุปสมฺปทานิปฺผาทเนน ตํสมงฺคิํ กเรยฺย กโรตูติ ปตฺถนายํ, วิธิมฺหิ วา อิทํ ทฎฺฐพฺพํฯ ยถา หิ ‘‘เทวทตฺตํ สุขาเปยฺยา’’ติ วุเตฺต สุขมสฺส นิปฺผาเทตฺวา ตํ สุขสมงฺคินํ กเรยฺยาติ อโตฺถ โหติ, เอวมิธาปิ อุปสมฺปทมสฺส นิปฺผาเทตฺวา ตํ อุปสมฺปทาสมงฺคินํ กเรยฺยาติ อโตฺถฯ ปโยชกพฺยาปาเร เจตํ ยถา สุขยนฺตํ กญฺจิ สุทฺธกตฺตารํ โกจิ เหตุกตฺตา สุขเหตุนิปฺผาทเนน สุขาเปยฺยาติ วุจฺจติ, เอวมิธาปิ อุปสมฺปชฺชนฺตํ สุทฺธกตฺตารํ ปุคฺคลํ เหตุกตฺตุภูโต สโงฺฆ อุปสมฺปทาเหตุนิปฺผาทเนน อุปสมฺปาเทยฺยาติ วุโตฺตฯ เอเตน จ สุขํ วิย สุขทายเกน สเงฺฆน ปุคฺคลสฺส ทิยฺยมานา ตถาปวตฺตปรมตฺถธเมฺม อุปาทาย อริยชนปญฺญตฺตา อุปสมฺปทา นาม สมฺมุติสจฺจตา อตฺถีติ สมตฺถิตํ โหติฯ เอตฺถ จ ‘‘อิตฺถนฺนาโม สงฺฆํ อุปสมฺปทํ ยาจตี’’ติ วุตฺตตฺตา ปริวาสาทีสุ วิย ยาจนานุคุณํ ‘‘อิตฺถนฺนามสฺส อุปสมฺปทํ ทเทยฺยา’’ติ อวตฺวา ‘‘อิตฺถนฺนามํ อุปสมฺปาเทยฺยา’’ติ วุตฺตตฺตา อิทํ อุปสมฺปทากมฺมํ ทาเน อสงฺคเหตฺวา กมฺมลกฺขเณ เอว สงฺคหิตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ อิมินา นเยน ‘‘อิตฺถนฺนามํ อุปสมฺปาเทติ, อุปสมฺปโนฺน สเงฺฆนา’’ติ เอตฺถาปิ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ เกวลญฺหิ ตตฺถ วตฺตมานกาลอตีตกาลวเสน, อิธ ปน อนามฎฺฐกาลวเสนาติ เอตฺตกเมว วิเสโสฯ

    Itthannāmaṃupasampādeyyāti upasampadānipphādanena taṃsamaṅgiṃ kareyya karotūti patthanāyaṃ, vidhimhi vā idaṃ daṭṭhabbaṃ. Yathā hi ‘‘devadattaṃ sukhāpeyyā’’ti vutte sukhamassa nipphādetvā taṃ sukhasamaṅginaṃ kareyyāti attho hoti, evamidhāpi upasampadamassa nipphādetvā taṃ upasampadāsamaṅginaṃ kareyyāti attho. Payojakabyāpāre cetaṃ yathā sukhayantaṃ kañci suddhakattāraṃ koci hetukattā sukhahetunipphādanena sukhāpeyyāti vuccati, evamidhāpi upasampajjantaṃ suddhakattāraṃ puggalaṃ hetukattubhūto saṅgho upasampadāhetunipphādanena upasampādeyyāti vutto. Etena ca sukhaṃ viya sukhadāyakena saṅghena puggalassa diyyamānā tathāpavattaparamatthadhamme upādāya ariyajanapaññattā upasampadā nāma sammutisaccatā atthīti samatthitaṃ hoti. Ettha ca ‘‘itthannāmo saṅghaṃ upasampadaṃ yācatī’’ti vuttattā parivāsādīsu viya yācanānuguṇaṃ ‘‘itthannāmassa upasampadaṃ dadeyyā’’ti avatvā ‘‘itthannāmaṃ upasampādeyyā’’ti vuttattā idaṃ upasampadākammaṃ dāne asaṅgahetvā kammalakkhaṇe eva saṅgahitanti daṭṭhabbaṃ. Iminā nayena ‘‘itthannāmaṃ upasampādeti, upasampanno saṅghenā’’ti etthāpi attho veditabbo. Kevalañhi tattha vattamānakālaatītakālavasena, idha pana anāmaṭṭhakālavasenāti ettakameva viseso.

    เอสา ญตฺตีติ ‘‘สโงฺฆ ญาเปตโพฺพ’’ติ วุตฺตญาปนา เอสาฯ อิทญฺจ อนุสฺสาวนานมฺปิ สพฺภาวสูจนตฺถํ วุจฺจติฯ อวสฺสเญฺจตํ วตฺตพฺพเมว, ญตฺติกเมฺม เอว ตํ น วตฺตพฺพํฯ ตตฺถ ปน ยฺย-กาเร วุตฺตมเตฺต เอว ญตฺติกมฺมํ นิฎฺฐิตํ โหตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ ขมตีติ รุจฺจติฯ อุปสมฺปทาติ สเงฺฆน ทิยฺยมานา นิปฺผาทิยมานา อุปสมฺปทา ยสฺส ขมติฯ โส ตุณฺหสฺสาติ โยชนาฯ ตุณฺหีติ จ อกถนเตฺถ นิปาโต, อกถนโก อสฺส ภเวยฺยาติ อโตฺถฯ ขมติ สงฺฆสฺส อิตฺถนฺนามสฺส อุปสมฺปทาติ ปกเตน สมฺพโนฺธฯ ตตฺถ การณมาห ‘‘ตสฺมา ตุณฺหี’’ติฯ ตตฺถ ‘‘อาสี’’ติ เสโสฯ ยสฺมา ‘‘ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺยา’’ติ ติกฺขตฺตุํ วุจฺจมาโนปิ สโงฺฆ ตุณฺหี นิรโว อโหสิ, ตสฺมา ขมติ สงฺฆสฺสาติ อโตฺถฯ เอวนฺติ อิมินา ปกาเรนฯ ตุณฺหีภาเวเนเวตํ สงฺฆสฺส รุจฺจนภาวํ ธารยามิ พุชฺฌามิ ปชานามีติ อโตฺถฯ อิติ-สโทฺท ปริสมาปนเตฺถ กโต, โส จ กมฺมวาจาย อนงฺคํฯ ตสฺมา อนุสฺสาวเกน ‘‘ธารยามี’’ติ เอตฺถ มิ-การปริโยสานเมว วตฺวา นิฎฺฐาเปตพฺพํ, อิติ-สโทฺท น ปยุชฺชิตโพฺพติ ทฎฺฐพฺพํฯ อิมินา นเยน สพฺพตฺถ กมฺมวาจานมโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    Esā ñattīti ‘‘saṅgho ñāpetabbo’’ti vuttañāpanā esā. Idañca anussāvanānampi sabbhāvasūcanatthaṃ vuccati. Avassañcetaṃ vattabbameva, ñattikamme eva taṃ na vattabbaṃ. Tattha pana yya-kāre vuttamatte eva ñattikammaṃ niṭṭhitaṃ hotīti daṭṭhabbaṃ. Khamatīti ruccati. Upasampadāti saṅghena diyyamānā nipphādiyamānā upasampadā yassa khamati. So tuṇhassāti yojanā. Tuṇhīti ca akathanatthe nipāto, akathanako assa bhaveyyāti attho. Khamati saṅghassa itthannāmassa upasampadāti pakatena sambandho. Tattha kāraṇamāha ‘‘tasmā tuṇhī’’ti. Tattha ‘‘āsī’’ti seso. Yasmā ‘‘yassa nakkhamati, so bhāseyyā’’ti tikkhattuṃ vuccamānopi saṅgho tuṇhī niravo ahosi, tasmā khamati saṅghassāti attho. Evanti iminā pakārena. Tuṇhībhāvenevetaṃ saṅghassa ruccanabhāvaṃ dhārayāmi bujjhāmi pajānāmīti attho. Iti-saddo parisamāpanatthe kato, so ca kammavācāya anaṅgaṃ. Tasmā anussāvakena ‘‘dhārayāmī’’ti ettha mi-kārapariyosānameva vatvā niṭṭhāpetabbaṃ, iti-saddo na payujjitabboti daṭṭhabbaṃ. Iminā nayena sabbattha kammavācānamattho veditabbo.

    อุปสมฺปทาวิธิกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Upasampadāvidhikathāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวคฺคปาฬิ • Mahāvaggapāḷi / ๖๓. อุปสมฺปทาวิธิ • 63. Upasampadāvidhi

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวคฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvagga-aṭṭhakathā / อุปสมฺปทาวิธิกถา • Upasampadāvidhikathā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / อุปสมฺปทาวิธิกถาวณฺณนา • Upasampadāvidhikathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๖๓. อุปสมฺปทาวิธิกถา • 63. Upasampadāvidhikathā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact