Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อุทาน-อฎฺฐกถา • Udāna-aṭṭhakathā

    ๙. อุปาติธาวนฺติสุตฺตวณฺณนา

    9. Upātidhāvantisuttavaṇṇanā

    ๕๙. นวเม รตฺตนฺธการติมิสายนฺติ รตฺติยํ อนฺธกาเร มหาติมิสายํฯ รตฺตีปิ หิ อนฺธการวิรหิตา โหติ, ยา ปุณฺณมาย รตฺติ ชุโณฺหภาสิตาฯ อนฺธกาโรปิ ‘‘ติมิสา’’ติ น วตฺตโพฺพ โหติ อพฺภมหิกาทิอุปกฺกิเลสวิรหิเต เทเวฯ มหนฺธกาโร หิ ‘‘ติมิสา’’ติ วุจฺจติฯ อยํ ปน อมาวสี รตฺติ เทโว จ เมฆปฎลสญฺฉโนฺนฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘รตฺตนฺธการติมิสายนฺติ รตฺติยา อนฺธกาเร มหาติมิสาย’’นฺติฯ อโพฺภกาเสติ อปฺปฎิจฺฉเนฺน โอกาเส วิหารงฺคเณฯ เตลปฺปทีเปสุ ฌายมาเนสูติ เตลปโชฺชเตสุ ชลมาเนสุฯ

    59. Navame rattandhakāratimisāyanti rattiyaṃ andhakāre mahātimisāyaṃ. Rattīpi hi andhakāravirahitā hoti, yā puṇṇamāya ratti juṇhobhāsitā. Andhakāropi ‘‘timisā’’ti na vattabbo hoti abbhamahikādiupakkilesavirahite deve. Mahandhakāro hi ‘‘timisā’’ti vuccati. Ayaṃ pana amāvasī ratti devo ca meghapaṭalasañchanno. Tena vuttaṃ – ‘‘rattandhakāratimisāyanti rattiyā andhakāre mahātimisāya’’nti. Abbhokāseti appaṭicchanne okāse vihāraṅgaṇe. Telappadīpesu jhāyamānesūti telapajjotesu jalamānesu.

    นนุ จ ภควโต พฺยามปฺปภา ปกติยา พฺยามมตฺตปฺปเทสํ อภิพฺยาเปตฺวา จนฺทิมสูริยาโลกํ อภิภวิตฺวา ฆนพหลํ พุทฺธาโลกํ วิสฺสเชฺชนฺตี อนฺธการํ วิธมิตฺวา ติฎฺฐติ, กายปฺปภาปิ นีลปีตาทิวเสน ฉพฺพณฺณฆนพุทฺธรสฺมิโย วิสฺสเชฺชตฺวา ปกติยาว สมนฺตโต อสีติหตฺถปฺปเทสํ โอภาเสนฺตี ติฎฺฐติ, เอวํ พุทฺธาโลเกเนว เอโกภาสภูเต ภควโต นิสิโนฺนกาเส ปทีปกรเณ กิจฺจํ นตฺถีติ? สจฺจํ นตฺถิ, ตถาปิ ปุญฺญตฺถิกา อุปาสกา ภควโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ปูชากรณตฺถํ เทวสิกํ เตลปฺปทีปํ อุปฎฺฐเปนฺติฯ ตถา หิ วุตฺตํ – สามญฺญผเลปิ ‘‘เอเต มณฺฑลมาเล ทีปา ฌายนฺตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๕๙)ฯ ‘‘รตฺตนฺธการติมิสาย’’นฺติ อิทมฺปิ ตสฺสา รตฺติยา สภาวกิตฺตนตฺถํ วุตฺตํ, น ปน ภควโต นิสิโนฺนกาสสฺส อนฺธการภาวโตฯ ปูชากรณตฺถเมว หิ ตทาปิ อุปาสเกหิ ปทีปา การิตาฯ

    Nanu ca bhagavato byāmappabhā pakatiyā byāmamattappadesaṃ abhibyāpetvā candimasūriyālokaṃ abhibhavitvā ghanabahalaṃ buddhālokaṃ vissajjentī andhakāraṃ vidhamitvā tiṭṭhati, kāyappabhāpi nīlapītādivasena chabbaṇṇaghanabuddharasmiyo vissajjetvā pakatiyāva samantato asītihatthappadesaṃ obhāsentī tiṭṭhati, evaṃ buddhālokeneva ekobhāsabhūte bhagavato nisinnokāse padīpakaraṇe kiccaṃ natthīti? Saccaṃ natthi, tathāpi puññatthikā upāsakā bhagavato bhikkhusaṅghassa ca pūjākaraṇatthaṃ devasikaṃ telappadīpaṃ upaṭṭhapenti. Tathā hi vuttaṃ – sāmaññaphalepi ‘‘ete maṇḍalamāle dīpā jhāyantī’’ti (dī. ni. 1.159). ‘‘Rattandhakāratimisāya’’nti idampi tassā rattiyā sabhāvakittanatthaṃ vuttaṃ, na pana bhagavato nisinnokāsassa andhakārabhāvato. Pūjākaraṇatthameva hi tadāpi upāsakehi padīpā kāritā.

    ตสฺมิญฺหิ ทิวเส สาวตฺถิวาสิโน พหู อุปาสกา ปาโตว สรีรปฎิชคฺคนํ กตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา อุโปสถงฺคานิ สมาทิยิตฺวา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมเนฺตตฺวา นครํ ปวิสิตฺวา มหาทานานิ ปวเตฺตตฺวา ภควนฺตํ ภิกฺขุสงฺฆญฺจ อนุคนฺตฺวา นิวตฺติตฺวา อตฺตโน อตฺตโน เคหานิ คนฺตฺวา สยมฺปิ ปริภุญฺชิตฺวา สุทฺธวตฺถนิวตฺถา สุทฺธุตฺตราสงฺคา คนฺธมาลาทิหตฺถา วิหารํ คนฺตฺวา ภควนฺตํ ปูเชตฺวา เกจิ มโนภาวนีเย ภิกฺขู ปยิรุปาสนฺตา เกจิ โยนิโสมนสิกโรนฺตา ทิวสภาคํ วีตินาเมสุํฯ เต สายนฺหสมเย ภควโต สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา สตฺถริ ธมฺมสภามณฺฑปโต ปฎฺฐาย คนฺธกุฎิสมีเป อโชฺฌกาเส ปญฺญตฺตวรพุทฺธาสเน นิสิเนฺน, ภิกฺขุสเงฺฆ จ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปยิรุปาสเนฺต อุโปสถวิโสธนตฺถเญฺจว โยนิโสมนสิการปริพฺรูหนตฺถญฺจ นครํ อคนฺตฺวา วิหาเรเยว วสิตุกามา โอหียิํสุฯ อถ เต ภควโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ปูชากรณตฺถํ พหู เตลปฺปทีเป อาโรเปตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ อญฺชลิํ กตฺวา ภิกฺขูนํ ปริยเนฺต นิสินฺนา กถํ สมุฎฺฐาเปสุํ, ‘‘ภเนฺต, อิเม ติตฺถิยา นานาวิธานิ ทิฎฺฐิคตานิ อภินิวิสฺส โวหรนฺติ, ตถา โวหรนฺตา จ กทาจิ สสฺสตํ, กทาจิ อสสฺสตํ, อุเจฺฉทาทีสุ อญฺญตรนฺติ เอกสฺมิํเยว อฎฺฐตฺวา นวนวานิ ทิฎฺฐิคตานิ ‘อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’นฺติ ปคฺคยฺห ติฎฺฐนฺติ อุมฺมตฺตกสทิสา, เตสํ ตถา อภินิวิฎฺฐานํ กา คติ, โก อภิสมฺปราโย’’ติฯ เตน จ สมเยน พหู ปฎงฺคปาณกา ปตนฺตา ปตนฺตา เตสุ เตลปฺปทีเปสุ นิปตนฺติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา อธิปาตกา’’ติอาทิฯ

    Tasmiñhi divase sāvatthivāsino bahū upāsakā pātova sarīrapaṭijagganaṃ katvā vihāraṃ gantvā uposathaṅgāni samādiyitvā buddhappamukhaṃ bhikkhusaṅghaṃ nimantetvā nagaraṃ pavisitvā mahādānāni pavattetvā bhagavantaṃ bhikkhusaṅghañca anugantvā nivattitvā attano attano gehāni gantvā sayampi paribhuñjitvā suddhavatthanivatthā suddhuttarāsaṅgā gandhamālādihatthā vihāraṃ gantvā bhagavantaṃ pūjetvā keci manobhāvanīye bhikkhū payirupāsantā keci yonisomanasikarontā divasabhāgaṃ vītināmesuṃ. Te sāyanhasamaye bhagavato santike dhammaṃ sutvā satthari dhammasabhāmaṇḍapato paṭṭhāya gandhakuṭisamīpe ajjhokāse paññattavarabuddhāsane nisinne, bhikkhusaṅghe ca bhagavantaṃ upasaṅkamitvā payirupāsante uposathavisodhanatthañceva yonisomanasikāraparibrūhanatthañca nagaraṃ agantvā vihāreyeva vasitukāmā ohīyiṃsu. Atha te bhagavato bhikkhusaṅghassa ca pūjākaraṇatthaṃ bahū telappadīpe āropetvā satthāraṃ upasaṅkamitvā vanditvā bhikkhusaṅghassa ca añjaliṃ katvā bhikkhūnaṃ pariyante nisinnā kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ, ‘‘bhante, ime titthiyā nānāvidhāni diṭṭhigatāni abhinivissa voharanti, tathā voharantā ca kadāci sassataṃ, kadāci asassataṃ, ucchedādīsu aññataranti ekasmiṃyeva aṭṭhatvā navanavāni diṭṭhigatāni ‘idameva saccaṃ moghamañña’nti paggayha tiṭṭhanti ummattakasadisā, tesaṃ tathā abhiniviṭṭhānaṃ kā gati, ko abhisamparāyo’’ti. Tena ca samayena bahū paṭaṅgapāṇakā patantā patantā tesu telappadīpesu nipatanti. Tena vuttaṃ – ‘‘tena kho pana samayena sambahulā adhipātakā’’tiādi.

    ตตฺถ อธิปาตกาติ ปฎงฺคปาณกา, เย ‘‘สลภา’’ติปิ วุจฺจนฺติฯ เต หิ ทีปสิขํ อธิปตนโต ‘‘อธิปาตกา’’ติ อธิเปฺปตาฯ อาปาตปริปาตนฺติ อาปาตํ ปริปาตํ, อาปติตฺวา อาปติตฺวา ปริปติตฺวา ปริปติตฺวา, อภิมุขปาตเญฺจว ปริพฺภมิตฺวา ปาตญฺจ กตฺวาติ อโตฺถฯ ‘‘อาปาเถ ปริปาต’’นฺติ เกจิ ปฐนฺติ, อาปาเถ ปทีปสฺส อตฺตโน อาปาถคมเน สติ ปริปติตฺวา ปริปติตฺวาติ อโตฺถฯ อนยนฺติ อวฑฺฒิํ ทุกฺขํฯ พฺยสนนฺติ วินาสํฯ ปุริมปเทน หิ มรณมตฺตํ ทุกฺขํ, ปจฺฉิมปเทน มรณํ เตสํ ทีเปติฯ ตตฺถ เกจิ ปาณกา สห ปตเนน มริํสุ, เกจิ มรณมตฺตํ ทุกฺขํ อาปชฺชิํสุฯ

    Tattha adhipātakāti paṭaṅgapāṇakā, ye ‘‘salabhā’’tipi vuccanti. Te hi dīpasikhaṃ adhipatanato ‘‘adhipātakā’’ti adhippetā. Āpātaparipātanti āpātaṃ paripātaṃ, āpatitvā āpatitvā paripatitvā paripatitvā, abhimukhapātañceva paribbhamitvā pātañca katvāti attho. ‘‘Āpāthe paripāta’’nti keci paṭhanti, āpāthe padīpassa attano āpāthagamane sati paripatitvā paripatitvāti attho. Anayanti avaḍḍhiṃ dukkhaṃ. Byasananti vināsaṃ. Purimapadena hi maraṇamattaṃ dukkhaṃ, pacchimapadena maraṇaṃ tesaṃ dīpeti. Tattha keci pāṇakā saha patanena mariṃsu, keci maraṇamattaṃ dukkhaṃ āpajjiṃsu.

    เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ อธิปาตกปาณกานํ อตฺตหิตํ อชานนฺตานํ อตฺตุปกฺกมวเสน นิรตฺถกพฺยสนาปตฺติํ วิทิตฺวา เตสํ วิย ทิฎฺฐิคติกานํ ทิฎฺฐาภินิเวเสน อนยพฺยสนาปตฺติทีปกํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ

    Etamatthaṃ viditvāti etaṃ adhipātakapāṇakānaṃ attahitaṃ ajānantānaṃ attupakkamavasena niratthakabyasanāpattiṃ viditvā tesaṃ viya diṭṭhigatikānaṃ diṭṭhābhinivesena anayabyasanāpattidīpakaṃ imaṃ udānaṃ udānesi.

    ตตฺถ อุปาติธาวนฺติ น สารเมนฺตีติ สีลสมาธิปญฺญาวิมุตฺติอาทิเภทํ สารํ น เอนฺติ, จตุสจฺจาภิสมยวเสน น อธิคจฺฉนฺติฯ ตสฺมิํ ปน สอุปาเย สาเร ติฎฺฐเนฺตเยว วิมุตฺตาภิลาสาย ตํ อุเปนฺตา วิย หุตฺวาปิ ทิฎฺฐิวิปลฺลาเสน อติธาวนฺติ อติกฺกมิตฺวา คจฺฉนฺติ, ปญฺจุปาทานกฺขเนฺธ ‘‘นิจฺจํ สุภํ สุขํ อตฺตา’’ติ อภินิวิสิตฺวา คณฺหนฺตาติ อโตฺถฯ นวํ นวํ พนฺธนํ พฺรูหยนฺตีติ ตถา คณฺหนฺตา จ ตณฺหาทิฎฺฐิสงฺขาตํ นวํ นวํ พนฺธนํ พฺรูหยนฺติ วฑฺฒยนฺติฯ ปตนฺติ ปโชฺชตมิวาธิปาตกา, ทิเฎฺฐ สุเต อิติเหเก นิวิฎฺฐาติ เอวํ ตณฺหาทิฎฺฐิพนฺธเนหิ พทฺธตฺตา เอเก สมณพฺราหฺมณา ทิเฎฺฐ อตฺตนา จกฺขุวิญฺญาเณน ทิฎฺฐิทสฺสเนเนว วา ทิเฎฺฐ อนุสฺสวูปลพฺภมเตฺตเนว จ สุเต ‘‘อิติห เอกนฺตโต เอวเมต’’นฺติ นิวิฎฺฐา ทิฎฺฐาภินิเวเสน ‘‘สสฺสต’’นฺติอาทินา อภินิวิฎฺฐา, เอกนฺตหิตํ วา นิสฺสรณํ อชานนฺตา ราคาทีหิ เอกาทสหิ อคฺคีหิ อาทิตฺตํ ภวตฺตยสงฺขาตํ องฺคารกาสุํเยว อิเม วิย อธิปาตกา อิมํ ปโชฺชตํ ปตนฺติ, น ตโต สีสํ อุกฺขิปิตุํ สโกฺกนฺตีติ อโตฺถฯ

    Tattha upātidhāvanti na sāramentīti sīlasamādhipaññāvimuttiādibhedaṃ sāraṃ na enti, catusaccābhisamayavasena na adhigacchanti. Tasmiṃ pana saupāye sāre tiṭṭhanteyeva vimuttābhilāsāya taṃ upentā viya hutvāpi diṭṭhivipallāsena atidhāvanti atikkamitvā gacchanti, pañcupādānakkhandhe ‘‘niccaṃ subhaṃ sukhaṃ attā’’ti abhinivisitvā gaṇhantāti attho. Navaṃ navaṃ bandhanaṃ brūhayantīti tathā gaṇhantā ca taṇhādiṭṭhisaṅkhātaṃ navaṃ navaṃ bandhanaṃ brūhayanti vaḍḍhayanti. Patanti pajjotamivādhipātakā, diṭṭhe sute itiheke niviṭṭhāti evaṃ taṇhādiṭṭhibandhanehi baddhattā eke samaṇabrāhmaṇā diṭṭhe attanā cakkhuviññāṇena diṭṭhidassaneneva vā diṭṭhe anussavūpalabbhamatteneva ca sute ‘‘itiha ekantato evameta’’nti niviṭṭhā diṭṭhābhinivesena ‘‘sassata’’ntiādinā abhiniviṭṭhā, ekantahitaṃ vā nissaraṇaṃ ajānantā rāgādīhi ekādasahi aggīhi ādittaṃ bhavattayasaṅkhātaṃ aṅgārakāsuṃyeva ime viya adhipātakā imaṃ pajjotaṃ patanti, na tato sīsaṃ ukkhipituṃ sakkontīti attho.

    นวมสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Navamasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อุทานปาฬิ • Udānapāḷi / ๙. อุปาติธาวนฺติสุตฺตํ • 9. Upātidhāvantisuttaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact