Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อปทาน-อฎฺฐกถา • Apadāna-aṭṭhakathā |
๑๐. อุปวานเตฺถรอปทานวณฺณนา
10. Upavānattheraapadānavaṇṇanā
ทสมาปทาเน ปทุมุตฺตโร นาม ชิโนติอาทิกํ อายสฺมโต อุปวานเตฺถรสฺส อปทานํฯ อยํ กิร ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฎฺฎูปนิสฺสยานิ ปุญฺญานิ อุปจินโนฺต เกนจิ กมฺมจฺฉิเทฺทน ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล ทลฺลิทฺทกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปโตฺต ภควติ ปรินิพฺพุเต ตสฺส ธาตุํ คเหตฺวา มนุสฺสเทวนาคครุฬยกฺขกุมฺภณฺฑคนฺธเพฺพหิ สตฺตรตนมเย สตฺตโยชนิเก ถูเป กเต ตตฺถ สุโธตํ อตฺตโน อุตฺตราสงฺคํ เวฬเคฺค อาพนฺธิตฺวา ธชํ กตฺวา ปูชํ อกาสิฯ ตํ คเหตฺวา อภิสมฺมตโก นาม ยกฺขเสนาปติ เทเวหิ เจติยปูชารกฺขณตฺถํ ฐปิโต อทิสฺสมานกาโย อากาเส ธาเรโนฺต เจติยํ ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ อกาสิฯ ตํ ทิสฺวา ภิโยฺยโสมตฺตาย ปสนฺนมานโส อโหสิฯ โส เตน ปุญฺญกเมฺมน เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา อุปวาโนติ ลทฺธนาโม วยปฺปโตฺต เชตวนปฎิคฺคหเณ พุทฺธานุภาวํ ทิสฺวา ปฎิลทฺธสโทฺธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรโนฺต ฉฬภิโญฺญ อโหสิฯ อถายสฺมา อุปวาโน ภควโต อุปฎฺฐาโก อโหสิ ฯ เตน จ สมเยน ภควโต วาตาพาโธ อุปฺปชฺชิฯ เถรสฺส คิหิสหาโย เทวหิโต นาม พฺราหฺมโณ สาวตฺถิยํ ปฎิวสติฯ โส เถรํ จตูหิ ปจฺจเยหิ ปวาเรสิฯ อถายสฺมา อุปวาโน นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา ตสฺส พฺราหฺมณสฺส นิเวสนํ อุปคญฺฉิฯ พฺราหฺมโณ ‘‘เกนจิ มเญฺญ ปโยชเนน เถโร อาคโต ภวิสฺสตี’’ติ ญตฺวา ‘‘วเทยฺยาถ, ภเนฺต, เกนโตฺถ’’ติ อาหฯ เถโร ตสฺส พฺราหฺมณสฺส ปโยชนํ อาจิกฺขโนฺต –
Dasamāpadāne padumuttaro nāma jinotiādikaṃ āyasmato upavānattherassa apadānaṃ. Ayaṃ kira purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave vivaṭṭūpanissayāni puññāni upacinanto kenaci kammacchiddena padumuttarassa bhagavato kāle dalliddakule nibbattitvā viññutaṃ patto bhagavati parinibbute tassa dhātuṃ gahetvā manussadevanāgagaruḷayakkhakumbhaṇḍagandhabbehi sattaratanamaye sattayojanike thūpe kate tattha sudhotaṃ attano uttarāsaṅgaṃ veḷagge ābandhitvā dhajaṃ katvā pūjaṃ akāsi. Taṃ gahetvā abhisammatako nāma yakkhasenāpati devehi cetiyapūjārakkhaṇatthaṃ ṭhapito adissamānakāyo ākāse dhārento cetiyaṃ tikkhattuṃ padakkhiṇaṃ akāsi. Taṃ disvā bhiyyosomattāya pasannamānaso ahosi. So tena puññakammena devamanussesu saṃsaranto imasmiṃ buddhuppāde sāvatthiyaṃ brāhmaṇakule nibbattitvā upavānoti laddhanāmo vayappatto jetavanapaṭiggahaṇe buddhānubhāvaṃ disvā paṭiladdhasaddho pabbajitvā vipassanāya kammaṃ karonto chaḷabhiñño ahosi. Athāyasmā upavāno bhagavato upaṭṭhāko ahosi . Tena ca samayena bhagavato vātābādho uppajji. Therassa gihisahāyo devahito nāma brāhmaṇo sāvatthiyaṃ paṭivasati. So theraṃ catūhi paccayehi pavāresi. Athāyasmā upavāno nivāsetvā pattacīvaraṃ gahetvā tassa brāhmaṇassa nivesanaṃ upagañchi. Brāhmaṇo ‘‘kenaci maññe payojanena thero āgato bhavissatī’’ti ñatvā ‘‘vadeyyātha, bhante, kenattho’’ti āha. Thero tassa brāhmaṇassa payojanaṃ ācikkhanto –
‘‘อรหํ สุคโต โลเก, วาเตหาพาธิโก มุนิ;
‘‘Arahaṃ sugato loke, vātehābādhiko muni;
สเจ อุโณฺหทกํ อตฺถิ, มุนิโน เทหิ พฺราหฺมณฯ
Sace uṇhodakaṃ atthi, munino dehi brāhmaṇa.
‘‘ปูชิโต ปูชเนยฺยานํ, สกฺกเรยฺยาน สกฺกโต;
‘‘Pūjito pūjaneyyānaṃ, sakkareyyāna sakkato;
อปจิโตปเจยฺยานํ, ตสฺส อิจฺฉามิ หาตเว’’ติฯ (เถรคา. ๑๘๕-๑๘๖) –
Apacitopaceyyānaṃ, tassa icchāmi hātave’’ti. (theragā. 185-186) –
คาถาทฺวยํ อภาสิฯ
Gāthādvayaṃ abhāsi.
ตสฺสโตฺถ – โย อิมสฺมิํ โลเก ปูชเนยฺยานํ ปูเชตเพฺพหิ สกฺกาทีหิ เทเวหิ มหาพฺรหฺมาทีหิ จ พฺรเหฺมหิ ปูชิโต, สกฺกเรยฺยานํ สกฺกาตเพฺพหิ พิมฺพิสารโกสลราชาทีหิ สกฺกโต, อปเจยฺยานํ อปจายิตเพฺพหิ มเหสีหิ ขีณาสเวหิ อปจิโต, กิเลเสหิ อารกตฺตาทินา อรหํ, โสภนคมนาทินา สุคโต สพฺพญฺญู มุนิ มยฺหํ สตฺถา เทวเทโว สกฺกานํ อติสโกฺก พฺรหฺมานํ อติพฺรหฺมา, โส ทานิ วาเตหิ วาตเหตุ วาตโกฺขภนิมิตฺตํ อาพาธิโก ชาโตฯ สเจ , พฺราหฺมณ, อุโณฺหทกํ อตฺถิ, ตสฺส วาตาพาธวูปสมนตฺถํ ตํ หาตเว อุปเนตุํ อิจฺฉามีติฯ
Tassattho – yo imasmiṃ loke pūjaneyyānaṃ pūjetabbehi sakkādīhi devehi mahābrahmādīhi ca brahmehi pūjito, sakkareyyānaṃ sakkātabbehi bimbisārakosalarājādīhi sakkato, apaceyyānaṃ apacāyitabbehi mahesīhi khīṇāsavehi apacito, kilesehi ārakattādinā arahaṃ, sobhanagamanādinā sugato sabbaññū muni mayhaṃ satthā devadevo sakkānaṃ atisakko brahmānaṃ atibrahmā, so dāni vātehi vātahetu vātakkhobhanimittaṃ ābādhiko jāto. Sace , brāhmaṇa, uṇhodakaṃ atthi, tassa vātābādhavūpasamanatthaṃ taṃ hātave upanetuṃ icchāmīti.
ตํ สุตฺวา พฺราหฺมโณ อุโณฺหทกํ ตทนุรูปํ วาตหรญฺจ เภสชฺชํ ภควโต อุปนาเมสิฯ เตน จ สตฺถุ โรโค วูปสมิฯ ตสฺส ภควา อนุโมทนํ อกาสิฯ
Taṃ sutvā brāhmaṇo uṇhodakaṃ tadanurūpaṃ vātaharañca bhesajjaṃ bhagavato upanāmesi. Tena ca satthu rogo vūpasami. Tassa bhagavā anumodanaṃ akāsi.
๑๒๒. อถายสฺมา อุปวาโน อปรภาเค อตฺตโน ปุพฺพกมฺมํ สริตฺวา โสมนสฺสชาโต ปุพฺพจริตาปทานํ ปกาเสโนฺต ปทุมุตฺตโร นาม ชิโนติอาทิมาหฯ ตตฺถ ปทุมุตฺตโรติอาทีนิ ปุเพฺพ วุตฺตตฺถาเนวฯ
122. Athāyasmā upavāno aparabhāge attano pubbakammaṃ saritvā somanassajāto pubbacaritāpadānaṃ pakāsento padumuttaro nāma jinotiādimāha. Tattha padumuttarotiādīni pubbe vuttatthāneva.
๑๒๓. มหาชนา สมาคมฺมาติ สกลชมฺพุทีปวาสิโน ราสิภูตาติ อโตฺถฯ จิตกํ กตฺวาติ โยชนุเพฺพธํ จนฺทนราสิจิตกํ กตฺวา ภควโต สรีรํ ตตฺถ อภิโรปยิํสูติ สมฺพโนฺธฯ
123.Mahājanā samāgammāti sakalajambudīpavāsino rāsibhūtāti attho. Citakaṃ katvāti yojanubbedhaṃ candanarāsicitakaṃ katvā bhagavato sarīraṃ tattha abhiropayiṃsūti sambandho.
๑๒๔. สรีรกิจฺจํ กตฺวานาติ อาทหนาติ อคฺคินา ทหนกิจฺจํ กตฺวาติ อโตฺถฯ
124.Sarīrakiccaṃkatvānāti ādahanāti agginā dahanakiccaṃ katvāti attho.
๑๒๗-๒๘. ชงฺฆา มณิมยา อาสีติ มนุเสฺสหิ กตถูเป ชงฺฆา ปุปฺผวาหตฺถํ จริตฎฺฐานํ มณิมยา อินฺทนีลมณินา กตาติ อโตฺถฯ มยมฺปีติ สเพฺพ เทวา ถูปํ กริสฺสามาติ อโตฺถฯ
127-28.Jaṅghā maṇimayā āsīti manussehi katathūpe jaṅghā pupphavāhatthaṃ caritaṭṭhānaṃ maṇimayā indanīlamaṇinā katāti attho. Mayampīti sabbe devā thūpaṃ karissāmāti attho.
๑๒๙. ธาตุ อาเวณิกา นตฺถีติ เทวมนุเสฺสหิ วิสุํ วิสุํ เจติยํ กาตุํ อาเวณิกา วิสุํ ธาตุ นตฺถิ, ตํ ทเสฺสโนฺต สรีรํ เอกปิณฺฑิตนฺติ อาหฯ อธิฎฺฐานพเลน สกลสรีรธาตุ เอกฆนสิลามยปฎิมา วิย เอกเมว อโหสีติ อโตฺถฯ อิมมฺหิ พุทฺธถูปมฺหีติ สกลชมฺพุทีปวาสีหิ กตมฺหิ อิมมฺหิ สุวณฺณถูปมฺหิ มยํ สเพฺพ สมาคนฺตฺวา กญฺจุกถูปํ กริสฺสามาติ อโตฺถฯ
129.Dhātu āveṇikā natthīti devamanussehi visuṃ visuṃ cetiyaṃ kātuṃ āveṇikā visuṃ dhātu natthi, taṃ dassento sarīraṃ ekapiṇḍitanti āha. Adhiṭṭhānabalena sakalasarīradhātu ekaghanasilāmayapaṭimā viya ekameva ahosīti attho. Imamhi buddhathūpamhīti sakalajambudīpavāsīhi katamhi imamhi suvaṇṇathūpamhi mayaṃ sabbe samāgantvā kañcukathūpaṃ karissāmāti attho.
๑๓๓. อินฺทนีลํ มหานีลนฺติ อินฺทีวรปุปฺผวณฺณาภํ มณิ อินฺทนีลมณิฯ ตโต อธิกวณฺณตา มหามณิ อินฺทนีลมณโย จ มหานีลมณโย จ โชติรสมณิชาติรงฺคมณโย จ เอกโต สนฺนิปาเตตฺวา ราสี กตฺวา สุวณฺณถูเป กญฺจุกถูปํ กตฺวา อฉาทยุนฺติ สมฺพโนฺธฯ
133.Indanīlaṃ mahānīlanti indīvarapupphavaṇṇābhaṃ maṇi indanīlamaṇi. Tato adhikavaṇṇatā mahāmaṇi indanīlamaṇayo ca mahānīlamaṇayo ca jotirasamaṇijātiraṅgamaṇayo ca ekato sannipātetvā rāsī katvā suvaṇṇathūpe kañcukathūpaṃ katvā achādayunti sambandho.
๑๔๔. ปเจฺจกํ พุทฺธเสฎฺฐสฺสาติ พุทฺธุตฺตมสฺส ปติ เอกํ วิสุํ อุปริฉทเนน ถูปํ อกํสูติ อโตฺถฯ
144.Paccekaṃbuddhaseṭṭhassāti buddhuttamassa pati ekaṃ visuṃ uparichadanena thūpaṃ akaṃsūti attho.
๑๔๗. กุมฺภณฺฑา คุยฺหกา ตถาติ กุมฺภมตฺตานิ อณฺฑานิ เยสํ เทวานํ เต กุมฺภณฺฑา, ปฎิจฺฉาเทตฺวา นิคุหิตฺวา ปฎิจฺฉาทนโต ครุฬา คุยฺหกา นาม ชาตา, เต กุมฺภณฺฑา คุยฺหกาปิ ถูปํ อกํสูติ อโตฺถฯ
147.Kumbhaṇḍā guyhakātathāti kumbhamattāni aṇḍāni yesaṃ devānaṃ te kumbhaṇḍā, paṭicchādetvā niguhitvā paṭicchādanato garuḷā guyhakā nāma jātā, te kumbhaṇḍā guyhakāpi thūpaṃ akaṃsūti attho.
๑๕๑. อติโภนฺติ น ตสฺสาภาติ ตสฺส เจติยสฺส ปภํ จนฺทสูริยตารกานํ ปภา น อติโภนฺติ, น อโชฺฌตฺถรนฺตีติ อโตฺถฯ
151.Atibhonti na tassābhāti tassa cetiyassa pabhaṃ candasūriyatārakānaṃ pabhā na atibhonti, na ajjhottharantīti attho.
๑๕๘. อหมฺปิ การํ กสฺสามีติ ตาทิโน โลกนาถสฺส ถูปสฺมิํ อหมฺปิ การํ ปุญฺญกิริยํ กุสลกมฺมํ ธชปฎากปูชํ กริสฺสามีติ อโตฺถฯ
158.Ahampi kāraṃ kassāmīti tādino lokanāthassa thūpasmiṃ ahampi kāraṃ puññakiriyaṃ kusalakammaṃ dhajapaṭākapūjaṃ karissāmīti attho.
อุปวานเตฺถรอปทานวณฺณนา สมตฺตาฯ
Upavānattheraapadānavaṇṇanā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อปทานปาฬิ • Apadānapāḷi / ๑๐. อุปวานเตฺถรอปทานํ • 10. Upavānattheraapadānaṃ