Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā

    ๓. อุปวาณเตฺถรคาถาวณฺณนา

    3. Upavāṇattheragāthāvaṇṇanā

    อรหํ สุคโตติ อายสฺมโต อุปวาณเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล ทลิทฺทกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปโตฺต ภควติ ปรินิพฺพุเต ตสฺส ธาตุํ คเหตฺวา มนุสฺสเทวนาคครุฬกุมฺภณฺฑยกฺขคนฺธเพฺพหิ สตฺตรตนมเย สตฺตโยชนิเก ถูเป กเต ตตฺถ สุโธตํ อตฺตโน อุตฺตราสงฺคํ เวฬเคฺค อาพนฺธิตฺวา ธชํ กตฺวา ปูชํ อกาสิฯ ตํ คเหตฺวา อภิสมฺมตโก นาม ยกฺขเสนาปติ เทเวหิ เจติยปูชารกฺขณตฺถํ ฐปิโต อทิสฺสมานกาโย อากาเส ธาเรโนฺต เจติยํ ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ อกาสิฯ โส ตํ ทิสฺวา ภิโยฺยโสมตฺตาย ปสนฺนมานโส อโหสิฯ โส เตน ปุญฺญกเมฺมน เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา อุปวาโณติ ลทฺธนาโม วยปฺปโตฺต เชตวนปฎิคฺคหเณ พุทฺธานุภาวํ ทิสฺวา ปฎิลทฺธสโทฺธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรโนฺต อรหตฺตํ ปตฺวา ฉฬภิโญฺญ อโหสิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๖.๑๒๒-๑๗๘) –

    Arahaṃ sugatoti āyasmato upavāṇattherassa gāthā. Kā uppatti? Ayaṃ kira padumuttarassa bhagavato kāle daliddakule nibbattitvā viññutaṃ patto bhagavati parinibbute tassa dhātuṃ gahetvā manussadevanāgagaruḷakumbhaṇḍayakkhagandhabbehi sattaratanamaye sattayojanike thūpe kate tattha sudhotaṃ attano uttarāsaṅgaṃ veḷagge ābandhitvā dhajaṃ katvā pūjaṃ akāsi. Taṃ gahetvā abhisammatako nāma yakkhasenāpati devehi cetiyapūjārakkhaṇatthaṃ ṭhapito adissamānakāyo ākāse dhārento cetiyaṃ tikkhattuṃ padakkhiṇaṃ akāsi. So taṃ disvā bhiyyosomattāya pasannamānaso ahosi. So tena puññakammena devamanussesu saṃsaranto imasmiṃ buddhuppāde sāvatthiyaṃ brāhmaṇakule nibbattitvā upavāṇoti laddhanāmo vayappatto jetavanapaṭiggahaṇe buddhānubhāvaṃ disvā paṭiladdhasaddho pabbajitvā vipassanāya kammaṃ karonto arahattaṃ patvā chaḷabhiñño ahosi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 2.56.122-178) –

    ‘‘ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน, สพฺพธมฺมาน ปารคู;

    ‘‘Padumuttaro nāma jino, sabbadhammāna pāragū;

    ชลิตฺวา อคฺคิกฺขโนฺธว, สมฺพุโทฺธ ปรินิพฺพุโตฯ

    Jalitvā aggikkhandhova, sambuddho parinibbuto.

    ‘‘มหาชนา สมาคมฺม, ปูชยิตฺวา ตถาคตํ;

    ‘‘Mahājanā samāgamma, pūjayitvā tathāgataṃ;

    จิตฺตํ กตฺวาน สุคตํ, สรีรํ อภิโรปยุํฯ

    Cittaṃ katvāna sugataṃ, sarīraṃ abhiropayuṃ.

    ‘‘สรีรกิจฺจํ กตฺวาน, ธาตุํ ตตฺถ สมานยุํ;

    ‘‘Sarīrakiccaṃ katvāna, dhātuṃ tattha samānayuṃ;

    สเทวมนุสฺสา สเพฺพ, พุทฺธถูปํ อกํสุ เตฯ

    Sadevamanussā sabbe, buddhathūpaṃ akaṃsu te.

    ‘‘ปฐมา กญฺจนมยา, ทุติยา จ มณิมยา;

    ‘‘Paṭhamā kañcanamayā, dutiyā ca maṇimayā;

    ตติยา รูปิยมยา, จตุตฺถี ผลิกามยาฯ

    Tatiyā rūpiyamayā, catutthī phalikāmayā.

    ‘‘ตตฺถ ปญฺจมิกา เจว, โลหิตงฺกมยา อหุ;

    ‘‘Tattha pañcamikā ceva, lohitaṅkamayā ahu;

    ฉฎฺฐา มสารคลฺลสฺส, สพฺพํ รตนมยูปริฯ

    Chaṭṭhā masāragallassa, sabbaṃ ratanamayūpari.

    ‘‘ชงฺฆา มณิมยา อาสิ, เวทิกา รตนามยา;

    ‘‘Jaṅghā maṇimayā āsi, vedikā ratanāmayā;

    สพฺพโสณฺณมโย ถูโป, อุทฺธํ โยชนมุคฺคโตฯ

    Sabbasoṇṇamayo thūpo, uddhaṃ yojanamuggato.

    ‘‘เทวา ตตฺถ สมาคนฺตฺวา, เอกโต มนฺตยุํ ตทา;

    ‘‘Devā tattha samāgantvā, ekato mantayuṃ tadā;

    มยมฺปิ ถูปํ กสฺสาม, โลกนาถสฺส ตาทิโนฯ

    Mayampi thūpaṃ kassāma, lokanāthassa tādino.

    ‘‘ธาตุ อาเวณิกา นตฺถิ, สรีรํ เอกปิณฺฑิตํ;

    ‘‘Dhātu āveṇikā natthi, sarīraṃ ekapiṇḍitaṃ;

    อิมมฺหิ พุทฺธถูปมฺหิ, กสฺสาม กญฺจุกํ มยํฯ

    Imamhi buddhathūpamhi, kassāma kañcukaṃ mayaṃ.

    ‘‘เทวา สตฺตหิ รเตฺนหิ, อญฺญํ วเฑฺฒสุํ โยชนํ;

    ‘‘Devā sattahi ratnehi, aññaṃ vaḍḍhesuṃ yojanaṃ;

    ถูโป ทฺวิโยชนุเพฺพโธ, ติมิรํ พฺยปหนฺติ โสฯ

    Thūpo dviyojanubbedho, timiraṃ byapahanti so.

    ‘‘นาคา ตตฺถ สมาคนฺตฺวา, เอกโต มนฺตยุํ ตทา;

    ‘‘Nāgā tattha samāgantvā, ekato mantayuṃ tadā;

    มนุสฺสา เจว เทวา จ, พุทฺธถูปํ อกํสุ เตฯ

    Manussā ceva devā ca, buddhathūpaṃ akaṃsu te.

    ‘‘มา โน ปมตฺตา อสฺสุมฺห, อปฺปมตฺตา สเทวกา;

    ‘‘Mā no pamattā assumha, appamattā sadevakā;

    มยมฺปิ ถูปํ กสฺสาม, โลกนาถสฺส ตาทิโนฯ

    Mayampi thūpaṃ kassāma, lokanāthassa tādino.

    ‘‘อินฺทนีลํ มหานีลํ, อโถ โชติรสํ มณิํ;

    ‘‘Indanīlaṃ mahānīlaṃ, atho jotirasaṃ maṇiṃ;

    เอกโต สนฺนิปาเตตฺวา, พุทฺธถูปํ อฉาทยุํฯ

    Ekato sannipātetvā, buddhathūpaṃ achādayuṃ.

    ‘‘สพฺพํ มณิมยํ อาสิ, ยาวตา พุทฺธเจติยํ;

    ‘‘Sabbaṃ maṇimayaṃ āsi, yāvatā buddhacetiyaṃ;

    ติโยชนสมุเพฺพธํ, อาโลกกรณํ ตทาฯ

    Tiyojanasamubbedhaṃ, ālokakaraṇaṃ tadā.

    ‘‘ครุฬา จ สมาคนฺตฺวา, เอกโต มนฺตยุํ ตทา;

    ‘‘Garuḷā ca samāgantvā, ekato mantayuṃ tadā;

    มนุสฺสา เทวนาคา จ, พุทฺธปูชํ อกํสุ เตฯ

    Manussā devanāgā ca, buddhapūjaṃ akaṃsu te.

    ‘‘มา โน ปมตฺตา อสฺสุมฺห, อปฺปมตฺตา สเทวกา;

    ‘‘Mā no pamattā assumha, appamattā sadevakā;

    มยมฺปิ ถูปํ กสฺสาม, โลกนาถสฺส ตาทิโนฯ

    Mayampi thūpaṃ kassāma, lokanāthassa tādino.

    ‘‘สพฺพํ มณิมยํ ถูปํ, อกรุํ เต จ กญฺจุกํ;

    ‘‘Sabbaṃ maṇimayaṃ thūpaṃ, akaruṃ te ca kañcukaṃ;

    โยชนํ เตปิ วเฑฺฒสุํ, อายตํ พุทฺธเจติยํฯ

    Yojanaṃ tepi vaḍḍhesuṃ, āyataṃ buddhacetiyaṃ.

    ‘‘จตุโยชนมุเพฺพโธ, พุทฺธถูโป วิโรจติ;

    ‘‘Catuyojanamubbedho, buddhathūpo virocati;

    โอภาเสติ ทิสา สพฺพา, สตรํสีว อุคฺคโตฯ

    Obhāseti disā sabbā, sataraṃsīva uggato.

    ‘‘กุมฺภณฺฑา จ สมาคนฺตฺวา, เอกโต มนฺตยุํ ตทา;

    ‘‘Kumbhaṇḍā ca samāgantvā, ekato mantayuṃ tadā;

    มนุสฺสา เจว เทวา จ, นาคา จ ครุฬา ตถาฯ

    Manussā ceva devā ca, nāgā ca garuḷā tathā.

    ‘‘ปเจฺจกํ พุทฺธเสฎฺฐสฺส, อกํสุ ถูปมุตฺตมํ;

    ‘‘Paccekaṃ buddhaseṭṭhassa, akaṃsu thūpamuttamaṃ;

    มา โน ปมตฺตา อสฺสุมฺห, อปฺปมตฺตา สเทวกาฯ

    Mā no pamattā assumha, appamattā sadevakā.

    ‘‘มยมฺปิ ถูปํ กสฺสาม, โลกนาถสฺส ตาทิโน;

    ‘‘Mayampi thūpaṃ kassāma, lokanāthassa tādino;

    รตเนหิ ฉาเทสฺสาม, อายตํ พุทฺธเจติยํฯ

    Ratanehi chādessāma, āyataṃ buddhacetiyaṃ.

    ‘‘โยชนํ เตปิ วเฑฺฒสุํ, อายตํ พุทฺธเจติยํ;

    ‘‘Yojanaṃ tepi vaḍḍhesuṃ, āyataṃ buddhacetiyaṃ;

    ปญฺจโยชนมุเพฺพโธ, ถูโป โอภาสเต ตทาฯ

    Pañcayojanamubbedho, thūpo obhāsate tadā.

    ‘‘ยกฺขา ตตฺถ สมาคนฺตฺวา, เอกโต มนฺตยุํ ตทา;

    ‘‘Yakkhā tattha samāgantvā, ekato mantayuṃ tadā;

    มนุสฺสา เทวนาคา จ, ครุฬา จ กุมฺภณฺฑกาฯ

    Manussā devanāgā ca, garuḷā ca kumbhaṇḍakā.

    ‘‘ปเจฺจกํ พุทฺธเสฎฺฐสฺส, อกํสุ ถูปมุตฺตมํ;

    ‘‘Paccekaṃ buddhaseṭṭhassa, akaṃsu thūpamuttamaṃ;

    มา โน ปมตฺตา อสฺสุมฺห, อปฺปมตฺตา สเทวกาฯ

    Mā no pamattā assumha, appamattā sadevakā.

    ‘‘มยมฺปิ ถูปํ กสฺสาม, โลกนาถสฺส ตาทิโน;

    ‘‘Mayampi thūpaṃ kassāma, lokanāthassa tādino;

    ผลิกา ฉาทยิสฺสาม, อายตํ พุทฺธเจติยํฯ

    Phalikā chādayissāma, āyataṃ buddhacetiyaṃ.

    ‘‘โยชนํ เตปิ วเฑฺฒสุํ, อายตํ พุทฺธเจติยํ;

    ‘‘Yojanaṃ tepi vaḍḍhesuṃ, āyataṃ buddhacetiyaṃ;

    ฉโยชนิกมุเพฺพโธ, ถูโป โอภาสเต ตทาฯ

    Chayojanikamubbedho, thūpo obhāsate tadā.

    ‘‘คนฺธพฺพา จ สมาคนฺตฺวา, เอกโต มนฺตยุํ ตทา;

    ‘‘Gandhabbā ca samāgantvā, ekato mantayuṃ tadā;

    มนุชา เทวตา นาคา, กุมฺภณฺฑา ครุฬา ตถาฯ

    Manujā devatā nāgā, kumbhaṇḍā garuḷā tathā.

    ‘‘สเพฺพ อกํสุ พุทฺธถูปํ, มยเมตฺถ อการกา;

    ‘‘Sabbe akaṃsu buddhathūpaṃ, mayamettha akārakā;

    มยมฺปิ ถูปํ กสฺสาม, โลกนาถสฺส ตาทิโนฯ

    Mayampi thūpaṃ kassāma, lokanāthassa tādino.

    ‘‘เวทิโย สตฺต กตฺวาน, ธชํ ฉตฺตํ อกํสุ เต;

    ‘‘Vediyo satta katvāna, dhajaṃ chattaṃ akaṃsu te;

    สพฺพโสณฺณมยํ ถูปํ, คนฺธพฺพา การยุํ ตทาฯ

    Sabbasoṇṇamayaṃ thūpaṃ, gandhabbā kārayuṃ tadā.

    ‘‘สตฺตโยชนมุเพฺพโธ, ถูโป โอภาสเต ตทา;

    ‘‘Sattayojanamubbedho, thūpo obhāsate tadā;

    รตฺตินฺทิวา น ญายนฺติ, อาโลโก โหติ สพฺพทาฯ

    Rattindivā na ñāyanti, āloko hoti sabbadā.

    ‘‘อภิโภนฺติ น ตสฺสาภา, จนฺทสูรา สตารกา;

    ‘‘Abhibhonti na tassābhā, candasūrā satārakā;

    สมนฺตา โยชนสเต, ปทีโปปิ น ปชฺชลิฯ

    Samantā yojanasate, padīpopi na pajjali.

    ‘‘เตน กาเลน เย เกจิ, ถูปํ ปูเชนฺติ มานุสา;

    ‘‘Tena kālena ye keci, thūpaṃ pūjenti mānusā;

    น เต ถูปํ อารุหนฺติ, อมฺพเร อุกฺขิปนฺติ เตฯ

    Na te thūpaṃ āruhanti, ambare ukkhipanti te.

    ‘‘เทเวหิ ฐปิโต ยโกฺข, อภิสมฺมตนามโก;

    ‘‘Devehi ṭhapito yakkho, abhisammatanāmako;

    ธชํ วา ปุปฺผทามํ วา, อภิโรเปติ อุตฺตริํฯ

    Dhajaṃ vā pupphadāmaṃ vā, abhiropeti uttariṃ.

    ‘‘น เต ปสฺสนฺติ ตํ ยกฺขํ, ทามํ ปสฺสนฺติ คจฺฉโต;

    ‘‘Na te passanti taṃ yakkhaṃ, dāmaṃ passanti gacchato;

    เอวํ ปสฺสิตฺวา คจฺฉนฺตา, สเพฺพ คจฺฉนฺติ สุคฺคติํฯ

    Evaṃ passitvā gacchantā, sabbe gacchanti suggatiṃ.

    ‘‘วิรุทฺธา เย ปาวจเน, ปสนฺนา เย จ สาสเน;

    ‘‘Viruddhā ye pāvacane, pasannā ye ca sāsane;

    ปาฎิหีรํ ทฎฺฐุกามา, ถูปํ ปูเชนฺติ มานุสาฯ

    Pāṭihīraṃ daṭṭhukāmā, thūpaṃ pūjenti mānusā.

    ‘‘นคเร หํสวติยา, อโหสิํ ภตโก ตทา;

    ‘‘Nagare haṃsavatiyā, ahosiṃ bhatako tadā;

    อาโมทิตํ ชนํ ทิสฺวา, เอวํ จิเนฺตสหํ ตทาฯ

    Āmoditaṃ janaṃ disvā, evaṃ cintesahaṃ tadā.

    ‘‘อุฬาโร ภควา เนโส, ยสฺส ธาตุฆเร ทิสํ;

    ‘‘Uḷāro bhagavā neso, yassa dhātughare disaṃ;

    อิมา จ ชนตา ตุฎฺฐา, การํ กุพฺพํ น ตปฺปเรฯ

    Imā ca janatā tuṭṭhā, kāraṃ kubbaṃ na tappare.

    ‘‘อหมฺปิ การํ กสฺสามิ, โลกนาถสฺส ตาทิโน;

    ‘‘Ahampi kāraṃ kassāmi, lokanāthassa tādino;

    ตสฺส ธเมฺมสุ ทายาโท, ภวิสฺสามิ อนาคเตฯ

    Tassa dhammesu dāyādo, bhavissāmi anāgate.

    ‘‘สุโธตํ รชเกนาหํ, อุตฺตเรยฺยํ ปฎํ มม;

    ‘‘Sudhotaṃ rajakenāhaṃ, uttareyyaṃ paṭaṃ mama;

    เวฬเคฺค อาลเคฺคตฺวาน, ธชํ อุกฺขิปิมมฺพเรฯ

    Veḷagge ālaggetvāna, dhajaṃ ukkhipimambare.

    ‘‘อภิสมฺมตโก คยฺห, อมฺพเร หาสิ เม ธชํ;

    ‘‘Abhisammatako gayha, ambare hāsi me dhajaṃ;

    วาเตริตํ ธชํ ทิสฺวา, ภิโยฺย หาสํ ชเนสหํฯ

    Vāteritaṃ dhajaṃ disvā, bhiyyo hāsaṃ janesahaṃ.

    ‘‘ตตฺถ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, สมณํ อุปสงฺกมิํ;

    ‘‘Tattha cittaṃ pasādetvā, samaṇaṃ upasaṅkamiṃ;

    ตํ ภิกฺขุํ อภิวาเทตฺวา, วิปากํ ปุจฺฉหํ ธเชฯ

    Taṃ bhikkhuṃ abhivādetvā, vipākaṃ pucchahaṃ dhaje.

    ‘‘โส เม กเถสิ อานนฺที, ปีติสญฺชนนํ มม;

    ‘‘So me kathesi ānandī, pītisañjananaṃ mama;

    ตสฺส ธชสฺส วิปากํ, อนุโภสฺสสิ สพฺพทาฯ

    Tassa dhajassa vipākaṃ, anubhossasi sabbadā.

    ‘‘หตฺถิอสฺสรถาปตฺตี, เสนา จ จตุรงฺคินี;

    ‘‘Hatthiassarathāpattī, senā ca caturaṅginī;

    ปริวาเรสฺสนฺติ ตํ นิจฺจํ, ธชทานสฺสิทํ ผลํฯ

    Parivāressanti taṃ niccaṃ, dhajadānassidaṃ phalaṃ.

    ‘‘สฎฺฐิตูริยสหสฺสานิ, เภริโย สมลงฺกตา;

    ‘‘Saṭṭhitūriyasahassāni, bheriyo samalaṅkatā;

    ปริวาเรสฺสนฺติ ตํ นิจฺจํ, ธชทานสฺสิทํ ผลํฯ

    Parivāressanti taṃ niccaṃ, dhajadānassidaṃ phalaṃ.

    ‘‘ฉฬสีติ สหสฺสานิ, นาริโย สมลงฺกตา;

    ‘‘Chaḷasīti sahassāni, nāriyo samalaṅkatā;

    วิจิตฺตวตฺถาภรณา, อามุกฺกมณิกุณฺฑลาฯ

    Vicittavatthābharaṇā, āmukkamaṇikuṇḍalā.

    ‘‘อฬารปมฺหา หสุลา, สุสญฺญา ตนุมชฺฌิมา;

    ‘‘Aḷārapamhā hasulā, susaññā tanumajjhimā;

    ปริวาเรสฺสนฺติ ตํ นิจฺจํ, ธชทานสฺสิทํ ผลํฯ

    Parivāressanti taṃ niccaṃ, dhajadānassidaṃ phalaṃ.

    ‘‘ติํสกปฺปสหสฺสานิ, เทวโลเก รมิสฺสสิ;

    ‘‘Tiṃsakappasahassāni, devaloke ramissasi;

    อสีติกฺขตฺตุํ เทวิโนฺท, เทวรชฺชํ กริสฺสสิฯ

    Asītikkhattuṃ devindo, devarajjaṃ karissasi.

    ‘‘สหสฺสกฺขตฺตุํ ราชา จ, จกฺกวตฺตี ภวิสฺสติ;

    ‘‘Sahassakkhattuṃ rājā ca, cakkavattī bhavissati;

    ปเทสรชฺชํ วิปุลํ, คณนาโต อสงฺขิยํฯ

    Padesarajjaṃ vipulaṃ, gaṇanāto asaṅkhiyaṃ.

    ‘‘กปฺปสตสหสฺสมฺหิ, โอกฺกากกุลสมฺภโว;

    ‘‘Kappasatasahassamhi, okkākakulasambhavo;

    โคตโม นาม โคเตฺตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติฯ

    Gotamo nāma gottena, satthā loke bhavissati.

    ‘‘เทวโลกา จวิตฺวาน, สุกฺกมูเลน โจทิโต;

    ‘‘Devalokā cavitvāna, sukkamūlena codito;

    ปุญฺญกเมฺมน สญฺญุโตฺต, พฺรหฺมพนฺธุ ภวิสฺสสิฯ

    Puññakammena saññutto, brahmabandhu bhavissasi.

    ‘‘อสีติโกฎิํ ฉเฑฺฑตฺวา, ทาเส กมฺมกเร พหู;

    ‘‘Asītikoṭiṃ chaḍḍetvā, dāse kammakare bahū;

    โคตมสฺส ภควโต, สาสเน ปพฺพชิสฺสสิฯ

    Gotamassa bhagavato, sāsane pabbajissasi.

    ‘‘อาราธยิตฺวา สมฺพุทฺธํ, โคตมํ สกฺยปุงฺควํ;

    ‘‘Ārādhayitvā sambuddhaṃ, gotamaṃ sakyapuṅgavaṃ;

    อุปวาโณติ นาเมน, เหสฺสสิ สตฺถุ สาวโกฯ

    Upavāṇoti nāmena, hessasi satthu sāvako.

    ‘‘สตสหเสฺส กตํ กมฺมํ, ผลํ ทเสฺสสิ เม อิธ;

    ‘‘Satasahasse kataṃ kammaṃ, phalaṃ dassesi me idha;

    สุมุโตฺต สรเวโคว, กิเลเส ฌาปยิํ มมฯ

    Sumutto saravegova, kilese jhāpayiṃ mama.

    ‘‘จกฺกวตฺติสฺส สนฺตสฺส, จาตุทฺทีปิสฺสรสฺส เม;

    ‘‘Cakkavattissa santassa, cātuddīpissarassa me;

    ตีณิ โยชนานิ สามนฺตา, อุสฺสียนฺติ ธชา สทาฯ

    Tīṇi yojanāni sāmantā, ussīyanti dhajā sadā.

    ‘‘สตสหสฺสิโต กเปฺป, ยํ กมฺมมกริํ ตทา;

    ‘‘Satasahassito kappe, yaṃ kammamakariṃ tadā;

    ทุคฺคติํ นาภิชานามิ, ธชทานสฺสิทํ ผลํฯ

    Duggatiṃ nābhijānāmi, dhajadānassidaṃ phalaṃ.

    ‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ

    ‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.

    อถายสฺมา อุปวาโณ ภควโต อุปฎฺฐาโก อโหสิฯ เตน จ สมเยน ภควโต วาตาพาโธ อุปฺปชฺชิฯ เถรสฺส จ คิหิสหาโย เทวหิโต นาม พฺราหฺมโณ สาวตฺถิยํ ปฎิวสติฯ โส เถรํ จตูหิ ปจฺจเยหิ ปเวเทสิฯ อถายสฺมา อุปวาโณ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ตสฺส พฺราหฺมณสฺส นิเวสนํ อุปคจฺฉิฯ พฺราหฺมโณ ‘‘เกนจิ อเญฺญน ปโยชเนน เถโร อาคโต’’ติ ญตฺวา, ‘‘วเทยฺยาถ, ภเนฺต, เกนโตฺถ’’ติ อาหฯ เถโร ตสฺส พฺราหฺมณสฺส ปโยชนํ อาจิกฺขโนฺต –

    Athāyasmā upavāṇo bhagavato upaṭṭhāko ahosi. Tena ca samayena bhagavato vātābādho uppajji. Therassa ca gihisahāyo devahito nāma brāhmaṇo sāvatthiyaṃ paṭivasati. So theraṃ catūhi paccayehi pavedesi. Athāyasmā upavāṇo nivāsetvā pattacīvaramādāya tassa brāhmaṇassa nivesanaṃ upagacchi. Brāhmaṇo ‘‘kenaci aññena payojanena thero āgato’’ti ñatvā, ‘‘vadeyyātha, bhante, kenattho’’ti āha. Thero tassa brāhmaṇassa payojanaṃ ācikkhanto –

    ๑๘๕.

    185.

    ‘‘อรหํ สุคโต โลเก, วาเตหาพาธิโก มุนิ;

    ‘‘Arahaṃ sugato loke, vātehābādhiko muni;

    สเจ อุโณฺหทกํ อตฺถิ, มุนิโน เทหิ พฺราหฺมณฯ

    Sace uṇhodakaṃ atthi, munino dehi brāhmaṇa.

    ๑๘๖.

    186.

    ‘‘ปูชิโต ปูชเนยฺยานํ, สกฺกเรยฺยาน สกฺกโต;

    ‘‘Pūjito pūjaneyyānaṃ, sakkareyyāna sakkato;

    อปจิโตปเจยฺยานํ, ตสฺส อิจฺฉามิ หาตเว’’ติฯ – คาถาทฺวยํ อภาสิ;

    Apacitopaceyyānaṃ, tassa icchāmi hātave’’ti. – gāthādvayaṃ abhāsi;

    ตสฺสโตฺถ – โย อิมสฺมิํ โลเก ปูชเนยฺยานํ ปูเชตเพฺพหิ สกฺกาทีหิ เทเวหิ มหาพฺรหฺมาทีหิ จ พฺรเหฺมหิ ปูชิโต, สกฺกเรยฺยานํ สกฺกาตเพฺพหิ พิมฺพิสารโกสลราชาทีหิ สกฺกโต, อปเจยฺยานํ อปจายิตเพฺพหิ มเหสีหิ ขีณาสเวหิ อปจิโต, กิเลเสหิ อารกตฺตาทินา อรหํ, โสภนคมนาทินา สุคโต สพฺพญฺญู มุนิ มยฺหํ สตฺถา เทวเทโว สกฺกานํ อติสโกฺก พฺรหฺมานํ อติพฺรหฺมา, โส ทานิ วาเตหิ วาตเหตุ วาตโกฺขภนิมิตฺตํ อาพาธิโก ชาโตฯ สเจ, พฺราหฺมณ, อุโณฺหทกํ อตฺถิ, ตสฺส วาตาพาธวูปสมนตฺถํ ตํ หาตเว อุปเนตุํ อิจฺฉามีติฯ ตํ สุตฺวา พฺราหฺมโณ อุโณฺหทกํ ตทนุรูปํ วาตารหญฺจ เภสชฺชํ ภควโต อุปนาเมสิฯ เตน จ สตฺถุ โรโค วูปสมิฯ ตสฺส ภควา อนุโมทนํ อกาสีติฯ

    Tassattho – yo imasmiṃ loke pūjaneyyānaṃ pūjetabbehi sakkādīhi devehi mahābrahmādīhi ca brahmehi pūjito, sakkareyyānaṃ sakkātabbehi bimbisārakosalarājādīhi sakkato, apaceyyānaṃ apacāyitabbehi mahesīhi khīṇāsavehi apacito, kilesehi ārakattādinā arahaṃ, sobhanagamanādinā sugato sabbaññū muni mayhaṃ satthā devadevo sakkānaṃ atisakko brahmānaṃ atibrahmā, so dāni vātehi vātahetu vātakkhobhanimittaṃ ābādhiko jāto. Sace, brāhmaṇa, uṇhodakaṃ atthi, tassa vātābādhavūpasamanatthaṃ taṃ hātave upanetuṃ icchāmīti. Taṃ sutvā brāhmaṇo uṇhodakaṃ tadanurūpaṃ vātārahañca bhesajjaṃ bhagavato upanāmesi. Tena ca satthu rogo vūpasami. Tassa bhagavā anumodanaṃ akāsīti.

    อุปวาณเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Upavāṇattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๓. อุปวาณเตฺถรคาถา • 3. Upavāṇattheragāthā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact