Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ขุทฺทสิกฺขา-มูลสิกฺขา • Khuddasikkhā-mūlasikkhā |
๔๔. อุโปสถนิเทฺทสวณฺณนา
44. Uposathaniddesavaṇṇanā
๔๑๐. ทุเว อุโปสถาติ สุลภปฺปวตฺติวเสน วุตฺตํฯ ตโย ปน ทิวสวเสเนว อุโปสถา จาตุทฺทสิโก ปนฺนรสิโก สามคฺคิโกติฯ ตตฺถ เหมนฺตคิมฺหวสฺสานานํ ติณฺณํ อุตูนํ ตติยสตฺตมปเกฺขสุ เทฺว เทฺว กตฺวา ฉ จาตุทฺทสิกา, เสสา ปนฺนรสิกาติ เอวํ เอกสํวจฺฉเร จตุวีสติอุโปสถาฯ อิทํ ตาว โลกสฺส ปกติจาริตฺตํฯ ‘‘อาคนฺตุเกหิ อาวาสิกานํ อนุวตฺติตพฺพ’’นฺติอาทิวจนโต (มหาว. ๑๗๘) ปน ตถารูปปจฺจเย สติ อญฺญสฺมิมฺปิ จาตุทฺทเส อุโปสถํ กาตุํ วฎฺฎติฯ
410.Duve uposathāti sulabhappavattivasena vuttaṃ. Tayo pana divasavaseneva uposathā cātuddasiko pannarasiko sāmaggikoti. Tattha hemantagimhavassānānaṃ tiṇṇaṃ utūnaṃ tatiyasattamapakkhesu dve dve katvā cha cātuddasikā, sesā pannarasikāti evaṃ ekasaṃvacchare catuvīsatiuposathā. Idaṃ tāva lokassa pakaticārittaṃ. ‘‘Āgantukehi āvāsikānaṃ anuvattitabba’’ntiādivacanato (mahāva. 178) pana tathārūpapaccaye sati aññasmimpi cātuddase uposathaṃ kātuṃ vaṭṭati.
๔๑๑. สุตฺตุเทฺทโส สงฺฆเสฺสวาติ โยชนาฯ อธิฎฺฐานญฺจ ตํ อุโปสโถ จาติ กมฺมธารโยฯ เสสานนฺติ ทฺวินฺนํ ติณฺณํ วาฯ ‘‘ทุเว’’ติอาทินา จ จาตุทฺทโส ปนฺนรโส สามคฺคีติ ทิวสวเสน, สุตฺตุเทฺทโส อธิฎฺฐานํ ปาริสุทฺธีติ กรณปฺปกาเรน, สงฺฆุโปสโถ คณุโปสโถ ปุคฺคลุโปสโถติ ปุคฺคลวเสน จาติ นว อุโปสถา ทีปิตา โหนฺติฯ
411. Suttuddeso saṅghassevāti yojanā. Adhiṭṭhānañca taṃ uposatho cāti kammadhārayo. Sesānanti dvinnaṃ tiṇṇaṃ vā. ‘‘Duve’’tiādinā ca cātuddaso pannaraso sāmaggīti divasavasena, suttuddeso adhiṭṭhānaṃ pārisuddhīti karaṇappakārena, saṅghuposatho gaṇuposatho puggaluposathoti puggalavasena cāti nava uposathā dīpitā honti.
๔๑๒. ปุพฺพกิเจฺจติ –
412.Pubbakicceti –
‘‘ฉนฺทปาริสุทฺธิอุตุกฺขานํ, ภิกฺขุคณนา จ โอวาโท;
‘‘Chandapārisuddhiutukkhānaṃ, bhikkhugaṇanā ca ovādo;
อุโปสถสฺส เอตานิ, ปุพฺพกิจฺจนฺติ วุจฺจตี’’ติฯ (มหาว. อฎฺฐ. ๑๖๘) –
Uposathassa etāni, pubbakiccanti vuccatī’’ti. (mahāva. aṭṭha. 168) –
เอวํ อฎฺฐกถาจริเยหิ วุเตฺต ปุพฺพกรณานนฺตรํ กตฺตเพฺพ ปุพฺพกิเจฺจฯ
Evaṃ aṭṭhakathācariyehi vutte pubbakaraṇānantaraṃ kattabbe pubbakicce.
ปุพฺพกรเณติ –
Pubbakaraṇeti –
‘‘สมฺมชฺชนี ปทีโป จ, อุทกํ อาสเนน จ;
‘‘Sammajjanī padīpo ca, udakaṃ āsanena ca;
อุโปสถสฺส เอตานิ, ปุพฺพกรณนฺติ วุจฺจตี’’ติฯ (มหาว. อฎฺฐ. ๑๖๘) –
Uposathassa etāni, pubbakaraṇanti vuccatī’’ti. (mahāva. aṭṭha. 168) –
เอวํ อฎฺฐกถาจริเยเหว วุเตฺต สพฺพปฐมํ กตฺตเพฺพ ปุพฺพกรเณฯ ปตฺตกเลฺลติ อุโปสถาทีนํ จตุนฺนํ องฺคานํ สมฺภเวน ปโตฺต กาโล อิมสฺสาติ ปตฺตกาลํ, ปตฺตกาลเมว ปตฺตกลฺลํฯ กิํ ตํ? อุโปสถาทิกมฺมํฯ ตํ ปน จตูหิ อเงฺคหิ สงฺคหิตํฯ ยถาหุ อฎฺฐกถาจริยา –
Evaṃ aṭṭhakathācariyeheva vutte sabbapaṭhamaṃ kattabbe pubbakaraṇe. Pattakalleti uposathādīnaṃ catunnaṃ aṅgānaṃ sambhavena patto kālo imassāti pattakālaṃ, pattakālameva pattakallaṃ. Kiṃ taṃ? Uposathādikammaṃ. Taṃ pana catūhi aṅgehi saṅgahitaṃ. Yathāhu aṭṭhakathācariyā –
‘‘อุโปสโถ ยาวติกา จ ภิกฺขู กมฺมปฺปตฺตา,
‘‘Uposatho yāvatikā ca bhikkhū kammappattā,
สภาคาปตฺติโย จ น วิชฺชนฺติ;
Sabhāgāpattiyo ca na vijjanti;
วชฺชนียา จ ปุคฺคลา ตสฺมิํ น โหนฺติ,
Vajjanīyā ca puggalā tasmiṃ na honti,
ปตฺตกลฺลนฺติ วุจฺจตี’’ติฯ (มหาว. อฎฺฐ. ๑๖๘);
Pattakallanti vuccatī’’ti. (mahāva. aṭṭha. 168);
สมานิเตติ สมฺมา อานีเต ปวตฺติเตติ อโตฺถฯ โสติ สุตฺตุเทฺทโสฯ ปญฺจธาติ นิทานุเทฺทโส ปาราชิกุเทฺทโส สงฺฆาทิเสสุเทฺทโส อนิยตุเทฺทโส วิตฺถารุเทฺทโสติ เอวํ ปญฺจธาฯ
Samāniteti sammā ānīte pavattiteti attho. Soti suttuddeso. Pañcadhāti nidānuddeso pārājikuddeso saṅghādisesuddeso aniyatuddeso vitthāruddesoti evaṃ pañcadhā.
๔๑๓. วินานฺตรายนฺติ ราชนฺตราโย โจรนฺตราโย อคฺยนฺตราโย อุทกนฺตราโย มนุสฺสนฺตราโย อมนุสฺสนฺตราโย วาฬนฺตราโย สรีสปนฺตราโย ชีวิตนฺตราโย พฺรหฺมจริยนฺตราโยติ (มหาว. ๑๕๐) วุเตฺตสุ ทสสุ ยํ กิญฺจิ อนฺตรายํ วินาฯ สเงฺขเปนาติ วินา วิตฺถารํฯ ‘‘เอตฺถ ทฺวีสุ ตีสุ วา อุเทฺทเสสุ วิสเทสุ เถโรว อิสฺสโร’’ติ วุตฺตตฺตา อวตฺตเนฺตปิ วฎฺฎตีติ โยชนาฯ เอตฺถาติ ปญฺจสุ อุเทฺทเสสุฯ อวตฺตเนฺตติ เถรสฺส วิตฺถาเรน อวตฺตมาเน อปฺปคุเณฯ วฎฺฎตีติ สํขิเตฺตน อุทฺทิสิตุมฺปิ วฎฺฎติฯ อิมินาว ยสฺส กสฺสจิ อุเทฺทสกสฺส อวตฺตเนฺตปิ วฎฺฎตีติ วิญฺญายติฯ ทฺวีสุ วตฺตมาเนสุ อิสฺสรเตฺต อธิเก วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ตีสู’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘เถโรว อิสฺสโร’’ติอาทินา อิทํ ปริทีเปติ – เทฺว อขณฺฑา สุวิสทา วาจุคฺคตา, เถราเธยฺยํ ปาติโมกฺขํ, สเจ ปน เอตฺตกมฺปิ วิสทํ กาตุํ น สโกฺกติ, พฺยตฺตสฺส ภิกฺขุโน อายตฺตํ โหติ, ตสฺมา สยํ อุทฺทิสิตพฺพํ, อญฺญา วา อเชฺฌสิตโพฺพติฯ
413.Vināntarāyanti rājantarāyo corantarāyo agyantarāyo udakantarāyo manussantarāyo amanussantarāyo vāḷantarāyo sarīsapantarāyo jīvitantarāyo brahmacariyantarāyoti (mahāva. 150) vuttesu dasasu yaṃ kiñci antarāyaṃ vinā. Saṅkhepenāti vinā vitthāraṃ. ‘‘Ettha dvīsu tīsu vā uddesesu visadesu therova issaro’’ti vuttattā avattantepi vaṭṭatīti yojanā. Etthāti pañcasu uddesesu. Avattanteti therassa vitthārena avattamāne appaguṇe. Vaṭṭatīti saṃkhittena uddisitumpi vaṭṭati. Imināva yassa kassaci uddesakassa avattantepi vaṭṭatīti viññāyati. Dvīsu vattamānesu issaratte adhike vattabbameva natthīti dassanatthaṃ ‘‘tīsū’’ti vuttaṃ. ‘‘Therova issaro’’tiādinā idaṃ paridīpeti – dve akhaṇḍā suvisadā vācuggatā, therādheyyaṃ pātimokkhaṃ, sace pana ettakampi visadaṃ kātuṃ na sakkoti, byattassa bhikkhuno āyattaṃ hoti, tasmā sayaṃ uddisitabbaṃ, aññā vā ajjhesitabboti.
๔๑๔. อุทฺทิสเนฺต สมา วา อถ โถกิกา วา ยทิ อาคเจฺฉยฺยุนฺติ สมฺพนฺธนียํฯ อุทฺทิสเนฺต อาวาสิเกหิ ปาติโมเกฺข อุทฺทิสฺสมาเนฯ สมา วา โถกิกา วาติ อาวาสิเกหิ สมา วา โถกิกา วา อาคนฺตุกา ภิกฺขูฯ อวเสสกํ โสตพฺพนฺติ อิมินา เอตฺตาวตาปิ อุโปสโถ กโตเยว นามาติ ทีเปติฯ
414. Uddisante samā vā atha thokikā vā yadi āgaccheyyunti sambandhanīyaṃ. Uddisante āvāsikehi pātimokkhe uddissamāne. Samā vā thokikā vāti āvāsikehi samā vā thokikā vā āgantukā bhikkhū. Avasesakaṃ sotabbanti iminā ettāvatāpi uposatho katoyeva nāmāti dīpeti.
๔๑๕. อุทฺทิฎฺฐมเตฺตติ อุทฺทิฎฺฐํเยว อุทฺทิฎฺฐมตฺตํฯ มตฺต-สโทฺท อวธารเณฯ สกลาย เอกจฺจาย วา อุฎฺฐิตาย สมา วา โถกิกา วา ยทิ อาคเจฺฉยฺยุนฺติ โยชนาฯ สกลายาติ สพฺพาย ปริสายฯ เอสํ สนฺติเก ปาริสุทฺธิํ กเรยฺยุนฺติ เอสํ อาวาสิกานํ สมีเป เต อาคนฺตุกา ภิกฺขู ปาริสุทฺธิอุโปสถํ กเรยฺยุนฺติ อโตฺถฯ อถ พหุกา เจ, สพฺพวิกเปฺปสุ ปุพฺพกิจฺจํ กตฺวาติ โยชนียํฯ วิกปฺปียนฺติ ปริกปฺปียนฺตีติ วิกปฺปา, อวเสสสวนปาริสุทฺธิอุโปสถวิธานา สเพฺพ จ เต วิกปฺปา เจติ สพฺพวิกปฺปาฯ เตสุฯ ปุนุทฺทิเสติ ปุน ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺยฯ
415.Uddiṭṭhamatteti uddiṭṭhaṃyeva uddiṭṭhamattaṃ. Matta-saddo avadhāraṇe. Sakalāya ekaccāya vā uṭṭhitāya samā vā thokikā vā yadi āgaccheyyunti yojanā. Sakalāyāti sabbāya parisāya. Esaṃ santike pārisuddhiṃ kareyyunti esaṃ āvāsikānaṃ samīpe te āgantukā bhikkhū pārisuddhiuposathaṃ kareyyunti attho. Atha bahukā ce, sabbavikappesu pubbakiccaṃ katvāti yojanīyaṃ. Vikappīyanti parikappīyantīti vikappā, avasesasavanapārisuddhiuposathavidhānā sabbe ca te vikappā ceti sabbavikappā. Tesu. Punuddiseti puna pātimokkhaṃ uddiseyya.
๔๑๖. อิตรานนฺติ อาคนฺตุกานํฯ อิตโรติ จาตุทฺทโสฯ เอตฺถ ปน เยสํ ปนฺนรโส, เต อตีตํ อุโปสถํ จาตุทฺทสิกํ อกํสูติ เวทิตพฺพาฯ อยเมตฺถาธิปฺปาโย – ตาทิเส ปจฺจเย สติ จาตุทฺทสิกสฺส กตตฺตา เตสํ ยถาวุตฺตตติยสตฺตมปกฺขสงฺขาตจาตุทฺทสิเก สมฺปเตฺต เตรสีจาตุทฺทสีกตฺตพฺพตฺตา อนุโปสถตฺตา ปน ตตฺถ อุโปสโถ น กโตติ จาตุทฺทโสเยว ปนฺนรโส ชาโตฯ สมาเนตเรติ สมา อูนา อิตเรติ ปทเจฺฉโทฯ อิตเรติ อาคนฺตุกาฯ ปุริมานํ อนุวตฺตนฺตูติ อาวาสิเกหิ ‘‘อชฺชุโปสโถ ปนฺนรโส’’ติ ปุพฺพกิเจฺจ กยิรมาเน ปุริมานํ อาวาสิกานํ อนุวตฺตนฺตูติ อโตฺถฯ สเจธิกาติ ยทิ อาคนฺตุกา พหุกา โหนฺติฯ ปุริมาติ อาวาสิกาฯ เตสํ อนุวตฺตนฺตูติ เตสํ อาคนฺตุกานํ ‘‘อชฺชุโปสโถ จาตุทฺทโส’’ติ ปุพฺพกิเจฺจ กยิรมาเน อนุวตฺตนฺตุฯ เสเสปีติ อาคนฺตุกานํ ปนฺนรสวาเรปิฯ อยํ นโยติ ‘‘อาคนฺตุกานํ ปนฺนรโส อิตรานํ สเจตโร’’ติอาทิโก อยเมว นโยฯ เอตฺถ ปน เยสํ ปนฺนรโส, เต ติโรรฎฺฐโต วา อาคตา อตีตํ วา อุโปสถํ จาตุทฺทสิกํ อกํสูติ เวทิตโพฺพฯ
416.Itarānanti āgantukānaṃ. Itaroti cātuddaso. Ettha pana yesaṃ pannaraso, te atītaṃ uposathaṃ cātuddasikaṃ akaṃsūti veditabbā. Ayametthādhippāyo – tādise paccaye sati cātuddasikassa katattā tesaṃ yathāvuttatatiyasattamapakkhasaṅkhātacātuddasike sampatte terasīcātuddasīkattabbattā anuposathattā pana tattha uposatho na katoti cātuddasoyeva pannaraso jāto. Samānetareti samā ūnā itareti padacchedo. Itareti āgantukā. Purimānaṃ anuvattantūti āvāsikehi ‘‘ajjuposatho pannaraso’’ti pubbakicce kayiramāne purimānaṃ āvāsikānaṃ anuvattantūti attho. Sacedhikāti yadi āgantukā bahukā honti. Purimāti āvāsikā. Tesaṃ anuvattantūti tesaṃ āgantukānaṃ ‘‘ajjuposatho cātuddaso’’ti pubbakicce kayiramāne anuvattantu. Sesepīti āgantukānaṃ pannarasavārepi. Ayaṃ nayoti ‘‘āgantukānaṃ pannaraso itarānaṃ sacetaro’’tiādiko ayameva nayo. Ettha pana yesaṃ pannaraso, te tiroraṭṭhato vā āgatā atītaṃ vā uposathaṃ cātuddasikaṃ akaṃsūti veditabbo.
๔๑๗. อตีตุโปสถสฺส จาตุทฺทสิยํ กตตฺตา จาตุทฺทสิยํ ปนฺนรสุโปสโถ กโตติ ปนฺนรสี อาวาสิกานํ ปาฎิปโท ชาโตติ อาห ‘‘อาวาสิกานํ ปาฎิปโท’’ติฯ อิตรานนฺติ อาคนฺตุกานํฯ อุโปสโถติ ปนฺนรโส อุโปสโถฯ สมโถกานนฺติ อตฺตนา สมานํ วา โถกานํ วา อาคนฺตุกานํฯ มูลฎฺฐาติ อาวาสิกาฯ กามโต เทนฺตูติ อตฺตโน อิจฺฉาย เทนฺตุฯ
417. Atītuposathassa cātuddasiyaṃ katattā cātuddasiyaṃ pannarasuposatho katoti pannarasī āvāsikānaṃ pāṭipado jātoti āha ‘‘āvāsikānaṃ pāṭipado’’ti. Itarānanti āgantukānaṃ. Uposathoti pannaraso uposatho. Samathokānanti attanā samānaṃ vā thokānaṃ vā āgantukānaṃ. Mūlaṭṭhāti āvāsikā. Kāmato dentūti attano icchāya dentu.
๔๑๘. โน เจ เทนฺตีติ ยทิ อาวาสิกา กายสามคฺคิํ น เทนฺติ, เตสํ ปน อาวาสิกานํ หิโยฺย อุโปสถสฺส กตตฺตา อชฺช อุโปสถกรณํ นตฺถิฯ พหูสุ อนิจฺฉาย กายสามคฺคิํ ทเทยฺยาติ โยชนาฯ พหูสูติ อาคนฺตุเกสุ พหุเกสุฯ พหิ วา วเชติ อาวาสิกภิกฺขุปริสา นิสฺสีมํ วา วเชยฺยาติ อโตฺถฯ
418.No ce dentīti yadi āvāsikā kāyasāmaggiṃ na denti, tesaṃ pana āvāsikānaṃ hiyyo uposathassa katattā ajja uposathakaraṇaṃ natthi. Bahūsu anicchāya kāyasāmaggiṃ dadeyyāti yojanā. Bahūsūti āgantukesu bahukesu. Bahi vā vajeti āvāsikabhikkhuparisā nissīmaṃ vā vajeyyāti attho.
๔๑๙. สาเวยฺย สุตฺตนฺติ ปาติโมกฺขสงฺขาตํ สุตฺตํ วายมิตฺวา สาเวยฺยฯ
419.Sāveyya suttanti pātimokkhasaṅkhātaṃ suttaṃ vāyamitvā sāveyya.
๔๒๐. สมฺมชฺชิตุํ …เป.… อุทกาสนํ ปญฺญเปตุญฺจ มหาเถเรน เปสิโต กโลฺล น กเรยฺย ตถาติ สมฺพโนฺธฯ กโลฺลติ อคิลาโนฯ ตถาติ ทุกฺกฎํ อติทิสติฯ อาสเนสุ อสติ อนฺตมโส สาขาภงฺคมฺปิ กปฺปิยํ การาเปตฺวา ปญฺญเปตพฺพํฯ เตเล อสติ กปเลฺล อคฺคิปิ ชาเลตโพฺพฯ
420. Sammajjituṃ …pe… udakāsanaṃ paññapetuñca mahātherena pesito kallo na kareyya tathāti sambandho. Kalloti agilāno. Tathāti dukkaṭaṃ atidisati. Āsanesu asati antamaso sākhābhaṅgampi kappiyaṃ kārāpetvā paññapetabbaṃ. Tele asati kapalle aggipi jāletabbo.
๔๒๑-๓. ปฎฺฐเปตฺวา ทกาสนนฺติ ปริโภชนียปานีโยทกญฺจ อาสนญฺจ สนฺนิหิตํ กตฺวาฯ คณญตฺตินฺติ อิทานิ วกฺขมานํ คเณน ฐเปตพฺพํ ญตฺติํฯ เตติ อเญฺญ ทุเว ภิกฺขูฯ สมตฺตปุพฺพารเมฺภนาติ สมโตฺต นิฎฺฐิโต ปุเพฺพสุ อุตฺตราสงฺคเอกํสกรณาทีสุ อารโมฺภ ยสฺสาติ ติปทพหุพฺพีหิฯ นเวน เต เอวมีริยาติ สมฺพโนฺธฯ เตติ อิตเร เทฺวฯ
421-3.Paṭṭhapetvā dakāsananti paribhojanīyapānīyodakañca āsanañca sannihitaṃ katvā. Gaṇañattinti idāni vakkhamānaṃ gaṇena ṭhapetabbaṃ ñattiṃ. Teti aññe duve bhikkhū. Samattapubbārambhenāti samatto niṭṭhito pubbesu uttarāsaṅgaekaṃsakaraṇādīsu ārambho yassāti tipadabahubbīhi. Navena te evamīriyāti sambandho. Teti itare dve.
๔๒๔. กตฺตพฺพํ กตฺวา ปุพฺพกิจฺจาทิกํ สมฺปาเทตฺวา นโว เอวํ อีริโยติ โยชนาฯ
424.Kattabbaṃ katvā pubbakiccādikaṃ sampādetvā navo evaṃ īriyoti yojanā.
๔๒๗. ยตฺถาติ ยสฺมิํ วิหาเร เอเกกสฺส ปาริสุทฺธิํ หริตฺวานาติ สมฺพโนฺธฯ เอเกกสฺสาติ เอตฺถ วิจฺฉายํ ทฺวิตฺตํฯ กิริยาย คุเณน ทเพฺพน วา ภิเนฺน อเตฺถ พฺยาปิตุํ อิจฺฉา วิจฺฉาฯ เอตฺถ ปน ฉนฺทปาริสุทฺธิหรณสงฺขาตาย กิริยาย จตูสุ จ ตีสุ จ ทฺวีสุ จ ภินฺนเมเกกํ พฺยาปิตุํ สมฺพนฺธิตุํ อิจฺฉาติ วิจฺฉาฯ อิตรีตเรติ เอตฺถาปิ กรณกิริยาวเสน เวทิตพฺพํฯ ตโย เทฺว เอโก วา ตํ ตํ สงฺฆุโปสถํ คณุโปสถํ ปุคฺคลุโปสถํ วาติ วุตฺตํ โหติฯ อยเมตฺถาธิปฺปาโย – จตูสุ เอกสฺส อาหริตฺวา ตโย ปาริสุทฺธิอุโปสถํ กโรนฺติ, ตีสุ วา เอกสฺส อาหริตฺวา เทฺว สงฺฆุโปสถํ กโรนฺติ, อธเมฺมน วคฺคํ อุโปสถกมฺมํฯ อถ ปน เอกสฺส อาหริตฺวา ตโย สงฺฆุโปสถํ กโรนฺติ, เอกสฺส อาหริตฺวา เทฺว ปาริสุทฺธิอุโปสถํ กโรนฺติ, อธเมฺมน วคฺคํ นาม โหติฯ ยทิ ปน จตฺตาโรปิ สนฺนิปติตฺวา ปาริสุทฺธิอุโปสถํ กโรนฺติ, ตโย วา เทฺว วา สงฺฆุโปสถํ กโรนฺติ, อธเมฺมน สมคฺคํ นาม โหตีติฯ ตพฺพิปริยาเยน ธเมฺมน สมคฺคํ เวทิตพฺพํฯ
427.Yatthāti yasmiṃ vihāre ekekassa pārisuddhiṃ haritvānāti sambandho. Ekekassāti ettha vicchāyaṃ dvittaṃ. Kiriyāya guṇena dabbena vā bhinne atthe byāpituṃ icchā vicchā. Ettha pana chandapārisuddhiharaṇasaṅkhātāya kiriyāya catūsu ca tīsu ca dvīsu ca bhinnamekekaṃ byāpituṃ sambandhituṃ icchāti vicchā. Itarītareti etthāpi karaṇakiriyāvasena veditabbaṃ. Tayo dve eko vā taṃ taṃ saṅghuposathaṃ gaṇuposathaṃ puggaluposathaṃ vāti vuttaṃ hoti. Ayametthādhippāyo – catūsu ekassa āharitvā tayo pārisuddhiuposathaṃ karonti, tīsu vā ekassa āharitvā dve saṅghuposathaṃ karonti, adhammena vaggaṃ uposathakammaṃ. Atha pana ekassa āharitvā tayo saṅghuposathaṃ karonti, ekassa āharitvā dve pārisuddhiuposathaṃ karonti, adhammena vaggaṃ nāma hoti. Yadi pana cattāropi sannipatitvā pārisuddhiuposathaṃ karonti, tayo vā dve vā saṅghuposathaṃ karonti, adhammena samaggaṃ nāma hotīti. Tabbipariyāyena dhammena samaggaṃ veditabbaṃ.
๔๒๘. วเคฺค สมเคฺค วา ‘‘วโคฺค’’ติ สญฺญิโน วิมติสฺส วา กโรโต ทุกฺกฎนฺติ สมฺพโนฺธฯ วเคฺคติ วคฺคสเงฺฆฯ วิมติสฺสาติ ‘‘วโคฺค นุ โข, สมโคฺค’’ติ เอวํ เวมติกสฺสฯ อิมินาว กุกฺกุจฺจปกตวาโรปิ อุปลกฺขิโตฯ กโรโตติ อุโปสถํ กโรนฺตสฺสฯ เภทาธิปฺปาเยน กโรโตติ โยชนาฯ เอตฺถ ปน ปาปสฺส พลวตาย ถุลฺลจฺจยํ วุตฺตํฯ สญฺญิโนติ สญฺญาสีเสน จิตฺตํ วุตฺตํ, จิตฺตวโตติ อโตฺถฯ
428. Vagge samagge vā ‘‘vaggo’’ti saññino vimatissa vā karoto dukkaṭanti sambandho. Vaggeti vaggasaṅghe. Vimatissāti ‘‘vaggo nu kho, samaggo’’ti evaṃ vematikassa. Imināva kukkuccapakatavāropi upalakkhito. Karototi uposathaṃ karontassa. Bhedādhippāyena karototi yojanā. Ettha pana pāpassa balavatāya thullaccayaṃ vuttaṃ. Saññinoti saññāsīsena cittaṃ vuttaṃ, cittavatoti attho.
๔๒๙-๓๐. ‘‘อุกฺขิตฺตสฺสา’’ติอาทินา วชฺชนียปุคฺคเล ทเสฺสติฯ อุกฺขิตฺตสฺสาติ กตฺตุอเตฺถ สามิวจนํฯ นิสินฺนสทฺทสฺส กมฺมสาธนตฺตา อุกฺขิตฺตาทีหิ กตฺตูหิ ภวิตพฺพนฺติฯ ‘‘เสสาน’’นฺติ วิเสสนสฺส ภิกฺขูนํ พฺยภิจาเรน สาตฺถกตาฯ อภพฺพสฺส ปณฺฑกาทิเอกาทสวิธสฺส อภพฺพสฺสฯ นิสินฺนปริสายญฺจ ปาติโมกฺขํ น อุทฺทิเสติ สมฺพโนฺธฯ สภาคาปตฺติโก ตถา น อุทฺทิเสติ โยเชตพฺพํฯ วิกาลโภชนาทิวตฺถุโต สมาโน ภาโค โกฎฺฐาโส เอติสฺสาติ สภาคา, สา อาปตฺติ อสฺสาติ พหุพฺพีหิฯ
429-30.‘‘Ukkhittassā’’tiādinā vajjanīyapuggale dasseti. Ukkhittassāti kattuatthe sāmivacanaṃ. Nisinnasaddassa kammasādhanattā ukkhittādīhi kattūhi bhavitabbanti. ‘‘Sesāna’’nti visesanassa bhikkhūnaṃ byabhicārena sātthakatā. Abhabbassa paṇḍakādiekādasavidhassa abhabbassa. Nisinnaparisāyañca pātimokkhaṃ na uddiseti sambandho. Sabhāgāpattiko tathā na uddiseti yojetabbaṃ. Vikālabhojanādivatthuto samāno bhāgo koṭṭhāso etissāti sabhāgā, sā āpatti assāti bahubbīhi.
ฉเนฺทน ปริวุเตฺถนาติ เอตฺถ จตุพฺพิธํ ปาริวาสิยํ ปริสปาริวาสิยํ รตฺติปาริวาสิยํ ฉนฺทปาริวาสิยํ อชฺฌาสยปาริวาสิยนฺติฯ ตตฺถ ภิกฺขู เกนจิเทว กรณีเยน สนฺนิปติตา โหนฺติ, อถ เมฆุฎฺฐานาทินา เกนจิเทว กรณีเยน อโนกาโส, อถ ‘‘อญฺญตฺถ คจฺฉามา’’ติ ฉนฺทํ อวิสฺสชฺชิตฺวาว อุฎฺฐหนฺติ, อิทํ ปริสปาริวาสิยํ นาม กิญฺจาปิ ปริสปาริวาสิยํ, ฉนฺทสฺส ปน อวิสฺสฎฺฐตฺตา กมฺมํ กาตุํ วฎฺฎติฯ
Chandena parivutthenāti ettha catubbidhaṃ pārivāsiyaṃ parisapārivāsiyaṃ rattipārivāsiyaṃ chandapārivāsiyaṃ ajjhāsayapārivāsiyanti. Tattha bhikkhū kenacideva karaṇīyena sannipatitā honti, atha meghuṭṭhānādinā kenacideva karaṇīyena anokāso, atha ‘‘aññattha gacchāmā’’ti chandaṃ avissajjitvāva uṭṭhahanti, idaṃ parisapārivāsiyaṃ nāma kiñcāpi parisapārivāsiyaṃ, chandassa pana avissaṭṭhattā kammaṃ kātuṃ vaṭṭati.
‘‘ยาว ปน สเพฺพ สนฺนิปตนฺติ, ตาว ธมฺมํ สุณิสฺสามา’’ติ เอกํ อเชฺฌสนฺติ, ตสฺมิํ ธมฺมกถํ กเถเนฺตเยว อรุโณ อุคฺคจฺฉติ, สเจ จาตุทฺทสิกํ กาตุํ นิสินฺนา, ปนฺนรโสติ กาตุํ วฎฺฎติ, สเจ ปนฺนรสิกํ กาตุํ นิสินฺนา, ปาฎิปเท อนุโปสเถ อุโปสถํ กาตุํ น วฎฺฎติ, อญฺญํ ปน สงฺฆกิจฺจํ กาตุํ วฎฺฎติ, อิทํ รตฺติปาริวาสิยํ นามฯ
‘‘Yāva pana sabbe sannipatanti, tāva dhammaṃ suṇissāmā’’ti ekaṃ ajjhesanti, tasmiṃ dhammakathaṃ kathenteyeva aruṇo uggacchati, sace cātuddasikaṃ kātuṃ nisinnā, pannarasoti kātuṃ vaṭṭati, sace pannarasikaṃ kātuṃ nisinnā, pāṭipade anuposathe uposathaṃ kātuṃ na vaṭṭati, aññaṃ pana saṅghakiccaṃ kātuṃ vaṭṭati, idaṃ rattipārivāsiyaṃ nāma.
เอวํ ปน นิสิเนฺน โกจิ นกฺขตฺตปาฐโก ภิกฺขุ ‘‘อชฺช นกฺขตฺตํ ทารุณํ, อิมํ กมฺมํ มา กโรถา’’ติ วทติ, เต ตสฺส วจเนน ฉนฺทํ วิสฺสเชฺชตฺวา ตเตฺถว นิสินฺนา โหนฺติ, อถโญฺญ อาคนฺตฺวา ‘‘นกฺขตฺตํ ปฎิมาเนนฺตํ, อโตฺถ พาลํ อุปจฺจคา’’ติ (ชา. ๑.๑.๔๙) วตฺวา ‘‘กิํ นกฺขเตฺตน, กโรถา’’ติ วทติ, อิทํ ฉนฺทปาริวาสิยเญฺจว อชฺฌาสยปาริวาสิยญฺจฯ เอกสฺมิํ ปาริวาสิเย ปุน ฉนฺทปาริสุทฺธิํ อาเนตฺวา กมฺมํ กาตุํ วฎฺฎติฯ
Evaṃ pana nisinne koci nakkhattapāṭhako bhikkhu ‘‘ajja nakkhattaṃ dāruṇaṃ, imaṃ kammaṃ mā karothā’’ti vadati, te tassa vacanena chandaṃ vissajjetvā tattheva nisinnā honti, athañño āgantvā ‘‘nakkhattaṃ paṭimānentaṃ, attho bālaṃ upaccagā’’ti (jā. 1.1.49) vatvā ‘‘kiṃ nakkhattena, karothā’’ti vadati, idaṃ chandapārivāsiyañceva ajjhāsayapārivāsiyañca. Ekasmiṃ pārivāsiye puna chandapārisuddhiṃ ānetvā kammaṃ kātuṃ vaṭṭati.
๔๓๑. อาปนฺนญฺจ เวมติกญฺจ อเทสยิตฺวา วา นาวิกตฺวา วา อุโปสถํ กาตุํ น จ กปฺปตีติ สมฺพโนฺธฯ นาวิกตฺวาติ ครุกาปตฺติํ อนาวิกตฺวาฯ น จาติ เนวฯ
431. Āpannañca vematikañca adesayitvā vā nāvikatvā vā uposathaṃ kātuṃ na ca kappatīti sambandho. Nāvikatvāti garukāpattiṃ anāvikatvā. Na cāti neva.
๔๓๒. อฎฺฐิโตโปสถาติ อฎฺฐิโต อวิสฺสโฎฺฐ อุโปสโถ ยสฺมินฺติ พหุพฺพีหิฯ ตทหูติ ตสฺมิํ อุโปสถทิวเสฯ อนฺตรายํ วา สงฺฆํ วา วินา อธิฎฺฐาตุํ สีมเมว วา น วเชติ โยชนาฯ อธิฎฺฐาตุนฺติ อิมินา คณุโปสถมฺปิ อุปลเกฺขติฯ สีมนฺติ อิมินา นทิมฺปิฯ
432.Aṭṭhitoposathāti aṭṭhito avissaṭṭho uposatho yasminti bahubbīhi. Tadahūti tasmiṃ uposathadivase. Antarāyaṃ vā saṅghaṃ vā vinā adhiṭṭhātuṃ sīmameva vā na vajeti yojanā. Adhiṭṭhātunti iminā gaṇuposathampi upalakkheti. Sīmanti iminā nadimpi.
อุโปสถนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Uposathaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.