Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya

    ๑๐. อุโปสถสุตฺตํ

    10. Uposathasuttaṃ

    ๗๑. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ ปุพฺพาราเม มิคารมาตุปาสาเทฯ อถ โข วิสาขา มิคารมาตา ตทหุโปสเถ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข วิสาขํ มิคารมาตรํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘หนฺท กุโต นุ ตฺวํ, วิสาเข, อาคจฺฉสิ ทิวา ทิวสฺสา’’ติ? ‘‘อุโปสถาหํ, ภเนฺต, อชฺช อุปวสามี’’ติฯ

    71. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati pubbārāme migāramātupāsāde. Atha kho visākhā migāramātā tadahuposathe yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinnaṃ kho visākhaṃ migāramātaraṃ bhagavā etadavoca – ‘‘handa kuto nu tvaṃ, visākhe, āgacchasi divā divassā’’ti? ‘‘Uposathāhaṃ, bhante, ajja upavasāmī’’ti.

    ‘‘ตโย โขเม, วิสาเข, อุโปสถาฯ กตเม ตโย? โคปาลกุโปสโถ, นิคณฺฐุโปสโถ, อริยุโปสโถฯ กถญฺจ, วิสาเข, โคปาลกุโปสโถ โหติ? เสยฺยถาปิ, วิสาเข, โคปาลโก สายนฺหสมเย สามิกานํ คาโว นิยฺยาเตตฺวา อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘อชฺช โข คาโว อมุกสฺมิญฺจ อมุกสฺมิญฺจ ปเทเส จริํสุ, อมุกสฺมิญฺจ อมุกสฺมิญฺจ ปเทเส ปานียานิ ปิวิํสุ; เสฺว ทานิ คาโว อมุกสฺมิญฺจ อมุกสฺมิญฺจ ปเทเส จริสฺสนฺติ, อมุกสฺมิญฺจ อมุกสฺมิญฺจ ปเทเส ปานียานิ ปิวิสฺสนฺตี’ติ; เอวเมวํ โข, วิสาเข, อิเธกโจฺจ อุโปสถิโก อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘อหํ ขฺวชฺช อิทญฺจิทญฺจ ขาทนียํ ขาทิํ, อิทญฺจิทญฺจ โภชนียํ ภุญฺชิํ ; เสฺว ทานาหํ อิทญฺจิทญฺจ ขาทนียํ ขาทิสฺสามิ, อิทํ จิทญฺจ โภชนียํ ภุญฺชิสฺสามี’ติฯ โส เตน อภิชฺฌาสหคเตน เจตสา ทิวสํ อตินาเมติฯ เอวํ โข วิสาเข, โคปาลกุโปสโถ โหติฯ เอวํ อุปวุโตฺถ โข, วิสาเข, โคปาลกุโปสโถ น มหปฺผโล โหติ น มหานิสํโส น มหาชุติโก น มหาวิปฺผาโรฯ

    ‘‘Tayo khome, visākhe, uposathā. Katame tayo? Gopālakuposatho, nigaṇṭhuposatho, ariyuposatho. Kathañca, visākhe, gopālakuposatho hoti? Seyyathāpi, visākhe, gopālako sāyanhasamaye sāmikānaṃ gāvo niyyātetvā iti paṭisañcikkhati – ‘ajja kho gāvo amukasmiñca amukasmiñca padese cariṃsu, amukasmiñca amukasmiñca padese pānīyāni piviṃsu; sve dāni gāvo amukasmiñca amukasmiñca padese carissanti, amukasmiñca amukasmiñca padese pānīyāni pivissantī’ti; evamevaṃ kho, visākhe, idhekacco uposathiko iti paṭisañcikkhati – ‘ahaṃ khvajja idañcidañca khādanīyaṃ khādiṃ, idañcidañca bhojanīyaṃ bhuñjiṃ ; sve dānāhaṃ idañcidañca khādanīyaṃ khādissāmi, idaṃ cidañca bhojanīyaṃ bhuñjissāmī’ti. So tena abhijjhāsahagatena cetasā divasaṃ atināmeti. Evaṃ kho visākhe, gopālakuposatho hoti. Evaṃ upavuttho kho, visākhe, gopālakuposatho na mahapphalo hoti na mahānisaṃso na mahājutiko na mahāvipphāro.

    ‘‘กถญฺจ, วิสาเข, นิคณฺฐุโปสโถ โหติ? อตฺถิ, วิสาเข, นิคณฺฐา นาม สมณชาติกาฯ เต สาวกํ เอวํ สมาทเปนฺติ – ‘เอหิ ตฺวํ, อโมฺภ ปุริส, เย ปุรตฺถิมาย ทิสาย ปาณา ปรํ โยชนสตํ เตสุ ทณฺฑํ นิกฺขิปาหิ; เย ปจฺฉิมาย ทิสาย ปาณา ปรํ โยชนสตํ เตสุ ทณฺฑํ นิกฺขิปาหิ; เย อุตฺตราย ทิสาย ปาณา ปรํ โยชนสตํ เตสุ ทณฺฑํ นิกฺขิปาหิ; เย ทกฺขิณาย ทิสาย ปาณา ปรํ โยชนสตํ เตสุ ทณฺฑํ นิกฺขิปาหี’ติฯ อิติ เอกจฺจานํ ปาณานํ อนุทฺทยาย อนุกมฺปาย สมาทเปนฺติ, เอกจฺจานํ ปาณานํ นานุทฺทยาย นานุกมฺปาย สมาทเปนฺติฯ เต ตทหุโปสเถ สาวกํ เอวํ สมาทเปนฺติ – ‘เอหิ ตฺวํ, อโมฺภ ปุริส, สพฺพเจลานิ 1 นิกฺขิปิตฺวา เอวํ วเทหิ – นาหํ กฺวจนิ กสฺสจิ กิญฺจนตสฺมิํ 2, น จ มม กฺวจนิ กตฺถจิ กิญฺจนตตฺถี’ติฯ ชานนฺติ โข ปนสฺส มาตาปิตโร – ‘อยํ อมฺหากํ ปุโตฺต’ติ; โสปิ ชานาติ – ‘อิเม มยฺหํ มาตาปิตโร’ติฯ ชานาติ โข ปนสฺส ปุตฺตทาโร – ‘อยํ มยฺหํ ภตฺตา’ติ; โสปิ ชานาติ – ‘อยํ มยฺหํ ปุตฺตทาโร’ติฯ ชานนฺติ โข ปนสฺส ทาสกมฺมกรโปริสา – ‘อยํ อมฺหากํ อโยฺย’ติ; โสปิ ชานาติ – ‘อิเม มยฺหํ ทาสกมฺมกรโปริสา’ติฯ อิติ ยสฺมิํ สมเย สเจฺจ สมาทเปตพฺพา มุสาวาเท ตสฺมิํ สมเย สมาทเปนฺติฯ อิทํ ตสฺส มุสาวาทสฺมิํ วทามิฯ โส ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน โภเค อทินฺนํเยว ปริภุญฺชติฯ อิทํ ตสฺส อทินฺนาทานสฺมิํ วทามิฯ เอวํ โข, วิสาเข, นิคณฺฐุโปสโถ โหติฯ เอวํ อุปวุโตฺถ โข, วิสาเข, นิคณฺฐุโปสโถ น มหปฺผโล โหติ น มหานิสํโส น มหาชุติโก น มหาวิปฺผาโรฯ

    ‘‘Kathañca, visākhe, nigaṇṭhuposatho hoti? Atthi, visākhe, nigaṇṭhā nāma samaṇajātikā. Te sāvakaṃ evaṃ samādapenti – ‘ehi tvaṃ, ambho purisa, ye puratthimāya disāya pāṇā paraṃ yojanasataṃ tesu daṇḍaṃ nikkhipāhi; ye pacchimāya disāya pāṇā paraṃ yojanasataṃ tesu daṇḍaṃ nikkhipāhi; ye uttarāya disāya pāṇā paraṃ yojanasataṃ tesu daṇḍaṃ nikkhipāhi; ye dakkhiṇāya disāya pāṇā paraṃ yojanasataṃ tesu daṇḍaṃ nikkhipāhī’ti. Iti ekaccānaṃ pāṇānaṃ anuddayāya anukampāya samādapenti, ekaccānaṃ pāṇānaṃ nānuddayāya nānukampāya samādapenti. Te tadahuposathe sāvakaṃ evaṃ samādapenti – ‘ehi tvaṃ, ambho purisa, sabbacelāni 3 nikkhipitvā evaṃ vadehi – nāhaṃ kvacani kassaci kiñcanatasmiṃ 4, na ca mama kvacani katthaci kiñcanatatthī’ti. Jānanti kho panassa mātāpitaro – ‘ayaṃ amhākaṃ putto’ti; sopi jānāti – ‘ime mayhaṃ mātāpitaro’ti. Jānāti kho panassa puttadāro – ‘ayaṃ mayhaṃ bhattā’ti; sopi jānāti – ‘ayaṃ mayhaṃ puttadāro’ti. Jānanti kho panassa dāsakammakaraporisā – ‘ayaṃ amhākaṃ ayyo’ti; sopi jānāti – ‘ime mayhaṃ dāsakammakaraporisā’ti. Iti yasmiṃ samaye sacce samādapetabbā musāvāde tasmiṃ samaye samādapenti. Idaṃ tassa musāvādasmiṃ vadāmi. So tassā rattiyā accayena bhoge adinnaṃyeva paribhuñjati. Idaṃ tassa adinnādānasmiṃ vadāmi. Evaṃ kho, visākhe, nigaṇṭhuposatho hoti. Evaṃ upavuttho kho, visākhe, nigaṇṭhuposatho na mahapphalo hoti na mahānisaṃso na mahājutiko na mahāvipphāro.

    ‘‘กถญฺจ, วิสาเข, อริยุโปสโถ โหติ? อุปกฺกิลิฎฺฐสฺส , วิสาเข, จิตฺตสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติฯ กถญฺจ, วิสาเข, อุปกฺกิลิฎฺฐสฺส จิตฺตสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา 5 โหติ? อิธ, วิสาเข, อริยสาวโก ตถาคตํ อนุสฺสรติ – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ วิชฺชาจรณสมฺปโนฺน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุโทฺธ ภควา’ติฯ ตสฺส ตถาคตํ อนุสฺสรโต จิตฺตํ ปสีทติ, ปาโมชฺชํ อุปฺปชฺชติฯ เย จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสา เต ปหียนฺติ, เสยฺยถาปิ, วิสาเข, อุปกฺกิลิฎฺฐสฺส สีสสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติฯ

    ‘‘Kathañca, visākhe, ariyuposatho hoti? Upakkiliṭṭhassa , visākhe, cittassa upakkamena pariyodapanā hoti. Kathañca, visākhe, upakkiliṭṭhassa cittassa upakkamena pariyodapanā 6 hoti? Idha, visākhe, ariyasāvako tathāgataṃ anussarati – ‘itipi so bhagavā arahaṃ sammāsambuddho vijjācaraṇasampanno sugato lokavidū anuttaro purisadammasārathi satthā devamanussānaṃ buddho bhagavā’ti. Tassa tathāgataṃ anussarato cittaṃ pasīdati, pāmojjaṃ uppajjati. Ye cittassa upakkilesā te pahīyanti, seyyathāpi, visākhe, upakkiliṭṭhassa sīsassa upakkamena pariyodapanā hoti.

    ‘‘กถญฺจ, วิสาเข, อุปกฺกิลิฎฺฐสฺส สีสสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติ? กกฺกญฺจ ปฎิจฺจ มตฺติกญฺจ ปฎิจฺจ อุทกญฺจ ปฎิจฺจ ปุริสสฺส จ ตชฺชํ วายามํ ปฎิจฺจ, เอวํ โข, วิสาเข, อุปกฺกิลิฎฺฐสฺส สีสสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติฯ เอวเมวํ โข , วิสาเข, อุปกฺกิลิฎฺฐสฺส จิตฺตสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติฯ

    ‘‘Kathañca, visākhe, upakkiliṭṭhassa sīsassa upakkamena pariyodapanā hoti? Kakkañca paṭicca mattikañca paṭicca udakañca paṭicca purisassa ca tajjaṃ vāyāmaṃ paṭicca, evaṃ kho, visākhe, upakkiliṭṭhassa sīsassa upakkamena pariyodapanā hoti. Evamevaṃ kho , visākhe, upakkiliṭṭhassa cittassa upakkamena pariyodapanā hoti.

    ‘‘กถญฺจ , วิสาเข, อุปกฺกิลิฎฺฐสฺส จิตฺตสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติ? อิธ, วิสาเข, อริยสาวโก ตถาคตํ อนุสฺสรติ – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ วิชฺชาจรณสมฺปโนฺน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุโทฺธ ภควา’ติฯ ตสฺส ตถาคตํ อนุสฺสรโต จิตฺตํ ปสีทติ, ปาโมชฺชํ อุปฺปชฺชติ, เย จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสา เต ปหียนฺติฯ อยํ วุจฺจติ, วิสาเข – ‘อริยสาวโก พฺรหฺมุโปสถํ อุปวสติ, พฺรหฺมุนา สทฺธิํ สํวสติ, พฺรหฺมญฺจสฺส 7 อารพฺภ จิตฺตํ ปสีทติ, ปาโมชฺชํ อุปฺปชฺชติ, เย จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสา เต ปหียนฺติ’ฯ เอวํ โข, วิสาเข, อุปกฺกิลิฎฺฐสฺส จิตฺตสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติฯ

    ‘‘Kathañca , visākhe, upakkiliṭṭhassa cittassa upakkamena pariyodapanā hoti? Idha, visākhe, ariyasāvako tathāgataṃ anussarati – ‘itipi so bhagavā arahaṃ sammāsambuddho vijjācaraṇasampanno sugato lokavidū anuttaro purisadammasārathi satthā devamanussānaṃ buddho bhagavā’ti. Tassa tathāgataṃ anussarato cittaṃ pasīdati, pāmojjaṃ uppajjati, ye cittassa upakkilesā te pahīyanti. Ayaṃ vuccati, visākhe – ‘ariyasāvako brahmuposathaṃ upavasati, brahmunā saddhiṃ saṃvasati, brahmañcassa 8 ārabbha cittaṃ pasīdati, pāmojjaṃ uppajjati, ye cittassa upakkilesā te pahīyanti’. Evaṃ kho, visākhe, upakkiliṭṭhassa cittassa upakkamena pariyodapanā hoti.

    ‘‘อุปกฺกิลิฎฺฐสฺส, วิสาเข, จิตฺตสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติฯ กถญฺจ, วิสาเข, อุปกฺกิลิฎฺฐสฺส จิตฺตสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติ? อิธ, วิสาเข, อริยสาวโก ธมฺมํ อนุสฺสรติ – ‘สฺวากฺขาโต ภควตา ธโมฺม สนฺทิฎฺฐิโก อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปเนยฺยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตโพฺพ วิญฺญูหี’ติฯ ตสฺส ธมฺมํ อนุสฺสรโต จิตฺตํ ปสีทติ, ปาโมชฺชํ อุปฺปชฺชติ, เย จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสา เต ปหียนฺติ, เสยฺยถาปิ, วิสาเข, อุปกฺกิลิฎฺฐสฺส กายสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติฯ

    ‘‘Upakkiliṭṭhassa, visākhe, cittassa upakkamena pariyodapanā hoti. Kathañca, visākhe, upakkiliṭṭhassa cittassa upakkamena pariyodapanā hoti? Idha, visākhe, ariyasāvako dhammaṃ anussarati – ‘svākkhāto bhagavatā dhammo sandiṭṭhiko akāliko ehipassiko opaneyyiko paccattaṃ veditabbo viññūhī’ti. Tassa dhammaṃ anussarato cittaṃ pasīdati, pāmojjaṃ uppajjati, ye cittassa upakkilesā te pahīyanti, seyyathāpi, visākhe, upakkiliṭṭhassa kāyassa upakkamena pariyodapanā hoti.

    ‘‘กถญฺจ, วิสาเข, อุปกฺกิลิฎฺฐสฺส กายสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติ? โสตฺติญฺจ ปฎิจฺจ, จุณฺณญฺจ ปฎิจฺจ, อุทกญฺจ ปฎิจฺจ, ปุริสสฺส จ ตชฺชํ วายามํ ปฎิจฺจฯ เอวํ โข, วิสาเข, อุปกฺกิลิฎฺฐสฺส กายสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติฯ เอวเมวํ โข, วิสาเข, อุปกฺกิลิฎฺฐสฺส จิตฺตสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติฯ

    ‘‘Kathañca, visākhe, upakkiliṭṭhassa kāyassa upakkamena pariyodapanā hoti? Sottiñca paṭicca, cuṇṇañca paṭicca, udakañca paṭicca, purisassa ca tajjaṃ vāyāmaṃ paṭicca. Evaṃ kho, visākhe, upakkiliṭṭhassa kāyassa upakkamena pariyodapanā hoti. Evamevaṃ kho, visākhe, upakkiliṭṭhassa cittassa upakkamena pariyodapanā hoti.

    ‘‘กถญฺจ, วิสาเข, อุปกฺกิลิฎฺฐสฺส จิตฺตสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติ? อิธ, วิสาเข, อริยสาวโก ธมฺมํ อนุสฺสรติ – ‘สฺวากฺขาโต ภควตา ธโมฺม สนฺทิฎฺฐิโก อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปเนยฺยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตโพฺพ วิญฺญูหี’ติฯ ตสฺส ธมฺมํ อนุสฺสรโต จิตฺตํ ปสีทติ, ปาโมชฺชํ อุปฺปชฺชติ, เย จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสา เต ปหียนฺติฯ อยํ วุจฺจติ, วิสาเข, ‘อริยสาวโก ธมฺมุโปสถํ อุปวสติ, ธเมฺมน สทฺธิํ สํวสติ, ธมฺมญฺจสฺส อารพฺภ จิตฺตํ ปสีทติ, ปาโมชฺชํ อุปฺปชฺชติ, เย จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสา เต ปหียนฺติ’ฯ เอวํ โข, วิสาเข, อุปกฺกิลิฎฺฐสฺส จิตฺตสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติฯ

    ‘‘Kathañca, visākhe, upakkiliṭṭhassa cittassa upakkamena pariyodapanā hoti? Idha, visākhe, ariyasāvako dhammaṃ anussarati – ‘svākkhāto bhagavatā dhammo sandiṭṭhiko akāliko ehipassiko opaneyyiko paccattaṃ veditabbo viññūhī’ti. Tassa dhammaṃ anussarato cittaṃ pasīdati, pāmojjaṃ uppajjati, ye cittassa upakkilesā te pahīyanti. Ayaṃ vuccati, visākhe, ‘ariyasāvako dhammuposathaṃ upavasati, dhammena saddhiṃ saṃvasati, dhammañcassa ārabbha cittaṃ pasīdati, pāmojjaṃ uppajjati, ye cittassa upakkilesā te pahīyanti’. Evaṃ kho, visākhe, upakkiliṭṭhassa cittassa upakkamena pariyodapanā hoti.

    ‘‘อุปกฺกิลิฎฺฐสฺส , วิสาเข, จิตฺตสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติฯ กถญฺจ, วิสาเข, อุปกฺกิลิฎฺฐสฺส จิตฺตสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติ? อิธ, วิสาเข, อริยสาวโก สงฺฆํ อนุสฺสรติ – ‘สุปฺปฎิปโนฺน ภควโต สาวกสโงฺฆ, อุชุปฺปฎิปโนฺน ภควโต สาวกสโงฺฆ, ญายปฺปฎิปโนฺน ภควโต สาวกสโงฺฆ, สามีจิปฺปฎิปโนฺน ภควโต สาวกสโงฺฆ, ยทิทํ จตฺตาริ ปุริสยุคานิ อฎฺฐ ปุริสปุคฺคลา เอส ภควโต สาวกสโงฺฆ อาหุเนโยฺย ปาหุเนโยฺย ทกฺขิเณโยฺย อญฺชลิกรณีโย อนุตฺตรํ ปุญฺญเกฺขตฺตํ โลกสฺสา’ติฯ ตสฺส สงฺฆํ อนุสฺสรโต จิตฺตํ ปสีทติ, ปาโมชฺชํ อุปฺปชฺชติ, เย จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสา เต ปหียนฺติ, เสยฺยถาปิ, วิสาเข, อุปกฺกิลิฎฺฐสฺส วตฺถสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติฯ

    ‘‘Upakkiliṭṭhassa , visākhe, cittassa upakkamena pariyodapanā hoti. Kathañca, visākhe, upakkiliṭṭhassa cittassa upakkamena pariyodapanā hoti? Idha, visākhe, ariyasāvako saṅghaṃ anussarati – ‘suppaṭipanno bhagavato sāvakasaṅgho, ujuppaṭipanno bhagavato sāvakasaṅgho, ñāyappaṭipanno bhagavato sāvakasaṅgho, sāmīcippaṭipanno bhagavato sāvakasaṅgho, yadidaṃ cattāri purisayugāni aṭṭha purisapuggalā esa bhagavato sāvakasaṅgho āhuneyyo pāhuneyyo dakkhiṇeyyo añjalikaraṇīyo anuttaraṃ puññakkhettaṃ lokassā’ti. Tassa saṅghaṃ anussarato cittaṃ pasīdati, pāmojjaṃ uppajjati, ye cittassa upakkilesā te pahīyanti, seyyathāpi, visākhe, upakkiliṭṭhassa vatthassa upakkamena pariyodapanā hoti.

    ‘‘กถญฺจ, วิสาเข, อุปกฺกิลิฎฺฐสฺส วตฺถสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติ? อุสฺมญฺจ 9 ปฎิจฺจ, ขารญฺจ ปฎิจฺจ, โคมยญฺจ ปฎิจฺจ, อุทกญฺจ ปฎิจฺจ, ปุริสสฺส จ ตชฺชํ วายามํ ปฎิจฺจฯ เอวํ โข, วิสาเข, อุปกฺกิลิฎฺฐสฺส วตฺถสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติฯ เอวเมวํ โข, วิสาเข, อุปกฺกิลิฎฺฐสฺส จิตฺตสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติฯ

    ‘‘Kathañca, visākhe, upakkiliṭṭhassa vatthassa upakkamena pariyodapanā hoti? Usmañca 10 paṭicca, khārañca paṭicca, gomayañca paṭicca, udakañca paṭicca, purisassa ca tajjaṃ vāyāmaṃ paṭicca. Evaṃ kho, visākhe, upakkiliṭṭhassa vatthassa upakkamena pariyodapanā hoti. Evamevaṃ kho, visākhe, upakkiliṭṭhassa cittassa upakkamena pariyodapanā hoti.

    ‘‘กถญฺจ, วิสาเข, อุปกฺกิลิฎฺฐสฺส จิตฺตสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติ? อิธ, วิสาเข, อริยสาวโก สงฺฆํ อนุสฺสรติ – ‘สุปฺปฎิปโนฺน ภควโต สาวกสโงฺฆ…เป.… อนุตฺตรํ ปุญฺญเกฺขตฺตํ โลกสฺสา’ติฯ ตสฺส สงฺฆํ อนุสฺสรโต จิตฺตํ ปสีทติ, ปาโมชฺชํ อุปฺปชฺชติ, เย จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสา เต ปหียนฺติฯ อยํ วุจฺจติ, วิสาเข, ‘อริยสาวโก สงฺฆุโปสถํ อุปวสติ, สเงฺฆน สทฺธิํ สํวสติ, สงฺฆญฺจสฺส อารพฺภ จิตฺตํ ปสีทติ, ปาโมชฺชํ อุปฺปชฺชติ, เย จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสา เต ปหียนฺติ’ฯ เอวํ โข, วิสาเข, อุปกฺกิลิฎฺฐสฺส จิตฺตสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติฯ

    ‘‘Kathañca, visākhe, upakkiliṭṭhassa cittassa upakkamena pariyodapanā hoti? Idha, visākhe, ariyasāvako saṅghaṃ anussarati – ‘suppaṭipanno bhagavato sāvakasaṅgho…pe… anuttaraṃ puññakkhettaṃ lokassā’ti. Tassa saṅghaṃ anussarato cittaṃ pasīdati, pāmojjaṃ uppajjati, ye cittassa upakkilesā te pahīyanti. Ayaṃ vuccati, visākhe, ‘ariyasāvako saṅghuposathaṃ upavasati, saṅghena saddhiṃ saṃvasati, saṅghañcassa ārabbha cittaṃ pasīdati, pāmojjaṃ uppajjati, ye cittassa upakkilesā te pahīyanti’. Evaṃ kho, visākhe, upakkiliṭṭhassa cittassa upakkamena pariyodapanā hoti.

    ‘‘อุปกฺกิลิฎฺฐสฺส, วิสาเข, จิตฺตสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติฯ กถญฺจ, วิสาเข, อุปกฺกิลิฎฺฐสฺส จิตฺตสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติ? อิธ, วิสาเข, อริยสาวโก อตฺตโน สีลานิ อนุสฺสรติ อขณฺฑานิ อจฺฉิทฺทานิ อสพลานิ อกมฺมาสานิ ภุชิสฺสานิ วิญฺญุปฺปสตฺถานิ อปรามฎฺฐานิ สมาธิสํวตฺตนิกานิฯ ตสฺส สีลํ อนุสฺสรโต จิตฺตํ ปสีทติ, ปาโมชฺชํ อุปฺปชฺชติ, เย จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสา เต ปหียนฺติ, เสยฺยถาปิ, วิสาเข, อุปกฺกิลิฎฺฐสฺส อาทาสสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติฯ

    ‘‘Upakkiliṭṭhassa, visākhe, cittassa upakkamena pariyodapanā hoti. Kathañca, visākhe, upakkiliṭṭhassa cittassa upakkamena pariyodapanā hoti? Idha, visākhe, ariyasāvako attano sīlāni anussarati akhaṇḍāni acchiddāni asabalāni akammāsāni bhujissāni viññuppasatthāni aparāmaṭṭhāni samādhisaṃvattanikāni. Tassa sīlaṃ anussarato cittaṃ pasīdati, pāmojjaṃ uppajjati, ye cittassa upakkilesā te pahīyanti, seyyathāpi, visākhe, upakkiliṭṭhassa ādāsassa upakkamena pariyodapanā hoti.

    ‘‘กถญฺจ , วิสาเข, อุปกฺกิลิฎฺฐสฺส อาทาสสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติ? เตลญฺจ ปฎิจฺจ , ฉาริกญฺจ ปฎิจฺจ, วาลณฺฑุปกญฺจ ปฎิจฺจ, ปุริสสฺส จ ตชฺชํ วายามํ ปฎิจฺจฯ เอวํ โข, วิสาเข, อุปกฺกิลิฎฺฐสฺส อาทาสสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติฯ เอวเมวํ โข, วิสาเข, อุปกฺกิลิฎฺฐสฺส จิตฺตสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติฯ

    ‘‘Kathañca , visākhe, upakkiliṭṭhassa ādāsassa upakkamena pariyodapanā hoti? Telañca paṭicca , chārikañca paṭicca, vālaṇḍupakañca paṭicca, purisassa ca tajjaṃ vāyāmaṃ paṭicca. Evaṃ kho, visākhe, upakkiliṭṭhassa ādāsassa upakkamena pariyodapanā hoti. Evamevaṃ kho, visākhe, upakkiliṭṭhassa cittassa upakkamena pariyodapanā hoti.

    ‘‘กถญฺจ, วิสาเข, อุปกฺกิลิฎฺฐสฺส จิตฺตสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติ? อิธ , วิสาเข, อริยสาวโก อตฺตโน สีลานิ อนุสฺสรติ อขณฺฑานิ…เป.… สมาธิสํวตฺตนิกานิฯ ตสฺส สีลํ อนุสฺสรโต จิตฺตํ ปสีทติ, ปาโมชฺชํ อุปฺปชฺชติ, เย จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสา เต ปหียนฺติฯ อยํ วุจฺจติ, วิสาเข, ‘อริยสาวโก สีลุโปสถํ อุปวสติ, สีเลน สทฺธิํ สํวสติ, สีลญฺจสฺส อารพฺภ จิตฺตํ ปสีทติ, ปาโมชฺชํ อุปฺปชฺชติ, เย จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสา เต ปหียนฺติ’ฯ เอวํ โข, วิสาเข, อุปกฺกิลิฎฺฐสฺส จิตฺตสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติฯ

    ‘‘Kathañca, visākhe, upakkiliṭṭhassa cittassa upakkamena pariyodapanā hoti? Idha , visākhe, ariyasāvako attano sīlāni anussarati akhaṇḍāni…pe… samādhisaṃvattanikāni. Tassa sīlaṃ anussarato cittaṃ pasīdati, pāmojjaṃ uppajjati, ye cittassa upakkilesā te pahīyanti. Ayaṃ vuccati, visākhe, ‘ariyasāvako sīluposathaṃ upavasati, sīlena saddhiṃ saṃvasati, sīlañcassa ārabbha cittaṃ pasīdati, pāmojjaṃ uppajjati, ye cittassa upakkilesā te pahīyanti’. Evaṃ kho, visākhe, upakkiliṭṭhassa cittassa upakkamena pariyodapanā hoti.

    ‘‘อุปกฺกิลิฎฺฐสฺส, วิสาเข, จิตฺตสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติฯ กถญฺจ, วิสาเข, อุปกฺกิลิฎฺฐสฺส จิตฺตสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติ? อิธ วิสาเข, อริยสาวโก เทวตา อนุสฺสรติ – ‘สนฺติ เทวา จาตุมหาราชิกา 11, สนฺติ เทวา ตาวติํสา, สนฺติ เทวา ยามา, สนฺติ เทวา ตุสิตา, สนฺติ เทวา นิมฺมานรติโน, สนฺติ เทวา ปรนิมฺมิตวสวตฺติโน, สนฺติ เทวา พฺรหฺมกายิกา, สนฺติ เทวา ตตุตฺตริ 12ฯ ยถารูปาย สทฺธาย สมนฺนาคตา ตา เทวตา อิโต จุตา ตตฺถุปปนฺนา 13, มยฺหมฺปิ ตถารูปา สทฺธา สํวิชฺชติฯ ยถารูเปน สีเลน สมนฺนาคตา ตา เทวตา อิโต จุตา ตตฺถุปปนฺนา, มยฺหมฺปิ ตถารูปํ สีลํ สํวิชฺชติฯ ยถารูเปน สุเตน สมนฺนาคตา ตา เทวตา อิโต จุตา ตตฺถุปปนฺนา, มยฺหมฺปิ ตถารูปํ สุตํ สํวิชฺชติฯ ยถารูเปน จาเคน สมนฺนาคตา ตา เทวตา อิโต จุตา ตตฺถุปปนฺนา, มยฺหมฺปิ ตถารูโป จาโค สํวิชฺชติฯ ยถารูปาย ปญฺญาย สมนฺนาคตา ตา เทวตา อิโต จุตา ตตฺถุปปนฺนา, มยฺหมฺปิ ตถารูปา ปญฺญา สํวิชฺชตี’ติฯ ตสฺส อตฺตโน จ ตาสญฺจ เทวตานํ สทฺธญฺจ สีลญฺจ สุตญฺจ จาคญฺจ ปญฺญญฺจ อนุสฺสรโต จิตฺตํ ปสีทติ, ปาโมชฺชํ อุปฺปชฺชติ, เย จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสา เต ปหียนฺติ, เสยฺยถาปิ, วิสาเข, อุปกฺกิลิฎฺฐสฺส ชาตรูปสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติฯ

    ‘‘Upakkiliṭṭhassa, visākhe, cittassa upakkamena pariyodapanā hoti. Kathañca, visākhe, upakkiliṭṭhassa cittassa upakkamena pariyodapanā hoti? Idha visākhe, ariyasāvako devatā anussarati – ‘santi devā cātumahārājikā 14, santi devā tāvatiṃsā, santi devā yāmā, santi devā tusitā, santi devā nimmānaratino, santi devā paranimmitavasavattino, santi devā brahmakāyikā, santi devā tatuttari 15. Yathārūpāya saddhāya samannāgatā tā devatā ito cutā tatthupapannā 16, mayhampi tathārūpā saddhā saṃvijjati. Yathārūpena sīlena samannāgatā tā devatā ito cutā tatthupapannā, mayhampi tathārūpaṃ sīlaṃ saṃvijjati. Yathārūpena sutena samannāgatā tā devatā ito cutā tatthupapannā, mayhampi tathārūpaṃ sutaṃ saṃvijjati. Yathārūpena cāgena samannāgatā tā devatā ito cutā tatthupapannā, mayhampi tathārūpo cāgo saṃvijjati. Yathārūpāya paññāya samannāgatā tā devatā ito cutā tatthupapannā, mayhampi tathārūpā paññā saṃvijjatī’ti. Tassa attano ca tāsañca devatānaṃ saddhañca sīlañca sutañca cāgañca paññañca anussarato cittaṃ pasīdati, pāmojjaṃ uppajjati, ye cittassa upakkilesā te pahīyanti, seyyathāpi, visākhe, upakkiliṭṭhassa jātarūpassa upakkamena pariyodapanā hoti.

    ‘‘กถญฺจ , วิสาเข, อุปกฺกิลิฎฺฐสฺส ชาตรูปสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติ? อุกฺกญฺจ ปฎิจฺจ, โลณญฺจ ปฎิจฺจ, เครุกญฺจ ปฎิจฺจ, นาฬิกสณฺฑาสญฺจ 17 ปฎิจฺจ, ปุริสสฺส จ ตชฺชํ วายามํ ปฎิจฺจฯ เอวํ โข, วิสาเข, อุปกฺกิลิฎฺฐสฺส ชาตรูปสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติฯ เอวเมวํ โข, วิสาเข, อุปกฺกิลิฎฺฐสฺส จิตฺตสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติฯ

    ‘‘Kathañca , visākhe, upakkiliṭṭhassa jātarūpassa upakkamena pariyodapanā hoti? Ukkañca paṭicca, loṇañca paṭicca, gerukañca paṭicca, nāḷikasaṇḍāsañca 18 paṭicca, purisassa ca tajjaṃ vāyāmaṃ paṭicca. Evaṃ kho, visākhe, upakkiliṭṭhassa jātarūpassa upakkamena pariyodapanā hoti. Evamevaṃ kho, visākhe, upakkiliṭṭhassa cittassa upakkamena pariyodapanā hoti.

    ‘‘กถญฺจ , วิสาเข, อุปกฺกิลิฎฺฐสฺส จิตฺตสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติ? อิธ, วิสาเข, อริยสาวโก เทวตา อนุสฺสรติ – ‘สนฺติ เทวา จาตุมหาราชิกา, สนฺติ เทวา ตาวติํสา…เป.… สนฺติ เทวา ตตุตฺตริฯ ยถารูปาย สทฺธาย สมนฺนาคตา ตา เทวตา อิโต จุตา ตตฺถุปปนฺนา, มยฺหมฺปิ ตถารูปา สทฺธา สํวิชฺชติฯ ยถารูเปน สีเลน…เป.… สุเตน…เป.… จาเคน…เป.… ปญฺญาย สมนฺนาคตา ตา เทวตา อิโต จุตา ตตฺถุปปนฺนา, มยฺหมฺปิ ตถารูปา ปญฺญา สํวิชฺชตี’ติฯ ตสฺส อตฺตโน จ ตาสญฺจ เทวตานํ สทฺธญฺจ สีลญฺจ สุตญฺจ จาคญฺจ ปญฺญญฺจ อนุสฺสรโต จิตฺตํ ปสีทติ, ปาโมชฺชํ อุปฺปชฺชติ, เย จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสา เต ปหียนฺติฯ อยํ วุจฺจติ, วิสาเข, ‘อริยสาวโก เทวตุโปสถํ อุปวสติ, เทวตาหิ สทฺธิํ สํวสติ, เทวตา อารพฺภ จิตฺตํ ปสีทติ, ปาโมชฺชํ อุปฺปชฺชติ, เย จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสา เต ปหียนฺติ’ฯ เอวํ โข, วิสาเข, อุปกฺกิลิฎฺฐสฺส จิตฺตสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติฯ

    ‘‘Kathañca , visākhe, upakkiliṭṭhassa cittassa upakkamena pariyodapanā hoti? Idha, visākhe, ariyasāvako devatā anussarati – ‘santi devā cātumahārājikā, santi devā tāvatiṃsā…pe… santi devā tatuttari. Yathārūpāya saddhāya samannāgatā tā devatā ito cutā tatthupapannā, mayhampi tathārūpā saddhā saṃvijjati. Yathārūpena sīlena…pe… sutena…pe… cāgena…pe… paññāya samannāgatā tā devatā ito cutā tatthupapannā, mayhampi tathārūpā paññā saṃvijjatī’ti. Tassa attano ca tāsañca devatānaṃ saddhañca sīlañca sutañca cāgañca paññañca anussarato cittaṃ pasīdati, pāmojjaṃ uppajjati, ye cittassa upakkilesā te pahīyanti. Ayaṃ vuccati, visākhe, ‘ariyasāvako devatuposathaṃ upavasati, devatāhi saddhiṃ saṃvasati, devatā ārabbha cittaṃ pasīdati, pāmojjaṃ uppajjati, ye cittassa upakkilesā te pahīyanti’. Evaṃ kho, visākhe, upakkiliṭṭhassa cittassa upakkamena pariyodapanā hoti.

    ‘‘ส โข โส, วิสาเข, อริยสาวโก อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘ยาวชีวํ อรหโนฺต ปาณาติปาตํ ปหาย ปาณาติปาตา ปฎิวิรตา นิหิตทณฺฑา นิหิตสตฺถา ลชฺชี ทยาปนฺนา สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปี วิหรนฺติ; อหมฺปชฺช อิมญฺจ รตฺติํ อิมญฺจ ทิวสํ ปาณาติปาตํ ปหาย ปาณาติปาตา ปฎิวิรโต นิหิตทโณฺฑ นิหิตสโตฺถ ลชฺชี ทยาปโนฺน สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปี วิหรามิฯ อิมินาปิ 19 อเงฺคน อรหตํ อนุกโรมิ, อุโปสโถ จ เม อุปวุโตฺถ ภวิสฺสติฯ

    ‘‘Sa kho so, visākhe, ariyasāvako iti paṭisañcikkhati – ‘yāvajīvaṃ arahanto pāṇātipātaṃ pahāya pāṇātipātā paṭiviratā nihitadaṇḍā nihitasatthā lajjī dayāpannā sabbapāṇabhūtahitānukampī viharanti; ahampajja imañca rattiṃ imañca divasaṃ pāṇātipātaṃ pahāya pāṇātipātā paṭivirato nihitadaṇḍo nihitasattho lajjī dayāpanno sabbapāṇabhūtahitānukampī viharāmi. Imināpi 20 aṅgena arahataṃ anukaromi, uposatho ca me upavuttho bhavissati.

    ‘‘ยาวชีวํ อรหโนฺต อทินฺนาทานํ ปหาย อทินฺนาทานา ปฎิวิรตา ทินฺนาทายี ทินฺนปาฎิกงฺขี, อเถเนน สุจิภูเตน อตฺตนา วิหรนฺติ; อหมฺปชฺช อิมญฺจ รตฺติํ อิมญฺจ ทิวสํ อทินฺนาทานํ ปหาย อทินฺนาทานา ปฎิวิรโต ทินฺนาทายี ทินฺนปาฎิกงฺขี, อเถเนน สุจิภูเตน อตฺตนา วิหรามิฯ อิมินาปิ อเงฺคน อรหตํ อนุกโรมิ, อุโปสโถ จ เม อุปวุโตฺถ ภวิสฺสติฯ

    ‘‘Yāvajīvaṃ arahanto adinnādānaṃ pahāya adinnādānā paṭiviratā dinnādāyī dinnapāṭikaṅkhī, athenena sucibhūtena attanā viharanti; ahampajja imañca rattiṃ imañca divasaṃ adinnādānaṃ pahāya adinnādānā paṭivirato dinnādāyī dinnapāṭikaṅkhī, athenena sucibhūtena attanā viharāmi. Imināpi aṅgena arahataṃ anukaromi, uposatho ca me upavuttho bhavissati.

    ‘‘ยาวชีวํ อรหโนฺต อพฺรหฺมจริยํ ปหาย พฺรหฺมจารี อาราจารี 21 วิรตา เมถุนา คามธมฺมา; อหมฺปชฺช อิมญฺจ รตฺติํ อิมญฺจ ทิวสํ อพฺรหฺมจริยํ ปหาย พฺรหฺมจารี อาราจารี วิรโต เมถุนา คามธมฺมาฯ อิมินาปิ อเงฺคน อรหตํ อนุกโรมิ, อุโปสโถ จ เม อุปวุโตฺถ ภวิสฺสติฯ

    ‘‘Yāvajīvaṃ arahanto abrahmacariyaṃ pahāya brahmacārī ārācārī 22 viratā methunā gāmadhammā; ahampajja imañca rattiṃ imañca divasaṃ abrahmacariyaṃ pahāya brahmacārī ārācārī virato methunā gāmadhammā. Imināpi aṅgena arahataṃ anukaromi, uposatho ca me upavuttho bhavissati.

    ‘‘ยาวชีวํ อรหโนฺต มุสาวาทํ ปหาย มุสาวาทา ปฎิวิรตา สจฺจวาที สจฺจสนฺธา เถตา ปจฺจยิกา อวิสํวาทกา โลกสฺส; อหมฺปชฺช อิมญฺจ รตฺติํ อิมญฺจ ทิวสํ มุสาวาทํ ปหาย มุสาวาทา ปฎิวิรโต สจฺจวาที สจฺจสโนฺธ เถโต ปจฺจยิโก อวิสํวาทโก โลกสฺสฯ อิมินาปิ อเงฺคน อรหตํ อนุกโรมิ, อุโปสโถ จ เม อุปวุโตฺถ ภวิสฺสติฯ

    ‘‘Yāvajīvaṃ arahanto musāvādaṃ pahāya musāvādā paṭiviratā saccavādī saccasandhā thetā paccayikā avisaṃvādakā lokassa; ahampajja imañca rattiṃ imañca divasaṃ musāvādaṃ pahāya musāvādā paṭivirato saccavādī saccasandho theto paccayiko avisaṃvādako lokassa. Imināpi aṅgena arahataṃ anukaromi, uposatho ca me upavuttho bhavissati.

    ‘‘ยาวชีวํ อรหโนฺต สุราเมรยมชฺชปมาทฎฺฐานํ ปหาย สุราเมรยมชฺชปมาทฎฺฐานา ปฎิวิรตา; อหมฺปชฺช อิมญฺจ รตฺติํ อิมญฺจ ทิวสํ สุราเมรยมชฺชปมาทฎฺฐานํ ปหาย สุราเมรยมชฺชปมาทฎฺฐานา ปฎิวิรโตฯ อิมินาปิ อเงฺคน อรหตํ อนุกโรมิ, อุโปสโถ จ เม อุปวุโตฺถ ภวิสฺสติฯ

    ‘‘Yāvajīvaṃ arahanto surāmerayamajjapamādaṭṭhānaṃ pahāya surāmerayamajjapamādaṭṭhānā paṭiviratā; ahampajja imañca rattiṃ imañca divasaṃ surāmerayamajjapamādaṭṭhānaṃ pahāya surāmerayamajjapamādaṭṭhānā paṭivirato. Imināpi aṅgena arahataṃ anukaromi, uposatho ca me upavuttho bhavissati.

    ‘‘ยาวชีวํ อรหโนฺต เอกภตฺติกา รตฺตูปรตา วิรตา วิกาลโภชนา; อหมฺปชฺช อิมญฺจ รตฺติํ อิมญฺจ ทิวสํ เอกภตฺติโก รตฺตูปรโต วิรโต วิกาลโภชนาฯ อิมินาปิ อเงฺคน อรหตํ อนุกโรมิ, อุโปสโถ จ เม อุปวุโตฺถ ภวิสฺสติฯ

    ‘‘Yāvajīvaṃ arahanto ekabhattikā rattūparatā viratā vikālabhojanā; ahampajja imañca rattiṃ imañca divasaṃ ekabhattiko rattūparato virato vikālabhojanā. Imināpi aṅgena arahataṃ anukaromi, uposatho ca me upavuttho bhavissati.

    ‘‘ยาวชีวํ อรหโนฺต นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนมาลาคนฺธวิเลปนธารณมณฺฑนวิภูสนฎฺฐานา ปฎิวิรตา; อหมฺปชฺช อิมญฺจ รตฺติํ อิมญฺจ ทิวสํ นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนมาลาคนฺธวิเลปนธารณมณฺฑนวิภูสนฎฺฐานา ปฎิวิรโต ฯ อิมินาปิ อเงฺคน อรหตํ อนุกโรมิ, อุโปสโถ จ เม อุปวุโตฺถ ภวิสฺสติฯ

    ‘‘Yāvajīvaṃ arahanto naccagītavāditavisūkadassanamālāgandhavilepanadhāraṇamaṇḍanavibhūsanaṭṭhānā paṭiviratā; ahampajja imañca rattiṃ imañca divasaṃ naccagītavāditavisūkadassanamālāgandhavilepanadhāraṇamaṇḍanavibhūsanaṭṭhānā paṭivirato . Imināpi aṅgena arahataṃ anukaromi, uposatho ca me upavuttho bhavissati.

    ‘‘ยาวชีวํ อรหโนฺต อุจฺจาสยนมหาสยนํ ปหาย อุจฺจาสยนมหาสยนา ปฎิวิรตา นีจเสยฺยํ กเปฺปนฺติ มญฺจเก วา ติณสนฺถารเก วา; อหมฺปชฺช อิมญฺจ รตฺติํ อิมญฺจ ทิวสํ อุจฺจาสยนมหาสยนํ ปหาย อุจฺจาสยนมหาสยนา ปฎิวิรโต นีจเสยฺยํ กเปฺปมิ มญฺจเก วา ติณสนฺถารเก วาฯ อิมินาปิ อเงฺคน อรหตํ อนุกโรมิ, อุโปสโถ จ เม อุปวุโตฺถ ภวิสฺสตี’’ติฯ

    ‘‘Yāvajīvaṃ arahanto uccāsayanamahāsayanaṃ pahāya uccāsayanamahāsayanā paṭiviratā nīcaseyyaṃ kappenti mañcake vā tiṇasanthārake vā; ahampajja imañca rattiṃ imañca divasaṃ uccāsayanamahāsayanaṃ pahāya uccāsayanamahāsayanā paṭivirato nīcaseyyaṃ kappemi mañcake vā tiṇasanthārake vā. Imināpi aṅgena arahataṃ anukaromi, uposatho ca me upavuttho bhavissatī’’ti.

    ‘‘เอวํ โข, วิสาเข, อริยุโปสโถ โหติฯ เอวํ อุปวุโตฺถ โข, วิสาเข, อริยุโปสโถ มหปฺผโล โหติ มหานิสํโส มหาชุติโก มหาวิปฺผาโร’’ฯ

    ‘‘Evaṃ kho, visākhe, ariyuposatho hoti. Evaṃ upavuttho kho, visākhe, ariyuposatho mahapphalo hoti mahānisaṃso mahājutiko mahāvipphāro’’.

    ‘‘กีวมหปฺผโล โหติ กีวมหานิสํโส กีวมหาชุติโก กีวมหาวิปฺผาโร’’? ‘‘เสยฺยถาปิ, วิสาเข, โย อิเมสํ โสฬสนฺนํ มหาชนปทานํ ปหูตรตฺตรตนานํ 23 อิสฺสริยาธิปจฺจํ รชฺชํ กาเรยฺย , เสยฺยถิทํ – องฺคานํ, มคธานํ, กาสีนํ, โกสลานํ, วชฺชีนํ, มลฺลานํ, เจตีนํ, วงฺคานํ, กุรูนํ, ปญฺจาลานํ, มจฺฉานํ 24, สูรเสนานํ, อสฺสกานํ, อวนฺตีนํ, คนฺธารานํ, กโมฺพชานํ, อฎฺฐงฺคสมนฺนาคตสฺส อุโปสถสฺส เอตํ 25 กลํ นาคฺฆติ โสฬสิํฯ ตํ กิสฺส เหตุ? กปณํ, วิสาเข, มานุสกํ รชฺชํ ทิพฺพํ สุขํ อุปนิธาย’’ฯ

    ‘‘Kīvamahapphalo hoti kīvamahānisaṃso kīvamahājutiko kīvamahāvipphāro’’? ‘‘Seyyathāpi, visākhe, yo imesaṃ soḷasannaṃ mahājanapadānaṃ pahūtarattaratanānaṃ 26 issariyādhipaccaṃ rajjaṃ kāreyya , seyyathidaṃ – aṅgānaṃ, magadhānaṃ, kāsīnaṃ, kosalānaṃ, vajjīnaṃ, mallānaṃ, cetīnaṃ, vaṅgānaṃ, kurūnaṃ, pañcālānaṃ, macchānaṃ 27, sūrasenānaṃ, assakānaṃ, avantīnaṃ, gandhārānaṃ, kambojānaṃ, aṭṭhaṅgasamannāgatassa uposathassa etaṃ 28 kalaṃ nāgghati soḷasiṃ. Taṃ kissa hetu? Kapaṇaṃ, visākhe, mānusakaṃ rajjaṃ dibbaṃ sukhaṃ upanidhāya’’.

    ‘‘ยานิ, วิสาเข, มานุสกานิ ปญฺญาส วสฺสานิ, จาตุมหาราชิกานํ เทวานํ เอโส เอโก รตฺตินฺทิโว 29ฯ ตาย รตฺติยา ติํสรตฺติโย มาโสฯ เตน มาเสน ทฺวาทสมาสิโย สํวจฺฉโรฯ เตน สํวจฺฉเรน ทิพฺพานิ ปญฺจ วสฺสสตานิ จาตุมหาราชิกานํ เทวานํ อายุปฺปมาณํฯ ฐานํ โข ปเนตํ, วิสาเข, วิชฺชติ ยํ อิเธกโจฺจ อิตฺถี วา ปุริโส วา อฎฺฐงฺคสมนฺนาคตํ อุโปสถํ อุปวสิตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา จาตุมหาราชิกานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปเชฺชยฺยฯ อิทํ โข ปเนตํ, วิสาเข, สนฺธาย ภาสิตํ – ‘กปณํ มานุสกํ รชฺชํ ทิพฺพํ สุขํ อุปนิธาย’’’ฯ

    ‘‘Yāni, visākhe, mānusakāni paññāsa vassāni, cātumahārājikānaṃ devānaṃ eso eko rattindivo 30. Tāya rattiyā tiṃsarattiyo māso. Tena māsena dvādasamāsiyo saṃvaccharo. Tena saṃvaccharena dibbāni pañca vassasatāni cātumahārājikānaṃ devānaṃ āyuppamāṇaṃ. Ṭhānaṃ kho panetaṃ, visākhe, vijjati yaṃ idhekacco itthī vā puriso vā aṭṭhaṅgasamannāgataṃ uposathaṃ upavasitvā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā cātumahārājikānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjeyya. Idaṃ kho panetaṃ, visākhe, sandhāya bhāsitaṃ – ‘kapaṇaṃ mānusakaṃ rajjaṃ dibbaṃ sukhaṃ upanidhāya’’’.

    ‘‘ยํ , วิสาเข, มานุสกํ วสฺสสตํ, ตาวติํสานํ เทวานํ เอโส เอโก รตฺตินฺทิโวฯ ตาย รตฺติยา ติํสรตฺติโย มาโสฯ เตน มาเสน ทฺวาทสมาสิโย สํวจฺฉโรฯ เตน สํวจฺฉเรน ทิพฺพํ วสฺสสหสฺสํ ตาวติํสานํ เทวานํ อายุปฺปมาณํฯ ฐานํ โข ปเนตํ, วิสาเข, วิชฺชติ ยํ อิเธกโจฺจ อิตฺถี วา ปุริโส วา อฎฺฐงฺคสมนฺนาคตํ อุโปสถํ อุปวสิตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ตาวติํสานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปเชฺชยฺยฯ อิทํ โข ปเนตํ, วิสาเข, สนฺธาย ภาสิตํ – ‘กปณํ มานุสกํ รชฺชํ ทิพฺพํ สุขํ อุปนิธาย’’’ฯ

    ‘‘Yaṃ , visākhe, mānusakaṃ vassasataṃ, tāvatiṃsānaṃ devānaṃ eso eko rattindivo. Tāya rattiyā tiṃsarattiyo māso. Tena māsena dvādasamāsiyo saṃvaccharo. Tena saṃvaccharena dibbaṃ vassasahassaṃ tāvatiṃsānaṃ devānaṃ āyuppamāṇaṃ. Ṭhānaṃ kho panetaṃ, visākhe, vijjati yaṃ idhekacco itthī vā puriso vā aṭṭhaṅgasamannāgataṃ uposathaṃ upavasitvā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā tāvatiṃsānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjeyya. Idaṃ kho panetaṃ, visākhe, sandhāya bhāsitaṃ – ‘kapaṇaṃ mānusakaṃ rajjaṃ dibbaṃ sukhaṃ upanidhāya’’’.

    ‘‘ยานิ, วิสาเข, มานุสกานิ เทฺว วสฺสสตานิ, ยามานํ เทวานํ เอโส เอโก รตฺตินฺทิโวฯ ตาย รตฺติยา ติํสรตฺติโย มาโสฯ เตน มาเสน ทฺวาทสมาสิโย สํวจฺฉโรฯ เตน สํวจฺฉเรน ทิพฺพานิ เทฺว วสฺสสหสฺสานิ ยามานํ เทวานํ อายุปฺปมาณํฯ ฐานํ โข ปเนตํ, วิสาเข, วิชฺชติ ยํ อิเธกโจฺจ อิตฺถี วา ปุริโส วา อฎฺฐงฺคสมนฺนาคตํ อุโปสถํ อุปวสิตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ยามานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปเชฺชยฺยฯ อิทํ โข ปเนตํ, วิสาเข, สนฺธาย ภาสิตํ – ‘กปณํ มานุสกํ รชฺชํ ทิพฺพํ สุขํ อุปนิธาย’’’ฯ

    ‘‘Yāni, visākhe, mānusakāni dve vassasatāni, yāmānaṃ devānaṃ eso eko rattindivo. Tāya rattiyā tiṃsarattiyo māso. Tena māsena dvādasamāsiyo saṃvaccharo. Tena saṃvaccharena dibbāni dve vassasahassāni yāmānaṃ devānaṃ āyuppamāṇaṃ. Ṭhānaṃ kho panetaṃ, visākhe, vijjati yaṃ idhekacco itthī vā puriso vā aṭṭhaṅgasamannāgataṃ uposathaṃ upavasitvā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā yāmānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjeyya. Idaṃ kho panetaṃ, visākhe, sandhāya bhāsitaṃ – ‘kapaṇaṃ mānusakaṃ rajjaṃ dibbaṃ sukhaṃ upanidhāya’’’.

    ‘‘ยานิ, วิสาเข, มานุสกานิ จตฺตาริ วสฺสสตานิ, ตุสิตานํ เทวานํ เอโส เอโก รตฺตินฺทิโวฯ ตาย รตฺติยา ติํสรตฺติโย มาโสฯ เตน มาเสน ทฺวาทสมาสิโย สํวจฺฉโรฯ เตน สํวจฺฉเรน ทิพฺพานิ จตฺตาริ วสฺสสหสฺสานิ ตุสิตานํ เทวานํ อายุปฺปมาณํฯ ฐานํ โข ปเนตํ, วิสาเข, วิชฺชติ ยํ อิเธกโจฺจ อิตฺถี วา ปุริโส วา อฎฺฐงฺคสมนฺนาคตํ อุโปสถํ อุปวสิตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ตุสิตานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปเชฺชยฺยฯ อิทํ โข ปเนตํ, วิสาเข, สนฺธาย ภาสิตํ – ‘กปณํ มานุสกํ รชฺชํ ทิพฺพํ สุขํ อุปนิธาย’’’ฯ

    ‘‘Yāni, visākhe, mānusakāni cattāri vassasatāni, tusitānaṃ devānaṃ eso eko rattindivo. Tāya rattiyā tiṃsarattiyo māso. Tena māsena dvādasamāsiyo saṃvaccharo. Tena saṃvaccharena dibbāni cattāri vassasahassāni tusitānaṃ devānaṃ āyuppamāṇaṃ. Ṭhānaṃ kho panetaṃ, visākhe, vijjati yaṃ idhekacco itthī vā puriso vā aṭṭhaṅgasamannāgataṃ uposathaṃ upavasitvā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā tusitānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjeyya. Idaṃ kho panetaṃ, visākhe, sandhāya bhāsitaṃ – ‘kapaṇaṃ mānusakaṃ rajjaṃ dibbaṃ sukhaṃ upanidhāya’’’.

    ‘‘ยานิ, วิสาเข, มานุสกานิ อฎฺฐ วสฺสสตานิ, นิมฺมานรตีนํ เทวานํ เอโส เอโก รตฺตินฺทิโวฯ ตาย รตฺติยา ติํสรตฺติโย มาโสฯ เตน มาเสน ทฺวาทสมาสิโย สํวจฺฉโรฯ เตน สํวจฺฉเรน ทิพฺพานิ อฎฺฐ วสฺสสหสฺสานิ นิมฺมานรตีนํ เทวานํ อายุปฺปมาณํฯ ฐานํ โข ปเนตํ, วิสาเข, วิชฺชติ ยํ อิเธกโจฺจ อิตฺถี วา ปุริโส วา อฎฺฐงฺคสมนฺนาคตํ อุโปสถํ อุปวสิตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา นิมฺมานรตีนํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปเชฺชยฺยฯ อิทํ โข ปเนตํ, วิสาเข, สนฺธาย ภาสิตํ – ‘กปณํ มานุสกํ รชฺชํ ทิพฺพํ สุขํ อุปนิธาย’’’ฯ

    ‘‘Yāni, visākhe, mānusakāni aṭṭha vassasatāni, nimmānaratīnaṃ devānaṃ eso eko rattindivo. Tāya rattiyā tiṃsarattiyo māso. Tena māsena dvādasamāsiyo saṃvaccharo. Tena saṃvaccharena dibbāni aṭṭha vassasahassāni nimmānaratīnaṃ devānaṃ āyuppamāṇaṃ. Ṭhānaṃ kho panetaṃ, visākhe, vijjati yaṃ idhekacco itthī vā puriso vā aṭṭhaṅgasamannāgataṃ uposathaṃ upavasitvā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā nimmānaratīnaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjeyya. Idaṃ kho panetaṃ, visākhe, sandhāya bhāsitaṃ – ‘kapaṇaṃ mānusakaṃ rajjaṃ dibbaṃ sukhaṃ upanidhāya’’’.

    ‘‘ยานิ, วิสาเข, มานุสกานิ โสฬส วสฺสสตานิ, ปรนิมฺมิตวสวตฺตีนํ เทวานํ เอโส เอโก รตฺตินฺทิโวฯ ตาย รตฺติยา ติํสรตฺติโย มาโสฯ เตน มาเสน ทฺวาทสมาสิโย สํวจฺฉโรฯ เตน สํวจฺฉเรน ทิพฺพานิ โสฬส วสฺสสหสฺสานิ ปรนิมฺมิตวสวตฺตีนํ เทวานํ อายุปฺปมาณํฯ ฐานํ โข ปเนตํ, วิสาเข, วิชฺชติ ยํ อิเธกโจฺจ อิตฺถี วา ปุริโส วา อฎฺฐงฺคสมนฺนาคตํ อุโปสถํ อุปวสิตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ปรนิมฺมิตวสวตฺตีนํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปเชฺชยฺยฯ อิทํ โข ปเนตํ, วิสาเข, สนฺธาย ภาสิตํ – ‘กปณํ มานุสกํ รชฺชํ ทิพฺพํ สุขํ อุปนิธายา’’’ติฯ

    ‘‘Yāni, visākhe, mānusakāni soḷasa vassasatāni, paranimmitavasavattīnaṃ devānaṃ eso eko rattindivo. Tāya rattiyā tiṃsarattiyo māso. Tena māsena dvādasamāsiyo saṃvaccharo. Tena saṃvaccharena dibbāni soḷasa vassasahassāni paranimmitavasavattīnaṃ devānaṃ āyuppamāṇaṃ. Ṭhānaṃ kho panetaṃ, visākhe, vijjati yaṃ idhekacco itthī vā puriso vā aṭṭhaṅgasamannāgataṃ uposathaṃ upavasitvā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā paranimmitavasavattīnaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjeyya. Idaṃ kho panetaṃ, visākhe, sandhāya bhāsitaṃ – ‘kapaṇaṃ mānusakaṃ rajjaṃ dibbaṃ sukhaṃ upanidhāyā’’’ti.

    ‘‘ปาณํ น หเญฺญ 31 น จทินฺนมาทิเย,

    ‘‘Pāṇaṃ na haññe 32 na cadinnamādiye,

    มุสา น ภาเส น จ มชฺชโป สิยา;

    Musā na bhāse na ca majjapo siyā;

    อพฺรหฺมจริยา วิรเมยฺย เมถุนา,

    Abrahmacariyā virameyya methunā,

    รตฺติํ น ภุเญฺชยฺย วิกาลโภชนํฯ

    Rattiṃ na bhuñjeyya vikālabhojanaṃ.

    ‘‘มาลํ น ธาเร น จ คนฺธมาจเร,

    ‘‘Mālaṃ na dhāre na ca gandhamācare,

    มเญฺจ ฉมายํ ว สเยถ สนฺถเต;

    Mañce chamāyaṃ va sayetha santhate;

    เอตญฺหิ อฎฺฐงฺคิกมาหุโปสถํ,

    Etañhi aṭṭhaṅgikamāhuposathaṃ,

    พุเทฺธน ทุกฺขนฺตคุนา ปกาสิตํฯ

    Buddhena dukkhantagunā pakāsitaṃ.

    ‘‘จโนฺท จ สูริโย จ อุโภ สุทสฺสนา,

    ‘‘Cando ca sūriyo ca ubho sudassanā,

    โอภาสยํ อนุปริยนฺติ ยาวตา;

    Obhāsayaṃ anupariyanti yāvatā;

    ตโมนุทา เต ปน อนฺตลิกฺขคา,

    Tamonudā te pana antalikkhagā,

    นเภ ปภาสนฺติ ทิสาวิโรจนาฯ

    Nabhe pabhāsanti disāvirocanā.

    ‘‘เอตสฺมิํ ยํ วิชฺชติ อนฺตเร ธนํ,

    ‘‘Etasmiṃ yaṃ vijjati antare dhanaṃ,

    มุตฺตา มณิ เวฬุริยญฺจ ภทฺทกํ;

    Muttā maṇi veḷuriyañca bhaddakaṃ;

    สิงฺคี สุวณฺณํ อถ วาปิ กญฺจนํ,

    Siṅgī suvaṇṇaṃ atha vāpi kañcanaṃ,

    ยํ ชาตรูปํ หฎกนฺติ วุจฺจติฯ

    Yaṃ jātarūpaṃ haṭakanti vuccati.

    ‘‘อฎฺฐงฺคุเปตสฺส อุโปสถสฺส,

    ‘‘Aṭṭhaṅgupetassa uposathassa,

    กลมฺปิ เต นานุภวนฺติ โสฬสิํ;

    Kalampi te nānubhavanti soḷasiṃ;

    จนฺทปฺปภา ตารคณา จ สเพฺพฯ

    Candappabhā tāragaṇā ca sabbe.

    ‘‘ตสฺมา หิ นารี จ นโร จ สีลวา,

    ‘‘Tasmā hi nārī ca naro ca sīlavā,

    อฎฺฐงฺคุเปตํ อุปวสฺสุโปสถํ;

    Aṭṭhaṅgupetaṃ upavassuposathaṃ;

    ปุญฺญานิ กตฺวาน สุขุทฺรยานิ,

    Puññāni katvāna sukhudrayāni,

    อนินฺทิตา สคฺคมุเปนฺติ ฐาน’’นฺติฯ ทสมํ;

    Aninditā saggamupenti ṭhāna’’nti. dasamaṃ;

    มหาวโคฺค สตฺตโมฯ

    Mahāvaggo sattamo.

    ตสฺสุทฺทานํ –

    Tassuddānaṃ –

    ติตฺถภยญฺจ เวนาโค, สรโภ เกสมุตฺติยา;

    Titthabhayañca venāgo, sarabho kesamuttiyā;

    สาโฬฺห จาปิ กถาวตฺถุ, ติตฺถิยมูลุโปสโถติฯ

    Sāḷho cāpi kathāvatthu, titthiyamūluposathoti.







    Footnotes:
    1. สพฺพเวรานิ (ก.)
    2. กิญฺจนตสฺมิ (?) กิริยาปทเมตํ ยถา กิญฺจนตตฺถีติ
    3. sabbaverāni (ka.)
    4. kiñcanatasmi (?) kiriyāpadametaṃ yathā kiñcanatatthīti
    5. ปริโยทาปนา (?)
    6. pariyodāpanā (?)
    7. พฺรหฺมญฺจ (ก.)
    8. brahmañca (ka.)
    9. อูสญฺจ (สฺยา. กํ. อฎฺฐกถายมฺปิ ปาฐนฺตรํ, สํ. นิ. ๓.๘๙ เขมกสุตฺตปาฬิยาปิ สเมติฯ) อุสุมญฺจ (สี.)
    10. ūsañca (syā. kaṃ. aṭṭhakathāyampi pāṭhantaraṃ, saṃ. ni. 3.89 khemakasuttapāḷiyāpi sameti.) usumañca (sī.)
    11. จาตุมฺมหาราชิกา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    12. ตตุตฺตริํ (สี. ปี.)
    13. ตตฺถุปฺปนฺนา (สี. ปี.)
    14. cātummahārājikā (sī. syā. kaṃ. pī.)
    15. tatuttariṃ (sī. pī.)
    16. tatthuppannā (sī. pī.)
    17. นาฬิกญฺจ ปฎิจฺจ สณฺฑาสญฺจ (ปี. ก.)
    18. nāḷikañca paṭicca saṇḍāsañca (pī. ka.)
    19. อิมินาปหํ (สี.) อ. นิ. ๘.๔๑
    20. imināpahaṃ (sī.) a. ni. 8.41
    21. อนาจารี (ปี.)
    22. anācārī (pī.)
    23. ปหูตสตฺตรตนานํ (ก. สี. สฺยา. กํ. ปี.) ฎีกายํ ทสฺสิตปาฬิเยวฯ อ. นิ. ๘.๔๒
    24. มจฺจานํ (ก.)
    25. เอกํ (ก.)
    26. pahūtasattaratanānaṃ (ka. sī. syā. kaṃ. pī.) ṭīkāyaṃ dassitapāḷiyeva. a. ni. 8.42
    27. maccānaṃ (ka.)
    28. ekaṃ (ka.)
    29. รตฺติทิโว (ก.)
    30. rattidivo (ka.)
    31. น หาเน (สี. ปี.), น หเน (ก.)
    32. na hāne (sī. pī.), na hane (ka.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๑๐. อุโปสถสุตฺตวณฺณนา • 10. Uposathasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๑๐. อุโปสถสุตฺตวณฺณนา • 10. Uposathasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact