Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā)

    ๑๐. อุโปสถสุตฺตวณฺณนา

    10. Uposathasuttavaṇṇanā

    ๗๑. ทสเม ตทหุโปสเถติ ตสฺมิํ อหุ อุโปสเถ ตํ ทิวสํ อุโปสเถ, ปนฺนรสิกอุโปสถทิวเสติ วุตฺตํ โหติฯ อุปสงฺกมีติ อุโปสถงฺคานิ อธิฎฺฐาย คนฺธมาลาทิหตฺถา อุปสงฺกมิฯ หนฺทาติ ววสฺสคฺคเตฺถ นิปาโตฯ ทิวา ทิวสฺสาติ ทิวสสฺส ทิวา นาม มชฺฌโนฺห, อิมสฺมิํ ฐิเต มชฺฌนฺหิเก กาเลติ อโตฺถฯ กุโต นุ ตฺวํ อาคจฺฉสีติ กิํ กโรนฺตี วิจรสีติ ปุจฺฉติฯ โคปาลกุโปสโถติ โคปาลเกหิ สทฺธิํ อุปวสนอุโปสโถฯ นิคณฺฐุโปสโถติ นิคณฺฐานํ อุปวสนอุโปสโถฯ อริยุโปสโถติ อริยานํ อุปวสนอุโปสโถฯ เสยฺยถาปิ วิสาเขติ ยถา นาม, วิสาเขฯ สายนฺหสมเย สามิกานํ คาโว นิยฺยาเตตฺวาติ โคปาลกา หิ เทวสิกเวตเนน วา ปญฺจาหทสาหอทฺธมาสมาสฉมาสสํวจฺฉรปริเจฺฉเทน วา คาโว คเหตฺวา รกฺขนฺติฯ อิธ ปน เทวสิกเวตเนน รกฺขนฺตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ – นิยฺยาเตตฺวาติ ปฎิจฺฉาเปตฺวา ‘‘เอตา โว คาโว’’ติ ทตฺวาฯ อิติ ปฎิสญฺจิกฺขตีติ อตฺตโน เคหํ คนฺตฺวา ภุญฺชิตฺวา มเญฺจ นิปโนฺน เอวํ ปจฺจเวกฺขติฯ อภิชฺฌาสหคเตนาติ ตณฺหาย สมฺปยุเตฺตนฯ เอวํ โข, วิสาเข, โคปาลกุโปสโถ โหตีติ อริยุโปสโถว อยํ, อปริสุทฺธวิตกฺกตาย ปน โคปาลกอุโปสถฎฺฐาเน ฐิโตฯ น มหปฺผโลติ วิปากผเลน น มหปฺผโลฯ น มหานิสํโสติ วิปากานิสํเสน น มหานิสํโสฯ น มหาชุติโกติ วิปาโกภาเสน น มหาโอภาโสฯ น มหาวิปฺผาโรติ วิปากวิปฺผารสฺส อมหนฺตตาย น มหาวิปฺผาโรฯ

    71. Dasame tadahuposatheti tasmiṃ ahu uposathe taṃ divasaṃ uposathe, pannarasikauposathadivaseti vuttaṃ hoti. Upasaṅkamīti uposathaṅgāni adhiṭṭhāya gandhamālādihatthā upasaṅkami. Handāti vavassaggatthe nipāto. Divā divassāti divasassa divā nāma majjhanho, imasmiṃ ṭhite majjhanhike kāleti attho. Kuto nu tvaṃ āgacchasīti kiṃ karontī vicarasīti pucchati. Gopālakuposathoti gopālakehi saddhiṃ upavasanauposatho. Nigaṇṭhuposathoti nigaṇṭhānaṃ upavasanauposatho. Ariyuposathoti ariyānaṃ upavasanauposatho. Seyyathāpi visākheti yathā nāma, visākhe. Sāyanhasamayesāmikānaṃ gāvo niyyātetvāti gopālakā hi devasikavetanena vā pañcāhadasāhaaddhamāsamāsachamāsasaṃvaccharaparicchedena vā gāvo gahetvā rakkhanti. Idha pana devasikavetanena rakkhantaṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ – niyyātetvāti paṭicchāpetvā ‘‘etā vo gāvo’’ti datvā. Itipaṭisañcikkhatīti attano gehaṃ gantvā bhuñjitvā mañce nipanno evaṃ paccavekkhati. Abhijjhāsahagatenāti taṇhāya sampayuttena. Evaṃ kho, visākhe, gopālakuposatho hotīti ariyuposathova ayaṃ, aparisuddhavitakkatāya pana gopālakauposathaṭṭhāne ṭhito. Na mahapphaloti vipākaphalena na mahapphalo. Na mahānisaṃsoti vipākānisaṃsena na mahānisaṃso. Na mahājutikoti vipākobhāsena na mahāobhāso. Na mahāvipphāroti vipākavipphārassa amahantatāya na mahāvipphāro.

    สมณชาติกาติ สมณาเยวฯ ปรํ โยชนสตนฺติ โยชนสตํ อติกฺกมิตฺวา ตโต ปรํฯ เตสุ ทณฺฑํ นิกฺขิปาหีติ เตสุ โยชนสตโต ปรภาเคสุ ฐิเตสุ สเตฺตสุ ทณฺฑํ นิกฺขิป, นิกฺขิตฺตทโณฺฑ โหหิฯ นาหํ กฺวจนิ กสฺสจิ กิญฺจนตสฺมินฺติ อหํ กตฺถจิ กสฺสจิ ปรสฺส กิญฺจนตสฺมิํ น โหมิฯ กิญฺจนํ วุจฺจติ ปลิโพโธ, ปลิโพโธ น โหมีติ วุตฺตํ โหติฯ น จ มม กฺวจนิ กตฺถจิ กิญฺจนตตฺถีติ มมาปิ กฺวจนิ อโนฺต วา พหิทฺธา วา กตฺถจิ เอกปริกฺขาเรปิ กิญฺจนตา นตฺถิ, ปลิโพโธ นตฺถิ, ฉินฺนปลิโพโธหมสฺมีติ วุตฺตํ โหติฯ โภเคติ มญฺจปีฐยาคุภตฺตาทโยฯ อทินฺนํเยว ปริภุญฺชตีติ ปุนทิวเส มเญฺจ นิปชฺชโนฺตปิ ปีเฐ นิสีทโนฺตปิ ยาคุํ ปิวโนฺตปิ ภตฺตํ ภุญฺชโนฺตปิ เต โภเค อทิเนฺนเยว ปริภุญฺชติฯ น มหปฺผโลติ นิปฺผโลฯ พฺยญฺชนเมว หิ เอตฺถ สาวเสสํ, อโตฺถ ปน นิรวเสโสฯ เอวํ อุปวุตฺถสฺส หิ อุโปสถสฺส อปฺปมตฺตกมฺปิ วิปากผลํ อิฎฺฐํ กนฺตํ มนาปํ นาม นตฺถิฯ ตสฺมา นิปฺผโลเตฺวว เวทิตโพฺพฯ เสสปเทสุปิ เอเสว นโยฯ

    Samaṇajātikāti samaṇāyeva. Paraṃ yojanasatanti yojanasataṃ atikkamitvā tato paraṃ. Tesu daṇḍaṃ nikkhipāhīti tesu yojanasatato parabhāgesu ṭhitesu sattesu daṇḍaṃ nikkhipa, nikkhittadaṇḍo hohi. Nāhaṃ kvacani kassaci kiñcanatasminti ahaṃ katthaci kassaci parassa kiñcanatasmiṃ na homi. Kiñcanaṃ vuccati palibodho, palibodho na homīti vuttaṃ hoti. Na ca mama kvacani katthaci kiñcanatatthīti mamāpi kvacani anto vā bahiddhā vā katthaci ekaparikkhārepi kiñcanatā natthi, palibodho natthi, chinnapalibodhohamasmīti vuttaṃ hoti. Bhogeti mañcapīṭhayāgubhattādayo. Adinnaṃyeva paribhuñjatīti punadivase mañce nipajjantopi pīṭhe nisīdantopi yāguṃ pivantopi bhattaṃ bhuñjantopi te bhoge adinneyeva paribhuñjati. Na mahapphaloti nipphalo. Byañjanameva hi ettha sāvasesaṃ, attho pana niravaseso. Evaṃ upavutthassa hi uposathassa appamattakampi vipākaphalaṃ iṭṭhaṃ kantaṃ manāpaṃ nāma natthi. Tasmā nipphalotveva veditabbo. Sesapadesupi eseva nayo.

    อุปกฺกิลิฎฺฐสฺส จิตฺตสฺสาติ อิทํ กสฺมา อาห? สํกิลิเฎฺฐน หิ จิเตฺตน อุปวุโตฺถ อุโปสโถ น มหปฺผโล โหตีติ ทสฺสิตตฺตา วิสุเทฺธน จิเตฺตน อุปวุตฺถสฺส มหปฺผลตา อนุญฺญาตา โหติฯ ตสฺมา เยน กมฺมฎฺฐาเนน จิตฺตํ วิสุชฺฌติ, ตํ จิตฺตวิโสธนกมฺมฎฺฐานํ ทเสฺสตุํ อิทมาห ฯ ตตฺถ อุปกฺกเมนาติ ปจฺจตฺตปุริสกาเรน, อุปาเยน วาฯ ตถาคตํ อนุสฺสรตีติ อฎฺฐหิ การเณหิ ตถาคตคุเณ อนุสฺสรติฯ เอตฺถ หิ อิติปิ โส ภควาติ โส ภควา อิติปิ สีเลน, อิติปิ สมาธินาติ สเพฺพ โลกิยโลกุตฺตรา พุทฺธคุณา สงฺคหิตาฯ อรหนฺติอาทีหิ ปาฎิเยกฺกคุณาว นิทฺทิฎฺฐาฯ ตถาคตํ อนุสฺสรโต จิตฺตํ ปสีทตีติ โลกิยโลกุตฺตเร ตถาคตคุเณ อนุสฺสรนฺตสฺส จิตฺตุปฺปาโท ปสโนฺน โหติฯ

    Upakkiliṭṭhassa cittassāti idaṃ kasmā āha? Saṃkiliṭṭhena hi cittena upavuttho uposatho na mahapphalo hotīti dassitattā visuddhena cittena upavutthassa mahapphalatā anuññātā hoti. Tasmā yena kammaṭṭhānena cittaṃ visujjhati, taṃ cittavisodhanakammaṭṭhānaṃ dassetuṃ idamāha . Tattha upakkamenāti paccattapurisakārena, upāyena vā. Tathāgataṃ anussaratīti aṭṭhahi kāraṇehi tathāgataguṇe anussarati. Ettha hi itipi so bhagavāti so bhagavā itipi sīlena, itipi samādhināti sabbe lokiyalokuttarā buddhaguṇā saṅgahitā. Arahantiādīhi pāṭiyekkaguṇāva niddiṭṭhā. Tathāgataṃ anussarato cittaṃ pasīdatīti lokiyalokuttare tathāgataguṇe anussarantassa cittuppādo pasanno hoti.

    จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสาติ ปญฺจ นีวรณาฯ กกฺกนฺติ อามลกกกฺกํฯ ตชฺชํ วายามนฺติ ตชฺชาติกํ ตทนุจฺฉวิกํ กเกฺกน มกฺขนฆํสนโธวนวายามํฯ ปริโยทปนา โหตีติ สุทฺธภาวกรณํ โหติฯ กิลิฎฺฐสฺมิํ หิ สีเส ปสาธนํ ปสาเธตฺวา นกฺขตฺตํ กีฬมาโน น โสภติ, ปริสุเทฺธ ปน ตสฺมิํ ปสาธนํ ปสาเธตฺวา นกฺขตฺตํ กีฬมาโน โสภติ, เอวเมว กิลิฎฺฐจิเตฺตน อุโปสถงฺคานิ อธิฎฺฐาย อุโปสโถ อุปวุโตฺถ น มหปฺผโล โหติ, ปริสุเทฺธน ปน จิเตฺตน อุโปสถงฺคานิ อธิฎฺฐาย อุปวุโตฺถ อุโปสโถ มหปฺผโล โหตีติ อธิปฺปาเยน เอวมาหฯ พฺรหฺมุโปสถํ อุปวสตีติ พฺรหฺมา วุจฺจติ สมฺมาสมฺพุโทฺธ, ตสฺส คุณานุสฺสรณวเสน อยํ อุโปสโถ พฺรหฺมุโปสโถ นาม, ตํ อุปวสติฯ พฺรหฺมุนา สทฺธิํ สํวสตีติ สมฺมาสมฺพุเทฺธน สทฺธิํ สํวสติฯ พฺรหฺมญฺจสฺส อารพฺภาติ สมฺมาสมฺพุทฺธํ อารพฺภฯ

    Cittassa upakkilesāti pañca nīvaraṇā. Kakkanti āmalakakakkaṃ. Tajjaṃ vāyāmanti tajjātikaṃ tadanucchavikaṃ kakkena makkhanaghaṃsanadhovanavāyāmaṃ. Pariyodapanā hotīti suddhabhāvakaraṇaṃ hoti. Kiliṭṭhasmiṃ hi sīse pasādhanaṃ pasādhetvā nakkhattaṃ kīḷamāno na sobhati, parisuddhe pana tasmiṃ pasādhanaṃ pasādhetvā nakkhattaṃ kīḷamāno sobhati, evameva kiliṭṭhacittena uposathaṅgāni adhiṭṭhāya uposatho upavuttho na mahapphalo hoti, parisuddhena pana cittena uposathaṅgāni adhiṭṭhāya upavuttho uposatho mahapphalo hotīti adhippāyena evamāha. Brahmuposathaṃ upavasatīti brahmā vuccati sammāsambuddho, tassa guṇānussaraṇavasena ayaṃ uposatho brahmuposatho nāma, taṃ upavasati. Brahmunā saddhiṃ saṃvasatīti sammāsambuddhena saddhiṃ saṃvasati. Brahmañcassaārabbhāti sammāsambuddhaṃ ārabbha.

    ธมฺมํ อนุสฺสรตีติ สหตนฺติกํ โลกุตฺตรธมฺมํ อนุสฺสรติฯ โสตฺตินฺติ กุรุวินฺทกโสตฺติํฯ กุรุวินฺทกปาสาณจุเณฺณน หิ สทฺธิํ ลาขํ โยเชตฺวา มณิเก กตฺวา วิชฺฌิตฺวา สุเตฺตน อาวุณิตฺวา ตํ มณิ กลาปปนฺติํ อุภโต คเหตฺวา ปิฎฺฐิํ ฆํเสนฺติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘โสตฺติญฺจ ปฎิจฺจา’’ติฯ จุณฺณนฺติ นฺหานียจุณฺณํฯ ตชฺชํ วายามนฺติ อุพฺพฎฺฎนฆํสนโธวนาทิกํ ตทนุรูปวายามํฯ ธมฺมุโปสถนฺติ สหตนฺติกํ นวโลกุตฺตรธมฺมํ อารพฺภ อุปวุตฺถตฺตา อยํ อุโปสโถ ‘‘ธมฺมุโปสโถ’’ติ วุโตฺตฯ อิธาปิ ปริโยทปนาติ ปเท ฐตฺวา ปุริมนเยเนว โยชนา กาตพฺพาฯ

    Dhammaṃ anussaratīti sahatantikaṃ lokuttaradhammaṃ anussarati. Sottinti kuruvindakasottiṃ. Kuruvindakapāsāṇacuṇṇena hi saddhiṃ lākhaṃ yojetvā maṇike katvā vijjhitvā suttena āvuṇitvā taṃ maṇi kalāpapantiṃ ubhato gahetvā piṭṭhiṃ ghaṃsenti, taṃ sandhāya vuttaṃ – ‘‘sottiñca paṭiccā’’ti. Cuṇṇanti nhānīyacuṇṇaṃ. Tajjaṃ vāyāmanti ubbaṭṭanaghaṃsanadhovanādikaṃ tadanurūpavāyāmaṃ. Dhammuposathanti sahatantikaṃ navalokuttaradhammaṃ ārabbha upavutthattā ayaṃ uposatho ‘‘dhammuposatho’’ti vutto. Idhāpi pariyodapanāti pade ṭhatvā purimanayeneva yojanā kātabbā.

    สงฺฆํ อนุสฺสรตีติ อฎฺฐนฺนํ อริยปุคฺคลานํ คุเณ อนุสฺสรติฯ อุสฺมญฺจ ปฎิจฺจาติ เทฺว ตโย วาเร คาหาปิตํ อุสุมํ ปฎิจฺจฯ อุสญฺจาติปิ ปาโฐ, อยเมวโตฺถ ฯ ขารนฺติ ฉาริกํฯ โคมยนฺติ โคมุตฺตํ วา อชลณฺฑิกา วาฯ ปริโยทปนาติ อิธาปิ ปุริมนเยเนว โยชนา กาตพฺพาฯ สงฺฆุโปสถนฺติ อฎฺฐนฺนํ อริยปุคฺคลานํ คุเณ อารพฺภ อุปวุตฺถตฺตา อยํ อุโปสโถ ‘‘สงฺฆุโปสโถ’’ติ วุโตฺตฯ

    Saṅghaṃ anussaratīti aṭṭhannaṃ ariyapuggalānaṃ guṇe anussarati. Usmañca paṭiccāti dve tayo vāre gāhāpitaṃ usumaṃ paṭicca. Usañcātipi pāṭho, ayamevattho . Khāranti chārikaṃ. Gomayanti gomuttaṃ vā ajalaṇḍikā vā. Pariyodapanāti idhāpi purimanayeneva yojanā kātabbā. Saṅghuposathanti aṭṭhannaṃ ariyapuggalānaṃ guṇe ārabbha upavutthattā ayaṃ uposatho ‘‘saṅghuposatho’’ti vutto.

    สีลานีติ คหโฎฺฐ คหฎฺฐสีลานิ, ปพฺพชิโต ปพฺพชิตสีลานิฯ อขณฺฑานีติอาทีนํ อโตฺถ วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๑.๒๑) วิตฺถาริโตวฯ วาลณฺฑุปกนฺติ อสฺสวาเลหิ วา มกจิวาลาทีหิ วา กตํ อณฺฑุปกํฯ ตชฺชํ วายามนฺติ เตเลน เตเมตฺวา มลสฺส ตินฺตภาวํ ญตฺวา ฉาริกํ ปกฺขิปิตฺวา วาลณฺฑุปเกน ฆํสนวายาโมฯ อิธ ปริโยทปนาติ ปเท ฐตฺวา เอวํ โยชนา กาตพฺพา กิลิฎฺฐสฺมิญฺหิ อาทาเส มณฺฑิตปสาธิโตปิ อตฺตภาโว โอโลกิยมาโน น โสภติ, ปริสุเทฺธ โสภติฯ เอวเมว กิลิเฎฺฐน จิเตฺตน อุปวุโตฺถ อุโปสโถ น มหปฺผโล โหติ, ปริสุเทฺธน ปน มหปฺผโล โหตีติฯ สีลุโปสถนฺติ อตฺตโน สีลานุสฺสรณวเสน อุปวุโตฺถ อุโปสโถ สีลุโปสโถ นามฯ สีเลน สทฺธินฺติ อตฺตโน ปญฺจสีลทสสีเลน สทฺธิํฯ สีลญฺจสฺส อารพฺภาติ ปญฺจสีลํ ทสสีลญฺจ อารพฺภฯ

    Sīlānīti gahaṭṭho gahaṭṭhasīlāni, pabbajito pabbajitasīlāni. Akhaṇḍānītiādīnaṃ attho visuddhimagge (visuddhi. 1.21) vitthāritova. Vālaṇḍupakanti assavālehi vā makacivālādīhi vā kataṃ aṇḍupakaṃ. Tajjaṃvāyāmanti telena temetvā malassa tintabhāvaṃ ñatvā chārikaṃ pakkhipitvā vālaṇḍupakena ghaṃsanavāyāmo. Idha pariyodapanāti pade ṭhatvā evaṃ yojanā kātabbā kiliṭṭhasmiñhi ādāse maṇḍitapasādhitopi attabhāvo olokiyamāno na sobhati, parisuddhe sobhati. Evameva kiliṭṭhena cittena upavuttho uposatho na mahapphalo hoti, parisuddhena pana mahapphalo hotīti. Sīluposathanti attano sīlānussaraṇavasena upavuttho uposatho sīluposatho nāma. Sīlena saddhinti attano pañcasīladasasīlena saddhiṃ. Sīlañcassa ārabbhāti pañcasīlaṃ dasasīlañca ārabbha.

    เทวตา อนุสฺสรตีติ เทวตา สกฺขิฎฺฐาเน ฐเปตฺวา อตฺตโน สทฺธาทิคุเณ อนุสฺสรติฯ อุกฺกนฺติ อุทฺธนํฯ โลณนฺติ โลณมตฺติกาฯ เครุกนฺติ เครุกจุณฺณํฯ นาฬิกสณฺฑาสนฺติ ธมนนาฬิกเญฺจว ปริวตฺตนสณฺฑาสญฺจฯ ตชฺชํ วายามนฺติ อุทฺธเน ปกฺขิปนธมนปริวตฺตนาทิกํ อนุรูปํ วายามํฯ อิธ ปริโยทปนาติ ปเท ฐตฺวา เอวํ โยชนา เวทิตพฺพา – สํกิลิฎฺฐสุวณฺณมเยน หิ ปสาธนภเณฺฑน ปสาธิตา นกฺขตฺตํ กีฬมานา น โสภนฺติ, ปริสุทฺธสุวณฺณมเยน โสภนฺติฯ เอวเมว สํกิลิฎฺฐจิตฺตสฺส อุโปสโถ น มหปฺผโล โหติ, ปริสุทฺธจิตฺตสฺส มหปฺผโลฯ เทวตุโปสถนฺติ เทวตา สกฺขิฎฺฐาเน ฐเปตฺวา อตฺตโน คุเณ อนุสฺสรเนฺตน อุปวุตฺถอุโปสโถ เทวตุโปสโถ นามฯ เสสํ อิเมสุ พุทฺธานุสฺสติอาทีสุ กมฺมฎฺฐาเนสุ ยํ วตฺตพฺพํ สิยา, ตํ สพฺพํ วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๒๓ อาทโย) วุตฺตเมวฯ

    Devatā anussaratīti devatā sakkhiṭṭhāne ṭhapetvā attano saddhādiguṇe anussarati. Ukkanti uddhanaṃ. Loṇanti loṇamattikā. Gerukanti gerukacuṇṇaṃ. Nāḷikasaṇḍāsanti dhamananāḷikañceva parivattanasaṇḍāsañca. Tajjaṃ vāyāmanti uddhane pakkhipanadhamanaparivattanādikaṃ anurūpaṃ vāyāmaṃ. Idha pariyodapanāti pade ṭhatvā evaṃ yojanā veditabbā – saṃkiliṭṭhasuvaṇṇamayena hi pasādhanabhaṇḍena pasādhitā nakkhattaṃ kīḷamānā na sobhanti, parisuddhasuvaṇṇamayena sobhanti. Evameva saṃkiliṭṭhacittassa uposatho na mahapphalo hoti, parisuddhacittassa mahapphalo. Devatuposathanti devatā sakkhiṭṭhāne ṭhapetvā attano guṇe anussarantena upavutthauposatho devatuposatho nāma. Sesaṃ imesu buddhānussatiādīsu kammaṭṭhānesu yaṃ vattabbaṃ siyā, taṃ sabbaṃ visuddhimagge (visuddhi. 1.123 ādayo) vuttameva.

    ปาณาติปาตนฺติ ปาณวธํฯ ปหายาติ ตํ ปาณาติปาตเจตนาสงฺขาตํ ทุสฺสีลฺยํ ปชหิตฺวาฯ ปฎิวิรตาติ ปหีนกาลโต ปฎฺฐาย ตโต ทุสฺสีลฺยโต โอรตา วิรตาวฯ นิหิตทณฺฑา นิหิตสตฺถาติ ปรูปฆาตตฺถาย ทณฺฑํ วา สตฺถํ วา อาทาย อวตฺตนโต นิกฺขิตฺตทณฺฑา เจว นิกฺขิตฺตสตฺถา จาติ อโตฺถฯ เอตฺถ จ ฐเปตฺวา ทณฺฑํ สพฺพมฺปิ อวเสสํ อุปกรณํ สตฺตานํ วิหิํสนภาวโต สตฺถนฺติ เวทิตพฺพํฯ ยํ ปน ภิกฺขู กตฺตรทณฺฑํ วา ทนฺตกฎฺฐวาสิํ วา ปิปฺผลกํ วา คเหตฺวา วิจรนฺติ, น ตํ ปรูปฆาตตฺถายฯ ตสฺมา นิหิตทณฺฑา นิหิตสตฺถาเตฺวว สงฺขํ คจฺฉนฺติฯ ลชฺชีติ ปาปชิคุจฺฉนลกฺขณาย ลชฺชาย สมนฺนาคตาฯ ทยาปนฺนาติ ทยํ เมตฺตจิตฺตตํ อาปนฺนาฯ สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปีติ สเพฺพ ปาณภูเต หิเตน อนุกมฺปกา, ตาย เอว ทยาปนฺนตาย สเพฺพสํ ปาณภูตานํ หิตจิตฺตกาติ อโตฺถฯ อหมฺปชฺชาติ อหมฺปิ อชฺชฯ อิมินาปิ อเงฺคนาติ อิมินาปิ คุณเงฺคนฯ อรหตํ อนุกโรมีติ ยถา ปุรโต คจฺฉนฺตํ ปจฺฉโต คจฺฉโนฺต อนุคจฺฉติ นาม, เอวํ อหมฺปิ อรหเนฺตหิ ปฐมํ กตํ อิมํ คุณํ ปจฺฉา กโรโนฺต เตสํ อรหนฺตานํ อนุกโรมิฯ อุโปสโถ จ เม อุปวุโตฺถ ภวิสฺสตีติ เอวํ กโรเนฺตน มยา อรหตญฺจ อนุกตํ ภวิสฺสติ, อุโปสโถ จ อุปวุโตฺถ ภวิสฺสติฯ

    Pāṇātipātanti pāṇavadhaṃ. Pahāyāti taṃ pāṇātipātacetanāsaṅkhātaṃ dussīlyaṃ pajahitvā. Paṭiviratāti pahīnakālato paṭṭhāya tato dussīlyato oratā viratāva. Nihitadaṇḍā nihitasatthāti parūpaghātatthāya daṇḍaṃ vā satthaṃ vā ādāya avattanato nikkhittadaṇḍā ceva nikkhittasatthā cāti attho. Ettha ca ṭhapetvā daṇḍaṃ sabbampi avasesaṃ upakaraṇaṃ sattānaṃ vihiṃsanabhāvato satthanti veditabbaṃ. Yaṃ pana bhikkhū kattaradaṇḍaṃ vā dantakaṭṭhavāsiṃ vā pipphalakaṃ vā gahetvā vicaranti, na taṃ parūpaghātatthāya. Tasmā nihitadaṇḍā nihitasatthātveva saṅkhaṃ gacchanti. Lajjīti pāpajigucchanalakkhaṇāya lajjāya samannāgatā. Dayāpannāti dayaṃ mettacittataṃ āpannā. Sabbapāṇabhūtahitānukampīti sabbe pāṇabhūte hitena anukampakā, tāya eva dayāpannatāya sabbesaṃ pāṇabhūtānaṃ hitacittakāti attho. Ahampajjāti ahampi ajja. Imināpi aṅgenāti imināpi guṇaṅgena. Arahataṃ anukaromīti yathā purato gacchantaṃ pacchato gacchanto anugacchati nāma, evaṃ ahampi arahantehi paṭhamaṃ kataṃ imaṃ guṇaṃ pacchā karonto tesaṃ arahantānaṃ anukaromi. Uposatho ca me upavuttho bhavissatīti evaṃ karontena mayā arahatañca anukataṃ bhavissati, uposatho ca upavuttho bhavissati.

    อทินฺนาทานนฺติ อทินฺนสฺส ปรปริคฺคหิตสฺส อาทานํ, เถยฺยํ โจริกนฺติ อโตฺถฯ ทินฺนเมว อาทิยนฺตีติ ทินฺนาทายีฯ จิเตฺตนปิ ทินฺนเมว ปฎิกงฺขนฺตีติ ทินฺนปาฎิกงฺขีฯ เถเนตีติ เถโน, น เถเนน อเถเนนฯ อเถนตฺตาเยว สุจิภูเตนฯ อตฺตนาติ อตฺตภาเวน, อเถนํ สุจิภูตํ อตฺตภาวํ กตฺวา วิหรนฺตีติ วุตฺตํ โหติฯ

    Adinnādānanti adinnassa parapariggahitassa ādānaṃ, theyyaṃ corikanti attho. Dinnameva ādiyantīti dinnādāyī. Cittenapi dinnameva paṭikaṅkhantīti dinnapāṭikaṅkhī. Thenetīti theno, na thenena athenena. Athenattāyeva sucibhūtena. Attanāti attabhāvena, athenaṃ sucibhūtaṃ attabhāvaṃ katvā viharantīti vuttaṃ hoti.

    อพฺรหฺมจริยนฺติ อเสฎฺฐจริยํฯ พฺรหฺมํ เสฎฺฐํ อาจารํ จรนฺตีติ พฺรหฺมจารีอาราจารีติ อพฺรหฺมจริยโต ทูราจารีฯ เมถุนาติ ราคปริยุฎฺฐานวเสน สทิสตฺตา เมถุนกาติ ลทฺธโวหาเรหิ ปฎิเสวิตพฺพโต เมถุโนติ สงฺขํ คตา อสทฺธมฺมาฯ คามธมฺมาติ คามวาสีนํ ธมฺมาฯ

    Abrahmacariyanti aseṭṭhacariyaṃ. Brahmaṃ seṭṭhaṃ ācāraṃ carantīti brahmacārī. Ārācārīti abrahmacariyato dūrācārī. Methunāti rāgapariyuṭṭhānavasena sadisattā methunakāti laddhavohārehi paṭisevitabbato methunoti saṅkhaṃ gatā asaddhammā. Gāmadhammāti gāmavāsīnaṃ dhammā.

    มุสาวาทาติ อลิกวจนา ตุจฺฉวจนาฯ สจฺจํ วทนฺตีติ สจฺจวาทีฯ สเจฺจน สจฺจํ สํทหนฺติ ฆเฎฺฎนฺตีติ สจฺจสนฺธา, น อนฺตรนฺตรา มุสา วทนฺตีติ อโตฺถ ฯ โย หิ ปุริโส กทาจิ มุสาวาทํ วทติ, กทาจิ สจฺจํฯ ตสฺส มุสาวาเทน อนฺตริตตฺตา สจฺจํ สเจฺจน น ฆฎียติฯ ตสฺมา น โส สจฺจสโนฺธฯ อิเม ปน น ตาทิสา, ชีวิตเหตุปิ มุสา อวตฺวา สเจฺจน สจฺจํ สํทหนฺติเยวาติ สจฺจสนฺธาฯ เถตาติ ถิรา, ฐิตกถาติ อโตฺถฯ เอโก ปุคฺคโล หลิทฺทิราโค วิย ถุสราสิมฺหิ นิขาตขาณุ วิย อสฺสปิเฎฺฐ ฐปิตกุมฺภณฺฑมิว จ น ฐิตกโถ โหติฯ เอโก ปาสาณเลขา วิย อินฺทขีโล วิย จ ฐิตกโถ โหติ, อสินา สีสํ ฉินฺทเนฺตปิ เทฺว กถา น กเถติฯ อยํ วุจฺจติ เถโตฯ ปจฺจยิกาติ ปตฺติยายิตพฺพกา, สทฺธายิกาติ อโตฺถฯ เอกโจฺจ หิ ปุคฺคโล น ปจฺจยิโก โหติ, ‘‘อิทํ เกน วุตฺตํ, อสุเกน นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘มา ตสฺส วจนํ สทฺทหถา’’ติ วตฺตพฺพตํ อาปชฺชติฯ เอโก ปจฺจยิโก โหติ, ‘‘อิทํ เกน วุตฺตํ, อสุเกนา’’ติ วุเตฺต ‘‘ยทิ เตน วุตฺตํ, อิทเมว ปมาณํ, อิทานิ ปฎิกฺขิปิตพฺพํ นตฺถิ, เอวเมวํ อิท’’นฺติ วตฺตพฺพตํ อาปชฺชติฯ อยํ วุจฺจติ ปจฺจยิโกฯ อวิสํวาทกา โลกสฺสาติ ตาย สจฺจวาทิตาย โลกํ น วิสํวาเทนฺตีติ อโตฺถฯ

    Musāvādāti alikavacanā tucchavacanā. Saccaṃ vadantīti saccavādī. Saccena saccaṃ saṃdahanti ghaṭṭentīti saccasandhā, na antarantarā musā vadantīti attho . Yo hi puriso kadāci musāvādaṃ vadati, kadāci saccaṃ. Tassa musāvādena antaritattā saccaṃ saccena na ghaṭīyati. Tasmā na so saccasandho. Ime pana na tādisā, jīvitahetupi musā avatvā saccena saccaṃ saṃdahantiyevāti saccasandhā. Thetāti thirā, ṭhitakathāti attho. Eko puggalo haliddirāgo viya thusarāsimhi nikhātakhāṇu viya assapiṭṭhe ṭhapitakumbhaṇḍamiva ca na ṭhitakatho hoti. Eko pāsāṇalekhā viya indakhīlo viya ca ṭhitakatho hoti, asinā sīsaṃ chindantepi dve kathā na katheti. Ayaṃ vuccati theto. Paccayikāti pattiyāyitabbakā, saddhāyikāti attho. Ekacco hi puggalo na paccayiko hoti, ‘‘idaṃ kena vuttaṃ, asukena nāmā’’ti vutte ‘‘mā tassa vacanaṃ saddahathā’’ti vattabbataṃ āpajjati. Eko paccayiko hoti, ‘‘idaṃ kena vuttaṃ, asukenā’’ti vutte ‘‘yadi tena vuttaṃ, idameva pamāṇaṃ, idāni paṭikkhipitabbaṃ natthi, evamevaṃ ida’’nti vattabbataṃ āpajjati. Ayaṃ vuccati paccayiko. Avisaṃvādakālokassāti tāya saccavāditāya lokaṃ na visaṃvādentīti attho.

    สุราเมรยมชฺชปมาทฎฺฐานนฺติ สุราเมรยมชฺชานํ ปานเจตนาสงฺขาตํ ปมาทการณํฯ เอกภตฺติกาติ ปาตราสภตฺตํ สายมาสภตฺตนฺติ เทฺว ภตฺตานิฯ เตสุ ปาตราสภตฺตํ อโนฺตมชฺฌนฺหิเกน ปริจฺฉินฺนํ, อิตรํ มชฺฌนฺหิกโต อุทฺธํ อโนฺตอรุเณนฯ ตสฺมา อโนฺตมชฺฌนฺหิเก ทสกฺขตฺตุํ ภุญฺชมานาปิ เอกภตฺติกาว โหนฺติฯ ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘เอกภตฺติกา’’ติฯ รตฺติโภชนํ รตฺติ, ตโต อุปรตาติ รตฺตูปรตาฯ อติกฺกเนฺต มชฺฌนฺหิเก ยาว สูริยตฺถงฺคมนา โภชนํ วิกาลโภชนํ นาม, ตโต วิรตตฺตา วิรตา วิกาลโภชนา

    Surāmerayamajjapamādaṭṭhānanti surāmerayamajjānaṃ pānacetanāsaṅkhātaṃ pamādakāraṇaṃ. Ekabhattikāti pātarāsabhattaṃ sāyamāsabhattanti dve bhattāni. Tesu pātarāsabhattaṃ antomajjhanhikena paricchinnaṃ, itaraṃ majjhanhikato uddhaṃ antoaruṇena. Tasmā antomajjhanhike dasakkhattuṃ bhuñjamānāpi ekabhattikāva honti. Taṃ sandhāya vuttaṃ – ‘‘ekabhattikā’’ti. Rattibhojanaṃ ratti, tato uparatāti rattūparatā. Atikkante majjhanhike yāva sūriyatthaṅgamanā bhojanaṃ vikālabhojanaṃ nāma, tato viratattā viratā vikālabhojanā.

    สาสนสฺส อนนุโลมตฺตา วิสูกํ ปฎาณิภูตํ ทสฺสนนฺติ วิสูกทสฺสนํ, อตฺตนา นจฺจนนจฺจาปนาทิวเสน นจฺจญฺจ คีตญฺจ วาทิตญฺจ, อนฺตมโส มยูรนจฺจนาทิวเสนาปิ ปวตฺตานํ นจฺจาทีนํ วิสูกภูตํ ทสฺสนญฺจาติ นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนํฯ นจฺจาทีนิ หิ อตฺตนา ปโยเชตุํ วา ปเรหิ ปโยชาเปตุํ วา ปยุตฺตานิ ปสฺสิตุํ วา เนว ภิกฺขูนํ, น ภิกฺขุนีนํ วฎฺฎนฺติฯ

    Sāsanassa ananulomattā visūkaṃ paṭāṇibhūtaṃ dassananti visūkadassanaṃ, attanā naccananaccāpanādivasena naccañca gītañca vāditañca, antamaso mayūranaccanādivasenāpi pavattānaṃ naccādīnaṃ visūkabhūtaṃ dassanañcāti naccagītavāditavisūkadassanaṃ. Naccādīni hi attanā payojetuṃ vā parehi payojāpetuṃ vā payuttāni passituṃ vā neva bhikkhūnaṃ, na bhikkhunīnaṃ vaṭṭanti.

    มาลาทีสุ มาลาติ ยํกิญฺจิ ปุปฺผํฯ คนฺธนฺติ ยํกิญฺจิ คนฺธชาตํฯ วิเลปนนฺติ ฉวิราคกรณํฯ ตตฺถ ปิฬนฺธโนฺต ธาเรติ นาม, อูนฎฺฐานํ ปูเรโนฺต มเณฺฑติ นาม, คนฺธวเสน ฉวิราควเสน จ สาทิยโนฺต วิภูเสติ นามฯ ฐานํ วุจฺจติ การณํ, ตสฺมา ยาย ทุสฺสีลฺยเจตนาย ตานิ มาลาธารณาทีนิ มหาชโน กโรติ, ตโต ปฎิวิรตาติ อโตฺถฯ อุจฺจาสยนํ วุจฺจติ ปมาณาติกฺกนฺตํ, มหาสยนํ อกปฺปิยตฺถรณํ, ตโต ปฎิวิรตาติ อโตฺถฯ

    Mālādīsu mālāti yaṃkiñci pupphaṃ. Gandhanti yaṃkiñci gandhajātaṃ. Vilepananti chavirāgakaraṇaṃ. Tattha piḷandhanto dhāreti nāma, ūnaṭṭhānaṃ pūrento maṇḍeti nāma, gandhavasena chavirāgavasena ca sādiyanto vibhūseti nāma. Ṭhānaṃ vuccati kāraṇaṃ, tasmā yāya dussīlyacetanāya tāni mālādhāraṇādīni mahājano karoti, tato paṭiviratāti attho. Uccāsayanaṃ vuccati pamāṇātikkantaṃ, mahāsayanaṃ akappiyattharaṇaṃ, tato paṭiviratāti attho.

    กีวมหปฺผโลติ กิตฺตกํ มหปฺผโลฯ เสสปเทสุปิ เอเสว นโยฯ ปหูตรตฺตรตนานนฺติ ปหูเตน รตฺตสงฺขาเตน รตเนน สมนฺนาคตานํ, สกลชมฺพุทีปตลํ เภริตลสทิสํ กตฺวา กฎิปฺปมาเณหิ สตฺตหิ รตเนหิ ปูริตานนฺติ อโตฺถฯ อิสฺสริยาธิปจฺจนฺติ อิสฺสรภาเวน วา อิสฺสริยเมว วา อาธิปจฺจํ, น เอตฺถ สาหสิกกมฺมนฺติปิ อิสฺสริยาธิปจฺจํฯ รชฺชํ กาเรยฺยาติ เอวรูปํ จกฺกวตฺติรชฺชํ กาเรยฺยฯ องฺคานนฺติอาทีนิ เตสํ ชนปทานํ นามานิฯ กลํ นาคฺฆติ โสฬสินฺติ เอกํ อโหรตฺตํ อุปวุตฺถอุโปสเถ ปุญฺญํ โสฬสภาเค กตฺวา ตโต เอกํ ภาคญฺจ น อคฺฆติฯ เอกรตฺตุโปสถสฺส โสฬสิยา กลาย ยํ วิปากผลํ, ตํเยว ตโต พหุตรํ โหตีติ อโตฺถฯ กปณนฺติ ปริตฺตกํฯ

    Kīvamahapphaloti kittakaṃ mahapphalo. Sesapadesupi eseva nayo. Pahūtarattaratanānanti pahūtena rattasaṅkhātena ratanena samannāgatānaṃ, sakalajambudīpatalaṃ bheritalasadisaṃ katvā kaṭippamāṇehi sattahi ratanehi pūritānanti attho. Issariyādhipaccanti issarabhāvena vā issariyameva vā ādhipaccaṃ, na ettha sāhasikakammantipi issariyādhipaccaṃ. Rajjaṃ kāreyyāti evarūpaṃ cakkavattirajjaṃ kāreyya. Aṅgānantiādīni tesaṃ janapadānaṃ nāmāni. Kalaṃ nāgghati soḷasinti ekaṃ ahorattaṃ upavutthauposathe puññaṃ soḷasabhāge katvā tato ekaṃ bhāgañca na agghati. Ekarattuposathassa soḷasiyā kalāya yaṃ vipākaphalaṃ, taṃyeva tato bahutaraṃ hotīti attho. Kapaṇanti parittakaṃ.

    อพฺรหฺมจริยาติ อเสฎฺฐจริยโตฯ รตฺติํ น ภุเญฺชยฺย วิกาลโภชนนฺติ อุโปสถํ อุปวสโนฺต รตฺติโภชนญฺจ ทิวาวิกาลโภชนญฺจ น ภุเญฺชยฺยฯ มเญฺจ ฉมายํว สเยถ สนฺถเตติ มุฎฺฐิหตฺถปาทเก กปฺปิยมเญฺจ วา สุธาทิปริกมฺมกตาย ภูมิยํ วา ติณปณฺณปลาลาทีนิ สนฺถริตฺวา กเต สนฺถเต วา สเยถาติ อโตฺถฯ เอตํ หิ อฎฺฐงฺคิกมาหุโปสถนฺติ เอวํ ปาณาติปาตาทีนิ อสมาจรเนฺตน อุปวุตฺถํ อุโปสถํ อฎฺฐหิ อเงฺคหิ สมนฺนาคตตฺตา อฎฺฐงฺคิกนฺติ วทนฺติฯ ตํ ปน อุปวสเนฺตน ‘‘เสฺว อุโปสถิโก ภวิสฺสามี’’ติ อเชฺชว ‘‘อิทญฺจ อิทญฺจ กเรยฺยาถา’’ติ อาหาราทิวิธานํ วิจาเรตพฺพํฯ อุโปสถทิวเส ปาโตว ภิกฺขุสฺส วา ภิกฺขุนิยา วา ทสสีลลกฺขณญฺญุโน อุปาสกสฺส วา อุปาสิกาย วา สนฺติเก วาจํ ภินฺทิตฺวา อุโปสถงฺคานิ สมาทาตพฺพานิฯ ปาฬิํ อชานเนฺตน ปน ‘‘พุทฺธปญฺญตฺตํ อุโปสถํ อธิฎฺฐามี’’ติ อธิฎฺฐาตพฺพํฯ อญฺญํ อลภเนฺตน อตฺตนาปิ อธิฎฺฐาตพฺพํ, วจีเภโท ปน กาตโพฺพเยว ฯ อุโปสถํ อุปวสเนฺตน ปรูปโรธปฎิสํยุตฺตา กมฺมนฺตา น วิจาเรตพฺพา, อายวยคณนํ กโรเนฺตน น วีตินาเมตพฺพํ, เคเห ปน อาหารํ ลภิตฺวา นิจฺจภตฺติกภิกฺขุนา วิย ปริภุญฺชิตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา ธโมฺม วา โสตโพฺพ, อฎฺฐติํสาย อารมฺมเณสุ อญฺญตรํ วา มนสิกาตพฺพํฯ

    Abrahmacariyāti aseṭṭhacariyato. Rattiṃ na bhuñjeyya vikālabhojananti uposathaṃ upavasanto rattibhojanañca divāvikālabhojanañca na bhuñjeyya. Mañce chamāyaṃva sayetha santhateti muṭṭhihatthapādake kappiyamañce vā sudhādiparikammakatāya bhūmiyaṃ vā tiṇapaṇṇapalālādīni santharitvā kate santhate vā sayethāti attho. Etaṃ hi aṭṭhaṅgikamāhuposathanti evaṃ pāṇātipātādīni asamācarantena upavutthaṃ uposathaṃ aṭṭhahi aṅgehi samannāgatattā aṭṭhaṅgikanti vadanti. Taṃ pana upavasantena ‘‘sve uposathiko bhavissāmī’’ti ajjeva ‘‘idañca idañca kareyyāthā’’ti āhārādividhānaṃ vicāretabbaṃ. Uposathadivase pātova bhikkhussa vā bhikkhuniyā vā dasasīlalakkhaṇaññuno upāsakassa vā upāsikāya vā santike vācaṃ bhinditvā uposathaṅgāni samādātabbāni. Pāḷiṃ ajānantena pana ‘‘buddhapaññattaṃ uposathaṃ adhiṭṭhāmī’’ti adhiṭṭhātabbaṃ. Aññaṃ alabhantena attanāpi adhiṭṭhātabbaṃ, vacībhedo pana kātabboyeva . Uposathaṃ upavasantena parūparodhapaṭisaṃyuttā kammantā na vicāretabbā, āyavayagaṇanaṃ karontena na vītināmetabbaṃ, gehe pana āhāraṃ labhitvā niccabhattikabhikkhunā viya paribhuñjitvā vihāraṃ gantvā dhammo vā sotabbo, aṭṭhatiṃsāya ārammaṇesu aññataraṃ vā manasikātabbaṃ.

    สุทสฺสนาติ สุนฺทรทสฺสนาฯ โอภาสยนฺติ โอภาสยมานาฯ อนุปริยนฺตีติ วิจรนฺติฯ ยาวตาติ ยตฺตกํ ฐานํฯ อนฺตลิกฺขคาติ อากาสงฺคมาฯ ปภาสนฺตีติ โชตนฺติ ปภา มุญฺจนฺติฯ ทิสาวิโรจนาติ สพฺพทิสาสุ วิโรจมานาฯ อถ วา ปภาสนฺตีติ ทิสาหิ ทิสา โอภาสนฺติฯ วิโรจนาติ วิโรจมานาฯ เวฬุริยนฺติ มณีติ วตฺวาปิ อิมินา ชาติมณิภาวํ ทเสฺสติฯ เอกวสฺสิกเวฬุวณฺณญฺหิ เวฬุริยํ ชาติมณิ นามฯ ตํ สนฺธาเยวมาหฯ ภทฺทกนฺติ ลทฺธกํฯ สิงฺคีสุวณฺณนฺติ โคสิงฺคสทิสํ หุตฺวา อุปฺปนฺนตฺตา เอวํ นามกํ สุวณฺณํฯ กญฺจนนฺติ ปพฺพเตยฺยํ ปพฺพเต ชาตสุวณฺณํฯ ชาตรูปนฺติ สตฺถุวณฺณสุวณฺณํฯ หฎกนฺติ กิปิลฺลิกาหิ นีหฎสุวณฺณํฯ นานุภวนฺตีติ น ปาปุณนฺติฯ จนฺทปฺปภาติ สามิอเตฺถ ปจฺจตฺตํ, จนฺทปฺปภายาติ อโตฺถฯ อุปวสฺสุโปสถนฺติ อุปวสิตฺวา อุโปสถํฯ สุขุทฺรยานีติ สุขผลานิ สุขเวทนียานิฯ สคฺคมุเปนฺติ ฐานนฺติ สคฺคสงฺขาตํ ฐานํ อุปคจฺฉนฺติ, เกนจิ อนินฺทิตา หุตฺวา เทวโลเก อุปฺปชฺชนฺตีติ อโตฺถฯ เสสเมตฺถ ยํ อนฺตรนฺตรา น วุตฺตํ, ตํ วุตฺตานุสาเรเนว เวทิตพฺพนฺติฯ

    Sudassanāti sundaradassanā. Obhāsayanti obhāsayamānā. Anupariyantīti vicaranti. Yāvatāti yattakaṃ ṭhānaṃ. Antalikkhagāti ākāsaṅgamā. Pabhāsantīti jotanti pabhā muñcanti. Disāvirocanāti sabbadisāsu virocamānā. Atha vā pabhāsantīti disāhi disā obhāsanti. Virocanāti virocamānā. Veḷuriyanti maṇīti vatvāpi iminā jātimaṇibhāvaṃ dasseti. Ekavassikaveḷuvaṇṇañhi veḷuriyaṃ jātimaṇi nāma. Taṃ sandhāyevamāha. Bhaddakanti laddhakaṃ. Siṅgīsuvaṇṇanti gosiṅgasadisaṃ hutvā uppannattā evaṃ nāmakaṃ suvaṇṇaṃ. Kañcananti pabbateyyaṃ pabbate jātasuvaṇṇaṃ. Jātarūpanti satthuvaṇṇasuvaṇṇaṃ. Haṭakanti kipillikāhi nīhaṭasuvaṇṇaṃ. Nānubhavantīti na pāpuṇanti. Candappabhāti sāmiatthe paccattaṃ, candappabhāyāti attho. Upavassuposathanti upavasitvā uposathaṃ. Sukhudrayānīti sukhaphalāni sukhavedanīyāni. Saggamupenti ṭhānanti saggasaṅkhātaṃ ṭhānaṃ upagacchanti, kenaci aninditā hutvā devaloke uppajjantīti attho. Sesamettha yaṃ antarantarā na vuttaṃ, taṃ vuttānusāreneva veditabbanti.

    มหาวโคฺค ทุติโยฯ

    Mahāvaggo dutiyo.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๑๐. อุโปสถสุตฺตํ • 10. Uposathasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๑๐. อุโปสถสุตฺตวณฺณนา • 10. Uposathasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact