Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อุทาน-อฎฺฐกถา • Udāna-aṭṭhakathā

    ๕. อุโปสถสุตฺตวณฺณนา

    5. Uposathasuttavaṇṇanā

    ๔๕. ปญฺจเม ตทหูติ ตสฺมิํ อหนิ ตสฺมิํ ทิวเสฯ อุโปสเถติ เอตฺถ อุปวสนฺติ เอตฺถาติ อุโปสโถ, อุปวสนฺตีติ สีเลน วา อนสเนน วา อุเปตา หุตฺวา วสนฺตีติ อโตฺถฯ อยญฺหิ อุโปสถสโทฺท ‘‘อฎฺฐงฺคสมนฺนาคตํ อุโปสถํ อุปวสามี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๗๑; ๑๐.๔๖) สีเล อาคโตฯ ‘‘อุโปสโถ วา ปวารณา วา’’ติอาทีสุ (มหาว. ๑๕๕) ปาติโมกฺขุเทฺทสาทิวินยกเมฺมฯ ‘‘โคปาลกูโปสโถ นิคณฺฐูโปสโถ’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๗๑) อุปวาเสฯ ‘‘อุโปสโถ นาม นาคราชา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๔๖) ปญฺญตฺติยํฯ ‘‘อชฺชุโปสโถ ปนฺนรโส’’ติอาทีสุ (มหาว. ๑๖๘) ทิวเสฯ อิธาปิ ทิวเสเยว ทฎฺฐโพฺพ, ตสฺมา ‘‘ตทหุโปสเถ’’ติ ตสฺมิํ อุโปสถทิวสภูเต อหนีติ อโตฺถฯ นิสิโนฺน โหตีติ มหาภิกฺขุสงฺฆปริวุโต โอวาทปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุํ นิสิโนฺน โหติฯ นิสชฺช ปน ภิกฺขูนํ จิตฺตานิ โอโลเกโนฺต เอกํ ทุสฺสีลปุคฺคลํ ทิสฺวา, ‘‘สจาหํ อิมสฺมิํ ปุคฺคเล อิธ นิสิเนฺนเยว ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิสฺสามิ, สตฺตธาสฺส มุทฺธา ผลิสฺสตี’’ติ ตสฺมิํ อนุกมฺปาย ตุณฺหีเยว อโหสิฯ

    45. Pañcame tadahūti tasmiṃ ahani tasmiṃ divase. Uposatheti ettha upavasanti etthāti uposatho, upavasantīti sīlena vā anasanena vā upetā hutvā vasantīti attho. Ayañhi uposathasaddo ‘‘aṭṭhaṅgasamannāgataṃ uposathaṃ upavasāmī’’tiādīsu (a. ni. 3.71; 10.46) sīle āgato. ‘‘Uposatho vā pavāraṇā vā’’tiādīsu (mahāva. 155) pātimokkhuddesādivinayakamme. ‘‘Gopālakūposatho nigaṇṭhūposatho’’tiādīsu (a. ni. 3.71) upavāse. ‘‘Uposatho nāma nāgarājā’’tiādīsu (dī. ni. 2.246) paññattiyaṃ. ‘‘Ajjuposatho pannaraso’’tiādīsu (mahāva. 168) divase. Idhāpi divaseyeva daṭṭhabbo, tasmā ‘‘tadahuposathe’’ti tasmiṃ uposathadivasabhūte ahanīti attho. Nisinno hotīti mahābhikkhusaṅghaparivuto ovādapātimokkhaṃ uddisituṃ nisinno hoti. Nisajja pana bhikkhūnaṃ cittāni olokento ekaṃ dussīlapuggalaṃ disvā, ‘‘sacāhaṃ imasmiṃ puggale idha nisinneyeva pātimokkhaṃ uddisissāmi, sattadhāssa muddhā phalissatī’’ti tasmiṃ anukampāya tuṇhīyeva ahosi.

    เอตฺถ จ อุทฺธสฺตํ อรุณนฺติ อรุณุคฺคมนํ วตฺวาปิ ‘‘อุทฺทิสตุ, ภเนฺต ภควา, ภิกฺขูนํ ปาติโมกฺข’’นฺติ เถโร ภควนฺตํ ปาติโมกฺขุเทฺทสํ ยาจิ ตสฺมิํ กาเล ‘‘น, ภิกฺขเว, อนุโปสเถ อุโปสโถ กาตโพฺพ’’ติสิกฺขาปทสฺส (มหาว. ๑๘๓) อปญฺญตฺตตฺตาฯ อปริสุทฺธา, อานนฺท, ปริสาติ ติกฺขตฺตุํ เถเรน ปาติโมกฺขุเทฺทสสฺส ยาจิตตฺตา อนุเทฺทสสฺส การณํ กเถโนฺต ‘‘อสุกปุคฺคโล อปริสุโทฺธ’’ติ อวตฺวา ‘‘อปริสุทฺธา, อานนฺท, ปริสา’’ติ อาหฯ กสฺมา ปน ภควา ติยามรตฺติํ ตถา วีตินาเมสิ? ตโต ปฎฺฐาย โอวาทปาติโมกฺขํ อนุทฺทิสิตุกาโม ตสฺส วตฺถุํ ปากฎํ กาตุํฯ

    Ettha ca uddhastaṃ aruṇanti aruṇuggamanaṃ vatvāpi ‘‘uddisatu, bhante bhagavā, bhikkhūnaṃ pātimokkha’’nti thero bhagavantaṃ pātimokkhuddesaṃ yāci tasmiṃ kāle ‘‘na, bhikkhave, anuposathe uposatho kātabbo’’tisikkhāpadassa (mahāva. 183) apaññattattā. Aparisuddhā, ānanda, parisāti tikkhattuṃ therena pātimokkhuddesassa yācitattā anuddesassa kāraṇaṃ kathento ‘‘asukapuggalo aparisuddho’’ti avatvā ‘‘aparisuddhā, ānanda, parisā’’ti āha. Kasmā pana bhagavā tiyāmarattiṃ tathā vītināmesi? Tato paṭṭhāya ovādapātimokkhaṃ anuddisitukāmo tassa vatthuṃ pākaṭaṃ kātuṃ.

    อทฺทสาติ กถํ อทฺทสฯ อตฺตโน เจโตปริยญาเณน ตสฺสํ ปริสติ ภิกฺขูนํ จิตฺตานิ ปริชานโนฺต ตสฺส โมฆปุริสสฺส ทุสฺสีลฺยจิตฺตํ ปสฺสิฯ ยสฺมา ปน จิเตฺต ทิเฎฺฐ ตํสมงฺคีปุคฺคโล ทิโฎฺฐ นาม โหติ, ตสฺมา ‘‘อทฺทสา โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ตํ ปุคฺคลํ ทุสฺสีล’’นฺติอาทิ วุตฺตํ ฯ ยเถว หิ อนาคเต สตฺตสุ ทิวเสสุ ปวตฺตมานํ ปเรสํ จิตฺตํ เจโตปริยญาณลาภี ชานาติ, เอวํ อตีเตปีติฯ ทุสฺสีลนฺติ นิสฺสีลํ, สีลวิรหิตนฺติ อโตฺถฯ ปาปธมฺมนฺติ ทุสฺสีลตฺตา เอว หีนชฺฌาสยตาย ลามกสภาวํฯ อสุจินฺติ อปริสุเทฺธหิ กายกมฺมาทีหิ สมนฺนาคตตฺตา น สุจิํฯ สงฺกสฺสรสมาจารนฺติ กิญฺจิเทว อสารุปฺปํ ทิสฺวา ‘‘อิทํ อิมินา กตํ ภวิสฺสตี’’ติ เอวํ ปเรสํ อาสงฺกนียตาย สงฺกาย สริตพฺพสมาจารํ, อถ วา เกนจิเทว กรณีเยน มนฺตยเนฺต ภิกฺขู ทิสฺวา ‘‘กจฺจิ นุ โข อิเม มยา กตกมฺมํ ชานิตฺวา มเนฺตนฺตี’’ติ อตฺตโนเยว สงฺกาย สริตพฺพสมาจารํฯ

    Addasāti kathaṃ addasa. Attano cetopariyañāṇena tassaṃ parisati bhikkhūnaṃ cittāni parijānanto tassa moghapurisassa dussīlyacittaṃ passi. Yasmā pana citte diṭṭhe taṃsamaṅgīpuggalo diṭṭho nāma hoti, tasmā ‘‘addasā kho āyasmā mahāmoggallāno taṃ puggalaṃ dussīla’’ntiādi vuttaṃ. Yatheva hi anāgate sattasu divasesu pavattamānaṃ paresaṃ cittaṃ cetopariyañāṇalābhī jānāti, evaṃ atītepīti. Dussīlanti nissīlaṃ, sīlavirahitanti attho. Pāpadhammanti dussīlattā eva hīnajjhāsayatāya lāmakasabhāvaṃ. Asucinti aparisuddhehi kāyakammādīhi samannāgatattā na suciṃ. Saṅkassarasamācāranti kiñcideva asāruppaṃ disvā ‘‘idaṃ iminā kataṃ bhavissatī’’ti evaṃ paresaṃ āsaṅkanīyatāya saṅkāya saritabbasamācāraṃ, atha vā kenacideva karaṇīyena mantayante bhikkhū disvā ‘‘kacci nu kho ime mayā katakammaṃ jānitvā mantentī’’ti attanoyeva saṅkāya saritabbasamācāraṃ.

    ลชฺชิตพฺพตาย ปฎิจฺฉาเทตพฺพการณโต ปฎิจฺฉนฺนํ กมฺมนฺตํ เอตสฺสาติ ปฎิจฺฉนฺนกมฺมนฺตํฯ กุจฺฉิตสมณเวสธาริตาย น สมณนฺติ อสฺสมณํฯ สลากคฺคหณาทีสุ ‘‘กิตฺตกา สมณา’’ติ จ คณนาย ‘‘อหมฺปิ สมโณมฺหี’’ติ มิจฺฉาปฎิญฺญาย สมณปฎิญฺญํฯ อเสฎฺฐจาริตาย อพฺรหฺมจาริํฯ อเญฺญ พฺรหฺมจาริโน สุนิวเตฺถ สุปารุเต สุปตฺตธเร คามนิคมาทีสุ ปิณฺฑาย จริตฺวา ชีวิกํ กเปฺปเนฺต ทิสฺวา อพฺรหฺมจารี สมาโน สยมฺปิ ตาทิเสน อากาเรน ปฎิปชฺชโนฺต อุโปสถาทีสุ สนฺทิสฺสโนฺต ‘‘อหมฺปิ พฺรหฺมจารี’’ติ ปฎิญฺญํ เทโนฺต วิย โหตีติ พฺรหฺมจาริปฎิญฺญํฯ ปูตินา กเมฺมน สีลวิปตฺติยา อโนฺต อนุปวิฎฺฐตฺตา อโนฺตปูติํฯ ฉหิ ทฺวาเรหิ ราคาทิกิเลสวสฺสเนน ตินฺตตฺตา อวสฺสุตํฯ สญฺชาตราคาทิกจวรตฺตา สีลวเนฺตหิ ฉเฑฺฑตพฺพตฺตา จ กสมฺพุชาตํฯ มเชฺฌ ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิสินฺนนฺติ สงฺฆปริยาปโนฺน วิย ภิกฺขุสงฺฆสฺส อโนฺต นิสินฺนํฯ ทิโฎฺฐสีติ อยํ ปน น ปกตโตฺตติ ภควตา ทิโฎฺฐ อสิฯ ยสฺมา จ เอวํ ทิโฎฺฐ, ตสฺมา นตฺถิ เต ตว ภิกฺขูหิ สทฺธิํ เอกกมฺมาทิสํวาโสฯ ยสฺมา ปน โส สํวาโส ตว นตฺถิ, ตสฺมา อุเฎฺฐหิ, อาวุโสติ เอวเมตฺถ ปทโยชนา เวทิตพฺพาฯ

    Lajjitabbatāya paṭicchādetabbakāraṇato paṭicchannaṃ kammantaṃ etassāti paṭicchannakammantaṃ. Kucchitasamaṇavesadhāritāya na samaṇanti assamaṇaṃ. Salākaggahaṇādīsu ‘‘kittakā samaṇā’’ti ca gaṇanāya ‘‘ahampi samaṇomhī’’ti micchāpaṭiññāya samaṇapaṭiññaṃ. Aseṭṭhacāritāya abrahmacāriṃ. Aññe brahmacārino sunivatthe supārute supattadhare gāmanigamādīsu piṇḍāya caritvā jīvikaṃ kappente disvā abrahmacārī samāno sayampi tādisena ākārena paṭipajjanto uposathādīsu sandissanto ‘‘ahampi brahmacārī’’ti paṭiññaṃ dento viya hotīti brahmacāripaṭiññaṃ. Pūtinā kammena sīlavipattiyā anto anupaviṭṭhattā antopūtiṃ. Chahi dvārehi rāgādikilesavassanena tintattā avassutaṃ. Sañjātarāgādikacavarattā sīlavantehi chaḍḍetabbattā ca kasambujātaṃ. Majjhe bhikkhusaṅghassa nisinnanti saṅghapariyāpanno viya bhikkhusaṅghassa anto nisinnaṃ. Diṭṭhosīti ayaṃ pana na pakatattoti bhagavatā diṭṭho asi. Yasmā ca evaṃ diṭṭho, tasmā natthi te tava bhikkhūhi saddhiṃ ekakammādisaṃvāso. Yasmā pana so saṃvāso tava natthi, tasmā uṭṭhehi, āvusoti evamettha padayojanā veditabbā.

    ตติยมฺปิ โข โส ปุคฺคโล ตุณฺหี อโหสีติ อเนกวารํ วตฺวาปิ เถโร ‘‘สยเมว นิพฺพิโนฺน โอรมิสฺสตี’’ติ วา, ‘‘อิทานิ อิเมสํ ปฎิปตฺติํ ชานิสฺสามี’’ติ วา อธิปฺปาเยน ตุณฺหี อโหสิฯ พาหายํ คเหตฺวาติ ภควตา มยา จ ยาถาวโต ทิโฎฺฐ, ยาวตติยํ อุเฎฺฐหีติ วุโตฺต น อุฎฺฐาติ, ‘‘อิทานิสฺส นิกฺกฑฺฒนกาโล มา สงฺฆสฺส อุโปสถนฺตราโย อโหสี’’ติ ตํ พาหายํ อคฺคเหสิ, ตถา คเหตฺวาฯ พหิทฺวารโกฎฺฐกา นิกฺขาเมตฺวาติ ทฺวารโกฎฺฐกสาลโต พหิ นิกฺขาเมตฺวาฯ พหีติ ปน นิกฺขามิตฎฺฐานทสฺสนํ, อถ วา พหิทฺวารโกฎฺฐกาติ พหิทฺวารโกฎฺฐกโตปิ นิกฺขาเมตฺวา, น อโนฺตทฺวารโกฎฺฐกโต, เอวํ อุภยถาปิ วิหารโต พหิ กตฺวาติ อโตฺถฯ สูจิฆฎิกํ ทตฺวาติ อคฺคฬสูจิญฺจ อุปริฆฎิกญฺจ อาทหิตฺวา, สุฎฺฐุตรํ กวาฎํ ถเกตฺวาติ อโตฺถฯ ยาว พาหาคหณาปิ นามาติ อิมินา ‘‘อปริสุทฺธา, อานนฺท, ปริสา’’ติ วจนํ สุตฺวา เอว หิ เตน ปกฺกมิตพฺพํ สิยา, เอวํ อปกฺกมิตฺวา ยาว พาหาคหณาปิ นาม โส โมฆปุริโส อาคเมสฺสตีติ อจฺฉริยมิทนฺติ ทเสฺสติฯ อิทมฺปิ ครหณจฺฉริยเมวาติ เวทิตพฺพํฯ

    Tatiyampi kho so puggalo tuṇhī ahosīti anekavāraṃ vatvāpi thero ‘‘sayameva nibbinno oramissatī’’ti vā, ‘‘idāni imesaṃ paṭipattiṃ jānissāmī’’ti vā adhippāyena tuṇhī ahosi. Bāhāyaṃ gahetvāti bhagavatā mayā ca yāthāvato diṭṭho, yāvatatiyaṃ uṭṭhehīti vutto na uṭṭhāti, ‘‘idānissa nikkaḍḍhanakālo mā saṅghassa uposathantarāyo ahosī’’ti taṃ bāhāyaṃ aggahesi, tathā gahetvā. Bahidvārakoṭṭhakā nikkhāmetvāti dvārakoṭṭhakasālato bahi nikkhāmetvā. Bahīti pana nikkhāmitaṭṭhānadassanaṃ, atha vā bahidvārakoṭṭhakāti bahidvārakoṭṭhakatopi nikkhāmetvā, na antodvārakoṭṭhakato, evaṃ ubhayathāpi vihārato bahi katvāti attho. Sūcighaṭikaṃ datvāti aggaḷasūciñca uparighaṭikañca ādahitvā, suṭṭhutaraṃ kavāṭaṃ thaketvāti attho. Yāva bāhāgahaṇāpi nāmāti iminā ‘‘aparisuddhā, ānanda, parisā’’ti vacanaṃ sutvā eva hi tena pakkamitabbaṃ siyā, evaṃ apakkamitvā yāva bāhāgahaṇāpi nāma so moghapuriso āgamessatīti acchariyamidanti dasseti. Idampi garahaṇacchariyamevāti veditabbaṃ.

    อถ ภควา จิเนฺตสิ – ‘‘อิทานิ ภิกฺขุสโงฺฆ อพฺพุทชาโต, อปริสุทฺธา ปุคฺคลา อุโปสถํ อาคจฺฉนฺติ, น จ ตถาคตา อปริสุทฺธาย ปริสาย อุโปสถํ กโรนฺติ, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสนฺติ, อนุทฺทิสเนฺต จ ภิกฺขุสงฺฆสฺส อุโปสโถ ปจฺฉิชฺชติ, ยํนูนาหํ อิโต ปฎฺฐาย ภิกฺขูนํเยว ปาติโมกฺขุเทฺทสํ อนุชาเนยฺย’’นฺติฯ เอวํ ปน จิเนฺตตฺวา ภิกฺขูนํเยว ปาติโมกฺขุเทฺทสํ อนุชานิฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข ภควา…เป.… ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺยาถา’’ติฯ

    Atha bhagavā cintesi – ‘‘idāni bhikkhusaṅgho abbudajāto, aparisuddhā puggalā uposathaṃ āgacchanti, na ca tathāgatā aparisuddhāya parisāya uposathaṃ karonti, pātimokkhaṃ uddisanti, anuddisante ca bhikkhusaṅghassa uposatho pacchijjati, yaṃnūnāhaṃ ito paṭṭhāya bhikkhūnaṃyeva pātimokkhuddesaṃ anujāneyya’’nti. Evaṃ pana cintetvā bhikkhūnaṃyeva pātimokkhuddesaṃ anujāni. Tena vuttaṃ – ‘‘atha kho bhagavā…pe… pātimokkhaṃ uddiseyyāthā’’ti.

    ตตฺถ น ทานาหนฺติ อิทานิ อหํ อุโปสถํ น กริสฺสามิ, ปาติโมกฺขํ น อุทฺทิสิสฺสามีติ ปเจฺจกํ น-กาเรน สมฺพโนฺธฯ ทุวิธญฺหิ ปาติโมกฺขํ อาณาปาติโมกฺขํ โอวาทปาติโมกฺขนฺติฯ เตสุ ‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต’’ติอาทิกํ (มหาว. ๑๓๔) อาณาปาติโมกฺขํ, ตํ สาวกาว อุทฺทิสนฺติ, น พุทฺธา, อยํ อนฺวทฺธมาสํ อุทฺทิสิยติฯ ‘‘ขนฺตี ปรมํ…เป.… สพฺพปาปสฺส อกรณํ…เป.… อนูปวาโท อนูปฆาโต…เป.… เอตํ พุทฺธาน สาสน’’นฺติ (ที. นิ. ๒.๙๐; ธ. ป. ๑๘๓-๑๘๕) อิมา ปน ติโสฺส คาถา โอวาทปาติโมกฺขํ นาม, ตํ พุทฺธาว อุทฺทิสนฺติ, น สาวกา, ฉนฺนมฺปิ วสฺสานํ อจฺจเยน อุทฺทิสนฺติฯ ทีฆายุกพุทฺธานญฺหิ ธรมานกาเล อยเมว ปาติโมกฺขุเทฺทโส , อปฺปายุกพุทฺธานํ ปน ปฐมโพธิยํเยวฯ ตโต ปรํ อิตโร, ตญฺจ โข ภิกฺขู เอว อุทฺทิสนฺติ, น พุทฺธา, ตสฺมา อมฺหากมฺปิ ภควา วีสติวสฺสมตฺตํ โอวาทปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตฺวา อิมํ อนฺตรายํ ทิสฺวา ตโต ปรํ น อุทฺทิสิฯ อฎฺฐานนฺติ อการณํฯ อนวกาโสติ ตเสฺสว เววจนํฯ การณญฺหิ ยถา ติฎฺฐติ เอตฺถ ผลํ ตทายตฺตวุตฺติตายาติ ฐานนฺติ วุจฺจติ, เอวํ อนวกาโสติปิ วุจฺจตีติฯ นฺติ กิริยาปรามสนํ, ตํ เหฎฺฐา วุตฺตนเยน โยเชตพฺพํฯ

    Tattha na dānāhanti idāni ahaṃ uposathaṃ na karissāmi, pātimokkhaṃ na uddisissāmīti paccekaṃ na-kārena sambandho. Duvidhañhi pātimokkhaṃ āṇāpātimokkhaṃ ovādapātimokkhanti. Tesu ‘‘suṇātu me, bhante’’tiādikaṃ (mahāva. 134) āṇāpātimokkhaṃ, taṃ sāvakāva uddisanti, na buddhā, ayaṃ anvaddhamāsaṃ uddisiyati. ‘‘Khantī paramaṃ…pe… sabbapāpassa akaraṇaṃ…pe… anūpavādo anūpaghāto…pe… etaṃ buddhāna sāsana’’nti (dī. ni. 2.90; dha. pa. 183-185) imā pana tisso gāthā ovādapātimokkhaṃ nāma, taṃ buddhāva uddisanti, na sāvakā, channampi vassānaṃ accayena uddisanti. Dīghāyukabuddhānañhi dharamānakāle ayameva pātimokkhuddeso , appāyukabuddhānaṃ pana paṭhamabodhiyaṃyeva. Tato paraṃ itaro, tañca kho bhikkhū eva uddisanti, na buddhā, tasmā amhākampi bhagavā vīsativassamattaṃ ovādapātimokkhaṃ uddisitvā imaṃ antarāyaṃ disvā tato paraṃ na uddisi. Aṭṭhānanti akāraṇaṃ. Anavakāsoti tasseva vevacanaṃ. Kāraṇañhi yathā tiṭṭhati ettha phalaṃ tadāyattavuttitāyāti ṭhānanti vuccati, evaṃ anavakāsotipi vuccatīti. Yanti kiriyāparāmasanaṃ, taṃ heṭṭhā vuttanayena yojetabbaṃ.

    อฎฺฐิเม, ภิกฺขเว, มหาสมุเทฺทติ โก อนุสนฺธิ? ยฺวายํ อปริสุทฺธาย ปริสาย ปาติโมกฺขสฺส อนุเทฺทโส วุโตฺต, โส อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย อจฺฉริโย อพฺภุโต ธโมฺมติ ตํ อปเรหิ สตฺตหิ อจฺฉริยพฺภุตธเมฺมหิ สทฺธิํ วิภชิตฺวา ทเสฺสตุกาโม ปฐมํ ตาว เตสํ อุปมาภาเวน มหาสมุเทฺท อฎฺฐ อจฺฉริยพฺภุตธเมฺม ทเสฺสโนฺต สตฺถา ‘‘อฎฺฐิเม, ภิกฺขเว, มหาสมุเทฺท’’ติอาทิมาหฯ

    Aṭṭhime, bhikkhave, mahāsamuddeti ko anusandhi? Yvāyaṃ aparisuddhāya parisāya pātimokkhassa anuddeso vutto, so imasmiṃ dhammavinaye acchariyo abbhuto dhammoti taṃ aparehi sattahi acchariyabbhutadhammehi saddhiṃ vibhajitvā dassetukāmo paṭhamaṃ tāva tesaṃ upamābhāvena mahāsamudde aṭṭha acchariyabbhutadhamme dassento satthā ‘‘aṭṭhime, bhikkhave, mahāsamudde’’tiādimāha.

    ปกติเทวา วิย น สุรนฺติ น อิสนฺติ น วิโรจนฺตีติ อสุรา, สุรา นาม เทวา, เตสํ ปฎิปกฺขาติ วา อสุรา, เวปจิตฺติปหาราทาทโยฯ เตสํ ภวนํ สิเนรุสฺส เหฎฺฐาภาเค, เต ตตฺถ ปวิสนฺตา นิกฺขมนฺตา สิเนรุปาเท มณฺฑปาทิํ นิมฺมินิตฺวา กีฬนฺตาว อภิรมนฺติฯ ตตฺถ เตสํ อภิรติ อิเม คุเณ ทิสฺวาติ อาห – ‘‘เย ทิสฺวา ทิสฺวา อสุรา มหาสมุเทฺท อภิรมนฺตี’’ติฯ ตตฺถ อภิรมนฺตีติ รติํ วินฺทนฺติ, อนุกฺกณฺฐมานา วสนฺตีติ อโตฺถฯ

    Pakatidevā viya na suranti na isanti na virocantīti asurā, surā nāma devā, tesaṃ paṭipakkhāti vā asurā, vepacittipahārādādayo. Tesaṃ bhavanaṃ sinerussa heṭṭhābhāge, te tattha pavisantā nikkhamantā sinerupāde maṇḍapādiṃ nimminitvā kīḷantāva abhiramanti. Tattha tesaṃ abhirati ime guṇe disvāti āha – ‘‘ye disvā disvā asurā mahāsamudde abhiramantī’’ti. Tattha abhiramantīti ratiṃ vindanti, anukkaṇṭhamānā vasantīti attho.

    อนุปุพฺพนิโนฺนติอาทีนิ สพฺพานิ อนุปฎิปาฎิยา นินฺนภาวเสฺสว เววจนานิฯ น อายตเกเนว ปปาโตติ น ฉินฺนตโฎ มหาโสโพฺภ วิย อาทิโต เอว ปปาโตฯ โส หิ ตีรเทสโต ปฎฺฐาย เอกงฺคุลทฺวงฺคุลวิทตฺถิรตนยฎฺฐิอุสภอฑฺฒคาวุตคาวุตฑฺฒโยชนาทิวเสน คมฺภีโร หุตฺวา คจฺฉโนฺต คจฺฉโนฺต สิเนรุปาทมูเล จตุราสีติโยชนสหสฺสคมฺภีโร หุตฺวา ฐิโตติ ทเสฺสติฯ

    Anupubbaninnotiādīni sabbāni anupaṭipāṭiyā ninnabhāvasseva vevacanāni. Na āyatakeneva papātoti na chinnataṭo mahāsobbho viya ādito eva papāto. So hi tīradesato paṭṭhāya ekaṅguladvaṅgulavidatthiratanayaṭṭhiusabhaaḍḍhagāvutagāvutaḍḍhayojanādivasena gambhīro hutvā gacchanto gacchanto sinerupādamūle caturāsītiyojanasahassagambhīro hutvā ṭhitoti dasseti.

    ฐิตธโมฺมติ ฐิตสภาโว อวฎฺฐิตสภาโวฯ น มเตน กุณเปน สํวสตีติ เยน เกนจิ หตฺถิอสฺสาทีนํ กเฬวเรน สทฺธิํ น สํวสติฯ ตีรํ วาเหตีติ ตีรํ อปเนติฯ ถลํ อุสฺสาเรตีติ หเตฺถน คเหตฺวา วิย วีจิปฺปหาเรเนว ถเล ขิปติฯ คงฺคา ยมุนาติ อโนตตฺตทหสฺส ทกฺขิณมุขโต นิกฺขนฺตนที ปญฺจ ธารา หุตฺวา ปวตฺตฎฺฐาเน คงฺคาติอาทินา ปญฺจธา สงฺขํ คตาฯ

    Ṭhitadhammoti ṭhitasabhāvo avaṭṭhitasabhāvo. Na matena kuṇapena saṃvasatīti yena kenaci hatthiassādīnaṃ kaḷevarena saddhiṃ na saṃvasati. Tīraṃ vāhetīti tīraṃ apaneti. Thalaṃ ussāretīti hatthena gahetvā viya vīcippahāreneva thale khipati. Gaṅgā yamunāti anotattadahassa dakkhiṇamukhato nikkhantanadī pañca dhārā hutvā pavattaṭṭhāne gaṅgātiādinā pañcadhā saṅkhaṃ gatā.

    ตตฺรายํ อิมาสํ นทีนํ อาทิโต ปฎฺฐาย อุปฺปตฺติกถา – อยญฺหิ ชมฺพุทีโป ทสสหสฺสโยชนปริมาโณ, ตตฺถ จตุสหสฺสโยชนปฺปมาโณ ปเทโส อุทเกน อโชฺฌตฺถโฎ สมุโทฺทติ สงฺขํ คโต, ติสหสฺสโยชนปฺปมาเณ มนุสฺสา วสนฺติ, ติสหสฺสโยชนปฺปมาเณ หิมวา ปติฎฺฐิโต อุเพฺพเธน ปญฺจโยชนสติโก จตุราสีติกูฎสหสฺสปฎิมณฺฑิโต สมนฺตโต สนฺทมานปญฺจสตนทีวิจิโตฺต, ยตฺถ อายาเมน วิตฺถาเรน คมฺภีรตาย จ ปณฺณาสโยชนปฺปมาโณ ทิยฑฺฒโยชนสตปริมณฺฑโล อโนตตฺตทโห กณฺณมุณฺฑทโห รถการทโห ฉทฺทนฺตทโห กุณาลทโห มนฺทากินิทโห สีหปปาตทโหติ สตฺต มหาสรา ปติฎฺฐิตาฯ

    Tatrāyaṃ imāsaṃ nadīnaṃ ādito paṭṭhāya uppattikathā – ayañhi jambudīpo dasasahassayojanaparimāṇo, tattha catusahassayojanappamāṇo padeso udakena ajjhotthaṭo samuddoti saṅkhaṃ gato, tisahassayojanappamāṇe manussā vasanti, tisahassayojanappamāṇe himavā patiṭṭhito ubbedhena pañcayojanasatiko caturāsītikūṭasahassapaṭimaṇḍito samantato sandamānapañcasatanadīvicitto, yattha āyāmena vitthārena gambhīratāya ca paṇṇāsayojanappamāṇo diyaḍḍhayojanasataparimaṇḍalo anotattadaho kaṇṇamuṇḍadaho rathakāradaho chaddantadaho kuṇāladaho mandākinidaho sīhapapātadahoti satta mahāsarā patiṭṭhitā.

    เตสุ อโนตตฺตทโห สุทสฺสนกูฎํ จิตฺตกูฎํ กาฬกูฎํ คนฺธมาทนกูฎํ เกลาสกูฎนฺติ อิเมหิ ปญฺจหิ ปพฺพตกูเฎหิ ปริกฺขิโตฺตฯ ตตฺถ สุทสฺสนกูฎํ โสวณฺณมยํ ติโยชนสตุเพฺพธํ อโนฺตวงฺกํ กากมุขสณฺฐานํ ตเมว สรํ ปฎิจฺฉาเทตฺวา ฐิตํ, จิตฺตกูฎํ สตฺตรตนมยํฯ กาฬกูฎํ อญฺชนมยํฯ คนฺธมาทนกูฎํ มสารคลฺลมยํ อพฺภนฺตเร มุคฺควณฺณํ; มูลคโนฺธ, สารคโนฺธ, เผคฺคุคโนฺธ, ตจคโนฺธ, ปปฎิกาคโนฺธ, ขนฺธคโนฺธ, รสคโนฺธ, ปุปฺผคโนฺธ, ผลคโนฺธ, ปตฺตคโนฺธติ อิเมหิ ทสหิ คเนฺธหิ อุสฺสนฺนํ, นานปฺปการโอสธสญฺฉนฺนํ, กาฬปกฺขุโปสถทิวเส อาทิตฺตํ วิย องฺคารํ ปชฺชลนฺตํ ติฎฺฐติฯ เกลาสกูฎํ รชตมยํฯ สพฺพานิ เจตานิ สุทสฺสเนน สมานุเพฺพธสณฺฐานานิ ตเมว สรํ ปฎิจฺฉาเทตฺวา ฐิตานิฯ ตตฺถ เทวานุภาเวน นาคานุภาเวน จ เทโว วสฺสติ, นทิโย จ สนฺทนฺติ, ตํ สพฺพมฺปิ อุทกํ อโนตตฺตเมว ปวิสติ, จนฺทิมสูริยา ทกฺขิเณน วา อุตฺตเรน วา คจฺฉนฺตา ปพฺพตนฺตเรน ตตฺถ โอภาสํ กโรนฺติ, อุชุกํ คจฺฉนฺตา น กโรนฺติ, เตเนวสฺส ‘‘อโนตตฺต’’นฺติ สงฺขา อุทปาทิฯ

    Tesu anotattadaho sudassanakūṭaṃ cittakūṭaṃ kāḷakūṭaṃ gandhamādanakūṭaṃ kelāsakūṭanti imehi pañcahi pabbatakūṭehi parikkhitto. Tattha sudassanakūṭaṃ sovaṇṇamayaṃ tiyojanasatubbedhaṃ antovaṅkaṃ kākamukhasaṇṭhānaṃ tameva saraṃ paṭicchādetvā ṭhitaṃ, cittakūṭaṃ sattaratanamayaṃ. Kāḷakūṭaṃ añjanamayaṃ. Gandhamādanakūṭaṃ masāragallamayaṃ abbhantare muggavaṇṇaṃ; mūlagandho, sāragandho, pheggugandho, tacagandho, papaṭikāgandho, khandhagandho, rasagandho, pupphagandho, phalagandho, pattagandhoti imehi dasahi gandhehi ussannaṃ, nānappakāraosadhasañchannaṃ, kāḷapakkhuposathadivase ādittaṃ viya aṅgāraṃ pajjalantaṃ tiṭṭhati. Kelāsakūṭaṃ rajatamayaṃ. Sabbāni cetāni sudassanena samānubbedhasaṇṭhānāni tameva saraṃ paṭicchādetvā ṭhitāni. Tattha devānubhāvena nāgānubhāvena ca devo vassati, nadiyo ca sandanti, taṃ sabbampi udakaṃ anotattameva pavisati, candimasūriyā dakkhiṇena vā uttarena vā gacchantā pabbatantarena tattha obhāsaṃ karonti, ujukaṃ gacchantā na karonti, tenevassa ‘‘anotatta’’nti saṅkhā udapādi.

    ตตฺถ รตนมยมนุญฺญโสปานสิลาตลานิ นิมฺมจฺฉกจฺฉปานิ ผลิกสทิสานิ นิมฺมลูทกานิ ตทุปโภคสตฺตานํ กมฺมนิพฺพตฺตาเนว นหานติตฺถานิ จ โหนฺติ, ยตฺถ พุทฺธปเจฺจกพุทฺธา อิทฺธิมโนฺต สาวกา อิสโย จ นหานาทีนิ กโรนฺติ, เทวยกฺขาทโย อุทกกีฬํ กีฬนฺติฯ

    Tattha ratanamayamanuññasopānasilātalāni nimmacchakacchapāni phalikasadisāni nimmalūdakāni tadupabhogasattānaṃ kammanibbattāneva nahānatitthāni ca honti, yattha buddhapaccekabuddhā iddhimanto sāvakā isayo ca nahānādīni karonti, devayakkhādayo udakakīḷaṃ kīḷanti.

    ตสฺส จตูสุ ปเสฺสสุ สีหมุขํ, หตฺถิมุขํ, อสฺสมุขํ, อุสภมุขนฺติ จตฺตาริ อุทกนิกฺขมนมุขานิ โหนฺติ, เยหิ จตโสฺส นทิโย สนฺทนฺติฯ สีหมุเขน นิกฺขนฺตนทีตีเร เกสรสีหา พหุตรา โหนฺติ, ตถา หตฺถิมุขาทีหิ หตฺถิอสฺสอุสภาฯ ปุรตฺถิมทิสโต นิกฺขนฺตนที อโนตตฺตํ ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา อิตรา ติโสฺส นทิโย อนุปคมฺม ปาจีนหิมวเนฺตเนว อมนุสฺสปถํ คนฺตฺวา มหาสมุทฺทํ ปวิสติฯ ปจฺฉิมทิสโต อุตฺตรทิสโต จ นิกฺขนฺตนทิโยปิ ตเถว ปทกฺขิณํ กตฺวา ปจฺฉิมหิมวเนฺตเนว อุตฺตรหิมวเนฺตเนว จ อมนุสฺสปถํ คนฺตฺวา มหาสมุทฺทํ ปวิสนฺติฯ

    Tassa catūsu passesu sīhamukhaṃ, hatthimukhaṃ, assamukhaṃ, usabhamukhanti cattāri udakanikkhamanamukhāni honti, yehi catasso nadiyo sandanti. Sīhamukhena nikkhantanadītīre kesarasīhā bahutarā honti, tathā hatthimukhādīhi hatthiassausabhā. Puratthimadisato nikkhantanadī anotattaṃ tikkhattuṃ padakkhiṇaṃ katvā itarā tisso nadiyo anupagamma pācīnahimavanteneva amanussapathaṃ gantvā mahāsamuddaṃ pavisati. Pacchimadisato uttaradisato ca nikkhantanadiyopi tatheva padakkhiṇaṃ katvā pacchimahimavanteneva uttarahimavanteneva ca amanussapathaṃ gantvā mahāsamuddaṃ pavisanti.

    ทกฺขิณทิสโต นิกฺขนฺตนที ปน ตํ ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ทกฺขิเณน อุชุกํ ปาสาณปิเฎฺฐเนว สฎฺฐิโยชนานิ คนฺตฺวา ปพฺพตํ ปหริตฺวา อุฎฺฐาย ปริเกฺขเปน ติคาวุตปฺปมาณอุทกธารา หุตฺวา อากาเสน สฎฺฐิโยชนานิ คนฺตฺวา ติยคฺคเฬ นาม ปาสาเณ ปติตา, ปาสาโณ อุทกธาราเวเคน ภิโนฺนฯ ตตฺถ ปญฺญาสโยชนปฺปมาณา ติยคฺคฬา นาม โปกฺขรณี ชาตา, โปกฺขรณิยา กูลํ ภินฺทิตฺวา ปาสาณํ ปวิสิตฺวา สฎฺฐิโยชนานิ คนฺตฺวา ตโต ฆนปถวิํ ภินฺทิตฺวา อุมเงฺคน สฎฺฐิโยชนานิ คนฺตฺวา วิญฺฌํ นาม ติรจฺฉานปพฺพตํ ปหริตฺวา หตฺถตเล ปญฺจงฺคุลิสทิสา ปญฺจธารา หุตฺวา ปวตฺตนฺติฯ

    Dakkhiṇadisato nikkhantanadī pana taṃ tikkhattuṃ padakkhiṇaṃ katvā dakkhiṇena ujukaṃ pāsāṇapiṭṭheneva saṭṭhiyojanāni gantvā pabbataṃ paharitvā uṭṭhāya parikkhepena tigāvutappamāṇaudakadhārā hutvā ākāsena saṭṭhiyojanāni gantvā tiyaggaḷe nāma pāsāṇe patitā, pāsāṇo udakadhārāvegena bhinno. Tattha paññāsayojanappamāṇā tiyaggaḷā nāma pokkharaṇī jātā, pokkharaṇiyā kūlaṃ bhinditvā pāsāṇaṃ pavisitvā saṭṭhiyojanāni gantvā tato ghanapathaviṃ bhinditvā umaṅgena saṭṭhiyojanāni gantvā viñjhaṃ nāma tiracchānapabbataṃ paharitvā hatthatale pañcaṅgulisadisā pañcadhārā hutvā pavattanti.

    สา ติกฺขตฺตุํ อโนตตฺตํ ปทกฺขิณํ กตฺวา คตฎฺฐาเน ‘‘อาวฎฺฎคงฺคา’’ติ วุจฺจติ, อุชุกํ ปาสาณปิเฎฺฐน สฎฺฐิโยชนานิ คตฎฺฐาเน ‘‘กณฺหคงฺคา’’ติ, อากาเสน สฎฺฐิโยชนานิ คตฎฺฐาเน ‘‘อากาสคงฺคา’’ติ, ติยคฺคฬปาสาเณ ปญฺญาสโยชโนกาเส ฐิตา ‘‘ติยคฺคฬโปกฺขรณี’’ติ, กูลํ ภินฺทิตฺวา ปาสาณํ ปวิสิตฺวา สฎฺฐิโยชนานิ คตฎฺฐาเน ‘‘พหลคงฺคา’’ติ, อุมเงฺคน สฎฺฐิโยชนานิ คตฎฺฐาเน ‘‘อุมงฺคคงฺคา’’ติ วุจฺจติ, วิญฺฌํ นาม ติรจฺฉานปพฺพตํ ปหริตฺวา ปญฺจธารา หุตฺวา ปวตฺตฎฺฐาเน คงฺคา, ยมุนา, อจิรวตี, สรภู, มหีติ ปญฺจธา สงฺขํ คตาฯ เอวเมตา ปญฺจ มหานทิโย หิมวนฺตโต ปวตฺตนฺตีติ เวทิตพฺพาฯ

    Sā tikkhattuṃ anotattaṃ padakkhiṇaṃ katvā gataṭṭhāne ‘‘āvaṭṭagaṅgā’’ti vuccati, ujukaṃ pāsāṇapiṭṭhena saṭṭhiyojanāni gataṭṭhāne ‘‘kaṇhagaṅgā’’ti, ākāsena saṭṭhiyojanāni gataṭṭhāne ‘‘ākāsagaṅgā’’ti, tiyaggaḷapāsāṇe paññāsayojanokāse ṭhitā ‘‘tiyaggaḷapokkharaṇī’’ti, kūlaṃ bhinditvā pāsāṇaṃ pavisitvā saṭṭhiyojanāni gataṭṭhāne ‘‘bahalagaṅgā’’ti, umaṅgena saṭṭhiyojanāni gataṭṭhāne ‘‘umaṅgagaṅgā’’ti vuccati, viñjhaṃ nāma tiracchānapabbataṃ paharitvā pañcadhārā hutvā pavattaṭṭhāne gaṅgā, yamunā, aciravatī, sarabhū, mahīti pañcadhā saṅkhaṃ gatā. Evametā pañca mahānadiyo himavantato pavattantīti veditabbā.

    ตตฺถ นที นินฺนคาติอาทิกํ โคตฺตํ, คงฺคา ยมุนาติอาทิกํ นามํฯ สวนฺติโยติ ยา กาจิ สวมานา สนฺทมานา คจฺฉนฺติโย มหานทิโย วา กุนฺนทิโย วาฯ อเปฺปนฺตีติ อลฺลียนฺติ โอสรนฺติฯ ธาราติ วุฎฺฐิธาราฯ ปูรตฺตนฺติ ปุณฺณภาโวฯ มหาสมุทฺทสฺส หิ อยํ ธมฺมตา – ‘‘อิมสฺมิํ กาเล เทโว มโนฺท ชาโต, ชาลกฺขิปาทีนิ อาทาย มจฺฉกจฺฉเป คณฺหิสฺสามา’’ติ วา ‘‘อิมสฺมิํ กาเล อติมหนฺตี วุฎฺฐิ, น ลภิสฺสาม นุ โข ปิฎฺฐิปสารณฎฺฐาน’’นฺติ วา ตํ น สกฺกา วตฺตุํฯ ปฐมกปฺปิกกาลโต ปฎฺฐาย หิ ยํ วสฺสิตฺวา สิเนรุเมขลํ อาหจฺจ อุทกํ ฐิตํ, ตํ ตโต เอกงฺคุลมตฺตมฺปิ อุทกํ เนว เหฎฺฐา โอตรติ, น อุทฺธํ อุตฺตรติฯ

    Tattha nadī ninnagātiādikaṃ gottaṃ, gaṅgā yamunātiādikaṃ nāmaṃ. Savantiyoti yā kāci savamānā sandamānā gacchantiyo mahānadiyo vā kunnadiyo vā. Appentīti allīyanti osaranti. Dhārāti vuṭṭhidhārā. Pūrattanti puṇṇabhāvo. Mahāsamuddassa hi ayaṃ dhammatā – ‘‘imasmiṃ kāle devo mando jāto, jālakkhipādīni ādāya macchakacchape gaṇhissāmā’’ti vā ‘‘imasmiṃ kāle atimahantī vuṭṭhi, na labhissāma nu kho piṭṭhipasāraṇaṭṭhāna’’nti vā taṃ na sakkā vattuṃ. Paṭhamakappikakālato paṭṭhāya hi yaṃ vassitvā sinerumekhalaṃ āhacca udakaṃ ṭhitaṃ, taṃ tato ekaṅgulamattampi udakaṃ neva heṭṭhā otarati, na uddhaṃ uttarati.

    เอกรโสติ อสมฺภินฺนรโสฯ มุตฺตาติ ขุทฺทกมหนฺตวฎฺฎทีฆาทิเภทา อเนกวิธา มุตฺตาฯ มณีติ รตฺตนีลาทิเภโท อเนกวิโธ มณิฯ เวฬุริโยติ วํสวณฺณสิรีสปุปฺผวณฺณาทิสณฺฐานโต อเนกวิโธฯ สโงฺขติ ทกฺขิณาวตฺตตมฺพกุจฺฉิกธมนสงฺขาทิเภโท อเนกวิโธฯ สิลาติ เสตกาฬมุคฺควณฺณาทิเภทา อเนกวิธาฯ ปวาฬนฺติ ขุทฺทกมหนฺตมนฺทรตฺตฆนรตฺตาทิเภทํ อเนกวิธํฯ โลหิตโงฺคติ ปทุมราคาทิเภโท อเนกวิโธ มสารคลฺลนฺติ กพรมณิฯ ‘‘จิตฺตผลิก’’นฺติปิ วทนฺติฯ

    Ekarasoti asambhinnaraso. Muttāti khuddakamahantavaṭṭadīghādibhedā anekavidhā muttā. Maṇīti rattanīlādibhedo anekavidho maṇi. Veḷuriyoti vaṃsavaṇṇasirīsapupphavaṇṇādisaṇṭhānato anekavidho. Saṅkhoti dakkhiṇāvattatambakucchikadhamanasaṅkhādibhedo anekavidho. Silāti setakāḷamuggavaṇṇādibhedā anekavidhā. Pavāḷanti khuddakamahantamandarattaghanarattādibhedaṃ anekavidhaṃ. Lohitaṅgoti padumarāgādibhedo anekavidho masāragallanti kabaramaṇi. ‘‘Cittaphalika’’ntipi vadanti.

    มหตํ ภูตานนฺติ มหนฺตานํ สตฺตานํฯ ติมิติมิงฺคลาทิกา ติโสฺส มจฺฉชาติโยฯ ติมิํ คิลนสมตฺถา ติมิงฺคลา, ติมิญฺจ ติมิงฺคลญฺจ คิลนสมตฺถา ‘‘ติมิติมิงฺคลา’’ติ วทนฺติฯ นาคาติ อูมิปิฎฺฐิวาสิโนปิ วิมานฎฺฐกนาคาปิฯ

    Mahataṃbhūtānanti mahantānaṃ sattānaṃ. Timitimiṅgalādikā tisso macchajātiyo. Timiṃ gilanasamatthā timiṅgalā, timiñca timiṅgalañca gilanasamatthā ‘‘timitimiṅgalā’’ti vadanti. Nāgāti ūmipiṭṭhivāsinopi vimānaṭṭhakanāgāpi.

    เอวเมว โขติ กิญฺจาปิ สตฺถา อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย โสฬสปิ พาตฺติํสปิ ตโต ภิโยฺยปิ อจฺฉริยพฺภุตธเมฺม วิภชิตฺวา ทเสฺสตุํ สโกฺกติ, ตทา อุปมาภาเวน ปน คหิตานํ อฎฺฐนฺนํ อนุรูปวเสน อเฎฺฐว เต อุปเมตพฺพธเมฺม วิภชิตฺวา ทเสฺสโนฺต ‘‘เอวเมว โข, ภิกฺขเว, อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย อฎฺฐ อจฺฉริยา อพฺภุตา ธมฺมา’’ติอาทิมาหฯ

    Evamevakhoti kiñcāpi satthā imasmiṃ dhammavinaye soḷasapi bāttiṃsapi tato bhiyyopi acchariyabbhutadhamme vibhajitvā dassetuṃ sakkoti, tadā upamābhāvena pana gahitānaṃ aṭṭhannaṃ anurūpavasena aṭṭheva te upametabbadhamme vibhajitvā dassento ‘‘evameva kho, bhikkhave, imasmiṃ dhammavinaye aṭṭha acchariyā abbhutā dhammā’’tiādimāha.

    ตตฺถ อนุปุพฺพสิกฺขาย ติโสฺส ภิกฺขา คหิตา, อนุปุพฺพกิริยาย เตรส ธุตงฺคธมฺมา, อนุปุพฺพปฎิปทาย สตฺต อนุปสฺสนา อฎฺฐารส มหาวิปสฺสนา อฎฺฐติํส อารมฺมณวิภตฺติโย สตฺตติํส โพธิปกฺขิยธมฺมา จ คหิตาฯ น อายตเกเนว อญฺญาปฎิเวโธติ มณฺฑูกสฺส อุปฺปติตฺวา คมนํ วิย อาทิโตว สีลปูรณาทีนิ อกตฺวา อรหตฺตปฎิเวโธ นาม นตฺถิ, ปฎิปาฎิยา ปน สีลสมาธิปญฺญาโย ปูเรตฺวาว อรหตฺตปฺปตฺตีติ อโตฺถฯ

    Tattha anupubbasikkhāya tisso bhikkhā gahitā, anupubbakiriyāya terasa dhutaṅgadhammā, anupubbapaṭipadāya satta anupassanā aṭṭhārasa mahāvipassanā aṭṭhatiṃsa ārammaṇavibhattiyo sattatiṃsa bodhipakkhiyadhammā ca gahitā. Na āyatakeneva aññāpaṭivedhoti maṇḍūkassa uppatitvā gamanaṃ viya āditova sīlapūraṇādīni akatvā arahattapaṭivedho nāma natthi, paṭipāṭiyā pana sīlasamādhipaññāyo pūretvāva arahattappattīti attho.

    มม สาวกาติ โสตาปนฺนาทิเก อริยปุคฺคเล สนฺธาย วทติฯ น สํวสตีติ อุโปสถกมฺมาทิวเสน สํวาสํ น กโรติฯ อุกฺขิปตีติ อปเนติฯ อารกาวาติ ทูเรเยวฯ น เตน นิพฺพานธาตุยา อูนตฺตํ วา ปูรตฺตํ วาติ อสเงฺขฺยเยฺยปิ มหากเปฺป พุเทฺธสุ อนุปฺปชฺชเนฺตสุ เอกสโตฺตปิ ปรินิพฺพาตุํ น สโกฺกติ, ตทาปิ ‘‘ตุจฺฉา นิพฺพานธาตู’’ติ น สกฺกา วตฺตุํ, พุทฺธกาเล ปน เอเกกสฺมิํ สมาคเม อสเงฺขฺยยฺยาปิ สตฺตา อมตํ อาราเธนฺติ, ตทาปิ น สกฺกา วตฺตุํ ‘‘ปูรา นิพฺพานธาตู’’ติฯ วิมุตฺติรโสติ กิเลเสหิ วิมุจฺจนรโสฯ สพฺพา หิ สาสนสฺส สมฺปตฺติ ยาวเทว อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตสฺส วิมุตฺติยา โหติฯ

    Mama sāvakāti sotāpannādike ariyapuggale sandhāya vadati. Na saṃvasatīti uposathakammādivasena saṃvāsaṃ na karoti. Ukkhipatīti apaneti. Ārakāvāti dūreyeva. Na tena nibbānadhātuyā ūnattaṃ vā pūrattaṃ vāti asaṅkhyeyyepi mahākappe buddhesu anuppajjantesu ekasattopi parinibbātuṃ na sakkoti, tadāpi ‘‘tucchā nibbānadhātū’’ti na sakkā vattuṃ, buddhakāle pana ekekasmiṃ samāgame asaṅkhyeyyāpi sattā amataṃ ārādhenti, tadāpi na sakkā vattuṃ ‘‘pūrā nibbānadhātū’’ti. Vimuttirasoti kilesehi vimuccanaraso. Sabbā hi sāsanassa sampatti yāvadeva anupādāya āsavehi cittassa vimuttiyā hoti.

    รตนานีติ รติชนนเฎฺฐน รตนานิฯ สติปฎฺฐานาทโย หิ ภาวิยมานา ปุพฺพภาเคปิ อนปฺปกํ ปีติปาโมชฺชํ นิพฺพเตฺตนฺติ, ปเคว อปรภาเคฯ วุตฺตเญฺหตํ –

    Ratanānīti ratijananaṭṭhena ratanāni. Satipaṭṭhānādayo hi bhāviyamānā pubbabhāgepi anappakaṃ pītipāmojjaṃ nibbattenti, pageva aparabhāge. Vuttañhetaṃ –

    ‘‘ยโต ยโต สมฺมสติ, ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ;

    ‘‘Yato yato sammasati, khandhānaṃ udayabbayaṃ;

    ลภตี ปีติปาโมชฺชํ, อมตํ ตํ วิชานต’’นฺติฯ (ธ. ป. ๓๗๔) –

    Labhatī pītipāmojjaṃ, amataṃ taṃ vijānata’’nti. (dha. pa. 374) –

    โลกิยรตนนิมิตฺตํ ปน ปีติปาโมชฺชํ น ตสฺส กลภาคมฺปิ อคฺฆตีติ อยมโตฺถ เหฎฺฐา ทสฺสิโต เอวฯ อปิจ –

    Lokiyaratananimittaṃ pana pītipāmojjaṃ na tassa kalabhāgampi agghatīti ayamattho heṭṭhā dassito eva. Apica –

    ‘‘จิตฺตีกตํ มหคฺฆญฺจ, อตุลํ ทุลฺลภทสฺสนํ;

    ‘‘Cittīkataṃ mahagghañca, atulaṃ dullabhadassanaṃ;

    อโนมสตฺตปริโภคํ, ‘รตน’นฺติ ปวุจฺจตี’’ติฯ

    Anomasattaparibhogaṃ, ‘ratana’nti pavuccatī’’ti.

    ยทิ จ จิตฺตีกตาทิภาเวน รตนํ นาม โหติ, สติปฎฺฐานาทีนํเยว ภูตโต รตนภาโวฯ โพธิปกฺขิยธมฺมานญฺหิ โส อานุภาโว, ยํ สาวกา สาวกปารมีญาณํ, ปเจฺจกพุทฺธา ปเจฺจกโพธิญาณํ, สมฺมาสมฺพุทฺธา สมฺมาสโมฺพธิํ อธิคจฺฉนฺตีติ อาสนฺนการณตฺตาฯ ปรมฺปรการณญฺหิ ทานาทิอุปนิสฺสโยติ เอวํ รติชนนเฎฺฐน จิตฺตีกตาทิอเตฺถน จ รตนภาโว โพธิปกฺขิยธมฺมานํ สาติสโยฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘ตตฺริมานิ รตนานิ, เสยฺยถิทํ, จตฺตาโร สติปฎฺฐานา’’ติอาทิฯ

    Yadi ca cittīkatādibhāvena ratanaṃ nāma hoti, satipaṭṭhānādīnaṃyeva bhūtato ratanabhāvo. Bodhipakkhiyadhammānañhi so ānubhāvo, yaṃ sāvakā sāvakapāramīñāṇaṃ, paccekabuddhā paccekabodhiñāṇaṃ, sammāsambuddhā sammāsambodhiṃ adhigacchantīti āsannakāraṇattā. Paramparakāraṇañhi dānādiupanissayoti evaṃ ratijananaṭṭhena cittīkatādiatthena ca ratanabhāvo bodhipakkhiyadhammānaṃ sātisayo. Tena vuttaṃ – ‘‘tatrimāni ratanāni, seyyathidaṃ, cattāro satipaṭṭhānā’’tiādi.

    ตตฺถ อารมฺมเณ ปกฺขนฺทิตฺวา อุปฎฺฐานเฎฺฐน ปฎฺฐานํ, สติเยว ปฎฺฐานํ สติปฎฺฐานํฯ อารมฺมณสฺส ปน กายาทิวเสน จตุพฺพิธตฺตา วุตฺตํ ‘‘จตฺตาโร สติปฎฺฐานา’’ติฯ ตถา หิ กายเวทนาจิตฺตธเมฺมสุ สุภสุขนิจฺจอตฺตสญฺญานํ ปหานโต อสุภทุกฺขานิจฺจานตฺตตาคหณโต จ เนสํ กายานุปสฺสนาทิภาโว วิภโตฺตฯ

    Tattha ārammaṇe pakkhanditvā upaṭṭhānaṭṭhena paṭṭhānaṃ, satiyeva paṭṭhānaṃ satipaṭṭhānaṃ. Ārammaṇassa pana kāyādivasena catubbidhattā vuttaṃ ‘‘cattāro satipaṭṭhānā’’ti. Tathā hi kāyavedanācittadhammesu subhasukhaniccaattasaññānaṃ pahānato asubhadukkhāniccānattatāgahaṇato ca nesaṃ kāyānupassanādibhāvo vibhatto.

    สมฺมา ปทหนฺติ เอเตน, สยํ วา สมฺมา ปทหติ, ปสตฺถํ, สุนฺทรํ วา ปทหนฺติ สมฺมปฺปธานํฯ ปุคฺคลสฺส วา สมฺมเทว ปธานภาวกรณโต สมฺมปฺปธานํฯ วีริยเสฺสตํ อธิวจนํฯ ตมฺปิ อนุปฺปนฺนุปฺปนฺนานํ อกุสลานํ อนุปฺปาทนปหานวเสน อนุปฺปนฺนุปฺปนฺนานํ กุสลานํ ธมฺมานํ อุปฺปาทนภาวนวเสน จ จตุกิจฺจํ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา’’ติฯ

    Sammā padahanti etena, sayaṃ vā sammā padahati, pasatthaṃ, sundaraṃ vā padahanti sammappadhānaṃ. Puggalassa vā sammadeva padhānabhāvakaraṇato sammappadhānaṃ. Vīriyassetaṃ adhivacanaṃ. Tampi anuppannuppannānaṃ akusalānaṃ anuppādanapahānavasena anuppannuppannānaṃ kusalānaṃ dhammānaṃ uppādanabhāvanavasena ca catukiccaṃ katvā vuttaṃ ‘‘cattāro sammappadhānā’’ti.

    อิชฺฌตีติ อิทฺธิ, สมิชฺฌติ นิปฺผชฺชตีติ อโตฺถฯ อิชฺฌนฺติ วา เอตาย สตฺตา อิทฺธา วุทฺธา อุกฺกํสคตา โหนฺตีติ อิทฺธิฯ อิติ ปฐเมน อเตฺถน อิทฺธิ เอว ปาโท อิทฺธิปาโท, อิทฺธิโกฎฺฐาโสติ อโตฺถ ฯ ทุติเยน อเตฺถน อิทฺธิยา ปาโท ปติฎฺฐา อธิคมูปาโยติ อิทฺธิปาโทฯ เตน หิ อุปรูปริวิเสสสงฺขาตํ อิทฺธิํ ปชฺชนฺติ ปาปุณนฺติ, สฺวายํ อิทฺธิปาโท ยสฺมา ฉนฺทาทิเก จตฺตาโร อธิปติธเมฺม ธุเร เชฎฺฐเก กตฺวา นิพฺพตฺติยติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘จตฺตาโร อิทฺธิปาทา’’ติฯ

    Ijjhatīti iddhi, samijjhati nipphajjatīti attho. Ijjhanti vā etāya sattā iddhā vuddhā ukkaṃsagatā hontīti iddhi. Iti paṭhamena atthena iddhi eva pādo iddhipādo, iddhikoṭṭhāsoti attho . Dutiyena atthena iddhiyā pādo patiṭṭhā adhigamūpāyoti iddhipādo. Tena hi uparūparivisesasaṅkhātaṃ iddhiṃ pajjanti pāpuṇanti, svāyaṃ iddhipādo yasmā chandādike cattāro adhipatidhamme dhure jeṭṭhake katvā nibbattiyati, tasmā vuttaṃ ‘‘cattāro iddhipādā’’ti.

    ปญฺจินฺทฺริยานีติ สทฺธาทีนิ ปญฺจ อินฺทฺริยานิฯ ตตฺถ อสฺสทฺธิยํ อภิภวิตฺวา อธิโมกฺขลกฺขเณ อินฺทฎฺฐํ กาเรตีติ สทฺธินฺทฺริยํ, โกสชฺชํ อภิภวิตฺวา ปคฺคหลกฺขเณ , ปมาทํ อภิภวิตฺวา อุปฎฺฐานลกฺขเณ, วิเกฺขปํ อภิภวิตฺวา อวิเกฺขปลกฺขเณ, อญฺญาณํ อภิภวิตฺวา ทสฺสนลกฺขเณ อินฺทฎฺฐํ กาเรตีติ ปญฺญินฺทฺริยํฯ

    Pañcindriyānīti saddhādīni pañca indriyāni. Tattha assaddhiyaṃ abhibhavitvā adhimokkhalakkhaṇe indaṭṭhaṃ kāretīti saddhindriyaṃ, kosajjaṃ abhibhavitvā paggahalakkhaṇe , pamādaṃ abhibhavitvā upaṭṭhānalakkhaṇe, vikkhepaṃ abhibhavitvā avikkhepalakkhaṇe, aññāṇaṃ abhibhavitvā dassanalakkhaṇe indaṭṭhaṃ kāretīti paññindriyaṃ.

    ตานิเยว อสฺสทฺธิยาทีหิ อนภิภวนียโต อกมฺปิยเฎฺฐน สมฺปยุตฺตธเมฺมสุ ถิรภาเวน ‘‘พลานี’’ติ เวทิตพฺพานิฯ

    Tāniyeva assaddhiyādīhi anabhibhavanīyato akampiyaṭṭhena sampayuttadhammesu thirabhāvena ‘‘balānī’’ti veditabbāni.

    สตฺต โพชฺฌงฺคาติ โพธิยา, โพธิสฺส วา องฺคาติ โพชฺฌงฺคาฯ ยา หิ เอสา ธมฺมสามคฺคี ยาย โลกุตฺตรมคฺคกฺขเณ อุปฺปชฺชมานาย ลีนุทฺธจฺจปติฎฺฐานายูหนกามสุขตฺตกิลมถานุโยค- อุเจฺฉทสสฺสตาภินิเวสาทีนํ อเนเกสํ อุปทฺทวานํ ปฎิปกฺขภูตาย สติธมฺมวิจยวีริยปีติปสฺสทฺธิสมาธิอุเปกฺขาสงฺขาตาย ธมฺมสามคฺคิยา อริยสาวโก พุชฺฌติ, กิเลสนิทฺทาย วุฎฺฐหติ, จตฺตาริ วา อริยสจฺจานิ ปฎิวิชฺฌติ, นิพฺพานเมว วา สจฺฉิกโรตีติ ‘‘โพธี’’ติ วุจฺจติ, ตสฺสา ธมฺมสามคฺคิสงฺขาตาย โพธิยา องฺคาติปิ โพชฺฌงฺคา ฌานงฺคมคฺคงฺคาทโย วิยฯ โยเปส วุตฺตปฺปการาย ธมฺมสามคฺคิยา พุชฺฌตีติ กตฺวา อริยสาวโก ‘‘โพธี’’ติ วุจฺจติ, ตสฺส โพธิสฺส องฺคาติปิ โพชฺฌงฺคา เสนงฺครถงฺคาทโย วิยฯ เตนาหุ โปราณา – ‘‘พุชฺฌนกสฺส ปุคฺคลสฺส องฺคาติ โพชฺฌงฺคา’’ติฯ ‘‘โพธิยา สํวตฺตนฺตีติ โพชฺฌงฺคา’’ติอาทินา นเยนปิ โพชฺฌงฺคานํ โพชฺฌงฺคโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    Satta bojjhaṅgāti bodhiyā, bodhissa vā aṅgāti bojjhaṅgā. Yā hi esā dhammasāmaggī yāya lokuttaramaggakkhaṇe uppajjamānāya līnuddhaccapatiṭṭhānāyūhanakāmasukhattakilamathānuyoga- ucchedasassatābhinivesādīnaṃ anekesaṃ upaddavānaṃ paṭipakkhabhūtāya satidhammavicayavīriyapītipassaddhisamādhiupekkhāsaṅkhātāya dhammasāmaggiyā ariyasāvako bujjhati, kilesaniddāya vuṭṭhahati, cattāri vā ariyasaccāni paṭivijjhati, nibbānameva vā sacchikarotīti ‘‘bodhī’’ti vuccati, tassā dhammasāmaggisaṅkhātāya bodhiyā aṅgātipi bojjhaṅgā jhānaṅgamaggaṅgādayo viya. Yopesa vuttappakārāya dhammasāmaggiyā bujjhatīti katvā ariyasāvako ‘‘bodhī’’ti vuccati, tassa bodhissa aṅgātipi bojjhaṅgā senaṅgarathaṅgādayo viya. Tenāhu porāṇā – ‘‘bujjhanakassa puggalassa aṅgāti bojjhaṅgā’’ti. ‘‘Bodhiyā saṃvattantīti bojjhaṅgā’’tiādinā nayenapi bojjhaṅgānaṃ bojjhaṅgattho veditabbo.

    อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺคติ ตํตํมคฺควชฺฌกิเลเสหิ อารกตฺตา อริยภาวกรตฺตา อริยผลปฎิลาภกรตฺตา จ อริโยฯ สมฺมาทิฎฺฐิอาทีนิ อฎฺฐงฺคานิ อสฺส อตฺถิ, อฎฺฐ องฺคานิเยว วา อฎฺฐงฺคิโกฯ กิเลเส มาเรโนฺต คจฺฉติ, นิพฺพานตฺถิเกหิ มคฺคิยติ, สยํ วา นิพฺพานํ มคฺคตีติ มโคฺคติฯ เอวเมเตสํ สติปฎฺฐานาทีนํ อตฺถวิภาโค เวทิตโพฺพฯ

    Ariyo aṭṭhaṅgiko maggoti taṃtaṃmaggavajjhakilesehi ārakattā ariyabhāvakarattā ariyaphalapaṭilābhakarattā ca ariyo. Sammādiṭṭhiādīni aṭṭhaṅgāni assa atthi, aṭṭha aṅgāniyeva vā aṭṭhaṅgiko. Kilese mārento gacchati, nibbānatthikehi maggiyati, sayaṃ vā nibbānaṃ maggatīti maggoti. Evametesaṃ satipaṭṭhānādīnaṃ atthavibhāgo veditabbo.

    โสตาปโนฺนติ มคฺคสงฺขาตํ โสตํ อาปชฺชิตฺวา ปาปุณิตฺวา ฐิโต, โสตาปตฺติผลโฎฺฐติ อโตฺถฯ โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฎิปโนฺนติ โสตาปตฺติผลสฺส อตฺตปจฺจกฺขกรณาย ปฎิปชฺชมาโน ปฐมมคฺคโฎฺฐ, โย อฎฺฐมโกติปิ วุจฺจติฯ สกทาคามีติ สกิเทว อิมํ โลกํ ปฎิสนฺธิคฺคหณวเสน อาคมนสีโล ทุติยผลโฎฺฐฯ อนาคามีติ ปฎิสนฺธิคฺคหณวเสน กามโลกํ อนาคมนสีโล ตติยผลโฎฺฐ ฯ โย ปน สทฺธานุสารี ธมฺมานุสารี เอกพีชีติ เอวมาทิโก อริยปุคฺคลวิภาโค, โส เอเตสํเยว ปเภโทติฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ

    Sotāpannoti maggasaṅkhātaṃ sotaṃ āpajjitvā pāpuṇitvā ṭhito, sotāpattiphalaṭṭhoti attho. Sotāpattiphalasacchikiriyāya paṭipannoti sotāpattiphalassa attapaccakkhakaraṇāya paṭipajjamāno paṭhamamaggaṭṭho, yo aṭṭhamakotipi vuccati. Sakadāgāmīti sakideva imaṃ lokaṃ paṭisandhiggahaṇavasena āgamanasīlo dutiyaphalaṭṭho. Anāgāmīti paṭisandhiggahaṇavasena kāmalokaṃ anāgamanasīlo tatiyaphalaṭṭho . Yo pana saddhānusārī dhammānusārī ekabījīti evamādiko ariyapuggalavibhāgo, so etesaṃyeva pabhedoti. Sesaṃ vuttanayameva.

    เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ อตฺตโน ธมฺมวินเย มตกุณปสทิเสน ทุสฺสีลปุคฺคเลน สทฺธิํ สํวาสาภาวสงฺขาตํ อตฺถํ วิทิตฺวาฯ อิมํ อุทานนฺติ อิมํ อสํวาสารหสํวาสารหวิภาคการณปริทีปนํ อุทานํ อุทาเนสิฯ

    Etamatthaṃ viditvāti etaṃ attano dhammavinaye matakuṇapasadisena dussīlapuggalena saddhiṃ saṃvāsābhāvasaṅkhātaṃ atthaṃ viditvā. Imaṃ udānanti imaṃ asaṃvāsārahasaṃvāsārahavibhāgakāraṇaparidīpanaṃ udānaṃ udānesi.

    ตตฺถ ฉนฺนมติวสฺสตีติ อาปตฺติํ อาปชฺชิตฺวา ปฎิจฺฉาเทโนฺต อญฺญํ นวํ อาปตฺติํ อาปชฺชติ, ตโต ปรํ ตโต ปรนฺติ เอวํ อาปตฺติวสฺสํ กิเลสวสฺสํ อติวิย วสฺสติฯ วิวฎํ นาติวสฺสตีติ อาปตฺติํ อาปโนฺน ตํ อปฺปฎิจฺฉาเทตฺวา วิวรโนฺต สพฺรหฺมจารีนํ ปกาเสโนฺต ยถาธมฺมํ ยถาวินยํ ปฎิกโรโนฺต เทเสโนฺต วุฎฺฐหโนฺต อญฺญํ นวํ อาปตฺติํ น อาปชฺชติ, เตนสฺส วิวฎํ ปุน อาปตฺติวสฺสํ กิเลสวสฺสํ น วสฺสติฯ ยสฺมา จ เอตเทวํ, ตสฺมา ฉนฺนํ ฉาทิตํ อาปตฺติํ วิวเรถ ปกาเสถฯ เอวํ ตํ นาติวสฺสตีติ เอวํ สเนฺต ตํ อาปตฺติอาปชฺชนกํ อาปนฺนปุคฺคลํ อตฺตภาวํ อติวิชฺฌิตฺวา กิเลสวสฺสํ น วสฺสติ น เตเมติฯ เอวํ โส กิเลเสหิ อนวสฺสุโต ปริสุทฺธสีโล สมาหิโต หุตฺวา วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา สมฺมสโนฺต อนุกฺกเมน นิพฺพานํ ปาปุณาตีติ อธิปฺปาโยฯ

    Tattha channamativassatīti āpattiṃ āpajjitvā paṭicchādento aññaṃ navaṃ āpattiṃ āpajjati, tato paraṃ tato paranti evaṃ āpattivassaṃ kilesavassaṃ ativiya vassati. Vivaṭaṃ nātivassatīti āpattiṃ āpanno taṃ appaṭicchādetvā vivaranto sabrahmacārīnaṃ pakāsento yathādhammaṃ yathāvinayaṃ paṭikaronto desento vuṭṭhahanto aññaṃ navaṃ āpattiṃ na āpajjati, tenassa vivaṭaṃ puna āpattivassaṃ kilesavassaṃ na vassati. Yasmā ca etadevaṃ, tasmā channaṃ chāditaṃ āpattiṃ vivaretha pakāsetha. Evaṃ taṃ nātivassatīti evaṃ sante taṃ āpattiāpajjanakaṃ āpannapuggalaṃ attabhāvaṃ ativijjhitvā kilesavassaṃ na vassati na temeti. Evaṃ so kilesehi anavassuto parisuddhasīlo samāhito hutvā vipassanaṃ paṭṭhapetvā sammasanto anukkamena nibbānaṃ pāpuṇātīti adhippāyo.

    ปญฺจมสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Pañcamasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อุทานปาฬิ • Udānapāḷi / ๕. อุโปสถสุตฺตํ • 5. Uposathasuttaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact