Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā)

    ๑๐. อุโปสถสุตฺตวณฺณนา

    10. Uposathasuttavaṇṇanā

    ๗๑. ทสเม ตทหูติ เอตฺถ ตสฺมิํ อหนีติ อโตฺถติ อาห ‘‘ตสฺมิํ อหุ อุโปสเถ’’ติฯ อุปวสนฺติ เอตฺถาติ อุโปสโถ, อุโปสถทิวโสฯ อุปวสนฺตีติ จ สีเลน วา อนสเนน วา ขีรสายนาทิวิธินา วา อุเปตา หุตฺวา วสนฺตีติ อโตฺถฯ อุโปสถทิวเส หิ สาสนิกา สีเลน, พาหิรกา สพฺพโส อาหารสฺส อภุญฺชเนน ขีรสายนมธุสายนาทิวิธินา วา อุเปตา หุตฺวา วิหรนฺติฯ โส ปเนส อุโปสถทิวโส อฎฺฐมิจาตุทฺทสิปนฺนรสิเภเทน ติวิโธ, ตสฺมา เสสทฺวยนิวารณตฺถํ ‘‘ปนฺนรสิกอุโปสถทิวเส’’ติ วุตฺตํฯ ววสฺสคฺคเตฺถติ วจสายเตฺถฯ ทิวสโทฺท ทิวาสโทฺท วิย ทิวสปริยาโย, ตสฺส วิเสสนภาเวน วุจฺจมาโน ทิวาสโทฺท สวิเสเสน ทีเปตีติ อาห ‘‘ทิวสสฺส ทิวา , มชฺฌนฺหิเก กาเลติ อโตฺถ’’ติฯ ปฎิจฺฉาเปตฺวาติ สมฺปฎิจฺฉนํ กาเรตฺวาฯ วิปากผเลนาติ สทิสผเลนฯ น มหปฺผโล โหติ มโนทุจฺจริตทุสฺสีเลฺยน อุปกฺกิลิฎฺฐภาวโตฯ วิปากานิสํเสนาติ อุทฺรยผเลนฯ วิปาโกภาเสนาติ ปฎิปกฺขวิคมชนิเตน สภาวสงฺขาเตน วิปาโกภาเสนฯ น มหาโอภาโส อปริสุทฺธภาวโตฯ วิปากวิปฺผารสฺสาติ วิปากเวปุลฺลสฺสฯ

    71. Dasame tadahūti ettha tasmiṃ ahanīti atthoti āha ‘‘tasmiṃ ahu uposathe’’ti. Upavasanti etthāti uposatho, uposathadivaso. Upavasantīti ca sīlena vā anasanena vā khīrasāyanādividhinā vā upetā hutvā vasantīti attho. Uposathadivase hi sāsanikā sīlena, bāhirakā sabbaso āhārassa abhuñjanena khīrasāyanamadhusāyanādividhinā vā upetā hutvā viharanti. So panesa uposathadivaso aṭṭhamicātuddasipannarasibhedena tividho, tasmā sesadvayanivāraṇatthaṃ ‘‘pannarasikauposathadivase’’ti vuttaṃ. Vavassaggattheti vacasāyatthe. Divasaddo divāsaddo viya divasapariyāyo, tassa visesanabhāvena vuccamāno divāsaddo savisesena dīpetīti āha ‘‘divasassa divā, majjhanhike kāleti attho’’ti. Paṭicchāpetvāti sampaṭicchanaṃ kāretvā. Vipākaphalenāti sadisaphalena. Na mahapphalo hoti manoduccaritadussīlyena upakkiliṭṭhabhāvato. Vipākānisaṃsenāti udrayaphalena. Vipākobhāsenāti paṭipakkhavigamajanitena sabhāvasaṅkhātena vipākobhāsena. Na mahāobhāso aparisuddhabhāvato. Vipākavipphārassāti vipākavepullassa.

    นาหํ กฺวจนีติอาทิวจนสฺส มิจฺฉาภินิเวสวเสน ปวตฺตตฺตา ‘‘อิทํ ตสฺส มุสาวาทสฺมิํ วทามี’’ติ ปาฬิยํ วุตฺตํ, จตุโกฎิกสุญฺญตาทสฺสนวเสน ปวตฺตํ ปน อริยทสฺสนเมวาติ น ตตฺถ มุสาวาโทฯ วุตฺตเญฺหตํ –

    Nāhaṃkvacanītiādivacanassa micchābhinivesavasena pavattattā ‘‘idaṃ tassa musāvādasmiṃ vadāmī’’ti pāḷiyaṃ vuttaṃ, catukoṭikasuññatādassanavasena pavattaṃ pana ariyadassanamevāti na tattha musāvādo. Vuttañhetaṃ –

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อริยสาวโก อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ ‘นาหํ กฺวจนิ, กสฺสจิ กิญฺจนตสฺมิํ, น จ มม กฺวจนิ, กิสฺมิญฺจิ กิญฺจนตตฺถี’’’ติอาทิ (ม. นิ. ๓.๗๐)ฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, ariyasāvako iti paṭisañcikkhati ‘nāhaṃ kvacani, kassaci kiñcanatasmiṃ, na ca mama kvacani, kismiñci kiñcanatatthī’’’tiādi (ma. ni. 3.70).

    เอตฺถ หิ จตุโกฎิกสุญฺญตา กถิตาฯ กถํ? อริโย (วิสุทฺธิ. ๒.๗๖๐; ม. นิ. อฎฺฐ. ๓.๗๐) หิ นาหํ กฺวจนีติ กฺวจิ อตฺตานํ น ปสฺสติ, กสฺสจิ กิญฺจนตสฺมินฺติ อตฺตโน อตฺตานํ กสฺสจิ ปรสฺส กิญฺจนภาเว อุปเนตพฺพํ น ปสฺสติ, ภาติฎฺฐาเน ภาตรํ, สหายฎฺฐาเน สหายํ, ปริกฺขารฎฺฐาเน ปริกฺขารํ มญฺญิตฺวา อุปเนตพฺพํ น ปสฺสตีติ อโตฺถฯ น จ มม กฺวจนีติ เอตฺถ มม-สทฺทํ ตาว ฐเปตฺวา กฺวจนิ ปรสฺส จ อตฺตานํ กฺวจิ น ปสฺสตีติ อยมโตฺถฯ อิทานิ มม-สทฺทํ อาหริตฺวา ‘‘มม กิสฺมิญฺจิ กิญฺจนตตฺถี’’ติ โส ปรสฺส อตฺตานํ ‘‘มม กิสฺมิญฺจิ กิญฺจนภาเวน อตฺถี’’ติ น ปสฺสติ, อตฺตโน ภาติกฎฺฐาเน ภาตรํ, สหายฎฺฐาเน สหายํ, ปริกฺขารฎฺฐาเน ปริกฺขารนฺติ กิสฺมิญฺจิ ฐาเน ปรสฺส อตฺตานํ อิมินา กิญฺจนภาเวน อุปเนตพฺพํ น ปสฺสตีติ อโตฺถฯ เอวมยํ ยสฺมา เนว กตฺถจิ อตฺตานํ ปสฺสติ, น ตํ ปรสฺส กิญฺจนภาเว อุปเนตพฺพํ ปสฺสติฯ น กตฺถจิ ปรสฺส อตฺตานํ ปสฺสติ, น ปรสฺส อตฺตานํ อตฺตโน กิญฺจนภาเว อุปเนตพฺพํ ปสฺสติ, ตสฺมา อยํ สุญฺญตา จตุโกฎิกาติ เวทิตพฺพาฯ

    Ettha hi catukoṭikasuññatā kathitā. Kathaṃ? Ariyo (visuddhi. 2.760; ma. ni. aṭṭha. 3.70) hi nāhaṃ kvacanīti kvaci attānaṃ na passati, kassaci kiñcanatasminti attano attānaṃ kassaci parassa kiñcanabhāve upanetabbaṃ na passati, bhātiṭṭhāne bhātaraṃ, sahāyaṭṭhāne sahāyaṃ, parikkhāraṭṭhāne parikkhāraṃ maññitvā upanetabbaṃ na passatīti attho. Na ca mama kvacanīti ettha mama-saddaṃ tāva ṭhapetvā kvacani parassa ca attānaṃ kvaci na passatīti ayamattho. Idāni mama-saddaṃ āharitvā ‘‘mama kismiñci kiñcanatatthī’’ti so parassa attānaṃ ‘‘mama kismiñci kiñcanabhāvena atthī’’ti na passati, attano bhātikaṭṭhāne bhātaraṃ, sahāyaṭṭhāne sahāyaṃ, parikkhāraṭṭhāne parikkhāranti kismiñci ṭhāne parassa attānaṃ iminā kiñcanabhāvena upanetabbaṃ na passatīti attho. Evamayaṃ yasmā neva katthaci attānaṃ passati, na taṃ parassa kiñcanabhāve upanetabbaṃ passati. Na katthaci parassa attānaṃ passati, na parassa attānaṃ attano kiñcanabhāve upanetabbaṃ passati, tasmā ayaṃ suññatā catukoṭikāti veditabbā.

    ยสฺมา ปน มิจฺฉาทิฎฺฐิกานํ ยาถาวทสฺสนสฺส อสมฺภวโต ยถาวุตฺตจตุโกฎิกสุญฺญตาทสฺสนํ น สมฺภวติ, ตสฺมา ‘‘นตฺถิ มาตา, นตฺถิ ปิตา’’ติอาทิวจนํ (ที. นิ. ๑.๑๗๑) วิย มิจฺฉาคาหวเสน ‘‘นาหํ กฺวจนี’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ ยุโตฺต เจตฺถ มุสาวาทสมฺภโวฯ กตฺถจีติ ฐาเน, กาเล วาฯ อถ ‘‘นิปฺผโล’’ติ กสฺมา วุตฺตํฯ ‘‘น มหปฺผโล’’ติ สเทฺทน หิ มหปฺผลาภาโวว โชติโต, น ปน สพฺพถา ผลาภาโวติ อาห ‘‘พฺยญฺชนเมว หิ เอตฺถ สาวเสส’’นฺติอาทิฯ เสสปเทสุปีติ ‘‘น มหานิสํโส’’ติอาทีสุปิฯ

    Yasmā pana micchādiṭṭhikānaṃ yāthāvadassanassa asambhavato yathāvuttacatukoṭikasuññatādassanaṃ na sambhavati, tasmā ‘‘natthi mātā, natthi pitā’’tiādivacanaṃ (dī. ni. 1.171) viya micchāgāhavasena ‘‘nāhaṃ kvacanī’’tiādi vuttanti yutto cettha musāvādasambhavo. Katthacīti ṭhāne, kāle vā. Atha ‘‘nipphalo’’ti kasmā vuttaṃ. ‘‘Na mahapphalo’’ti saddena hi mahapphalābhāvova jotito, na pana sabbathā phalābhāvoti āha ‘‘byañjanameva hi ettha sāvasesa’’ntiādi. Sesapadesupīti ‘‘na mahānisaṃso’’tiādīsupi.

    อฎฺฐหิ การเณหีติ –

    Aṭṭhahi kāraṇehīti –

    ‘‘อถ โข, ภเนฺต, สโกฺก เทวานมิโนฺท เทวานํ ตาวติํสานํ ภควโต อฎฺฐ ยถาภุเจฺจ วเณฺณ ปยิรุทาหาสิ – ‘ตํ กิํ มญฺญนฺติ, โภโนฺต เทวา ตาวติํสา, ยาวญฺจ โส ภควา พหุชนหิตาย ปฎิปโนฺน พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํ, เอวํ พหุชนหิตาย ปฎิปนฺนํ พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํ อิมินาปเงฺคน สมนฺนาคตํ สตฺถารํ เนว อตีตํเส สมนุปสฺสามิ, น ปเนตรหิ อญฺญตฺร เตน ภควตา’’ติ –

    ‘‘Atha kho, bhante, sakko devānamindo devānaṃ tāvatiṃsānaṃ bhagavato aṭṭha yathābhucce vaṇṇe payirudāhāsi – ‘taṃ kiṃ maññanti, bhonto devā tāvatiṃsā, yāvañca so bhagavā bahujanahitāya paṭipanno bahujanasukhāya lokānukampāya atthāya hitāya sukhāya devamanussānaṃ, evaṃ bahujanahitāya paṭipannaṃ bahujanasukhāya lokānukampāya atthāya hitāya sukhāya devamanussānaṃ imināpaṅgena samannāgataṃ satthāraṃ neva atītaṃse samanupassāmi, na panetarahi aññatra tena bhagavatā’’ti –

    อาทินา มหาโควินฺทสุเตฺต (ที. นิ. ๒.๒๙๖) วิตฺถาริเตหิ พหุชนหิตาย ปฎิปนฺนาทีหิ พุทฺธานุภาวทีปเกหิ อฎฺฐหิ การเณหิฯ อถ ‘‘นวหิ การเณหี’’ติ อวตฺวา ‘‘อฎฺฐหิ การเณหี’’ติ กสฺมา วุตฺตนฺติ อาห ‘‘เอตฺถ หิ…เป.… สเพฺพ โลกิยโลกุตฺตรา พุทฺธคุณา สงฺคหิตา’’ติฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – อิมสฺมิํ สุเตฺต ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติ อิมินา วจเนน อวิเสสโต สเพฺพปิ โลกิยโลกุตฺตรา พุทฺธคุณา ทีปิตา, ตสฺมา เตน ทีปิตคุเณ สนฺธาย ‘‘อฎฺฐหิ การเณหี’’ติ วุตฺตนฺติฯ อรหนฺติอาทีหิ ปาฎิเยกฺกคุณาว นิทฺทิฎฺฐาติ อรหนฺติอาทีหิ เอเกเกหิ ปเทหิ เอเกเก คุณาว นิทฺทิฎฺฐาติ อโตฺถฯ

    Ādinā mahāgovindasutte (dī. ni. 2.296) vitthāritehi bahujanahitāya paṭipannādīhi buddhānubhāvadīpakehi aṭṭhahi kāraṇehi. Atha ‘‘navahi kāraṇehī’’ti avatvā ‘‘aṭṭhahi kāraṇehī’’ti kasmā vuttanti āha ‘‘ettha hi…pe… sabbe lokiyalokuttarā buddhaguṇā saṅgahitā’’ti. Idaṃ vuttaṃ hoti – imasmiṃ sutte ‘‘itipi so bhagavā’’ti iminā vacanena avisesato sabbepi lokiyalokuttarā buddhaguṇā dīpitā, tasmā tena dīpitaguṇe sandhāya ‘‘aṭṭhahi kāraṇehī’’ti vuttanti. Arahantiādīhi pāṭiyekkaguṇāva niddiṭṭhāti arahantiādīhi ekekehi padehi ekeke guṇāva niddiṭṭhāti attho.

    สหตนฺติกนฺติ ปาฬิธมฺมสหิตํฯ ปุริมนเยเนว โยชนา กาตพฺพาติ ‘‘กิลิฎฺฐสฺมิญฺหิ กาเย ปสาธนํ ปสาเธตฺวา นกฺขตฺตํ กีฬมานา น โสภนฺตี’’ติอาทินา นเยน โยชนา กาตพฺพาติ อโตฺถฯ

    Sahatantikanti pāḷidhammasahitaṃ. Purimanayeneva yojanā kātabbāti ‘‘kiliṭṭhasmiñhi kāye pasādhanaṃ pasādhetvā nakkhattaṃ kīḷamānā na sobhantī’’tiādinā nayena yojanā kātabbāti attho.

    สงฺฆสฺส อนุสฺสรณํ นาม ตสฺส คุณานุสฺสรณเมวาติ อาห ‘‘อฎฺฐนฺนํ อริยปุคฺคลานํ คุเณ อนุสฺสรตี’’ติฯ เทฺว ตโย วาเร คาหาปิตํ อุสุมนฺติ เทฺว ตโย วาเร อุทฺธนํ อาโรเปตฺวา เสทนวเสน คาหาปิตํ อุสุมํฯ ปุริมนเยเนว โยชนา กาตพฺพาติ ‘‘กิลิฎฺฐสฺมิญฺหิ วเตฺถ ปสาธนํ ปสาเธตฺวา นกฺขตฺตํ กีฬมานา น โสภนฺตี’’ติอาทินา นเยน โยชนา กาตพฺพาฯ

    Saṅghassa anussaraṇaṃ nāma tassa guṇānussaraṇamevāti āha ‘‘aṭṭhannaṃ ariyapuggalānaṃ guṇe anussaratī’’ti. Dve tayo vāre gāhāpitaṃ usumanti dve tayo vāre uddhanaṃ āropetvā sedanavasena gāhāpitaṃ usumaṃ. Purimanayeneva yojanā kātabbāti ‘‘kiliṭṭhasmiñhi vatthe pasādhanaṃ pasādhetvā nakkhattaṃ kīḷamānā na sobhantī’’tiādinā nayena yojanā kātabbā.

    ปหีนกาลโต ปฎฺฐาย…เป.… วิรตาวาติ เอเตน ปหานเหตุกา อิธาธิเปฺปตา วิรตีติ ทเสฺสติฯ กมฺมกฺขยกรญาเณน หิ ปาณาติปาตทุสฺสีลฺยสฺส ปหีนตฺตา อรหโนฺต อจฺจนฺตเมว ตโต ปฎิวิรตาติ วุจฺจติ สมุเจฺฉทวเสน ปหานวิรตีนํ อธิเปฺปตตฺตาฯ กิญฺจาปิ ปหานวิรมณานํ ปุริมปจฺฉิมกาลตา นตฺถิ, มคฺคธมฺมานํ ปน สมฺมาทิฎฺฐิอาทีนํ สมฺมาวาจาทีนญฺจ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนภาเว อเปกฺขิเต สหชาตานมฺปิ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนภาเวน คหณํ ปุริมปจฺฉิมภาเวเนว โหตีติ, คหณปฺปวตฺติอาการวเสน ปจฺจยภูเตสุ สมฺมาทิฎฺฐิอาทีสุ ปหายกธเมฺมสุ ปหานกิริยาย ปุริมกาลโวหาโร, ปจฺจยุปฺปนฺนาสุ จ วิรตีสุ วิรมณกิริยาย อปรกาลโวหาโร จ โหตีติ ปหานํ วา สมุเจฺฉทวเสน, วิรติ ปฎิปฺปสฺสทฺธิวเสน โยเชตพฺพาฯ

    Pahīnakālato paṭṭhāya…pe… viratāvāti etena pahānahetukā idhādhippetā viratīti dasseti. Kammakkhayakarañāṇena hi pāṇātipātadussīlyassa pahīnattā arahanto accantameva tato paṭiviratāti vuccati samucchedavasena pahānaviratīnaṃ adhippetattā. Kiñcāpi pahānaviramaṇānaṃ purimapacchimakālatā natthi, maggadhammānaṃ pana sammādiṭṭhiādīnaṃ sammāvācādīnañca paccayapaccayuppannabhāve apekkhite sahajātānampi paccayapaccayuppannabhāvena gahaṇaṃ purimapacchimabhāveneva hotīti, gahaṇappavattiākāravasena paccayabhūtesu sammādiṭṭhiādīsu pahāyakadhammesu pahānakiriyāya purimakālavohāro, paccayuppannāsu ca viratīsu viramaṇakiriyāya aparakālavohāro ca hotīti pahānaṃ vā samucchedavasena, virati paṭippassaddhivasena yojetabbā.

    อถ วา ปาโณ อติปาตียติ เอเตนาติ ปาณาติปาโต, ปาณฆาตเหตุภูโต ธมฺมสมูโหฯ โก ปน โส? อหิริกาโนตฺตปฺปโทสโมหวิหิํสาทโย กิเลสาฯ เต หิ อรหโนฺต อริยมเคฺคน ปหาย สมุคฺฆาเตตฺวา ปาณาติปาตทุสฺสีลฺยโต อจฺจนฺตเมว ปฎิวิรตาติ วุจฺจนฺติ, กิเลเสสุ ปหีเนสุ กิเลสนิมิตฺตสฺส กมฺมสฺส อนุปฺปชฺชนโตฯ อทินฺนาทานํ ปหายาติอาทีสุปิ เอเสว นโยฯ วิรตาวาติ อวธารเณน ตสฺสา วิรติยา กาลาทิวเสน อปริยนฺตตํ ทเสฺสติฯ ยถา หิ อเญฺญ สมาทินฺนวิรติกาปิ อนวฎฺฐิตจิตฺตตาย ลาภชีวิตาทิเหตุ สมาทานํ ภินฺทนฺติ, น เอวํ อรหโนฺต, อรหโนฺต ปน สพฺพโส ปหีนปาณาติปาตตฺตา อจฺจนฺตวิรตา เอวาติฯ

    Atha vā pāṇo atipātīyati etenāti pāṇātipāto, pāṇaghātahetubhūto dhammasamūho. Ko pana so? Ahirikānottappadosamohavihiṃsādayo kilesā. Te hi arahanto ariyamaggena pahāya samugghātetvā pāṇātipātadussīlyato accantameva paṭiviratāti vuccanti, kilesesu pahīnesu kilesanimittassa kammassa anuppajjanato. Adinnādānaṃ pahāyātiādīsupi eseva nayo. Viratāvāti avadhāraṇena tassā viratiyā kālādivasena apariyantataṃ dasseti. Yathā hi aññe samādinnaviratikāpi anavaṭṭhitacittatāya lābhajīvitādihetu samādānaṃ bhindanti, na evaṃ arahanto, arahanto pana sabbaso pahīnapāṇātipātattā accantaviratā evāti.

    ทณฺฑนสงฺขาตสฺส ปรวิเหฐนสฺส จ ปริวชฺชนภาวทีปนตฺถํ ทณฺฑสตฺถานํ นิเกฺขปวจนนฺติ อาห ‘‘ปรูปฆาตตฺถายา’’ติอาทิฯ ลชฺชีติ เอตฺถ วุตฺตลชฺชาย โอตฺตปฺปมฺปิ วุตฺตเมวาติ ทฎฺฐพฺพํฯ น หิ ปาปชิคุจฺฉนปาปุตฺตาสรหิตํ, ปาปภยํ วา อลชฺชนํ อตฺถีติฯ ธมฺมครุตาย วา อรหนฺตานํ ธมฺมสฺส จ อตฺตา ธีนตฺตา อตฺตาธิปติภูตา ลชฺชาว วุตฺตา, น ปน โลกาธิปติ โอตฺตปฺปํฯ ‘‘ทยํ เมตฺตจิตฺตตํ อาปนฺนา’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ ทยา-สโทฺท ‘‘อทยาปโนฺน’’ติอาทีสุ กรุณาย ปวตฺตตีติ? สจฺจเมตํ, อยํ ปน ทยา-สโทฺท อนุรกฺขณตฺถํ อโนฺตนีตํ กตฺวา ปวตฺตมาโน เมตฺตาย กรุณาย จ ปวตฺตตีติ อิธ เมตฺตาย ปวตฺตมาโน วุโตฺตฯ มิชฺชติ สินิยฺหตีติ เมตฺตา, เมตฺตา เอตสฺส อตฺถีติ เมตฺตํ, เมตฺตํ จิตฺตํ เอตสฺสาติ เมตฺตจิโตฺต, ตสฺส ภาโว เมตฺตจิตฺตตา, เมตฺตาอิเจฺจว อโตฺถฯ

    Daṇḍanasaṅkhātassa paraviheṭhanassa ca parivajjanabhāvadīpanatthaṃ daṇḍasatthānaṃ nikkhepavacananti āha ‘‘parūpaghātatthāyā’’tiādi. Lajjīti ettha vuttalajjāya ottappampi vuttamevāti daṭṭhabbaṃ. Na hi pāpajigucchanapāputtāsarahitaṃ, pāpabhayaṃ vā alajjanaṃ atthīti. Dhammagarutāya vā arahantānaṃ dhammassa ca attā dhīnattā attādhipatibhūtā lajjāva vuttā, na pana lokādhipati ottappaṃ. ‘‘Dayaṃ mettacittataṃ āpannā’’ti kasmā vuttaṃ, nanu dayā-saddo ‘‘adayāpanno’’tiādīsu karuṇāya pavattatīti? Saccametaṃ, ayaṃ pana dayā-saddo anurakkhaṇatthaṃ antonītaṃ katvā pavattamāno mettāya karuṇāya ca pavattatīti idha mettāya pavattamāno vutto. Mijjati siniyhatīti mettā, mettā etassa atthīti mettaṃ, mettaṃ cittaṃ etassāti mettacitto, tassa bhāvo mettacittatā, mettāicceva attho.

    สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปีติ เอเตน ตสฺสา วิรติยา ปวตฺตวเสน อปริยนฺตตํ ทเสฺสติฯ ปาณภูเตติ ปาณชาเตฯ อนุกมฺปกาติ กรุณายนกา, ยสฺมา ปน เมตฺตา กรุณาย วิเสสปจฺจโย โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ตาย เอว ทยาปนฺนตายา’’ติฯ เอวํ เยหิ ธเมฺมหิ ปาณาติปาตา วิรติ สมฺปชฺชติ, เตหิ ลชฺชาเมตฺตากรุณาธเมฺมหิ สมงฺคิภาโว ทสฺสิโตฯ

    Sabbapāṇabhūtahitānukampīti etena tassā viratiyā pavattavasena apariyantataṃ dasseti. Pāṇabhūteti pāṇajāte. Anukampakāti karuṇāyanakā, yasmā pana mettā karuṇāya visesapaccayo hoti, tasmā vuttaṃ ‘‘tāya eva dayāpannatāyā’’ti. Evaṃ yehi dhammehi pāṇātipātā virati sampajjati, tehi lajjāmettākaruṇādhammehi samaṅgibhāvo dassito.

    ปรปริคฺคหิตสฺส อาทานนฺติ ปรสนฺตกสฺส อาทานํฯ เถโน วุจฺจติ โจโร, ตสฺส ภาโว เถยฺยํ, กามเญฺจตฺถ ‘‘ลชฺชี ทยาปโนฺน’’ติ น วุตฺตํ, อธิการวเสน ปน อตฺถโต วุตฺตเมวาติ ทฎฺฐพฺพํฯ ยถา หิ ลชฺชาทโย ปาณาติปาตปฺปหานสฺส วิเสสปจฺจยา, เอวํ อทินฺนาทานปฺปหานสฺสปีติ , ตสฺมา สาปิ ปาฬิ อาเนตฺวา วตฺตพฺพาฯ เอส นโย อิโต ปเรสุปิฯ อถ วา สุจิภูเตนาติ เอเตน หิโรตฺตปฺปาทีหิ สมนฺนาคโม, อหิริกาทีนญฺจ ปหานํ วุตฺตเมวาติ ‘‘ลชฺชี’’ติอาทิ น วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ

    Parapariggahitassa ādānanti parasantakassa ādānaṃ. Theno vuccati coro, tassa bhāvo theyyaṃ, kāmañcettha ‘‘lajjī dayāpanno’’ti na vuttaṃ, adhikāravasena pana atthato vuttamevāti daṭṭhabbaṃ. Yathā hi lajjādayo pāṇātipātappahānassa visesapaccayā, evaṃ adinnādānappahānassapīti , tasmā sāpi pāḷi ānetvā vattabbā. Esa nayo ito paresupi. Atha vā sucibhūtenāti etena hirottappādīhi samannāgamo, ahirikādīnañca pahānaṃ vuttamevāti ‘‘lajjī’’tiādi na vuttanti daṭṭhabbaṃ.

    อเสฎฺฐจริยนฺติ อเสฎฺฐานํ หีนานํ, อเสฎฺฐํ วา ลามกํ จริยํ, นิหีนวุตฺติํ เมถุนนฺติ อโตฺถฯ พฺรหฺมํ เสฎฺฐํ อาจารนฺติ เมถุนวิรติมาหฯ อาราจารี เมถุนาติ เอเตน – ‘‘อิเธกโจฺจ น เหว โข มาตุคาเมน สทฺธิํ ทฺวยํทฺวยสมาปตฺติํ สมาปชฺชติ, อปิจ โข มาตุคามสฺส อุจฺฉาทนปริมทฺทนนฺหาปนสมฺพาหนํ สาทิยติ, โส ตํ อสฺสาเทติ, ตํ นิกาเมติ, เตน จ วิตฺติํ อาปชฺชตี’’ติอาทินา (อ. นิ. ๗.๕๐) วุตฺตา สตฺตวิธเมถุนสํโยคาปิ ปฎิวิรติ ทสฺสิตาติ ทฎฺฐพฺพํฯ

    Aseṭṭhacariyanti aseṭṭhānaṃ hīnānaṃ, aseṭṭhaṃ vā lāmakaṃ cariyaṃ, nihīnavuttiṃ methunanti attho. Brahmaṃ seṭṭhaṃ ācāranti methunaviratimāha. Ārācārī methunāti etena – ‘‘idhekacco na heva kho mātugāmena saddhiṃ dvayaṃdvayasamāpattiṃ samāpajjati, apica kho mātugāmassa ucchādanaparimaddananhāpanasambāhanaṃ sādiyati, so taṃ assādeti, taṃ nikāmeti, tena ca vittiṃ āpajjatī’’tiādinā (a. ni. 7.50) vuttā sattavidhamethunasaṃyogāpi paṭivirati dassitāti daṭṭhabbaṃ.

    ‘‘สจฺจโต เถตโต’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๙) วิย เถต-สโทฺท ถิรปริยาโย, ถิรภาโว จ สจฺจวาทิตาย ฐิตกถตฺตา กถาวเสน เวทิตโพฺพติ อาห ‘‘ฐิตกถาติ อโตฺถ’’ติฯ น ฐิตกโถติ ยถา หลิทฺทิราคาทโย อนวฎฺฐิตสภาวตาย น ฐิตา, เอวํ น ฐิตา กถา ยสฺส โส น ฐิตกโถติ หลิทฺทิราคาทโย ยถา กถาย อุปมา โหนฺติ, เอวํ โยเชตพฺพํฯ เอส นโย ‘‘ปาสาณเลขา วิยา’’ติอาทีสุปิฯ สทฺธา อยติ ปวตฺตติ เอตฺถาติ สทฺธายา, สทฺธายา เอว สทฺธายิกา ยถา เวนยิกาฯ สทฺธาย วา อยิตพฺพา สทฺธายิกา, สเทฺธยฺยาติ อโตฺถฯ วตฺตพฺพตํ อาปชฺชติ วิสํวาทนโตติ อธิปฺปาโยฯ

    ‘‘Saccato thetato’’tiādīsu (ma. ni. 1.19) viya theta-saddo thirapariyāyo, thirabhāvo ca saccavāditāya ṭhitakathattā kathāvasena veditabboti āha ‘‘ṭhitakathāti attho’’ti. Na ṭhitakathoti yathā haliddirāgādayo anavaṭṭhitasabhāvatāya na ṭhitā, evaṃ na ṭhitā kathā yassa so na ṭhitakathoti haliddirāgādayo yathā kathāya upamā honti, evaṃ yojetabbaṃ. Esa nayo ‘‘pāsāṇalekhā viyā’’tiādīsupi. Saddhā ayati pavattati etthāti saddhāyā, saddhāyā eva saddhāyikā yathā venayikā. Saddhāya vā ayitabbā saddhāyikā, saddheyyāti attho. Vattabbataṃ āpajjati visaṃvādanatoti adhippāyo.

    เอกํ ภตฺตํ เอกภตฺตํ, ตํ เอเตสมตฺถีติ เอกภตฺติกา, เอกสฺมิํ ทิวเส เอกวารเมว ภุญฺชนกาฯ ตยิทํ รตฺติโภชเนนปิ สิยาติ อาห ‘‘รตฺตูปรตา’’ติฯ เอวมฺปิ สายนฺหโภชเนนปิ สิยุํ เอกภตฺติกาติ ตทาสงฺกานิวตฺตนตฺถํ ‘‘วิรตา วิกาลโภชนา’’ติ วุตฺตํฯ อรุณุคฺคมนโต ปฎฺฐาย ยาว มชฺฌนฺหิกา อยํ พุทฺธานํ อริยานํ อาจิณฺณสมาจิโณฺณ โภชนสฺส กาโล นาม, ตทโญฺญ วิกาโลฯ อฎฺฐกถายํ ปน ทุติยปเทน รตฺติโภชนสฺส ปฎิกฺขิตฺตตฺตา อปรโณฺห ‘‘วิกาโล’’ติ วุโตฺตฯ

    Ekaṃ bhattaṃ ekabhattaṃ, taṃ etesamatthīti ekabhattikā, ekasmiṃ divase ekavārameva bhuñjanakā. Tayidaṃ rattibhojanenapi siyāti āha ‘‘rattūparatā’’ti. Evampi sāyanhabhojanenapi siyuṃ ekabhattikāti tadāsaṅkānivattanatthaṃ ‘‘viratā vikālabhojanā’’ti vuttaṃ. Aruṇuggamanato paṭṭhāya yāva majjhanhikā ayaṃ buddhānaṃ ariyānaṃ āciṇṇasamāciṇṇo bhojanassa kālo nāma, tadañño vikālo. Aṭṭhakathāyaṃ pana dutiyapadena rattibhojanassa paṭikkhittattā aparaṇho ‘‘vikālo’’ti vutto.

    สเงฺขปโต ‘‘สพฺพปาปสฺส อกรณ’’นฺติอาทินยปฺปวตฺตํ (ที. นิ. ๒.๙๐; ธ. ป. ๑๘๓) ภควโต สาสนํ สจฺฉนฺทราคปฺปวตฺติโต นจฺจาทีนํ ทสฺสนํ น อนุโลเมตีติ อาห ‘‘สาสนสฺส อนนุโลมตฺตา’’ติฯ อตฺตนา ปโยชิยมานํ ปเรหิ ปโยชาปียมานญฺจ นจฺจํ นจฺจภาวสามญฺญโต ปาฬิยํ เอเกเนว นจฺจสเทฺทน คหิตํ, ตถา คีตวาทิตสทฺทา จาติ อาห ‘‘นจฺจนนจฺจาปนาทิวเสนา’’ติ ฯ อาทิ-สเทฺทน คายนคายาปนวาทนวาทาปนานิ สงฺคณฺหาติฯ ทสฺสเนน เจตฺถ สวนมฺปิ สงฺคหิตํ วิรูเปกเสสนเยนฯ อาโลจนสภาวตาย วา ปญฺจนฺนํ วิญฺญาณานํ สวนกิริยายปิ ทสฺสนสเงฺขปสพฺภาวโต ทสฺสนาอิเจฺจว วุตฺตํฯ อวิสูกภูตสฺส คีตสฺส สวนํ กทาจิ วฎฺฎตีติ อาห ‘‘วิสูกภูตํ ทสฺสน’’นฺติฯ ตถา หิ วุตฺตํ ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทกปาฐฎฺฐกถาย ‘‘ธมฺมูปสํหิตํ คีตํ วฎฺฎติ, คีตูปสํหิโต ธโมฺม น วฎฺฎตี’’ติฯ

    Saṅkhepato ‘‘sabbapāpassa akaraṇa’’ntiādinayappavattaṃ (dī. ni. 2.90; dha. pa. 183) bhagavato sāsanaṃ sacchandarāgappavattito naccādīnaṃ dassanaṃ na anulometīti āha ‘‘sāsanassa ananulomattā’’ti. Attanā payojiyamānaṃ parehi payojāpīyamānañca naccaṃ naccabhāvasāmaññato pāḷiyaṃ ekeneva naccasaddena gahitaṃ, tathā gītavāditasaddā cāti āha ‘‘naccananaccāpanādivasenā’’ti . Ādi-saddena gāyanagāyāpanavādanavādāpanāni saṅgaṇhāti. Dassanena cettha savanampi saṅgahitaṃ virūpekasesanayena. Ālocanasabhāvatāya vā pañcannaṃ viññāṇānaṃ savanakiriyāyapi dassanasaṅkhepasabbhāvato dassanāicceva vuttaṃ. Avisūkabhūtassa gītassa savanaṃ kadāci vaṭṭatīti āha ‘‘visūkabhūtaṃ dassana’’nti. Tathā hi vuttaṃ paramatthajotikāya khuddakapāṭhaṭṭhakathāya ‘‘dhammūpasaṃhitaṃ gītaṃ vaṭṭati, gītūpasaṃhito dhammo na vaṭṭatī’’ti.

    ยํ กิญฺจีติ คนฺถิตํ วา อคนฺถิตํ วา ยํ กิญฺจิ ปุปฺผํฯ คนฺธชาตนฺติ คนฺธชาติยํฯ ตสฺสาปิ ‘‘ยํ กิญฺจี’’ติ วจนโต ธูปิตสฺสปิ อธูปิตสฺสปิ ยสฺส กสฺสจิ วิเลปนาทิ น วฎฺฎตีติ ทเสฺสติฯ อุจฺจาติ อุจฺจสเทฺทน สมานตฺถํ เอกํ สทฺทนฺตรํฯ เสติ เอตฺถาติ สยนํฯ อุจฺจาสยนํ มหาสยนญฺจ สมณสารุปฺปรหิตํ อธิเปฺปตนฺติ อาห ‘‘ปมาณาติกฺกนฺตํ อกปฺปิยตฺถรณ’’นฺติ, อาสนฺทาทิอาสนเญฺจตฺถ สยเนน สงฺคหิตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ ยสฺมา ปน อาธาเร ปฎิกฺขิเตฺต ตทาธารกิริยา ปฎิกฺขิตฺตาว โหติ, ตสฺมา ‘‘อุจฺจาสยนมหาสยนา’’อิเจฺจว วุตฺตํฯ อตฺถโต ปน ตทุปโภคภูตนิสชฺชานิปชฺชเนหิ วิรติ ทสฺสิตาติ ทฎฺฐพฺพาฯ อถ วา ‘‘อุจฺจาสยนาสนมหาสยนาสนา’’ติ, เอตสฺมิํ อเตฺถ เอกเสสนเยน อยํ นิเทฺทโส กโต ยถา ‘‘นามรูปปจฺจยา สฬายตน’’นฺติฯ (ม. นิ. ๓.๑๒๖; สํ. นิ. ๒.๑) อาสนกิริยาปุพฺพกตฺตา วา สยนกิริยาย สยนคฺคหเณเนว อาสนมฺปิ สงฺคหิตนฺติ เวทิตพฺพํฯ

    Yaṃkiñcīti ganthitaṃ vā aganthitaṃ vā yaṃ kiñci pupphaṃ. Gandhajātanti gandhajātiyaṃ. Tassāpi ‘‘yaṃ kiñcī’’ti vacanato dhūpitassapi adhūpitassapi yassa kassaci vilepanādi na vaṭṭatīti dasseti. Uccāti uccasaddena samānatthaṃ ekaṃ saddantaraṃ. Seti etthāti sayanaṃ. Uccāsayanaṃ mahāsayanañca samaṇasārupparahitaṃ adhippetanti āha ‘‘pamāṇātikkantaṃ akappiyattharaṇa’’nti, āsandādiāsanañcettha sayanena saṅgahitanti daṭṭhabbaṃ. Yasmā pana ādhāre paṭikkhitte tadādhārakiriyā paṭikkhittāva hoti, tasmā ‘‘uccāsayanamahāsayanā’’icceva vuttaṃ. Atthato pana tadupabhogabhūtanisajjānipajjanehi virati dassitāti daṭṭhabbā. Atha vā ‘‘uccāsayanāsanamahāsayanāsanā’’ti, etasmiṃ atthe ekasesanayena ayaṃ niddeso kato yathā ‘‘nāmarūpapaccayā saḷāyatana’’nti. (Ma. ni. 3.126; saṃ. ni. 2.1) āsanakiriyāpubbakattā vā sayanakiriyāya sayanaggahaṇeneva āsanampi saṅgahitanti veditabbaṃ.

    ‘‘กีวา’’ติ อยํ นิปาโตฯ ‘‘กิตฺตก’’นฺติ อิมสฺส อตฺถํ โพเธตีติ อาห ‘‘กีวมหปฺผโลติ กิตฺตกํ มหปฺผโล’’ติฯ เสสปเทสูติ ‘‘กีวมหานิสํโส’’ติอาทีสุฯ รตฺต-สโทฺท รตนปริยาโยติ อาห ‘‘ปหูตรตฺตรตนานนฺติ ปหูเตน รตฺตสงฺขาเตน รตเนน สมนฺนาคตาน’’นฺติฯ ปาฬิยํ ปน ‘‘ปหูตสตฺตรตนาน’’นฺติปิ ปาโฐ ทิสฺสติฯ เภริตลสทิสํ กตฺวาติ เภริตลํ วิย สมํ กตฺวาฯ ตโต เอกํ ภาคํ น อคฺฆตีติ ยถาวุตฺตํ จกฺกวตฺติรชฺชํ ตโต โสฬสภาคโต เอกํ ภาคํ น อคฺฆติฯ ตโต พหุตรํ โหตีติ จกฺกวตฺติรชฺชสิริโต พหุตรํ โหติฯ

    ‘‘Kīvā’’ti ayaṃ nipāto. ‘‘Kittaka’’nti imassa atthaṃ bodhetīti āha ‘‘kīvamahapphaloti kittakaṃ mahapphalo’’ti. Sesapadesūti ‘‘kīvamahānisaṃso’’tiādīsu. Ratta-saddo ratanapariyāyoti āha ‘‘pahūtarattaratanānanti pahūtena rattasaṅkhātena ratanena samannāgatāna’’nti. Pāḷiyaṃ pana ‘‘pahūtasattaratanāna’’ntipi pāṭho dissati. Bheritalasadisaṃ katvāti bheritalaṃ viya samaṃ katvā. Tato ekaṃ bhāgaṃ na agghatīti yathāvuttaṃ cakkavattirajjaṃ tato soḷasabhāgato ekaṃ bhāgaṃ na agghati. Tato bahutaraṃ hotīti cakkavattirajjasirito bahutaraṃ hoti.

    จาตุมหาราชีกานนฺติอาทีสุ จาตุมหาราชิกา นาม สิเนรุปพฺพตสฺส เวมเชฺฌ โหนฺติ, เตสุ พหู ปพฺพตฎฺฐาปิ อากาสฎฺฐาปิ, เตสํ ปรมฺปรา จกฺกวาฬปพฺพตํ ปตฺตา, ขิฑฺฑาปโทสิกา, มโนปโทสิกา, สีตวลาหกา, อุณฺหวลาหกา, จนฺทิมา, เทวปุโตฺต, สูริโย, เทวปุโตฺตติ เอเต สเพฺพ จาตุมหาราชิกเทวโลกฎฺฐกา เอวฯ เตตฺติํส ชนา ตตฺถ อุปฺปนฺนาติ ตาวติํสาฯ อปิจ ตาวติํสาติ เตสํ เทวานํ นามเมวาติ วุตฺตํฯ เตปิ อตฺถิ ปพฺพตฎฺฐกา, อตฺถิ อากาสฎฺฐกา, เตสํ ปรมฺปรา จกฺกวาฬปพฺพตํ ปตฺตา, ตถา ยามาทีนํฯ เอกเทวโลเกปิ หิ เทวานํ ปรมฺปรา จกฺกวาฬปพฺพตํ อปฺปตฺตา นาม นตฺถิฯ ตตฺถ ทิพฺพสุขํ ยาตา ปยาตา สมฺปตฺตาติ ยามาฯ ตุฎฺฐา ปหฎฺฐาติ ตุสิตาฯ ปกติปฎิยตฺตารมฺมณโต อติเรเกน รมิตุกามกาเล ยถารุจิเต โภเค นิมฺมินิตฺวา นิมฺมินิตฺวา รมนฺตีติ นิมฺมานรติฯ จิตฺตาจารํ ญตฺวา ปเรหิ นิมฺมิเตสุ โภเคสุ วสํ วเตฺตนฺตีติ ปรนิมฺมิตวสวตฺตี

    Cātumahārājīkānantiādīsu cātumahārājikā nāma sinerupabbatassa vemajjhe honti, tesu bahū pabbataṭṭhāpi ākāsaṭṭhāpi, tesaṃ paramparā cakkavāḷapabbataṃ pattā, khiḍḍāpadosikā, manopadosikā, sītavalāhakā, uṇhavalāhakā, candimā, devaputto, sūriyo, devaputtoti ete sabbe cātumahārājikadevalokaṭṭhakā eva. Tettiṃsa janā tattha uppannāti tāvatiṃsā. Apica tāvatiṃsāti tesaṃ devānaṃ nāmamevāti vuttaṃ. Tepi atthi pabbataṭṭhakā, atthi ākāsaṭṭhakā, tesaṃ paramparā cakkavāḷapabbataṃ pattā, tathā yāmādīnaṃ. Ekadevalokepi hi devānaṃ paramparā cakkavāḷapabbataṃ appattā nāma natthi. Tattha dibbasukhaṃ yātā payātā sampattāti yāmā. Tuṭṭhā pahaṭṭhāti tusitā. Pakatipaṭiyattārammaṇato atirekena ramitukāmakāle yathārucite bhoge nimminitvā nimminitvā ramantīti nimmānarati. Cittācāraṃ ñatvā parehi nimmitesu bhogesu vasaṃ vattentīti paranimmitavasavattī.

    ตตฺถ จาตุมหาราชิกานํ เทวานํ มนุสฺสคณนาย นวุติวสฺสสตสหสฺสานิ อายุปฺปมาณํฯ ตาวติํสานํ เทวานํ ติโสฺส จ วสฺสโกฎิโย สฎฺฐิ จ วสฺสสตสหสฺสานิฯ ยามานํ เทวานํ จุทฺทส จ วสฺสโกฎิโย จตฺตาริ จ วสฺสสตสหสฺสานิฯ ตุสิตานํ เทวานํ สตฺตปญฺญาส จ วสฺสโกฎิโย สฎฺฐิ จ วสฺสสตสหสฺสานิฯ นิมฺมานรตีนํ เทวานํ เทฺว จ วสฺสโกฎิสตานิ ติโสฺส จ วสฺสโกฎิโย จตฺตาริ จ วสฺสสตสหสฺสานิฯ ปรนิมฺมิตวสวตฺตีนํ เทวานํ นว จ วสฺสโกฎิสตานิ เอกวีส โกฎิโย จ สฎฺฐิ จ วสฺสสตสหสฺสานิฯ

    Tattha cātumahārājikānaṃ devānaṃ manussagaṇanāya navutivassasatasahassāni āyuppamāṇaṃ. Tāvatiṃsānaṃ devānaṃ tisso ca vassakoṭiyo saṭṭhi ca vassasatasahassāni. Yāmānaṃ devānaṃ cuddasa ca vassakoṭiyo cattāri ca vassasatasahassāni. Tusitānaṃ devānaṃ sattapaññāsa ca vassakoṭiyo saṭṭhi ca vassasatasahassāni. Nimmānaratīnaṃ devānaṃ dve ca vassakoṭisatāni tisso ca vassakoṭiyo cattāri ca vassasatasahassāni. Paranimmitavasavattīnaṃ devānaṃ nava ca vassakoṭisatāni ekavīsa koṭiyo ca saṭṭhi ca vassasatasahassāni.

    มุฎฺฐิหตฺถปาทเกติ ปาทตลโต ยาว อฎนิยา เหฎฺฐิมโนฺต, ตาว มุฎฺฐิรตนปฺปมาณปาทเกฯ ตญฺจ โข มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส หเตฺถน, ยสฺสิทานิ วฑฺฒกีหโตฺถติ สมญฺญาฯ สีลสมาทานโต ปฎฺฐาย อญฺญํ กิญฺจิ อกตฺวา ธมฺมสฺสวเนน วา กมฺมฎฺฐานมนสิกาเรน วา วีตินาเมตพฺพนฺติ อาห ‘‘ตํ ปน อุปวสเนฺตน…เป.… วิจาเรตพฺพ’’นฺติฯ

    Muṭṭhihatthapādaketi pādatalato yāva aṭaniyā heṭṭhimanto, tāva muṭṭhiratanappamāṇapādake. Tañca kho majjhimassa purisassa hatthena, yassidāni vaḍḍhakīhatthoti samaññā. Sīlasamādānato paṭṭhāya aññaṃ kiñci akatvā dhammassavanena vā kammaṭṭhānamanasikārena vā vītināmetabbanti āha ‘‘taṃ pana upavasantena…pe… vicāretabba’’nti.

    วาจํ ภินฺทิตฺวา อุโปสถงฺคานิ สมาทาตพฺพานีติ ‘‘อิมญฺจ รตฺติํ อิมญฺจ ทิวส’’นฺติ กาลปริเจฺฉทํ กตฺวา ‘‘อุโปสถงฺควเสน อฎฺฐ สิกฺขาปทานิ สมาทิยามี’’ติ เอกโต กตฺวา ปุน ปเจฺจกํ ‘‘ปาณาติปาตา เวรมณิสิกฺขาปทํ สมาทิยามิ…เป.… อุจฺจาสยนมหาสยนา เวรมณิสิกฺขาปทํ สมาทิยามี’’ติ เอวํ วจีเภทํ กตฺวา ยถาปาฬิ สมาทาตพฺพานิฯ ปาฬิํ อชานเนฺตน ปน อตฺตโน ภาสาย ปเจฺจกํ วา ‘‘พุทฺธปญฺญตฺตํ อุโปสถํ อธิฎฺฐามี’’ติ เอกโต อธิฎฺฐานวเสน วา สมาทาตพฺพานิ, อญฺญํ อลภเนฺตน อธิฎฺฐาตพฺพานิฯ อุปาสกสีลญฺหิ อตฺตนา สมาทิยเนฺตนปิ สมาทินฺนํ ปรสนฺติเก สมาทิยเนฺตนปิ, เอกชฺฌํ สมาทินฺนมฺปิ สมาทินฺนเมว โหติ ปเจฺจกํ สมาทินฺนมฺปิฯ ตํ ปน เอกชฺฌํ สมาทิยโต เอกาเยว วิรติ เอกา เจตนา โหติฯ สา ปน สพฺพวิรติเจตนานํ กิจฺจการีติ เตนปิ สพฺพสิกฺขาปทานิ สมาทินฺนาเนวฯ ปเจฺจกํ สมาทิยโต ปน นานาวิรติเจตนาโย ยถาสกํ กิจฺจวเสน อุปฺปชฺชนฺติ , สพฺพสมาทาเน ปน วจีเภโท กาตโพฺพเยวฯ ปรูปโรธปฎิสํยุตฺตา ปรวิหิํสาสํยุตฺตาฯ

    Vācaṃ bhinditvā uposathaṅgāni samādātabbānīti ‘‘imañca rattiṃ imañca divasa’’nti kālaparicchedaṃ katvā ‘‘uposathaṅgavasena aṭṭha sikkhāpadāni samādiyāmī’’ti ekato katvā puna paccekaṃ ‘‘pāṇātipātā veramaṇisikkhāpadaṃ samādiyāmi…pe… uccāsayanamahāsayanā veramaṇisikkhāpadaṃ samādiyāmī’’ti evaṃ vacībhedaṃ katvā yathāpāḷi samādātabbāni. Pāḷiṃ ajānantena pana attano bhāsāya paccekaṃ vā ‘‘buddhapaññattaṃ uposathaṃ adhiṭṭhāmī’’ti ekato adhiṭṭhānavasena vā samādātabbāni, aññaṃ alabhantena adhiṭṭhātabbāni. Upāsakasīlañhi attanā samādiyantenapi samādinnaṃ parasantike samādiyantenapi, ekajjhaṃ samādinnampi samādinnameva hoti paccekaṃ samādinnampi. Taṃ pana ekajjhaṃ samādiyato ekāyeva virati ekā cetanā hoti. Sā pana sabbaviraticetanānaṃ kiccakārīti tenapi sabbasikkhāpadāni samādinnāneva. Paccekaṃ samādiyato pana nānāviraticetanāyo yathāsakaṃ kiccavasena uppajjanti , sabbasamādāne pana vacībhedo kātabboyeva. Parūparodhapaṭisaṃyuttā paravihiṃsāsaṃyuttā.

    นนุ จ ‘‘มณิ’’นฺติ วุเตฺต เวฬุริยมฺปิ สงฺคหิตเมว, กิมตฺถํ ปน เวฬุริยนฺติ อาห ‘‘เวฬุริยนฺติ…เป.… ทเสฺสตี’’ติฯ ‘‘มณิ’’นฺติ วตฺวาว ‘‘เวฬุริย’’นฺติ อิมินา ชาติมณิภาวํ ทเสฺสตีติ โยเชตพฺพํฯ เอกวสฺสิกเวฬุวณฺณนฺติ ชาติโต เอกวสฺสาติกฺกนฺตเวฬุวณฺณํฯ ลทฺธกนฺติ สุนฺทรํฯ จนฺทปฺปภา ตารคณาว สเพฺพติ ยถา จนฺทปฺปภาย กลํ สเพฺพ ตาราคณา นานุภวนฺตีติ อยเมตฺถ อโตฺถติ อาห ‘‘จนฺทปฺปภาติ สามิอเตฺถ ปจฺจตฺต’’นฺติฯ

    Nanu ca ‘‘maṇi’’nti vutte veḷuriyampi saṅgahitameva, kimatthaṃ pana veḷuriyanti āha ‘‘veḷuriyanti…pe… dassetī’’ti. ‘‘Maṇi’’nti vatvāva ‘‘veḷuriya’’nti iminā jātimaṇibhāvaṃ dassetīti yojetabbaṃ. Ekavassikaveḷuvaṇṇanti jātito ekavassātikkantaveḷuvaṇṇaṃ. Laddhakanti sundaraṃ. Candappabhā tāragaṇāva sabbeti yathā candappabhāya kalaṃ sabbe tārāgaṇā nānubhavantīti ayamettha atthoti āha ‘‘candappabhāti sāmiatthe paccatta’’nti.

    อุโปสถสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Uposathasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.

    มหาวคฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Mahāvaggavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๑๐. อุโปสถสุตฺตํ • 10. Uposathasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๑๐. อุโปสถสุตฺตวณฺณนา • 10. Uposathasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact