Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) |
๑๐. อุโปสถสุตฺตวณฺณนา
10. Uposathasuttavaṇṇanā
๒๐. ทสเม ตทหุโปสเถติ (อุทา. อฎฺฐ. ๔๕; สารตฺถ. ฎี. จูฬวคฺค ๓.๓๘๓) ตสฺมิํ อุโปสถทิวสภูเต อหนิฯ อุโปสถกรณตฺถายาติ โอวาทปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุํฯ อุทฺธสฺตํ อรุณนฺติ อรุณุคฺคมนํฯ อุทฺทิสตุ, ภเนฺต, ภควา ภิกฺขูนํ ปาติโมกฺขนฺติ เถโร ภควนฺตํ ปาติโมกฺขุเทฺทสํ ยาจิฯ ตสฺมิํ กาเล ‘‘น, ภิกฺขเว, อนุโปสเถ อุโปสโถ กาตโพฺพ’’ติ (มหาว. ๑๓๖) สิกฺขาปทสฺส อปญฺญตฺตตฺตาฯ กสฺมา ปน ภควา ติยามรตฺติํ วีตินาเมสิ ? ตโต ปฎฺฐาย โอวาทปาติโมกฺขํ อนุทฺทิสิตุกาโม ตสฺส วตฺถุํ ปากฎํ กาตุํฯ อทฺทสาติ กถํ อทฺทส? อตฺตโน เจโตปริยญาเณน ตสฺสํ ปริสติ ภิกฺขูนํ จิตฺตานิ ปริชานโนฺต ตสฺส ทุสฺสีลสฺส จิตฺตํ ปสฺสิฯ ยสฺมา ปน จิเตฺต ทิเฎฺฐ ตํสมงฺคีปุคฺคโล ทิโฎฺฐ นาม โหติ, ตสฺมา ‘‘อทฺทสา โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ตํ ปุคฺคลํ ทุสฺสีล’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ยเถว หิ อนาคเต สตฺตสุ ทิวเสสุ ปวตฺตํ ปเรสํ จิตฺตํ เจโตปริยญาณลาภี ชานาติ, เอวํ อตีเตปีติฯ มเชฺฌ ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิสินฺนนฺติ สงฺฆปริยาปโนฺน วิย ภิกฺขุสงฺฆสฺส อโนฺต นิสินฺนํฯ ทิโฎฺฐสีติ อยํ น ปกตโตฺตติ ภควตา ทิโฎฺฐ อสิฯ ยสฺมา จ เอวํ ทิโฎฺฐ, ตสฺมา นตฺถิ เต ตว ภิกฺขูหิ สทฺธิํ เอกกมฺมาทิสํวาโสฯ ยสฺมา ปน โส สํวาโส ตว นตฺถิ, ตสฺมา อุเฎฺฐหิ, อาวุโสติ เอวเมตฺถ ปทโยชนา เวทิตพฺพาฯ
20. Dasame tadahuposatheti (udā. aṭṭha. 45; sārattha. ṭī. cūḷavagga 3.383) tasmiṃ uposathadivasabhūte ahani. Uposathakaraṇatthāyāti ovādapātimokkhaṃ uddisituṃ. Uddhastaṃ aruṇanti aruṇuggamanaṃ. Uddisatu, bhante, bhagavā bhikkhūnaṃ pātimokkhanti thero bhagavantaṃ pātimokkhuddesaṃ yāci. Tasmiṃ kāle ‘‘na, bhikkhave, anuposathe uposatho kātabbo’’ti (mahāva. 136) sikkhāpadassa apaññattattā. Kasmā pana bhagavā tiyāmarattiṃ vītināmesi ? Tato paṭṭhāya ovādapātimokkhaṃ anuddisitukāmo tassa vatthuṃ pākaṭaṃ kātuṃ. Addasāti kathaṃ addasa? Attano cetopariyañāṇena tassaṃ parisati bhikkhūnaṃ cittāni parijānanto tassa dussīlassa cittaṃ passi. Yasmā pana citte diṭṭhe taṃsamaṅgīpuggalo diṭṭho nāma hoti, tasmā ‘‘addasā kho āyasmā mahāmoggallānotaṃ puggalaṃ dussīla’’ntiādi vuttaṃ. Yatheva hi anāgate sattasu divasesu pavattaṃ paresaṃ cittaṃ cetopariyañāṇalābhī jānāti, evaṃ atītepīti. Majjhe bhikkhusaṅghassa nisinnanti saṅghapariyāpanno viya bhikkhusaṅghassa anto nisinnaṃ. Diṭṭhosīti ayaṃ na pakatattoti bhagavatā diṭṭho asi. Yasmā ca evaṃ diṭṭho, tasmā natthi te tava bhikkhūhi saddhiṃ ekakammādisaṃvāso. Yasmā pana so saṃvāso tava natthi, tasmā uṭṭhehi, āvusoti evamettha padayojanā veditabbā.
ตติยมฺปิ โข โส ปุคฺคโล ตุณฺหี อโหสีติ อเนกวารํ วตฺวาปิ ‘‘เถโร สยเมว นิพฺพิโนฺน โอรมิสฺสตี’’ติ วา, ‘‘อิทานิ อิเมสํ ปฎิปตฺติํ ชานิสฺสามี’’ติ วา อธิปฺปาเยน ตุณฺหี อโหสิฯ พาหายํ คเหตฺวาติ ‘‘ภควตา มยา จ ยาถาวโต ทิโฎฺฐ, ยาวตติยํ ‘อุเฎฺฐหิ, อาวุโส’ติ จ วุโตฺต น วุฎฺฐาติ, อิทานิสฺส นิกฺกฑฺฒนกาโล, มา สงฺฆสฺส อุโปสถนฺตราโย อโหสี’’ติ ตํ พาหายํ อคฺคเหสิ, ตถา คเหตฺวาฯ พหิ ทฺวารโกฎฺฐกา นิกฺขาเมตฺวาติ ทฺวารโกฎฺฐกา ทฺวารสาลาโต นิกฺขาเมตฺวาฯ พหีติ ปน นิกฺขามิตฎฺฐานทสฺสนํฯ อถ วา พหิทฺวารโกฎฺฐกาติ พหิทฺวารโกฎฺฐกโตปิ นิกฺขาเมตฺวา, น อโนฺตทฺวารโกฎฺฐกโต เอวฯ อุภยตฺถาปิ วิหารโต พหิกตฺวาติ อโตฺถฯ สูจิฆฎิกํ ทตฺวาติ อคฺคฬสูจิญฺจ อุปริฆฎิกญฺจ อาทหิตฺวา, สุฎฺฐุตรํ กวาฎํ ถเกตฺวาติ อโตฺถฯ ยาว พาหาคหณาปิ นามาติ อิมินา ‘‘อปริสุทฺธา, อานนฺท, ปริสา’’ติ วจนํ สุตฺวา เอว หิ เตน ปกฺกมิตพฺพํ สิยา, เอวํ อปกฺกมิตฺวา ยาว พาหาคหณาปิ นาม โส โมฆปุริโส อาคเมสฺสติ, อจฺฉริยมิทนฺติ ทเสฺสติฯ อิทญฺจ ครหนจฺฉริยเมวาติ เวทิตพฺพํฯ
Tatiyampi kho so puggalo tuṇhī ahosīti anekavāraṃ vatvāpi ‘‘thero sayameva nibbinno oramissatī’’ti vā, ‘‘idāni imesaṃ paṭipattiṃ jānissāmī’’ti vā adhippāyena tuṇhī ahosi. Bāhāyaṃ gahetvāti ‘‘bhagavatā mayā ca yāthāvato diṭṭho, yāvatatiyaṃ ‘uṭṭhehi, āvuso’ti ca vutto na vuṭṭhāti, idānissa nikkaḍḍhanakālo, mā saṅghassa uposathantarāyo ahosī’’ti taṃ bāhāyaṃ aggahesi, tathā gahetvā. Bahi dvārakoṭṭhakā nikkhāmetvāti dvārakoṭṭhakā dvārasālāto nikkhāmetvā. Bahīti pana nikkhāmitaṭṭhānadassanaṃ. Atha vā bahidvārakoṭṭhakāti bahidvārakoṭṭhakatopi nikkhāmetvā, na antodvārakoṭṭhakato eva. Ubhayatthāpi vihārato bahikatvāti attho. Sūcighaṭikaṃ datvāti aggaḷasūciñca uparighaṭikañca ādahitvā, suṭṭhutaraṃ kavāṭaṃ thaketvāti attho. Yāva bāhāgahaṇāpi nāmāti iminā ‘‘aparisuddhā, ānanda, parisā’’ti vacanaṃ sutvā eva hi tena pakkamitabbaṃ siyā, evaṃ apakkamitvā yāva bāhāgahaṇāpi nāma so moghapuriso āgamessati, acchariyamidanti dasseti. Idañca garahanacchariyamevāti veditabbaṃ.
อถ ภควา จิเนฺตสิ – ‘‘อิทานิ ภิกฺขุสเงฺฆ อพฺพุโท ชาโต, อปริสุทฺธา ปุคฺคลา อุโปสถํ อาคจฺฉนฺติ, น จ ตถาคตา อปริสุทฺธาย ปริสาย อุโปสถํ กโรนฺติ, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสนฺติฯ อนุทฺทิสเนฺต จ ภิกฺขุสงฺฆสฺส อุโปสโถ ปจฺฉิชฺชติฯ ยํนูนาหํ อิโต ปฎฺฐาย ภิกฺขูนํเยว ปาติโมกฺขุเทฺทสํ อนุชาเนยฺย’’นฺติฯ เอวํ ปน จิเนฺตตฺวา ภิกฺขูนํเยว ปาติโมกฺขุเทฺทสํ อนุชานิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อถ โข ภควา…เป.… ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺยาถา’’ติฯ ตตฺถ น ทานาหนฺติ อิทานิ อหํ อุโปสถํ น กริสฺสามิ, ปาติโมกฺขํ น อุทฺทิสิสฺสามีติ ปเจฺจกํ น-กาเรน สมฺพโนฺธฯ ทุวิธญฺหิ ปาติโมกฺขํ – อาณาปาติโมกฺขํ, โอวาทปาติโมกฺขนฺติ ฯ เตสุ ‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต’’ติอาทิกํ (มหาว. ๑๓๔) อาณาปาติโมกฺขํฯ ตํ สาวกาว อุทฺทิสนฺติ, น พุทฺธา, ยํ อนฺวทฺธมาสํ อุทฺทิสียติฯ ‘‘ขนฺตี ปรมํ…เป.… สพฺพปาปสฺส อกรณํ…เป.… อนุปวาโท อนุปฆาโต…เป.… เอตํ พุทฺธาน สาสน’’นฺติ (ที. นิ. ๒.๙๐; ธ. ป. ๑๘๓-๑๘๕; อุทา. ๓๖; เนตฺติ. ๓๐) อิมา ปน ติโสฺส คาถา โอวาทปาติโมกฺขํ นามฯ ตํ พุทฺธาว อุทฺทิสนฺติ, น สาวกา, ฉนฺนมฺปิ วสฺสานํ อจฺจเยน อุทฺทิสนฺติฯ ทีฆายุกพุทฺธานญฺหิ ธรมานกาเล อยเมว ปาติโมกฺขุเทฺทโส, อปฺปายุกพุทฺธานํ ปน ปฐมโพธิยํเยวฯ ตโต ปรํ อิตโรฯ ตญฺจ โข ภิกฺขูเยว อุทฺทิสนฺติ, น พุทฺธา, ตสฺมา อมฺหากมฺปิ ภควา วีสติวสฺสมตฺตํ อิมํ โอวาทปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตฺวา อิมํ อนฺตรายํ ทิสฺวา ตโต ปรํ น อุทฺทิสิฯ อฎฺฐานนฺติ อการณํฯ อนวกาโสติ ตเสฺสว เววจนํฯ การณญฺหิ ยถา ติฎฺฐติ เอตฺถ ผลํ ตทายตฺตวุตฺติตายาติ ‘‘ฐาน’’นฺติ วุจฺจติ, เอวํ ‘‘อวกาโส’’ติปิ วุจฺจติฯ ยนฺติ กิริยาปรามสนํฯ
Atha bhagavā cintesi – ‘‘idāni bhikkhusaṅghe abbudo jāto, aparisuddhā puggalā uposathaṃ āgacchanti, na ca tathāgatā aparisuddhāya parisāya uposathaṃ karonti, pātimokkhaṃ uddisanti. Anuddisante ca bhikkhusaṅghassa uposatho pacchijjati. Yaṃnūnāhaṃ ito paṭṭhāya bhikkhūnaṃyeva pātimokkhuddesaṃ anujāneyya’’nti. Evaṃ pana cintetvā bhikkhūnaṃyeva pātimokkhuddesaṃ anujāni. Tena vuttaṃ ‘‘atha kho bhagavā…pe… pātimokkhaṃ uddiseyyāthā’’ti. Tattha na dānāhanti idāni ahaṃ uposathaṃ na karissāmi, pātimokkhaṃ na uddisissāmīti paccekaṃ na-kārena sambandho. Duvidhañhi pātimokkhaṃ – āṇāpātimokkhaṃ, ovādapātimokkhanti . Tesu ‘‘suṇātu me, bhante’’tiādikaṃ (mahāva. 134) āṇāpātimokkhaṃ. Taṃ sāvakāva uddisanti, na buddhā, yaṃ anvaddhamāsaṃ uddisīyati. ‘‘Khantī paramaṃ…pe… sabbapāpassa akaraṇaṃ…pe… anupavādo anupaghāto…pe… etaṃ buddhāna sāsana’’nti (dī. ni. 2.90; dha. pa. 183-185; udā. 36; netti. 30) imā pana tisso gāthā ovādapātimokkhaṃ nāma. Taṃ buddhāva uddisanti, na sāvakā, channampi vassānaṃ accayena uddisanti. Dīghāyukabuddhānañhi dharamānakāle ayameva pātimokkhuddeso, appāyukabuddhānaṃ pana paṭhamabodhiyaṃyeva. Tato paraṃ itaro. Tañca kho bhikkhūyeva uddisanti, na buddhā, tasmā amhākampi bhagavā vīsativassamattaṃ imaṃ ovādapātimokkhaṃ uddisitvā imaṃ antarāyaṃ disvā tato paraṃ na uddisi. Aṭṭhānanti akāraṇaṃ. Anavakāsoti tasseva vevacanaṃ. Kāraṇañhi yathā tiṭṭhati ettha phalaṃ tadāyattavuttitāyāti ‘‘ṭhāna’’nti vuccati, evaṃ ‘‘avakāso’’tipi vuccati. Yanti kiriyāparāmasanaṃ.
อฎฺฐิเม, ภิกฺขเว, มหาสมุเทฺทติ โก อนุสนฺธิ? ยฺวายํ อปริสุทฺธาย ปริสาย ปาติโมกฺขสฺส อนุเทฺทโส วุโตฺต, โส อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย อจฺฉริโย อพฺภุโต ธโมฺมติ ตํ อปเรหิปิ สตฺตหิ อจฺฉริยพฺภุตธเมฺมหิ สทฺธิํ วิภชิตฺวา ทเสฺสตุกาโม ปฐมํ ตาว เตสํ อุปมาภาเวน มหาสมุเทฺท อฎฺฐ อจฺฉริยพฺภุตธเมฺม ทเสฺสโนฺต สตฺถา ‘‘อฎฺฐิเม, ภิกฺขเว, มหาสมุเทฺท’’ติอาทิมาหฯ
Aṭṭhime, bhikkhave, mahāsamuddeti ko anusandhi? Yvāyaṃ aparisuddhāya parisāya pātimokkhassa anuddeso vutto, so imasmiṃ dhammavinaye acchariyo abbhuto dhammoti taṃ aparehipi sattahi acchariyabbhutadhammehi saddhiṃ vibhajitvā dassetukāmo paṭhamaṃ tāva tesaṃ upamābhāvena mahāsamudde aṭṭha acchariyabbhutadhamme dassento satthā ‘‘aṭṭhime, bhikkhave, mahāsamudde’’tiādimāha.
อุโปสถสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Uposathasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
มหาวคฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Mahāvaggavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๑๐. อุโปสถสุตฺตํ • 10. Uposathasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๑๐. อุโปสถสุตฺตวณฺณนา • 10. Uposathasuttavaṇṇanā