Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมานวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Vimānavatthu-aṭṭhakathā |
๗.อุโปสถาวิมานวณฺณนา
7.Uposathāvimānavaṇṇanā
อภิกฺกเนฺตน วเณฺณนาติ อุโปสถาวิมานํฯ อิธ อฎฺฐุปฺปตฺติยํ สาเกเต อุโปสถา นาม เอกา อุปาสิกาติ อยเมว วิเสโส, เสสํ อนนฺตรวิมานสทิสํฯ เตน วุตฺตํ –
Abhikkantenavaṇṇenāti uposathāvimānaṃ. Idha aṭṭhuppattiyaṃ sākete uposathā nāma ekā upāsikāti ayameva viseso, sesaṃ anantaravimānasadisaṃ. Tena vuttaṃ –
๒๒๙-๒๓๑.
229-231.
‘‘อภิกฺกเนฺตน วเณฺณน…เป.…
‘‘Abhikkantena vaṇṇena…pe…
วโณฺณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติฯ
Vaṇṇo ca te sabbadisā pabhāsatī’’ti.
๒๓๒.
232.
‘‘สา เทวตา อตฺตมนา…เป.… ยสฺส กมฺมสฺสิทํ ผลํ’’ฯ
‘‘Sā devatā attamanā…pe… yassa kammassidaṃ phalaṃ’’.
๒๓๓-๒๓๘.
233-238.
‘‘อุโปสถาติ มํ อญฺญํสุ, สาเกตายํ อุปาสิกา…เป.…
‘‘Uposathāti maṃ aññaṃsu, sāketāyaṃ upāsikā…pe…
อุปาสิกา จกฺขุมโต, โคตมสฺส ยสสฺสิโนฯ
Upāsikā cakkhumato, gotamassa yasassino.
๒๓๙.
239.
‘‘เตน เมตาทิโส วโณฺณ…เป.…
‘‘Tena metādiso vaṇṇo…pe…
วโณฺณ จ เม สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติฯ –
Vaṇṇo ca me sabbadisā pabhāsatī’’ti. –
เทวตา พฺยากาสิฯ ปุน อตฺตโน เอกํ โทสํ ทเสฺสนฺตี –
Devatā byākāsi. Puna attano ekaṃ dosaṃ dassentī –
๒๔๑.
241.
‘‘อภิกฺขณํ นนฺทนํ สุตฺวา, ฉโนฺท เม อุทปชฺชถ;
‘‘Abhikkhaṇaṃ nandanaṃ sutvā, chando me udapajjatha;
ตตฺถ จิตฺตํ ปณิธาย, อุปปนฺนามฺหิ นนฺทนํฯ
Tattha cittaṃ paṇidhāya, upapannāmhi nandanaṃ.
๒๔๒.
242.
‘‘นากาสิํ สตฺถุ วจนํ, พุทฺธสฺสาทิจฺจพนฺธุโน;
‘‘Nākāsiṃ satthu vacanaṃ, buddhassādiccabandhuno;
หีเน จิตฺตํ ปณิธาย, สามฺหิ ปจฺฉานุตาปินี’’ติฯ – เทฺว คาถา อภาสิ;
Hīne cittaṃ paṇidhāya, sāmhi pacchānutāpinī’’ti. – dve gāthā abhāsi;
๒๓๓. ตตฺถ อุโปสถาติ มํ อญฺญํสูติ ‘‘อุโปสถา’’ติ อิมินา นาเมน มํ มนุสฺสา ชานิํสุฯ สาเกตายนฺติ สาเกตนคเรฯ
233. Tattha uposathāti maṃ aññaṃsūti ‘‘uposathā’’ti iminā nāmena maṃ manussā jāniṃsu. Sāketāyanti sāketanagare.
๒๔๑. อภิกฺขณนฺติ อภิณฺหํฯ นนฺทนํ สุตฺวาติ ‘‘ตาวติํสภวเน นนฺทนวนํ นาม เอทิสญฺจ เอทิสญฺจา’’ติ ตตฺถ นานาวิธํ ทิพฺพสมฺปตฺติํ สุตฺวาฯ ฉโนฺทติ ตนฺนิพฺพตฺตกปุญฺญกมฺมสฺส การณภูโต กุสลจฺฉโนฺท, ตตฺรูปปตฺติยา ปตฺถนาภูโต ตณฺหาฉโนฺท วาฯ อุทปชฺชถาติ อุปฺปชฺชิตฺถฯ ตตฺถาติ ตาวติํสภวเน, นนฺทนาปเทเสนปิ หิ ตํ เทวโลกํ วทติฯ อุปปนฺนามฺหีติ อุปฺปนฺนา นิพฺพตฺตา อมฺหิฯ
241.Abhikkhaṇanti abhiṇhaṃ. Nandanaṃ sutvāti ‘‘tāvatiṃsabhavane nandanavanaṃ nāma edisañca edisañcā’’ti tattha nānāvidhaṃ dibbasampattiṃ sutvā. Chandoti tannibbattakapuññakammassa kāraṇabhūto kusalacchando, tatrūpapattiyā patthanābhūto taṇhāchando vā. Udapajjathāti uppajjittha. Tatthāti tāvatiṃsabhavane, nandanāpadesenapi hi taṃ devalokaṃ vadati. Upapannāmhīti uppannā nibbattā amhi.
๒๔๒. นากาสิํ สตฺถุ วจนนฺติ ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, อปฺปมตฺตกมฺปิ ภวํ วเณฺณมี’’ติอาทินา (อ. นิ. ๑.๓๒๐-๓๒๑) สตฺถารา วุตฺตวจนํ น กริํ, ภเวสุ ฉนฺทราคํ น ปชหินฺติ อโตฺถฯ อาทิโจฺจ โคตมโคโตฺต, ภควาปิ โคตมโคโตฺตติ สโคตฺตตาย วุตฺตํ ‘‘พุทฺธสฺสาทิจฺจพนฺธุโน’’ติฯ อถ วา อาทิจฺจสฺส พนฺธุ อาทิจฺจพนฺธุ, ภควาฯ ตํ ปฎิจฺจ ตสฺส อริยาย ชาติยา ชาตตฺตา อาทิโจฺจ วา พนฺธุ เอตสฺส โอรสปุตฺตภาวโตติ อาทิจฺจพนฺธุ, ภควาฯ ตถา หิ วุตฺตํ –
242.Nākāsiṃsatthu vacananti ‘‘nāhaṃ, bhikkhave, appamattakampi bhavaṃ vaṇṇemī’’tiādinā (a. ni. 1.320-321) satthārā vuttavacanaṃ na kariṃ, bhavesu chandarāgaṃ na pajahinti attho. Ādicco gotamagotto, bhagavāpi gotamagottoti sagottatāya vuttaṃ ‘‘buddhassādiccabandhuno’’ti. Atha vā ādiccassa bandhu ādiccabandhu, bhagavā. Taṃ paṭicca tassa ariyāya jātiyā jātattā ādicco vā bandhu etassa orasaputtabhāvatoti ādiccabandhu, bhagavā. Tathā hi vuttaṃ –
‘‘โย อนฺธกาเร ตมสี ปภงฺกโร, เวโรจโน มณฺฑลี อุคฺคเตโช;
‘‘Yo andhakāre tamasī pabhaṅkaro, verocano maṇḍalī uggatejo;
มา ราหุ คิลี จรมนฺตลิเกฺข, ปชํ มมํ ราหุ ปมุญฺจ สูริย’’นฺติฯ (สํ. นิ. ๑.๙๑);
Mā rāhu gilī caramantalikkhe, pajaṃ mamaṃ rāhu pamuñca sūriya’’nti. (saṃ. ni. 1.91);
หีเนติ ลามเกฯ อตฺตโน ภวาภิรติํ สนฺธาย วทติฯ สามฺหีติ สา อมฺหิฯ
Hīneti lāmake. Attano bhavābhiratiṃ sandhāya vadati. Sāmhīti sā amhi.
เอวํ ตาย เทวตาย ภวาภิรตินิมิเตฺต อุปฺปนฺนวิปฺปฎิสาเร ปเวทิเต เถโร ภวสฺส ปริจฺฉินฺนายุภาววิภาวนมุเขน อายติํ มนุสฺสตฺตภาเว ฐตฺวา วฎฺฎทุกฺขสฺส สมติกฺกโม กาตุํ สุกโร, สพฺพโส ขีณาสวภาโว นาม มหานิสํโสติ จ สมสฺสาเสตุํ –
Evaṃ tāya devatāya bhavābhiratinimitte uppannavippaṭisāre pavedite thero bhavassa paricchinnāyubhāvavibhāvanamukhena āyatiṃ manussattabhāve ṭhatvā vaṭṭadukkhassa samatikkamo kātuṃ sukaro, sabbaso khīṇāsavabhāvo nāma mahānisaṃsoti ca samassāsetuṃ –
๒๔๓.
243.
‘‘กีว จิรํ วิมานมฺหิ, อิธ วจฺฉสุโปสเถ;
‘‘Kīva ciraṃ vimānamhi, idha vacchasuposathe;
เทวเต ปุจฺฉิตาจิกฺข, ยทิ ชานาสิ อายุโน’’ติฯ –
Devate pucchitācikkha, yadi jānāsi āyuno’’ti. –
คาถมาหฯ ปุน สา –
Gāthamāha. Puna sā –
๒๔๔.
244.
‘‘สฎฺฐิ วสฺสสหสฺสานิ , ติโสฺส จ วสฺสโกฎิโย;
‘‘Saṭṭhi vassasahassāni , tisso ca vassakoṭiyo;
อิธ ฐตฺวา มหามุนิ, อิโต จุตา คมิสฺสามิ;
Idha ṭhatvā mahāmuni, ito cutā gamissāmi;
มนุสฺสานํ สหพฺยต’’นฺติฯ – อาห;
Manussānaṃ sahabyata’’nti. – āha;
ปุน เถโร –
Puna thero –
๒๔๕.
245.
‘‘มา ตฺวํ อุโปสเถ ภายิ, สมฺพุเทฺธนาสิ พฺยากตา;
‘‘Mā tvaṃ uposathe bhāyi, sambuddhenāsi byākatā;
โสตาปนฺนา วิเสสยิ, ปหีนา ตว ทุคฺคตี’’ติฯ –
Sotāpannā visesayi, pahīnā tava duggatī’’ti. –
อิมาย คาถาย สมุเตฺตเชสิฯ
Imāya gāthāya samuttejesi.
๒๔๓-๔. ตตฺถ กีว จิรนฺติ กิตฺตกํ อทฺธานํฯ อิธาติ อิมสฺมิํ เทวโลเก, อิธ วา วิมานสฺมิํฯ อายุ โนติ อายุ, โนติ นิปาตมตฺตํฯ อายุโน วา จิราจิรภาวํ, อถ วา ยทิ ชานาสิ อายุโนติ อโตฺถฯ มหามุนีติ เถรํ อาลปติฯ
243-4. Tattha kīva ciranti kittakaṃ addhānaṃ. Idhāti imasmiṃ devaloke, idha vā vimānasmiṃ. Āyu noti āyu, noti nipātamattaṃ. Āyuno vā cirācirabhāvaṃ, atha vā yadi jānāsi āyunoti attho. Mahāmunīti theraṃ ālapati.
๒๔๕. มา ตฺวํ อุโปสเถ ภายีติ ภเทฺท อุโปสเถ ตฺวํ มา ภายิฯ กสฺมา? ยสฺมา สมฺพุเทฺธนาสิ พฺยากตาฯ กินฺติ? โสตาปนฺนา วิเสสยีติฯ มคฺคผลสญฺญิตํ วิเสสํ ยาตา อธิคตา, ตสฺมา ปหีนา ตว สพฺพาปิ ทุคฺคตีติ อิมมฺปิ วิเสสํ ยาตาติ วิเสสยิฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ
245.Mā tvaṃ uposathe bhāyīti bhadde uposathe tvaṃ mā bhāyi. Kasmā? Yasmā sambuddhenāsi byākatā. Kinti? Sotāpannā visesayīti. Maggaphalasaññitaṃ visesaṃ yātā adhigatā, tasmā pahīnā tava sabbāpi duggatīti imampi visesaṃ yātāti visesayi. Sesaṃ vuttanayameva.
อุโปสถาวิมานวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Uposathāvimānavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / วิมานวตฺถุปาฬิ • Vimānavatthupāḷi / ๗. อุโปสถาวิมานวตฺถุ • 7. Uposathāvimānavatthu