Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อุทาน-อฎฺฐกถา • Udāna-aṭṭhakathā

    ๑๐. อุปฺปชฺชนฺติสุตฺตวณฺณนา

    10. Uppajjantisuttavaṇṇanā

    ๖๐. ทสเม ยาวกีวนฺติ ยตฺตกํ กาลํฯ ยโตติ ยทา, ยโต ปฎฺฐาย, ยสฺมิํ กาเลติ วา อโตฺถฯ เอวเมตํ, อานนฺทาติ, อานนฺท, ตถาคเต อุปฺปเนฺน ตถาคตสฺส ตถาคตสาวกานํเยว จ ลาภสกฺกาโร อภิวฑฺฒติ, ติตฺถิยา ปน นิเตฺตชา วิหตปฺปภา ปหีนลาภสกฺการา โหนฺตีติ ยํ ตยา วุตฺตํ, เอตํ เอวํ, น เอตสฺส อญฺญถาภาโวฯ จกฺกวตฺติโน หิ จกฺกรตนสฺส ปาตุภาเวน โลโก จกฺกรตนํ มุญฺจิตฺวา อญฺญตฺถ ปูชาสกฺการสมฺมานํ น ปวเตฺตติ, จกฺกรตนเมว ปน สโพฺพ โลโก สพฺพภาเวหิ สกฺกโรติ ครุํ กโรติ มาเนติ ปูเชติฯ อิติ วฎฺฎานุสาริปุญฺญมตฺตนิสฺสนฺทสฺสปิ ตาว มหโนฺต อานุภาโว, กิมงฺคํ ปน วิวฎฺฎานุสาริปุญฺญผลูปตฺถมฺภสฺส อนนฺตาปริเมยฺยคุณคณาธารสฺส พุทฺธรตนสฺส ธมฺมรตนสฺส สงฺฆรตนสฺส จาติ ทเสฺสติฯ

    60. Dasame yāvakīvanti yattakaṃ kālaṃ. Yatoti yadā, yato paṭṭhāya, yasmiṃ kāleti vā attho. Evametaṃ, ānandāti, ānanda, tathāgate uppanne tathāgatassa tathāgatasāvakānaṃyeva ca lābhasakkāro abhivaḍḍhati, titthiyā pana nittejā vihatappabhā pahīnalābhasakkārā hontīti yaṃ tayā vuttaṃ, etaṃ evaṃ, na etassa aññathābhāvo. Cakkavattino hi cakkaratanassa pātubhāvena loko cakkaratanaṃ muñcitvā aññattha pūjāsakkārasammānaṃ na pavatteti, cakkaratanameva pana sabbo loko sabbabhāvehi sakkaroti garuṃ karoti māneti pūjeti. Iti vaṭṭānusāripuññamattanissandassapi tāva mahanto ānubhāvo, kimaṅgaṃ pana vivaṭṭānusāripuññaphalūpatthambhassa anantāparimeyyaguṇagaṇādhārassa buddharatanassa dhammaratanassa saṅgharatanassa cāti dasseti.

    ภควา หิ สมฺมาสโมฺพธิํ ปตฺวา ปวตฺตวรธมฺมจโกฺก อนุกฺกเมน โลเก เอกสฎฺฐิยา อรหเนฺตสุ ชาเตสุ สฎฺฐิ อรหเนฺต ชนปทจาริกาย วิสฺสเชฺชตฺวา อุรุเวลํ ปตฺวา อุรุเวลกสฺสปปฺปมุเข สหสฺสชฎิเล อรหเตฺต ปติฎฺฐาเปตฺวา เตหิ ปริวุโต ลฎฺฐิวนุยฺยาเน นิสีทิตฺวา พิมฺพิสารปฺปมุขานํ องฺคมคธวาสีนํ ทฺวาทส นหุตานิ สาสเน โอตาเรตฺวา ยทา ราชคเห วิหาสิ, ตโต ปฎฺฐาย ภควโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ยถา ยถา อุปรูปริ อุฬารลาภสกฺกาโร อภิวฑฺฒติ, ตถา ตถา สพฺพติตฺถิยานํ ลาภสกฺกาโร ปริหายิ เอวฯ

    Bhagavā hi sammāsambodhiṃ patvā pavattavaradhammacakko anukkamena loke ekasaṭṭhiyā arahantesu jātesu saṭṭhi arahante janapadacārikāya vissajjetvā uruvelaṃ patvā uruvelakassapappamukhe sahassajaṭile arahatte patiṭṭhāpetvā tehi parivuto laṭṭhivanuyyāne nisīditvā bimbisārappamukhānaṃ aṅgamagadhavāsīnaṃ dvādasa nahutāni sāsane otāretvā yadā rājagahe vihāsi, tato paṭṭhāya bhagavato bhikkhusaṅghassa ca yathā yathā uparūpari uḷāralābhasakkāro abhivaḍḍhati, tathā tathā sabbatitthiyānaṃ lābhasakkāro parihāyi eva.

    อเถกทิวสํ อายสฺมา อานโนฺท ทิวาฎฺฐาเน นิสิโนฺน ภควโต จ อริยสงฺฆสฺส จ สมฺมาปฎิปตฺติํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปีติโสมนสฺสชาโต ‘‘กถํ นุ โข ติตฺถิยาน’’นฺติ เตสํ ปฎิปตฺติํ อาวเชฺชสิฯ อถสฺส เนสํ สพฺพถาปิ ทุปฺปฎิปตฺติเยว อุปฎฺฐาสิฯ โส ‘‘เอวํมหานุภาเว นาม ปุญฺญูปนิสฺสยสฺส ธมฺมานุธมฺมปฺปฎิปตฺติยา จ อุกฺกํสปารมิปฺปเตฺต ภควติ, อริยสเงฺฆ จ ธรเนฺต กถํ อิเม อญฺญติตฺถิยา เอวํ ทุปฺปฎิปนฺนา อกตปุญฺญา วรากา ลาภิโน สกฺกตา ภวิสฺสนฺตี’’ติ ติตฺถิยานํ ลาภสกฺการหานิํ นิสฺสาย การุญฺญํ อุปฺปาเทตฺวา อถ อตฺตโน ปริวิตกฺกํ ‘‘ยาวกีวญฺจ, ภเนฺต’’ติอาทินา ภควโต อาโรเจสิฯ ภควา จ ตํ, ‘‘อานนฺท, ตยา มิจฺฉา ปริวิตกฺกิต’’นฺติ อวตฺวา สุวณฺณาลิงฺคสทิสํ คีวํ อุนฺนาเมตฺวา สุปุปฺผิตสตปตฺตสสฺสิริกํ มหามุขํ อภิปฺปสนฺนตรํ กตฺวา ‘‘เอวเมตํ, อานนฺทา’’ติ สมฺปหํสิตฺวา ‘‘ยาวกีวญฺจา’’ติอาทินา ตสฺส วจนํ ปจฺจนุโมทิฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข อายสฺมา อานโนฺท…เป.… ภิกฺขุสโงฺฆ จา’’ติฯ อถ ภควา ตสฺสํ อฎฺฐุปฺปตฺติยํ อตีเตปิ มยิ อนุปฺปเนฺน เอกเจฺจ นีจชนา สมฺมานํ ลภิตฺวา มม อุปฺปาทโต ปฎฺฐาย หตลาภสกฺการา อเหสุนฺติ พาเวรุชาตกํ (ชา. ๑.๔.๑๕๓ อาทโย) กเถสิฯ

    Athekadivasaṃ āyasmā ānando divāṭṭhāne nisinno bhagavato ca ariyasaṅghassa ca sammāpaṭipattiṃ paccavekkhitvā pītisomanassajāto ‘‘kathaṃ nu kho titthiyāna’’nti tesaṃ paṭipattiṃ āvajjesi. Athassa nesaṃ sabbathāpi duppaṭipattiyeva upaṭṭhāsi. So ‘‘evaṃmahānubhāve nāma puññūpanissayassa dhammānudhammappaṭipattiyā ca ukkaṃsapāramippatte bhagavati, ariyasaṅghe ca dharante kathaṃ ime aññatitthiyā evaṃ duppaṭipannā akatapuññā varākā lābhino sakkatā bhavissantī’’ti titthiyānaṃ lābhasakkārahāniṃ nissāya kāruññaṃ uppādetvā atha attano parivitakkaṃ ‘‘yāvakīvañca, bhante’’tiādinā bhagavato ārocesi. Bhagavā ca taṃ, ‘‘ānanda, tayā micchā parivitakkita’’nti avatvā suvaṇṇāliṅgasadisaṃ gīvaṃ unnāmetvā supupphitasatapattasassirikaṃ mahāmukhaṃ abhippasannataraṃ katvā ‘‘evametaṃ, ānandā’’ti sampahaṃsitvā ‘‘yāvakīvañcā’’tiādinā tassa vacanaṃ paccanumodi. Tena vuttaṃ – ‘‘atha kho āyasmā ānando…pe… bhikkhusaṅgho cā’’ti. Atha bhagavā tassaṃ aṭṭhuppattiyaṃ atītepi mayi anuppanne ekacce nīcajanā sammānaṃ labhitvā mama uppādato paṭṭhāya hatalābhasakkārā ahesunti bāverujātakaṃ (jā. 1.4.153 ādayo) kathesi.

    เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ ทิฎฺฐิคติกานํ ตาว สกฺการสมฺมาโน ยาว น สมฺมาสมฺพุทฺธา โลเก อุปฺปชฺชนฺติ, เตสํ ปน อุปฺปาทโต ปฎฺฐาย เต หตลาภสกฺการา นิปฺปภา นิเตฺตชาว โหนฺติ, ทุปฺปฎิปตฺติยา ทุกฺขโต จ น มุจฺจนฺตีติ เอตมตฺถํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา ตทตฺถทีปนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ

    Etamatthaṃviditvāti diṭṭhigatikānaṃ tāva sakkārasammāno yāva na sammāsambuddhā loke uppajjanti, tesaṃ pana uppādato paṭṭhāya te hatalābhasakkārā nippabhā nittejāva honti, duppaṭipattiyā dukkhato ca na muccantīti etamatthaṃ sabbākārato viditvā tadatthadīpanaṃ imaṃ udānaṃ udānesi.

    ตตฺถ โอภาสติ ตาว โส กิมีติ โส ขชฺชูปนกกิมิ ตาวเทว โอภาสติ โชตติ ทิพฺพติฯ ยาว น อุนฺนมเต ปภงฺกโรติ ตีสุปิ มหาทีเปสุ เอกกฺขเณ อาโลกกรเณน ‘‘ปภงฺกโร’’ติ ลทฺธนาโม สูริโย ยาว น อุคฺคมติ น อุเทติฯ อนุคฺคเต หิ สูริเย ลโทฺธกาสา ขชฺชูปนกา วิปริวตฺตมานาปิ กณฺฎกผลสทิสา ตมสิ วิโชฺชตนฺติฯ ส เวโรจนมฺหิ อุคฺคเต, หตปฺปโภ โหติ น จาปิ ภาสตีติ สมนฺตโต อนฺธการํ วิธมิตฺวา กิรณสหเสฺสน วิโรจนสภาวตาย เวโรจนนามเก อาทิเจฺจ อุฎฺฐิเต โส ขชฺชูปนโก หตปฺปโภ นิเตฺตโช กาฬโก โหติ, รตฺตนฺธกาเร วิย น ภาสติ น ทิพฺพติฯ

    Tattha obhāsati tāva so kimīti so khajjūpanakakimi tāvadeva obhāsati jotati dibbati. Yāva na unnamate pabhaṅkaroti tīsupi mahādīpesu ekakkhaṇe ālokakaraṇena ‘‘pabhaṅkaro’’ti laddhanāmo sūriyo yāva na uggamati na udeti. Anuggate hi sūriye laddhokāsā khajjūpanakā viparivattamānāpi kaṇṭakaphalasadisā tamasi vijjotanti. Sa verocanamhi uggate, hatappabho hoti na cāpi bhāsatīti samantato andhakāraṃ vidhamitvā kiraṇasahassena virocanasabhāvatāya verocananāmake ādicce uṭṭhite so khajjūpanako hatappabho nittejo kāḷako hoti, rattandhakāre viya na bhāsati na dibbati.

    เอวํ โอภาสิตเมว ตกฺกิกานนฺติ ยถา เตน ขชฺชูปนเกน สูริยุคฺคมนโต ปุเรเยว โอภาสิตํ โหติ, เอวํ ตเกฺกตฺวา วิตเกฺกตฺวา ปริกปฺปนมเตฺตน ทิฎฺฐีนํ คหณโต ‘‘ตกฺกิกา’’ติ ลทฺธนาเมหิ ติตฺถิเยหิ โอภาสิตํ อตฺตโน สมยเตเชน ทีเปตฺวา อธิฎฺฐิตํ ตาว, ยาว สมฺมาสมฺพุทฺธา โลเก นุปฺปชฺชนฺติฯ น ตกฺกิกา สุชฺฌนฺติ น จาปิ สาวกาติ ยทา ปน สมฺมาสมฺพุทฺธา โลเก อุปฺปชฺชนฺติ, ตทา ทิฎฺฐิคติกา น สุชฺฌนฺติ น โสภนฺติ, น จาปิ เตสํ สาวกา โสภนฺติ, อญฺญทตฺถุ วิหตโสภา รตฺติขิตฺตา วิย สรา น ปญฺญายเนฺตวฯ อถ วา ยาว สมฺมาสมฺพุทฺธา โลเก นุปฺปชฺชนฺติ, ตาวเทว ตกฺกิกานํ โอภาสิตํ อตฺตโน สมเยน โชตนํ พาลลาปนํ, น ตโต ปรํฯ กสฺมา? ยสฺมา น ตกฺกิกา สุชฺฌนฺติ, น จาปิ สาวกาฯ เต หิ ทุรกฺขาตธมฺมวินยา สมฺมาปฎิปตฺติรหิตา น สํสารโต สุชฺฌนฺติ อนิยฺยานิกสาสนตฺตาฯ เตนาห ‘‘ทุทฺทิฎฺฐี น ทุกฺขา ปมุจฺจเร’’ติฯ ตกฺกิกา หิ อยาถาวลทฺธิกตาย ทุทฺทิฎฺฐิโน มิจฺฉาภินิวิฎฺฐทิฎฺฐิกา วิปรีตทสฺสนา ตํ ทิฎฺฐิํ อนิสฺสชฺชิตฺวา สํสารทุกฺขโต น กทาจิปิ มุจฺจนฺตีติฯ

    Evaṃ obhāsitameva takkikānanti yathā tena khajjūpanakena sūriyuggamanato pureyeva obhāsitaṃ hoti, evaṃ takketvā vitakketvā parikappanamattena diṭṭhīnaṃ gahaṇato ‘‘takkikā’’ti laddhanāmehi titthiyehi obhāsitaṃ attano samayatejena dīpetvā adhiṭṭhitaṃ tāva, yāva sammāsambuddhā loke nuppajjanti. Na takkikā sujjhanti na cāpi sāvakāti yadā pana sammāsambuddhā loke uppajjanti, tadā diṭṭhigatikā na sujjhanti na sobhanti, na cāpi tesaṃ sāvakā sobhanti, aññadatthu vihatasobhā rattikhittā viya sarā na paññāyanteva. Atha vā yāva sammāsambuddhā loke nuppajjanti, tāvadeva takkikānaṃ obhāsitaṃ attano samayena jotanaṃ bālalāpanaṃ, na tato paraṃ. Kasmā? Yasmā na takkikā sujjhanti, na cāpi sāvakā. Te hi durakkhātadhammavinayā sammāpaṭipattirahitā na saṃsārato sujjhanti aniyyānikasāsanattā. Tenāha ‘‘duddiṭṭhī na dukkhā pamuccare’’ti. Takkikā hi ayāthāvaladdhikatāya duddiṭṭhino micchābhiniviṭṭhadiṭṭhikā viparītadassanā taṃ diṭṭhiṃ anissajjitvā saṃsāradukkhato na kadācipi muccantīti.

    ทสมสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Dasamasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.

    นิฎฺฐิตา จ ชจฺจนฺธวคฺควณฺณนาฯ

    Niṭṭhitā ca jaccandhavaggavaṇṇanā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อุทานปาฬิ • Udānapāḷi / ๑๐. อุปฺปชฺชนฺติสุตฺตํ • 10. Uppajjantisuttaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact