Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อปทาน-อฎฺฐกถา • Apadāna-aṭṭhakathā

    ๘. อุรุเวลกสฺสปเตฺถรอปทานวณฺณนา

    8. Uruvelakassapattheraapadānavaṇṇanā

    อฎฺฐมาปทาเน ปทุมุตฺตโร นาม ชิโนติอาทิกํ อายสฺมโต อุรุเวลกสฺสปเตฺถรสฺส อปทานํฯ อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฎฺฎูปนิสฺสยานิ ปุญฺญานิ อุปจินโนฺต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพโตฺต วยปฺปโตฺต สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ มหาปริวารานํ อคฺคฎฺฐาเน ฐเปนฺตํ ทิสฺวา สยมฺปิ ตํ ฐานนฺตรํ ปเตฺถโนฺต มหาทานํ ทตฺวา ปณิธานํ อกาสิฯ ภควา จสฺส อนนฺตรายตํ ทิสฺวา ‘‘อนาคเต โคตมพุทฺธสฺส สาสเน มหาปริวารานํ อโคฺค ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิฯ โส ตตฺถ ยาวตายุกํ ปุญฺญานิ กตฺวา ตโต จวิตฺวา เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อิโต เทฺวนวุติกปฺปมตฺถเก ผุสฺสสฺส ภควโต เวมาติกกนิฎฺฐภาตา หุตฺวา นิพฺพโตฺต, อเญฺญปิสฺส เทฺว กนิฎฺฐภาตโร อเหสุํฯ เต ตโย พุทฺธปฺปมุขภิกฺขุสงฺฆํ นิมเนฺตตฺวา ปรมาย ปูชาย ปูเชตฺวา ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อมฺหากํ ภควโต อุปฺปตฺติโต ปุเรตรเมว พาราณสิยํ พฺราหฺมณกุเล ตโย ภาตโร หุตฺวา นิพฺพตฺตา โคตฺตวเสน ตโยปิ กสฺสปาติ เอวํ นามกา อเหสุํฯ เต ตโย วยปฺปตฺตา ตโย เวเท อุคฺคณฺหิํสุฯ เตสํ เชฎฺฐภาติกสฺส ปญฺจมาณวกสตานิ ปริวารา, มชฺฌิมสฺส ตีณิ, กนิฎฺฐสฺส เทฺว, เต อตฺตโน คเนฺถสุ สารํ โอโลเกนฺตา ทิฎฺฐธมฺมิกเมว อตฺถํ ทิสฺวา ปพฺพชฺชํ โรเจสุํฯ เตสุ เชฎฺฐภาตา อตฺตโน ปริวาเรน สทฺธิํ อุรุเวลํ คนฺตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อุรุเวลกสฺสโป นาม ชาโต, มชฺฌิโม คงฺคานทีวเงฺก ปพฺพชิโต นทีกสฺสโป นาม ชาโต, กนิโฎฺฐ คยาสีเส ปพฺพชิโต คยากสฺสโป นาม ชาโตฯ เอวํ เตสุ อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ตตฺถ ตตฺถ วสเนฺตสุ พหูนํ ทิวสานํ อจฺจเยน อมฺหากํ โพธิสโตฺต มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตฺวา ปฎิวิทฺธสพฺพญฺญุตญฺญาโณ อนุกฺกเมน ธมฺมจกฺกํ ปวเตฺตตฺวา ปญฺจวคฺคิยเตฺถเร อรหเตฺต ปติฎฺฐาเปตฺวา ยสกุลปุตฺตปฺปมุเข ปญฺจปญฺญาสชเน สหายเก วิเนตฺวา สฎฺฐิ อรหเนฺต ‘‘จรถ, ภิกฺขเว, จาริก’’นฺติ (มหาว. ๓๒) วิสฺสเชฺชตฺวา ติํสภทฺทวคฺคิเย วิเนตฺวา อุรุเวลกสฺสปสฺส วสนฎฺฐานํ คนฺตฺวา วสนตฺถาย อคฺยาคารํ ปวิสิตฺวา ตตฺถ คตนาคทมนาทีหิ อฑฺฒุฑฺฒสหเสฺสหิ ปาฎิหาริเยหิ อุรุเวลกสฺสปํ สปริวารํ วิเนตฺวา ปพฺพาเชสิฯ ตสฺส ปพฺพชฺชาวิธานญฺจ อิทฺธิปาฎิหาริยกรณญฺจ สพฺพํ นทีกสฺสปสฺส อปทานฎฺฐกถายํ อาวิ ภวิสฺสติฯ ตสฺส ปพฺพชิตภาวํ สุตฺวา อิตเรปิ เทฺว ภาตโร สปริสา อาคนฺตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิํสุฯ สเพฺพว เต อิทฺธิมยปตฺตจีวรธรา เอหิภิกฺขุกา อเหสุํฯ สตฺถา ตํ สมณสหสฺสํ อาทาย คยาสีสํ คนฺตฺวา ปิฎฺฐิปาสาเณ นิสิโนฺน อาทิตฺตปริยายเทสนาย (มหาว. ๕๔) เต สเพฺพ อรหเตฺต ปติฎฺฐาเปสิฯ

    Aṭṭhamāpadāne padumuttaro nāma jinotiādikaṃ āyasmato uruvelakassapattherassa apadānaṃ. Ayampi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave vivaṭṭūpanissayāni puññāni upacinanto padumuttarassa bhagavato kāle kulagehe nibbatto vayappatto satthu santike dhammaṃ sutvā satthāraṃ ekaṃ bhikkhuṃ mahāparivārānaṃ aggaṭṭhāne ṭhapentaṃ disvā sayampi taṃ ṭhānantaraṃ patthento mahādānaṃ datvā paṇidhānaṃ akāsi. Bhagavā cassa anantarāyataṃ disvā ‘‘anāgate gotamabuddhassa sāsane mahāparivārānaṃ aggo bhavissatī’’ti byākāsi. So tattha yāvatāyukaṃ puññāni katvā tato cavitvā devamanussesu saṃsaranto ito dvenavutikappamatthake phussassa bhagavato vemātikakaniṭṭhabhātā hutvā nibbatto, aññepissa dve kaniṭṭhabhātaro ahesuṃ. Te tayo buddhappamukhabhikkhusaṅghaṃ nimantetvā paramāya pūjāya pūjetvā yāvajīvaṃ kusalaṃ katvā devamanussesu saṃsaranto amhākaṃ bhagavato uppattito puretarameva bārāṇasiyaṃ brāhmaṇakule tayo bhātaro hutvā nibbattā gottavasena tayopi kassapāti evaṃ nāmakā ahesuṃ. Te tayo vayappattā tayo vede uggaṇhiṃsu. Tesaṃ jeṭṭhabhātikassa pañcamāṇavakasatāni parivārā, majjhimassa tīṇi, kaniṭṭhassa dve, te attano ganthesu sāraṃ olokentā diṭṭhadhammikameva atthaṃ disvā pabbajjaṃ rocesuṃ. Tesu jeṭṭhabhātā attano parivārena saddhiṃ uruvelaṃ gantvā isipabbajjaṃ pabbajitvā uruvelakassapo nāma jāto, majjhimo gaṅgānadīvaṅke pabbajito nadīkassapo nāma jāto, kaniṭṭho gayāsīse pabbajito gayākassapo nāma jāto. Evaṃ tesu isipabbajjaṃ pabbajitvā tattha tattha vasantesu bahūnaṃ divasānaṃ accayena amhākaṃ bodhisatto mahābhinikkhamanaṃ nikkhamitvā paṭividdhasabbaññutaññāṇo anukkamena dhammacakkaṃ pavattetvā pañcavaggiyatthere arahatte patiṭṭhāpetvā yasakulaputtappamukhe pañcapaññāsajane sahāyake vinetvā saṭṭhi arahante ‘‘caratha, bhikkhave, cārika’’nti (mahāva. 32) vissajjetvā tiṃsabhaddavaggiye vinetvā uruvelakassapassa vasanaṭṭhānaṃ gantvā vasanatthāya agyāgāraṃ pavisitvā tattha gatanāgadamanādīhi aḍḍhuḍḍhasahassehi pāṭihāriyehi uruvelakassapaṃ saparivāraṃ vinetvā pabbājesi. Tassa pabbajjāvidhānañca iddhipāṭihāriyakaraṇañca sabbaṃ nadīkassapassa apadānaṭṭhakathāyaṃ āvi bhavissati. Tassa pabbajitabhāvaṃ sutvā itarepi dve bhātaro saparisā āgantvā satthu santike pabbajiṃsu. Sabbeva te iddhimayapattacīvaradharā ehibhikkhukā ahesuṃ. Satthā taṃ samaṇasahassaṃ ādāya gayāsīsaṃ gantvā piṭṭhipāsāṇe nisinno ādittapariyāyadesanāya (mahāva. 54) te sabbe arahatte patiṭṭhāpesi.

    ๒๕๑. โส เอวํ อรหตฺตํ ปตฺวา โสมนสฺสชาโต อตฺตโน ปุพฺพจริตาปทานํ ปกาเสโนฺต ปทุมุตฺตโร นาม ชิโนติอาทิมาหฯ อนุตฺตานปทเมว วณฺณยิสฺสามฯ

    251. So evaṃ arahattaṃ patvā somanassajāto attano pubbacaritāpadānaṃ pakāsento padumuttaro nāma jinotiādimāha. Anuttānapadameva vaṇṇayissāma.

    ๒๖๘. โส จ สพฺพํ ตมํ หนฺตฺวาติ โส ผุโสฺส ภควา ราคโทสโมหาทิกิเลสนฺธการํ วิทฺธํเสตฺวาฯ วิชเฎตฺวา มหาชฎนฺติ ตณฺหามานาทีหิ ทิยฑฺฒสหเสฺสหิ กิเลสคเณหิ มหาพฺยากุลํ ชฎํ วิชเฎตฺวา ปทาเลตฺวา ผาเลตฺวาติ อโตฺถฯ สเทวกํ เทวโลกสหิตํ สกลํ โลกสนฺนิวาสํตปฺปยโนฺต สนฺตปฺปยโนฺต ปีเณโนฺต อมตํ วุฎฺฐิํ มหานิพฺพานวุฎฺฐิธารํ วสฺสเต ปคฺฆราเปตีติ โยชนาฯ

    268.Soca sabbaṃ tamaṃ hantvāti so phusso bhagavā rāgadosamohādikilesandhakāraṃ viddhaṃsetvā. Vijaṭetvā mahājaṭanti taṇhāmānādīhi diyaḍḍhasahassehi kilesagaṇehi mahābyākulaṃ jaṭaṃ vijaṭetvā padāletvā phāletvāti attho. Sadevakaṃ devalokasahitaṃ sakalaṃ lokasannivāsaṃtappayanto santappayanto pīṇento amataṃ vuṭṭhiṃ mahānibbānavuṭṭhidhāraṃ vassate paggharāpetīti yojanā.

    ๒๖๙. ตทา หิ พาราณสิยนฺติ ‘‘พารส มนุสฺสา’’ติอาทีสุ วิย พารส ทฺวาทสราสี หุตฺวา ปุรา, หิมวนฺตโต อิสโย จ ปเจฺจกมุนิสงฺขาตา อิสโย จ คนฺธมาทนโต อากาเสนาคนฺตฺวา เอตฺถ คจฺฉนฺติ โอตรนฺติ ปวิสนฺตีติ พาราณสี, อถ วา สมฺมาสมฺพุทฺธสงฺขาตานํ อเนกสตสหสฺสานํ ธมฺมจกฺกปวตฺตนตฺถาย โอตรฎฺฐานํ นครํ ลิงฺควิปลฺลาสํ กตฺวา อิตฺถิลิงฺควเสน พาราณสีติ วุจฺจติ, ติสฺสํ พาราณสิยํฯ

    269.Tadā hi bārāṇasiyanti ‘‘bārasa manussā’’tiādīsu viya bārasa dvādasarāsī hutvā purā, himavantato isayo ca paccekamunisaṅkhātā isayo ca gandhamādanato ākāsenāgantvā ettha gacchanti otaranti pavisantīti bārāṇasī, atha vā sammāsambuddhasaṅkhātānaṃ anekasatasahassānaṃ dhammacakkapavattanatthāya otaraṭṭhānaṃ nagaraṃ liṅgavipallāsaṃ katvā itthiliṅgavasena bārāṇasīti vuccati, tissaṃ bārāṇasiyaṃ.

    ๒๗๓. นิกฺขิตฺตสตฺถํ ปจฺจนฺตนฺติ ฉฑฺฑิตสตฺถํ ปาติตอาวุธํ ปจฺจนฺตชนปทํ นิพฺพิเสวนํ กตฺวา ปุนรุปจฺจตนฺติ ปุนรปิ ตํ นครํ อุเปจฺจ อุปคมฺม สมฺปตฺตาติ อโตฺถฯ เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวาติฯ

    273.Nikkhittasatthaṃpaccantanti chaḍḍitasatthaṃ pātitaāvudhaṃ paccantajanapadaṃ nibbisevanaṃ katvā punarupaccatanti punarapi taṃ nagaraṃ upecca upagamma sampattāti attho. Sesaṃ suviññeyyamevāti.

    อุรุเวลกสฺสปเตฺถรอปทานวณฺณนา สมตฺตาฯ

    Uruvelakassapattheraapadānavaṇṇanā samattā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อปทานปาฬิ • Apadānapāḷi / ๘. อุรุเวฬกสฺสปเตฺถรอปทานํ • 8. Uruveḷakassapattheraapadānaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact