Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā

    ๖. ฉกฺกนิปาโต

    6. Chakkanipāto

    ๑. อุรุเวลกสฺสปเตฺถรคาถาวณฺณนา

    1. Uruvelakassapattheragāthāvaṇṇanā

    ฉกฺกนิปาเต ทิสฺวาน ปาฎิหีรานีติอาทิกา อายสฺมโต อุรุเวลกสฺสปเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฎฺฎูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินโนฺต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา, วยปฺปโตฺต สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุณโนฺต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ มหาปริสานํ อคฺคฎฺฐาเน ฐเปนฺตํ ทิสฺวา, สยมฺปิ ตํ ฐานนฺตรํ ปเตฺถตฺวา มหาทานํ ทตฺวา ปณิธานมกาสิฯ ภควา จสฺส อนนฺตรายตํ ทิสฺวา, ‘‘อนาคเต โคตมพุทฺธสฺส สาสเน มหาปริสานํ อโคฺค ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิฯ

    Chakkanipāte disvāna pāṭihīrānītiādikā āyasmato uruvelakassapattherassa gāthā. Kā uppatti? Ayampi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave vivaṭṭūpanissayaṃ kusalaṃ upacinanto padumuttarassa bhagavato kāle kulagehe nibbattitvā, vayappatto satthu santike dhammaṃ suṇanto satthāraṃ ekaṃ bhikkhuṃ mahāparisānaṃ aggaṭṭhāne ṭhapentaṃ disvā, sayampi taṃ ṭhānantaraṃ patthetvā mahādānaṃ datvā paṇidhānamakāsi. Bhagavā cassa anantarāyataṃ disvā, ‘‘anāgate gotamabuddhassa sāsane mahāparisānaṃ aggo bhavissatī’’ti byākāsi.

    โส ตตฺถ ยาวชีวํ ปุญฺญานิ กตฺวา ตโต จวิตฺวา เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อิโต ทฺวานวุติกปฺปมตฺถเก ผุสฺสสฺส ภควโต เวมาติกกนิฎฺฐภาตา หุตฺวา นิพฺพตฺติฯ อเญฺญปิสฺส เทฺว กนิฎฺฐภาตโร อเหสุํฯ เต ตโยปิ พุทฺธปฺปมุขํ สงฺฆํ ปรมาย ปูชาย ปูเชตฺวา ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อมฺหากํ ภควโต นิพฺพตฺติโต ปุเรตรเมว พาราณสิยํ พฺราหฺมณกุเล ภาตโร หุตฺวา, อนุกฺกเมน นิพฺพตฺตา โคตฺตวเสน ตโยปิ กสฺสปา เอว นาม ชาตาฯ เต วยปฺปตฺตา ตโย เวเท อุคฺคณฺหิํสุฯ เตสํ เชฎฺฐภาติกสฺส ปญฺจ มาณวกสตานิ ปริวาโร, มชฺฌิมสฺส ตีณิ, กนิฎฺฐสฺส เทฺวฯ เต อตฺตโน คเนฺถ สารํ โอโลเกนฺตา ทิฎฺฐธมฺมิกเมว อตฺถํ ทิสฺวา ปพฺพชฺชํ โรเจสุํฯ เตสุ เชฎฺฐภาตา อตฺตโน ปริวาเรน สทฺธิํ อุรุเวลํ คนฺตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อุรุเวลกสฺสโป นาม ชาโต มหาคงฺคานทีวเงฺก ปพฺพชิโต นทีกสฺสโป นาม ชาโต, คยาสีเส ปพฺพชิโต คยากสฺสโป นาม ชาโตฯ

    So tattha yāvajīvaṃ puññāni katvā tato cavitvā devamanussesu saṃsaranto ito dvānavutikappamatthake phussassa bhagavato vemātikakaniṭṭhabhātā hutvā nibbatti. Aññepissa dve kaniṭṭhabhātaro ahesuṃ. Te tayopi buddhappamukhaṃ saṅghaṃ paramāya pūjāya pūjetvā yāvajīvaṃ kusalaṃ katvā devamanussesu saṃsaranto amhākaṃ bhagavato nibbattito puretarameva bārāṇasiyaṃ brāhmaṇakule bhātaro hutvā, anukkamena nibbattā gottavasena tayopi kassapā eva nāma jātā. Te vayappattā tayo vede uggaṇhiṃsu. Tesaṃ jeṭṭhabhātikassa pañca māṇavakasatāni parivāro, majjhimassa tīṇi, kaniṭṭhassa dve. Te attano ganthe sāraṃ olokentā diṭṭhadhammikameva atthaṃ disvā pabbajjaṃ rocesuṃ. Tesu jeṭṭhabhātā attano parivārena saddhiṃ uruvelaṃ gantvā isipabbajjaṃ pabbajitvā uruvelakassapo nāma jāto mahāgaṅgānadīvaṅke pabbajito nadīkassapo nāma jāto, gayāsīse pabbajito gayākassapo nāma jāto.

    เอวํ เตสุ อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ตตฺถ ตตฺถ วสเนฺตสุ พหูนํ ทิวสานํ อจฺจเยน อมฺหากํ โพธิสโตฺต มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตฺวา, ปฎิวิทฺธสพฺพญฺญุตญฺญาโณ อนุกฺกเมน ธมฺมจกฺกํ ปวเตฺตตฺวา, ปญฺจวคฺคิยเตฺถเร อรหเตฺต ปติฎฺฐาเปตฺวา ยสปฺปมุเข ปญฺจปญฺญาส สหายเก วิเนตฺวา สฎฺฐิ อรหเนฺต ‘‘จรถ, ภิกฺขเว, จาริก’’นฺติ วิสฺสเชฺชตฺวา, ภทฺทวคฺคิเย วิเนตฺวา อุรุเวลกสฺสปสฺส วสนฎฺฐานํ คนฺตฺวา วสนตฺถาย อคฺยาคารํ ปวิสิตฺวา , ตตฺถ กตนาคทมนํ อาทิํ กตฺวา อฑฺฒุฑฺฒสหเสฺสหิ ปาฎิหาริเยหิ อุรุเวลกสฺสปํ สปริสํ วิเนตฺวา ปพฺพาเชสิฯ ตสฺส ปพฺพชิตภาวํ ญตฺวา อิตเรปิ เทฺว ภาตโร สปริสา อาคนฺตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิํสุฯ สเพฺพว เอหิภิกฺขู อิทฺธิมยปตฺตจีวรธรา อเหสุํฯ

    Evaṃ tesu isipabbajjaṃ pabbajitvā tattha tattha vasantesu bahūnaṃ divasānaṃ accayena amhākaṃ bodhisatto mahābhinikkhamanaṃ nikkhamitvā, paṭividdhasabbaññutaññāṇo anukkamena dhammacakkaṃ pavattetvā, pañcavaggiyatthere arahatte patiṭṭhāpetvā yasappamukhe pañcapaññāsa sahāyake vinetvā saṭṭhi arahante ‘‘caratha, bhikkhave, cārika’’nti vissajjetvā, bhaddavaggiye vinetvā uruvelakassapassa vasanaṭṭhānaṃ gantvā vasanatthāya agyāgāraṃ pavisitvā , tattha katanāgadamanaṃ ādiṃ katvā aḍḍhuḍḍhasahassehi pāṭihāriyehi uruvelakassapaṃ saparisaṃ vinetvā pabbājesi. Tassa pabbajitabhāvaṃ ñatvā itarepi dve bhātaro saparisā āgantvā satthu santike pabbajiṃsu. Sabbeva ehibhikkhū iddhimayapattacīvaradharā ahesuṃ.

    สตฺถา ตํ สมณสหสฺสํ อาทาย คยาสีสํ คนฺตฺวา ปิฎฺฐิปาสาเณ นิสิโนฺน อาทิตฺตปริยายเทสนาย สเพฺพ อรหเตฺต ปติฎฺฐาเปสิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๔.๒๕๑-๒๙๕) –

    Satthā taṃ samaṇasahassaṃ ādāya gayāsīsaṃ gantvā piṭṭhipāsāṇe nisinno ādittapariyāyadesanāya sabbe arahatte patiṭṭhāpesi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 2.54.251-295) –

    ‘‘ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน, สพฺพโลกวิทู มุนิ;

    ‘‘Padumuttaro nāma jino, sabbalokavidū muni;

    อิโต สตสหสฺสมฺหิ, กเปฺป อุปฺปชฺชิ จกฺขุมาฯ

    Ito satasahassamhi, kappe uppajji cakkhumā.

    ‘‘โอวาทโก วิญฺญาปโก, ตารโก สพฺพปาณินํ;

    ‘‘Ovādako viññāpako, tārako sabbapāṇinaṃ;

    เทสนากุสโล พุโทฺธ, ตาเรสิ ชนตํ พหุํฯ

    Desanākusalo buddho, tāresi janataṃ bahuṃ.

    ‘‘อนุกมฺปโก การุณิโก, หิเตสี สพฺพปาณินํ;

    ‘‘Anukampako kāruṇiko, hitesī sabbapāṇinaṃ;

    สมฺปเตฺต ติตฺถิเย สเพฺพ, ปญฺจสีเล ปติฎฺฐปิฯ

    Sampatte titthiye sabbe, pañcasīle patiṭṭhapi.

    ‘‘เอวํ นิรากุลํ อาสิ, สุญฺญตํ ติตฺถิเยหิ จ;

    ‘‘Evaṃ nirākulaṃ āsi, suññataṃ titthiyehi ca;

    วิจิตฺตํ อรหเนฺตหิ, วสีภูเตหิ ตาทิภิฯ

    Vicittaṃ arahantehi, vasībhūtehi tādibhi.

    ‘‘รตนานฎฺฐปญฺญาสํ, อุคฺคโต โส มหามุนิ;

    ‘‘Ratanānaṭṭhapaññāsaṃ, uggato so mahāmuni;

    กญฺจนคฺฆิยสงฺกาโส, พาตฺติํสวรลกฺขโณฯ

    Kañcanagghiyasaṅkāso, bāttiṃsavaralakkhaṇo.

    ‘‘วสฺสสตสหสฺสานิ, อายุ วิชฺชติ ตาวเท;

    ‘‘Vassasatasahassāni, āyu vijjati tāvade;

    ตาวตา ติฎฺฐมาโน โส, ตาเรสิ ชนตํ พหุํฯ

    Tāvatā tiṭṭhamāno so, tāresi janataṃ bahuṃ.

    ‘‘ตทาหํ หํสวติยา, พฺราหฺมโณ สาธุสมฺมโต;

    ‘‘Tadāhaṃ haṃsavatiyā, brāhmaṇo sādhusammato;

    อุเปจฺจ โลกปโชฺชตํ, อโสฺสสิํ ธมฺมเทสนํฯ

    Upecca lokapajjotaṃ, assosiṃ dhammadesanaṃ.

    ‘‘ตทา มหาปริสติํ, มหาปริสสาวกํ;

    ‘‘Tadā mahāparisatiṃ, mahāparisasāvakaṃ;

    ฐเปนฺตํ เอตทคฺคมฺหิ, สุตฺวาน มุทิโต อหํฯ

    Ṭhapentaṃ etadaggamhi, sutvāna mudito ahaṃ.

    ‘‘มหตา ปริวาเรน, นิมเนฺตตฺวา มหาชินํ;

    ‘‘Mahatā parivārena, nimantetvā mahājinaṃ;

    พฺราหฺมณานํ สหเสฺสน, สหทานมทาสหํฯ

    Brāhmaṇānaṃ sahassena, sahadānamadāsahaṃ.

    ‘‘มหาทานํ ททิตฺวาน, อภิวาทิย นายกํ;

    ‘‘Mahādānaṃ daditvāna, abhivādiya nāyakaṃ;

    เอกมนฺตํ ฐิโต หโฎฺฐ, อิทํ วจนมพฺรวิํฯ

    Ekamantaṃ ṭhito haṭṭho, idaṃ vacanamabraviṃ.

    ‘‘ตยิ สทฺธาย เม วีร, อธิการคุเณน จ;

    ‘‘Tayi saddhāya me vīra, adhikāraguṇena ca;

    ปริสา มหตี โหตุ, นิพฺพตฺตสฺส ตหิํ ตหิํฯ

    Parisā mahatī hotu, nibbattassa tahiṃ tahiṃ.

    ‘‘ตทา อโวจ ปริสํ, คชคชฺชิตสุสฺสโร;

    ‘‘Tadā avoca parisaṃ, gajagajjitasussaro;

    กรวีกรุโต สตฺถา, เอตํ ปสฺสถ พฺราหฺมณํฯ

    Karavīkaruto satthā, etaṃ passatha brāhmaṇaṃ.

    ‘‘เหมวณฺณํ มหาพาหุํ, กมลานนโลจนํ;

    ‘‘Hemavaṇṇaṃ mahābāhuṃ, kamalānanalocanaṃ;

    อุทคฺคตนุชํ หฎฺฐํ, สทฺธวนฺตํ คุเณ มมฯ

    Udaggatanujaṃ haṭṭhaṃ, saddhavantaṃ guṇe mama.

    ‘‘เอส ปตฺถยเต ฐานํ, สีหโฆสสฺส ภิกฺขุโน;

    ‘‘Esa patthayate ṭhānaṃ, sīhaghosassa bhikkhuno;

    อนาคตมฺหิ อทฺธาเน, ลจฺฉเส ตํ มโนรถํฯ

    Anāgatamhi addhāne, lacchase taṃ manorathaṃ.

    ‘‘สตสหสฺสิโต กเปฺป, โอกฺกากกุลสมฺภโว;

    ‘‘Satasahassito kappe, okkākakulasambhavo;

    โคตโม นาม โคเตฺตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติฯ

    Gotamo nāma gottena, satthā loke bhavissati.

    ‘‘ตสฺส ธเมฺมสุ ทายาโท, โอรโส ธมฺมนิมฺมิโต;

    ‘‘Tassa dhammesu dāyādo, oraso dhammanimmito;

    กสฺสโป นาม โคเตฺตน, เหสฺสติ สตฺถุ สาวโกฯ

    Kassapo nāma gottena, hessati satthu sāvako.

    ‘‘อิโต เทฺวนวุเต กเปฺป, อหุ สตฺถา อนุตฺตโร;

    ‘‘Ito dvenavute kappe, ahu satthā anuttaro;

    อนูปโม อสทิโส, ผุโสฺส โลกคฺคนายโกฯ

    Anūpamo asadiso, phusso lokagganāyako.

    ‘‘โส จ สพฺพํ ตมํ หนฺตฺวา, วิชเฎตฺวา มหาชฎํ;

    ‘‘So ca sabbaṃ tamaṃ hantvā, vijaṭetvā mahājaṭaṃ;

    วสฺสเต อมตํ วุฎฺฐิํ, ตปฺปยโนฺต สเทวกํฯ

    Vassate amataṃ vuṭṭhiṃ, tappayanto sadevakaṃ.

    ‘‘ตทา หิ พาราณสิยํ, ราชาปจฺจา อหุมฺหเส;

    ‘‘Tadā hi bārāṇasiyaṃ, rājāpaccā ahumhase;

    ภาตโรมฺห ตโย สเพฺพ, สํวิสฎฺฐาว ราชิโนฯ

    Bhātaromha tayo sabbe, saṃvisaṭṭhāva rājino.

    ‘‘วีรงฺครูปา พลิโน, สงฺคาเม อปราชิตา;

    ‘‘Vīraṅgarūpā balino, saṅgāme aparājitā;

    ตทา กุปิตปจฺจโนฺต, อเมฺห อาห มหีปติฯ

    Tadā kupitapaccanto, amhe āha mahīpati.

    ‘‘เอถ คนฺตฺวาน ปจฺจนฺตํ, โสเธตฺวา อฎฺฎวีพลํ;

    ‘‘Etha gantvāna paccantaṃ, sodhetvā aṭṭavībalaṃ;

    เขมํ วิชิริตํ กตฺวา, ปุน เทถาติ ภาสถฯ

    Khemaṃ vijiritaṃ katvā, puna dethāti bhāsatha.

    ‘‘ตโต มยํ อโวจุมฺห, ยทิ เทยฺยาสิ นายกํ;

    ‘‘Tato mayaṃ avocumha, yadi deyyāsi nāyakaṃ;

    อุปฎฺฐานาย อมฺหากํ, สาธยิสฺสาม โว ตโตฯ

    Upaṭṭhānāya amhākaṃ, sādhayissāma vo tato.

    ‘‘ตโต มยํ ลทฺธวรา, ภูมิปาเลน เปสิตา;

    ‘‘Tato mayaṃ laddhavarā, bhūmipālena pesitā;

    นิกฺขิตฺตสตฺถํ ปจฺจนฺตํ, กตฺวา ปุนรุเปจฺจ ตํฯ

    Nikkhittasatthaṃ paccantaṃ, katvā punarupecca taṃ.

    ‘‘ยาจิตฺวา สตฺถุปฎฺฐานํ, ราชานํ โลกนายกํ;

    ‘‘Yācitvā satthupaṭṭhānaṃ, rājānaṃ lokanāyakaṃ;

    มุนิวีรํ ลภิตฺวาน, ยาวชีวํ ยชิมฺห ตํฯ

    Munivīraṃ labhitvāna, yāvajīvaṃ yajimha taṃ.

    ‘‘มหคฺฆานิ จ วตฺถานิ, ปณีตานิ รสานิ จ;

    ‘‘Mahagghāni ca vatthāni, paṇītāni rasāni ca;

    เสนาสนานิ รมฺมานิ, เภสชฺชานิ หิตานิ จฯ

    Senāsanāni rammāni, bhesajjāni hitāni ca.

    ‘‘ทตฺวา สสงฺฆมุนิโน, ธเมฺมนุปฺปาทิตานิ โน;

    ‘‘Datvā sasaṅghamunino, dhammenuppāditāni no;

    สีลวโนฺต การุณิกา, ภาวนายุตฺตมานสาฯ

    Sīlavanto kāruṇikā, bhāvanāyuttamānasā.

    ‘‘สทฺธา ปริจริตฺวาน, เมตฺตจิเตฺตน นายกํ;

    ‘‘Saddhā paricaritvāna, mettacittena nāyakaṃ;

    นิพฺพุเต ตมฺหิ โลกเคฺค, ปูชํ กตฺวา ยถาพลํฯ

    Nibbute tamhi lokagge, pūjaṃ katvā yathābalaṃ.

    ‘‘ตโต จุตา สนฺตุสิตํ, คตา ตตฺถ มหาสุขํ;

    ‘‘Tato cutā santusitaṃ, gatā tattha mahāsukhaṃ;

    อนุภูตา มยํ สเพฺพ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํฯ

    Anubhūtā mayaṃ sabbe, buddhapūjāyidaṃ phalaṃ.

    ‘‘มายากาโร ยถา รเงฺค, ทเสฺสสิ วิกติํ พหุํ;

    ‘‘Māyākāro yathā raṅge, dassesi vikatiṃ bahuṃ;

    ตถา ภเว ภมโนฺตหํ, วิเทหาธิปตี อหุํฯ

    Tathā bhave bhamantohaṃ, videhādhipatī ahuṃ.

    ‘‘คุณาเจลสฺส วาเกฺยน, มิจฺฉาทิฎฺฐิคตาสโย;

    ‘‘Guṇācelassa vākyena, micchādiṭṭhigatāsayo;

    นรกํ มคฺคมารูโฬฺห, รุจาย มม ธีตุยาฯ

    Narakaṃ maggamārūḷho, rucāya mama dhītuyā.

    ‘‘โอวาทํ นาทิยิตฺวาน, พฺรหฺมุนา นารเทนหํ;

    ‘‘Ovādaṃ nādiyitvāna, brahmunā nāradenahaṃ;

    พหุธา สํสิโต สโนฺต, ทิฎฺฐิํ หิตฺวาน ปาปิกํฯ

    Bahudhā saṃsito santo, diṭṭhiṃ hitvāna pāpikaṃ.

    ‘‘ปูรยิตฺวา วิเสเสน, ทส กมฺมปถานิหํ;

    ‘‘Pūrayitvā visesena, dasa kammapathānihaṃ;

    หิตฺวาน เทหมคมิํ, สคฺคํ สภวนํ ยถาฯ

    Hitvāna dehamagamiṃ, saggaṃ sabhavanaṃ yathā.

    ‘‘ปจฺฉิเม ภเว สมฺปเตฺต, พฺรหฺมพนฺธุ อโหสหํ;

    ‘‘Pacchime bhave sampatte, brahmabandhu ahosahaṃ;

    พาราณสิยํ ผีตายํ, ชาโต วิปฺปมหากุเลฯ

    Bārāṇasiyaṃ phītāyaṃ, jāto vippamahākule.

    ‘‘มจฺจุพฺยาธิชราภีโต, โอคาเหตฺวา มหาวนํ;

    ‘‘Maccubyādhijarābhīto, ogāhetvā mahāvanaṃ;

    นิพฺพานํ ปทเมสโนฺต, ชฎิเลสุ ปริพฺพชิํฯ

    Nibbānaṃ padamesanto, jaṭilesu paribbajiṃ.

    ‘‘ตทา เทฺว ภาตโร มยฺหํ, ปพฺพชิํสุ มยา สห;

    ‘‘Tadā dve bhātaro mayhaṃ, pabbajiṃsu mayā saha;

    อุรุเวลายํ มาเปตฺวา, อสฺสมํ นิวสิํ อหํฯ

    Uruvelāyaṃ māpetvā, assamaṃ nivasiṃ ahaṃ.

    ‘‘กสฺสโป นาม โคเตฺตน, อุรุเวลนิวาสิโก;

    ‘‘Kassapo nāma gottena, uruvelanivāsiko;

    ตโต เม อาสิ ปญฺญตฺติ, อุรุเวลกสฺสโป อิติฯ

    Tato me āsi paññatti, uruvelakassapo iti.

    ‘‘นทีสกาเส ภาตา เม, นทีกสฺสปสวฺหโย;

    ‘‘Nadīsakāse bhātā me, nadīkassapasavhayo;

    อาสี สกาสนาเมน, คยายํ คยากสฺสโปฯ

    Āsī sakāsanāmena, gayāyaṃ gayākassapo.

    ‘‘เทฺว สตานิ กนิฎฺฐสฺส, ตีณิ, มชฺฌสฺส ภาตุโน;

    ‘‘Dve satāni kaniṭṭhassa, tīṇi, majjhassa bhātuno;

    มม ปญฺจ สตานูนา, สิสฺสา สเพฺพ มมานุคาฯ

    Mama pañca satānūnā, sissā sabbe mamānugā.

    ‘‘ตทา อุเปจฺจ มํ พุโทฺธ, กตฺวาน วิวิธานิ เม;

    ‘‘Tadā upecca maṃ buddho, katvāna vividhāni me;

    ปาฎิหีรานิ โลกโคฺค, วิเนสิ นรสารถิฯ

    Pāṭihīrāni lokaggo, vinesi narasārathi.

    ‘‘สหสฺสปริวาเรน, อโหสิํ เอหิภิกฺขุโก;

    ‘‘Sahassaparivārena, ahosiṃ ehibhikkhuko;

    เตเหว สห สเพฺพหิ, อรหตฺตมปาปุณิํฯ

    Teheva saha sabbehi, arahattamapāpuṇiṃ.

    ‘‘เต เจวเญฺญ จ พหโว, สิสฺสา มํ ปริวารยุํ;

    ‘‘Te cevaññe ca bahavo, sissā maṃ parivārayuṃ;

    ภาสิตุญฺจ สมโตฺถหํ, ตโต มํ อิสิสตฺตโมฯ

    Bhāsituñca samatthohaṃ, tato maṃ isisattamo.

    ‘‘มหาปริสภาวสฺมิํ, เอตทเคฺค ฐเปสิ มํ;

    ‘‘Mahāparisabhāvasmiṃ, etadagge ṭhapesi maṃ;

    อโห พุเทฺธ กตํ การํ, สผลํ เม อชายถฯ

    Aho buddhe kataṃ kāraṃ, saphalaṃ me ajāyatha.

    ‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ

    ‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.

    อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน ปฎิปตฺติํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา สีหนาทํ นทโนฺต –

    Arahattaṃ pana patvā attano paṭipattiṃ paccavekkhitvā sīhanādaṃ nadanto –

    ๓๗๕.

    375.

    ‘‘ทิสฺวาน ปาฎิหีรานิ, โคตมสฺส ยสสฺสิโน;

    ‘‘Disvāna pāṭihīrāni, gotamassa yasassino;

    น ตาวาหํ ปณิปติํ, อิสฺสามาเนน วญฺจิโตฯ

    Na tāvāhaṃ paṇipatiṃ, issāmānena vañcito.

    ๓๗๖.

    376.

    ‘‘มม สงฺกปฺปมญฺญาย, โจเทสิ นรสารถิ;

    ‘‘Mama saṅkappamaññāya, codesi narasārathi;

    ตโต เม อาสิ สํเวโค, อพฺภุโต โลมหํสโนฯ

    Tato me āsi saṃvego, abbhuto lomahaṃsano.

    ๓๗๗.

    377.

    ‘‘ปุเพฺพ ชฎิลภูตสฺส, ยา เม สิทฺธิ ปริตฺติกา;

    ‘‘Pubbe jaṭilabhūtassa, yā me siddhi parittikā;

    ตาหํ ตทา นิรากตฺวา, ปพฺพชิํ ชินสาสเนฯ

    Tāhaṃ tadā nirākatvā, pabbajiṃ jinasāsane.

    ๓๗๘.

    378.

    ‘‘ปุเพฺพ ยเญฺญน สนฺตุโฎฺฐ, กามธาตุปุรกฺขโต;

    ‘‘Pubbe yaññena santuṭṭho, kāmadhātupurakkhato;

    ปจฺฉา ราคญฺจ โทสญฺจ, โมหญฺจาปิ สมูหนิํฯ

    Pacchā rāgañca dosañca, mohañcāpi samūhaniṃ.

    ๓๗๙.

    379.

    ‘‘ปุเพฺพนิวาสํ ชานามิ, ทิพฺพจกฺขุ วิโสธิตํ;

    ‘‘Pubbenivāsaṃ jānāmi, dibbacakkhu visodhitaṃ;

    อิทฺธิมา ปรจิตฺตญฺญู, ทิพฺพโสตญฺจ ปาปุณิํฯ

    Iddhimā paracittaññū, dibbasotañca pāpuṇiṃ.

    ๓๘๐.

    380.

    ‘‘ยสฺส จตฺถาย ปพฺพชิโต, อคารสฺมานคาริยํ;

    ‘‘Yassa catthāya pabbajito, agārasmānagāriyaṃ;

    โส เม อโตฺถ อนุปฺปโตฺต, สพฺพสํโยชนกฺขโย’’ติฯ –

    So me attho anuppatto, sabbasaṃyojanakkhayo’’ti. –

    อิมา ฉ คาถา อภาสิฯ

    Imā cha gāthā abhāsi.

    ตตฺถ ทิสฺวาน ปาฎิหีรานีติ นาคราชทมนาทีนิ อฑฺฒุฑฺฒสหสฺสานิ ปาฎิหาริยานิ ทิสฺวาฯ ‘‘ปาฎิหีรํ, ปาฎิเหรํ, ปาฎิหาริย’’นฺติ หิ อตฺถโต เอกํ, พฺยญฺชนเมว นานํฯ ยสสฺสิโน’’ติ ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทินา สเทวเก โลเก ยถาภุจฺจํ ปตฺถฎกิตฺติสทฺทสฺสฯ น ตาวาหํ ปณิปตินฺติ ยาว มํ ภควา ‘‘เนว โข ตฺวํ, กสฺสป, อรหา, นาปิ อรหตฺตมคฺคํ สมาปโนฺน, สาปิ เต ปฎิปทา นตฺถิ, ยาย ตฺวํ อรหา วา อสฺส, อรหตฺตมคฺคํ วา สมาปโนฺน’’ติ น ตเชฺชสิ, ตาว อหํ น ปณิปาตนํ อกาสิํฯ กิํการณา? อิสฺสามาเนน วญฺจิโต, ‘‘อิมสฺส มยิ สาวกตฺตํ อุปคเต มม ลาภสกฺกาโร ปริหายิสฺสติ, อิมสฺส เอว วฑฺฒิสฺสตี’’ติ เอวํ ปรสมฺปตฺติอสหนลกฺขณาย อิสฺสาย เจว, ‘‘อหํ คณปาโมโกฺข พหุชนสมฺมโต’’ติ เอวํ อพฺภุนฺนติลกฺขเณน มาเนน จ วญฺจิโต, ปลมฺภิโต หุตฺวาติ อโตฺถฯ

    Tattha disvāna pāṭihīrānīti nāgarājadamanādīni aḍḍhuḍḍhasahassāni pāṭihāriyāni disvā. ‘‘Pāṭihīraṃ, pāṭiheraṃ, pāṭihāriya’’nti hi atthato ekaṃ, byañjanameva nānaṃ. Yasassino’’ti ‘‘itipi so bhagavā’’tiādinā sadevake loke yathābhuccaṃ patthaṭakittisaddassa. Na tāvāhaṃ paṇipatinti yāva maṃ bhagavā ‘‘neva kho tvaṃ, kassapa, arahā, nāpi arahattamaggaṃ samāpanno, sāpi te paṭipadā natthi, yāya tvaṃ arahā vā assa, arahattamaggaṃ vā samāpanno’’ti na tajjesi, tāva ahaṃ na paṇipātanaṃ akāsiṃ. Kiṃkāraṇā? Issāmānena vañcito, ‘‘imassa mayi sāvakattaṃ upagate mama lābhasakkāro parihāyissati, imassa eva vaḍḍhissatī’’ti evaṃ parasampattiasahanalakkhaṇāya issāya ceva, ‘‘ahaṃ gaṇapāmokkho bahujanasammato’’ti evaṃ abbhunnatilakkhaṇena mānena ca vañcito, palambhito hutvāti attho.

    มม สงฺกปฺปมญฺญายาติ มยฺหํ มิจฺฉาสงฺกปฺปํ ชานิตฺวา, ยํ ยํ ภควา อุตฺตริ มนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฎิหาริยํ ทเสฺสติ, ตํ ตํ ทิสฺวา ‘‘มหิทฺธิโก โข มหาสมโณ มหานุภาโว’’ติ จิเนฺตตฺวาปิ ‘‘น เตฺวว โข อรหา ยถา อห’’นฺติ เอวํ ปวตฺตํ มิจฺฉาวิตกฺกํ ชานโนฺตปิ ญาณปริปากํ อาคเมโนฺต อชฺฌุเปกฺขิตฺวา ปจฺฉา เนรญฺชราย มเชฺฌ สมนฺตโต อุทกํ อุสฺสาเรตฺวา เรณุหตาย ภูมิยา จงฺกมิตฺวา เตน อาภตนาวาย ฐิโต ตทาปิ ‘‘มหิทฺธิโก’’ติอาทิกํ จิเนฺตตฺวา ปุน ‘‘น เตฺวว โข อรหา ยถา อห’’นฺติ ปวตฺติตํ มิจฺฉาสงฺกปฺปํ ญตฺวาติ อโตฺถฯ โจเทสิ นรสารถีติ ตทา เม ญาณปริปากํ ญตฺวา ‘‘เนว โข ตฺวํ อรหา’’ติอาทินา ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา มํ โจเทสิ นิคฺคณฺหิฯ ตโต เม อาสิ สํเวโค, อพฺภุโต โลมหํสโนติ ตโต ยถาวุตฺตโจทนาเหตุ เอตฺตกํ กาลํ อภูตปุพฺพตาย อพฺภุโต โลมหํสนวเสน ปวตฺติยา โลมหํสโน ‘‘อนรหาว สมาโน ‘อรหา’ติ มญฺญิ’’นฺติ สํเวโค สโหตฺตโปฺป ญาณุปฺปาโท มยฺหํ อโหสิฯ

    Mama saṅkappamaññāyāti mayhaṃ micchāsaṅkappaṃ jānitvā, yaṃ yaṃ bhagavā uttari manussadhammā iddhipāṭihāriyaṃ dasseti, taṃ taṃ disvā ‘‘mahiddhiko kho mahāsamaṇo mahānubhāvo’’ti cintetvāpi ‘‘na tveva kho arahā yathā aha’’nti evaṃ pavattaṃ micchāvitakkaṃ jānantopi ñāṇaparipākaṃ āgamento ajjhupekkhitvā pacchā nerañjarāya majjhe samantato udakaṃ ussāretvā reṇuhatāya bhūmiyā caṅkamitvā tena ābhatanāvāya ṭhito tadāpi ‘‘mahiddhiko’’tiādikaṃ cintetvā puna ‘‘na tveva kho arahā yathā aha’’nti pavattitaṃ micchāsaṅkappaṃ ñatvāti attho. Codesi narasārathīti tadā me ñāṇaparipākaṃ ñatvā ‘‘neva kho tvaṃ arahā’’tiādinā purisadammasārathi satthā maṃ codesi niggaṇhi. Tato me āsi saṃvego, abbhuto lomahaṃsanoti tato yathāvuttacodanāhetu ettakaṃ kālaṃ abhūtapubbatāya abbhuto lomahaṃsanavasena pavattiyā lomahaṃsano ‘‘anarahāva samāno ‘arahā’ti maññi’’nti saṃvego sahottappo ñāṇuppādo mayhaṃ ahosi.

    ชฎิลภูตสฺสาติ ตาปสภูตสฺสฯ สิทฺธีติ ลาภสกฺการสมิทฺธิฯ ปริตฺติกาติ อปฺปมตฺติกาฯ ตาหนฺติ ตํ อหํฯ ตทาติ ภควโต โจทนาย สํเวคุปฺปตฺติกาเลฯ นิรากตฺวาติ อปเนตฺวา ฉเฑฺฑตฺวา, อนเปโกฺข หุตฺวาติ อโตฺถฯ ‘‘อิทฺธีติ ภาวนามยอิทฺธี’’ติ วทนฺติฯ ตทยุตฺตํ ตทา ตสฺส อฌานลาภีภาวโตฯ ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘กามธาตุปุรกฺขโต’’ติฯ

    Jaṭilabhūtassāti tāpasabhūtassa. Siddhīti lābhasakkārasamiddhi. Parittikāti appamattikā. Tāhanti taṃ ahaṃ. Tadāti bhagavato codanāya saṃveguppattikāle. Nirākatvāti apanetvā chaḍḍetvā, anapekkho hutvāti attho. ‘‘Iddhīti bhāvanāmayaiddhī’’ti vadanti. Tadayuttaṃ tadā tassa ajhānalābhībhāvato. Tathā hi vuttaṃ ‘‘kāmadhātupurakkhato’’ti.

    ยเญฺญน สนฺตุโฎฺฐติ ‘‘ยญฺญํ ยชิตฺวา สคฺคสุขํ อนุภวิสฺสามิ, อลเมตฺตาวตา’’ติ ยญฺญยชเนน สนฺตุโฎฺฐ นิฎฺฐิตกิจฺจสญฺญีฯ กามธาตุปุรกฺขโตติ กามสุคติํ อารพฺภ อุปฺปนฺนตโณฺห ยญฺญยชเนน กามโลกํ ปุรกฺขตฺวา ฐิโตฯ โส เจ ยโญฺญ ปาณาติปาตปฎิสํยุโตฺต โหติ, น เตน สุคติํ สกฺกา ลทฺธุํฯ น หิ อกุสลสฺส อิโฎฺฐ กโนฺต วิปาโก นิพฺพตฺตติฯ ยา ปน ตตฺถ ทานาทิกุสลเจตนา, ตาย สติ ปจฺจยสมวาเย สุคติํ คเจฺฉยฺยฯ ปจฺฉาติ ตาปสปพฺพชฺชาโต ปจฺฉา สตฺถุ โอวาเทน ตาปสลทฺธิํ ปหาย จตุสจฺจกมฺมฎฺฐานานุโยคกาเลฯ สมูหนินฺติ วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา มคฺคปฎิปาฎิยา ราคญฺจ โทสญฺจ โมหญฺจ อนวเสสโต สมุคฺฆาเตสิํฯ

    Yaññena santuṭṭhoti ‘‘yaññaṃ yajitvā saggasukhaṃ anubhavissāmi, alamettāvatā’’ti yaññayajanena santuṭṭho niṭṭhitakiccasaññī. Kāmadhātupurakkhatoti kāmasugatiṃ ārabbha uppannataṇho yaññayajanena kāmalokaṃ purakkhatvā ṭhito. So ce yañño pāṇātipātapaṭisaṃyutto hoti, na tena sugatiṃ sakkā laddhuṃ. Na hi akusalassa iṭṭho kanto vipāko nibbattati. Yā pana tattha dānādikusalacetanā, tāya sati paccayasamavāye sugatiṃ gaccheyya. Pacchāti tāpasapabbajjāto pacchā satthu ovādena tāpasaladdhiṃ pahāya catusaccakammaṭṭhānānuyogakāle. Samūhaninti vipassanaṃ ussukkāpetvā maggapaṭipāṭiyā rāgañca dosañca mohañca anavasesato samugghātesiṃ.

    ยสฺมา ปนายํ เถโร อริยมเคฺคน ราคาทโย สมูหนโนฺตเยว ฉฬภิโญฺญ อโหสิ, ตสฺมา ตํ อตฺตโน ฉฬภิญฺญภาวํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ปุเพฺพนิวาสํ ชานามี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ปุเพฺพนิวาสํ ชานามีติ อตฺตโน ปเรสญฺจ ปุเพฺพนิวาสํ อตีตาสุ ชาตีสุ นิพฺพตฺตกฺขเนฺธ ขนฺธปฎิพเทฺธ จ ปุเพฺพนิวาสญาเณน หตฺถตเล อามลกํ วิย ปจฺจกฺขโต ชานามิ พุชฺฌามิฯ ทิพฺพจกฺขุ วิโสธิตนฺติ ทิพฺพจกฺขุญาณํ วิโสธิตํ, ปกติจกฺขุนา อาปาถคตํ ปกติรูปํ วิย ทิพฺพํ มานุสมฺปิ ทูรํ ติโรฎฺฐิตํ อติสุขุมญฺจ รูปํ วิภาเวตุํ สมตฺถญาณํ ภาวนาย มยา วิสุทฺธํ กตฺวา ปฎิลทฺธนฺติ อโตฺถฯ อิทฺธิมาติ อธิฎฺฐานิทฺธิวิกุพฺพนิทฺธิอาทีหิ อิทฺธีหิ อิทฺธิมา, อิทฺธิวิธญาณลาภีติ อโตฺถฯ สราคาทิเภทสฺส ปเรสํ จิตฺตสฺส ชานนโต ปรจิตฺตญฺญู, เจโตปริยญาณลาภีติ วุตฺตํ โหติฯ ทิพฺพโสตญฺจ ปาปุณินฺติ ทิพฺพโสตญาณญฺจ ปฎิลภิํฯ

    Yasmā panāyaṃ thero ariyamaggena rāgādayo samūhanantoyeva chaḷabhiñño ahosi, tasmā taṃ attano chaḷabhiññabhāvaṃ dassento ‘‘pubbenivāsaṃ jānāmī’’tiādimāha. Tattha pubbenivāsaṃ jānāmīti attano paresañca pubbenivāsaṃ atītāsu jātīsu nibbattakkhandhe khandhapaṭibaddhe ca pubbenivāsañāṇena hatthatale āmalakaṃ viya paccakkhato jānāmi bujjhāmi. Dibbacakkhu visodhitanti dibbacakkhuñāṇaṃ visodhitaṃ, pakaticakkhunā āpāthagataṃ pakatirūpaṃ viya dibbaṃ mānusampi dūraṃ tiroṭṭhitaṃ atisukhumañca rūpaṃ vibhāvetuṃ samatthañāṇaṃ bhāvanāya mayā visuddhaṃ katvā paṭiladdhanti attho. Iddhimāti adhiṭṭhāniddhivikubbaniddhiādīhi iddhīhi iddhimā, iddhividhañāṇalābhīti attho. Sarāgādibhedassa paresaṃ cittassa jānanato paracittaññū, cetopariyañāṇalābhīti vuttaṃ hoti. Dibbasotañca pāpuṇinti dibbasotañāṇañca paṭilabhiṃ.

    โส เม อโตฺถ อนุปฺปโตฺต, สพฺพสํโยชนกฺขโยติ โย สเพฺพสํ สํโยชนานํ ขยภูโต ขเยน วา ลทฺธโพฺพ, โส สทโตฺถ ปรมโตฺถ จ มยา อริยมคฺคาธิคเมน อธิคโตติฯ เอวเมตาย คาถาย เถรสฺส อญฺญาพฺยากรณํ อโหสีติ เวทิตโพฺพฯ

    Some attho anuppatto, sabbasaṃyojanakkhayoti yo sabbesaṃ saṃyojanānaṃ khayabhūto khayena vā laddhabbo, so sadattho paramattho ca mayā ariyamaggādhigamena adhigatoti. Evametāya gāthāya therassa aññābyākaraṇaṃ ahosīti veditabbo.

    อุรุเวลกสฺสปเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Uruvelakassapattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๑. อุรุเวฬกสฺสปเตฺถรคาถา • 1. Uruveḷakassapattheragāthā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact