Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā

    อุรุเวลปาฎิหาริยกถาวณฺณนา

    Uruvelapāṭihāriyakathāvaṇṇanā

    ๓๗-๓๘. อุรุเวลกสฺสปวตฺถุมฺหิ ชฎิโลติ ชฎาธโรฯ ชฎา อสฺส อตฺถีติ หิ ชฎิโลฯ เนตีติ นายโก, สามํ วิเนติ อตฺตโน ลทฺธิํ สิกฺขาเปตีติ วินายโกฯ สเจ เต กสฺสป อครูติ กสฺสป สเจ ตุยฺหํ ภาริยํ อผาสุกํ กิญฺจิ นตฺถิฯ อคฺยาคาเรติ อคฺคิสาลายํฯ อุภินฺนํ สโชติภูตานนฺติ อุโภสุ สโชติภูเตสุ ปชฺชลิเตสุฯ ยตฺร หิ นามาติ โย นามฯ

    37-38. Uruvelakassapavatthumhi jaṭiloti jaṭādharo. Jaṭā assa atthīti hi jaṭilo. Netīti nāyako, sāmaṃ vineti attano laddhiṃ sikkhāpetīti vināyako. Sace te kassapa agarūti kassapa sace tuyhaṃ bhāriyaṃ aphāsukaṃ kiñci natthi. Agyāgāreti aggisālāyaṃ. Ubhinnaṃ sajotibhūtānanti ubhosu sajotibhūtesu pajjalitesu. Yatra hi nāmāti yo nāma.

    ๓๙. อชฺชโณฺหติ อชฺช เอกทิวสํฯ อคฺคิสาลมฺหีติ อคฺยาคาเรฯ สุมนมนโสติ สุนฺทรจิตฺตสงฺขาตมโนฯ เตโชธาตูสุ กุสโลติ เตโชกสิณสมาปตฺตีสุ กุสโลฯ อุทิจฺฉเรติ อุโลฺลเกสุํ, ปริวาเรสุนฺติ วา อโตฺถฯ ปตฺตมฺหิ โอทหิตฺวาติ ปเตฺต ปกฺขิปิตฺวาฯ ธุวภเตฺตนาติ นิจฺจภเตฺตนฯ

    39.Ajjaṇhoti ajja ekadivasaṃ. Aggisālamhīti agyāgāre. Sumanamanasoti sundaracittasaṅkhātamano. Tejodhātūsu kusaloti tejokasiṇasamāpattīsu kusalo. Udicchareti ullokesuṃ, parivāresunti vā attho. Pattamhi odahitvāti patte pakkhipitvā. Dhuvabhattenāti niccabhattena.

    ๔๐. อภิกฺกนฺตาย รตฺติยาติ เอตฺถ อภิกฺกนฺต-สโทฺท ขเย วตฺตติ, เตน ปริกฺขีณายรตฺติยาติ อโตฺถฯ เอเต หิ จตฺตาโร มหาราชาโน มชฺฌิมยามสมนนฺตเร อาคตาฯ นิยาโม กิเรส เทวตานํ, ยทิทํ พุทฺธานํ วา พุทฺธสาวกานํ วา อุปฎฺฐานํ อาคจฺฉนฺตา มชฺฌิมยามสมนนฺตเร อาคจฺฉนฺติฯ อภิกฺกนฺตวณฺณาติ อภิรูปฉวิวณฺณา, อิฎฺฐวณฺณา มนาปวณฺณาติ วุตฺตํ โหติฯ เทวตา หิ มนุสฺสโลกํ อาคจฺฉมานา ปกติวณฺณํ ปกติอิทฺธิํ ชหิตฺวา โอฬาริกํ อตฺตภาวํ กตฺวา อติเรกวณฺณวตฺถาลงฺการกายาทีหิ โอภาสํ มุญฺจมานาทิวเสน จ ทิพฺพํ อิทฺธานุภาวญฺจ นิมฺมินิตฺวา นฎสมชฺชาทีนิ คจฺฉนฺตา มนุสฺสา วิย อภิสงฺขเตน กาเยน อาคจฺฉนฺติฯ ตตฺถ กามาวจรา อนภิสงฺขเตนปิ อาคนฺตุํ สโกฺกนฺติ โอฬาริกรูปตฺตาฯ ตถา หิ เต กพฬีการาหารภกฺขา, รูปาวจรา ปน อนภิสงฺขเตน กาเยน อาคนฺตุํ น สโกฺกนฺติ สุขุมตรรูปตฺตาฯ เตสญฺหิ อติสุขุโมว อตฺตภาโว, น เตน อิริยาปถกปฺปนํ โหติฯ ตสฺมา พฺรหฺมโลเกปิ พฺรหฺมาโน เยภุเยฺยน นิมฺมิตรูเปเนว ปวตฺตนฺติฯ มูลปฎิสนฺธิรูปญฺหิ เนสํ อติวิย สุขุมมหารูปํ, เกวลํ ตํ จิตฺตุปฺปาทสฺส นิสฺสยาธิฎฺฐานภูตํ สณฺฐานวนฺตํ หุตฺวา ติฎฺฐติฯ

    40.Abhikkantāya rattiyāti ettha abhikkanta-saddo khaye vattati, tena parikkhīṇāyarattiyāti attho. Ete hi cattāro mahārājāno majjhimayāmasamanantare āgatā. Niyāmo kiresa devatānaṃ, yadidaṃ buddhānaṃ vā buddhasāvakānaṃ vā upaṭṭhānaṃ āgacchantā majjhimayāmasamanantare āgacchanti. Abhikkantavaṇṇāti abhirūpachavivaṇṇā, iṭṭhavaṇṇā manāpavaṇṇāti vuttaṃ hoti. Devatā hi manussalokaṃ āgacchamānā pakativaṇṇaṃ pakatiiddhiṃ jahitvā oḷārikaṃ attabhāvaṃ katvā atirekavaṇṇavatthālaṅkārakāyādīhi obhāsaṃ muñcamānādivasena ca dibbaṃ iddhānubhāvañca nimminitvā naṭasamajjādīni gacchantā manussā viya abhisaṅkhatena kāyena āgacchanti. Tattha kāmāvacarā anabhisaṅkhatenapi āgantuṃ sakkonti oḷārikarūpattā. Tathā hi te kabaḷīkārāhārabhakkhā, rūpāvacarā pana anabhisaṅkhatena kāyena āgantuṃ na sakkonti sukhumatararūpattā. Tesañhi atisukhumova attabhāvo, na tena iriyāpathakappanaṃ hoti. Tasmā brahmalokepi brahmāno yebhuyyena nimmitarūpeneva pavattanti. Mūlapaṭisandhirūpañhi nesaṃ ativiya sukhumamahārūpaṃ, kevalaṃ taṃ cittuppādassa nissayādhiṭṭhānabhūtaṃ saṇṭhānavantaṃ hutvā tiṭṭhati.

    เกวลกปฺปนฺติ เอตฺถ เกวล-สทฺทสฺส อนวเสสตฺตํ อโตฺถ, กปฺป-สทฺทสฺส สมนฺตภาโว, ตสฺมา เกวลกปฺปํ วนสณฺฑนฺติ อนวเสสํ สมนฺตโต วนสณฺฑนฺติ อโตฺถฯ อนวเสสํ ผริตุํ สมตฺถสฺสปิ หิ โอภาสสฺส เกนจิ การเณน เอกเทสผรณมฺปิ สิยา, อยํ ปน สพฺพโส ผรตีติ ทเสฺสตุํ สมนฺตโตฺถ กปฺป-สโทฺท คหิโตฯ อถ วา อีสํ อสมตฺถํ เกวลกปฺปํฯ ภควโต ปภาย อโนภาสิตเมว หิ ปเทสํ เทวตา อตฺตโน ปภาย โอภาเสนฺติฯ น หิ ภควโต ปภา กายจิ ปภาย อภิภูยติ, สูริยาทีนมฺปิ ปน ปภํ สา อภิภุยฺย ติฎฺฐตีติฯ โอภาเสตฺวาติ วตฺถาลงฺการสรีรสมุฎฺฐิตาย อาภาย ผริตฺวา, จโนฺท วิย สูริโย วิย จ เอโกภาสํ เอกปโชฺชตํ กริตฺวาติ อโตฺถฯ เทวตานญฺหิ สรีราภา ทสทฺวาทสโยชนมตฺตฎฺฐานํ ตโต ภิโยฺยปิ ผริตฺวา ติฎฺฐติ, ตถา วตฺถาภรณาทีสุ สมุฎฺฐิตา ปภาฯ จตุทฺทิสาติ จตูสุ ทิสาสุฯ ยตฺร หิ นามาติ ยํ นามฯ

    Kevalakappanti ettha kevala-saddassa anavasesattaṃ attho, kappa-saddassa samantabhāvo, tasmā kevalakappaṃ vanasaṇḍanti anavasesaṃ samantato vanasaṇḍanti attho. Anavasesaṃ pharituṃ samatthassapi hi obhāsassa kenaci kāraṇena ekadesapharaṇampi siyā, ayaṃ pana sabbaso pharatīti dassetuṃ samantattho kappa-saddo gahito. Atha vā īsaṃ asamatthaṃ kevalakappaṃ. Bhagavato pabhāya anobhāsitameva hi padesaṃ devatā attano pabhāya obhāsenti. Na hi bhagavato pabhā kāyaci pabhāya abhibhūyati, sūriyādīnampi pana pabhaṃ sā abhibhuyya tiṭṭhatīti. Obhāsetvāti vatthālaṅkārasarīrasamuṭṭhitāya ābhāya pharitvā, cando viya sūriyo viya ca ekobhāsaṃ ekapajjotaṃ karitvāti attho. Devatānañhi sarīrābhā dasadvādasayojanamattaṭṭhānaṃ tato bhiyyopi pharitvā tiṭṭhati, tathā vatthābharaṇādīsu samuṭṭhitā pabhā. Catuddisāti catūsu disāsu. Yatra hi nāmāti yaṃ nāma.

    ๔๓. องฺคมคธาติ อุโภ องฺคมคธรฎฺฐวาสิโนฯ อิทฺธิปาฎิหาริยนฺติ อิทฺธิภูตํ ปาฎิหาริยํ, น อาเทสนานุสาสนีปาฎิหาริยนฺติ อโตฺถฯ ติวิธญฺหิ ปาฎิหาริยํ อิทฺธิปาฎิหาริยํ อาเทสนาปาฎิหาริยํ อนุสาสนีปาฎิหาริยนฺติฯ ตตฺถ ‘‘อิธ ภิกฺขุ เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหติ, พหุธาปิ หุตฺวา เอโก โหติ อาวิภาวํ ติโรภาว’’นฺติอาทินยปฺปวตฺตํ (ที. นิ. ๑.๒๓๘-๒๓๙; ม. นิ. ๑.๑๔๗; สํ. นิ. ๒.๗๐; ๕.๘๓๔) อิทฺธิวิธเมว อิทฺธิปาฎิหาริยํฯ ‘‘อิธ ภิกฺขุ ปรสตฺตานํ ปรปุคฺคลานํ จิตฺตมฺปิ อาทิสติ, เจตสิกมฺปิ อาทิสติ, วิตกฺกิตมฺปิ อาทิสติ, วิจาริตมฺปิ อาทิสติ ‘เอวมฺปิ เต มโน, อิตฺถมฺปิ เต มโน’’’ติอาทินยปฺปวตฺตํ (ปฎิ. ม. ๓.๓๐) ปรสฺส จิตฺตํ ญตฺวา กถนํ อาเทสนาปาฎิหาริยํฯ ‘‘อิธ ภิกฺขุ เอวมนุสาสติ ‘เอวํ วิตเกฺกถ, มา เอวํ วิตกฺกยิตฺถ, เอวํ มนสิ กโรถ, มา เอวํ มานสา กริตฺถ, อิทํ ปชหถ, อิทํ อุปสมฺปชฺช วิหรถา’’’ติ (ปฎิ. ม. ๓.๓๐) เอวมาทินยปฺปวตฺตา สาวกานํ พุทฺธานญฺจ สพฺพกาลํ เทเสตพฺพธมฺมเทสนา อนุสาสนีปาฎิหาริยํ

    43.Aṅgamagadhāti ubho aṅgamagadharaṭṭhavāsino. Iddhipāṭihāriyanti iddhibhūtaṃ pāṭihāriyaṃ, na ādesanānusāsanīpāṭihāriyanti attho. Tividhañhi pāṭihāriyaṃ iddhipāṭihāriyaṃ ādesanāpāṭihāriyaṃ anusāsanīpāṭihāriyanti. Tattha ‘‘idha bhikkhu ekopi hutvā bahudhā hoti, bahudhāpi hutvā eko hoti āvibhāvaṃ tirobhāva’’ntiādinayappavattaṃ (dī. ni. 1.238-239; ma. ni. 1.147; saṃ. ni. 2.70; 5.834) iddhividhameva iddhipāṭihāriyaṃ. ‘‘Idha bhikkhu parasattānaṃ parapuggalānaṃ cittampi ādisati, cetasikampi ādisati, vitakkitampi ādisati, vicāritampi ādisati ‘evampi te mano, itthampi te mano’’’tiādinayappavattaṃ (paṭi. ma. 3.30) parassa cittaṃ ñatvā kathanaṃ ādesanāpāṭihāriyaṃ. ‘‘Idha bhikkhu evamanusāsati ‘evaṃ vitakketha, mā evaṃ vitakkayittha, evaṃ manasi karotha, mā evaṃ mānasā karittha, idaṃ pajahatha, idaṃ upasampajja viharathā’’’ti (paṭi. ma. 3.30) evamādinayappavattā sāvakānaṃ buddhānañca sabbakālaṃ desetabbadhammadesanā anusāsanīpāṭihāriyaṃ.

    ตตฺถ (อุทา. อฎฺฐ. ๑) ปาฎิหาริยปทสฺส วจนตฺถํ ปฎิปกฺขหรณโต ราคาทิกิเลสาปนยนโต ปาฎิหาริยนฺติ วทนฺติฯ ภควโต ปน ปฎิปกฺขา ราคาทโย น สนฺติ เย หริตพฺพา, ปุถุชฺชนานมฺปิ วิคตูปกฺกิเลเส อฎฺฐคุณสมนฺนาคเต จิเตฺต หตปฎิปเกฺข อิทฺธิวิธํ วตฺตติ, ตสฺมา ตตฺถ ปวตฺตโวหาเรน จ น สกฺกา อิธ ปาฎิหาริยนฺติ วตฺตุํฯ สเจ ปน มหาการุณิกสฺส ภควโต เวเนยฺยคตา จ กิเลสา ปฎิปกฺขา, เตสํ หรณโต ปาฎิหาริยนฺติ วุตฺตํ, เอวํ สติ ยุตฺตเมตํฯ อถ วา ภควโต จ สาสนสฺส จ ปฎิปกฺขา ติตฺถิยา, เตสํ หรณโต ปาฎิหาริยํฯ เต หิ ทิฎฺฐิหรณวเสน ทิฎฺฐิปฺปกาสเน อสมตฺถภาเวน จ อิทฺธิอาเทสนานุสาสนีหิ หริตา อปนีตา โหนฺตีติฯ ปฎีติ วา อยํ สโทฺท ปจฺฉาติ เอตสฺส อตฺถํ โพเธติ ‘‘ตสฺมิํ ปฎิปวิฎฺฐมฺหิ, อโญฺญ อาคญฺฉิ พฺราหฺมโณ’’ติอาทีสุ (จูฬนิ. วตฺถุคาถา ๔) วิย, ตสฺมา สมาหิเต จิเตฺต วิคตูปกฺกิเลเสน กตกิเจฺจน ปจฺฉา หริตพฺพํ ปวเตฺตตพฺพนฺติ ปฎิหาริยํ, อตฺตโน วา อุปกฺกิเลเสสุ จตุตฺถชฺฌานมเคฺคหิ หริเตสุ ปจฺฉา หรณํ ปฎิหาริยํ, อิทฺธิอาเทสนานุสาสนิโย จ วิคตูปกฺกิเลเสน กตกิเจฺจน สตฺตหิตตฺถํ ปุน ปวเตฺตตพฺพา, หริเตสุ จ อตฺตโน อุปกฺกิเลเสสุ ปรสตฺตานํ อุปกฺกิเลสหรณานิ โหนฺตีติ ปฎิหาริยานิ ภวนฺติ, ปฎิหาริยเมว ปาฎิหาริยํฯ ปฎิหาริเย วา อิทฺธิอาเทสนานุสาสนีสมุทาเย ภวํ เอเกกํ ปาฎิหาริยนฺติ วุจฺจติฯ ปฎิหาริยํ วา จตุตฺถชฺฌานํ มโคฺค จ ปฎิปกฺขหรณโต, ตตฺถ ชาตํ นิมิตฺตภูเต, ตโต วา อาคตนฺติ ปาฎิหาริยํฯ สฺวาตนายาติ เสฺว ทาตพฺพสฺส อตฺถายฯ

    Tattha (udā. aṭṭha. 1) pāṭihāriyapadassa vacanatthaṃ paṭipakkhaharaṇato rāgādikilesāpanayanato pāṭihāriyanti vadanti. Bhagavato pana paṭipakkhā rāgādayo na santi ye haritabbā, puthujjanānampi vigatūpakkilese aṭṭhaguṇasamannāgate citte hatapaṭipakkhe iddhividhaṃ vattati, tasmā tattha pavattavohārena ca na sakkā idha pāṭihāriyanti vattuṃ. Sace pana mahākāruṇikassa bhagavato veneyyagatā ca kilesā paṭipakkhā, tesaṃ haraṇato pāṭihāriyanti vuttaṃ, evaṃ sati yuttametaṃ. Atha vā bhagavato ca sāsanassa ca paṭipakkhā titthiyā, tesaṃ haraṇato pāṭihāriyaṃ. Te hi diṭṭhiharaṇavasena diṭṭhippakāsane asamatthabhāvena ca iddhiādesanānusāsanīhi haritā apanītā hontīti. Paṭīti vā ayaṃ saddo pacchāti etassa atthaṃ bodheti ‘‘tasmiṃ paṭipaviṭṭhamhi, añño āgañchi brāhmaṇo’’tiādīsu (cūḷani. vatthugāthā 4) viya, tasmā samāhite citte vigatūpakkilesena katakiccena pacchā haritabbaṃ pavattetabbanti paṭihāriyaṃ, attano vā upakkilesesu catutthajjhānamaggehi haritesu pacchā haraṇaṃ paṭihāriyaṃ, iddhiādesanānusāsaniyo ca vigatūpakkilesena katakiccena sattahitatthaṃ puna pavattetabbā, haritesu ca attano upakkilesesu parasattānaṃ upakkilesaharaṇāni hontīti paṭihāriyāni bhavanti, paṭihāriyameva pāṭihāriyaṃ. Paṭihāriye vā iddhiādesanānusāsanīsamudāye bhavaṃ ekekaṃ pāṭihāriyanti vuccati. Paṭihāriyaṃ vā catutthajjhānaṃ maggo ca paṭipakkhaharaṇato, tattha jātaṃ nimittabhūte, tato vā āgatanti pāṭihāriyaṃ. Svātanāyāti sve dātabbassa atthāya.

    ๔๔. ปํสุกูลํ อุปฺปนฺนํ โหตีติ ปริเยสมานสฺส ปฎิลาภวเสน อุปฺปนฺนํ โหติฯ วิจิตฺตปาฎิหาริยทสฺสนตฺถาว สา ปริเยสนาฯ ยสฺมา ปาณินา ผุฎฺฐมเตฺต สา โปกฺขรณี นิมฺมิตา อโหสิ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ปาณินา โปกฺขรณิํ ขณิตฺวา’’ติฯ

    44.Paṃsukūlaṃuppannaṃ hotīti pariyesamānassa paṭilābhavasena uppannaṃ hoti. Vicittapāṭihāriyadassanatthāva sā pariyesanā. Yasmā pāṇinā phuṭṭhamatte sā pokkharaṇī nimmitā ahosi, tasmā vuttaṃ ‘‘pāṇinā pokkharaṇiṃ khaṇitvā’’ti.

    ๔๖-๔๙. ชฎิลาติ ตาปสาฯ เต หิ ชฎาธาริตาย อิธ ‘‘ชฎิลา’’ติ วุตฺตาฯ อนฺตรฎฺฐกาสุ หิมปาตสมเยติ เหมนฺตสฺส อุตุโน อพฺภนฺตรภูเต มาฆมาสสฺส อวสาเน จตโสฺส, ผคฺคุณมาสสฺส อาทิมฺหิ จตโสฺสติ เอวํ อุภินฺนมนฺตเร อฎฺฐรตฺตีสุ หิมปตนกาเลฯ เนรญฺชราย อุมฺมุชฺชนฺตีติ เกจิ ตสฺมิํ ติตฺถสมฺมเต อุทเก ปฐมํ นิมุคฺคสกลสรีรา ตโต อุมฺมุชฺชนฺตา วุฎฺฐหนฺติ อุปฺปิลวนฺติฯ นิมุชฺชนฺตีติ สสีสํ อุทเก โอสีทนฺติฯ อุมฺมุชฺชนนิมุชฺชนมฺปิ กโรนฺตีติ ปุนปฺปุนํ อุมฺมุชฺชนนิมุชฺชนานิปิ กโรนฺติฯ ตตฺถ หิ เกจิ ‘‘เอกุมฺมุชฺชเนเนว ปาปสุทฺธิ โหตี’’ติ เอวํทิฎฺฐิกา, เต อุมฺมุชฺชนเมว กตฺวา คจฺฉนฺติฯ อุมฺมุชฺชนํ ปน นิมุชฺชนมนฺตเรน นตฺถีติ อวินาภาวโต นิมุชฺชนมฺปิ เต กโรนฺติเยวฯ เยปิ ‘‘เอกนิมุชฺชเนเนว ปาปสุทฺธิ โหตี’’ติ เอวํทิฎฺฐิกา, เตปิ เอกวารเมว นิมุชฺชิตฺวา วุตฺตนเยเนว อวินาภาวโต อุมฺมุชฺชนมฺปิ กตฺวา ปกฺกมนฺติฯ อปเร ‘‘ปุนปฺปุนํ อุมฺมุชฺชนนิมุชฺชนานิ กตฺวา นหาเต ปาปสุทฺธิ โหตี’’ติ เอวํทิฎฺฐิกา, เต กาเลน กาลํ อุมฺมุชฺชนนิมุชฺชนานิ กโรนฺติฯ เต สเพฺพปิ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อุมฺมุชฺชนฺติปิ นิมุชฺชนฺติปิ อุมฺมุชฺชนนิมุชฺชนมฺปิ กโรนฺตี’’ติฯ เอตฺถ จ กิญฺจาปิ นิมุชฺชนปุพฺพกํ อุมฺมุชฺชนํ, นิมุชฺชนเมว ปน กโรนฺตา กติปยา, อุมฺมุชฺชนํ ตทุภยญฺจ กโรนฺตา พหูติ เตสํ เยภุยฺยภาวทสฺสนตฺถํ อุมฺมุชฺชนํ ปฐมํ วุตฺตํฯ

    46-49.Jaṭilāti tāpasā. Te hi jaṭādhāritāya idha ‘‘jaṭilā’’ti vuttā. Antaraṭṭhakāsu himapātasamayeti hemantassa utuno abbhantarabhūte māghamāsassa avasāne catasso, phagguṇamāsassa ādimhi catassoti evaṃ ubhinnamantare aṭṭharattīsu himapatanakāle. Nerañjarāya ummujjantīti keci tasmiṃ titthasammate udake paṭhamaṃ nimuggasakalasarīrā tato ummujjantā vuṭṭhahanti uppilavanti. Nimujjantīti sasīsaṃ udake osīdanti. Ummujjananimujjanampi karontīti punappunaṃ ummujjananimujjanānipi karonti. Tattha hi keci ‘‘ekummujjaneneva pāpasuddhi hotī’’ti evaṃdiṭṭhikā, te ummujjanameva katvā gacchanti. Ummujjanaṃ pana nimujjanamantarena natthīti avinābhāvato nimujjanampi te karontiyeva. Yepi ‘‘ekanimujjaneneva pāpasuddhi hotī’’ti evaṃdiṭṭhikā, tepi ekavārameva nimujjitvā vuttanayeneva avinābhāvato ummujjanampi katvā pakkamanti. Apare ‘‘punappunaṃ ummujjananimujjanāni katvā nahāte pāpasuddhi hotī’’ti evaṃdiṭṭhikā, te kālena kālaṃ ummujjananimujjanāni karonti. Te sabbepi sandhāya vuttaṃ ‘‘ummujjantipi nimujjantipi ummujjananimujjanampi karontī’’ti. Ettha ca kiñcāpi nimujjanapubbakaṃ ummujjanaṃ, nimujjanameva pana karontā katipayā, ummujjanaṃ tadubhayañca karontā bahūti tesaṃ yebhuyyabhāvadassanatthaṃ ummujjanaṃ paṭhamaṃ vuttaṃ.

    ๕๐-๕๑. อุทกวาหโกติ อุทโกโฆฯ เรณุหตายาติ รโชคตาย, รโชกิณฺณายาติ วุตฺตํ โหติฯ เนว จ โข ตฺวํ กสฺสป อรหาติ เอเตน ตทา กสฺสปสฺส อเสกฺขภาวํ ปฎิกฺขิปติ, นาปิ อรหตฺตมคฺคสมาปโนฺนติ เอเตน เสกฺขภาวํฯ อุภเยนปิสฺส อนริยภาวเมว ทีเปติฯ สาปิ เต ปฎิปทา นตฺถิ, ยาย ตฺวํ อรหา วา อสฺสสิ อรหตฺตมคฺคํ วา สมาปโนฺนติ อิมินา ปนสฺส กลฺยาณปุถุชฺชนภาวมฺปิ ปฎิกฺขิปติฯ ตตฺถ ปฎิปทาติ สีลวิสุทฺธิอาทโย ฉ วิสุทฺธิโยฯ ปฎิปชฺชติ เอตาย อริยมโคฺคติ ปฎิปทาฯ อสฺสสีติ ภเวยฺยาสิฯ จิรปฎิกาติ จิรกาลโต ปฎฺฐาย, นาคทมนโต ปฎฺฐายาติ อโตฺถฯ ขาริกาชมิสฺสนฺติ เอตฺถ ขารีติ อรณีกมณฺฑลุสูจิอาทโย ตาปสปริกฺขารา, ตํ หรณกาชํ ขาริกาชํฯ อคฺคิหุตมิสฺสนฺติ ทพฺพิอาทิอคฺคิปูโชปกรณํฯ

    50-51.Udakavāhakoti udakogho. Reṇuhatāyāti rajogatāya, rajokiṇṇāyāti vuttaṃ hoti. Neva ca kho tvaṃ kassapa arahāti etena tadā kassapassa asekkhabhāvaṃ paṭikkhipati, nāpi arahattamaggasamāpannoti etena sekkhabhāvaṃ. Ubhayenapissa anariyabhāvameva dīpeti. Sāpi te paṭipadā natthi, yāya tvaṃ arahā vā assasi arahattamaggaṃ vā samāpannoti iminā panassa kalyāṇaputhujjanabhāvampi paṭikkhipati. Tattha paṭipadāti sīlavisuddhiādayo cha visuddhiyo. Paṭipajjati etāya ariyamaggoti paṭipadā. Assasīti bhaveyyāsi. Cirapaṭikāti cirakālato paṭṭhāya, nāgadamanato paṭṭhāyāti attho. Khārikājamissanti ettha khārīti araṇīkamaṇḍalusūciādayo tāpasaparikkhārā, taṃ haraṇakājaṃ khārikājaṃ. Aggihutamissanti dabbiādiaggipūjopakaraṇaṃ.

    ๕๒-๕๓. อุปสโคฺคติ อุปทฺทโวฯ อิทานิ อฑฺฒุฑฺฒานิ ปาฎิหาริยสหสฺสานิ เอกโต คเณตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘ภควโต อธิฎฺฐาเนน ปญฺจ กฎฺฐสตานิ น ผาลิยิํสู’’ติอาทิ อารทฺธํฯ นาคทมนาทีนิ ปน โสฬส ปาฎิหาริยานิ อิธ น คณิตานิ, เตหิ สทฺธิํ โสฬสาติเรกอฑฺฒุฑฺฒปาฎิหาริยสหสฺสานีติ เวทิตพฺพํฯ

    52-53.Upasaggoti upaddavo. Idāni aḍḍhuḍḍhāni pāṭihāriyasahassāni ekato gaṇetvā dassetuṃ ‘‘bhagavato adhiṭṭhānena pañca kaṭṭhasatāni na phāliyiṃsū’’tiādi āraddhaṃ. Nāgadamanādīni pana soḷasa pāṭihāriyāni idha na gaṇitāni, tehi saddhiṃ soḷasātirekaaḍḍhuḍḍhapāṭihāriyasahassānīti veditabbaṃ.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวคฺคปาฬิ • Mahāvaggapāḷi / ๑๒. อุรุเวลปาฎิหาริยกถา • 12. Uruvelapāṭihāriyakathā

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวคฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvagga-aṭṭhakathā / อุรุเวลปาฎิหาริยกถา • Uruvelapāṭihāriyakathā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / อุรุเวลปาฎิหาริยกถาวณฺณนา • Uruvelapāṭihāriyakathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / อุรุเวลปาฎิหาริยกถาวณฺณนา • Uruvelapāṭihāriyakathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๑๒. อุรุเวลปาฎิหาริยกถา • 12. Uruvelapāṭihāriyakathā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact