Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā |
๑๐. อุสภเตฺถรคาถาวณฺณนา
10. Usabhattheragāthāvaṇṇanā
นคา นคเคฺคสุ สุสํวิรูฬฺหาติ อายสฺมโต อุสภเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปติ? อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฎฺฎูปนิสฺสยานิ ปุญฺญานิ กโรโนฺต อิโต เอกติํเส กเปฺป สิขิสฺส ภควโต กาเล เทวปุโตฺต หุตฺวา นิพฺพโตฺต เอกทิวสํ สตฺถารํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ทิพฺพปุเปฺผหิ ปูชํ อกาสิฯ สา ปุปฺผปูชา สตฺตาหํ ปุปฺผมณฺฑปากาเรน อฎฺฐาสิฯ เทวมนุสฺสานํ มหาสมาคโม อโหสิฯ โส เตน ปุญฺญกเมฺมน เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท โกสลรเฎฺฐ อิพฺภกุเล นิพฺพตฺติ, ตสฺส อุสโภติ นามํ อโหสิฯ โส วิญฺญุตํ ปโตฺต เชตวนปฎิคฺคหเณ สตฺถริ ลทฺธปฺปสาโท ปพฺพชิตฺวา กตปุพฺพกิโจฺจ อรเญฺญ ปพฺพตปาเท วิหรติฯ เตน จ สมเยน ปาวุสกาลเมเฆ อภิปฺปวุเฎฺฐ ปพฺพตสิขเรสุ รุกฺขคจฺฉลตาย ฆนปณฺณสณฺฑิโน โหนฺติ ฯ อเถกทิวสํ เถโร เลณโต นิกฺขมิตฺวา ตํ วนรามเณยฺยกํ ปพฺพตรามเณยฺยกญฺจ ทิสฺวา โยนิโสมนสิการวเสน ‘‘อิเมปิ นาม รุกฺขาทโย อเจตนา อุตุสมฺปตฺติยา วฑฺฒิํ ปาปุณนฺติ, อถ กสฺมา นาหํ อุตุสปฺปายํ ลภิตฺวา คุเณหิ วฑฺฒิํ ปาปุณิสฺสามี’’ติ จิเนฺตโนฺต –
Nagā nagaggesu susaṃvirūḷhāti āyasmato usabhattherassa gāthā. Kā uppati? Ayampi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave vivaṭṭūpanissayāni puññāni karonto ito ekatiṃse kappe sikhissa bhagavato kāle devaputto hutvā nibbatto ekadivasaṃ satthāraṃ disvā pasannamānaso dibbapupphehi pūjaṃ akāsi. Sā pupphapūjā sattāhaṃ pupphamaṇḍapākārena aṭṭhāsi. Devamanussānaṃ mahāsamāgamo ahosi. So tena puññakammena devamanussesu saṃsaranto imasmiṃ buddhuppāde kosalaraṭṭhe ibbhakule nibbatti, tassa usabhoti nāmaṃ ahosi. So viññutaṃ patto jetavanapaṭiggahaṇe satthari laddhappasādo pabbajitvā katapubbakicco araññe pabbatapāde viharati. Tena ca samayena pāvusakālameghe abhippavuṭṭhe pabbatasikharesu rukkhagacchalatāya ghanapaṇṇasaṇḍino honti . Athekadivasaṃ thero leṇato nikkhamitvā taṃ vanarāmaṇeyyakaṃ pabbatarāmaṇeyyakañca disvā yonisomanasikāravasena ‘‘imepi nāma rukkhādayo acetanā utusampattiyā vaḍḍhiṃ pāpuṇanti, atha kasmā nāhaṃ utusappāyaṃ labhitvā guṇehi vaḍḍhiṃ pāpuṇissāmī’’ti cintento –
๑๑๐.
110.
‘‘นคา นคเคฺคสุ สุสํวิรูฬฺหา, อุทคฺคเมเฆน นเวน สิตฺตา;
‘‘Nagā nagaggesu susaṃvirūḷhā, udaggameghena navena sittā;
วิเวกกามสฺส อรญฺญสญฺญิโน, ชเนติ ภิโยฺย อุสภสฺส กลฺยต’’นฺติฯ –
Vivekakāmassa araññasaññino, janeti bhiyyo usabhassa kalyata’’nti. –
คาถํ อภาสิฯ
Gāthaṃ abhāsi.
ตตฺถ นคาติ รุกฺขา, ‘‘นาคา’’ติ เกจิ วทนฺติ, นาครุกฺขาติ อโตฺถฯ นคเคฺคสูติ ปพฺพตสิขเรสุฯ สุสํวิรูฬฺหาติ สุฎฺฐุ สมนฺตโต วิรูฬฺหมูลา หุตฺวา ปริโต อุปริ จ สมฺมเทว สญฺชาตสาขคฺคปลฺลวปฺปสาขาติ อโตฺถฯ อุทคฺคเมเฆน นเวน สิตฺตาติ ปฐมุปฺปเนฺนน อุฬาเรน มหตา ปาวุสเมเฆน อภิปฺปวุฎฺฐาฯ วิเวกกามสฺสาติ กิเลสวิวิตฺตํ จิตฺตวิเวกํ อิจฺฉนฺตสฺส, อรญฺญวาเสน ตาว กายวิเวโก ลโทฺธ, อิทานิ อุปธิวิเวกาธิคมสฺส นิสฺสยภูโต จิตฺตวิเวโก ลทฺธโพฺพติ ตํ ปตฺถยมานสฺส, ชาคริยํ อนุยุญฺชนฺตสฺสาติ อโตฺถ, เตนาห ‘‘อรญฺญสญฺญิโน’’ติฯ อรญฺญวาโส นาม สตฺถารา วณฺณิโต โถมิโตฯ โส จ โข ยาวเทว สมถวิปสฺสนาภาวนาปาริปูริยา, ตสฺมา สา มยา หตฺถคตา กาตพฺพาติ เอวํ อรญฺญคตสญฺญิโน เนกฺขมฺมสงฺกปฺปพหุลสฺสาติ อโตฺถฯ ชเนตีติ อุปฺปาเทนฺติ, ปุถุเตฺต หิ อิทํ เอกวจนํฯ เกจิ ปน ‘‘ชเนนฺตี’’ติ ปฐนฺติฯ ภิโยฺยติ อุปรูปริฯ อุสภสฺสาติ อตฺตานเมว ปรํ วิย วทติฯ กลฺยตนฺติ กลฺยภาวํ จิตฺตสฺส กมฺมญฺญตํ ภาวนาโยคฺยตํฯ สฺวายมโตฺถ เหฎฺฐา วุโตฺตเยวฯ เอวํ เถโร อิมํ คาถํ วทโนฺตเยว วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๖.๒๕-๒๙) –
Tattha nagāti rukkhā, ‘‘nāgā’’ti keci vadanti, nāgarukkhāti attho. Nagaggesūti pabbatasikharesu. Susaṃvirūḷhāti suṭṭhu samantato virūḷhamūlā hutvā parito upari ca sammadeva sañjātasākhaggapallavappasākhāti attho. Udaggameghena navena sittāti paṭhamuppannena uḷārena mahatā pāvusameghena abhippavuṭṭhā. Vivekakāmassāti kilesavivittaṃ cittavivekaṃ icchantassa, araññavāsena tāva kāyaviveko laddho, idāni upadhivivekādhigamassa nissayabhūto cittaviveko laddhabboti taṃ patthayamānassa, jāgariyaṃ anuyuñjantassāti attho, tenāha ‘‘araññasaññino’’ti. Araññavāso nāma satthārā vaṇṇito thomito. So ca kho yāvadeva samathavipassanābhāvanāpāripūriyā, tasmā sā mayā hatthagatā kātabbāti evaṃ araññagatasaññino nekkhammasaṅkappabahulassāti attho. Janetīti uppādenti, puthutte hi idaṃ ekavacanaṃ. Keci pana ‘‘janentī’’ti paṭhanti. Bhiyyoti uparūpari. Usabhassāti attānameva paraṃ viya vadati. Kalyatanti kalyabhāvaṃ cittassa kammaññataṃ bhāvanāyogyataṃ. Svāyamattho heṭṭhā vuttoyeva. Evaṃ thero imaṃ gāthaṃ vadantoyeva vipassanaṃ ussukkāpetvā arahattaṃ pāpuṇi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 1.16.25-29) –
‘‘เทวปุโตฺต อหํ สโนฺต, ปูชยิํ สิขินายกํ;
‘‘Devaputto ahaṃ santo, pūjayiṃ sikhināyakaṃ;
มนฺทารเวน ปุเปฺผน, พุทฺธสฺส อภิโรปยิํฯ
Mandāravena pupphena, buddhassa abhiropayiṃ.
‘‘สตฺตาหํ ฉทนํ อาสิ, ทิพฺพํ มาลํ ตถาคเต;
‘‘Sattāhaṃ chadanaṃ āsi, dibbaṃ mālaṃ tathāgate;
สเพฺพ ชนา สมาคนฺตฺวา, นมสฺสิํสุ ตถาคตํฯ
Sabbe janā samāgantvā, namassiṃsu tathāgataṃ.
‘‘เอกติํเส อิโต กเปฺป, ยํ ปุปฺผมภิปูชยิํ;
‘‘Ekatiṃse ito kappe, yaṃ pupphamabhipūjayiṃ;
ทุคฺคติํ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํฯ
Duggatiṃ nābhijānāmi, buddhapūjāyidaṃ phalaṃ.
‘‘อิโต จ ทสเม กเปฺป, ราชาโหสิํ ชุตินฺธโร;
‘‘Ito ca dasame kappe, rājāhosiṃ jutindharo;
สตฺตรตนสมฺปโนฺน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโลฯ
Sattaratanasampanno, cakkavattī mahabbalo.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ
‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.
อยเมว จ เถรสฺส อญฺญาพฺยากรณคาถา อโหสีติฯ
Ayameva ca therassa aññābyākaraṇagāthā ahosīti.
อุสภเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Usabhattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
เอกาทสมวคฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Ekādasamavaggavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๑๐. อุสภเตฺถรคาถา • 10. Usabhattheragāthā