Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรีคาถา-อฎฺฐกถา • Therīgāthā-aṭṭhakathā |
๒. อุตฺตมาเถรีคาถาวณฺณนา
2. Uttamātherīgāthāvaṇṇanā
จตุกฺขตฺตุํ ปญฺจกฺขตฺตุนฺติอาทิกา อุตฺตมาย เถริยา คาถาฯ อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิการา ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฎฺฎูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺตี วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล พนฺธุมตีนคเร อญฺญตรสฺส กุฎุมฺพิกสฺส เคเห ฆรทาสี หุตฺวา นิพฺพตฺติฯ สา วยปฺปตฺตา อตฺตโน อยฺยกานํ เวยฺยาวจฺจํ กโรนฺตี ชีวติฯ เตน จ สมเยน พนฺธุมราชา ปุณฺณมีทิวเส อุโปสถิโก หุตฺวา ปุเรภตฺตํ ทานานิ ทตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุณาติฯ อถ มหาชนา ยถา ราชา ปฎิปชฺชติ, ตเถว ปุณฺณมีทิวเส อุโปสถงฺคานิ สมาทาย วตฺตนฺติฯ อถสฺสา ทาสิยา เอตทโหสิ – ‘‘เอตรหิ โข มหาราชา มหาชนา จ อุโปสถงฺคานิ สมาทาย วตฺตนฺติ, ยํนูนาหํ อุโปสถทิวเสสุ อุโปสถสีลํ สมาทาย วเตฺตยฺย’’นฺติฯ สา ตถา กโรนฺตี สุปริสุทฺธํ อุโปสถสีลํ รกฺขิตฺวา ตาวติํเสสุ นิพฺพตฺตา อปราปรํ สุคตีสุเยว สํสรนฺตี อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ เสฎฺฐิกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปตฺวา ปฎาจาราย เถริยา สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา ตํ มตฺถกํ ปาเปตุํ นาสกฺขิฯ ปฎาจารา เถรี ตสฺสา จิตฺตาจารํ ญตฺวา โอวาทมทาสิฯ สา ตสฺสา โอวาเท ฐตฺวา สห ปฎิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถรี ๒.๒.๑-๒๑) –
Catukkhattuṃ pañcakkhattuntiādikā uttamāya theriyā gāthā. Ayampi purimabuddhesu katādhikārā tattha tattha bhave vivaṭṭūpanissayaṃ kusalaṃ upacinantī vipassissa bhagavato kāle bandhumatīnagare aññatarassa kuṭumbikassa gehe gharadāsī hutvā nibbatti. Sā vayappattā attano ayyakānaṃ veyyāvaccaṃ karontī jīvati. Tena ca samayena bandhumarājā puṇṇamīdivase uposathiko hutvā purebhattaṃ dānāni datvā pacchābhattaṃ gantvā dhammaṃ suṇāti. Atha mahājanā yathā rājā paṭipajjati, tatheva puṇṇamīdivase uposathaṅgāni samādāya vattanti. Athassā dāsiyā etadahosi – ‘‘etarahi kho mahārājā mahājanā ca uposathaṅgāni samādāya vattanti, yaṃnūnāhaṃ uposathadivasesu uposathasīlaṃ samādāya vatteyya’’nti. Sā tathā karontī suparisuddhaṃ uposathasīlaṃ rakkhitvā tāvatiṃsesu nibbattā aparāparaṃ sugatīsuyeva saṃsarantī imasmiṃ buddhuppāde sāvatthiyaṃ seṭṭhikule nibbattitvā viññutaṃ patvā paṭācārāya theriyā santike dhammaṃ sutvā pabbajitvā vipassanaṃ paṭṭhapetvā taṃ matthakaṃ pāpetuṃ nāsakkhi. Paṭācārā therī tassā cittācāraṃ ñatvā ovādamadāsi. Sā tassā ovāde ṭhatvā saha paṭisambhidāhi arahattaṃ pāpuṇi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. therī 2.2.1-21) –
‘‘นคเร พนฺธุมติยา, พนฺธุมา นาม ขตฺติโย;
‘‘Nagare bandhumatiyā, bandhumā nāma khattiyo;
ทิวเส ปุณฺณมาย โส, อุปวสิ อุโปสถํฯ
Divase puṇṇamāya so, upavasi uposathaṃ.
‘‘อหํ เตน สมเยน, กุมฺภทาสี อหํ ตหิํ;
‘‘Ahaṃ tena samayena, kumbhadāsī ahaṃ tahiṃ;
ทิสฺวา สราชกํ เสนํ, เอวาหํ จินฺตยิํ ตทาฯ
Disvā sarājakaṃ senaṃ, evāhaṃ cintayiṃ tadā.
‘‘ราชาปิ รชฺชํ ฉเฑฺฑตฺวา, อุปวสิ อุโปสถํ;
‘‘Rājāpi rajjaṃ chaḍḍetvā, upavasi uposathaṃ;
สผลํ นูน ตํ กมฺมํ, ชนกาโย ปโมทิโตฯ
Saphalaṃ nūna taṃ kammaṃ, janakāyo pamodito.
‘‘โยนิโส ปจฺจเวกฺขิตฺวา, ทุคฺคจฺจญฺจ ทลิทฺทตํ;
‘‘Yoniso paccavekkhitvā, duggaccañca daliddataṃ;
มานสํ สมฺปหํสิตฺวา, อุปวสิํ อุโปสถํฯ
Mānasaṃ sampahaṃsitvā, upavasiṃ uposathaṃ.
‘‘อหํ อุโปสถํ กตฺวา, สมฺมาสมฺพุทฺธสาสเน;
‘‘Ahaṃ uposathaṃ katvā, sammāsambuddhasāsane;
เตน กเมฺมน สุกเตน, ตาวติํสมคจฺฉหํฯ
Tena kammena sukatena, tāvatiṃsamagacchahaṃ.
‘‘ตตฺถ เม สุกตํ พฺยมฺหํ, อุพฺภโยชนมุคฺคตํ;
‘‘Tattha me sukataṃ byamhaṃ, ubbhayojanamuggataṃ;
กูฎาคารวรูเปตํ, มหาสนสุภูสิตํฯ
Kūṭāgāravarūpetaṃ, mahāsanasubhūsitaṃ.
‘‘อจฺฉรา สตสหสฺสา, อุปติฎฺฐนฺติ มํ สทา;
‘‘Accharā satasahassā, upatiṭṭhanti maṃ sadā;
อเญฺญ เทเว อติกฺกมฺม, อติโรจามิ สพฺพทาฯ
Aññe deve atikkamma, atirocāmi sabbadā.
‘‘จตุสฎฺฐิเทวราชูนํ, มเหสิตฺตมการยิํ;
‘‘Catusaṭṭhidevarājūnaṃ, mahesittamakārayiṃ;
เตสฎฺฐิจกฺกวตฺตีนํ, มเหสิตฺตมการยิํฯ
Tesaṭṭhicakkavattīnaṃ, mahesittamakārayiṃ.
‘‘สุวณฺณวณฺณา หุตฺวาน, ภเวสุ สํสรามหํ;
‘‘Suvaṇṇavaṇṇā hutvāna, bhavesu saṃsarāmahaṃ;
สพฺพตฺถ ปวรา โหมิ, อุโปสถสฺสิทํ ผลํฯ
Sabbattha pavarā homi, uposathassidaṃ phalaṃ.
‘‘หตฺถิยานํ อสฺสยานํ, รถยานญฺจ สีวิกํ;
‘‘Hatthiyānaṃ assayānaṃ, rathayānañca sīvikaṃ;
ลภามิ สพฺพเมเวตํ, อุโปสถสฺสิทํ ผลํฯ
Labhāmi sabbamevetaṃ, uposathassidaṃ phalaṃ.
‘‘โสณฺณมยํ รูปิมยํ, อโถปิ ผลิกามยํ;
‘‘Soṇṇamayaṃ rūpimayaṃ, athopi phalikāmayaṃ;
โลหิตงฺคมยเญฺจว, สพฺพํ ปฎิลภามหํฯ
Lohitaṅgamayañceva, sabbaṃ paṭilabhāmahaṃ.
‘‘โกเสยฺยกมฺพลิยานิ, โขมกปฺปาสิกานิ จ;
‘‘Koseyyakambaliyāni, khomakappāsikāni ca;
มหคฺฆานิ จ วตฺถานิ, สพฺพํ ปฎิลภามหํฯ
Mahagghāni ca vatthāni, sabbaṃ paṭilabhāmahaṃ.
‘‘อนฺนํ ปานํ ขาทนียํ, วตฺถเสนาสนานิ จ;
‘‘Annaṃ pānaṃ khādanīyaṃ, vatthasenāsanāni ca;
สพฺพเมตํ ปฎิลเภ, อุโปสถสฺสิทํ ผลํฯ
Sabbametaṃ paṭilabhe, uposathassidaṃ phalaṃ.
‘‘วรคนฺธญฺจ มาลญฺจ, จุณฺณกญฺจ วิเลปนํ;
‘‘Varagandhañca mālañca, cuṇṇakañca vilepanaṃ;
สพฺพเมตํ ปฎิลเภ, อุโปสถสฺสิทํ ผลํฯ
Sabbametaṃ paṭilabhe, uposathassidaṃ phalaṃ.
‘‘กูฎาคารญฺจ ปาสาทํ, มณฺฑปํ หมฺมิยํ คุหํ;
‘‘Kūṭāgārañca pāsādaṃ, maṇḍapaṃ hammiyaṃ guhaṃ;
สพฺพเมตํ ปฎิลเภ, อุโปสถสฺสิทํ ผลํฯ
Sabbametaṃ paṭilabhe, uposathassidaṃ phalaṃ.
‘‘ชาติยา สตฺตวสฺสาหํ, ปพฺพชิํ อนคาริยํ;
‘‘Jātiyā sattavassāhaṃ, pabbajiṃ anagāriyaṃ;
อฑฺฒมาเส อสมฺปเตฺต, อรหตฺตมปาปุณิํฯ
Aḍḍhamāse asampatte, arahattamapāpuṇiṃ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ, ภวา สเพฺพ สมูหตา;
‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ, bhavā sabbe samūhatā;
สพฺพาสวปริกฺขีณา, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโวฯ
Sabbāsavaparikkhīṇā, natthi dāni punabbhavo.
‘‘เอกนวุติโต กเปฺป, ยํ กมฺมมกริํ ตทา;
‘‘Ekanavutito kappe, yaṃ kammamakariṃ tadā;
ทุคฺคติํ นาภิชานามิ, อุโปสถสฺสิทํ ผลํฯ
Duggatiṃ nābhijānāmi, uposathassidaṃ phalaṃ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ
‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน ปฎิปตฺติํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา อุทานวเสน –
Arahattaṃ pana patvā attano paṭipattiṃ paccavekkhitvā udānavasena –
๔๒.
42.
‘‘จตุกฺขตฺตุํ ปญฺจกฺขตฺตุํ, วิหารา อุปนิกฺขมิํ;
‘‘Catukkhattuṃ pañcakkhattuṃ, vihārā upanikkhamiṃ;
อลทฺธา เจตโส สนฺติํ, จิเตฺต อวสวตฺตินีฯ
Aladdhā cetaso santiṃ, citte avasavattinī.
๔๓.
43.
‘‘สา ภิกฺขุนิํ อุปาคจฺฉิํ, ยา เม สทฺธายิกา อหุ;
‘‘Sā bhikkhuniṃ upāgacchiṃ, yā me saddhāyikā ahu;
สา เม ธมฺมมเทเสสิ, ขนฺธายตนธาตุโยฯ
Sā me dhammamadesesi, khandhāyatanadhātuyo.
๔๔.
44.
‘‘ตสฺสา ธมฺมํ สุณิตฺวาน, ยถา มํ อนุสาสิ สา;
‘‘Tassā dhammaṃ suṇitvāna, yathā maṃ anusāsi sā;
สตฺตาหํ เอกปลฺลเงฺกน, นิสีทิํ ปีติสุขสมปฺปิตา;
Sattāhaṃ ekapallaṅkena, nisīdiṃ pītisukhasamappitā;
อฎฺฐมิยา ปาเท ปสาเรสิํ, ตโมขนฺธํ ปทาลิยา’’ติฯ –
Aṭṭhamiyā pāde pasāresiṃ, tamokhandhaṃ padāliyā’’ti. –
อิมา คาถา อภาสิฯ
Imā gāthā abhāsi.
ตตฺถ สา ภิกฺขุนิํ อุปาคจฺฉิํ , ยา เม สทฺธายิกา อหูติ ยา มยา สทฺธาตพฺพา สเทฺธยฺยวจนา อโหสิ, ตํ ภิกฺขุนิํ สาหํ อุปคจฺฉิํ อุปสงฺกมิํ, ปฎาจาราเถริํ สทฺธาย วทติฯ ‘‘สา ภิกฺขุนี อุปคจฺฉิ, ยา เม สาธยิกา’’ติปิ ปาโฐฯ สา ปฎาจารา ภิกฺขุนี อนุกมฺปาย มํ อุปคจฺฉิ, ยา มยฺหํ สทตฺถสฺส สาธิกาติ อโตฺถฯ สา เม ธมฺมมเทเสสิ, ขนฺธายตนธาตุโยติ สา ปฎาจารา เถรี ‘‘อิเม ปญฺจกฺขนฺธา, อิมานิ ทฺวาทสายตนานิ, อิมา อฎฺฐารส ธาตุโย’’ติ ขนฺธาทิเก วิภชิตฺวา ทเสฺสนฺตี มยฺหํ ธมฺมํ เทเสสิฯ
Tattha sā bhikkhuniṃ upāgacchiṃ, yā me saddhāyikā ahūti yā mayā saddhātabbā saddheyyavacanā ahosi, taṃ bhikkhuniṃ sāhaṃ upagacchiṃ upasaṅkamiṃ, paṭācārātheriṃ saddhāya vadati. ‘‘Sā bhikkhunī upagacchi, yā me sādhayikā’’tipi pāṭho. Sā paṭācārā bhikkhunī anukampāya maṃ upagacchi, yā mayhaṃ sadatthassa sādhikāti attho. Sā me dhammamadesesi, khandhāyatanadhātuyoti sā paṭācārā therī ‘‘ime pañcakkhandhā, imāni dvādasāyatanāni, imā aṭṭhārasa dhātuyo’’ti khandhādike vibhajitvā dassentī mayhaṃ dhammaṃ desesi.
ตสฺสา ธมฺมํ สุณิตฺวานาติ ตสฺสา ปฎิสมฺภิทาปฺปตฺตาย เถริยา สนฺติเก ขนฺธาทิวิภาคปุพฺพงฺคมํ อริยมคฺคํ ปาเปตฺวา เทสิตสณฺหสุขุมวิปสฺสนาธมฺมํ สุตฺวาฯ ยถา มํ อนุสาสิ สาติ สา เถรี ยถา มํ อนุสาสิ โอวทิ, ตถา ปฎิปชฺชนฺตี ปฎิปตฺติํ มตฺถกํ ปาเปตฺวาปิ สตฺตาหํ เอกปลฺลเงฺกน นิสีทิํฯ กถํ? ปีติสุขสมปฺปิตาติ ฌานมเยน ปีติสุเขน สมงฺคีภูตาฯ อฎฺฐมิยา ปาเท ปสาเรสิํ, ตโมขนฺธํ ปทาลิยาติ อนวเสสํ โมหกฺขนฺธํ อคฺคมเคฺคน ปทาเลตฺวา อฎฺฐเม ทิวเส ปลฺลงฺกํ ภินฺทนฺตี ปาเท ปสาเรสิํฯ อิทเมว จสฺสา อญฺญาพฺยากรณํ อโหสิฯ
Tassādhammaṃ suṇitvānāti tassā paṭisambhidāppattāya theriyā santike khandhādivibhāgapubbaṅgamaṃ ariyamaggaṃ pāpetvā desitasaṇhasukhumavipassanādhammaṃ sutvā. Yathā maṃ anusāsi sāti sā therī yathā maṃ anusāsi ovadi, tathā paṭipajjantī paṭipattiṃ matthakaṃ pāpetvāpi sattāhaṃ ekapallaṅkena nisīdiṃ. Kathaṃ? Pītisukhasamappitāti jhānamayena pītisukhena samaṅgībhūtā. Aṭṭhamiyā pāde pasāresiṃ, tamokhandhaṃ padāliyāti anavasesaṃ mohakkhandhaṃ aggamaggena padāletvā aṭṭhame divase pallaṅkaṃ bhindantī pāde pasāresiṃ. Idameva cassā aññābyākaraṇaṃ ahosi.
อุตฺตมาเถรีคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Uttamātherīgāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรีคาถาปาฬิ • Therīgāthāpāḷi / ๒. อุตฺตมาเถรีคาถา • 2. Uttamātherīgāthā