Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อปทาน-อฎฺฐกถา • Apadāna-aṭṭhakathā

    ๖. อุตฺตรเตฺถรอปทานวณฺณนา

    6. Uttarattheraapadānavaṇṇanā

    ฉฎฺฐาปทาเน สุเมโธ นาม สมฺพุโทฺธติอาทิกํ อายสฺมโต อุตฺตรสามเณรสฺส อปทานํฯ อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฎฺฎูปนิสฺสยานิ ปุญฺญานิ อุปจินโนฺต สุเมธสฺส ภควโต กาเล วิชฺชาธโร หุตฺวา อากาเสน วิจรติฯ เตน จ สมเยน สตฺถา ตเสฺสว อนุคฺคณฺหนตฺถํ วนนฺตเร อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเล นิสีทิ ฉพฺพณฺณพุทฺธรํสิโย วิสฺสเชฺชโนฺตฯ โส อนฺตลิเกฺขน คจฺฉโนฺต ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส อากาสโต โอรุยฺห สุวิสุเทฺธหิ วิปุเลหิ กณิการปุเปฺผหิ ภควนฺตํ ปูเชสิ, ปุปฺผานิ พุทฺธานุภาเวน สตฺถุ อุปริ ฉตฺตากาเรน อฎฺฐํสุ, โส เตน ภิโยฺยโสมตฺตาย ปสนฺนจิโตฺต หุตฺวา อปรภาเค กาลํ กตฺวา ตาวติํเสสุ นิพฺพตฺติตฺวา ทิพฺพสมฺปตฺติํ อนุภวโนฺต ยาวตายุกํ ตตฺถ ฐตฺวา ตโต จุโต เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห พฺราหฺมณมหาสาลสฺส ปุโตฺต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, อุตฺตโรติสฺส นามํ อโหสิฯ โส วิญฺญุตํ ปโตฺต พฺราหฺมณวิชฺชาสุ นิปฺผตฺติํ คนฺตฺวา ชาติยา รูเปน วิชฺชาย วเยน สีลาจาเรน จ โลกสฺส สมฺภาวนีโย ชาโตฯ

    Chaṭṭhāpadāne sumedho nāma sambuddhotiādikaṃ āyasmato uttarasāmaṇerassa apadānaṃ. Ayampi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave vivaṭṭūpanissayāni puññāni upacinanto sumedhassa bhagavato kāle vijjādharo hutvā ākāsena vicarati. Tena ca samayena satthā tasseva anuggaṇhanatthaṃ vanantare aññatarasmiṃ rukkhamūle nisīdi chabbaṇṇabuddharaṃsiyo vissajjento. So antalikkhena gacchanto bhagavantaṃ disvā pasannamānaso ākāsato oruyha suvisuddhehi vipulehi kaṇikārapupphehi bhagavantaṃ pūjesi, pupphāni buddhānubhāvena satthu upari chattākārena aṭṭhaṃsu, so tena bhiyyosomattāya pasannacitto hutvā aparabhāge kālaṃ katvā tāvatiṃsesu nibbattitvā dibbasampattiṃ anubhavanto yāvatāyukaṃ tattha ṭhatvā tato cuto devamanussesu saṃsaranto imasmiṃ buddhuppāde rājagahe brāhmaṇamahāsālassa putto hutvā nibbatti, uttarotissa nāmaṃ ahosi. So viññutaṃ patto brāhmaṇavijjāsu nipphattiṃ gantvā jātiyā rūpena vijjāya vayena sīlācārena ca lokassa sambhāvanīyo jāto.

    ตสฺส ตํ สมฺปตฺติํ ทิสฺวา วสฺสกาโร มคธมหามโตฺต อตฺตโน ธีตรํ ทาตุกาโม หุตฺวา อตฺตโน อธิปฺปายํ ปเวเทสิฯ โส นิสฺสรณชฺฌาสยตาย ตํ ปฎิกฺขิปิตฺวา กาเลน กาลํ ธมฺมเสนาปติํ ปยิรุปาสโนฺต ตสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฎิลทฺธสโทฺธ ปพฺพชิตฺวา วตฺตสมฺปโนฺน หุตฺวา เถรํ อุปฎฺฐหติฯ

    Tassa taṃ sampattiṃ disvā vassakāro magadhamahāmatto attano dhītaraṃ dātukāmo hutvā attano adhippāyaṃ pavedesi. So nissaraṇajjhāsayatāya taṃ paṭikkhipitvā kālena kālaṃ dhammasenāpatiṃ payirupāsanto tassa santike dhammaṃ sutvā paṭiladdhasaddho pabbajitvā vattasampanno hutvā theraṃ upaṭṭhahati.

    เตน จ สมเยน เถรสฺส อญฺญตโร อาพาโธ อุปฺปโนฺน, ตสฺส เภสชฺชตฺถาย อุตฺตโร สามเณโร ปาโตว ปตฺตจีวรมาทาย วิหารโต นิกฺขโนฺต อนฺตรามเคฺค ตฬากสฺส สมีเป ปตฺตํ ฐเปตฺวา อุทกสมีปํ คนฺตฺวา มุขํ โธวติฯ อถ อญฺญตโร อุมงฺคโจโร กตกโมฺม อารกฺขปุริเสหิ อนุพโทฺธ อคฺคมเคฺคน นครโต นิกฺขมิตฺวา ปลายโนฺต อตฺตนา คหิตํ รตนภณฺฑิตํ สามเณรสฺส ปเตฺต ปกฺขิปิตฺวา ปลายิฯ สามเณโรปิ ปตฺตสมีปํ อุปคโตฯ โจรํ อนุพนฺธนฺตา ราชปุริสา สามเณรสฺส ปเตฺต ภณฺฑิกํ ทิสฺวา ‘‘อยํ โจโร, อิมินา โจริยํ กต’’นฺติ สามเณรํ ปจฺฉาพาหํ พนฺธิตฺวา วสฺสการสฺส พฺราหฺมณสฺส ทเสฺสสุํฯ วสฺสกาโร จ ตทา รโญฺญ วินิจฺฉเย นิยุโตฺต หุตฺวา เฉชฺชเภชฺชํ อนุสาสติ, โส ‘‘ปุเพฺพ มม วจนํ นาทิยิ, สุทฺธปาสณฺฑิเยสุ ปพฺพชี’’ติ (เถรคา. อฎฺฐ. ๑.อุตฺตรเตฺถรคาถาวณฺณนา) กมฺมํ อโสเธตฺวา ฆาตุกามตฺตาว ชีวนฺตเมว ตํ สูเล อุตฺตาเสสิฯ

    Tena ca samayena therassa aññataro ābādho uppanno, tassa bhesajjatthāya uttaro sāmaṇero pātova pattacīvaramādāya vihārato nikkhanto antarāmagge taḷākassa samīpe pattaṃ ṭhapetvā udakasamīpaṃ gantvā mukhaṃ dhovati. Atha aññataro umaṅgacoro katakammo ārakkhapurisehi anubaddho aggamaggena nagarato nikkhamitvā palāyanto attanā gahitaṃ ratanabhaṇḍitaṃ sāmaṇerassa patte pakkhipitvā palāyi. Sāmaṇeropi pattasamīpaṃ upagato. Coraṃ anubandhantā rājapurisā sāmaṇerassa patte bhaṇḍikaṃ disvā ‘‘ayaṃ coro, iminā coriyaṃ kata’’nti sāmaṇeraṃ pacchābāhaṃ bandhitvā vassakārassa brāhmaṇassa dassesuṃ. Vassakāro ca tadā rañño vinicchaye niyutto hutvā chejjabhejjaṃ anusāsati, so ‘‘pubbe mama vacanaṃ nādiyi, suddhapāsaṇḍiyesu pabbajī’’ti (theragā. aṭṭha. 1.uttarattheragāthāvaṇṇanā) kammaṃ asodhetvā ghātukāmattāva jīvantameva taṃ sūle uttāsesi.

    อถสฺส ภควา ญาณปริปากํ โอโลเกตฺวา ตํ ฐานํ คนฺตฺวา วิปฺผุรนฺตหตฺถนขมณิมยูขสมฺภินฺนสิตาภตาย ปคฺฆรนฺตชาติหิงฺคุลกสุวณฺณรสธารํ วิย ชาลาคุณฺฐิตมุทุตลุนทีฆงฺคุลิหตฺถํ อุตฺตรสฺส สีเส ฐเปตฺวา ‘‘อุตฺตร, อิทํ เต ปุริมกมฺมสฺส ผลํ อุปฺปนฺนํ, ตตฺถ ตยา ปจฺจเวกฺขณพเลน อธิวาสนา กาตพฺพา’’ติ วตฺวา อชฺฌาสยานุรูปํ ธมฺมํ เทเสสิฯ อุตฺตโร อมตาภิเสกสทิเสน สตฺถุ หตฺถสมฺผเสฺสน สญฺชาตปฺปสาทโสมนสฺสตาย อุฬารปีติปาโมชฺชํ ปฎิลภิตฺวา ยถาปริจิตํ วิปสฺสนามคฺคํ สมารูโฬฺห ญาณสฺส ปริปากํ คตตฺตา สตฺถุ จ เทสนาวิลาเสน ตาวเทว มคฺคปฎิปาฎิยา สเพฺพ กิเลเส เขเปตฺวา ฉฬภิโญฺญ อโหสิฯ ฉฬภิโญฺญ ปน หุตฺวา สูลโต อุฎฺฐหิตฺวา ปรานุทฺทยาย อากาเส ฐตฺวา ปาฎิหาริยํ ทเสฺสสิฯ มหาชโน อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาโต อโหสิฯ ตาวเทวสฺส วโณ สํรูฬฺหิ, โส ภิกฺขูหิ, ‘‘อาวุโส, ตาทิสทุกฺขํ อนุภวโนฺต กถํ ตฺวํ วิปสฺสนํ อนุยุญฺชิตุํ อสกฺขี’’ติ ปุโฎฺฐ, ‘‘ปเคว เม, อาวุโส, สํสาเร อาทีนโว, สงฺขารานญฺจ สภาโว สุทิโฎฺฐ, เอวาหํ ตาทิสํ ทุกฺขํ อนุภวโนฺตปิ อสกฺขิํ วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา วิเสสํ อธิคนฺตุ’’นฺติ อาหฯ ‘‘ปุพฺพชาติยา ทหรกาเล มกฺขิกํ คเหตฺวา นิมฺพสูลกํ คเหตฺวา สูลาโรปนกีฬํ ปฎิจฺจ เอวํ อเนกชาติสเตสุ สูลาโรปนทุกฺขมนุภวิตฺวา อิมาย ปริโยสานชาติยา เอวรูปํ ทุกฺขมนุภูต’’นฺติ อาหฯ

    Athassa bhagavā ñāṇaparipākaṃ oloketvā taṃ ṭhānaṃ gantvā vipphurantahatthanakhamaṇimayūkhasambhinnasitābhatāya paggharantajātihiṅgulakasuvaṇṇarasadhāraṃ viya jālāguṇṭhitamudutalunadīghaṅgulihatthaṃ uttarassa sīse ṭhapetvā ‘‘uttara, idaṃ te purimakammassa phalaṃ uppannaṃ, tattha tayā paccavekkhaṇabalena adhivāsanā kātabbā’’ti vatvā ajjhāsayānurūpaṃ dhammaṃ desesi. Uttaro amatābhisekasadisena satthu hatthasamphassena sañjātappasādasomanassatāya uḷārapītipāmojjaṃ paṭilabhitvā yathāparicitaṃ vipassanāmaggaṃ samārūḷho ñāṇassa paripākaṃ gatattā satthu ca desanāvilāsena tāvadeva maggapaṭipāṭiyā sabbe kilese khepetvā chaḷabhiñño ahosi. Chaḷabhiñño pana hutvā sūlato uṭṭhahitvā parānuddayāya ākāse ṭhatvā pāṭihāriyaṃ dassesi. Mahājano acchariyabbhutacittajāto ahosi. Tāvadevassa vaṇo saṃrūḷhi, so bhikkhūhi, ‘‘āvuso, tādisadukkhaṃ anubhavanto kathaṃ tvaṃ vipassanaṃ anuyuñjituṃ asakkhī’’ti puṭṭho, ‘‘pageva me, āvuso, saṃsāre ādīnavo, saṅkhārānañca sabhāvo sudiṭṭho, evāhaṃ tādisaṃ dukkhaṃ anubhavantopi asakkhiṃ vipassanaṃ vaḍḍhetvā visesaṃ adhigantu’’nti āha. ‘‘Pubbajātiyā daharakāle makkhikaṃ gahetvā nimbasūlakaṃ gahetvā sūlāropanakīḷaṃ paṭicca evaṃ anekajātisatesu sūlāropanadukkhamanubhavitvā imāya pariyosānajātiyā evarūpaṃ dukkhamanubhūta’’nti āha.

    ๕๕. อถ อปรภาเค ปุพฺพกมฺมํ สริตฺวา โสมนสฺสชาโต ปุพฺพจริตาปทานํ ปกาเสโนฺต สุเมโธ นาม สมฺพุโทฺธติอาทิมาหฯ ตตฺถ อนุตฺตานปทวณฺณนเมว กริสฺสามฯ

    55. Atha aparabhāge pubbakammaṃ saritvā somanassajāto pubbacaritāpadānaṃ pakāsento sumedho nāma sambuddhotiādimāha. Tattha anuttānapadavaṇṇanameva karissāma.

    ๕๗. วิชฺชาธโร ตทา อาสินฺติ พาหิรกมนฺตาทิวิชฺชาสิทฺธิยา อากาสคามิสมโตฺถ หุตฺวา จรณวเสน ตํ วิชฺชํ รกฺขิตฺวา อวินาเสตฺวา ปริหรณวเสน วิชฺชาธรโยนิ อาสิํ อโหสินฺติ อโตฺถฯ อนฺตลิกฺขจโร อหนฺติ อนฺตํ ปริโยสานํ โกฎิํ ลิขเต สํกริสฺสตีติ อนฺตลิกฺขํฯ อถ วา อนฺตํ ปริโยสานํ ลิขฺยเต โอโลกิยเต เอเตนาติ อนฺตลิกฺขํ, ตสฺมิํ อนฺตลิเกฺข, อากาเส จรณสีโล อหนฺติ อโตฺถฯ ติสูลํ สุกตํ คยฺหาติ ติขิณํ สูลํ, อคฺคํ อาวุธํฯ ติสูลํ สุนฺทรํ กตํ, โกฎฺฎนฆํสนมทฺทนปหรณวเสน สุฎฺฐุ กตํ สูลาวุธํ คยฺห คเหตฺวา อมฺพรโต คจฺฉามีติ อโตฺถฯ เสสํ สพฺพํ เหฎฺฐา วุตฺตนยตฺตาว นยานุโยเคน สุวิเญฺญยฺยเมวาติฯ

    57.Vijjādharo tadā āsinti bāhirakamantādivijjāsiddhiyā ākāsagāmisamattho hutvā caraṇavasena taṃ vijjaṃ rakkhitvā avināsetvā pariharaṇavasena vijjādharayoni āsiṃ ahosinti attho. Antalikkhacaro ahanti antaṃ pariyosānaṃ koṭiṃ likhate saṃkarissatīti antalikkhaṃ. Atha vā antaṃ pariyosānaṃ likhyate olokiyate etenāti antalikkhaṃ, tasmiṃ antalikkhe, ākāse caraṇasīlo ahanti attho. Tisūlaṃ sukataṃ gayhāti tikhiṇaṃ sūlaṃ, aggaṃ āvudhaṃ. Tisūlaṃ sundaraṃ kataṃ, koṭṭanaghaṃsanamaddanapaharaṇavasena suṭṭhu kataṃ sūlāvudhaṃ gayha gahetvā ambarato gacchāmīti attho. Sesaṃ sabbaṃ heṭṭhā vuttanayattāva nayānuyogena suviññeyyamevāti.

    อุตฺตรเตฺถรอปทานวณฺณนา สมตฺตาฯ

    Uttarattheraapadānavaṇṇanā samattā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อปทานปาฬิ • Apadānapāḷi / ๖. อุตฺตรเตฺถรอปทานํ • 6. Uttarattheraapadānaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact