Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā

    ๒. ทุกนิปาโต

    2. Dukanipāto

    ๑. ปฐมวโคฺค

    1. Paṭhamavaggo

    ๑. อุตฺตรเตฺถรคาถาวณฺณนา

    1. Uttarattheragāthāvaṇṇanā

    ทุกนิปาเต นตฺถิ โกจิ ภโว นิโจฺจติอาทิกา อายสฺมโต อุตฺตรเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฎฺฎูปนิสฺสยํ ปุญฺญํ อุปจินโนฺต สุเมธสฺส ภควโต กาเล วิชฺชาธโร หุตฺวา อากาเสน วิจรติฯ เตน จ สมเยน สตฺถา ตสฺส อนุคฺคณฺหนตฺถํ วนนฺตเร อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเล นิสีทิ ฉพฺพณฺณพุทฺธรํสิโย วิสฺสเชฺชโนฺตฯ โส อนฺตลิเกฺขน คจฺฉโนฺต ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนจิโตฺต อากาสโต โอรุยฺห สุวิสุเทฺธหิ วิปุเลหิ กณิการปุเปฺผหิ ภควนฺตํ ปูเชสิ, ปุปฺผานิ พุทฺธานุภาเวน สตฺถุ อุปริ ฉตฺตากาเรน อฎฺฐํสุ, โส เตน ภิโยฺยโสมตฺตาย ปสนฺนจิโตฺต หุตฺวา อปรภาเค กาลํ กตฺวา ตาวติํเส นิพฺพตฺติตฺวา อุฬารํ ทิพฺพสมฺปตฺติํ อนุภวโนฺต ยาวตายุกํ ตตฺถ ฐตฺวา ตโต จุโต เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห พฺราหฺมณมหาสาลปุโตฺต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, อุตฺตโรติสฺส นามํ อโหสิฯ โส วิญฺญุตํ ปโตฺต พฺราหฺมณวิชฺชาสุ นิปฺผตฺติํ คนฺตฺวา ชาติยา รูเปน วิชฺชาย วเยน สีลาจาเรน จ โลกสฺส สมฺภาวนีโย ชาโตฯ ตสฺส ตํ สมฺปตฺติํ ทิสฺวา วสฺสกาโร มคธมหามโตฺต อตฺตโน ธีตรํ ทาตุกาโม หุตฺวา อตฺตโน อธิปฺปายํ ปเวเทสิฯ โส นิสฺสรณชฺฌาสยตาย ตํ ปฎิกฺขิปิตฺวา กาเลน กาลํ ธมฺมเสนาปติํ ปยิรุปาสโนฺต ตสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฎิลทฺธสโทฺธ ปพฺพชิตฺวา วตฺตสมฺปโนฺน หุตฺวา เถรํ อุปฎฺฐหติฯ

    Dukanipāte natthi koci bhavo niccotiādikā āyasmato uttarattherassa gāthā. Kā uppatti? Ayampi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave vivaṭṭūpanissayaṃ puññaṃ upacinanto sumedhassa bhagavato kāle vijjādharo hutvā ākāsena vicarati. Tena ca samayena satthā tassa anuggaṇhanatthaṃ vanantare aññatarasmiṃ rukkhamūle nisīdi chabbaṇṇabuddharaṃsiyo vissajjento. So antalikkhena gacchanto bhagavantaṃ disvā pasannacitto ākāsato oruyha suvisuddhehi vipulehi kaṇikārapupphehi bhagavantaṃ pūjesi, pupphāni buddhānubhāvena satthu upari chattākārena aṭṭhaṃsu, so tena bhiyyosomattāya pasannacitto hutvā aparabhāge kālaṃ katvā tāvatiṃse nibbattitvā uḷāraṃ dibbasampattiṃ anubhavanto yāvatāyukaṃ tattha ṭhatvā tato cuto devamanussesu saṃsaranto imasmiṃ buddhuppāde rājagahe brāhmaṇamahāsālaputto hutvā nibbatti, uttarotissa nāmaṃ ahosi. So viññutaṃ patto brāhmaṇavijjāsu nipphattiṃ gantvā jātiyā rūpena vijjāya vayena sīlācārena ca lokassa sambhāvanīyo jāto. Tassa taṃ sampattiṃ disvā vassakāro magadhamahāmatto attano dhītaraṃ dātukāmo hutvā attano adhippāyaṃ pavedesi. So nissaraṇajjhāsayatāya taṃ paṭikkhipitvā kālena kālaṃ dhammasenāpatiṃ payirupāsanto tassa santike dhammaṃ sutvā paṭiladdhasaddho pabbajitvā vattasampanno hutvā theraṃ upaṭṭhahati.

    เตน จ สมเยน เถรสฺส อญฺญตโร อาพาโธ อุปฺปโนฺน, ตสฺส เภสชฺชตฺถาย อุตฺตโร สามเณโร ปาโตว ปตฺตจีวรมาทาย วิหารโต นิกฺขโนฺต อนฺตรามเคฺค ตฬากสฺส ตีเร ปตฺตํ ฐเปตฺวา อุทกสมีปํ คนฺตฺวา มุขํ โธวติฯ อถ อญฺญตโร อุมงฺคโจโร อารกฺขปุริเสหิ อนุพโทฺธ อคฺคทฺวาเรเนว นครโต นิกฺขมิตฺวา ปลายโนฺต อตฺตนา คหิตํ รตนภณฺฑิกํ สามเณรสฺส ปเตฺต ปกฺขิปิตฺวา ปลายิฯ สามเณโร ปตฺตสมีปํ อุปคโตฯ โจรํ อนุพนฺธนฺตา ราชปุริสา สามเณรสฺส ปเตฺต ภณฺฑิกํ ทิสฺวา, ‘‘อยํ โจโร, อิมินา โจริยํ กต’’นฺติ สามเณรํ ปจฺฉาพาหํ พนฺธิตฺวา วสฺสการสฺส พฺราหฺมณสฺส ทเสฺสสุํฯ วสฺสกาโร จ ตทา รโญฺญ วินิจฺฉเย นิยุโตฺต หุตฺวา เฉชฺชเภชฺชํ อนุสาสติฯ โส ‘‘ปุเพฺพ มม วจนํ นาทิยิ, สุทฺธปาสณฺฑิเยสุ ปพฺพชี’’ติ จ พทฺธาฆาตตฺตา กมฺมํ อโสเธตฺวาว ชีวนฺตเมว ตํ สูเล อุตฺตาเสสิฯ

    Tena ca samayena therassa aññataro ābādho uppanno, tassa bhesajjatthāya uttaro sāmaṇero pātova pattacīvaramādāya vihārato nikkhanto antarāmagge taḷākassa tīre pattaṃ ṭhapetvā udakasamīpaṃ gantvā mukhaṃ dhovati. Atha aññataro umaṅgacoro ārakkhapurisehi anubaddho aggadvāreneva nagarato nikkhamitvā palāyanto attanā gahitaṃ ratanabhaṇḍikaṃ sāmaṇerassa patte pakkhipitvā palāyi. Sāmaṇero pattasamīpaṃ upagato. Coraṃ anubandhantā rājapurisā sāmaṇerassa patte bhaṇḍikaṃ disvā, ‘‘ayaṃ coro, iminā coriyaṃ kata’’nti sāmaṇeraṃ pacchābāhaṃ bandhitvā vassakārassa brāhmaṇassa dassesuṃ. Vassakāro ca tadā rañño vinicchaye niyutto hutvā chejjabhejjaṃ anusāsati. So ‘‘pubbe mama vacanaṃ nādiyi, suddhapāsaṇḍiyesu pabbajī’’ti ca baddhāghātattā kammaṃ asodhetvāva jīvantameva taṃ sūle uttāsesi.

    อถสฺส ภควา ญาณปริปากํ โอโลเกตฺวา ตํ ฐานํ คนฺตฺวา วิปฺผุรนฺตหตฺถนขมณิมยูขสมฺภินฺนสิตาภตาย ปคฺฆรนฺตชาติหิงฺคุลกสุวณฺณรสธารํ วิย ชาลาคุณฺฐิตมุทุตลุนทีฆงฺคุลิหตฺถํ อุตฺตรสฺส สีเส ฐเปตฺวา, ‘‘อุตฺตร, อิทํ เต ปุริมกมฺมสฺส ผลํ อุปฺปนฺนํ, ตตฺถ ตยา ปจฺจเวกฺขณพเลน อธิวาสนา กาตพฺพา’’ติ วตฺวา อชฺฌาสยานุรูปํ ธมฺมํ เทเสสิฯ อุตฺตโร อมตาภิเสกสทิเสน สตฺถุ หตฺถสมฺผเสฺสน สญฺชาตปฺปสาทโสมนสฺสตาย อุฬารํ ปีติปาโมชฺชํ ปฎิลภิตฺวา ยถาปริจิตํ วิปสฺสนามคฺคํ สมารูโฬฺห ญาณสฺส ปริปากํ คตตฺตา สตฺถุ จ เทสนาวิลาเสน ตาวเทว มคฺคปฎิปาฎิยา สพฺพกิเลเส เขเปตฺวา ฉฬภิโญฺญ อโหสิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๖.๕๕-๙๒) –

    Athassa bhagavā ñāṇaparipākaṃ oloketvā taṃ ṭhānaṃ gantvā vipphurantahatthanakhamaṇimayūkhasambhinnasitābhatāya paggharantajātihiṅgulakasuvaṇṇarasadhāraṃ viya jālāguṇṭhitamudutalunadīghaṅgulihatthaṃ uttarassa sīse ṭhapetvā, ‘‘uttara, idaṃ te purimakammassa phalaṃ uppannaṃ, tattha tayā paccavekkhaṇabalena adhivāsanā kātabbā’’ti vatvā ajjhāsayānurūpaṃ dhammaṃ desesi. Uttaro amatābhisekasadisena satthu hatthasamphassena sañjātappasādasomanassatāya uḷāraṃ pītipāmojjaṃ paṭilabhitvā yathāparicitaṃ vipassanāmaggaṃ samārūḷho ñāṇassa paripākaṃ gatattā satthu ca desanāvilāsena tāvadeva maggapaṭipāṭiyā sabbakilese khepetvā chaḷabhiñño ahosi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 2.56.55-92) –

    ‘‘สุเมโธ นาม สมฺพุโทฺธ, พาตฺติํสวรลกฺขโณ;

    ‘‘Sumedho nāma sambuddho, bāttiṃsavaralakkhaṇo;

    วิเวกกาโม ภควา, หิมวนฺตมุปาคมิฯ

    Vivekakāmo bhagavā, himavantamupāgami.

    ‘‘อโชฺฌคาเหตฺวา หิมวนฺตํ, อโคฺค การุณิโก มุนิ;

    ‘‘Ajjhogāhetvā himavantaṃ, aggo kāruṇiko muni;

    ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวาน, นิสีทิ ปริสุตฺตโมฯ

    Pallaṅkaṃ ābhujitvāna, nisīdi parisuttamo.

    ‘‘วิชฺชาธโร ตทา อาสิํ, อนฺตลิกฺขจโร อหํ;

    ‘‘Vijjādharo tadā āsiṃ, antalikkhacaro ahaṃ;

    ติสูลํ สุคตํ คยฺห, คจฺฉามิ อมฺพเร ตทาฯ

    Tisūlaṃ sugataṃ gayha, gacchāmi ambare tadā.

    ‘‘ปพฺพตเคฺค ยถา อคฺคิ, ปุณฺณมาเยว จนฺทิมา;

    ‘‘Pabbatagge yathā aggi, puṇṇamāyeva candimā;

    วนํ โอภาสเต พุโทฺธ, สาลราชาว ผุลฺลิโตฯ

    Vanaṃ obhāsate buddho, sālarājāva phullito.

    ‘‘วนคฺคา นิกฺขมิตฺวาน, พุทฺธรํสีภิธาวเร;

    ‘‘Vanaggā nikkhamitvāna, buddharaṃsībhidhāvare;

    นฬคฺคิวณฺณสงฺกาสา, ทิสฺวา จิตฺตํ ปสาทยิํฯ

    Naḷaggivaṇṇasaṅkāsā, disvā cittaṃ pasādayiṃ.

    ‘‘วิจินํ อทฺทสํ ปุปฺผํ, กณิการํ เทวคนฺธิกํ;

    ‘‘Vicinaṃ addasaṃ pupphaṃ, kaṇikāraṃ devagandhikaṃ;

    ตีณิ ปุปฺผานิ อาทาย, พุทฺธเสฎฺฐมปูชยิํฯ

    Tīṇi pupphāni ādāya, buddhaseṭṭhamapūjayiṃ.

    ‘‘พุทฺธสฺส อานุภาเวน, ตีณิ ปุปฺผานิ เม ตทา;

    ‘‘Buddhassa ānubhāvena, tīṇi pupphāni me tadā;

    อุทฺธํวณฺฎา อโธปตฺตา, ฉายํ กุพฺพนฺติ สตฺถุโนฯ

    Uddhaṃvaṇṭā adhopattā, chāyaṃ kubbanti satthuno.

    ‘‘เตน กเมฺมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;

    ‘‘Tena kammena sukatena, cetanāpaṇidhīhi ca;

    ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวติํสมคจฺฉหํฯ

    Jahitvā mānusaṃ dehaṃ, tāvatiṃsamagacchahaṃ.

    ‘‘ตตฺถ เม สุกตํ พฺยมฺหํ, กณิการีติ ญายติ;

    ‘‘Tattha me sukataṃ byamhaṃ, kaṇikārīti ñāyati;

    สฎฺฐิโยชนมุเพฺพธํ, ติํสโยชนวิตฺถตํฯ

    Saṭṭhiyojanamubbedhaṃ, tiṃsayojanavitthataṃ.

    ‘‘สหสฺสกณฺฑํ สตเภณฺฑุ, ธชาลุ หริตามยํ;

    ‘‘Sahassakaṇḍaṃ satabheṇḍu, dhajālu haritāmayaṃ;

    สตสหสฺสนิยฺยูหา, พฺยเมฺห ปาตุภวิํสุ เมฯ

    Satasahassaniyyūhā, byamhe pātubhaviṃsu me.

    ‘‘โสณฺณมยา มณิมยา, โลหิตงฺกมยาปิ จ;

    ‘‘Soṇṇamayā maṇimayā, lohitaṅkamayāpi ca;

    ผลิกาปิ จ ปลฺลงฺกา, เยนิจฺฉกา ยทิจฺฉกาฯ

    Phalikāpi ca pallaṅkā, yenicchakā yadicchakā.

    ‘‘มหารหญฺจ สยนํ, ตูลิกา วิกตียุตํ;

    ‘‘Mahārahañca sayanaṃ, tūlikā vikatīyutaṃ;

    อุทฺธโลมิญฺจ เอกนฺตํ, พิโมฺพหนสมายุตํฯ

    Uddhalomiñca ekantaṃ, bimbohanasamāyutaṃ.

    ‘‘ภวนา นิกฺขมิตฺวาน, จรโนฺต เทวจาริกํ;

    ‘‘Bhavanā nikkhamitvāna, caranto devacārikaṃ;

    ยถา อิจฺฉามิ คมนํ, เทวสงฺฆปุรกฺขโตฯ

    Yathā icchāmi gamanaṃ, devasaṅghapurakkhato.

    ‘‘ปุปฺผสฺส เหฎฺฐา ติฎฺฐามิ, อุปริจฺฉทนํ มม;

    ‘‘Pupphassa heṭṭhā tiṭṭhāmi, uparicchadanaṃ mama;

    สมนฺตา โยชนสตํ, กณิกาเรหิ ฉาทิตํฯ

    Samantā yojanasataṃ, kaṇikārehi chāditaṃ.

    ‘‘สฎฺฐิตูริยสหสฺสานิ, สายํ ปาตํ อุปฎฺฐหุํ;

    ‘‘Saṭṭhitūriyasahassāni, sāyaṃ pātaṃ upaṭṭhahuṃ;

    ปริวาเรนฺติ มํ นิจฺจํ, รตฺตินฺทิวมตนฺทิตาฯ

    Parivārenti maṃ niccaṃ, rattindivamatanditā.

    ‘‘ตตฺถ นเจฺจหิ คีเตหิ, ตาเฬหิ วาทิเตหิ จ;

    ‘‘Tattha naccehi gītehi, tāḷehi vāditehi ca;

    รมามิ ขิฑฺฑา รติยา, โมทามิ กามกามหํฯ

    Ramāmi khiḍḍā ratiyā, modāmi kāmakāmahaṃ.

    ‘‘ตตฺถ ภุตฺวา ปิวิตฺวา จ, โมทามิ ติทเส ตทา;

    ‘‘Tattha bhutvā pivitvā ca, modāmi tidase tadā;

    นารีคเณหิ สหิโต, โมทามิ พฺยมฺหมุตฺตเมฯ

    Nārīgaṇehi sahito, modāmi byamhamuttame.

    ‘‘สตานํ ปญฺจกฺขตฺตุญฺจ, เทวรชฺชมการยิํ;

    ‘‘Satānaṃ pañcakkhattuñca, devarajjamakārayiṃ;

    สตานํ ตีณิกฺขตฺตุญฺจ, จกฺกวตฺตี อโหสหํ;

    Satānaṃ tīṇikkhattuñca, cakkavattī ahosahaṃ;

    ปเทสรชฺชํ วิปุลํ, คณนาโต อสงฺขิยํฯ

    Padesarajjaṃ vipulaṃ, gaṇanāto asaṅkhiyaṃ.

    ‘‘ภเว ภเว สํสรโนฺต, มหาโภคํ ลภามหํ;

    ‘‘Bhave bhave saṃsaranto, mahābhogaṃ labhāmahaṃ;

    โภเค เม อูนตา นตฺถิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํฯ

    Bhoge me ūnatā natthi, buddhapūjāyidaṃ phalaṃ.

    ‘‘ทุเว ภเว สํสรามิ, เทวเตฺต อถ มานุเส;

    ‘‘Duve bhave saṃsarāmi, devatte atha mānuse;

    อญฺญํ คติํ น ชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํฯ

    Aññaṃ gatiṃ na jānāmi, buddhapūjāyidaṃ phalaṃ.

    ‘‘ทุเว กุเล ปชายามิ, ขตฺติเย จาปิ พฺราหฺมเณ;

    ‘‘Duve kule pajāyāmi, khattiye cāpi brāhmaṇe;

    นีเจ กุเล น ชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํฯ

    Nīce kule na jānāmi, buddhapūjāyidaṃ phalaṃ.

    ‘‘หตฺถิยานํ อสฺสยานํ, สิวิกํ สนฺทมานิกํ;

    ‘‘Hatthiyānaṃ assayānaṃ, sivikaṃ sandamānikaṃ;

    ลภามิ สพฺพเมเวตํ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํฯ

    Labhāmi sabbamevetaṃ, buddhapūjāyidaṃ phalaṃ.

    ‘‘ทาสีคณํ ทาสคณํ, นาริโย สมลงฺกตา;

    ‘‘Dāsīgaṇaṃ dāsagaṇaṃ, nāriyo samalaṅkatā;

    ลภามิ สพฺพเมเวตํ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํฯ

    Labhāmi sabbamevetaṃ, buddhapūjāyidaṃ phalaṃ.

    ‘‘โกเสยฺยกมฺพลิยานิ , โขมกปฺปาสิกานิ จ;

    ‘‘Koseyyakambaliyāni , khomakappāsikāni ca;

    ลภามิ สพฺพเมเวตํ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํฯ

    Labhāmi sabbamevetaṃ, buddhapūjāyidaṃ phalaṃ.

    ‘‘นววตฺถํ นวผลํ, นวคฺครสโภชนํ;

    ‘‘Navavatthaṃ navaphalaṃ, navaggarasabhojanaṃ;

    ลภามิ สพฺพเมเวตํ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํฯ

    Labhāmi sabbamevetaṃ, buddhapūjāyidaṃ phalaṃ.

    ‘‘อิมํ ขาท อิมํ ภุญฺช, อิมมฺหิ สยเน สย;

    ‘‘Imaṃ khāda imaṃ bhuñja, imamhi sayane saya;

    ลภามิ สพฺพเมเวตํ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํฯ

    Labhāmi sabbamevetaṃ, buddhapūjāyidaṃ phalaṃ.

    ‘‘สพฺพตฺถ ปูชิโต โหมิ, ยโส อจฺจุคฺคโต มม;

    ‘‘Sabbattha pūjito homi, yaso accuggato mama;

    มหาปโกฺข สทา โหมิ, อเภชฺชปริโส สทา;

    Mahāpakkho sadā homi, abhejjapariso sadā;

    ญาตีนํ อุตฺตโม โหมิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํฯ

    Ñātīnaṃ uttamo homi, buddhapūjāyidaṃ phalaṃ.

    ‘‘สีตํ อุณฺหํ น ชานามิ, ปริฬาโห น วิชฺชติ;

    ‘‘Sītaṃ uṇhaṃ na jānāmi, pariḷāho na vijjati;

    อโถ เจตสิกํ ทุกฺขํ, หทเย เม น วิชฺชติฯ

    Atho cetasikaṃ dukkhaṃ, hadaye me na vijjati.

    ‘‘สุวณฺณวโณฺณ หุตฺวาน, สํสรามิ ภวาภเว;

    ‘‘Suvaṇṇavaṇṇo hutvāna, saṃsarāmi bhavābhave;

    เววณฺณิยํ น ชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํฯ

    Vevaṇṇiyaṃ na jānāmi, buddhapūjāyidaṃ phalaṃ.

    ‘‘เทวโลกา จวิตฺวาน, สุกฺกมูเลน โจทิโต;

    ‘‘Devalokā cavitvāna, sukkamūlena codito;

    สาวตฺถิยํ ปุเร ชาโต, มหาสาเล สุอฑฺฒเกฯ

    Sāvatthiyaṃ pure jāto, mahāsāle suaḍḍhake.

    ‘‘ปญฺจ กามคุเณ หิตฺวา, ปพฺพชิํ อนคาริยํ;

    ‘‘Pañca kāmaguṇe hitvā, pabbajiṃ anagāriyaṃ;

    ชาติยา สตฺตวโสฺสหํ, อรหตฺตมปาปุณิํฯ

    Jātiyā sattavassohaṃ, arahattamapāpuṇiṃ.

    ‘‘อุปสมฺปาทยี พุโทฺธ, คุณมญฺญาย จกฺขุมา;

    ‘‘Upasampādayī buddho, guṇamaññāya cakkhumā;

    ตรุโณ ปูชนีโยหํ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํฯ

    Taruṇo pūjanīyohaṃ, buddhapūjāyidaṃ phalaṃ.

    ‘‘ทิพฺพจกฺขุ วิสุทฺธํ เม, สมาธิกุสโล อหํ;

    ‘‘Dibbacakkhu visuddhaṃ me, samādhikusalo ahaṃ;

    อภิญฺญาปารมิปฺปโตฺต, พุทฺธปูชายิทํ ผลํฯ

    Abhiññāpāramippatto, buddhapūjāyidaṃ phalaṃ.

    ‘‘ปฎิสมฺภิทา อนุปฺปโตฺต, อิทฺธิปาเทสุ โกวิโท;

    ‘‘Paṭisambhidā anuppatto, iddhipādesu kovido;

    ธเมฺมสุ ปารมิปฺปโตฺต, พุทฺธปูชายิทํ ผลํฯ

    Dhammesu pāramippatto, buddhapūjāyidaṃ phalaṃ.

    ‘‘ติํสกปฺปสหสฺสมฺหิ, ยํ พุทฺธมภิปูชยิํ;

    ‘‘Tiṃsakappasahassamhi, yaṃ buddhamabhipūjayiṃ;

    ทุคฺคติํ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํฯ

    Duggatiṃ nābhijānāmi, buddhapūjāyidaṃ phalaṃ.

    ‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ

    ‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.

    ฉฬภิโญฺญ ปุน หุตฺวา สูลโต อุฎฺฐหิตฺวา ปรานุทฺทยาย อากาเส ฐตฺวา ปาฎิหาริยํ ทเสฺสสิฯ มหาชโน อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาโต อโหสิฯ ตาวเทวสฺส วโณ สํรูฬฺหิ, โส ภิกฺขูหิ, ‘‘อาวุโส, ตาทิสํ ทุกฺขํ อนุภวโนฺต กถํ ตฺวํ วิปสฺสนํ อนุยุญฺชิตุํ อสกฺขี’’ติ ปุโฎฺฐ, ‘‘ปเคว เม, อาวุโส, สํสาเร อาทีนโว, สงฺขารานญฺจ สภาโว สุทิโฎฺฐ, เอวาหํ ตาทิสํ ทุกฺขํ อนุภวโนฺตปิ อสกฺขิํ วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา วิเสสํ อธิคนฺตุ’’นฺติ ทเสฺสโนฺต –

    Chaḷabhiñño puna hutvā sūlato uṭṭhahitvā parānuddayāya ākāse ṭhatvā pāṭihāriyaṃ dassesi. Mahājano acchariyabbhutacittajāto ahosi. Tāvadevassa vaṇo saṃrūḷhi, so bhikkhūhi, ‘‘āvuso, tādisaṃ dukkhaṃ anubhavanto kathaṃ tvaṃ vipassanaṃ anuyuñjituṃ asakkhī’’ti puṭṭho, ‘‘pageva me, āvuso, saṃsāre ādīnavo, saṅkhārānañca sabhāvo sudiṭṭho, evāhaṃ tādisaṃ dukkhaṃ anubhavantopi asakkhiṃ vipassanaṃ vaḍḍhetvā visesaṃ adhigantu’’nti dassento –

    ๑๒๑.

    121.

    ‘‘นตฺถิ โกจิ ภโว นิโจฺจ, สงฺขารา วาปิ สสฺสตา;

    ‘‘Natthi koci bhavo nicco, saṅkhārā vāpi sassatā;

    อุปฺปชฺชนฺติ จ เต ขนฺธา, จวนฺติ อปราปรํฯ

    Uppajjanti ca te khandhā, cavanti aparāparaṃ.

    ๑๒๒.

    122.

    ‘‘เอตมาทีนวํ ญตฺวา, ภเวนมฺหิ อนตฺถิโก;

    ‘‘Etamādīnavaṃ ñatvā, bhavenamhi anatthiko;

    นิสฺสโฎ สพฺพกาเมหิ, ปโตฺต เม อาสวกฺขโย’’ติฯ –

    Nissaṭo sabbakāmehi, patto me āsavakkhayo’’ti. –

    อิมํ คาถาทฺวยํ อภาสิฯ

    Imaṃ gāthādvayaṃ abhāsi.

    ตตฺถ นตฺถิ โกจิ ภโว นิโจฺจติ กมฺมภโว อุปปตฺติภโว กามภโว รูปภโว อรูปภโว สญฺญีภโว อสญฺญีภโว เนวสญฺญีนาสญฺญีภโว เอกโวการภโว จตุโวการภโว ปญฺจโวการภโวติ เอวํเภโท, ตตฺถาปิ หีโน มชฺฌิโม อุกฺกโฎฺฐ ทีฆายุโก สุขพหุโล โวมิสฺสสุขทุโกฺขติ เอวํวิภาโค โยโกจิ นิโจฺจ ธุโว ถิโร อปโลกิยธโมฺม นตฺถิ ตํ ตํ การณํ ปฎิจฺจ สมุปฺปนฺนตฺตาฯ ยสฺมา จ เอตเทวํ, ตสฺมา สงฺขารา วาปิ สสฺสตา นตฺถีติ โยชนาฯ ปจฺจเยหิ สงฺขตตฺตา ‘‘สงฺขารา’’ติ ลทฺธนาเม หิ ปญฺจกฺขเนฺธ อุปาทาย ภวสมญฺญาย สงฺขาราว หุตฺวา สมฺภูตา ชรามรเณน จ วิปริณมนฺตีติ อสสฺสตา วิปริณามธมฺมาฯ ตถา หิ เต ‘‘สงฺขารา’’ติ วุจฺจนฺติฯ เตนาห อุปฺปชฺชนฺติ จ เต ขนฺธา, จวนฺติ อปราปรนฺติฯ เต ภวปริยาเยน สงฺขารปริยาเยน จ วุตฺตา ปญฺจกฺขนฺธา ยถาปจฺจยํ อปราปรํ อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา จ ชราย ปริปีฬิตา หุตฺวา จวนฺติ ปริภิชฺชนฺตีติ อโตฺถฯ เอเตน ‘‘ภโว, สงฺขารา’’ติ จ ลทฺธโวหารา ปญฺจกฺขนฺธา อุทยพฺพยสภาวาติ ทเสฺสติฯ ยสฺมา ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา สงฺขาเร สมฺมสนฺตสฺส ตโยปิ ภวา อาทิตฺตํ วิย สงฺขเต อาทีนวํ โทสํ ปเคว วิปสฺสนาปญฺญาย ชานิตฺวา อนิจฺจลกฺขเณหิ ทิฎฺฐา สงฺขารา ทุกฺขานตฺตา วิภูตตรา อุปฎฺฐหนฺติ, เตนาห ภควา – ‘‘ยทนิจฺจํ ตํ ทุกฺขํ, ยํ ทุกฺขํ ตทนตฺตา’’ติ (สํ. นิ. ๓.๑๕)ฯ

    Tattha natthi koci bhavo niccoti kammabhavo upapattibhavo kāmabhavo rūpabhavo arūpabhavo saññībhavo asaññībhavo nevasaññīnāsaññībhavo ekavokārabhavo catuvokārabhavo pañcavokārabhavoti evaṃbhedo, tatthāpi hīno majjhimo ukkaṭṭho dīghāyuko sukhabahulo vomissasukhadukkhoti evaṃvibhāgo yokoci nicco dhuvo thiro apalokiyadhammo natthi taṃ taṃ kāraṇaṃ paṭicca samuppannattā. Yasmā ca etadevaṃ, tasmā saṅkhārā vāpi sassatā natthīti yojanā. Paccayehi saṅkhatattā ‘‘saṅkhārā’’ti laddhanāme hi pañcakkhandhe upādāya bhavasamaññāya saṅkhārāva hutvā sambhūtā jarāmaraṇena ca vipariṇamantīti asassatā vipariṇāmadhammā. Tathā hi te ‘‘saṅkhārā’’ti vuccanti. Tenāha uppajjanti ca te khandhā, cavanti aparāparanti. Te bhavapariyāyena saṅkhārapariyāyena ca vuttā pañcakkhandhā yathāpaccayaṃ aparāparaṃ uppajjanti, uppannā ca jarāya paripīḷitā hutvā cavanti paribhijjantīti attho. Etena ‘‘bhavo, saṅkhārā’’ti ca laddhavohārā pañcakkhandhā udayabbayasabhāvāti dasseti. Yasmā tilakkhaṇaṃ āropetvā saṅkhāre sammasantassa tayopi bhavā ādittaṃ viya saṅkhate ādīnavaṃ dosaṃ pageva vipassanāpaññāya jānitvā aniccalakkhaṇehi diṭṭhā saṅkhārā dukkhānattā vibhūtatarā upaṭṭhahanti, tenāha bhagavā – ‘‘yadaniccaṃ taṃ dukkhaṃ, yaṃ dukkhaṃ tadanattā’’ti (saṃ. ni. 3.15).

    ยสฺมา ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา สงฺขาเร สมฺมสนฺตสฺส ตโยปิ ภวา อาทิตฺตํ วิย อคารํ สปฺปฎิภยา อุปฎฺฐหนฺติ, ตสฺมา อาห ‘‘ภเวนมฺหิ อนตฺถิโก’’ติฯ เอวํ ปน สพฺพโส ภเวหิ วินิวตฺติยมานสฺส กาเมสุ อเปกฺขาย เลโสปิ น สมฺภวติเยว, เตนาห ‘‘นิสฺสโฎ สพฺพกาเมหี’’ติ, อมฺหีติ โยชนาฯ มานุเสหิ วิย ทิเพฺพหิปิ กาเมหิ นิวตฺติตจิโตฺตสฺมีติ อโตฺถฯ ปโตฺต เม อาสวกฺขโยติ ยสฺมา เอวํ สุปริมชฺชิตสงฺขาโร ภเวสุ สุปริทิฎฺฐาทีนโว กาเมสุ จ อนาสตฺตมานโส ตสฺมา สูลมตฺถเก นิสิเนฺนนาปิ เม มยา ปโตฺต อธิคโต อาสวกฺขโย นิพฺพานํ อรหตฺตญฺจาติฯ อเญฺญหิ จ สพฺรหฺมจารีหิ อปฺปตฺตมานเสหิ ตทธิคมาย อุสฺสาโห กรณีโยติ ภิกฺขูนํ โอวาทมทาสิฯ

    Yasmā tilakkhaṇaṃ āropetvā saṅkhāre sammasantassa tayopi bhavā ādittaṃ viya agāraṃ sappaṭibhayā upaṭṭhahanti, tasmā āha ‘‘bhavenamhi anatthiko’’ti. Evaṃ pana sabbaso bhavehi vinivattiyamānassa kāmesu apekkhāya lesopi na sambhavatiyeva, tenāha ‘‘nissaṭo sabbakāmehī’’ti, amhīti yojanā. Mānusehi viya dibbehipi kāmehi nivattitacittosmīti attho. Patto me āsavakkhayoti yasmā evaṃ suparimajjitasaṅkhāro bhavesu suparidiṭṭhādīnavo kāmesu ca anāsattamānaso tasmā sūlamatthake nisinnenāpi me mayā patto adhigato āsavakkhayo nibbānaṃ arahattañcāti. Aññehi ca sabrahmacārīhi appattamānasehi tadadhigamāya ussāho karaṇīyoti bhikkhūnaṃ ovādamadāsi.

    อุตฺตรเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Uttarattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๑. อุตฺตรเตฺถรคาถา • 1. Uttarattheragāthā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact