Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā |
๓. ตติยวโคฺค
3. Tatiyavaggo
๑. อุตฺตรเตฺถรคาถาวณฺณนา
1. Uttarattheragāthāvaṇṇanā
ขนฺธา มยา ปริญฺญาตาติ อายสฺมโต อุตฺตรเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฎฺฎูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินโนฺต อิโต จตุนวุเต กเปฺป สิทฺธตฺถสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปโตฺต สาสเน ลทฺธปฺปสาโท หุตฺวา อุปาสกตฺตํ ปฎิเวเทสิฯ โส สตฺถริ ปรินิพฺพุเต อตฺตโน ญาตเก สนฺนิปาเตตฺวา พหุํ ปูชาสกฺการํ สมฺภริตฺวา ธาตุปูชํ อกาสิฯ โส เตน ปุญฺญกเมฺมน เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท สาเกเต พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา อุตฺตโรติ ลทฺธนาโม วยปฺปโตฺต เกนจิเทว กรณีเยน สาวตฺถิํ คโต กณฺฑมฺพมูเล กตํ ยมกปาฎิหาริยํ ทิสฺวา ปสีทิตฺวา ปุน กาฬการามสุตฺตเทสนาย (อ. นิ. ๔.๒๔) อภิวฑฺฒมานสโทฺธ ปพฺพชิตฺวา สตฺถารา สทฺธิํ ราชคหํ คนฺตฺวา อุปสมฺปชฺชิตฺวา ตเตฺถว วสโนฺต วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา นจิรเสฺสว ฉฬภิโญฺญ อโหสิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๙.๑๐๖-๑๑๐) –
Khandhāmayā pariññātāti āyasmato uttarattherassa gāthā. Kā uppatti? Ayampi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave vivaṭṭūpanissayaṃ kusalaṃ upacinanto ito catunavute kappe siddhatthassa bhagavato kāle kulagehe nibbattitvā viññutaṃ patto sāsane laddhappasādo hutvā upāsakattaṃ paṭivedesi. So satthari parinibbute attano ñātake sannipātetvā bahuṃ pūjāsakkāraṃ sambharitvā dhātupūjaṃ akāsi. So tena puññakammena devamanussesu saṃsaranto imasmiṃ buddhuppāde sākete brāhmaṇakule nibbattitvā uttaroti laddhanāmo vayappatto kenacideva karaṇīyena sāvatthiṃ gato kaṇḍambamūle kataṃ yamakapāṭihāriyaṃ disvā pasīditvā puna kāḷakārāmasuttadesanāya (a. ni. 4.24) abhivaḍḍhamānasaddho pabbajitvā satthārā saddhiṃ rājagahaṃ gantvā upasampajjitvā tattheva vasanto vipassanaṃ paṭṭhapetvā nacirasseva chaḷabhiñño ahosi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 2.49.106-110) –
‘‘นิพฺพุเต โลกนาถมฺหิ, สิทฺธเตฺถ โลกนายเก;
‘‘Nibbute lokanāthamhi, siddhatthe lokanāyake;
มม ญาตี สมาเนตฺวา, ธาตุปูชํ อกาสหํฯ
Mama ñātī samānetvā, dhātupūjaṃ akāsahaṃ.
‘‘จตุนฺนวุติโต กเปฺป, ยํ ธาตุมภิปูชยิํ;
‘‘Catunnavutito kappe, yaṃ dhātumabhipūjayiṃ;
ทุคฺคติํ นาภิชานามิ, ธาตุปูชายิทํ ผลํฯ
Duggatiṃ nābhijānāmi, dhātupūjāyidaṃ phalaṃ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ
‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.
ฉฬภิโญฺญ ปน หุตฺวา สตฺถริ สาวตฺถิยํ วิหรเนฺต พุทฺธุปฎฺฐานตฺถํ ราชคหโต สาวตฺถิํ อุปคโต ภิกฺขูหิ ‘‘กิํ, อาวุโส, ปพฺพชฺชากิจฺจํ ตยา มตฺถกํ ปาปิต’’นฺติ ปุโฎฺฐ อญฺญํ พฺยากโรโนฺต –
Chaḷabhiñño pana hutvā satthari sāvatthiyaṃ viharante buddhupaṭṭhānatthaṃ rājagahato sāvatthiṃ upagato bhikkhūhi ‘‘kiṃ, āvuso, pabbajjākiccaṃ tayā matthakaṃ pāpita’’nti puṭṭho aññaṃ byākaronto –
๑๖๑.
161.
‘‘ขนฺธา มยา ปริญฺญาตา, ตณฺหา เม สุสมูหตา;
‘‘Khandhā mayā pariññātā, taṇhā me susamūhatā;
ภาวิตา มม โพชฺฌงฺคา, ปโตฺต เม อาสวกฺขโยฯ
Bhāvitā mama bojjhaṅgā, patto me āsavakkhayo.
๑๖๒.
162.
‘‘โสหํ ขเนฺธ ปริญฺญาย, อพฺพหิตฺวาน ชาลินิํ;
‘‘Sohaṃ khandhe pariññāya, abbahitvāna jāliniṃ;
ภาวยิตฺวาน โพชฺฌเงฺค, นิพฺพายิสฺสํ อนาสโว’’ติฯ – คาถาทฺวยํ อภาสิ;
Bhāvayitvāna bojjhaṅge, nibbāyissaṃ anāsavo’’ti. – gāthādvayaṃ abhāsi;
ตตฺถ ขนฺธาติ ปญฺจุปาทานกฺขนฺธาฯ ปริญฺญาตาติ ‘‘อิทํ ทุกฺขํ, น อิโต ภิโยฺย’’ติ ปริจฺฉิชฺช ญาตา ภาวิตาฯ เตน ทุกฺขสฺส อริยสจฺจสฺส ปริญฺญาภิสมยมาหฯ ตณฺหาติ ตสติ ปริตสตีติ ตณฺหาฯ สุสมูหตาติ สมุคฺฆาฎิตาฯ เอเตน สมุทยสจฺจสฺส ปหานาภิสมยํ วทติฯ ภาวิตา มม โพชฺฌงฺคาติ โพธิสงฺขาตาย สติอาทิธมฺมสามคฺคิยา, ตํสมงฺคิโน วา โพธิสงฺขาตสฺส อริยปุคฺคลสฺส องฺคาติ โพชฺฌงฺคาฯ สติธมฺมวิจยวีริยปีติปสฺสทฺธิสมาธิอุเปกฺขาสงฺขาตา มคฺคปริยาปนฺนา ธมฺมา มยา ภาวิตา อุปฺปาทิตา วฑฺฒิตาฯ โพชฺฌงฺคคฺคหเณเนว เจตฺถ ตํสหจริตตาย สเพฺพ มคฺคธมฺมา, สเพฺพ จ โพธิปกฺขิยธมฺมา คหิตาติ ทฎฺฐพฺพาฯ เอเตเนว มคฺคสจฺจสฺส ภาวนาภิสมยํ ทเสฺสติฯ ปโตฺต เม อาสวกฺขโยติ กามาสวาทโย อาสวา ขียนฺติ เอตฺถาติ อาสวกฺขโยติ ลทฺธนาโม อสงฺขตธโมฺม มยา ปโตฺต อธิคโตฯ เอเตน นิโรธสจฺจสฺส สจฺฉิกิริยาภิสมยํ กเถติฯ เอตฺตาวตา อตฺตโน สอุปาทิเสสนิพฺพานสมฺปตฺติํ ทเสฺสติฯ
Tattha khandhāti pañcupādānakkhandhā. Pariññātāti ‘‘idaṃ dukkhaṃ, na ito bhiyyo’’ti paricchijja ñātā bhāvitā. Tena dukkhassa ariyasaccassa pariññābhisamayamāha. Taṇhāti tasati paritasatīti taṇhā. Susamūhatāti samugghāṭitā. Etena samudayasaccassa pahānābhisamayaṃ vadati. Bhāvitā mama bojjhaṅgāti bodhisaṅkhātāya satiādidhammasāmaggiyā, taṃsamaṅgino vā bodhisaṅkhātassa ariyapuggalassa aṅgāti bojjhaṅgā. Satidhammavicayavīriyapītipassaddhisamādhiupekkhāsaṅkhātā maggapariyāpannā dhammā mayā bhāvitā uppāditā vaḍḍhitā. Bojjhaṅgaggahaṇeneva cettha taṃsahacaritatāya sabbe maggadhammā, sabbe ca bodhipakkhiyadhammā gahitāti daṭṭhabbā. Eteneva maggasaccassa bhāvanābhisamayaṃ dasseti. Patto me āsavakkhayoti kāmāsavādayo āsavā khīyanti etthāti āsavakkhayoti laddhanāmo asaṅkhatadhammo mayā patto adhigato. Etena nirodhasaccassa sacchikiriyābhisamayaṃ katheti. Ettāvatā attano saupādisesanibbānasampattiṃ dasseti.
อิทานิ ปน อนุปาทิเสสนิพฺพานสมฺปตฺติํ ทเสฺสโนฺต ‘‘โสห’’นฺติอาทินา ทุติยํ คาถมาหฯ ตสฺสโตฺถ – โสหํ เอวํ วุตฺตนเยน ขเนฺธ ปริญฺญาย ปริชานิตฺวา, ตถา ปริชานโนฺต เอว สกอตฺตภาวปรอตฺตภาเวสุ อชฺฌตฺติกพาหิรายตเนสุ อตีตาทิเภทภิเนฺนสุ สํสิพฺพนาการํ ปุนปฺปุนํ ปวตฺติสงฺขาตํ ชาลํ เอตสฺส อตฺถีติ ชาลินีติ ลทฺธนามํ ตณฺหํ อพฺพหิตฺวาน มม จิตฺตสนฺตานโต อุทฺธริตฺวา, ตถา นํ อุทฺธรโนฺตเยว วุตฺตปฺปเภเท โพชฺฌเงฺค ภาวยิตฺวาน เต ภาวนาปาริปูริํ ปาเปตฺวา ตโต เอว อนาสโว หุตฺวา ฐิโต อิทานิ จริมกจิตฺตนิโรเธน อนุปาทาโน วิย ชาตเวโท นิพฺพายิสฺสํ ปรินิพฺพายิสฺสามีติฯ
Idāni pana anupādisesanibbānasampattiṃ dassento ‘‘soha’’ntiādinā dutiyaṃ gāthamāha. Tassattho – sohaṃ evaṃ vuttanayena khandhe pariññāya parijānitvā, tathā parijānanto eva sakaattabhāvaparaattabhāvesu ajjhattikabāhirāyatanesu atītādibhedabhinnesu saṃsibbanākāraṃ punappunaṃ pavattisaṅkhātaṃ jālaṃ etassa atthīti jālinīti laddhanāmaṃ taṇhaṃ abbahitvāna mama cittasantānato uddharitvā, tathā naṃ uddharantoyeva vuttappabhede bojjhaṅge bhāvayitvāna te bhāvanāpāripūriṃ pāpetvā tato eva anāsavo hutvā ṭhito idāni carimakacittanirodhena anupādāno viya jātavedo nibbāyissaṃ parinibbāyissāmīti.
อุตฺตรเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Uttarattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๑. อุตฺตรเตฺถรคาถา • 1. Uttarattheragāthā