Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สุตฺตนิปาต-อฎฺฐกถา • Suttanipāta-aṭṭhakathā

    ๑๐. อุฎฺฐานสุตฺตวณฺณนา

    10. Uṭṭhānasuttavaṇṇanā

    ๓๓๔. อุฎฺฐหถาติ อุฎฺฐานสุตฺตํฯ กา อุปฺปตฺติ? เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรโนฺต รตฺติํ เชตวนวิหาเร วสิตฺวา ปุพฺพณฺหสมยํ ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปาจีนทฺวาเรน นครา นิกฺขมิตฺวา มิคารมาตุปาสาทํ อคมาสิ ทิวาวิหารตฺถายฯ อาจิณฺณํ กิเรตํ ภควโต รตฺติํ เชตวนวิหาเร วสิตฺวา มิคารมาตุปาสาเท ทิวาวิหารูปคมนํ, รตฺติญฺจ มิคารมาตุปาสาเท วสิตฺวา เชตวเน ทิวาวิหารูปคมนํฯ กสฺมา? ทฺวินฺนํ กุลานํ อนุคฺคหตฺถาย มหาปริจฺจาคคุณปริทีปนตฺถาย จฯ มิคารมาตุปาสาทสฺส จ เหฎฺฐา ปญฺจ กูฎาคารคพฺภสตานิ โหนฺติ, เยสุ ปญฺจสตา ภิกฺขู วสนฺติฯ ตตฺถ ยทา ภควา เหฎฺฐาปาสาเท วสติ, ตทา ภิกฺขู ภควโต คารเวน อุปริปาสาทํ นารุหนฺติฯ ตํ ทิวสํ ปน ภควา อุปริปาสาเท กูฎาคารคพฺภํ ปาวิสิ, เตน เหฎฺฐาปาสาเท ปญฺจปิ คพฺภสตานิ ปญฺจสตา ภิกฺขู ปวิสิํสุฯ เต จ สเพฺพว นวา โหนฺติ อธุนาคตา อิมํ ธมฺมวินยํ อุทฺธตา อุนฺนฬา ปากตินฺทฺริยาฯ เต ปวิสิตฺวา ทิวาเสยฺยํ สุปิตฺวา สายํ อุฎฺฐาย มหาตเล สนฺนิปติตฺวา ‘‘อชฺช ภตฺตเคฺค ตุยฺหํ กิํ อโหสิ, ตฺวํ กตฺถ อคมาสิ, อหํ อาวุโส โกสลรโญฺญ ฆรํ, อหํ อนาถปิณฺฑิกสฺส, ตตฺถ เอวรูโป จ เอวรูโป จ โภชนวิธิ อโหสี’’ติ นานปฺปการํ อามิสกถํ กเถนฺตา อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทา อเหสุํฯ

    334.Uṭṭhahathāti uṭṭhānasuttaṃ. Kā uppatti? Ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharanto rattiṃ jetavanavihāre vasitvā pubbaṇhasamayaṃ bhikkhusaṅghaparivuto sāvatthiyaṃ piṇḍāya caritvā pācīnadvārena nagarā nikkhamitvā migāramātupāsādaṃ agamāsi divāvihāratthāya. Āciṇṇaṃ kiretaṃ bhagavato rattiṃ jetavanavihāre vasitvā migāramātupāsāde divāvihārūpagamanaṃ, rattiñca migāramātupāsāde vasitvā jetavane divāvihārūpagamanaṃ. Kasmā? Dvinnaṃ kulānaṃ anuggahatthāya mahāpariccāgaguṇaparidīpanatthāya ca. Migāramātupāsādassa ca heṭṭhā pañca kūṭāgāragabbhasatāni honti, yesu pañcasatā bhikkhū vasanti. Tattha yadā bhagavā heṭṭhāpāsāde vasati, tadā bhikkhū bhagavato gāravena uparipāsādaṃ nāruhanti. Taṃ divasaṃ pana bhagavā uparipāsāde kūṭāgāragabbhaṃ pāvisi, tena heṭṭhāpāsāde pañcapi gabbhasatāni pañcasatā bhikkhū pavisiṃsu. Te ca sabbeva navā honti adhunāgatā imaṃ dhammavinayaṃ uddhatā unnaḷā pākatindriyā. Te pavisitvā divāseyyaṃ supitvā sāyaṃ uṭṭhāya mahātale sannipatitvā ‘‘ajja bhattagge tuyhaṃ kiṃ ahosi, tvaṃ kattha agamāsi, ahaṃ āvuso kosalarañño gharaṃ, ahaṃ anāthapiṇḍikassa, tattha evarūpo ca evarūpo ca bhojanavidhi ahosī’’ti nānappakāraṃ āmisakathaṃ kathentā uccāsaddamahāsaddā ahesuṃ.

    ภควา ตํ สทฺทํ สุตฺวา ‘‘อิเม มยา สทฺธิํ วสนฺตาปิ เอวํ ปมตฺตา, อโห อยุตฺตการิโน’’ติ มหาโมคฺคลฺลานเตฺถรสฺส อาคมนํ จิเนฺตสิฯ ตาวเทว อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ภควโต จิตฺตํ ญตฺวา อิทฺธิยา อาคมฺม ปาทมูเล วนฺทมาโนเยว อโหสิฯ ตโต นํ ภควา อามเนฺตสิ – ‘‘เอเต เต, โมคฺคลฺลาน, สพฺรหฺมจาริโน ปมตฺตา, สาธุ เน สํเวเชหี’’ติฯ ‘‘เอวํ ภเนฺต’’ติ โข โส อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ภควโต ปฎิสฺสุณิตฺวา ตาวเทว อาโปกสิณํ สมาปชฺชิตฺวา กรีสภูมิยํ ฐิตํ มหาปาสาทํ นาวํ วิย มหาวาโต ปาทงฺคุฎฺฐเกน กเมฺปสิ สทฺธิํ ปติฎฺฐิตปถวิปฺปเทเสนฯ อถ เต ภิกฺขู ภีตา วิสฺสรํ กโรนฺตา สกสกจีวรานิ ฉเฑฺฑตฺวา จตูหิ ทฺวาเรหิ นิกฺขมิํสุฯ ภควา เตสํ อตฺตานํ ทเสฺสโนฺต อเญฺญน ทฺวาเรน คนฺธกุฎิํ ปวิสโนฺต วิย อโหสิ, เต ภควนฺตํ ทิสฺวา วนฺทิตฺวา อฎฺฐํสุ ฯ ภควา ‘‘กิํ, ภิกฺขเว, ภีตตฺถา’’ติ ปุจฺฉิ, เต ‘‘อยํ, ภเนฺต, มิคารมาตุปาสาโท กมฺปิโต’’ติ อาหํสุ ฯ ‘‘ชานาถ, ภิกฺขเว, เกนา’’ติ? ‘‘น ชานาม, ภเนฺต’’ติฯ อถ ภควา ‘‘ตุมฺหาทิสานํ, ภิกฺขเว, มุฎฺฐสฺสตีนํ อสมฺปชานานํ ปมาทวิหารีนํ สํเวคชนนตฺถํ โมคฺคลฺลาเนน กมฺปิโต’’ติ วตฺวา เตสํ ภิกฺขูนํ ธมฺมเทสนตฺถํ อิมํ สุตฺตมภาสิฯ

    Bhagavā taṃ saddaṃ sutvā ‘‘ime mayā saddhiṃ vasantāpi evaṃ pamattā, aho ayuttakārino’’ti mahāmoggallānattherassa āgamanaṃ cintesi. Tāvadeva āyasmā mahāmoggallāno bhagavato cittaṃ ñatvā iddhiyā āgamma pādamūle vandamānoyeva ahosi. Tato naṃ bhagavā āmantesi – ‘‘ete te, moggallāna, sabrahmacārino pamattā, sādhu ne saṃvejehī’’ti. ‘‘Evaṃ bhante’’ti kho so āyasmā mahāmoggallāno bhagavato paṭissuṇitvā tāvadeva āpokasiṇaṃ samāpajjitvā karīsabhūmiyaṃ ṭhitaṃ mahāpāsādaṃ nāvaṃ viya mahāvāto pādaṅguṭṭhakena kampesi saddhiṃ patiṭṭhitapathavippadesena. Atha te bhikkhū bhītā vissaraṃ karontā sakasakacīvarāni chaḍḍetvā catūhi dvārehi nikkhamiṃsu. Bhagavā tesaṃ attānaṃ dassento aññena dvārena gandhakuṭiṃ pavisanto viya ahosi, te bhagavantaṃ disvā vanditvā aṭṭhaṃsu . Bhagavā ‘‘kiṃ, bhikkhave, bhītatthā’’ti pucchi, te ‘‘ayaṃ, bhante, migāramātupāsādo kampito’’ti āhaṃsu . ‘‘Jānātha, bhikkhave, kenā’’ti? ‘‘Na jānāma, bhante’’ti. Atha bhagavā ‘‘tumhādisānaṃ, bhikkhave, muṭṭhassatīnaṃ asampajānānaṃ pamādavihārīnaṃ saṃvegajananatthaṃ moggallānena kampito’’ti vatvā tesaṃ bhikkhūnaṃ dhammadesanatthaṃ imaṃ suttamabhāsi.

    ตตฺถ อุฎฺฐหถาติ อาสนา อุฎฺฐหถ ฆฎถ วายมถ, มา กุสีตา โหถฯ นิสีทถาติ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา กมฺมฎฺฐานานุโยคตฺถาย นิสีทถฯ โก อโตฺถ สุปิเตน โวติ โก ตุมฺหากํ อนุปาทาปรินิพฺพานตฺถาย ปพฺพชิตานํ สุปิเตน อโตฺถฯ น หิ สกฺกา สุปเนฺตน โกจิ อโตฺถ ปาปุณิตุํฯ อาตุรานญฺหิ กา นิทฺทา, สลฺลวิทฺธาน รุปฺปตนฺติ ยตฺร จ นาม อปฺปเกปิ สรีรปฺปเทเส อุฎฺฐิเตน จกฺขุโรคาทินา โรเคน อาตุรานํ เอกทฺวงฺคุลมตฺตมฺปิ ปวิเฎฺฐน อยสลฺลอฎฺฐิสลฺลทนฺตสลฺลวิสาณสลฺลกฎฺฐสลฺลานํ อญฺญตเรน สเลฺลน รุปฺปมานานํ มนุสฺสานํ นิทฺทา นตฺถิ, ตตฺถ ตุมฺหากํ สกลจิตฺตสรีรสนฺตานํ ภญฺชิตฺวา อุปฺปเนฺนหิ นานปฺปการกิเลสโรเคหิ อาตุรานญฺหิ กา นิทฺทา ราคสลฺลาทีหิ จ ปญฺจหิ สเลฺลหิ อโนฺตหทยํ ปวิสิย วิทฺธตฺตา สลฺลวิทฺธานํ รุปฺปตํฯ

    Tattha uṭṭhahathāti āsanā uṭṭhahatha ghaṭatha vāyamatha, mā kusītā hotha. Nisīdathāti pallaṅkaṃ ābhujitvā kammaṭṭhānānuyogatthāya nisīdatha. Ko attho supitena voti ko tumhākaṃ anupādāparinibbānatthāya pabbajitānaṃ supitena attho. Na hi sakkā supantena koci attho pāpuṇituṃ. Āturānañhi kā niddā, sallaviddhāna ruppatanti yatra ca nāma appakepi sarīrappadese uṭṭhitena cakkhurogādinā rogena āturānaṃ ekadvaṅgulamattampi paviṭṭhena ayasallaaṭṭhisalladantasallavisāṇasallakaṭṭhasallānaṃ aññatarena sallena ruppamānānaṃ manussānaṃ niddā natthi, tattha tumhākaṃ sakalacittasarīrasantānaṃ bhañjitvā uppannehi nānappakārakilesarogehi āturānañhi kā niddā rāgasallādīhi ca pañcahi sallehi antohadayaṃ pavisiya viddhattā sallaviddhānaṃ ruppataṃ.

    ๓๓๕. เอวํ วตฺวา ปุน ภควา ภิโยฺยโสมตฺตาย เต ภิกฺขู อุสฺสาเหโนฺต สํเวเชโนฺต จ อาห – ‘‘อุฎฺฐหถ…เป.… วสานุเค’’ติฯ ตตฺรายํ สาธิปฺปายโยชนา อตฺถวณฺณนา – เอวํ กิเลสสลฺลวิทฺธานญฺหิ โว, ภิกฺขเว, กาโล ปพุชฺฌิตุํฯ กิํ การณํ? มณฺฑเปยฺยมิทํ, ภิกฺขเว, พฺรหฺมจริยํ, สตฺถา สมฺมุขีภูโต, อิโต ปุเพฺพ ปน โว ทีฆรตฺตํ สุตฺตํ, คิรีสุ สุตฺตํ, นทีสุ สุตฺตํ, สเมสุ สุตฺตํ, วิสเมสุ สุตฺตํ, รุกฺขเคฺคสุปิ สุตฺตํ อทสฺสนา อริยสจฺจานํ, ตสฺมา ตสฺสา นิทฺทาย อนฺตกิริยตฺถํ อุฎฺฐหถ นิสีทถ ทฬฺหํ สิกฺขถ สนฺติยาฯ

    335. Evaṃ vatvā puna bhagavā bhiyyosomattāya te bhikkhū ussāhento saṃvejento ca āha – ‘‘uṭṭhahatha…pe… vasānuge’’ti. Tatrāyaṃ sādhippāyayojanā atthavaṇṇanā – evaṃ kilesasallaviddhānañhi vo, bhikkhave, kālo pabujjhituṃ. Kiṃ kāraṇaṃ? Maṇḍapeyyamidaṃ, bhikkhave, brahmacariyaṃ, satthā sammukhībhūto, ito pubbe pana vo dīgharattaṃ suttaṃ, girīsu suttaṃ, nadīsu suttaṃ, samesu suttaṃ, visamesu suttaṃ, rukkhaggesupi suttaṃ adassanā ariyasaccānaṃ, tasmā tassā niddāya antakiriyatthaṃ uṭṭhahatha nisīdatha daḷhaṃ sikkhatha santiyā.

    ตตฺถ ปุริมปาทสฺสโตฺถ วุตฺตนโย เอวฯ ทุติยปาเท ปน สนฺตีติ ติโสฺส สนฺติโย – อจฺจนฺตสนฺติ, ตทงฺคสนฺติ, สมฺมุติสนฺตีติ, นิพฺพานวิปสฺสนาทิฎฺฐิคตานเมตํ อธิวจนํฯ อิธ ปน อจฺจนฺตสนฺติ นิพฺพานมธิเปฺปตํ, ตสฺมา นิพฺพานตฺถํ ทฬฺหํ สิกฺขถ, อสิถิลปรกฺกมา หุตฺวา สิกฺขถาติ วุตฺตํ โหติฯ กิํ การณํ? มา โว ปมเตฺต วิญฺญาย, มจฺจุราชา อโมหยิตฺถ วสานุเค , มา ตุเมฺห ‘‘ปมตฺตา เอเต’’ติ เอวํ ญตฺวา มจฺจุราชปริยายนาโม มาโร วสานุเค อโมหยิตฺถ, ยถา ตสฺส วสํ คจฺฉถ, เอวํ วสานุเค กโรโนฺต มา อโมหยิตฺถาติ วุตฺตํ โหติฯ

    Tattha purimapādassattho vuttanayo eva. Dutiyapāde pana santīti tisso santiyo – accantasanti, tadaṅgasanti, sammutisantīti, nibbānavipassanādiṭṭhigatānametaṃ adhivacanaṃ. Idha pana accantasanti nibbānamadhippetaṃ, tasmā nibbānatthaṃ daḷhaṃ sikkhatha, asithilaparakkamā hutvā sikkhathāti vuttaṃ hoti. Kiṃ kāraṇaṃ? Mā vo pamatte viññāya, maccurājā amohayittha vasānuge, mā tumhe ‘‘pamattā ete’’ti evaṃ ñatvā maccurājapariyāyanāmo māro vasānuge amohayittha, yathā tassa vasaṃ gacchatha, evaṃ vasānuge karonto mā amohayitthāti vuttaṃ hoti.

    ๓๓๖. ยโต ตสฺส วสํ อนุปคจฺฉนฺตา ยาย เทวา มนุสฺสา จ…เป.… สมปฺปิตา, ยาย เทวา จ มนุสฺสา จ อตฺถิกา รูปสทฺทคนฺธรสโผฎฺฐพฺพตฺถิกา, ตํ รูปาทิํ สิตา นิสฺสิตา อลฺลีนา หุตฺวา ติฎฺฐนฺติ, ตรถ สมติกฺกมถ เอตํ นานปฺปกาเรสุ วิสเยสุ วิสฎวิตฺถิณฺณวิสาลตฺตา วิสตฺติกํ ภวโภคตณฺหํฯ ขโณ โว มา อุปจฺจคา, อยํ ตุมฺหากํ สมณธมฺมกรณกฺขโณ มา อติกฺกมิฯ เยสญฺหิ อยเมวรูโป ขโณ อติกฺกมติ, เย จ อิมํ ขณํ อติกฺกมนฺติ, เต ขณาตีตา หิ โสจนฺติ นิรยมฺหิ สมปฺปิตา, นิรสฺสาทเฎฺฐน นิรยสญฺญิเต จตุพฺพิเธปิ อปาเย ปติฎฺฐิตา ‘‘อกตํ วต โน กลฺยาณ’’นฺติอาทินา นเยน โสจนฺติฯ

    336. Yato tassa vasaṃ anupagacchantā yāya devā manussā ca…pe… samappitā, yāya devā ca manussā ca atthikā rūpasaddagandharasaphoṭṭhabbatthikā, taṃ rūpādiṃ sitā nissitā allīnā hutvā tiṭṭhanti, taratha samatikkamatha etaṃ nānappakāresu visayesu visaṭavitthiṇṇavisālattā visattikaṃ bhavabhogataṇhaṃ. Khaṇo vo mā upaccagā, ayaṃ tumhākaṃ samaṇadhammakaraṇakkhaṇo mā atikkami. Yesañhi ayamevarūpo khaṇo atikkamati, ye ca imaṃ khaṇaṃ atikkamanti, te khaṇātītā hi socanti nirayamhi samappitā, nirassādaṭṭhena nirayasaññite catubbidhepi apāye patiṭṭhitā ‘‘akataṃ vata no kalyāṇa’’ntiādinā nayena socanti.

    ๓๓๗. เอวํ ภควา เต ภิกฺขู อุสฺสาเหตฺวา สํเวเชตฺวา จ อิทานิ เตสํ ตํ ปมาทวิหารํ วิครหิตฺวา สเพฺพว เต อปฺปมาเท นิโยเชโนฺต ‘‘ปมาโท รโช’’ติ อิมํ คาถมาหฯ ตตฺถ ปมาโทติ สเงฺขปโต สติวิปฺปวาโส, โส จิตฺตมลินเฎฺฐน รโชฯ ตํ ปมาทมนุปติโต ปมาทานุปติโต, ปมาทานุปติตตฺตา อปราปรุปฺปโนฺน ปมาโท เอว, โสปิ รโชฯ น หิ กทาจิ ปมาโท นาม อรโช อตฺถิฯ เตน กิํ ทีเปติ? มา ตุเมฺห ‘‘ทหรา ตาว มยํ ปจฺฉา ชานิสฺสามา’’ติ วิสฺสาสมาปชฺชิตฺถฯ ทหรกาเลปิ หิ ปมาโท รโช, มชฺฌิมกาเลปิ เถรกาเลปิ ปมาทานุปติตตฺตา มหารโช สงฺการกูโฎ เอว โหติ, ยถา ฆเร เอกเทฺวทิวสิโก รโช รโช เอว, วฑฺฒมาโน ปน คณวสฺสิโก สงฺการกูโฎ เอว โหติฯ เอวํ สเนฺตปิ ปน ปฐมวเย พุทฺธวจนํ ปริยาปุณิตฺวา อิตรวเยสุ สมณธมฺมํ กโรโนฺต, ปฐมวเย วา ปริยาปุณิตฺวา มชฺฌิมวเย สุณิตฺวา ปจฺฉิมวเย สมณธมฺมํ กโรโนฺตปิ ภิกฺขุ ปมาทวิหารี น โหติ อปฺปมาทานุโลมปฎิปทํ ปฎิปนฺนตฺตาฯ โย ปน สพฺพวเยสุ ปมาทวิหารี ทิวาเสยฺยํ อามิสกถญฺจ อนุยุโตฺต, เสยฺยถาปิ ตุเมฺห, ตเสฺสว โส ปฐมวเย ปมาโท รโช, อิตรวเยสุ ปมาทานุปติโต มหาปมาโท จ มหารโช เอวาติฯ

    337. Evaṃ bhagavā te bhikkhū ussāhetvā saṃvejetvā ca idāni tesaṃ taṃ pamādavihāraṃ vigarahitvā sabbeva te appamāde niyojento ‘‘pamādo rajo’’ti imaṃ gāthamāha. Tattha pamādoti saṅkhepato sativippavāso, so cittamalinaṭṭhena rajo. Taṃ pamādamanupatito pamādānupatito, pamādānupatitattā aparāparuppanno pamādo eva, sopi rajo. Na hi kadāci pamādo nāma arajo atthi. Tena kiṃ dīpeti? Mā tumhe ‘‘daharā tāva mayaṃ pacchā jānissāmā’’ti vissāsamāpajjittha. Daharakālepi hi pamādo rajo, majjhimakālepi therakālepi pamādānupatitattā mahārajo saṅkārakūṭo eva hoti, yathā ghare ekadvedivasiko rajo rajo eva, vaḍḍhamāno pana gaṇavassiko saṅkārakūṭo eva hoti. Evaṃ santepi pana paṭhamavaye buddhavacanaṃ pariyāpuṇitvā itaravayesu samaṇadhammaṃ karonto, paṭhamavaye vā pariyāpuṇitvā majjhimavaye suṇitvā pacchimavaye samaṇadhammaṃ karontopi bhikkhu pamādavihārī na hoti appamādānulomapaṭipadaṃ paṭipannattā. Yo pana sabbavayesu pamādavihārī divāseyyaṃ āmisakathañca anuyutto, seyyathāpi tumhe, tasseva so paṭhamavaye pamādo rajo, itaravayesu pamādānupatito mahāpamādo ca mahārajo evāti.

    เอวํ เตสํ ปมาทวิหารํ วิครหิตฺวา อปฺปมาเท นิโยเชโนฺต อาห – ‘‘อปฺปมาเทน วิชฺชาย, อพฺพเห สลฺลมตฺตโน’’ติ, ตสฺสโตฺถ – ยสฺมา เอวเมโส สพฺพทาปิ ปมาโท รโช, ตสฺมา สติอวิปฺปวาสสงฺขาเตน อปฺปมาเทน อาสวานํ ขยญาณสงฺขาตาย จ วิชฺชาย ปณฺฑิโต กุลปุโตฺต อุทฺธเร อตฺตโน หทยนิสฺสิตํ ราคาทิปญฺจวิธํ สลฺลนฺติ อรหตฺตนิกูเฎน เทสนํ สมาเปสิฯ เทสนาปริโยสาเน สํเวคมาปชฺชิตฺวา ตเมว ธมฺมเทสนํ มนสิ กริตฺวา ปจฺจเวกฺขมานา วิปสฺสนํ อารภิตฺวา ปญฺจสตาปิ เต ภิกฺขู อรหเตฺต ปติฎฺฐหิํสูติฯ

    Evaṃ tesaṃ pamādavihāraṃ vigarahitvā appamāde niyojento āha – ‘‘appamādena vijjāya, abbahe sallamattano’’ti, tassattho – yasmā evameso sabbadāpi pamādo rajo, tasmā satiavippavāsasaṅkhātena appamādena āsavānaṃ khayañāṇasaṅkhātāya ca vijjāya paṇḍito kulaputto uddhare attano hadayanissitaṃ rāgādipañcavidhaṃ sallanti arahattanikūṭena desanaṃ samāpesi. Desanāpariyosāne saṃvegamāpajjitvā tameva dhammadesanaṃ manasi karitvā paccavekkhamānā vipassanaṃ ārabhitvā pañcasatāpi te bhikkhū arahatte patiṭṭhahiṃsūti.

    ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฎฺฐกถาย

    Paramatthajotikāya khuddaka-aṭṭhakathāya

    สุตฺตนิปาต-อฎฺฐกถาย อุฎฺฐานสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Suttanipāta-aṭṭhakathāya uṭṭhānasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / สุตฺตนิปาตปาฬิ • Suttanipātapāḷi / ๑๐. อุฎฺฐานสุตฺตํ • 10. Uṭṭhānasuttaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact