Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / กงฺขาวิตรณี-อภินว-ฎีกา • Kaṅkhāvitaraṇī-abhinava-ṭīkā |
๒. อุโยฺยชนสิกฺขาปทวณฺณนา
2. Uyyojanasikkhāpadavaṇṇanā
คามํ วา นิคมํ วาติ เอตฺถ นครมฺปิ คามคฺคหเณเนว คหิตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ ปวิสิสฺสามาติ เอตฺถ คเหตฺวา ‘‘คนฺตฺวา’’ติ ปาฐเสโส, อสมนฺนาหาโร วา ตสฺสา อิตฺถิยา ตสฺมิํ คาเม สนฺนิหิตภาวํ อชานโนฺต วา ‘‘เอหาวุโส, คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย ปวิสิสฺสามา’’ติ ภิกฺขุํ คเหตฺวา คนฺตฺวาติ อโตฺถฯ ยํ กิญฺจิ อามิสนฺติ ยาคุอาทิกํ ยํ กิญฺจิ อามิสํฯ อุโยฺยเชยฺยาติ อตฺตโน กีฬานุรูปํ อิตฺถิํ ทิสฺวา อุโยฺยเชยฺย ปหิเณยฺยฯ เตนาห ‘‘มาตุคาเมน สทฺธิ’’นฺติอาทิฯ อาทิสเทฺทน วุตฺตาวเสสํ กายวจีทฺวารวีติกฺกมํ สงฺคณฺหาติฯ ‘‘คจฺฉา’’ติอาทีนิ วตฺวาติ ‘‘คจฺฉาวุโส, น เม ตยา สทฺธิํ กถา วา นิสชฺชา วา ผาสุ โหติ, เอกกสฺส เม กถา วา นิสชฺชา วา ผาสุ โหตี’’ติ (ปาจิ. ๒๗๕) วตฺวาฯ เอตํ อนาจารเมวาติ เอตํ ยถาวุตฺตํ หสนาทิอนาจารเมวฯ น อญฺญํ ปติรูปํ การณนฺติ ฐเปตฺวา วุตฺตปฺปการํ อนาจารํ อุภินฺนํ เอกโต น ยาปนาทิํ อญฺญํ ปติรูปการณํ ปจฺจยํ กริตฺวา น โหตีติ อโตฺถฯ อสฺสาติ อุโยฺยชกสฺสฯ โสติ โย อุโยฺยชิโต, โสฯ
Gāmaṃ vā nigamaṃ vāti ettha nagarampi gāmaggahaṇeneva gahitanti daṭṭhabbaṃ. Pavisissāmāti ettha gahetvā ‘‘gantvā’’ti pāṭhaseso, asamannāhāro vā tassā itthiyā tasmiṃ gāme sannihitabhāvaṃ ajānanto vā ‘‘ehāvuso, gāmaṃ vā nigamaṃ vā piṇḍāya pavisissāmā’’ti bhikkhuṃ gahetvā gantvāti attho. Yaṃ kiñci āmisanti yāguādikaṃ yaṃ kiñci āmisaṃ. Uyyojeyyāti attano kīḷānurūpaṃ itthiṃ disvā uyyojeyya pahiṇeyya. Tenāha ‘‘mātugāmena saddhi’’ntiādi. Ādisaddena vuttāvasesaṃ kāyavacīdvāravītikkamaṃ saṅgaṇhāti. ‘‘Gacchā’’tiādīni vatvāti ‘‘gacchāvuso, na me tayā saddhiṃ kathā vā nisajjā vā phāsu hoti, ekakassa me kathā vā nisajjā vā phāsu hotī’’ti (pāci. 275) vatvā. Etaṃ anācāramevāti etaṃ yathāvuttaṃ hasanādianācārameva. Na aññaṃ patirūpaṃ kāraṇanti ṭhapetvā vuttappakāraṃ anācāraṃ ubhinnaṃ ekato na yāpanādiṃ aññaṃ patirūpakāraṇaṃ paccayaṃ karitvā na hotīti attho. Assāti uyyojakassa. Soti yo uyyojito, so.
อนุปสมฺปเนฺนติ สามเณเรฯ โสว อิธ อนุปสมฺปโนฺนติ อธิเปฺปโตติ วทนฺติฯ อุภินฺนมฺปีติ อุปสมฺปนฺนสฺส วา อนุปสมฺปนฺนสฺส วาติ ทฺวินฺนมฺปิฯ กลิสาสนาโรปเนติ (ปาจิ. อฎฺฐ. ๒๗๗) กลีติ โกโธ, ตสฺส สาสนํ อาณํ กลิสาสนํ , ตสฺสาโรปเนติ อโตฺถ, ‘‘อเปฺปว นาม อิมินาปิ อุพฺพาโฬฺห ปกฺกเมยฺยา’’ติ โกธวเสน ฐานนิสชฺชาทีสุ โทสํ ทเสฺสตฺวา ‘‘ปสฺสถ โภ อิมสฺส ฐานํ นิสชฺชํ อาโลกิตํ วิโลกิตํ, ขาณุ วิย ติฎฺฐติ, สุนโข วิย นิสีทติ, มกฺกโฎ วิย อิโต จิโต จ วิโลเกตี’’ติ เอวํ อมนาปวจนสฺส ภณเนติ วุตฺตํ โหติฯ สุทฺธจิเตฺตน ปเนวํ ภณเน โทโส นตฺถิฯ เอวมาทีหีติ เอตฺถ อาทิสเทฺทน ‘‘มหคฺฆํ ภณฺฑํ ปสฺสิตฺวา โลภธมฺมํ อุปฺปาเทสฺสตี’’ติ อุโยฺยเชติ, ‘‘มาตุคามํ ปสฺสิตฺวา อนภิรติํ อุปฺปาเทสฺสตี’’ติ อุโยฺยเชติ, ‘‘คิลานสฺส วา โอหิยฺยกสฺส วา วิหารปาลสฺส วา ยาคุํ วา ภตฺตํ วา ขาทนียํ วา นีหรา’’ติ อุโยฺยเชติ, ‘‘น อนาจารํ อาจริตุกาโม สติ กรณีเย อุโยฺยเชตี’’ติ (ปาจิ. ๒๗๘) เอเตสํ คหณํฯ
Anupasampanneti sāmaṇere. Sova idha anupasampannoti adhippetoti vadanti. Ubhinnampīti upasampannassa vā anupasampannassa vāti dvinnampi. Kalisāsanāropaneti (pāci. aṭṭha. 277) kalīti kodho, tassa sāsanaṃ āṇaṃ kalisāsanaṃ, tassāropaneti attho, ‘‘appeva nāma imināpi ubbāḷho pakkameyyā’’ti kodhavasena ṭhānanisajjādīsu dosaṃ dassetvā ‘‘passatha bho imassa ṭhānaṃ nisajjaṃ ālokitaṃ vilokitaṃ, khāṇu viya tiṭṭhati, sunakho viya nisīdati, makkaṭo viya ito cito ca viloketī’’ti evaṃ amanāpavacanassa bhaṇaneti vuttaṃ hoti. Suddhacittena panevaṃ bhaṇane doso natthi. Evamādīhīti ettha ādisaddena ‘‘mahagghaṃ bhaṇḍaṃ passitvā lobhadhammaṃ uppādessatī’’ti uyyojeti, ‘‘mātugāmaṃ passitvā anabhiratiṃ uppādessatī’’ti uyyojeti, ‘‘gilānassa vā ohiyyakassa vā vihārapālassa vā yāguṃ vā bhattaṃ vā khādanīyaṃ vā nīharā’’ti uyyojeti, ‘‘na anācāraṃ ācaritukāmo sati karaṇīye uyyojetī’’ti (pāci. 278) etesaṃ gahaṇaṃ.
อุโยฺยชนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Uyyojanasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.