Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) |
๘-๙. วาจาสุตฺตาทิวณฺณนา
8-9. Vācāsuttādivaṇṇanā
๑๙๘-๙. อฎฺฐเม อเงฺคหีติ การเณหิฯ องฺคียนฺติ เหตุภาเวน ญายนฺตีติ องฺคานิ, การณานิฯ การณเตฺถ จ องฺค-สโทฺทฯ ปญฺจหีติ เหตุมฺหิ นิสฺสกฺกวจนํฯ สมนฺนาคตาติ สมนุอาคตา ปวตฺตา ยุตฺตา จฯ วาจาติ สมุลฺลปน-วาจาฯ ยา ‘‘วาจา คิรา พฺยปฺปโถ’’ติ (ธ. ส. ๖๓๖) จ, ‘‘เนลา กณฺณสุขา’’ติ (ที. นิ. ๑.๙) จ อาคจฺฉติฯ ยา ปน ‘‘วาจาย เจ กตํ กมฺม’’นฺติ (ธ. ส. อฎฺฐ. ๑ กายกมฺมทฺวาร) เอวํ วิญฺญตฺติ จ, ‘‘ยา จตูหิ วจีทุจฺจริเตหิ อารติ…เป.… อยํ วุจฺจติ สมฺมาวาจา’’ติ (ธ. ส. ๒๙๙) เอวํ วิรติ จ, ‘‘ผรุสวาจา, ภิกฺขเว, อาเสวิตา ภาวิตา พหุลีกตา นิรยสํวตฺตนิกา โหตี’’ติ (อ. นิ. ๘.๔๐) เอวํ เจตนา จ วาจาติ อาคตา, น สา อิธ อธิเปฺปตาฯ กสฺมา? อภาสิตพฺพโตฯ ‘‘สุภาสิตา โหติ, โน ทุพฺภาสิตา’’ติ หิ วุตฺตํฯ สุภาสิตาติ สุฎฺฐุ ภาสิตาฯ เตนสฺสา อตฺถาวหตํ ทีเปติฯ อนวชฺชาติ ราคาทิอวชฺชรหิตาฯ อิมินาสฺส การณสุทฺธิํ อคติคมนาทิปฺปวตฺตโทสาภาวญฺจ ทีเปติฯ ราคโทสาทิวิมุตฺตญฺหิ ยํ ภาสโต อนุโรธวิวชฺชนโต อคติคมนํ ทุรสมุสฺสิตเมวาติฯ อนนุวชฺชาติ อนุวาทวิมุตฺตาฯ อิมินาสฺสา สพฺพาการสมฺปตฺติํ ทีเปติฯ สติ หิ สพฺพาการสมฺปตฺติยํ อนนุวชฺชตาติฯ วิญฺญูนนฺติ ปณฺฑิตานํฯ เตน นินฺทาปสํสาสุ พาลา อปฺปมาณาติ ทีเปติฯ
198-9. Aṭṭhame aṅgehīti kāraṇehi. Aṅgīyanti hetubhāvena ñāyantīti aṅgāni, kāraṇāni. Kāraṇatthe ca aṅga-saddo. Pañcahīti hetumhi nissakkavacanaṃ. Samannāgatāti samanuāgatā pavattā yuttā ca. Vācāti samullapana-vācā. Yā ‘‘vācā girā byappatho’’ti (dha. sa. 636) ca, ‘‘nelā kaṇṇasukhā’’ti (dī. ni. 1.9) ca āgacchati. Yā pana ‘‘vācāya ce kataṃ kamma’’nti (dha. sa. aṭṭha. 1 kāyakammadvāra) evaṃ viññatti ca, ‘‘yā catūhi vacīduccaritehi ārati…pe… ayaṃ vuccati sammāvācā’’ti (dha. sa. 299) evaṃ virati ca, ‘‘pharusavācā, bhikkhave, āsevitā bhāvitā bahulīkatā nirayasaṃvattanikā hotī’’ti (a. ni. 8.40) evaṃ cetanā ca vācāti āgatā, na sā idha adhippetā. Kasmā? Abhāsitabbato. ‘‘Subhāsitā hoti, no dubbhāsitā’’ti hi vuttaṃ. Subhāsitāti suṭṭhu bhāsitā. Tenassā atthāvahataṃ dīpeti. Anavajjāti rāgādiavajjarahitā. Imināssa kāraṇasuddhiṃ agatigamanādippavattadosābhāvañca dīpeti. Rāgadosādivimuttañhi yaṃ bhāsato anurodhavivajjanato agatigamanaṃ durasamussitamevāti. Ananuvajjāti anuvādavimuttā. Imināssā sabbākārasampattiṃ dīpeti. Sati hi sabbākārasampattiyaṃ ananuvajjatāti. Viññūnanti paṇḍitānaṃ. Tena nindāpasaṃsāsu bālā appamāṇāti dīpeti.
อิเมหิ โขติอาทีนิ ตานิ องฺคานิ ปจฺจกฺขโต ทเสฺสโนฺต ตํ วาจํ นิคเมติฯ ยญฺจ อเญฺญ ปฎิญฺญาทีหิ อวยเวหิ, นามาทีหิ ปเทหิ, ลิงฺควจนวิภตฺติกาลการกสมฺปตฺตีหิ จ สมนฺนาคตํ มุสาวาทาทิวาจมฺปิ สุภาสิตนฺติ มญฺญนฺติ, ตํ ปฎิเสเธติฯ อวยวาทิสมนฺนาคตาปิ หิ ตถารูปี วาจา ทุพฺภาสิตาว โหติ อตฺตโน จ ปเรสญฺจ อนตฺถาวหตฺตาฯ อิเมหิ ปน ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคตา สเจปิ มิลกฺขุภาสาปริยาปนฺนา ฆฎเจฎิกาคีติกปริยาปนฺนาปิ โหติ, ตถาปิ สุภาสิตาว โลกิยโลกุตฺตรหิตสุขาวหตฺตาฯ ตถา หิ มคฺคปเสฺส สสฺสํ รกฺขนฺติยา สีหฬเจฎิกาย สีหฬเกเนว ชาติชรามรณยุตฺตํ คีติกํ คายนฺติยา สทฺทํ สุตฺวา มคฺคํ คจฺฉนฺตา สฎฺฐิมตฺตา วิปสฺสกภิกฺขู อรหตฺตํ ปาปุณิํสุฯ
Imehi khotiādīni tāni aṅgāni paccakkhato dassento taṃ vācaṃ nigameti. Yañca aññe paṭiññādīhi avayavehi, nāmādīhi padehi, liṅgavacanavibhattikālakārakasampattīhi ca samannāgataṃ musāvādādivācampi subhāsitanti maññanti, taṃ paṭisedheti. Avayavādisamannāgatāpi hi tathārūpī vācā dubbhāsitāva hoti attano ca paresañca anatthāvahattā. Imehi pana pañcahaṅgehi samannāgatā sacepi milakkhubhāsāpariyāpannā ghaṭaceṭikāgītikapariyāpannāpi hoti, tathāpi subhāsitāva lokiyalokuttarahitasukhāvahattā. Tathā hi maggapasse sassaṃ rakkhantiyā sīhaḷaceṭikāya sīhaḷakeneva jātijarāmaraṇayuttaṃ gītikaṃ gāyantiyā saddaṃ sutvā maggaṃ gacchantā saṭṭhimattā vipassakabhikkhū arahattaṃ pāpuṇiṃsu.
ตถา ติโสฺส นาม อารทฺธวิปสฺสโก ภิกฺขุ ปทุมสฺสรสมีเปน คจฺฉโนฺต ปทุมสฺสเร ปทุมานิ ภญฺชิตฺวา –
Tathā tisso nāma āraddhavipassako bhikkhu padumassarasamīpena gacchanto padumassare padumāni bhañjitvā –
‘‘ปาโตว ผุลฺลิตโกกนทํ,
‘‘Pātova phullitakokanadaṃ,
สูริยาโลเกน ภิชฺชิยเต;
Sūriyālokena bhijjiyate;
เอวํ มนุสฺสตฺตํ คตา สตฺตา,
Evaṃ manussattaṃ gatā sattā,
ชราภิเวเคน มทฺทียนฺตี’’ติฯ (สํ. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑.๒๑๓; สุ. นิ. อฎฺฐ. ๒.๔๕๒ สุภาสิตสุตฺตวณฺณนา) –
Jarābhivegena maddīyantī’’ti. (saṃ. ni. aṭṭha. 1.1.213; su. ni. aṭṭha. 2.452 subhāsitasuttavaṇṇanā) –
อิมํ คีติํ คายนฺติยา เจฎิกาย สุตฺวา อรหตฺตํ ปโตฺตฯ
Imaṃ gītiṃ gāyantiyā ceṭikāya sutvā arahattaṃ patto.
พุทฺธนฺตเรปิ อญฺญตโร ปุริโส สตฺตหิ ปุเตฺตหิ สทฺธิํ อฎวิโต อาคมฺม อญฺญตราย อิตฺถิยา มุสเลน ตณฺฑุเล โกเฎฺฎนฺติยา –
Buddhantarepi aññataro puriso sattahi puttehi saddhiṃ aṭavito āgamma aññatarāya itthiyā musalena taṇḍule koṭṭentiyā –
‘‘ชราย ปริมทฺทิตํ เอตํ, มิลาตจมฺมนิสฺสิตํ;
‘‘Jarāya parimadditaṃ etaṃ, milātacammanissitaṃ;
มรเณน ภิชฺชติ เอตํ, มจฺจุสฺส ฆาสมามิสํฯ
Maraṇena bhijjati etaṃ, maccussa ghāsamāmisaṃ.
‘‘กิมีนํ อาลยํ เอตํ, นานากุณเปน ปูริตํ;
‘‘Kimīnaṃ ālayaṃ etaṃ, nānākuṇapena pūritaṃ;
อสุจิภาชนํ เอตํ, ตทลิกฺขนฺธสมํ อิท’’นฺติฯ (สํ. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑.๒๑๓; สุ. นิ. อฎฺฐ. ๒.๔๕๒ สุภาสิตสุตฺตวณฺณนา) –
Asucibhājanaṃ etaṃ, tadalikkhandhasamaṃ ida’’nti. (saṃ. ni. aṭṭha. 1.1.213; su. ni. aṭṭha. 2.452 subhāsitasuttavaṇṇanā) –
อิมํ คีตํ สุตฺวา ปจฺจเวกฺขโนฺต สห ปุเตฺตหิ ปเจฺจกโพธิํ ปโตฺตฯ เอวํ อิเมหิ ปญฺจหิ อเงฺคหิ สมนฺนาคตา วาจา สเจปิ มิลกฺขุภาสาย ปริยาปนฺนา ฆฎเจฎิกาคีติกปริยาปนฺนา วาจา โหติ, ตถาปิ สุภาสิตาติ เวทิตพฺพาฯ สุภาสิตา เอว อนวชฺชา อนนุวชฺชา จ วิญฺญูนํ อตฺถตฺถิกานํ กุลปุตฺตานํ อตฺถปฺปฎิสรณานํ, โน พฺยญฺชนปฺปฎิสรณานนฺติฯ นวมํ อุตฺตานเมวฯ
Imaṃ gītaṃ sutvā paccavekkhanto saha puttehi paccekabodhiṃ patto. Evaṃ imehi pañcahi aṅgehi samannāgatā vācā sacepi milakkhubhāsāya pariyāpannā ghaṭaceṭikāgītikapariyāpannā vācā hoti, tathāpi subhāsitāti veditabbā. Subhāsitā eva anavajjā ananuvajjā ca viññūnaṃ atthatthikānaṃ kulaputtānaṃ atthappaṭisaraṇānaṃ, no byañjanappaṭisaraṇānanti. Navamaṃ uttānameva.
วาจาสุตฺตาทิวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Vācāsuttādivaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya
๘. วาจาสุตฺตํ • 8. Vācāsuttaṃ
๙. กุลสุตฺตํ • 9. Kulasuttaṃ