Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๗. วจฺฉโคตฺตสุตฺตํ
7. Vacchagottasuttaṃ
๕๘. อถ โข วจฺฉโคโตฺต 1 ปริพฺพาชโก เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธิํ สโมฺมทิฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข วจฺฉโคโตฺต ปริพฺพาชโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สุตํ เมตํ, โภ โคตม, สมโณ โคตโม เอวมาห – ‘มยฺหเมว ทานํ ทาตพฺพํ , นาเญฺญสํ ทานํ ทาตพฺพํ; มยฺหเมว สาวกานํ ทานํ ทาตพฺพํ, นาเญฺญสํ สาวกานํ ทานํ ทาตพฺพํ; มยฺหเมว ทินฺนํ มหปฺผลํ, นาเญฺญสํ ทินฺนํ มหปฺผลํ; มยฺหเมว สาวกานํ ทินฺนํ มหปฺผลํ, นาเญฺญสํ สาวกานํ ทินฺนํ มหปฺผล’นฺติฯ เย เต, โภ โคตม, เอวมาหํสุ ‘สมโณ โคตโม เอวมาห มยฺหเมว ทานํ ทาตพฺพํ, นาเญฺญสํ ทานํ ทาตพฺพํฯ มยฺหเมว สาวกานํ ทานํ ทาตพฺพํ, นาเญฺญสํ สาวกานํ ทานํ ทาตพฺพํฯ มยฺหเมว ทินฺนํ มหปฺผลํ, นาเญฺญสํ ทินฺนํ มหปฺผลํฯ มยฺหเมว สาวกานํ ทินฺนํ มหปฺผลํ, นาเญฺญสํ สาวกานํ ทินฺนํ มหปฺผล’นฺติฯ กจฺจิ เต โภโต โคตมสฺส วุตฺตวาทิโน จ ภวนฺตํ โคตมํ อภูเตน อพฺภาจิกฺขนฺติ, ธมฺมสฺส จานุธมฺมํ พฺยากโรนฺติ, น จ โกจิ สหธมฺมิโก วาทานุปาโต 2 คารยฺหํ ฐานํ อาคจฺฉติ? อนพฺภกฺขาตุกามา หิ มยํ ภวนฺตํ โคตม’’นฺติฯ
58. Atha kho vacchagotto 3 paribbājako yena bhagavā tenupasaṅkami ; upasaṅkamitvā bhagavatā saddhiṃ sammodi. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho vacchagotto paribbājako bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘sutaṃ metaṃ, bho gotama, samaṇo gotamo evamāha – ‘mayhameva dānaṃ dātabbaṃ , nāññesaṃ dānaṃ dātabbaṃ; mayhameva sāvakānaṃ dānaṃ dātabbaṃ, nāññesaṃ sāvakānaṃ dānaṃ dātabbaṃ; mayhameva dinnaṃ mahapphalaṃ, nāññesaṃ dinnaṃ mahapphalaṃ; mayhameva sāvakānaṃ dinnaṃ mahapphalaṃ, nāññesaṃ sāvakānaṃ dinnaṃ mahapphala’nti. Ye te, bho gotama, evamāhaṃsu ‘samaṇo gotamo evamāha mayhameva dānaṃ dātabbaṃ, nāññesaṃ dānaṃ dātabbaṃ. Mayhameva sāvakānaṃ dānaṃ dātabbaṃ, nāññesaṃ sāvakānaṃ dānaṃ dātabbaṃ. Mayhameva dinnaṃ mahapphalaṃ, nāññesaṃ dinnaṃ mahapphalaṃ. Mayhameva sāvakānaṃ dinnaṃ mahapphalaṃ, nāññesaṃ sāvakānaṃ dinnaṃ mahapphala’nti. Kacci te bhoto gotamassa vuttavādino ca bhavantaṃ gotamaṃ abhūtena abbhācikkhanti, dhammassa cānudhammaṃ byākaronti, na ca koci sahadhammiko vādānupāto 4 gārayhaṃ ṭhānaṃ āgacchati? Anabbhakkhātukāmā hi mayaṃ bhavantaṃ gotama’’nti.
‘‘เย เต, วจฺฉ, เอวมาหํสุ – ‘สมโณ โคตโม เอวมาห – มยฺหเมว ทานํ ทาตพฺพํ…เป.… นาเญฺญสํ สาวกานํ ทินฺนํ มหปฺผล’นฺติ น เม เต วุตฺตวาทิโนฯ อพฺภาจิกฺขนฺติ จ ปน มํ 5 อสตา อภูเตนฯ โย โข, วจฺฉ, ปรํ ทานํ ททนฺตํ วาเรติ โส ติณฺณํ อนฺตรายกโร โหติ, ติณฺณํ ปาริปนฺถิโกฯ กตเมสํ ติณฺณํ? ทายกสฺส ปุญฺญนฺตรายกโร โหติ, ปฎิคฺคาหกานํ ลาภนฺตรายกโร โหติ, ปุเพฺพว โข ปนสฺส อตฺตา ขโต จ โหติ อุปหโต จฯ โย โข, วจฺฉ, ปรํ ทานํ ททนฺตํ วาเรติ โส อิเมสํ ติณฺณํ อนฺตรายกโร โหติ, ติณฺณํ ปาริปนฺถิโกฯ
‘‘Ye te, vaccha, evamāhaṃsu – ‘samaṇo gotamo evamāha – mayhameva dānaṃ dātabbaṃ…pe… nāññesaṃ sāvakānaṃ dinnaṃ mahapphala’nti na me te vuttavādino. Abbhācikkhanti ca pana maṃ 6 asatā abhūtena. Yo kho, vaccha, paraṃ dānaṃ dadantaṃ vāreti so tiṇṇaṃ antarāyakaro hoti, tiṇṇaṃ pāripanthiko. Katamesaṃ tiṇṇaṃ? Dāyakassa puññantarāyakaro hoti, paṭiggāhakānaṃ lābhantarāyakaro hoti, pubbeva kho panassa attā khato ca hoti upahato ca. Yo kho, vaccha, paraṃ dānaṃ dadantaṃ vāreti so imesaṃ tiṇṇaṃ antarāyakaro hoti, tiṇṇaṃ pāripanthiko.
‘‘อหํ โข ปน, วจฺฉ, เอวํ วทามิ – เย หิ เต จนฺทนิกาย วา โอลิคเลฺล วา ปาณา, ตตฺรปิ โย ถาลิโธวนํ 7 วา สราวโธวนํ วา ฉเฑฺฑติ – เย ตตฺถ ปาณา เต เตน ยาเปนฺตูติ, ตโต นิทานมฺปาหํ, วจฺฉ, ปุญฺญสฺส อาคมํ วทามิฯ โก ปน วาโท มนุสฺสภูเต! อปิ จาหํ, วจฺฉ, สีลวโต ทินฺนํ มหปฺผลํ วทามิ, โน ตถา ทุสฺสีลสฺส, โส จ โหติ ปญฺจงฺควิปฺปหีโน ปญฺจงฺคสมนฺนาคโตฯ
‘‘Ahaṃ kho pana, vaccha, evaṃ vadāmi – ye hi te candanikāya vā oligalle vā pāṇā, tatrapi yo thālidhovanaṃ 8 vā sarāvadhovanaṃ vā chaḍḍeti – ye tattha pāṇā te tena yāpentūti, tato nidānampāhaṃ, vaccha, puññassa āgamaṃ vadāmi. Ko pana vādo manussabhūte! Api cāhaṃ, vaccha, sīlavato dinnaṃ mahapphalaṃ vadāmi, no tathā dussīlassa, so ca hoti pañcaṅgavippahīno pañcaṅgasamannāgato.
‘‘กตมานิ ปญฺจงฺคานิ ปหีนานิ โหนฺติ? กามจฺฉโนฺท ปหีโน โหติ, พฺยาปาโท ปหีโน โหติ , ถินมิทฺธํ ปหีนํ โหติ, อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหีนํ โหติ, วิจิกิจฺฉา ปหีนา โหติฯ อิมานิ ปญฺจงฺคานิ วิปฺปหีนานิ โหนฺติฯ
‘‘Katamāni pañcaṅgāni pahīnāni honti? Kāmacchando pahīno hoti, byāpādo pahīno hoti , thinamiddhaṃ pahīnaṃ hoti, uddhaccakukkuccaṃ pahīnaṃ hoti, vicikicchā pahīnā hoti. Imāni pañcaṅgāni vippahīnāni honti.
‘‘กตเมหิ ปญฺจหิ อเงฺคหิ สมนฺนาคโต โหติ? อเสเกฺขน สีลกฺขเนฺธน สมนฺนาคโต โหติ, อเสเกฺขน สมาธิกฺขเนฺธน สมนฺนาคโต โหติ, อเสเกฺขน ปญฺญากฺขเนฺธน สมนฺนาคโต โหติ, อเสเกฺขน วิมุตฺติกฺขเนฺธน สมนฺนาคโต โหติ, อเสเกฺขน วิมุตฺติญาณทสฺสนกฺขเนฺธน สมนฺนาคโต โหติ; อิเมหิ ปญฺจหิ อเงฺคหิ สมนฺนาคโต โหติฯ อิติ ปญฺจงฺควิปฺปหีเน ปญฺจงฺคสมนฺนาคเต ทินฺนํ มหปฺผลนฺติ วทามี’’ติฯ
‘‘Katamehi pañcahi aṅgehi samannāgato hoti? Asekkhena sīlakkhandhena samannāgato hoti, asekkhena samādhikkhandhena samannāgato hoti, asekkhena paññākkhandhena samannāgato hoti, asekkhena vimuttikkhandhena samannāgato hoti, asekkhena vimuttiñāṇadassanakkhandhena samannāgato hoti; imehi pañcahi aṅgehi samannāgato hoti. Iti pañcaṅgavippahīne pañcaṅgasamannāgate dinnaṃ mahapphalanti vadāmī’’ti.
‘‘อิติ กณฺหาสุ เสตาสุ, โรหิณีสุ หรีสุ วา;
‘‘Iti kaṇhāsu setāsu, rohiṇīsu harīsu vā;
กมฺมาสาสุ สรูปาสุ, โคสุ ปาเรวตาสุ วาฯ
Kammāsāsu sarūpāsu, gosu pārevatāsu vā.
‘‘ยาสุ กาสุจิ เอตาสุ, ทโนฺต ชายติ ปุงฺคโว;
‘‘Yāsu kāsuci etāsu, danto jāyati puṅgavo;
โธรโยฺห พลสมฺปโนฺน, กลฺยาณชวนิกฺกโม;
Dhorayho balasampanno, kalyāṇajavanikkamo;
ตเมว ภาเร ยุญฺชนฺติ, นาสฺส วณฺณํ ปริกฺขเรฯ
Tameva bhāre yuñjanti, nāssa vaṇṇaṃ parikkhare.
‘‘เอวเมวํ มนุเสฺสสุ, ยสฺมิํ กสฺมิญฺจิ ชาติเย;
‘‘Evamevaṃ manussesu, yasmiṃ kasmiñci jātiye;
ขตฺติเย พฺราหฺมเณ เวเสฺส, สุเทฺท จณฺฑาลปุกฺกุเสฯ
Khattiye brāhmaṇe vesse, sudde caṇḍālapukkuse.
‘‘ยาสุ กาสุจิ เอตาสุ, ทโนฺต ชายติ สุพฺพโต;
‘‘Yāsu kāsuci etāsu, danto jāyati subbato;
ธมฺมโฎฺฐ สีลสมฺปโนฺน, สจฺจวาที หิรีมโนฯ
Dhammaṭṭho sīlasampanno, saccavādī hirīmano.
‘‘ปหีนชาติมรโณ, พฺรหฺมจริยสฺส เกวลี;
‘‘Pahīnajātimaraṇo, brahmacariyassa kevalī;
ปนฺนภาโร วิสํยุโตฺต, กตกิโจฺจ อนาสโวฯ
Pannabhāro visaṃyutto, katakicco anāsavo.
‘‘ปารคู สพฺพธมฺมานํ, อนุปาทาย นิพฺพุโต;
‘‘Pāragū sabbadhammānaṃ, anupādāya nibbuto;
‘‘พาลา จ อวิชานนฺตา, ทุเมฺมธา อสฺสุตาวิโน;
‘‘Bālā ca avijānantā, dummedhā assutāvino;
พหิทฺธา เทนฺติ ทานานิ, น หิ สเนฺต อุปาสเรฯ
Bahiddhā denti dānāni, na hi sante upāsare.
‘‘เย จ สเนฺต อุปาสนฺติ, สปฺปเญฺญ ธีรสมฺมเต;
‘‘Ye ca sante upāsanti, sappaññe dhīrasammate;
สทฺธา จ เนสํ สุคเต, มูลชาตา ปติฎฺฐิตาฯ
Saddhā ca nesaṃ sugate, mūlajātā patiṭṭhitā.
‘‘เทวโลกญฺจ เต ยนฺติ, กุเล วา อิธ ชายเร;
‘‘Devalokañca te yanti, kule vā idha jāyare;
อนุปุเพฺพน นิพฺพานํ, อธิคจฺฉนฺติ ปณฺฑิตา’’ติฯ สตฺตมํ;
Anupubbena nibbānaṃ, adhigacchanti paṇḍitā’’ti. sattamaṃ;
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๗. วจฺฉโคตฺตสุตฺตวณฺณนา • 7. Vacchagottasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๗. วจฺฉโคตฺตสุตฺตวณฺณนา • 7. Vacchagottasuttavaṇṇanā