Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๒๓๕] ๕. วจฺฉนขชาตกวณฺณนา
[235] 5. Vacchanakhajātakavaṇṇanā
สุขา ฆรา วจฺฉนขาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต โรชมลฺลํ อารพฺภ กเถสิฯ โส กิรายสฺมโต อานนฺทสฺส คิหิสหาโยฯ โส เอกทิวสํ อาคมนตฺถาย เถรสฺส สาสนํ ปาเหสิ, เถโร สตฺถารํ อาปุจฺฉิตฺวา อคมาสิฯ โส เถรํ นานคฺครสโภชนํ โภเชตฺวา เอกมนฺตํ นิสิโนฺน เถเรน สทฺธิํ ปฎิสนฺถารํ กตฺวา เถรํ คิหิโภเคหิ ปญฺจหิ กามคุเณหิ นิมเนฺตโนฺต ‘‘ภเนฺต อานนฺท, มม เคเห ปหูตํ สวิญฺญาณกอวิญฺญาณกรตนํ, อิทํ มเชฺฌ ภินฺทิตฺวา ตุยฺหํ ทมฺมิ, เอหิ อุโภ อคารํ อชฺฌาวสามา’’ติฯ เถโร ตสฺส กามคุเณสุ อาทีนวํ กเถตฺวา อุฎฺฐายาสนา วิหารํ คนฺตฺวา ‘‘ทิโฎฺฐ เต, อานนฺท, โรโช’’ติ สตฺถารา ปุจฺฉิโต ‘‘อาม, ภเนฺต’’ติ วตฺวา ‘‘กิมสฺส กเถสี’’ติ วุเตฺต ‘‘ภเนฺต, มํ โรโช ฆราวาเสน นิมเนฺตสิ, อถสฺสาหํ ฆราวาเส เจว กามคุเณสุ จ อาทีนวํ กเถสิ’’นฺติฯ สตฺถา ‘‘น โข, อานนฺท, โรโช มโลฺล อิทาเนว ปพฺพชิเต ฆราวาเสน นิมเนฺตสิ, ปุเพฺพปิ นิมเนฺตสิเยวา’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ
Sukhāgharā vacchanakhāti idaṃ satthā jetavane viharanto rojamallaṃ ārabbha kathesi. So kirāyasmato ānandassa gihisahāyo. So ekadivasaṃ āgamanatthāya therassa sāsanaṃ pāhesi, thero satthāraṃ āpucchitvā agamāsi. So theraṃ nānaggarasabhojanaṃ bhojetvā ekamantaṃ nisinno therena saddhiṃ paṭisanthāraṃ katvā theraṃ gihibhogehi pañcahi kāmaguṇehi nimantento ‘‘bhante ānanda, mama gehe pahūtaṃ saviññāṇakaaviññāṇakaratanaṃ, idaṃ majjhe bhinditvā tuyhaṃ dammi, ehi ubho agāraṃ ajjhāvasāmā’’ti. Thero tassa kāmaguṇesu ādīnavaṃ kathetvā uṭṭhāyāsanā vihāraṃ gantvā ‘‘diṭṭho te, ānanda, rojo’’ti satthārā pucchito ‘‘āma, bhante’’ti vatvā ‘‘kimassa kathesī’’ti vutte ‘‘bhante, maṃ rojo gharāvāsena nimantesi, athassāhaṃ gharāvāse ceva kāmaguṇesu ca ādīnavaṃ kathesi’’nti. Satthā ‘‘na kho, ānanda, rojo mallo idāneva pabbajite gharāvāsena nimantesi, pubbepi nimantesiyevā’’ti vatvā tena yācito atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต อญฺญตรสฺมิํ นิคมคาเม พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา หิมวนฺตปเทเส จิรํ วสิตฺวา โลณมฺพิลเสวนตฺถาย พาราณสิํ ปตฺวา ราชุยฺยาเน วสิตฺวา ปุนทิวเส พาราณสิํ ปาวิสิฯ อถสฺส พาราณสิเสฎฺฐิ อาจารวิหาเร ปสีทิตฺวา เคหํ เนตฺวา โภเชตฺวา อุยฺยาเน วสนตฺถาย ปฎิญฺญํ คเหตฺวา ตํ ปฎิชคฺคโนฺต อุยฺยาเน วสาเปสิฯ เต อญฺญมญฺญํ อุปฺปนฺนสิเนหา อเหสุํฯ
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto aññatarasmiṃ nigamagāme brāhmaṇakule nibbattitvā vayappatto isipabbajjaṃ pabbajitvā himavantapadese ciraṃ vasitvā loṇambilasevanatthāya bārāṇasiṃ patvā rājuyyāne vasitvā punadivase bārāṇasiṃ pāvisi. Athassa bārāṇasiseṭṭhi ācāravihāre pasīditvā gehaṃ netvā bhojetvā uyyāne vasanatthāya paṭiññaṃ gahetvā taṃ paṭijagganto uyyāne vasāpesi. Te aññamaññaṃ uppannasinehā ahesuṃ.
อเถกทิวสํ พาราณสิเสฎฺฐิ โพธิสเตฺต เปมวิสฺสาสวเสน เอวํ จิเนฺตสิ – ‘‘ปพฺพชฺชา นาม ทุกฺขา, มม สหายํ วจฺฉนขปริพฺพาชกํ อุปฺปพฺพาเชตฺวา สพฺพํ วิภวํ มเชฺฌ ภินฺทิตฺวา ตสฺส ทตฺวา เทฺวปิ สมคฺควาสํ วสิสฺสามา’’ติฯ โส เอกทิวสํ ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน เตน สทฺธิํ มธุรปฎิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘ภเนฺต วจฺฉนข, ปพฺพชฺชา นาม ทุกฺขา, สุโข ฆราวาโส, เอหิ อุโภ สมคฺคา กาเม ปริภุญฺชนฺตา วสามา’’ติ วตฺวา ปฐมํ คาถมาห –
Athekadivasaṃ bārāṇasiseṭṭhi bodhisatte pemavissāsavasena evaṃ cintesi – ‘‘pabbajjā nāma dukkhā, mama sahāyaṃ vacchanakhaparibbājakaṃ uppabbājetvā sabbaṃ vibhavaṃ majjhe bhinditvā tassa datvā dvepi samaggavāsaṃ vasissāmā’’ti. So ekadivasaṃ bhattakiccapariyosāne tena saddhiṃ madhurapaṭisanthāraṃ katvā ‘‘bhante vacchanakha, pabbajjā nāma dukkhā, sukho gharāvāso, ehi ubho samaggā kāme paribhuñjantā vasāmā’’ti vatvā paṭhamaṃ gāthamāha –
๑๖๙.
169.
‘‘สุขา ฆรา วจฺฉนข, สหิรญฺญา สโภชนา;
‘‘Sukhā gharā vacchanakha, sahiraññā sabhojanā;
ยตฺถ ภุตฺวา ปิวิตฺวา จ, สเยยฺยาถ อนุสฺสุโก’’ติฯ
Yattha bhutvā pivitvā ca, sayeyyātha anussuko’’ti.
ตตฺถ สหิรญฺญาติ สตฺตรตนสมฺปนฺนาฯ สโภชนาติ พหุขาทนียโภชนียาฯ ยตฺถ ภุตฺวา ปิวิตฺวา จาติ เยสุ สหิรญฺญโภชเนสุ ฆเรสุ นานคฺครสานิ โภชนานิ ปริภุญฺชิตฺวา นานาปานานิ จ ปิวิตฺวาฯ สเยยฺยาถ อนุสฺสุโกติ เยสุ อลงฺกตสิริสยนปิเฎฺฐ อนุสฺสุโก หุตฺวา สเยยฺยาสิ, เต ฆรา นาม อติวิย สุขาติฯ
Tattha sahiraññāti sattaratanasampannā. Sabhojanāti bahukhādanīyabhojanīyā. Yattha bhutvā pivitvā cāti yesu sahiraññabhojanesu gharesu nānaggarasāni bhojanāni paribhuñjitvā nānāpānāni ca pivitvā. Sayeyyātha anussukoti yesu alaṅkatasirisayanapiṭṭhe anussuko hutvā sayeyyāsi, te gharā nāma ativiya sukhāti.
อถสฺส ตํ สุตฺวา โพธิสโตฺต ‘‘มหาเสฎฺฐิ, ตฺวํ อญฺญาณตาย กามคิโทฺธ หุตฺวา ฆราวาสสฺส คุณํ, ปพฺพชฺชาย จ อคุณํ กเถสิ, ฆราวาสสฺส เต อคุณํ กเถสฺสามิ, สุณาหิ ทานี’’ติ วตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
Athassa taṃ sutvā bodhisatto ‘‘mahāseṭṭhi, tvaṃ aññāṇatāya kāmagiddho hutvā gharāvāsassa guṇaṃ, pabbajjāya ca aguṇaṃ kathesi, gharāvāsassa te aguṇaṃ kathessāmi, suṇāhi dānī’’ti vatvā dutiyaṃ gāthamāha –
๑๗๐.
170.
‘‘ฆรา นานีหมานสฺส, ฆรา นาภณโต มุสา;
‘‘Gharā nānīhamānassa, gharā nābhaṇato musā;
ฆรา นาทินฺนทณฺฑสฺส, ปเรสํ อนิกุพฺพโต;
Gharā nādinnadaṇḍassa, paresaṃ anikubbato;
เอวํ ฉิทฺทํ ทุรภิสมฺภวํ, โก ฆรํ ปฎิปชฺชตี’’ติฯ
Evaṃ chiddaṃ durabhisambhavaṃ, ko gharaṃ paṭipajjatī’’ti.
ตตฺถ ฆรา นานีหมานสฺสาติ นิจฺจกาลํ กสิโครกฺขาทิกรเณน อนีหมานสฺส อวายมนฺตสฺส ฆรา นาม นตฺถิ, ฆราวาโส น ปติฎฺฐาตีติ อโตฺถฯ ฆรา นาภณโต มุสาติ เขตฺตวตฺถุหิรญฺญสุวณฺณาทีนํ อตฺถาย อมุสาภณโตปิ ฆรา นาม นตฺถิฯ ฆรา นาทินฺนทณฺฑสฺส, ปเรสํ อนิกุพฺพโตติ นาทินฺนทณฺฑสฺสาติ อคฺคหิตทณฺฑสฺส, นิกฺขิตฺตทณฺฑสฺส ปเรสํ อนิกุพฺพโต ฆรา นาม นตฺถิฯ โย ปน อาทินฺนทโณฺฑ หุตฺวา ปเรสํ ทาสกมฺมกราทีนํ ตสฺมิํ ตสฺมิํ อปราเธ อปราธานุรูปํ วธพนฺธนเฉทนตาฬนาทิวเสน กโรติ, ตเสฺสว ฆราวาโส สณฺฐหตีติ อโตฺถฯ เอวํ ฉิทฺทํ ทุรภิสมฺภวํ, โก ฆรํ ปฎิปชฺชตีติ ตํ ทานิ เอวํ เอเตสํ อีหนาทีนํ อกรเณ สติ ตาย ตาย ปริหานิยา ฉิทฺทํ กรเณปิ สติ นิจฺจเมว กาตพฺพโต ทุรภิสมฺภวํ ทุราราธนียํ, นิจฺจํ กโรนฺตสฺสปิ วา ทุรภิสมฺภวเมว ทุปฺปูรํ ฆราวาสํ ‘‘อหํ นิปฺปริตโสฺส หุตฺวา อชฺฌาวสิสฺสามี’’ติ โก ปฎิปชฺชตีติฯ
Tattha gharā nānīhamānassāti niccakālaṃ kasigorakkhādikaraṇena anīhamānassa avāyamantassa gharā nāma natthi, gharāvāso na patiṭṭhātīti attho. Gharā nābhaṇato musāti khettavatthuhiraññasuvaṇṇādīnaṃ atthāya amusābhaṇatopi gharā nāma natthi. Gharā nādinnadaṇḍassa, paresaṃ anikubbatoti nādinnadaṇḍassāti aggahitadaṇḍassa, nikkhittadaṇḍassa paresaṃ anikubbato gharā nāma natthi. Yo pana ādinnadaṇḍo hutvā paresaṃ dāsakammakarādīnaṃ tasmiṃ tasmiṃ aparādhe aparādhānurūpaṃ vadhabandhanachedanatāḷanādivasena karoti, tasseva gharāvāso saṇṭhahatīti attho. Evaṃ chiddaṃ durabhisambhavaṃ, ko gharaṃ paṭipajjatīti taṃ dāni evaṃ etesaṃ īhanādīnaṃ akaraṇe sati tāya tāya parihāniyā chiddaṃ karaṇepi sati niccameva kātabbato durabhisambhavaṃ durārādhanīyaṃ, niccaṃ karontassapi vā durabhisambhavameva duppūraṃ gharāvāsaṃ ‘‘ahaṃ nipparitasso hutvā ajjhāvasissāmī’’ti ko paṭipajjatīti.
เอวํ มหาสโตฺต ฆราวาสสฺส โทสํ กเถตฺวา อุยฺยานเมว อคมาสิฯ
Evaṃ mahāsatto gharāvāsassa dosaṃ kathetvā uyyānameva agamāsi.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา พาราณสิเสฎฺฐิ โรโช มโลฺล อโหสิ, วจฺฉนขปริพฺพาชโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā bārāṇasiseṭṭhi rojo mallo ahosi, vacchanakhaparibbājako pana ahameva ahosi’’nti.
วจฺฉนขชาตกวณฺณนา ปญฺจมาฯ
Vacchanakhajātakavaṇṇanā pañcamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๒๓๕. วจฺฉนขชาตกํ • 235. Vacchanakhajātakaṃ