Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรีคาถา-อฎฺฐกถา • Therīgāthā-aṭṭhakathā

    ๙. นวกนิปาโต

    9. Navakanipāto

    ๑. วฑฺฒมาตุเถรีคาถาวณฺณนา

    1. Vaḍḍhamātutherīgāthāvaṇṇanā

    นวกนิปาเต มา สุ เต วฑฺฒ โลกมฺหีติอาทิกา วฑฺฒมาตาย เถริยา คาถาฯ อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิการา ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฎฺฎูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺตี, อนุกฺกเมน สมฺภตวิโมกฺขสมฺภารา หุตฺวา อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท ภารุกจฺฉกนคเร กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺตา ปติกุลํ คตา เอกํ ปุตฺตํ วิชายิฯ ตสฺส วโฑฺฒติ นามํ อโหสิฯ ตโต ปฎฺฐาย สา วฑฺฒมาตาติ โวหรียิตฺถฯ สา ภิกฺขูนํ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฎิลทฺธสทฺธา ปุตฺตํ ญาตีนํ นิยฺยาเทตฺวา ภิกฺขุนุปสฺสยํ คนฺตฺวา ปพฺพชิฯ อิโต ปรํ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ วฑฺฒเตฺถรสฺส วตฺถุมฺหิ (เถรคา. อฎฺฐ. ๒.วฑฺฒเตฺถรคาถาวณฺณนา) อาคตเมวฯ วฑฺฒเตฺถรญฺหิ อตฺตโน ปุตฺตํ สนฺตรุตฺตรํ เอกกํ ภิกฺขุนุปสฺสเย อตฺตโน ทสฺสนตฺถาย อุปคตํ อยํ เถรี ‘‘กสฺมา ตฺวํ เอกโก สนฺตรุตฺตโรว อิธาคโต’’ติ โจเทตฺวา โอวทนฺตี –

    Navakanipāte mā su te vaḍḍha lokamhītiādikā vaḍḍhamātāya theriyā gāthā. Ayampi purimabuddhesu katādhikārā tattha tattha bhave vivaṭṭūpanissayaṃ kusalaṃ upacinantī, anukkamena sambhatavimokkhasambhārā hutvā imasmiṃ buddhuppāde bhārukacchakanagare kulagehe nibbattitvā vayappattā patikulaṃ gatā ekaṃ puttaṃ vijāyi. Tassa vaḍḍhoti nāmaṃ ahosi. Tato paṭṭhāya sā vaḍḍhamātāti voharīyittha. Sā bhikkhūnaṃ santike dhammaṃ sutvā paṭiladdhasaddhā puttaṃ ñātīnaṃ niyyādetvā bhikkhunupassayaṃ gantvā pabbaji. Ito paraṃ yaṃ vattabbaṃ, taṃ vaḍḍhattherassa vatthumhi (theragā. aṭṭha. 2.vaḍḍhattheragāthāvaṇṇanā) āgatameva. Vaḍḍhattherañhi attano puttaṃ santaruttaraṃ ekakaṃ bhikkhunupassaye attano dassanatthāya upagataṃ ayaṃ therī ‘‘kasmā tvaṃ ekako santaruttarova idhāgato’’ti codetvā ovadantī –

    ๒๐๔.

    204.

    ‘‘มา สุ เต วฑฺฒ โลกมฺหิ, วนโถ อหุ กุทาจนํ;

    ‘‘Mā su te vaḍḍha lokamhi, vanatho ahu kudācanaṃ;

    มา ปุตฺตก ปุนปฺปุนํ, อหุ ทุกฺขสฺส ภาคิมาฯ

    Mā puttaka punappunaṃ, ahu dukkhassa bhāgimā.

    ๒๐๕.

    205.

    ‘‘สุขญฺหิ วฑฺฒ มุนโย, อเนชา ฉินฺนสํสยา;

    ‘‘Sukhañhi vaḍḍha munayo, anejā chinnasaṃsayā;

    สีติภูตา ทมปฺปตฺตา, วิหรนฺติ อนาสวาฯ

    Sītibhūtā damappattā, viharanti anāsavā.

    ๒๐๖.

    206.

    ‘‘เตหานุจิณฺณํ อิสีหิ, มคฺคํ ทสฺสนปตฺติยา;

    ‘‘Tehānuciṇṇaṃ isīhi, maggaṃ dassanapattiyā;

    ทุกฺขสฺสนฺตกิริยาย, ตฺวํ วฑฺฒ อนุพฺรูหยา’’ติฯ –

    Dukkhassantakiriyāya, tvaṃ vaḍḍha anubrūhayā’’ti. –

    อิมา ติโสฺส คาถา อภาสิฯ

    Imā tisso gāthā abhāsi.

    ตตฺถ มา สุ เต วฑฺฒ โลกมฺหิ, วนโถ อหุ กุทาจนนฺติ สูติ นิปาตมตฺตํฯ วฑฺฒ, ปุตฺตก, สพฺพสฺมิมฺปิ สตฺตโลเก, สงฺขารโลเก จ กิเลสวนโถ ตุยฺหํ กทาจิปิ มา อหุ มา อโหสิ ฯ ตตฺถ การณมาห – ‘‘มา, ปุตฺตก, ปุนปฺปุนํ, อหุ ทุกฺขสฺส ภาคิมา’’ติ วนถํ อนุจฺฉินฺทโนฺต ตํ นิมิตฺตสฺส ปุนปฺปุนํ อปราปรํ ชาติอาทิทุกฺขสฺส ภาคี มา อโหสิฯ

    Tattha mā su te vaḍḍha lokamhi, vanatho ahu kudācananti ti nipātamattaṃ. Vaḍḍha, puttaka, sabbasmimpi sattaloke, saṅkhāraloke ca kilesavanatho tuyhaṃ kadācipi mā ahu mā ahosi . Tattha kāraṇamāha – ‘‘mā, puttaka, punappunaṃ, ahu dukkhassa bhāgimā’’ti vanathaṃ anucchindanto taṃ nimittassa punappunaṃ aparāparaṃ jātiādidukkhassa bhāgī mā ahosi.

    เอวํ วนถสฺส อสมุเจฺฉเท อาทีนวํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ สมุเจฺฉเท อานิสํสํ ทเสฺสนฺตี ‘‘สุขญฺหิ วฑฺฒา’’ติอาทิมาหฯ ตสฺสโตฺถ – ปุตฺตก, วฑฺฒ โมเนยฺยธมฺมสมนฺนาคเตน มุนโย, เอชาสงฺขาตาย ตณฺหาย อภาเวน อเนชา, ทสฺสนมเคฺคเนว ปหีนวิจิกิจฺฉตาย ฉินฺนสํสยา, สพฺพกิเลสปริฬาหาภาเวน สีติภูตา, อุตฺตมสฺส ทมถสฺส อธิคตตฺตา ทมปฺปตฺตา อนาสวา ขีณาสวา สุขํ วิหรนฺติ, น เตสํ เอตรหิ เจโตทุกฺขํ อตฺถิ, อายติํ ปน สพฺพมฺปิ ทุกฺขํ น ภวิสฺสเตวฯ

    Evaṃ vanathassa asamucchede ādīnavaṃ dassetvā idāni samucchede ānisaṃsaṃ dassentī ‘‘sukhañhivaḍḍhā’’tiādimāha. Tassattho – puttaka, vaḍḍha moneyyadhammasamannāgatena munayo, ejāsaṅkhātāya taṇhāya abhāvena anejā, dassanamaggeneva pahīnavicikicchatāya chinnasaṃsayā, sabbakilesapariḷāhābhāvena sītibhūtā, uttamassa damathassa adhigatattā damappattā anāsavā khīṇāsavā sukhaṃ viharanti, na tesaṃ etarahi cetodukkhaṃ atthi, āyatiṃ pana sabbampi dukkhaṃ na bhavissateva.

    ยสฺมา เจเตวํ, ตสฺมา เตหานุจิณฺณํ อิสีหิ…เป.… อนุพฺรูหยาติ เตหิ ขีณาสเวหิ อิสีหิ อนุจิณฺณํ ปฎิปนฺนํ สมถวิปสฺสนามคฺคํ ญาณทสฺสนสฺส อธิคมาย สกลสฺสาปิ วฎฺฎทุกฺขสฺส อนฺตกิริยาย วฑฺฒ, ตฺวํ อนุพฺรูหย วเฑฺฒยฺยาสีติฯ

    Yasmā cetevaṃ, tasmā tehānuciṇṇaṃ isīhi…pe… anubrūhayāti tehi khīṇāsavehi isīhi anuciṇṇaṃ paṭipannaṃ samathavipassanāmaggaṃ ñāṇadassanassa adhigamāya sakalassāpi vaṭṭadukkhassa antakiriyāya vaḍḍha, tvaṃ anubrūhaya vaḍḍheyyāsīti.

    ตํ สุตฺวา วฑฺฒเตฺถโร ‘‘อทฺธา มม มาตา อรหเตฺต ปติฎฺฐิตา’’ติ จิเนฺตตฺวา ตมตฺถํ ปเวเทโนฺต –

    Taṃ sutvā vaḍḍhatthero ‘‘addhā mama mātā arahatte patiṭṭhitā’’ti cintetvā tamatthaṃ pavedento –

    ๒๐๗.

    207.

    ‘‘วิสารทาว ภณสิ, เอตมตฺถํ ชเนตฺติ เม;

    ‘‘Visāradāva bhaṇasi, etamatthaṃ janetti me;

    มญฺญามิ นูน มามิเก, วนโถ เต น วิชฺชตี’’ติฯ – คาถมาห;

    Maññāmi nūna māmike, vanatho te na vijjatī’’ti. – gāthamāha;

    ตตฺถ วิสารทาว ภณสิ, เอตมตฺถํ ชเนตฺติ เมติ ‘‘มา สุ เต วฑฺฒ โลกมฺหิ, วนโถ อหุ กุทาจน’’นฺติ เอตมตฺถํ เอตํ โอวาทํ, อมฺม, วิคตสารชฺชา กตฺถจิ อลคฺคา อนลฺลีนาว หุตฺวา มยฺหํ วทสิฯ ตสฺมา มญฺญามิ นูน มามิเก, วนโถ เต น วิชฺชตีติ, นูน มามิเก มยฺหํ, อมฺม, เคหสิตเปมมโตฺตปิ วนโถ ตุยฺหํ มยิ น วิชฺชตีติ มญฺญามิ, น มามิกาติ อโตฺถฯ

    Tattha visāradāva bhaṇasi, etamatthaṃ janetti meti ‘‘mā su te vaḍḍha lokamhi, vanatho ahu kudācana’’nti etamatthaṃ etaṃ ovādaṃ, amma, vigatasārajjā katthaci alaggā anallīnāva hutvā mayhaṃ vadasi. Tasmā maññāmi nūna māmike, vanatho te na vijjatīti, nūna māmike mayhaṃ, amma, gehasitapemamattopi vanatho tuyhaṃ mayi na vijjatīti maññāmi, na māmikāti attho.

    ตํ สุตฺวา เถรี ‘‘อณุมโตฺตปิ กิเลโส กตฺถจิปิ วิสเย มม น วิชฺชตี’’ติ วตฺวา อตฺตโน กตกิจฺจตํ ปกาเสนฺตี –

    Taṃ sutvā therī ‘‘aṇumattopi kileso katthacipi visaye mama na vijjatī’’ti vatvā attano katakiccataṃ pakāsentī –

    ๒๐๘.

    208.

    ‘‘เย เกจิ วฑฺฒ สงฺขารา, หีนา อุกฺกฎฺฐมชฺฌิมา;

    ‘‘Ye keci vaḍḍha saṅkhārā, hīnā ukkaṭṭhamajjhimā;

    อณูปิ อณุมโตฺตปิ, วนโถ เม น วิชฺชติฯ

    Aṇūpi aṇumattopi, vanatho me na vijjati.

    ๒๐๙.

    209.

    ‘‘สเพฺพ เม อาสวา ขีณา, อปฺปมตฺตสฺส ฌายโต;

    ‘‘Sabbe me āsavā khīṇā, appamattassa jhāyato;

    ติโสฺส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ –

    Tisso vijjā anuppattā, kataṃ buddhassa sāsana’’nti. –

    อิมํ คาถาทฺวยมาหฯ

    Imaṃ gāthādvayamāha.

    ตตฺถ เย เกจีติ อนิยมวจนํฯ สงฺขาราติ สงฺขตธมฺมาฯ หีนาติ ลามกา ปติกุฎฺฐาฯ อุกฺกฎฺฐมชฺฌิมาติ ปณีตา เจว มชฺฌิมา จฯ เตสุ วา อสงฺขตา หีนา ชาติสงฺขตา อุกฺกฎฺฐา, อุภยวิมิสฺสิตา มชฺฌิมาฯ หีเนหิ วา ฉนฺทาทีหิ นิพฺพตฺติตา หีนา, มชฺฌิเมหิ มชฺฌิมา, ปณีเตหิ อุกฺกฎฺฐาฯ อกุสลา ธมฺมา วา หีนา, โลกุตฺตรา ธมฺมา อุกฺกฎฺฐา, อิตรา มชฺฌิมาฯ อณูปิ อณุมโตฺตปีติ น เกวลํ ตยิ เอว, อถ โข เย เกจิ หีนาทิเภทภินฺนา สงฺขาราฯ เตสุ สเพฺพสุ อณูปิ อณุมโตฺตปิ อติปริตฺตโกปิ วนโถ มยฺหํ น วิชฺชติฯ

    Tattha ye kecīti aniyamavacanaṃ. Saṅkhārāti saṅkhatadhammā. Hīnāti lāmakā patikuṭṭhā. Ukkaṭṭhamajjhimāti paṇītā ceva majjhimā ca. Tesu vā asaṅkhatā hīnā jātisaṅkhatā ukkaṭṭhā, ubhayavimissitā majjhimā. Hīnehi vā chandādīhi nibbattitā hīnā, majjhimehi majjhimā, paṇītehi ukkaṭṭhā. Akusalā dhammā vā hīnā, lokuttarā dhammā ukkaṭṭhā, itarā majjhimā. Aṇūpi aṇumattopīti na kevalaṃ tayi eva, atha kho ye keci hīnādibhedabhinnā saṅkhārā. Tesu sabbesu aṇūpi aṇumattopi atiparittakopi vanatho mayhaṃ na vijjati.

    ตตฺถ การณมาห – ‘‘สเพฺพ เม อาสวา ขีณา, อปฺปมตฺตสฺส ฌายโต’’ติฯ ตตฺถ อปฺปมตฺตสฺส ฌายโตติ อปฺปมตฺตาย ฌายนฺติยา, ลิงฺควิปลฺลาเสน เหตํ วุตฺตํฯ เอตฺถ จ ยสฺมา ติโสฺส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, ตสฺมา กตํ พุทฺธสฺส สาสนํฯ ยสฺมา อปฺปมตฺตา ฌายินี, ตสฺมา สเพฺพ เม อาสวา ขีณา, อณูปิ อณุมโตฺตปิ วนโถ เม น วิชฺชตีติ โยชนาฯ

    Tattha kāraṇamāha – ‘‘sabbe me āsavā khīṇā, appamattassa jhāyato’’ti. Tattha appamattassa jhāyatoti appamattāya jhāyantiyā, liṅgavipallāsena hetaṃ vuttaṃ. Ettha ca yasmā tisso vijjā anuppattā, tasmā kataṃ buddhassa sāsanaṃ. Yasmā appamattā jhāyinī, tasmā sabbe me āsavā khīṇā, aṇūpi aṇumattopi vanatho me na vijjatīti yojanā.

    เอวํ วุตฺตโอวาทํ องฺกุสํ กตฺวา สญฺชาตสํเวโค เถโร วิหารํ คนฺตฺวา ทิวาฎฺฐาเน นิสิโนฺน วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา อตฺตโน ปฎิปตฺติํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา สญฺชาตโสมนโสฺส มาตุ สนฺติกํ คนฺตฺวา อญฺญํ พฺยากโรโนฺต –

    Evaṃ vuttaovādaṃ aṅkusaṃ katvā sañjātasaṃvego thero vihāraṃ gantvā divāṭṭhāne nisinno vipassanaṃ vaḍḍhetvā arahattaṃ patvā attano paṭipattiṃ paccavekkhitvā sañjātasomanasso mātu santikaṃ gantvā aññaṃ byākaronto –

    ๒๑๐.

    210.

    ‘‘อุฬารํ วต เม มาตา, ปโตทํ สมวสฺสริ;

    ‘‘Uḷāraṃ vata me mātā, patodaṃ samavassari;

    ปรมตฺถสญฺหิตา คาถา, ยถาปิ อนุกมฺปิกาฯ

    Paramatthasañhitā gāthā, yathāpi anukampikā.

    ๒๑๑.

    211.

    ‘‘ตสฺสาหํ วจนํ สุตฺวา, อนุสิฎฺฐิํ ชเนตฺติยา;

    ‘‘Tassāhaṃ vacanaṃ sutvā, anusiṭṭhiṃ janettiyā;

    ธมฺมสํเวคมาปาทิํ, โยคเกฺขมสฺส ปตฺติยาฯ

    Dhammasaṃvegamāpādiṃ, yogakkhemassa pattiyā.

    ๒๑๒.

    212.

    ‘‘โสหํ ปธานปหิตโตฺต, รตฺตินฺทิวมตนฺทิโต;

    ‘‘Sohaṃ padhānapahitatto, rattindivamatandito;

    มาตรา โจทิโต สเนฺต, อผุสิํ สนฺติมุตฺตม’’นฺติฯ –

    Mātarā codito sante, aphusiṃ santimuttama’’nti. –

    อิมา ติโสฺส คาถา อภาสิฯ

    Imā tisso gāthā abhāsi.

    อถ เถรี อตฺตโน วจนํ องฺกุสํ กตฺวา ปุตฺตสฺส อรหตฺตปฺปตฺติยา อาราธิตจิตฺตา เตน ภาสิตคาถา สยํ ปจฺจนุภาสิฯ เอวํ ตาปิ เถริยา คาถา นาม ชาตาฯ

    Atha therī attano vacanaṃ aṅkusaṃ katvā puttassa arahattappattiyā ārādhitacittā tena bhāsitagāthā sayaṃ paccanubhāsi. Evaṃ tāpi theriyā gāthā nāma jātā.

    ตตฺถ อุฬารนฺติ วิปุลํ มหนฺตํฯ ปโตทนฺติ โอวาทปโตทํฯ สมวสฺสรีติ สมฺมา ปวเตฺตสิ วตาติ โยชนาฯ โก ปน โส ปโตโทติ อาห ‘‘ปรมตฺถสญฺหิตา คาถา’’ติฯ ตํ ‘‘มา สุ เต, วฑฺฒ, โลกมฺหี’’ติอาทิกา คาถา สนฺธาย วทติฯ ยถาปิ อนุกมฺปิกาติ ยถา อญฺญาปิ อนุคฺคาหิกา, เอวํ มยฺหํ มาตา ปวตฺตินิวตฺติวิภาวนคาถาสงฺขาตํ อุฬารํ ปโตทํ ปาชนทณฺฑกํ มม ญาณเวคสมุเตฺตชํ ปวเตฺตสีติ อโตฺถฯ

    Tattha uḷāranti vipulaṃ mahantaṃ. Patodanti ovādapatodaṃ. Samavassarīti sammā pavattesi vatāti yojanā. Ko pana so patodoti āha ‘‘paramatthasañhitā gāthā’’ti. Taṃ ‘‘mā su te, vaḍḍha, lokamhī’’tiādikā gāthā sandhāya vadati. Yathāpi anukampikāti yathā aññāpi anuggāhikā, evaṃ mayhaṃ mātā pavattinivattivibhāvanagāthāsaṅkhātaṃ uḷāraṃ patodaṃ pājanadaṇḍakaṃ mama ñāṇavegasamuttejaṃ pavattesīti attho.

    ธมฺมสํเวคมาปาทินฺติ ญาณภยาวหตฺตา อติวิย มหนฺตํ ภิํสนํ สํเวคํ อาปชฺชิํฯ

    Dhammasaṃvegamāpādinti ñāṇabhayāvahattā ativiya mahantaṃ bhiṃsanaṃ saṃvegaṃ āpajjiṃ.

    ปธานปหิตโตฺตติ จตุพฺพิธสมฺมปฺปธานโยเคน ทิพฺพานํ ปฎิเปสิตจิโตฺตฯ อผุสิํ สนฺติมุตฺตมนฺติ อนุตฺตรํ สนฺติํ นิพฺพานํ ผุสิํ อธิคจฺฉินฺติ อโตฺถฯ

    Padhānapahitattoti catubbidhasammappadhānayogena dibbānaṃ paṭipesitacitto. Aphusiṃ santimuttamanti anuttaraṃ santiṃ nibbānaṃ phusiṃ adhigacchinti attho.

    วฑฺฒมาตุเถรีคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Vaḍḍhamātutherīgāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.

    นวกนิปาตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Navakanipātavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรีคาถาปาฬิ • Therīgāthāpāḷi / ๑. วฑฺฒมาตุเถรีคาถา • 1. Vaḍḍhamātutherīgāthā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact