Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
ฯ นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสฯ
Namo tassa bhagavato arahato sammāsambuddhassa
องฺคุตฺตรนิกาโย
Aṅguttaranikāyo
ทุกนิปาตปาฬิ
Dukanipātapāḷi
๑. ปฐมปณฺณาสกํ
1. Paṭhamapaṇṇāsakaṃ
๑. กมฺมกรณวโคฺค
1. Kammakaraṇavaggo
๑. วชฺชสุตฺตํ
1. Vajjasuttaṃ
๑. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติฯ ‘‘ภทเนฺต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ –
1. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tatra kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘bhikkhavo’’ti. ‘‘Bhadante’’ti te bhikkhū bhagavato paccassosuṃ. Bhagavā etadavoca –
‘‘เทฺวมานิ, ภิกฺขเว, วชฺชานิฯ กตมานิ เทฺว? ทิฎฺฐธมฺมิกญฺจ วชฺชํ สมฺปรายิกญฺจ วชฺชํ ฯ กตมญฺจ, ภิกฺขเว, ทิฎฺฐธมฺมิกํ วชฺชํ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ ปสฺสติ โจรํ อาคุจาริํ ราชาโน คเหตฺวา วิวิธา กมฺมการณา 1 กาเรเนฺต; กสาหิปิ ตาเฬเนฺต, เวเตฺตหิปิ ตาเฬเนฺต, อทฺธทณฺฑเกหิปิ ตาเฬเนฺต, หตฺถมฺปิ ฉินฺทเนฺต, ปาทมฺปิ ฉินฺทเนฺต, หตฺถปาทมฺปิ ฉินฺทเนฺต, กณฺณมฺปิ ฉินฺทเนฺต, นาสมฺปิ ฉินฺทเนฺต, กณฺณนาสมฺปิ ฉินฺทเนฺต, พิลงฺคถาลิกมฺปิ กโรเนฺต, สงฺขมุณฺฑิกมฺปิ กโรเนฺต, ราหุมุขมฺปิ กโรเนฺต, โชติมาลิกมฺปิ กโรเนฺต, หตฺถปโชฺชติกมฺปิ กโรเนฺต, เอรกวตฺติกมฺปิ กโรเนฺต, จีรกวาสิกมฺปิ กโรเนฺต, เอเณยฺยกมฺปิ กโรเนฺต, พฬิสมํสิกมฺปิ กโรเนฺต, กหาปณิกมฺปิ กโรเนฺต, ขาราปตจฺฉิกมฺปิ 2 กโรเนฺต, ปลิฆปริวตฺติกมฺปิ กโรเนฺต, ปลาลปีฐกมฺปิ 3 กโรเนฺต, ตเตฺตนปิ เตเลน โอสิญฺจเนฺต, สุนเขหิปิ ขาทาเปเนฺต, ชีวนฺตมฺปิ สูเล อุตฺตาเสเนฺต, อสินาปิ สีสํ ฉินฺทเนฺตฯ
‘‘Dvemāni, bhikkhave, vajjāni. Katamāni dve? Diṭṭhadhammikañca vajjaṃ samparāyikañca vajjaṃ . Katamañca, bhikkhave, diṭṭhadhammikaṃ vajjaṃ? Idha, bhikkhave, ekacco passati coraṃ āgucāriṃ rājāno gahetvā vividhā kammakāraṇā 4 kārente; kasāhipi tāḷente, vettehipi tāḷente, addhadaṇḍakehipi tāḷente, hatthampi chindante, pādampi chindante, hatthapādampi chindante, kaṇṇampi chindante, nāsampi chindante, kaṇṇanāsampi chindante, bilaṅgathālikampi karonte, saṅkhamuṇḍikampi karonte, rāhumukhampi karonte, jotimālikampi karonte, hatthapajjotikampi karonte, erakavattikampi karonte, cīrakavāsikampi karonte, eṇeyyakampi karonte, baḷisamaṃsikampi karonte, kahāpaṇikampi karonte, khārāpatacchikampi 5 karonte, palighaparivattikampi karonte, palālapīṭhakampi 6 karonte, tattenapi telena osiñcante, sunakhehipi khādāpente, jīvantampi sūle uttāsente, asināpi sīsaṃ chindante.
‘‘ตสฺส เอวํ โหติ – ‘ยถารูปานํ โข ปาปกานํ กมฺมานํ เหตุ โจรํ อาคุจาริํ ราชาโน คเหตฺวา วิวิธา กมฺมการณา กาเรนฺติ; กสาหิปิ ตาเฬนฺติ, เวเตฺตหิปิ ตาเฬนฺติ, อทฺธทณฺฑเกหิปิ ตาเฬนฺติ, หตฺถมฺปิ ฉินฺทนฺติ, ปาทมฺปิ ฉินฺทนฺติ, หตฺถปาทมฺปิ ฉินฺทนฺติ, กณฺณมฺปิ ฉินฺทนฺติ, นาสมฺปิ ฉินฺทนฺติ, กณฺณนาสมฺปิ ฉินฺทนฺติ, พิลงฺคถาลิกมฺปิ กโรนฺติ, สงฺขมุณฺฑิกมฺปิ กโรนฺติ, ราหุมุขมฺปิ กโรนฺติ, โชติมาลิกมฺปิ กโรนฺติ, หตฺถปโชฺชติกมฺปิ กโรนฺติ, เอรกวตฺติกมฺปิ กโรนฺติ, จีรกวาสิกมฺปิ กโรนฺติ, เอเณยฺยกมฺปิ กโรนฺติ, พฬิสมํสิกมฺปิ กโรนฺติ, กหาปณิกมฺปิ กโรนฺติ, ขาราปตจฺฉิกมฺปิ กโรนฺติ, ปลิฆปริวตฺติกมฺปิ กโรนฺติ, ปลาลปีฐกมฺปิ กโรนฺติ, ตเตฺตนปิ เตเลน โอสิญฺจนฺติ, สุนเขหิปิ ขาทาเปนฺติ, ชีวนฺตมฺปิ สูเล อุตฺตาเสนฺติ, อสินาปิ สีสํ ฉินฺทนฺติฯ อหเญฺจว 7 โข ปน เอวรูปํ ปาปกมฺมํ กเรยฺยํ, มมฺปิ ราชาโน คเหตฺวา เอวรูปา วิวิธา กมฺมการณา กาเรยฺยุํ; กสาหิปิ ตาเฬยฺยุํ…เป.… อสินาปิ สีสํ ฉิเนฺทยฺยุ’นฺติฯ โส ทิฎฺฐธมฺมิกสฺส วชฺชสฺส ภีโต น ปเรสํ ปาภตํ วิลุมฺปโนฺต จรติฯ อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ทิฎฺฐธมฺมิกํ วชฺชํฯ
‘‘Tassa evaṃ hoti – ‘yathārūpānaṃ kho pāpakānaṃ kammānaṃ hetu coraṃ āgucāriṃ rājāno gahetvā vividhā kammakāraṇā kārenti; kasāhipi tāḷenti, vettehipi tāḷenti, addhadaṇḍakehipi tāḷenti, hatthampi chindanti, pādampi chindanti, hatthapādampi chindanti, kaṇṇampi chindanti, nāsampi chindanti, kaṇṇanāsampi chindanti, bilaṅgathālikampi karonti, saṅkhamuṇḍikampi karonti, rāhumukhampi karonti, jotimālikampi karonti, hatthapajjotikampi karonti, erakavattikampi karonti, cīrakavāsikampi karonti, eṇeyyakampi karonti, baḷisamaṃsikampi karonti, kahāpaṇikampi karonti, khārāpatacchikampi karonti, palighaparivattikampi karonti, palālapīṭhakampi karonti, tattenapi telena osiñcanti, sunakhehipi khādāpenti, jīvantampi sūle uttāsenti, asināpi sīsaṃ chindanti. Ahañceva 8 kho pana evarūpaṃ pāpakammaṃ kareyyaṃ, mampi rājāno gahetvā evarūpā vividhā kammakāraṇā kāreyyuṃ; kasāhipi tāḷeyyuṃ…pe… asināpi sīsaṃ chindeyyu’nti. So diṭṭhadhammikassa vajjassa bhīto na paresaṃ pābhataṃ vilumpanto carati. Idaṃ vuccati, bhikkhave, diṭṭhadhammikaṃ vajjaṃ.
‘‘กตมญฺจ, ภิกฺขเว, สมฺปรายิกํ วชฺชํ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘กายทุจฺจริตสฺส โข ปน ปาปโก ทุโกฺข วิปาโก อภิสมฺปรายํ, วจีทุจฺจริตสฺส ปาปโก ทุโกฺข วิปาโก อภิสมฺปรายํ, มโนทุจฺจริตสฺส ปาปโก ทุโกฺข วิปาโก อภิสมฺปรายํฯ อหเญฺจว โข ปน กาเยน ทุจฺจริตํ จเรยฺยํ, วาจาย ทุจฺจริตํ จเรยฺยํ , มนสา ทุจฺจริตํ จเรยฺยํฯ กิญฺจ ตํ ยาหํ น กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปเชฺชยฺย’นฺติฯ โส สมฺปรายิกสฺส วชฺชสฺส ภีโต กายทุจฺจริตํ ปหาย กายสุจริตํ ภาเวติ, วจีทุจฺจริตํ ปหาย วจีสุจริตํ ภาเวติ, มโนทุจฺจริตํ ปหาย มโนสุจริตํ ภาเวติ, สุทฺธํ อตฺตานํ ปริหรติฯ อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, สมฺปรายิกํ วชฺชํฯ ‘‘อิมานิ โข, ภิกฺขเว, เทฺว วชฺชานิฯ ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘ทิฎฺฐธมฺมิกสฺส วชฺชสฺส ภายิสฺสาม, สมฺปรายิกสฺส วชฺชสฺส ภายิสฺสาม, วชฺชภีรุโน ภวิสฺสาม วชฺชภยทสฺสาวิโน’ติฯ เอวญฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพํฯ วชฺชภีรุโน, ภิกฺขเว, วชฺชภยทสฺสาวิโน เอตํ ปาฎิกงฺขํ ยํ ปริมุจฺจิสฺสติ สพฺพวเชฺชหี’’ติฯ ปฐมํฯ
‘‘Katamañca, bhikkhave, samparāyikaṃ vajjaṃ? Idha, bhikkhave, ekacco iti paṭisañcikkhati – ‘kāyaduccaritassa kho pana pāpako dukkho vipāko abhisamparāyaṃ, vacīduccaritassa pāpako dukkho vipāko abhisamparāyaṃ, manoduccaritassa pāpako dukkho vipāko abhisamparāyaṃ. Ahañceva kho pana kāyena duccaritaṃ careyyaṃ, vācāya duccaritaṃ careyyaṃ , manasā duccaritaṃ careyyaṃ. Kiñca taṃ yāhaṃ na kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjeyya’nti. So samparāyikassa vajjassa bhīto kāyaduccaritaṃ pahāya kāyasucaritaṃ bhāveti, vacīduccaritaṃ pahāya vacīsucaritaṃ bhāveti, manoduccaritaṃ pahāya manosucaritaṃ bhāveti, suddhaṃ attānaṃ pariharati. Idaṃ vuccati, bhikkhave, samparāyikaṃ vajjaṃ. ‘‘Imāni kho, bhikkhave, dve vajjāni. Tasmātiha, bhikkhave, evaṃ sikkhitabbaṃ – ‘diṭṭhadhammikassa vajjassa bhāyissāma, samparāyikassa vajjassa bhāyissāma, vajjabhīruno bhavissāma vajjabhayadassāvino’ti. Evañhi vo, bhikkhave, sikkhitabbaṃ. Vajjabhīruno, bhikkhave, vajjabhayadassāvino etaṃ pāṭikaṅkhaṃ yaṃ parimuccissati sabbavajjehī’’ti. Paṭhamaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๑. วชฺชสุตฺตวณฺณนา • 1. Vajjasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๑. วชฺชสุตฺตวณฺณนา • 1. Vajjasuttavaṇṇanā