Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) |
ฯ นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสฯ
Namo tassa bhagavato arahato sammāsambuddhassa
องฺคุตฺตรนิกาเย
Aṅguttaranikāye
ทุกนิปาต-อฎฺฐกถา
Dukanipāta-aṭṭhakathā
๑. ปฐมปณฺณาสกํ
1. Paṭhamapaṇṇāsakaṃ
๑. กมฺมการณวโคฺค
1. Kammakāraṇavaggo
๑. วชฺชสุตฺตวณฺณนา
1. Vajjasuttavaṇṇanā
๑. ทุกนิปาตสฺส ปฐเม วชฺชานีติ โทสา อปราธาฯ ทิฎฺฐธมฺมิกนฺติ ทิเฎฺฐว ธเมฺม อิมสฺมิํเยว อตฺตภาเว อุปฺปนฺนผลํฯ สมฺปรายิกนฺติ สมฺปราเย อนาคเต อตฺตภาเว อุปฺปนฺนผลํฯ อาคุจารินฺติ ปาปการิํ อปราธการกํฯ ราชาโน คเหตฺวา วิวิธา กมฺมการณา กาเรเนฺตติ โจรํ คเหตฺวา วิวิธา กมฺมการณา ราชปุริสา กโรนฺติ, ราชาโน ปน ตา กาเรนฺติ นามฯ ตํ โจรํ เอวํ กมฺมการณา การิยมานํ เอส ปสฺสติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘ปสฺสติ โจรํ อาคุจาริํ ราชาโน คเหตฺวา วิวิธา กมฺมการณา กาเรเนฺต’’ติฯ อทฺธทณฺฑเกหีติ มุคฺคเรหิ, ปหารสาธนตฺถํ วา จตุหตฺถทณฺฑํ เทฺวธา เฉตฺวา คหิตทณฺฑเกหิฯ พิลงฺคถาลิกนฺติ กญฺชิยอุกฺขลิกกมฺมการณํฯ ตํ กโรนฺตา สีสกฎาหํ อุปฺปาเฎตฺวา ตตฺตํ อโยคุฬํ สณฺฑาเสน คเหตฺวา ตตฺถ ปกฺขิปนฺติ, เตน มตฺถลุงฺคํ ปกฺกุถิตฺวา อุตฺตรติฯ สงฺขมุณฺฑิกนฺติ สงฺขมุณฺฑกมฺมการณํฯ ตํ กโรนฺตา อุตฺตโรฎฺฐอุภโตกณฺณจูฬิกคลวาฎกปริเจฺฉเทน จมฺมํ ฉินฺทิตฺวา สพฺพเกเส เอกโต คณฺฐิํ กตฺวา ทณฺฑเกน เวเฐตฺวา อุปฺปาเฎนฺติ, สห เกเสหิ จมฺมํ อุฎฺฐหติฯ ตโต สีสกฎาหํ ถูลสกฺขราหิ ฆํสิตฺวา โธวนฺตา สงฺขวณฺณํ กโรนฺติฯ ราหุมุขนฺติ ราหุมุขกมฺมการณํฯ ตํ กโรนฺตา สงฺกุนา มุขํ วิวริตฺวา อโนฺตมุเข ทีปํ ชาเลนฺติ, กณฺณจูฬิกาหิ วา ปฎฺฐาย มุขํ นิขาทเนน ขนนฺติ, โลหิตํ ปคฺฆริตฺวา มุขํ ปูเรติฯ
1. Dukanipātassa paṭhame vajjānīti dosā aparādhā. Diṭṭhadhammikanti diṭṭheva dhamme imasmiṃyeva attabhāve uppannaphalaṃ. Samparāyikanti samparāye anāgate attabhāve uppannaphalaṃ. Āgucārinti pāpakāriṃ aparādhakārakaṃ. Rājāno gahetvā vividhā kammakāraṇā kārenteti coraṃ gahetvā vividhā kammakāraṇā rājapurisā karonti, rājāno pana tā kārenti nāma. Taṃ coraṃ evaṃ kammakāraṇā kāriyamānaṃ esa passati. Tena vuttaṃ – ‘‘passati coraṃ āgucāriṃ rājāno gahetvā vividhā kammakāraṇā kārente’’ti. Addhadaṇḍakehīti muggarehi, pahārasādhanatthaṃ vā catuhatthadaṇḍaṃ dvedhā chetvā gahitadaṇḍakehi. Bilaṅgathālikanti kañjiyaukkhalikakammakāraṇaṃ. Taṃ karontā sīsakaṭāhaṃ uppāṭetvā tattaṃ ayoguḷaṃ saṇḍāsena gahetvā tattha pakkhipanti, tena matthaluṅgaṃ pakkuthitvā uttarati. Saṅkhamuṇḍikanti saṅkhamuṇḍakammakāraṇaṃ. Taṃ karontā uttaroṭṭhaubhatokaṇṇacūḷikagalavāṭakaparicchedena cammaṃ chinditvā sabbakese ekato gaṇṭhiṃ katvā daṇḍakena veṭhetvā uppāṭenti, saha kesehi cammaṃ uṭṭhahati. Tato sīsakaṭāhaṃ thūlasakkharāhi ghaṃsitvā dhovantā saṅkhavaṇṇaṃ karonti. Rāhumukhanti rāhumukhakammakāraṇaṃ. Taṃ karontā saṅkunā mukhaṃ vivaritvā antomukhe dīpaṃ jālenti, kaṇṇacūḷikāhi vā paṭṭhāya mukhaṃ nikhādanena khananti, lohitaṃ paggharitvā mukhaṃ pūreti.
โชติมาลิกนฺติ สกลสรีรํ เตลปิโลติกาย เวเฐตฺวา อาลิเมฺปนฺติฯ หตฺถปโชฺชติกนฺติ หเตฺถ เตลปิโลติกาย เวเฐตฺวา ทีปํ วิย ปชฺชาเลนฺติฯ เอรกวตฺติกนฺติ เอรกวตฺตกมฺมการณํฯ ตํ กโรนฺตา เหฎฺฐาคีวโต ปฎฺฐาย จมฺมวเฎฺฎ กนฺติตฺวา โคปฺผเก ฐเปนฺติ, อถ นํ โยเตฺตหิ พนฺธิตฺวา กฑฺฒนฺติฯ โส อตฺตโน จมฺมวเฎฺฎ อกฺกมิตฺวา อกฺกมิตฺวา ปตติฯ จีรกวาสิกนฺติ จีรกวาสิกกมฺมการณํฯ ตํ กโรนฺตา ตเถว จมฺมวเฎฺฎ กนฺติตฺวา กฎิยํ ฐเปนฺติ, กฎิโต ปฎฺฐาย กนฺติตฺวา โคปฺผเกสุ ฐเปนฺติ, อุปริเมหิ เหฎฺฐิมสรีรํ จีรกนิวาสนนิวตฺถํ วิย โหติฯ เอเณยฺยกนฺติ เอเณยฺยกกมฺมการณํฯ ตํ กโรนฺตา อุโภสุ กปฺปเรสุ จ อุโภสุ ชาณุเกสุ จ อยวลยานิ ทตฺวา อยสูลานิ โกเฎฺฎนฺติฯ โส จตูหิ อยสูเลหิ ภูมิยํ ปติฎฺฐหติฯ อถ นํ ปริวาเรตฺวา อคฺคิํ กโรนฺติฯ ‘‘เอเณยฺยโก โชติปริคฺคโห ยถา’’ติ อาคตฎฺฐาเนปิ อิทเมว วุตฺตํฯ ตํ กาเลน กาลํ สูลานิ อปเนตฺวา จตูหิ อฎฺฐิโกฎีหิเยว ฐเปนฺติฯ เอวรูปา กมฺมการณา นาม นตฺถิฯ
Jotimālikanti sakalasarīraṃ telapilotikāya veṭhetvā ālimpenti. Hatthapajjotikanti hatthe telapilotikāya veṭhetvā dīpaṃ viya pajjālenti. Erakavattikanti erakavattakammakāraṇaṃ. Taṃ karontā heṭṭhāgīvato paṭṭhāya cammavaṭṭe kantitvā gopphake ṭhapenti, atha naṃ yottehi bandhitvā kaḍḍhanti. So attano cammavaṭṭe akkamitvā akkamitvā patati. Cīrakavāsikanti cīrakavāsikakammakāraṇaṃ. Taṃ karontā tatheva cammavaṭṭe kantitvā kaṭiyaṃ ṭhapenti, kaṭito paṭṭhāya kantitvā gopphakesu ṭhapenti, uparimehi heṭṭhimasarīraṃ cīrakanivāsananivatthaṃ viya hoti. Eṇeyyakanti eṇeyyakakammakāraṇaṃ. Taṃ karontā ubhosu kapparesu ca ubhosu jāṇukesu ca ayavalayāni datvā ayasūlāni koṭṭenti. So catūhi ayasūlehi bhūmiyaṃ patiṭṭhahati. Atha naṃ parivāretvā aggiṃ karonti. ‘‘Eṇeyyako jotipariggaho yathā’’ti āgataṭṭhānepi idameva vuttaṃ. Taṃ kālena kālaṃ sūlāni apanetvā catūhi aṭṭhikoṭīhiyeva ṭhapenti. Evarūpā kammakāraṇā nāma natthi.
พฬิสมํสิกนฺติ อุภโตมุเขหิ พฬิเสหิ ปหริตฺวา จมฺมมํสนฺหารูนิ อุปฺปาเฎนฺติฯ กหาปณิกนฺติ สกลสรีรํ ติณฺหาหิ วาสีหิ โกฎิโต ปฎฺฐาย กหาปณมตฺตํ, กหาปณมตฺตํ ปาเตนฺตา โกเฎฺฎนฺติฯ ขาราปตจฺฉิกนฺติ สรีรํ ตตฺถ ตตฺถ อาวุเธหิ ปหริตฺวา โกเจฺฉหิ ขารํ ฆํสนฺติ, จมฺมมํสนฺหารูนิ ปคฺฆริตฺวา อฎฺฐิกสงฺขลิกาว ติฎฺฐติฯ ปลิฆปริวตฺติกนฺติ เอเกน ปเสฺสน นิปชฺชาเปตฺวา กณฺณจฺฉิเทฺทน อยสูลํ โกเฎฺฎตฺวา ปถวิยา เอกาพทฺธํ กโรนฺติฯ อถ นํ ปาเท คเหตฺวา อาวิญฺฉนฺติฯ ปลาลปีฐกนฺติ เฉโก การณิโก ฉวิจมฺมํ อจฺฉินฺทิตฺวา นิสทโปเตหิ อฎฺฐีนิ ภินฺทิตฺวา เกเสสุ คเหตฺวา อุกฺขิปติ, มํสราสิเยว โหติฯ อถ นํ เกเสเหว ปริโยนนฺธิตฺวา คณฺหนฺติ, ปลาลวฎฺฎิํ วิย กตฺวา ปุน เวเฐนฺติฯ สุนเขหิปีติ กติปยานิ ทิวสานิ อาหารํ อทตฺวา ฉาตกสุนเขหิ ขาทาเปนฺติฯ เต มุหุเตฺตน อฎฺฐิกสงฺขลิกเมว กโรนฺติฯ สูเล อุตฺตาเสเนฺตติ สูเล อาโรเปเนฺตฯ
Baḷisamaṃsikanti ubhatomukhehi baḷisehi paharitvā cammamaṃsanhārūni uppāṭenti. Kahāpaṇikanti sakalasarīraṃ tiṇhāhi vāsīhi koṭito paṭṭhāya kahāpaṇamattaṃ, kahāpaṇamattaṃ pātentā koṭṭenti. Khārāpatacchikanti sarīraṃ tattha tattha āvudhehi paharitvā kocchehi khāraṃ ghaṃsanti, cammamaṃsanhārūni paggharitvā aṭṭhikasaṅkhalikāva tiṭṭhati. Palighaparivattikanti ekena passena nipajjāpetvā kaṇṇacchiddena ayasūlaṃ koṭṭetvā pathaviyā ekābaddhaṃ karonti. Atha naṃ pāde gahetvā āviñchanti. Palālapīṭhakanti cheko kāraṇiko chavicammaṃ acchinditvā nisadapotehi aṭṭhīni bhinditvā kesesu gahetvā ukkhipati, maṃsarāsiyeva hoti. Atha naṃ keseheva pariyonandhitvā gaṇhanti, palālavaṭṭiṃ viya katvā puna veṭhenti. Sunakhehipīti katipayāni divasāni āhāraṃ adatvā chātakasunakhehi khādāpenti. Te muhuttena aṭṭhikasaṅkhalikameva karonti. Sūle uttāsenteti sūle āropente.
น ปเรสํ ปาภตํ วิลุมฺปโนฺต จรตีติ ปเรสํ สนฺตกํ ภณฺฑํ ปรมฺมุขํ อาภตํ อนฺตมโส อนฺตรวีถิยํ ปติตํ สหสฺสภณฺฑิกมฺปิ ทิสฺวา ‘‘อิมินา ชีวิสฺสามี’’ติ วิลุมฺปโนฺต น วิจรติ, โก อิมินา อโตฺถติ ปิฎฺฐิปาเทน วา ปวเฎฺฎตฺวา คจฺฉติฯ
Na paresaṃ pābhataṃ vilumpanto caratīti paresaṃ santakaṃ bhaṇḍaṃ parammukhaṃ ābhataṃ antamaso antaravīthiyaṃ patitaṃ sahassabhaṇḍikampi disvā ‘‘iminā jīvissāmī’’ti vilumpanto na vicarati, ko iminā atthoti piṭṭhipādena vā pavaṭṭetvā gacchati.
ปาปโกติ ลามโกฯ ทุโกฺขติ อนิโฎฺฐฯ กิญฺจ ตนฺติ กิํ นาม ตํ การณํ ภเวยฺยฯ ยาหนฺติ เยน อหํฯ กายทุจฺจริตนฺติ ปาณาติปาตาทิ ติวิธํ อกุสลํ กายกมฺมํฯ กายสุจริตนฺติ ตสฺส ปฎิปกฺขภูตํ ติวิธํ กุสลกมฺมํฯ วจีทุจฺจริตนฺติ มุสาวาทาทิ จตุพฺพิธํ อกุสลํ วจีกมฺมํฯ วจีสุจริตนฺติ ตสฺส ปฎิปกฺขภูตํ จตุพฺพิธํ กุสลกมฺมํฯ มโนทุจฺจริตนฺติ อภิชฺฌาทิ ติวิธํ อกุสลกมฺมํฯ มโนสุจริตนฺติ ตสฺส ปฎิปกฺขภูตํ ติวิธํ กุสลกมฺมํฯ สุทฺธํ อตฺตานํ ปริหรตีติ เอตฺถ ทุวิธา สุทฺธิ – ปริยายโต จ นิปฺปริยายโต จฯ สรณคมเนน หิ ปริยาเยน สุทฺธํ อตฺตานํ ปริหรติ นามฯ ตถา ปญฺจหิ สีเลหิ, ทสหิ สีเลหิ – จตุปาริสุทฺธิสีเลน, ปฐมชฺฌาเนน…เป.… เนวสญฺญานาสญฺญายตเนน, โสตาปตฺติมเคฺคน, โสตาปตฺติผเลน…เป.… อรหตฺตมเคฺคน ปริยาเยน สุทฺธํ อตฺตานํ ปริหรติ นามฯ อรหตฺตผเล ปติฎฺฐิโต ปน ขีณาสโว ฉินฺนมูลเก ปญฺจกฺขเนฺธ นฺหาเปโนฺตปิ ขาทาเปโนฺตปิ ภุญฺชาเปโนฺตปิ นิสีทาเปโนฺตปิ นิปชฺชาเปโนฺตปิ นิปฺปริยาเยเนว สุทฺธํ นิมฺมลํ อตฺตานํ ปริหรติ ปฎิชคฺคตีติ เวทิตโพฺพฯ
Pāpakoti lāmako. Dukkhoti aniṭṭho. Kiñca tanti kiṃ nāma taṃ kāraṇaṃ bhaveyya. Yāhanti yena ahaṃ. Kāyaduccaritanti pāṇātipātādi tividhaṃ akusalaṃ kāyakammaṃ. Kāyasucaritanti tassa paṭipakkhabhūtaṃ tividhaṃ kusalakammaṃ. Vacīduccaritanti musāvādādi catubbidhaṃ akusalaṃ vacīkammaṃ. Vacīsucaritanti tassa paṭipakkhabhūtaṃ catubbidhaṃ kusalakammaṃ. Manoduccaritanti abhijjhādi tividhaṃ akusalakammaṃ. Manosucaritanti tassa paṭipakkhabhūtaṃ tividhaṃ kusalakammaṃ. Suddhaṃ attānaṃ pariharatīti ettha duvidhā suddhi – pariyāyato ca nippariyāyato ca. Saraṇagamanena hi pariyāyena suddhaṃ attānaṃ pariharati nāma. Tathā pañcahi sīlehi, dasahi sīlehi – catupārisuddhisīlena, paṭhamajjhānena…pe… nevasaññānāsaññāyatanena, sotāpattimaggena, sotāpattiphalena…pe… arahattamaggena pariyāyena suddhaṃ attānaṃ pariharati nāma. Arahattaphale patiṭṭhito pana khīṇāsavo chinnamūlake pañcakkhandhe nhāpentopi khādāpentopi bhuñjāpentopi nisīdāpentopi nipajjāpentopi nippariyāyeneva suddhaṃ nimmalaṃ attānaṃ pariharati paṭijaggatīti veditabbo.
ตสฺมาติ ยสฺมา อิมานิ เทฺว วชฺชาเนว, โน น วชฺชานิ, ตสฺมาฯ วชฺชภีรุโนติ วชฺชภีรุกาฯ วชฺชภยทสฺสาวิโนติ วชฺชานิ ภยโต ทสฺสนสีลาฯ เอตํ ปาฎิกงฺขนฺติ เอตํ อิจฺฉิตพฺพํ, เอตํ อวสฺสํภาวีติ อโตฺถฯ ยนฺติ นิปาตมตฺตํ, การณวจนํ วา เยน การเณน ปริมุจฺจิสฺสติ สพฺพวเชฺชหิ ฯ เกน ปน การเณน ปริมุจฺจิสฺสตีติ? จตุตฺถมเคฺคน เจว จตุตฺถผเลน จฯ มเคฺคน หิ ปริมุจฺจติ นาม, ผลํ ปโตฺต ปริมุโตฺต นาม โหตีติฯ กิํ ปน ขีณาสวสฺส อกุสลํ น วิปจฺจตีติ? วิปจฺจติ, ตํ ปน ขีณาสวภาวโต ปุเพฺพ กตํฯ ตญฺจ โข อิมสฺมิํเยว อตฺตภาเว, สมฺปราเย ปนสฺส กมฺมผลํ นาม นตฺถีติฯ ปฐมํฯ
Tasmāti yasmā imāni dve vajjāneva, no na vajjāni, tasmā. Vajjabhīrunoti vajjabhīrukā. Vajjabhayadassāvinoti vajjāni bhayato dassanasīlā. Etaṃ pāṭikaṅkhanti etaṃ icchitabbaṃ, etaṃ avassaṃbhāvīti attho. Yanti nipātamattaṃ, kāraṇavacanaṃ vā yena kāraṇena parimuccissati sabbavajjehi . Kena pana kāraṇena parimuccissatīti? Catutthamaggena ceva catutthaphalena ca. Maggena hi parimuccati nāma, phalaṃ patto parimutto nāma hotīti. Kiṃ pana khīṇāsavassa akusalaṃ na vipaccatīti? Vipaccati, taṃ pana khīṇāsavabhāvato pubbe kataṃ. Tañca kho imasmiṃyeva attabhāve, samparāye panassa kammaphalaṃ nāma natthīti. Paṭhamaṃ.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๑. วชฺชสุตฺตํ • 1. Vajjasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๑. วชฺชสุตฺตวณฺณนา • 1. Vajjasuttavaṇṇanā