Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อปทาน-อฎฺฐกถา • Apadāna-aṭṭhakathā

    ๒. วกฺกลิเตฺถรอปทานวณฺณนา

    2. Vakkalittheraapadānavaṇṇanā

    ทุติยาปทาเน อิโต สตสหสฺสมฺหีติอาทิกํ อายสฺมโต วกฺกลิเตฺถรสฺส อปทานํฯ อยมฺปิ เถโร ปุริมชินวเรสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฎฺฎูปนิสฺสยานิ ปุญฺญานิ อุปจินโนฺต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห นิพฺพโตฺต วิญฺญุตํ ปโตฺต สตฺถุ สนฺติกํ คจฺฉเนฺตหิ อุปาสเกหิ สทฺธิํ วิหารํ คนฺตฺวา ปริสปริยเนฺต ฐิโต ธมฺมํ สุณโนฺต สตฺถารา เอกํ ภิกฺขุํ สทฺธาธิมุตฺตานํ อคฺคฎฺฐาเน ฐปิตํ ทิสฺวา สยมฺปิ ตํ ฐานนฺตรํ ปเตฺถโนฺต สตฺตาหํ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา ปณิธานํ อกาสิฯ สตฺถา ตสฺส อนนฺตรายํ ทิสฺวา พฺยากริฯ

    Dutiyāpadāne ito satasahassamhītiādikaṃ āyasmato vakkalittherassa apadānaṃ. Ayampi thero purimajinavaresu katādhikāro tattha tattha bhave vivaṭṭūpanissayāni puññāni upacinanto padumuttarassa bhagavato kāle haṃsavatīnagare kulagehe nibbatto viññutaṃ patto satthu santikaṃ gacchantehi upāsakehi saddhiṃ vihāraṃ gantvā parisapariyante ṭhito dhammaṃ suṇanto satthārā ekaṃ bhikkhuṃ saddhādhimuttānaṃ aggaṭṭhāne ṭhapitaṃ disvā sayampi taṃ ṭhānantaraṃ patthento sattāhaṃ buddhappamukhassa bhikkhusaṅghassa mahādānaṃ datvā paṇidhānaṃ akāsi. Satthā tassa anantarāyaṃ disvā byākari.

    โส ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อมฺหากํ ภควโต กาเล สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ, ตสฺส วกฺกลีติ นามํ กริํสุฯ ตตฺถ กลีติ อปราธติลกาฬกาทิโทสสฺส อธิวจนํฯ นิทฺธนฺตสุวณฺณปิณฺฑสทิสตาย อปคโต พฺยปคโต กลิ โทโส อสฺสาติ ว-การาคมํ กตฺวา วกฺกลีติ วุจฺจติฯ โส วุทฺธิปฺปโตฺต ตโย เวเท อุคฺคณฺหิตฺวา พฺราหฺมณสิเปฺปสุ นิปฺผตฺติํ คโต, สตฺถารํ ทิสฺวา รูปกายสมฺปตฺติทสฺสเนน อติโตฺต สตฺถารา สทฺธิํเยว วิจรติฯ ‘‘อคารมเชฺฌ วสโนฺต นิจฺจกาลํ สตฺถุ ทสฺสนํ น ลภิสฺสามี’’ติ สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ฐเปตฺวา โภชนกาลํ สรีรกิจฺจกาลญฺจ เสสกาเล ยตฺถ ฐิเตน สกฺกา ทสพลํ ปสฺสิตุํ, ตตฺถ ฐิโต อญฺญํ กิจฺจํ ปหาย ภควนฺตํ โอโลเกโนฺตเยว วิหรติฯ สตฺถา ตสฺส ญาณปริปากํ อาคเมโนฺต พหุกาลํ ตสฺมิํ รูปทสฺสเนเนว วิจรเนฺต กิญฺจิ อวตฺวา ปุเนกทิวสํ – ‘‘กิํ เต, วกฺกลิ, อิมินา ปูติกาเยน ทิเฎฺฐน? โย โข, วกฺกลิ, ธมฺมํ ปสฺสติ, โส มํ ปสฺสติ; โย มํ ปสฺสติ, โส ธมฺมํ ปสฺสติฯ ธมฺมญฺหิ, วกฺกลิ, ปสฺสโนฺต มํ ปสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๘๗) อาหฯ สตฺถริ เอวํ วทเนฺตปิ เถโร สตฺถุ ทสฺสนํ ปหาย อญฺญตฺถ คนฺตุํ น สโกฺกติฯ ตโต สตฺถา, ‘‘นายํ ภิกฺขุ สํเวคํ อลภิตฺวา พุชฺฌิสฺสตี’’ติ วสฺสูปนายิกทิวเส – ‘‘อเปหิ, วกฺกลี’’ติ เถรํ ปณาเมสิฯ โส สตฺถารา ปณามิโต สตฺถุ สมฺมุเข ฐาตุํ อสโกฺกโนฺต – ‘‘กิํ มยฺหํ ชีวิเตน, โยหํ สตฺถารํ ทฎฺฐุํ น ลภามี’’ติ คิชฺฌกูเฎ ปพฺพเต ปปาตฎฺฐานํ อภิรุหิ? สตฺถา ตสฺส ตํ ปวตฺติํ ญตฺวา – ‘‘อยํ ภิกฺขุ มม สนฺติกา อสฺสาสํ อลภโนฺต มคฺคผลานํ อุปนิสฺสยํ นาเสยฺยา’’ติ อตฺตานํ ทเสฺสตฺวา โอภาสํ วิสฺสเชฺชโนฺต –

    So yāvajīvaṃ kusalaṃ katvā devamanussesu saṃsaranto amhākaṃ bhagavato kāle sāvatthiyaṃ brāhmaṇakule nibbatti, tassa vakkalīti nāmaṃ kariṃsu. Tattha kalīti aparādhatilakāḷakādidosassa adhivacanaṃ. Niddhantasuvaṇṇapiṇḍasadisatāya apagato byapagato kali doso assāti va-kārāgamaṃ katvā vakkalīti vuccati. So vuddhippatto tayo vede uggaṇhitvā brāhmaṇasippesu nipphattiṃ gato, satthāraṃ disvā rūpakāyasampattidassanena atitto satthārā saddhiṃyeva vicarati. ‘‘Agāramajjhe vasanto niccakālaṃ satthu dassanaṃ na labhissāmī’’ti satthu santike pabbajitvā ṭhapetvā bhojanakālaṃ sarīrakiccakālañca sesakāle yattha ṭhitena sakkā dasabalaṃ passituṃ, tattha ṭhito aññaṃ kiccaṃ pahāya bhagavantaṃ olokentoyeva viharati. Satthā tassa ñāṇaparipākaṃ āgamento bahukālaṃ tasmiṃ rūpadassaneneva vicarante kiñci avatvā punekadivasaṃ – ‘‘kiṃ te, vakkali, iminā pūtikāyena diṭṭhena? Yo kho, vakkali, dhammaṃ passati, so maṃ passati; yo maṃ passati, so dhammaṃ passati. Dhammañhi, vakkali, passanto maṃ passatī’’ti (saṃ. ni. 3.87) āha. Satthari evaṃ vadantepi thero satthu dassanaṃ pahāya aññattha gantuṃ na sakkoti. Tato satthā, ‘‘nāyaṃ bhikkhu saṃvegaṃ alabhitvā bujjhissatī’’ti vassūpanāyikadivase – ‘‘apehi, vakkalī’’ti theraṃ paṇāmesi. So satthārā paṇāmito satthu sammukhe ṭhātuṃ asakkonto – ‘‘kiṃ mayhaṃ jīvitena, yohaṃ satthāraṃ daṭṭhuṃ na labhāmī’’ti gijjhakūṭe pabbate papātaṭṭhānaṃ abhiruhi? Satthā tassa taṃ pavattiṃ ñatvā – ‘‘ayaṃ bhikkhu mama santikā assāsaṃ alabhanto maggaphalānaṃ upanissayaṃ nāseyyā’’ti attānaṃ dassetvā obhāsaṃ vissajjento –

    ‘‘ปาโมชฺชพหุโล ภิกฺขุ, ปสโนฺน พุทฺธสาสเน;

    ‘‘Pāmojjabahulo bhikkhu, pasanno buddhasāsane;

    อธิคเจฺฉ ปทํ สนฺตํ, สงฺขารูปสมํ สุข’’นฺติฯ (ธ. ป. ๓๘๑) –

    Adhigacche padaṃ santaṃ, saṅkhārūpasamaṃ sukha’’nti. (dha. pa. 381) –

    คาถํ วตฺวา ‘‘เอหิ, วกฺกลี’’ติ (ธ. ป. อฎฺฐ. ๒.๓๘๑) หตฺถํ ปสาเรสิฯ เถโร ‘‘ทสพโล เม ทิโฎฺฐ, ‘เอหี’ติ อวฺหายนมฺปิ ลทฺธ’’นฺติ พลวปีติโสมนสฺสํ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘กุโต คจฺฉามี’’ติ อตฺตโน คมนภาวํ อชานิตฺวาว สตฺถุ สมฺมุเข อากาเส ปกฺขนฺทิตฺวา ปฐเมน ปาเทน ปพฺพเต ฐิโตเยว สตฺถารา วุตฺตคาถาโย อาวเชฺชโนฺต อากาเสเยว ปีติํ วิกฺขเมฺภตฺวา สห ปฎิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณีติ องฺคุตฺตรฎฺฐกถายํ (อ. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑.๒๐๘) ธมฺมปทวณฺณนายญฺจ (ธ. ป. อฎฺฐ. ๒.๓๘๑ วกฺกลิเตฺถรวตฺถุ) อาคตํฯ

    Gāthaṃ vatvā ‘‘ehi, vakkalī’’ti (dha. pa. aṭṭha. 2.381) hatthaṃ pasāresi. Thero ‘‘dasabalo me diṭṭho, ‘ehī’ti avhāyanampi laddha’’nti balavapītisomanassaṃ uppādetvā ‘‘kuto gacchāmī’’ti attano gamanabhāvaṃ ajānitvāva satthu sammukhe ākāse pakkhanditvā paṭhamena pādena pabbate ṭhitoyeva satthārā vuttagāthāyo āvajjento ākāseyeva pītiṃ vikkhambhetvā saha paṭisambhidāhi arahattaṃ pāpuṇīti aṅguttaraṭṭhakathāyaṃ (a. ni. aṭṭha. 1.1.208) dhammapadavaṇṇanāyañca (dha. pa. aṭṭha. 2.381 vakkalittheravatthu) āgataṃ.

    อิธ ปน เอวํ เวทิตพฺพํ – ‘‘กิํ เต, วกฺกลี’’ติอาทินา สตฺถารา โอวทิโต คิชฺฌกูเฎ วิหรโนฺต วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปสิ, ตสฺส สทฺธาย พลวภาวโต เอว วิปสฺสนา วีถิํ น โอตรติ? ภควา ตํ ญตฺวา กมฺมฎฺฐานํ โสเธตฺวา อทาสิฯ โส ปุน วิปสฺสนํ มตฺถกํ ปาเปตุํ นาสกฺขิเยวฯ อถสฺส อาหารเวกเลฺลน วาตาพาโธ อุปฺปชฺชิ, ตํ วาตาพาเธน ปีฬิยมานํ ญตฺวา ภควา ตตฺถ คนฺตฺวา ปุจฺฉโนฺต –

    Idha pana evaṃ veditabbaṃ – ‘‘kiṃ te, vakkalī’’tiādinā satthārā ovadito gijjhakūṭe viharanto vipassanaṃ paṭṭhapesi, tassa saddhāya balavabhāvato eva vipassanā vīthiṃ na otarati? Bhagavā taṃ ñatvā kammaṭṭhānaṃ sodhetvā adāsi. So puna vipassanaṃ matthakaṃ pāpetuṃ nāsakkhiyeva. Athassa āhāravekallena vātābādho uppajji, taṃ vātābādhena pīḷiyamānaṃ ñatvā bhagavā tattha gantvā pucchanto –

    ‘‘วาตโรคาภินีโต ตฺวํ, วิหรํ กานเน วเน;

    ‘‘Vātarogābhinīto tvaṃ, viharaṃ kānane vane;

    ปวิทฺธโคจเร ลูเข, กถํ ภิกฺขุ กริสฺสสี’’ติฯ (เถรคา. ๓๕๐) –

    Paviddhagocare lūkhe, kathaṃ bhikkhu karissasī’’ti. (theragā. 350) –

    อาหฯ ตํ สุตฺวา เถโร –

    Āha. Taṃ sutvā thero –

    ‘‘ปีติสุเขน วิปุเลน, ผรมาโน สมุสฺสยํ;

    ‘‘Pītisukhena vipulena, pharamāno samussayaṃ;

    ลูขมฺปิ อภิสโมฺภโนฺต, วิหริสฺสามิ กานเนฯ

    Lūkhampi abhisambhonto, viharissāmi kānane.

    ‘‘ภาเวโนฺต สติปฎฺฐาเน, อินฺทฺริยานิ พลานิ จ;

    ‘‘Bhāvento satipaṭṭhāne, indriyāni balāni ca;

    โพชฺฌงฺคานิ จ ภาเวโนฺต, วิหริสฺสามิ กานเนฯ

    Bojjhaṅgāni ca bhāvento, viharissāmi kānane.

    ‘‘อารทฺธวีริเย ปหิตเตฺต, นิจฺจํ ทฬฺหปรกฺกเม;

    ‘‘Āraddhavīriye pahitatte, niccaṃ daḷhaparakkame;

    สมเคฺค สหิเต ทิสฺวา, วิหริสฺสามิ กานเนฯ

    Samagge sahite disvā, viharissāmi kānane.

    ‘‘อนุสฺสรโนฺต สมฺพุทฺธํ, อคฺคํ ทนฺตํ สมาหิตํ;

    ‘‘Anussaranto sambuddhaṃ, aggaṃ dantaṃ samāhitaṃ;

    อตนฺทิโต รตฺตินฺทิวํ, วิหริสฺสามิ กานเน’’ติฯ (เถรคา. ๓๕๑-๓๕๔) –

    Atandito rattindivaṃ, viharissāmi kānane’’ti. (theragā. 351-354) –

    จตโสฺส คาถาโย อภาสิฯ ตาสํ อโตฺถ เถรคาถาวณฺณนายํ (เถรคา. อฎฺฐ. ๒.๓๕๑-๓๕๔) วุโตฺตเยวฯ เอวํ เถโร วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิฯ

    Catasso gāthāyo abhāsi. Tāsaṃ attho theragāthāvaṇṇanāyaṃ (theragā. aṭṭha. 2.351-354) vuttoyeva. Evaṃ thero vipassanaṃ ussukkāpetvā arahattaṃ pāpuṇi.

    ๒๘. โส อรหตฺตํ ปตฺวา อตฺตโน ปุพฺพกมฺมํ สริตฺวา โสมนสฺสชาโต ปุพฺพจริตาปทานํ ปกาเสโนฺต อิโต สตสหสฺสมฺหีติอาทิมาหฯ ตตฺถ อิโตติ กกุสนฺธาทีนํ อุปฺปนฺนภทฺทกปฺปโต เหฎฺฐา กปฺปสตสหสฺสมตฺถเกติ อโตฺถฯ

    28. So arahattaṃ patvā attano pubbakammaṃ saritvā somanassajāto pubbacaritāpadānaṃ pakāsento ito satasahassamhītiādimāha. Tattha itoti kakusandhādīnaṃ uppannabhaddakappato heṭṭhā kappasatasahassamatthaketi attho.

    ๒๙. ปทุมาการวทโนติ สุปุปฺผิตปทุมสสฺสิรีกมุโขฯ ปทุมปตฺตโกฺขติ เสตปทุมปุปฺผปณฺณสทิสอกฺขีติ อโตฺถฯ

    29.Padumākāravadanoti supupphitapadumasassirīkamukho. Padumapattakkhoti setapadumapupphapaṇṇasadisaakkhīti attho.

    ๓๐. ปทุมุตฺตรคโนฺธวาติ ปทุมคนฺธมุโขติ อโตฺถฯ

    30.Padumuttaragandhovāti padumagandhamukhoti attho.

    ๓๑. อนฺธานํ นยนูปโมติ จกฺขุวิรหิตานํ สตฺตานํ นยนสทิโส, ธมฺมเทสนาย สพฺพสตฺตานํ ปญฺญาจกฺขาทิจกฺขุทายโกติ อโตฺถฯ สนฺตเวโสติ สนฺตสภาโว สนฺตอิริยาปโถฯ คุณนิธีติ คุณานํ นิธิ, สพฺพคุณคณานํ นิธานฎฺฐานภูโตติ อโตฺถฯ กรุณามติอากโรติ สาธูนํ จิตฺตกมฺปนสงฺขาตาย กรุณาย จ อตฺถานตฺถมินนปริจฺฉินฺนมติยา จ อากโร อาธารภูโตฯ

    31.Andhānaṃnayanūpamoti cakkhuvirahitānaṃ sattānaṃ nayanasadiso, dhammadesanāya sabbasattānaṃ paññācakkhādicakkhudāyakoti attho. Santavesoti santasabhāvo santairiyāpatho. Guṇanidhīti guṇānaṃ nidhi, sabbaguṇagaṇānaṃ nidhānaṭṭhānabhūtoti attho. Karuṇāmatiākaroti sādhūnaṃ cittakampanasaṅkhātāya karuṇāya ca atthānatthaminanaparicchinnamatiyā ca ākaro ādhārabhūto.

    ๓๒. พฺรหฺมาสุรสุรจฺจิโตติ พฺรเหฺมหิ จ อสุเรหิ จ เทเวหิ จ อจฺจิโต ปูชิโตติ อโตฺถฯ

    32.Brahmāsurasuraccitoti brahmehi ca asurehi ca devehi ca accito pūjitoti attho.

    ๓๓. มธุเรน รุเตน จาติ กรวีกรุตมธุเรน สเทฺทน สกลํ ชนํ รญฺชยนฺตีติ สมฺพโนฺธฯ สนฺถวี สาวกํ สกนฺติ อตฺตโน สาวกํ มธุรธมฺมเทสนาย สนฺถวี, ถุติํ อกาสีติ อโตฺถฯ

    33.Madhurena rutena cāti karavīkarutamadhurena saddena sakalaṃ janaṃ rañjayantīti sambandho. Santhavī sāvakaṃ sakanti attano sāvakaṃ madhuradhammadesanāya santhavī, thutiṃ akāsīti attho.

    ๓๔. สทฺธาธิมุโตฺตติ สทฺทหนสทฺธาย สาสเน อธิมุโตฺต ปติฎฺฐิโตติ อโตฺถฯ มม ทสฺสนลาลโสติ มยฺหํ ทสฺสเน พฺยาวโฎ ตปฺปโรฯ

    34.Saddhādhimuttoti saddahanasaddhāya sāsane adhimutto patiṭṭhitoti attho. Mama dassanalālasoti mayhaṃ dassane byāvaṭo tapparo.

    ๓๕. ตํ ฐานมภิโรจยินฺติ ตํ สทฺธาธิมุตฺตฎฺฐานนฺตรํ อภิโรจยิํ, อิจฺฉิํ ปเตฺถสินฺติ อโตฺถฯ

    35.Taṃṭhānamabhirocayinti taṃ saddhādhimuttaṭṭhānantaraṃ abhirocayiṃ, icchiṃ patthesinti attho.

    ๔๐. ปีตมฎฺฐนิวาสนนฺติ สิลิฎฺฐสุวณฺณวณฺณวเตฺถ นิวตฺถนฺติ อโตฺถฯ เหมยโญฺญปจิตงฺคนฺติ สุวณฺณปามงฺคลคฺคิตคตฺตนฺติ อโตฺถฯ

    40.Pītamaṭṭhanivāsananti siliṭṭhasuvaṇṇavaṇṇavatthe nivatthanti attho. Hemayaññopacitaṅganti suvaṇṇapāmaṅgalaggitagattanti attho.

    ๔๗-๔๘. โนนีตสุขุมาลํ มนฺติ นวนีตมิว มุทุตลุณหตฺถปาทํฯ ชาตปลฺลวโกมลนฺติ อโสกปลฺลวปตฺตโกมลมิว มุทุกนฺติ อโตฺถฯ ปิสาจีภยตชฺชิตาติ ตทา เอวํภูตํ กุมารํ มํ อญฺญา ปิสาจี เอกา รกฺขสี ภเยน ตเชฺชสิ ภิํสาเปสีติ อโตฺถฯ ตทา มเหสิสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปาทมูเล มํ สาเยสุํ นิปชฺชาเปสุํฯ ทีนมานสา ภีตจิตฺตา มม มาตาปิตโร อิมํ ทารกํ เต ททาม, อิมสฺส สรณํ ปติฎฺฐา โหตุ นาถ นายกาติ สมฺพโนฺธฯ

    47-48.Nonītasukhumālaṃ manti navanītamiva mudutaluṇahatthapādaṃ. Jātapallavakomalanti asokapallavapattakomalamiva mudukanti attho. Pisācībhayatajjitāti tadā evaṃbhūtaṃ kumāraṃ maṃ aññā pisācī ekā rakkhasī bhayena tajjesi bhiṃsāpesīti attho. Tadā mahesissa sammāsambuddhassa pādamūle maṃ sāyesuṃ nipajjāpesuṃ. Dīnamānasā bhītacittā mama mātāpitaro imaṃ dārakaṃ te dadāma, imassa saraṇaṃ patiṭṭhā hotu nātha nāyakāti sambandho.

    ๔๙. ตทา ปฎิคฺคหิ โส มนฺติ โส ภควา ตทา ตสฺมิํ มม มาตุยา ทินฺนกาเล ชาลินา ชาลยุเตฺตน สงฺขาลเกน จกฺกลกฺขณาทีหิ ลกฺขิเตน มุทุโกมลปาณินา มุทุเกน วิสุเทฺธน หตฺถตเลน มํ อคฺคเหสีติ อโตฺถฯ

    49.Tadā paṭiggahi so manti so bhagavā tadā tasmiṃ mama mātuyā dinnakāle jālinā jālayuttena saṅkhālakena cakkalakkhaṇādīhi lakkhitena mudukomalapāṇinā mudukena visuddhena hatthatalena maṃ aggahesīti attho.

    ๕๒. สพฺพปารมิสมฺภูตนฺติ สเพฺพหิ ทานปารมิตาทีหิ สมฺภูตํ ชาตํฯ นีลกฺขินยนํ วรํ ปุญฺญสมฺภารชํ อุตฺตมนีลอกฺขิวนฺตํฯ สพฺพสุภากิณฺณํ สเพฺพน สุเภน วเณฺณน สณฺฐาเนน อากิณฺณํ คหนีภูตํ รูปํ ภควโต หตฺถปาทสีสาทิรูปํ ทิสฺวาติ อโตฺถ, ติตฺติํ อปโตฺต วิหรามิ อหนฺติ สมฺพโนฺธฯ

    52.Sabbapāramisambhūtanti sabbehi dānapāramitādīhi sambhūtaṃ jātaṃ. Nīlakkhinayanaṃ varaṃ puññasambhārajaṃ uttamanīlaakkhivantaṃ. Sabbasubhākiṇṇaṃ sabbena subhena vaṇṇena saṇṭhānena ākiṇṇaṃ gahanībhūtaṃ rūpaṃ bhagavato hatthapādasīsādirūpaṃ disvāti attho, tittiṃ apatto viharāmi ahanti sambandho.

    ๖๑. ตทา มํ จรณนฺตโคติ ตสฺมิํ มยฺหํ อรหตฺตํ ปตฺตกาเล สีลาทิปนฺนรสนฺนํ จรณธมฺมานํ อนฺตโค, ปริโยสานปฺปโตฺต ปริปูรการีติ อโตฺถฯ ‘‘มรณนฺตโค’’ติปิ ปาโฐฯ ตสฺส มรณสฺส อนฺตํ นิพฺพานํ ปโตฺตติ อโตฺถฯ สทฺธาธิมุตฺตานํ อคฺคํ ปญฺญเปสีติ สมฺพโนฺธฯ อถ สตฺถา ภิกฺขุสงฺฆมเชฺฌ นิสิโนฺน ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ สทฺธาธิมุตฺตานํ ยทิทํ, วกฺกลี’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๙๘, ๒๐๘) มํ เอตทคฺคฎฺฐาเน ฐเปสีติ วุตฺตํ โหติฯ เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวาติฯ

    61.Tadā maṃ caraṇantagoti tasmiṃ mayhaṃ arahattaṃ pattakāle sīlādipannarasannaṃ caraṇadhammānaṃ antago, pariyosānappatto paripūrakārīti attho. ‘‘Maraṇantago’’tipi pāṭho. Tassa maraṇassa antaṃ nibbānaṃ pattoti attho. Saddhādhimuttānaṃ aggaṃ paññapesīti sambandho. Atha satthā bhikkhusaṅghamajjhe nisinno ‘‘etadaggaṃ, bhikkhave, mama sāvakānaṃ saddhādhimuttānaṃ yadidaṃ, vakkalī’’ti (a. ni. 1.198, 208) maṃ etadaggaṭṭhāne ṭhapesīti vuttaṃ hoti. Sesaṃ suviññeyyamevāti.

    วกฺกลิเตฺถรอปทานวณฺณนา สมตฺตาฯ

    Vakkalittheraapadānavaṇṇanā samattā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อปทานปาฬิ • Apadānapāḷi / ๒. วกฺกลิเตฺถรอปทานํ • 2. Vakkalittheraapadānaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact