Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā

    ๘. วกฺกลิเตฺถรคาถาวณฺณนา

    8. Vakkalittheragāthāvaṇṇanā

    วาตโรคาภินีโตติอาทิกา อายสฺมโต วกฺกลิเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุญฺญานิ อุปจินโนฺต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปโตฺต สตฺถุ สนฺติกํ คจฺฉเนฺตหิ อุปาสเกหิ สทฺธิํ วิหารํ คนฺตฺวา ปริสปริยเนฺต ฐิโต ธมฺมํ สุณโนฺต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ สทฺธาธิมุตฺตานํ อคฺคฎฺฐาเน ฐเปนฺตํ ทิสฺวา สยมฺปิ ตํ ฐานํ ปเตฺถโนฺต สตฺตาหํ มหาทานํ ทตฺวา ปณิธานํ อกาสิฯ สตฺถา ตสฺส อนนฺตรายตํ ทิสฺวา พฺยากริฯ

    Vātarogābhinītotiādikā āyasmato vakkalittherassa gāthā. Kā uppatti? Ayampi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave puññāni upacinanto padumuttarassa bhagavato kāle haṃsavatīnagare kulagehe nibbattitvā viññutaṃ patto satthu santikaṃ gacchantehi upāsakehi saddhiṃ vihāraṃ gantvā parisapariyante ṭhito dhammaṃ suṇanto satthāraṃ ekaṃ bhikkhuṃ saddhādhimuttānaṃ aggaṭṭhāne ṭhapentaṃ disvā sayampi taṃ ṭhānaṃ patthento sattāhaṃ mahādānaṃ datvā paṇidhānaṃ akāsi. Satthā tassa anantarāyataṃ disvā byākari.

    โสปิ ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อมฺหากํ สตฺถุ กาเล สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ, วกฺกลีติสฺส นามํ อกํสุฯ โส วุทฺธิปฺปโตฺต ตโย เวเท อุคฺคณฺหิตฺวา พฺราหฺมณสิเปฺปสุ นิปฺผตฺติํ คโต สตฺถารํ ทิสฺวา รูปกายสฺส สมฺปตฺติทสฺสเนน อติโตฺต สตฺถารา สทฺธิํเยว วิจรติฯ ‘‘อคารมเชฺฌ วสโนฺต นิจฺจกาลํ สตฺถารํ ทฎฺฐุํ น ลภิสฺสามี’’ติ สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ฐเปตฺวา โภชนเวลํ สรีรกิจฺจกาลญฺจ เสสกาเล ยตฺถ ฐิเตน สกฺกา ทสพลํ ปสฺสิตุํ, ตตฺถ ฐิโต อญฺญํ กิจฺจํ ปหาย ภควนฺตํ โอโลเกโนฺตว วิหรติฯ สตฺถา ตสฺส ญาณปริปากํ อาคเมโนฺต พหุกาลํ ตสฺมิํ รูปทสฺสเนเนว วิจรเนฺต กิญฺจิ อวตฺวา ปุเนกทิวสํ ‘‘กิํ เต, วกฺกลิ, อิมินา ปูติกาเยน ทิเฎฺฐน? โย โข, วกฺกลิ, ธมฺมํ ปสฺสติ, โส มํ ปสฺสติฯ โย มํ ปสฺสติ, โส ธมฺมํ ปสฺสติฯ ธมฺมญฺหิ, วกฺกลิ, ปสฺสโนฺต มํ ปสฺสติ, มํ ปสฺสโนฺต ธมฺมํ ปสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๘๗) อาหฯ

    Sopi yāvajīvaṃ kusalaṃ katvā devamanussesu saṃsaranto amhākaṃ satthu kāle sāvatthiyaṃ brāhmaṇakule nibbatti, vakkalītissa nāmaṃ akaṃsu. So vuddhippatto tayo vede uggaṇhitvā brāhmaṇasippesu nipphattiṃ gato satthāraṃ disvā rūpakāyassa sampattidassanena atitto satthārā saddhiṃyeva vicarati. ‘‘Agāramajjhe vasanto niccakālaṃ satthāraṃ daṭṭhuṃ na labhissāmī’’ti satthu santike pabbajitvā ṭhapetvā bhojanavelaṃ sarīrakiccakālañca sesakāle yattha ṭhitena sakkā dasabalaṃ passituṃ, tattha ṭhito aññaṃ kiccaṃ pahāya bhagavantaṃ olokentova viharati. Satthā tassa ñāṇaparipākaṃ āgamento bahukālaṃ tasmiṃ rūpadassaneneva vicarante kiñci avatvā punekadivasaṃ ‘‘kiṃ te, vakkali, iminā pūtikāyena diṭṭhena? Yo kho, vakkali, dhammaṃ passati, so maṃ passati. Yo maṃ passati, so dhammaṃ passati. Dhammañhi, vakkali, passanto maṃ passati, maṃ passanto dhammaṃ passatī’’ti (saṃ. ni. 3.87) āha.

    สตฺถริ เอวํ วทเนฺตปิ เถโร สตฺถุ ทสฺสนํ ปหาย อญฺญตฺถ คนฺตุํ น สโกฺกติฯ ตโต สตฺถา ‘‘นายํ ภิกฺขุ สํเวคํ อลภิตฺวา พุชฺฌิสฺสตี’’ติ วสฺสูปนายิกทิวเส ‘‘อเปหิ, วกฺกลี’’ติ เถรํ ปณาเมสิฯ โส สตฺถารา ปณามิโต สมฺมุเข ฐาตุํ อสโกฺกโนฺต ‘‘กิํ มยฺหํ ชีวิเตน, โยหํ สตฺถารํ ทฎฺฐุํ น ลภามี’’ติ คิชฺฌกูฎปพฺพเต ปปาตฎฺฐานํ อภิรุหิฯ สตฺถา ตสฺส ตํ ปวตฺติํ ญตฺวา ‘‘อยํ ภิกฺขุ มม สนฺติกา อสฺสาสํ อลภโนฺต มคฺคผลานํ อุปนิสฺสยํ นาเสยฺยา’’ติ อตฺตานํ ทเสฺสตุํ โอภาสํ วิสฺสเชฺชโนฺต –

    Satthari evaṃ vadantepi thero satthu dassanaṃ pahāya aññattha gantuṃ na sakkoti. Tato satthā ‘‘nāyaṃ bhikkhu saṃvegaṃ alabhitvā bujjhissatī’’ti vassūpanāyikadivase ‘‘apehi, vakkalī’’ti theraṃ paṇāmesi. So satthārā paṇāmito sammukhe ṭhātuṃ asakkonto ‘‘kiṃ mayhaṃ jīvitena, yohaṃ satthāraṃ daṭṭhuṃ na labhāmī’’ti gijjhakūṭapabbate papātaṭṭhānaṃ abhiruhi. Satthā tassa taṃ pavattiṃ ñatvā ‘‘ayaṃ bhikkhu mama santikā assāsaṃ alabhanto maggaphalānaṃ upanissayaṃ nāseyyā’’ti attānaṃ dassetuṃ obhāsaṃ vissajjento –

    ‘‘ปาโมชฺชพหุโล ภิกฺขุ, ปสโนฺน พุทฺธสาสเน;

    ‘‘Pāmojjabahulo bhikkhu, pasanno buddhasāsane;

    อธิคเจฺฉ ปทํ สนฺตํ, สงฺขารูปสมํ สุข’’นฺติฯ (ธ. ป. ๓๘๑) –

    Adhigacche padaṃ santaṃ, saṅkhārūpasamaṃ sukha’’nti. (dha. pa. 381) –

    คาถํ วตฺวา ‘‘เอหิ, วกฺกลี’’ติ หตฺถํ ปสาเรสิฯ เถโร ‘‘ทสพโล เม ทิโฎฺฐ, ‘เอหี’ติ อวฺหานมฺปิ ลทฺธ’’นฺติ พลวปีติโสมนสฺสํ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘กุโต อาคจฺฉามี’’ติ อตฺตโน คมนภาวํ อชานิตฺวา สตฺถุ สมฺมุเข อากาเส ปกฺขนฺทโนฺต ปฐมปาเทน ปพฺพเต ฐิโตเยว สตฺถารา วุตฺตคาถํ อาวเชฺชโนฺต อากาเสเยว ปีติํ วิกฺขเมฺภตฺวา สห ปฎิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณีติ องฺคุตฺตรฎฺฐกถายํ (อ. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑.๒๐๘) ธมฺมปทวณฺณนายญฺจ (ธ. ป. อฎฺฐ. ๒.๓๘๑) อาคตํฯ

    Gāthaṃ vatvā ‘‘ehi, vakkalī’’ti hatthaṃ pasāresi. Thero ‘‘dasabalo me diṭṭho, ‘ehī’ti avhānampi laddha’’nti balavapītisomanassaṃ uppādetvā ‘‘kuto āgacchāmī’’ti attano gamanabhāvaṃ ajānitvā satthu sammukhe ākāse pakkhandanto paṭhamapādena pabbate ṭhitoyeva satthārā vuttagāthaṃ āvajjento ākāseyeva pītiṃ vikkhambhetvā saha paṭisambhidāhi arahattaṃ pāpuṇīti aṅguttaraṭṭhakathāyaṃ (a. ni. aṭṭha. 1.1.208) dhammapadavaṇṇanāyañca (dha. pa. aṭṭha. 2.381) āgataṃ.

    อิธ ปน เอวํ วทนฺติ – ‘‘กิํ เต, วกฺกลี’’ติอาทินา สตฺถารา โอวทิโต คิชฺฌกูเฎ วิหรโนฺต วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปสิ, ตสฺส สทฺธาย พลวภาวโต เอว วิปสฺสนา วีถิํ น โอตรติ, ภควา ตํ ญตฺวา กมฺมฎฺฐานํ โสเธตฺวา อทาสิฯ ปุน วิปสฺสนํ มตฺถกํ ปาเปตุํ นาสกฺขิเยว, อถสฺส อาหารเวกเลฺลน วาตาพาโธ อุปฺปชฺชิ, ตํ วาตาพาเธน ปีฬิยมานํ ญตฺวา ภควา ตตฺถ คนฺตฺวา ปุจฺฉโนฺต –

    Idha pana evaṃ vadanti – ‘‘kiṃ te, vakkalī’’tiādinā satthārā ovadito gijjhakūṭe viharanto vipassanaṃ paṭṭhapesi, tassa saddhāya balavabhāvato eva vipassanā vīthiṃ na otarati, bhagavā taṃ ñatvā kammaṭṭhānaṃ sodhetvā adāsi. Puna vipassanaṃ matthakaṃ pāpetuṃ nāsakkhiyeva, athassa āhāravekallena vātābādho uppajji, taṃ vātābādhena pīḷiyamānaṃ ñatvā bhagavā tattha gantvā pucchanto –

    ๓๕๐.

    350.

    ‘‘วาตโรคาภินีโต ตฺวํ, วิหรํ กานเน วเน;

    ‘‘Vātarogābhinīto tvaṃ, viharaṃ kānane vane;

    ปวิทฺธโคจเร ลูเข, กถํ ภิกฺขุ กริสฺสสี’’ติฯ –

    Paviddhagocare lūkhe, kathaṃ bhikkhu karissasī’’ti. –

    อาหฯ ตํ สุตฺวา เถโร –

    Āha. Taṃ sutvā thero –

    ๓๕๑.

    351.

    ‘‘ปีติสุเขน วิปุเลน, ผรมาโน สมุสฺสยํ;

    ‘‘Pītisukhena vipulena, pharamāno samussayaṃ;

    ลูขมฺปิ อภิสโมฺภโนฺต, วิหริสฺสามิ กานเนฯ

    Lūkhampi abhisambhonto, viharissāmi kānane.

    ๓๕๒.

    352.

    ‘‘ภาเวโนฺต สติปฎฺฐาเน, อินฺทฺริยานิ พลานิ จ;

    ‘‘Bhāvento satipaṭṭhāne, indriyāni balāni ca;

    โพชฺฌงฺคานิ จ ภาเวโนฺต, วิหริสฺสามิ กานเนฯ

    Bojjhaṅgāni ca bhāvento, viharissāmi kānane.

    ๓๕๓.

    353.

    ‘‘อารทฺธวีริเย ปหิตเตฺต, นิจฺจํ ทฬฺหปรกฺกเม;

    ‘‘Āraddhavīriye pahitatte, niccaṃ daḷhaparakkame;

    สมเคฺค สหิเต ทิสฺวา, วิหริสฺสามิ กานเนฯ

    Samagge sahite disvā, viharissāmi kānane.

    ๓๕๔.

    354.

    ‘‘อนุสฺสรโนฺต สมฺพุทฺธํ, อคฺคํ ทนฺตํ สมาหิตํ;

    ‘‘Anussaranto sambuddhaṃ, aggaṃ dantaṃ samāhitaṃ;

    อตนฺทิโต รตฺตินฺทิวํ, วิหริสฺสามิ กานเน’’ติฯ –

    Atandito rattindivaṃ, viharissāmi kānane’’ti. –

    จตโสฺส คาถา อภาสิฯ

    Catasso gāthā abhāsi.

    ตตฺถ วาตโรคาภินีโตติ วาตาพาเธน อเสริภาวํ อุปนีโต, วาตพฺยาธินา อภิภูโตฯ ตฺวนฺติ เถรํ อาลปติฯ วิหรนฺติ เตน อิริยาปถวิหาเรน วิหรโนฺตฯ กานเน วเนติ กานนภูเต วเน, มหาอรเญฺญติ อโตฺถฯ ปวิทฺธโคจเรติ วิสฺสฎฺฐโคจเร ทุลฺลภปจฺจเยฯ วาตโรคสฺส สปฺปายานํ สปฺปิอาทิเภสชฺชานํ อภาเวน ผรุสภูมิภาคตาย จ ลูเข ลูขฎฺฐาเนฯ กถํ ภิกฺขุ กริสฺสสีติ ภิกฺขุ ตฺวํ กถํ วิหริสฺสสีติ ภควา ปุจฺฉิฯ

    Tattha vātarogābhinītoti vātābādhena aseribhāvaṃ upanīto, vātabyādhinā abhibhūto. Tvanti theraṃ ālapati. Viharanti tena iriyāpathavihārena viharanto. Kānane vaneti kānanabhūte vane, mahāaraññeti attho. Paviddhagocareti vissaṭṭhagocare dullabhapaccaye. Vātarogassa sappāyānaṃ sappiādibhesajjānaṃ abhāvena pharusabhūmibhāgatāya ca lūkhe lūkhaṭṭhāne. Kathaṃ bhikkhu karissasīti bhikkhu tvaṃ kathaṃ viharissasīti bhagavā pucchi.

    ตํ สุตฺวา เถโร นิรามิสปีติโสมนสฺสาทินา อตฺตโน สุขวิหารํ ปกาเสโนฺต ‘‘ปีติสุเขนา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ปีติสุเขนาติ อุเพฺพคลกฺขณาย ผรณลกฺขณาย จ ปีติยา ตํสมฺปยุตฺตสุเขน จฯ เตนาห ‘‘วิปุเลนา’’ติ อุฬาเรนาติ อโตฺถฯ ผรมาโน สมุสฺสยนฺติ ยถาวุตฺตปีติสุขสมุฎฺฐิเตหิ ปณีเตหิ รูเปหิ สกลํ กายํ ผราเปโนฺต นิรนฺตรํ ผุฎํ กโรโนฺตฯ ลูขมฺปิ อภิสโมฺภโนฺตติ อรญฺญาวาสชนิตํ สเลฺลขวุตฺติเหตุกํ ทุสฺสหมฺปิ ปจฺจยลูขํ อภิภวโนฺต อธิวาเสโนฺตฯ วิหริสฺสามิ กานเนติ ฌานสุเขน วิปสฺสนาสุเขน จ อรญฺญายตเน วิหริสฺสามีติ อโตฺถฯ เตนาห – ‘‘สุขญฺจ กาเยน ปฎิสํเวเทสิ’’นฺติ (ปารา. ๑๑)ฯ

    Taṃ sutvā thero nirāmisapītisomanassādinā attano sukhavihāraṃ pakāsento ‘‘pītisukhenā’’tiādimāha. Tattha pītisukhenāti ubbegalakkhaṇāya pharaṇalakkhaṇāya ca pītiyā taṃsampayuttasukhena ca. Tenāha ‘‘vipulenā’’ti uḷārenāti attho. Pharamāno samussayanti yathāvuttapītisukhasamuṭṭhitehi paṇītehi rūpehi sakalaṃ kāyaṃ pharāpento nirantaraṃ phuṭaṃ karonto. Lūkhampi abhisambhontoti araññāvāsajanitaṃ sallekhavuttihetukaṃ dussahampi paccayalūkhaṃ abhibhavanto adhivāsento. Viharissāmi kānaneti jhānasukhena vipassanāsukhena ca araññāyatane viharissāmīti attho. Tenāha – ‘‘sukhañca kāyena paṭisaṃvedesi’’nti (pārā. 11).

    ‘‘ยโต ยโต สมฺมสติ, ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ;

    ‘‘Yato yato sammasati, khandhānaṃ udayabbayaṃ;

    ลภตี ปีติปาโมชฺชํ, อมตํ ตํ วิชานต’’นฺติ จฯ (ธ. ป. ๓๗๔);

    Labhatī pītipāmojjaṃ, amataṃ taṃ vijānata’’nti ca. (dha. pa. 374);

    ภาเวโนฺต สติปฎฺฐาเนติ มคฺคปริยาปเนฺน กายานุปสฺสนาทิเก จตฺตาโร สติปฎฺฐาเน อุปฺปาเทโนฺต วเฑฺฒโนฺต จฯ อินฺทฺริยานีติ มคฺคปริยาปนฺนานิ เอว สทฺธาทีนิ ปญฺจินฺทฺริยานิฯ พลานีติ ตถา สทฺธาทีนิ ปญฺจ พลานิฯ โพชฺฌงฺคานีติ ตถา สติสโมฺพชฺฌงฺคาทีนิ สตฺต โพชฺฌงฺคานิฯ -สเทฺทน สมฺมปฺปธานอิทฺธิปาทมคฺคงฺคานิ สงฺคณฺหาติฯ ตทวินาภาวโต หิ ตคฺคหเณเนว เตสํ คหณํ โหติฯ วิหริสฺสามีติ ยถาวุเตฺต โพธิปกฺขิยธเมฺม ภาเวโนฺต มคฺคสุเขน ตทธิคมสิเทฺธน ผลสุเขน นิพฺพานสุเขน จ วิหริสฺสามิฯ

    Bhāvento satipaṭṭhāneti maggapariyāpanne kāyānupassanādike cattāro satipaṭṭhāne uppādento vaḍḍhento ca. Indriyānīti maggapariyāpannāni eva saddhādīni pañcindriyāni. Balānīti tathā saddhādīni pañca balāni. Bojjhaṅgānīti tathā satisambojjhaṅgādīni satta bojjhaṅgāni. Ca-saddena sammappadhānaiddhipādamaggaṅgāni saṅgaṇhāti. Tadavinābhāvato hi taggahaṇeneva tesaṃ gahaṇaṃ hoti. Viharissāmīti yathāvutte bodhipakkhiyadhamme bhāvento maggasukhena tadadhigamasiddhena phalasukhena nibbānasukhena ca viharissāmi.

    อารทฺธวีริเยติ จตุพฺพิธสมฺมปฺปธานวเสน ปคฺคหิตวีริเยฯ ปหิตเตฺตติ นิพฺพานํ ปติเปสิตจิเตฺตฯ นิจฺจํ ทฬฺหปรกฺกเมติ สพฺพกาลํ อสิถิลวีริเยฯ อวิวาทวเสน กายสามคฺคิทานวเสน จ สมเคฺคฯ ทิฎฺฐิสีลสามเญฺญน สหิเต สพฺรหฺมจารี ทิสฺวาฯ เอเตน กลฺยาณมิตฺตสมฺปตฺติํ ทเสฺสติฯ

    Āraddhavīriyeti catubbidhasammappadhānavasena paggahitavīriye. Pahitatteti nibbānaṃ patipesitacitte. Niccaṃ daḷhaparakkameti sabbakālaṃ asithilavīriye. Avivādavasena kāyasāmaggidānavasena ca samagge. Diṭṭhisīlasāmaññena sahite sabrahmacārī disvā. Etena kalyāṇamittasampattiṃ dasseti.

    อนุสฺสรโนฺต สมฺพุทฺธนฺติ สมฺมา สามํ สพฺพธมฺมานํ พุทฺธตฺตา สมฺมาสมฺพุทฺธํ สพฺพสตฺตุตฺตมตาย, อคฺคํ อุตฺตเมน ทมเถน ทนฺตํ, อนุตฺตรสมาธินา สมาหิตํ อตนฺทิโต อนลโส หุตฺวา, รตฺตินฺทิวํ สพฺพกาลํ ‘‘อิติปิ โส ภควา อรห’’นฺติอาทินา อนุสฺสรโนฺต วิหริสฺสามิฯ เอเตน พุทฺธานุสฺสติภาวนาย ยุตฺตาการทสฺสเนน สพฺพตฺถ กมฺมฎฺฐานานุโยคมาห, ปุริเมน ปาริหาริยกมฺมฎฺฐานานุโยคํฯ

    Anussaranto sambuddhanti sammā sāmaṃ sabbadhammānaṃ buddhattā sammāsambuddhaṃ sabbasattuttamatāya, aggaṃ uttamena damathena dantaṃ, anuttarasamādhinā samāhitaṃ atandito analaso hutvā, rattindivaṃ sabbakālaṃ ‘‘itipi so bhagavā araha’’ntiādinā anussaranto viharissāmi. Etena buddhānussatibhāvanāya yuttākāradassanena sabbattha kammaṭṭhānānuyogamāha, purimena pārihāriyakammaṭṭhānānuyogaṃ.

    เอวํ ปน วตฺวา เถโร วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๔.๒๘-๖๕) –

    Evaṃ pana vatvā thero vipassanaṃ ussukkāpetvā arahattaṃ pāpuṇi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 2.54.28-65) –

    ‘‘อิโต สตสหสฺสมฺหิ, กเปฺป อุปฺปชฺชิ นายโก;

    ‘‘Ito satasahassamhi, kappe uppajji nāyako;

    อโนมนาโม อมิโต, นาเมน ปทุมุตฺตโรฯ

    Anomanāmo amito, nāmena padumuttaro.

    ‘‘ปทุมาการวทโน, ปทุมามลสุจฺฉวี;

    ‘‘Padumākāravadano, padumāmalasucchavī;

    โลเกนานุปลิโตฺตว, โตเยน ปทุมํ ยถาฯ

    Lokenānupalittova, toyena padumaṃ yathā.

    ‘‘วีโร ปทุมปตฺตโกฺข, กโนฺต จ ปทุมํ ยถา;

    ‘‘Vīro padumapattakkho, kanto ca padumaṃ yathā;

    ปทุมุตฺตรคโนฺธว, ตสฺมา โส ปทุมุตฺตโรฯ

    Padumuttaragandhova, tasmā so padumuttaro.

    ‘‘โลกเชโฎฺฐ จ นิมฺมาโน, อนฺธานํ นยนูปโม;

    ‘‘Lokajeṭṭho ca nimmāno, andhānaṃ nayanūpamo;

    สนฺตเวโส คุณนิธิ, กรุณามติสาคโรฯ

    Santaveso guṇanidhi, karuṇāmatisāgaro.

    ‘‘ส กทาจิ มหาวีโร, พฺรหฺมาสุรสุรจฺจิโต;

    ‘‘Sa kadāci mahāvīro, brahmāsurasuraccito;

    สเทวมนุชากิเณฺณ, ชนมเชฺฌ ชินุตฺตโมฯ

    Sadevamanujākiṇṇe, janamajjhe jinuttamo.

    ‘‘วทเนน สุคเนฺธน, มธุเรน รุเตน จ;

    ‘‘Vadanena sugandhena, madhurena rutena ca;

    รญฺชยํ ปริสํ สพฺพํ, สนฺถวี สาวกํ สกํฯ

    Rañjayaṃ parisaṃ sabbaṃ, santhavī sāvakaṃ sakaṃ.

    ‘‘สทฺธาธิมุโตฺต สุมติ, มม ทสฺสนลาลโส;

    ‘‘Saddhādhimutto sumati, mama dassanalālaso;

    นตฺถิ เอตาทิโส อโญฺญ, ยถายํ ภิกฺขุ วกฺกลิฯ

    Natthi etādiso añño, yathāyaṃ bhikkhu vakkali.

    ‘‘ตทาหํ หํสวติยํ, นคเร พฺราหฺมณตฺรโช;

    ‘‘Tadāhaṃ haṃsavatiyaṃ, nagare brāhmaṇatrajo;

    หุตฺวา สุตฺวา จ ตํ วากฺยํ, ตํ ฐานมภิโรจยิํฯ

    Hutvā sutvā ca taṃ vākyaṃ, taṃ ṭhānamabhirocayiṃ.

    ‘‘สสาวกํ ตํ วิมลํ, นิมเนฺตตฺวา ตถาคตํ;

    ‘‘Sasāvakaṃ taṃ vimalaṃ, nimantetvā tathāgataṃ;

    สตฺตาหํ โภชยิตฺวาน, ทุเสฺสหจฺฉาทยิํ ตทาฯ

    Sattāhaṃ bhojayitvāna, dussehacchādayiṃ tadā.

    ‘‘นิปจฺจ สิรสา ตสฺส, อนนฺตคุณสาคเร;

    ‘‘Nipacca sirasā tassa, anantaguṇasāgare;

    นิมุโคฺค ปีติสมฺปุโณฺณ, อิทํ วจนมพฺรวิํฯ

    Nimuggo pītisampuṇṇo, idaṃ vacanamabraviṃ.

    ‘‘โย โส ตยา สนฺถวิโต, อิโต สตฺตมเก มุนิ;

    ‘‘Yo so tayā santhavito, ito sattamake muni;

    ภิกฺขุ สทฺธาวตํ อโคฺค, ตาทิโส โหมหํ มุเนฯ

    Bhikkhu saddhāvataṃ aggo, tādiso homahaṃ mune.

    ‘‘เอวํ วุเตฺต มหาวีโร, อนาวรณทสฺสโน;

    ‘‘Evaṃ vutte mahāvīro, anāvaraṇadassano;

    อิมํ วากฺยํ อุทีเรสิ, ปริสาย มหามุนิฯ

    Imaṃ vākyaṃ udīresi, parisāya mahāmuni.

    ‘‘ปสฺสเถตํ มาณวกํ, ปีตมฎฺฐนิวาสนํ;

    ‘‘Passathetaṃ māṇavakaṃ, pītamaṭṭhanivāsanaṃ;

    เหมยโญฺญปจิตงฺคํ, ชนเนตฺตมโนหรํฯ

    Hemayaññopacitaṅgaṃ, jananettamanoharaṃ.

    ‘‘เอโส อนาคตทฺธาเน, โคตมสฺส มเหสิโน;

    ‘‘Eso anāgataddhāne, gotamassa mahesino;

    อโคฺค สทฺธาธิมุตฺตานํ, สาวโกยํ ภวิสฺสติฯ

    Aggo saddhādhimuttānaṃ, sāvakoyaṃ bhavissati.

    ‘‘เทวภูโต มนุโสฺส วา, สพฺพสนฺตาปวชฺชิโต;

    ‘‘Devabhūto manusso vā, sabbasantāpavajjito;

    สพฺพโภคปริพฺยูโฬฺห, สุขิโต สํสริสฺสติฯ

    Sabbabhogaparibyūḷho, sukhito saṃsarissati.

    ‘‘สตสหสฺสิโต กเปฺป, โอกฺกากกุลสมฺภโว;

    ‘‘Satasahassito kappe, okkākakulasambhavo;

    โคตโม นาม โคเตฺตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติฯ

    Gotamo nāma gottena, satthā loke bhavissati.

    ‘‘ตสฺส ธเมฺมสุ ทายาโท, โอรโส ธมฺมนิมฺมิโต;

    ‘‘Tassa dhammesu dāyādo, oraso dhammanimmito;

    วกฺกลิ นาม นาเมน, เหสฺสติ สตฺถุ สาวโกฯ

    Vakkali nāma nāmena, hessati satthu sāvako.

    ‘‘เตน กมฺมวิเสเสน, เจตนาปณิธีหิ จ;

    ‘‘Tena kammavisesena, cetanāpaṇidhīhi ca;

    ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวติํสมคจฺฉหํฯ

    Jahitvā mānusaṃ dehaṃ, tāvatiṃsamagacchahaṃ.

    ‘‘สพฺพตฺถ สุขิโต หุตฺวา, สํสรโนฺต ภวาภเว;

    ‘‘Sabbattha sukhito hutvā, saṃsaranto bhavābhave;

    สาวตฺถิยํ ปุเร ชาโต, กุเล อญฺญตเร อหํฯ

    Sāvatthiyaṃ pure jāto, kule aññatare ahaṃ.

    ‘‘โนนีตสุขุมาลํ มํ, ชาตปลฺลวโกมลํ;

    ‘‘Nonītasukhumālaṃ maṃ, jātapallavakomalaṃ;

    มนฺทํ อุตฺตานสยนํ, ปิสาจภยตชฺชิตาฯ

    Mandaṃ uttānasayanaṃ, pisācabhayatajjitā.

    ‘‘ปาทมูเล มเหสิสฺส, สาเยสุํ ทีนมานสา;

    ‘‘Pādamūle mahesissa, sāyesuṃ dīnamānasā;

    อิมํ ททาม เต นาถ, สรณํ โหหิ นายกฯ

    Imaṃ dadāma te nātha, saraṇaṃ hohi nāyaka.

    ‘‘ตทา ปฎิคฺคหิ โส มํ, ภีตานํ สรโณ มุนิ;

    ‘‘Tadā paṭiggahi so maṃ, bhītānaṃ saraṇo muni;

    ชาลินา จกฺกงฺกิเตน, มุทุโกมลปาณินาฯ

    Jālinā cakkaṅkitena, mudukomalapāṇinā.

    ‘‘ตทา ปภุติ เตนาหํ, อรเกฺขเยฺยน รกฺขิโต;

    ‘‘Tadā pabhuti tenāhaṃ, arakkheyyena rakkhito;

    สพฺพเวรวินิมุโตฺต, สุเขน ปริวุทฺธิโตฯ

    Sabbaveravinimutto, sukhena parivuddhito.

    ‘‘สุคเตน วินา ภูโต, อุกฺกณฺฐามิ มุหุตฺตกํ;

    ‘‘Sugatena vinā bhūto, ukkaṇṭhāmi muhuttakaṃ;

    ชาติยา สตฺตวโสฺสหํ, ปพฺพชิํ อนคาริยํฯ

    Jātiyā sattavassohaṃ, pabbajiṃ anagāriyaṃ.

    ‘‘สพฺพปารมิสมฺภูตํ , นีลกฺขินยนํ วรํ;

    ‘‘Sabbapāramisambhūtaṃ , nīlakkhinayanaṃ varaṃ;

    รูปํ สพฺพสุภากิณฺณํ, อติโตฺต วิหรามหํฯ

    Rūpaṃ sabbasubhākiṇṇaṃ, atitto viharāmahaṃ.

    ‘‘พุทฺธรูปรติํ ญตฺวา, ตทา โอวทิ มํ ชิโน;

    ‘‘Buddharūparatiṃ ñatvā, tadā ovadi maṃ jino;

    อลํ วกฺกลิ กิํ รูเป, รมเส พาลนนฺทิเตฯ

    Alaṃ vakkali kiṃ rūpe, ramase bālanandite.

    ‘‘โย หิ ปสฺสติ สทฺธมฺมํ, โส มํ ปสฺสติ ปณฺฑิโต;

    ‘‘Yo hi passati saddhammaṃ, so maṃ passati paṇḍito;

    อปสฺสมาโน สทฺธมฺมํ, มํ ปสฺสมฺปิ น ปสฺสติฯ

    Apassamāno saddhammaṃ, maṃ passampi na passati.

    ‘‘อนนฺตาทีนโว กาโย, วิสรุกฺขสมูปโม;

    ‘‘Anantādīnavo kāyo, visarukkhasamūpamo;

    อาวาโส สพฺพโรคานํ, ปุโญฺช ทุกฺขสฺส เกวโลฯ

    Āvāso sabbarogānaṃ, puñjo dukkhassa kevalo.

    ‘‘นิพฺพินฺทิย ตโต รูเป, ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ;

    ‘‘Nibbindiya tato rūpe, khandhānaṃ udayabbayaṃ;

    ปสฺส อุปกฺกิเลสานํ, สุเขนนฺตํ คมิสฺสสิฯ

    Passa upakkilesānaṃ, sukhenantaṃ gamissasi.

    ‘‘เอวํ เตนานุสิโฎฺฐหํ, นายเกน หิเตสินา;

    ‘‘Evaṃ tenānusiṭṭhohaṃ, nāyakena hitesinā;

    คิชฺฌกูฎํ สมารุยฺห, ฌายามิ คิริกนฺทเรฯ

    Gijjhakūṭaṃ samāruyha, jhāyāmi girikandare.

    ‘‘ฐิโต ปพฺพตปาทมฺหิ, อสฺสาสยิ มหามุนิ;

    ‘‘Ṭhito pabbatapādamhi, assāsayi mahāmuni;

    วกฺกลีติ ชิโน วาจํ, ตํ สุตฺวา มุทิโต อหํฯ

    Vakkalīti jino vācaṃ, taṃ sutvā mudito ahaṃ.

    ‘‘ปกฺขนฺทิํ เสลปพฺภาเร, อเนกสตโปริเส;

    ‘‘Pakkhandiṃ selapabbhāre, anekasataporise;

    ตทา พุทฺธานุภาเวน, สุเขเนว มหิํ คโตฯ

    Tadā buddhānubhāvena, sukheneva mahiṃ gato.

    ‘‘ปุโนปิ ธมฺมํ เทเสติ, ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ;

    ‘‘Punopi dhammaṃ deseti, khandhānaṃ udayabbayaṃ;

    ตมหํ ธมฺมมญฺญาย, อรหตฺตมปาปุณิํฯ

    Tamahaṃ dhammamaññāya, arahattamapāpuṇiṃ.

    ‘‘สุมหาปริสมเชฺฌ, ตทา มํ จรณนฺตโค;

    ‘‘Sumahāparisamajjhe, tadā maṃ caraṇantago;

    อคฺคํ สทฺธาธิมุตฺตานํ, ปญฺญเปสิ มหามติฯ

    Aggaṃ saddhādhimuttānaṃ, paññapesi mahāmati.

    ‘‘สตสหสฺสิโต กเปฺป, ยํ กมฺมมกริํ ตทา;

    ‘‘Satasahassito kappe, yaṃ kammamakariṃ tadā;

    ทุคฺคติํ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํฯ

    Duggatiṃ nābhijānāmi, buddhapūjāyidaṃ phalaṃ.

    ‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ

    ‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.

    อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อญฺญํ พฺยากโรโนฺตปิ เถโร อิมา เอว คาถา อภาสิฯ อถ นํ สตฺถา ภิกฺขุสงฺฆมเชฺฌ นิสิโนฺน สทฺธาธิมุตฺตานํ อคฺคฎฺฐาเน ฐเปสีติฯ

    Arahattaṃ pana patvā aññaṃ byākarontopi thero imā eva gāthā abhāsi. Atha naṃ satthā bhikkhusaṅghamajjhe nisinno saddhādhimuttānaṃ aggaṭṭhāne ṭhapesīti.

    วกฺกลิเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Vakkalittheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๘. วกฺกลิเตฺถรคาถา • 8. Vakkalittheragāthā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact