Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๑๙๖] ๖. วลาหกสฺสชาตกวณฺณนา
[196] 6. Valāhakassajātakavaṇṇanā
เย น กาหนฺติ โอวาทนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต เอกํ อุกฺกณฺฐิตภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิฯ โส หิ ภิกฺขุ สตฺถารา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, ภิกฺขุ, อุกฺกณฺฐิโตสี’’ติ ปุโฎฺฐ ‘‘สจฺจ’’นฺติ วตฺวา ‘‘กิํ การณา’’ติ วุเตฺต ‘‘เอกํ อลงฺกตํ มาตุคามํ ทิสฺวา กิเลสวเสนา’’ติ อาหฯ อถ นํ สตฺถา ‘‘อิตฺถิโย นาเมตา ภิกฺขุ อตฺตโน รูปสทฺทคนฺธรสโผฎฺฐเพฺพหิ เจว อิตฺถิกุตฺตวิลาเสหิ จ ปุริเส ปโลเภตฺวา อตฺตโน วเส กตฺวา วสํ อุปคตภาวํ ญตฺวา สีลวินาสเญฺจว ธนวินาสญฺจ ปาปนเฎฺฐน ‘ยกฺขินิโย’ติ วุจฺจนฺติฯ ปุเพฺพปิ หิ ยกฺขินิโย อิตฺถิกุเตฺตน เอกํ ปุริสสตฺถํ อุปสงฺกมิตฺวา วาณิเช ปโลเภตฺวา อตฺตโน วเส กตฺวา ปุน อเญฺญ ปุริเส ทิสฺวา เต สเพฺพปิ ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา อุโภหิ หนุกปเสฺสหิ โลหิเตน ปคฺฆรเนฺตน มุขํ ปูราเปตฺวา ขาทิํสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Ye na kāhanti ovādanti idaṃ satthā jetavane viharanto ekaṃ ukkaṇṭhitabhikkhuṃ ārabbha kathesi. So hi bhikkhu satthārā ‘‘saccaṃ kira tvaṃ, bhikkhu, ukkaṇṭhitosī’’ti puṭṭho ‘‘sacca’’nti vatvā ‘‘kiṃ kāraṇā’’ti vutte ‘‘ekaṃ alaṅkataṃ mātugāmaṃ disvā kilesavasenā’’ti āha. Atha naṃ satthā ‘‘itthiyo nāmetā bhikkhu attano rūpasaddagandharasaphoṭṭhabbehi ceva itthikuttavilāsehi ca purise palobhetvā attano vase katvā vasaṃ upagatabhāvaṃ ñatvā sīlavināsañceva dhanavināsañca pāpanaṭṭhena ‘yakkhiniyo’ti vuccanti. Pubbepi hi yakkhiniyo itthikuttena ekaṃ purisasatthaṃ upasaṅkamitvā vāṇije palobhetvā attano vase katvā puna aññe purise disvā te sabbepi jīvitakkhayaṃ pāpetvā ubhohi hanukapassehi lohitena paggharantena mukhaṃ pūrāpetvā khādiṃsū’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต ตมฺพปณฺณิทีเป สิรีสวตฺถุ นาม ยกฺขนครํ อโหสิ, ตตฺถ ยกฺขินิโย วสิํสุฯ ตา ภินฺนนาวานํ วาณิชานํ อาคตกาเล อลงฺกตปฎิยตฺตา ขาทนียโภชนียํ คาหาเปตฺวา ทาสิคณปริวุตา ทารเก อเงฺกนาทาย วาณิเช อุปสงฺกมนฺติฯ เตสํ ‘‘มนุสฺสาวาสํ อาคตมฺหา’’ติ สญฺชานนตฺถํ ตตฺถ ตตฺถ กสิโครกฺขาทีนิ กโรเนฺต มนุเสฺส โคคเณ สุนเขติ เอวมาทีนิ ทเสฺสนฺติ, วาณิชานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘อิมํ ยาคุํ ปิวถ, ภตฺตํ ภุญฺชถ, ขาทนียํ ขาทถา’’ติ วทนฺติฯ วาณิชา อชานนฺตา ตาหิ ทินฺนํ ปริภุญฺชนฺติฯ อถ เตสํ ขาทิตฺวา ภุญฺชิตฺวา ปิวิตฺวา วิสฺสมิตกาเล ปฎิสนฺถารํ กโรนฺติ, ‘‘ตุเมฺห กตฺถ วาสิกา, กุโต อาคตา, กหํ คจฺฉิสฺสถ, เกน กเมฺมน อิธาคตตฺถา’’ติ ปุจฺฉนฺติฯ ‘‘ภินฺนนาวา หุตฺวา อิธาคตมฺหา’’ติ วุเตฺต ‘‘สาธุ, อยฺยา, อมฺหากมฺปิ สามิกานํ นาวํ อภิรุหิตฺวา คตานํ ตีณิ สํวจฺฉรานิ อติกฺกนฺตานิ, เต มตา ภวิสฺสนฺติ; ตุเมฺหปิ วาณิชาเยว, มยํ ตุมฺหากํ ปาทปริจาริกา ภวิสฺสามา’’ติ วตฺวา เต วาณิเช อิตฺถิกุตฺตหาวภาววิลาเสหิ ปโลเภตฺวา ยกฺขนครํ เนตฺวา สเจ ปฐมคหิตา มนุสฺสา อตฺถิ, เต เทวสงฺขลิกาย พนฺธิตฺวา การณฆเร ปกฺขิปนฺติ , อตฺตโน วสนฎฺฐาเน ภินฺนนาเว มนุเสฺส อลภนฺติโย ปน ปรโต กลฺยาณิํ โอรโต นาคทีปนฺติ เอวํ สมุทฺทตีรํ อนุสญฺจรนฺติฯ อยํ ตาสํ ธมฺมตาฯ
Atīte tambapaṇṇidīpe sirīsavatthu nāma yakkhanagaraṃ ahosi, tattha yakkhiniyo vasiṃsu. Tā bhinnanāvānaṃ vāṇijānaṃ āgatakāle alaṅkatapaṭiyattā khādanīyabhojanīyaṃ gāhāpetvā dāsigaṇaparivutā dārake aṅkenādāya vāṇije upasaṅkamanti. Tesaṃ ‘‘manussāvāsaṃ āgatamhā’’ti sañjānanatthaṃ tattha tattha kasigorakkhādīni karonte manusse gogaṇe sunakheti evamādīni dassenti, vāṇijānaṃ santikaṃ gantvā ‘‘imaṃ yāguṃ pivatha, bhattaṃ bhuñjatha, khādanīyaṃ khādathā’’ti vadanti. Vāṇijā ajānantā tāhi dinnaṃ paribhuñjanti. Atha tesaṃ khāditvā bhuñjitvā pivitvā vissamitakāle paṭisanthāraṃ karonti, ‘‘tumhe kattha vāsikā, kuto āgatā, kahaṃ gacchissatha, kena kammena idhāgatatthā’’ti pucchanti. ‘‘Bhinnanāvā hutvā idhāgatamhā’’ti vutte ‘‘sādhu, ayyā, amhākampi sāmikānaṃ nāvaṃ abhiruhitvā gatānaṃ tīṇi saṃvaccharāni atikkantāni, te matā bhavissanti; tumhepi vāṇijāyeva, mayaṃ tumhākaṃ pādaparicārikā bhavissāmā’’ti vatvā te vāṇije itthikuttahāvabhāvavilāsehi palobhetvā yakkhanagaraṃ netvā sace paṭhamagahitā manussā atthi, te devasaṅkhalikāya bandhitvā kāraṇaghare pakkhipanti , attano vasanaṭṭhāne bhinnanāve manusse alabhantiyo pana parato kalyāṇiṃ orato nāgadīpanti evaṃ samuddatīraṃ anusañcaranti. Ayaṃ tāsaṃ dhammatā.
อเถกทิวสํ ปญฺจสตา ภินฺนนาวา วาณิชา ตาสํ นครสมีเป อุตฺตริํสุฯ ตา เตสํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ปโลเภตฺวา ยกฺขนครํ เนตฺวา ปฐมํ คหิเต มนุเสฺส เทวสงฺขลิกาย พนฺธิตฺวา การณฆเร ปกฺขิปิตฺวา เชฎฺฐยกฺขินี เชฎฺฐกวาณิชํ, เสสา เสเสติ ตา ปญฺจสตา ยกฺขินิโย เต ปญฺจสเต วาณิเช อตฺตโน สามิเก อกํสุฯ อถ สา เชฎฺฐยกฺขินี รตฺติภาเค วาณิเช นิทฺทํ อุปคเต อุฎฺฐาย คนฺตฺวา การณฆเร มนุเสฺส มาเรตฺวา มํสํ ขาทิตฺวา อาคจฺฉติ, เสสาปิ ตเถว กโรนฺติฯ เชฎฺฐยกฺขินิยา มนุสฺสมํสํ ขาทิตฺวา อาคตกาเล สรีรํ สีตลํ โหติฯ เชฎฺฐวาณิโช ปริคฺคณฺหโนฺต ตสฺสา ยกฺขินิภาวํ ญตฺวา ‘‘อิมา ปญฺจสตา ยกฺขินิโย ภวิสฺสนฺติ, อเมฺหหิ ปลายิตุํ วฎฺฎตี’’ติ ปุนทิวเส ปาโตว มุขโธวนตฺถาย คนฺตฺวา เสสวาณิชานํ อาโรเจสิ – ‘‘อิมา ยกฺขินิโย, น มนุสฺสิตฺถิโย, อเญฺญสํ ภินฺนนาวานํ อาคตกาเล เต สามิเก กตฺวา อเมฺหปิ ขาทิสฺสนฺติ, เอถ อิโต ปลายิสฺสามา’’ติ เตสุ ปญฺจสเตสุ อฑฺฒเตยฺยสตา ‘‘น มยํ เอตา วิชหิตุํ สกฺขิสฺสาม, ตุเมฺห คจฺฉถ, มยํ น ปลายิสฺสามา’’ติ อาหํสุฯ เชฎฺฐวาณิโช อตฺตโน วจนกาเร อฑฺฒเตยฺยสเต คเหตฺวา ตาสํ ภีโต ปลายิฯ
Athekadivasaṃ pañcasatā bhinnanāvā vāṇijā tāsaṃ nagarasamīpe uttariṃsu. Tā tesaṃ santikaṃ gantvā palobhetvā yakkhanagaraṃ netvā paṭhamaṃ gahite manusse devasaṅkhalikāya bandhitvā kāraṇaghare pakkhipitvā jeṭṭhayakkhinī jeṭṭhakavāṇijaṃ, sesā seseti tā pañcasatā yakkhiniyo te pañcasate vāṇije attano sāmike akaṃsu. Atha sā jeṭṭhayakkhinī rattibhāge vāṇije niddaṃ upagate uṭṭhāya gantvā kāraṇaghare manusse māretvā maṃsaṃ khāditvā āgacchati, sesāpi tatheva karonti. Jeṭṭhayakkhiniyā manussamaṃsaṃ khāditvā āgatakāle sarīraṃ sītalaṃ hoti. Jeṭṭhavāṇijo pariggaṇhanto tassā yakkhinibhāvaṃ ñatvā ‘‘imā pañcasatā yakkhiniyo bhavissanti, amhehi palāyituṃ vaṭṭatī’’ti punadivase pātova mukhadhovanatthāya gantvā sesavāṇijānaṃ ārocesi – ‘‘imā yakkhiniyo, na manussitthiyo, aññesaṃ bhinnanāvānaṃ āgatakāle te sāmike katvā amhepi khādissanti, etha ito palāyissāmā’’ti tesu pañcasatesu aḍḍhateyyasatā ‘‘na mayaṃ etā vijahituṃ sakkhissāma, tumhe gacchatha, mayaṃ na palāyissāmā’’ti āhaṃsu. Jeṭṭhavāṇijo attano vacanakāre aḍḍhateyyasate gahetvā tāsaṃ bhīto palāyi.
ตสฺมิํ ปน กาเล โพธิสโตฺต วลาหกสฺสโยนิยํ นิพฺพตฺติ, สพฺพเสโต กาฬสีโส มุญฺชเกโส อิทฺธิมา เวหาสงฺคโม อโหสิฯ โส หิมวนฺตโต อากาเส อุปฺปติตฺวา ตมฺพปณฺณิทีปํ คนฺตฺวา ตตฺถ ตมฺพปณฺณิสเร ปลฺลเล สยํชาตสาลิํ ขาทิตฺวา คจฺฉติฯ เอวํ คจฺฉโนฺต จ ‘‘ชนปทํ คนฺตุกามา อตฺถี’’ติ ติกฺขตฺตุํ กรุณาปริภาวิตํ มานุสิํ วาจํ ภาสติฯ เต โพธิสตฺตสฺส วจนํ สุตฺวา อุปสงฺกมิตฺวา อญฺชลิํ ปคฺคยฺห ‘‘สามิ, มยํ ชนปทํ คมิสฺสามา’’ติ อาหํสุฯ เตน หิ มยฺหํ ปิฎฺฐิํ อภิรุหถาติฯ อเปฺปกเจฺจ อภิรุหิํสุ, เตสุ เอกเจฺจ วาลธิํ คณฺหิํสุ, เอกเจฺจ อญฺชลิํ ปคฺคเหตฺวา อฎฺฐํสุเยวฯ โพธิสโตฺต อนฺตมโส อญฺชลิํ ปคฺคเหตฺวา ฐิเต สเพฺพปิ เต อฑฺฒเตยฺยสเต วาณิเช อตฺตโน อานุภาเวน ชนปทํ เนตฺวา สกสกฎฺฐาเนสุ ปติฎฺฐเปตฺวา อตฺตโน วสนฎฺฐานํ อาคมาสิฯ ตาปิ โข ยกฺขินิโย อเญฺญสํ อาคตกาเล ตตฺถ โอหีนเก อฑฺฒเตยฺยสเต มนุเสฺส วธิตฺวา ขาทิํสุฯ
Tasmiṃ pana kāle bodhisatto valāhakassayoniyaṃ nibbatti, sabbaseto kāḷasīso muñjakeso iddhimā vehāsaṅgamo ahosi. So himavantato ākāse uppatitvā tambapaṇṇidīpaṃ gantvā tattha tambapaṇṇisare pallale sayaṃjātasāliṃ khāditvā gacchati. Evaṃ gacchanto ca ‘‘janapadaṃ gantukāmā atthī’’ti tikkhattuṃ karuṇāparibhāvitaṃ mānusiṃ vācaṃ bhāsati. Te bodhisattassa vacanaṃ sutvā upasaṅkamitvā añjaliṃ paggayha ‘‘sāmi, mayaṃ janapadaṃ gamissāmā’’ti āhaṃsu. Tena hi mayhaṃ piṭṭhiṃ abhiruhathāti. Appekacce abhiruhiṃsu, tesu ekacce vāladhiṃ gaṇhiṃsu, ekacce añjaliṃ paggahetvā aṭṭhaṃsuyeva. Bodhisatto antamaso añjaliṃ paggahetvā ṭhite sabbepi te aḍḍhateyyasate vāṇije attano ānubhāvena janapadaṃ netvā sakasakaṭṭhānesu patiṭṭhapetvā attano vasanaṭṭhānaṃ āgamāsi. Tāpi kho yakkhiniyo aññesaṃ āgatakāle tattha ohīnake aḍḍhateyyasate manusse vadhitvā khādiṃsu.
สตฺถา ภิกฺขู อามเนฺตตฺวา ‘‘ภิกฺขเว, ยถา เต ยกฺขินีนํ วสํ คตา วาณิชา ชีวิตกฺขยํ ปตฺตา, วลาหกสฺสราชสฺส วจนกรา วาณิชา สกสกฎฺฐาเนสุ ปติฎฺฐิตา, เอวเมว พุทฺธานํ โอวาทํ อกโรนฺตา ภิกฺขูปิ ภิกฺขุนิโยปิ อุปาสกาปิ อุปาสิกาโยปิ จตูสุ อปาเยสุ ปญฺจวิธพนฺธนกมฺมกรณฎฺฐานาทีสุ มหาทุกฺขํ ปาปุณนฺติฯ โอวาทกรา ปน ติโสฺส กุลสมฺปตฺติโย จ ฉ กามสเคฺค วีสติ พฺรหฺมโลเกติ อิมานิ จ ฐานานิ ปตฺวา อมตมหานิพฺพานํ สจฺฉิกตฺวา มหนฺตํ สุขํ อนุภวนฺตี’’ติ วตฺวา อภิสมฺพุโทฺธ หุตฺวา อิมา คาถา อโวจ –
Satthā bhikkhū āmantetvā ‘‘bhikkhave, yathā te yakkhinīnaṃ vasaṃ gatā vāṇijā jīvitakkhayaṃ pattā, valāhakassarājassa vacanakarā vāṇijā sakasakaṭṭhānesu patiṭṭhitā, evameva buddhānaṃ ovādaṃ akarontā bhikkhūpi bhikkhuniyopi upāsakāpi upāsikāyopi catūsu apāyesu pañcavidhabandhanakammakaraṇaṭṭhānādīsu mahādukkhaṃ pāpuṇanti. Ovādakarā pana tisso kulasampattiyo ca cha kāmasagge vīsati brahmaloketi imāni ca ṭhānāni patvā amatamahānibbānaṃ sacchikatvā mahantaṃ sukhaṃ anubhavantī’’ti vatvā abhisambuddho hutvā imā gāthā avoca –
๙๑.
91.
‘‘เย น กาหนฺติ โอวาทํ, นรา พุเทฺธน เทสิตํ;
‘‘Ye na kāhanti ovādaṃ, narā buddhena desitaṃ;
พฺยสนํ เต คมิสฺสนฺติ, รกฺขสีหิว วาณิชาฯ
Byasanaṃ te gamissanti, rakkhasīhiva vāṇijā.
๙๒.
92.
‘‘เย จ กาหนฺติ โอวาทํ, นรา พุเทฺธน เทสิตํ;
‘‘Ye ca kāhanti ovādaṃ, narā buddhena desitaṃ;
โสตฺถิํ ปารํ คมิสฺสนฺติ, วลาเหเนว วาณิชา’’ติฯ
Sotthiṃ pāraṃ gamissanti, valāheneva vāṇijā’’ti.
ตตฺถ เย น กาหนฺตีติ เย น กริสฺสนฺติฯ พฺยสนํ เต คมิสฺสนฺตีติ เต มหาวินาสํ ปาปุณิสฺสนฺติฯ รกฺขสีหิว วาณิชาติ รกฺขสีหิ ปโลภิตวาณิชา วิยฯ โสตฺถิํ ปารํ คมิสฺสนฺตีติ อนนฺตราเยน นิพฺพานํ ปาปุณิสฺสนฺติฯ วลาเหเนว วาณิชาติ วลาเหเนว ‘‘อาคจฺฉถา’’ติ วุตฺตา ตสฺส วจนกรา วาณิชา วิยฯ ยถา หิ เต สมุทฺทปารํ คนฺตฺวา สกสกฎฺฐานํ อคมํสุ, เอวํ พุทฺธานํ โอวาทกรา สํสารปารํ นิพฺพานํ คจฺฉนฺตีติ อมตมหานิพฺพาเนน ธมฺมเทสนาย กูฎํ คณฺหิฯ
Tattha ye na kāhantīti ye na karissanti. Byasanaṃ te gamissantīti te mahāvināsaṃ pāpuṇissanti. Rakkhasīhiva vāṇijāti rakkhasīhi palobhitavāṇijā viya. Sotthiṃ pāraṃ gamissantīti anantarāyena nibbānaṃ pāpuṇissanti. Valāheneva vāṇijāti valāheneva ‘‘āgacchathā’’ti vuttā tassa vacanakarā vāṇijā viya. Yathā hi te samuddapāraṃ gantvā sakasakaṭṭhānaṃ agamaṃsu, evaṃ buddhānaṃ ovādakarā saṃsārapāraṃ nibbānaṃ gacchantīti amatamahānibbānena dhammadesanāya kūṭaṃ gaṇhi.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺฐิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิ, อเญฺญปิ พหู โสตาปตฺติผลสกทาคามิผลอนาคามิผลอรหตฺตผลานิ ปาปุณิํสุฯ ‘‘ตทา วลาหกสฺสราชสฺส วจนกรา อฑฺฒเตยฺยสตา วาณิชา พุทฺธปริสา อเหสุํ, วลาหกสฺสราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā saccāni pakāsetvā jātakaṃ samodhānesi – saccapariyosāne ukkaṇṭhitabhikkhu sotāpattiphale patiṭṭhahi, aññepi bahū sotāpattiphalasakadāgāmiphalaanāgāmiphalaarahattaphalāni pāpuṇiṃsu. ‘‘Tadā valāhakassarājassa vacanakarā aḍḍhateyyasatā vāṇijā buddhaparisā ahesuṃ, valāhakassarājā pana ahameva ahosi’’nti.
วลาหกสฺสชาตกวณฺณนา ฉฎฺฐาฯ
Valāhakassajātakavaṇṇanā chaṭṭhā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๑๙๖. วลาหกสฺสชาตกํ • 196. Valāhakassajātakaṃ