Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā |
๓. วลฺลิยเตฺถรคาถาวณฺณนา
3. Valliyattheragāthāvaṇṇanā
มกฺกโฎ ปญฺจทฺวารายนฺติอาทิกา อายสฺมโต วลฺลิยเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุญฺญานิ อุปจินโนฺต อิโต เอกติํเส กเปฺป กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปโตฺต เอกทิวสํ เกนจิเทว กรณีเยน อรญฺญํ คโต ตตฺถ นารทํ นาม ปเจฺจกสมฺพุทฺธํ รุกฺขมูเล วสนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส นเฬหิ สาลํ กตฺวา ติเณหิ ฉาเทตฺวา อทาสิฯ จงฺกมนฎฺฐานญฺจสฺส โสเธตฺวา วาลุกา โอกิริตฺวา อทาสิฯ โส เตน ปุญฺญกเมฺมน เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณมหาสาลสฺส ปุโตฺต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, วลฺลิโยติสฺส นามํ อโหสิฯ โส วยปฺปโตฺต โยพฺพนมนุปฺปโตฺต อินฺทฺริยวสิโก หุตฺวา วิจรโนฺต กลฺยาณมิตฺตสํสเคฺคน ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปฎิลทฺธสโทฺธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา นจิรเสฺสว อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๐.๙๓-๑๐๓) –
Makkaṭo pañcadvārāyantiādikā āyasmato valliyattherassa gāthā. Kā uppatti? Ayampi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave puññāni upacinanto ito ekatiṃse kappe kulagehe nibbattitvā viññutaṃ patto ekadivasaṃ kenacideva karaṇīyena araññaṃ gato tattha nāradaṃ nāma paccekasambuddhaṃ rukkhamūle vasantaṃ disvā pasannamānaso naḷehi sālaṃ katvā tiṇehi chādetvā adāsi. Caṅkamanaṭṭhānañcassa sodhetvā vālukā okiritvā adāsi. So tena puññakammena devamanussesu saṃsaranto imasmiṃ buddhuppāde sāvatthiyaṃ brāhmaṇamahāsālassa putto hutvā nibbatti, valliyotissa nāmaṃ ahosi. So vayappatto yobbanamanuppatto indriyavasiko hutvā vicaranto kalyāṇamittasaṃsaggena bhagavantaṃ upasaṅkamitvā dhammaṃ sutvā paṭiladdhasaddho pabbajitvā vipassanaṃ paṭṭhapetvā nacirasseva arahattaṃ pāpuṇi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 2.50.93-103) –
‘‘หิมวนฺตสฺสาวิทูเร, หาริโต นาม ปพฺพโต;
‘‘Himavantassāvidūre, hārito nāma pabbato;
สยมฺภู นารโท นาม, รุกฺขมูเล วสี ตทาฯ
Sayambhū nārado nāma, rukkhamūle vasī tadā.
‘‘นฬาคารํ กริตฺวาน, ติเณน ฉาทยิํ อหํ;
‘‘Naḷāgāraṃ karitvāna, tiṇena chādayiṃ ahaṃ;
จงฺกมํ โสธยิตฺวาน, สยมฺภุสฺส อทาสหํฯ
Caṅkamaṃ sodhayitvāna, sayambhussa adāsahaṃ.
‘‘เตน กเมฺมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;
‘‘Tena kammena sukatena, cetanāpaṇidhīhi ca;
ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวติํสมคจฺฉหํฯ
Jahitvā mānusaṃ dehaṃ, tāvatiṃsamagacchahaṃ.
‘‘ตตฺถ เม สุกตํ พฺยมฺหํ, นฬกุฎิกนิมฺมิตํ;
‘‘Tattha me sukataṃ byamhaṃ, naḷakuṭikanimmitaṃ;
สฎฺฐิโยชนมุเพฺพธํ, ติํสโยชนวิตฺถตํฯ
Saṭṭhiyojanamubbedhaṃ, tiṃsayojanavitthataṃ.
‘‘จตุทฺทเสสุ กเปฺปสุ, เทวโลเก รมิํ อหํ;
‘‘Catuddasesu kappesu, devaloke ramiṃ ahaṃ;
เอกสตฺตติกฺขตฺตุญฺจ, เทวรชฺชมการยิํฯ
Ekasattatikkhattuñca, devarajjamakārayiṃ.
‘‘จตุตฺติํสติกฺขตฺตุญฺจ, จกฺกวตฺตี อโหสหํ;
‘‘Catuttiṃsatikkhattuñca, cakkavattī ahosahaṃ;
ปเทสรชฺชํ วิปุลํ, คณนาโต อสงฺขิยํฯ
Padesarajjaṃ vipulaṃ, gaṇanāto asaṅkhiyaṃ.
‘‘ธมฺมปาสาทมารุยฺห, สพฺพาการวรูปมํ;
‘‘Dhammapāsādamāruyha, sabbākāravarūpamaṃ;
ยทิจฺฉกาหํ วิหเร, สกฺยปุตฺตสฺส สาสเนฯ
Yadicchakāhaṃ vihare, sakyaputtassa sāsane.
‘‘เอกติํเส อิโต กเปฺป, ยํ กมฺมมกริํ ตทา;
‘‘Ekatiṃse ito kappe, yaṃ kammamakariṃ tadā;
ทุคฺคติํ นาภิชานามิ, นฬกุฎิยิทํ ผลํฯ
Duggatiṃ nābhijānāmi, naḷakuṭiyidaṃ phalaṃ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ
‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา ปุถุชฺชนกาเล อตฺตโน จิตฺตสฺส รูปาทิอารมฺมเณสุ ยถากามปฺปวตฺติยา, อิทานิ อริยมเคฺคน นิคฺคหิตภาวสฺส จ วิภาวเนน อญฺญํ พฺยากโรโนฺต –
Arahattaṃ pana patvā puthujjanakāle attano cittassa rūpādiārammaṇesu yathākāmappavattiyā, idāni ariyamaggena niggahitabhāvassa ca vibhāvanena aññaṃ byākaronto –
๑๒๕.
125.
‘‘มกฺกโฎ ปญฺจทฺวารายํ, กุฎิกายํ ปสกฺกิย;
‘‘Makkaṭo pañcadvārāyaṃ, kuṭikāyaṃ pasakkiya;
ทฺวาเรน อนุปริเยติ, ฆฎฺฎยโนฺต มุหุํ มุหุํฯ
Dvārena anupariyeti, ghaṭṭayanto muhuṃ muhuṃ.
๑๒๖.
126.
‘‘ติฎฺฐ มกฺกฎ มา ธาวิ, น หิ เต ตํ ยถา ปุเร;
‘‘Tiṭṭha makkaṭa mā dhāvi, na hi te taṃ yathā pure;
นิคฺคหีโตสิ ปญฺญาย, เนว ทูรํ คมิสฺสสี’’ติฯ – คาถาทฺวยํ อภาสิ;
Niggahītosi paññāya, neva dūraṃ gamissasī’’ti. – gāthādvayaṃ abhāsi;
ตตฺถ ฆฎฺฎยโนฺตติ อตฺตโน โลลภาเวน รุกฺขสฺส อญฺญํ สาขํ มุญฺจิตฺวา อญฺญสฺส คหเณน อเนกวารํ ตตฺถ รุกฺขํ จาเลโนฺต ผลูปโภคมกฺกโฎ วิย เตน เตน จกฺขาทิทฺวาเรน รูปาทิอารมฺมเณสุ อญฺญํ มุญฺจิตฺวา อญฺญํ คณฺหโนฺต จิตฺตสนฺตานสฺส สมาทานวเสน นิจฺจลํ ฐาตุํ อปฺปทาเนน อภิกฺขณํ ฆฎฺฎยโนฺต จาเลโนฺต ตสฺมิํเยว รูปาทิอารมฺมเณ อนุปริวตฺตติ ยถากามํ วิจรติฯ วตฺตมานสมีปตาย เจตฺถ วตฺตมานวจนํฯ เอวํ อนุปริยโนฺต จ ติฎฺฐ, มกฺกฎ, มา ธาวิ ตฺวํ, จิตฺตมกฺกฎ, อิทานิ ติฎฺฐ มา ธาวิ, อิโต ปฎฺฐาย เต ธาวิตุํ น สกฺกา, ตสฺมา น หิ เต ตํ ยถา ปูเร ยสฺมา ตํ อตฺตภาวเคหํ ปุเพฺพ วิย น เต เสวิตํ ปิหิตทฺวารภาวโต, กิญฺจ นิคฺคหีโตสิ ปญฺญาย สยญฺจ อิทานิ มคฺคปญฺญาย กิเลสาภิสงฺขารสงฺขาตานํ ปาทานํ เฉทเนน อจฺจนฺติกํ นิคฺคหํ ปโตฺตสิ, ตสฺมา เนว ทูรํ คมิสฺสสิ อิโต อตฺตภาวโต ทูรํ ทุติยาทิอตฺตภาวํ เนว คมิสฺสสิ ยาวจริมกจิตฺตํ เอว เต คมนนฺติ ทเสฺสติฯ ‘‘เนโต ทูร’’นฺติปิ ปาโฐ, โส เอวโตฺถฯ
Tattha ghaṭṭayantoti attano lolabhāvena rukkhassa aññaṃ sākhaṃ muñcitvā aññassa gahaṇena anekavāraṃ tattha rukkhaṃ cālento phalūpabhogamakkaṭo viya tena tena cakkhādidvārena rūpādiārammaṇesu aññaṃ muñcitvā aññaṃ gaṇhanto cittasantānassa samādānavasena niccalaṃ ṭhātuṃ appadānena abhikkhaṇaṃ ghaṭṭayanto cālento tasmiṃyeva rūpādiārammaṇe anuparivattati yathākāmaṃ vicarati. Vattamānasamīpatāya cettha vattamānavacanaṃ. Evaṃ anupariyanto ca tiṭṭha, makkaṭa, mā dhāvi tvaṃ, cittamakkaṭa, idāni tiṭṭha mā dhāvi, ito paṭṭhāya te dhāvituṃ na sakkā, tasmā na hi te taṃ yathā pūre yasmā taṃ attabhāvagehaṃ pubbe viya na te sevitaṃ pihitadvārabhāvato, kiñca niggahītosi paññāya sayañca idāni maggapaññāya kilesābhisaṅkhārasaṅkhātānaṃ pādānaṃ chedanena accantikaṃ niggahaṃ pattosi, tasmā neva dūraṃ gamissasi ito attabhāvato dūraṃ dutiyādiattabhāvaṃ neva gamissasi yāvacarimakacittaṃ eva te gamananti dasseti. ‘‘Neto dūra’’ntipi pāṭho, so evattho.
วลฺลิยเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Valliyattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๓. วลฺลิยเตฺถรคาถา • 3. Valliyattheragāthā