Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya

    ๓. วมฺมิกสุตฺตํ

    3. Vammikasuttaṃ

    ๒๔๙. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา กุมารกสฺสโป อนฺธวเน วิหรติฯ อถ โข อญฺญตรา เทวตา อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺณา เกวลกปฺปํ อนฺธวนํ โอภาเสตฺวา เยนายสฺมา กุมารกสฺสโป เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิตา โข สา เทวตา อายสฺมนฺตํ กุมารกสฺสปํ เอตทโวจ –

    249. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena āyasmā kumārakassapo andhavane viharati. Atha kho aññatarā devatā abhikkantāya rattiyā abhikkantavaṇṇā kevalakappaṃ andhavanaṃ obhāsetvā yenāyasmā kumārakassapo tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Ekamantaṃ ṭhitā kho sā devatā āyasmantaṃ kumārakassapaṃ etadavoca –

    ‘‘ภิกฺขุ ภิกฺขุ, อยํ วมฺมิโก 1 รตฺติํ ธูมายติ, ทิวา ปชฺชลติฯ พฺราหฺมโณ เอวมาห – ‘อภิกฺขณ, สุเมธ, สตฺถํ อาทายา’ติฯ อภิกฺขณโนฺต สุเมโธ สตฺถํ อาทาย อทฺทส ลงฺคิํ ‘ลงฺคี, ภทเนฺต’ติฯ พฺราหฺมโณ เอวมาห – ‘อุกฺขิป ลงฺคิํ; อภิกฺขณ, สุเมธ, สตฺถํ อาทายา’ติฯ อภิกฺขณโนฺต สุเมโธ สตฺถํ อาทาย อทฺทส อุทฺธุมายิกํฯ ‘อุทฺธุมายิกา, ภทเนฺต’ติฯ พฺราหฺมโณ เอวมาห – ‘อุกฺขิป อุทฺธุมายิกํ; อภิกฺขณ, สุเมธ, สตฺถํ อาทายา’ติฯ อภิกฺขณโนฺต สุเมโธ สตฺถํ อาทาย อทฺทส ทฺวิธาปถํฯ ‘ทฺวิธาปโถ, ภทเนฺต’ติฯ พฺราหฺมโณ เอวมาห – ‘อุกฺขิป ทฺวิธาปถํ; อภิกฺขณ, สุเมธ, สตฺถํ อาทายา’ติฯ อภิกฺขณโนฺต สุเมโธ สตฺถํ อาทาย อทฺทส จงฺควารํ 2ฯ ‘จงฺควาโร, ภทเนฺต’ติฯ พฺราหฺมโณ เอวมาห – ‘อุกฺขิป จงฺควารํ; อภิกฺขณ, สุเมธ, สตฺถํ อาทายา’ติฯ อภิกฺขณโนฺต สุเมโธ สตฺถํ อาทาย อทฺทส กุมฺมํฯ ‘กุโมฺม , ภทเนฺต’ติฯ พฺราหฺมโณ เอวมาห – ‘อุกฺขิป กุมฺมํ; อภิกฺขณ, สุเมธ, สตฺถํ อาทายา’ติฯ อภิกฺขณโนฺต สุเมโธ สตฺถํ อาทาย อทฺทส อสิสูนํฯ ‘อสิสูนา, ภทเนฺต’ติฯ พฺราหฺมโณ เอวมาห – ‘อุกฺขิป อสิสูนํ; อภิกฺขณ, สุเมธ, สตฺถํ อาทายา’ติฯ อภิกฺขณโนฺต สุเมโธ สตฺถํ อาทาย อทฺทส มํสเปสิํฯ ‘มํสเปสิ, ภทเนฺต’ติฯ พฺราหฺมโณ เอวมาห – ‘อุกฺขิป มํสเปสิํ; อภิกฺขณ, สุเมธ, สตฺถํ อาทายา’ติฯ อภิกฺขณโนฺต สุเมโธ สตฺถํ อาทาย อทฺทส นาคํฯ ‘นาโค, ภทเนฺต’ติฯ พฺราหฺมโณ เอวมาห – ‘ติฎฺฐตุ นาโค, มา นาคํ ฆเฎฺฎสิ; นโม กโรหิ นาคสฺสา’’’ติฯ

    ‘‘Bhikkhu bhikkhu, ayaṃ vammiko 3 rattiṃ dhūmāyati, divā pajjalati. Brāhmaṇo evamāha – ‘abhikkhaṇa, sumedha, satthaṃ ādāyā’ti. Abhikkhaṇanto sumedho satthaṃ ādāya addasa laṅgiṃ ‘laṅgī, bhadante’ti. Brāhmaṇo evamāha – ‘ukkhipa laṅgiṃ; abhikkhaṇa, sumedha, satthaṃ ādāyā’ti. Abhikkhaṇanto sumedho satthaṃ ādāya addasa uddhumāyikaṃ. ‘Uddhumāyikā, bhadante’ti. Brāhmaṇo evamāha – ‘ukkhipa uddhumāyikaṃ; abhikkhaṇa, sumedha, satthaṃ ādāyā’ti. Abhikkhaṇanto sumedho satthaṃ ādāya addasa dvidhāpathaṃ. ‘Dvidhāpatho, bhadante’ti. Brāhmaṇo evamāha – ‘ukkhipa dvidhāpathaṃ; abhikkhaṇa, sumedha, satthaṃ ādāyā’ti. Abhikkhaṇanto sumedho satthaṃ ādāya addasa caṅgavāraṃ 4. ‘Caṅgavāro, bhadante’ti. Brāhmaṇo evamāha – ‘ukkhipa caṅgavāraṃ; abhikkhaṇa, sumedha, satthaṃ ādāyā’ti. Abhikkhaṇanto sumedho satthaṃ ādāya addasa kummaṃ. ‘Kummo , bhadante’ti. Brāhmaṇo evamāha – ‘ukkhipa kummaṃ; abhikkhaṇa, sumedha, satthaṃ ādāyā’ti. Abhikkhaṇanto sumedho satthaṃ ādāya addasa asisūnaṃ. ‘Asisūnā, bhadante’ti. Brāhmaṇo evamāha – ‘ukkhipa asisūnaṃ; abhikkhaṇa, sumedha, satthaṃ ādāyā’ti. Abhikkhaṇanto sumedho satthaṃ ādāya addasa maṃsapesiṃ. ‘Maṃsapesi, bhadante’ti. Brāhmaṇo evamāha – ‘ukkhipa maṃsapesiṃ; abhikkhaṇa, sumedha, satthaṃ ādāyā’ti. Abhikkhaṇanto sumedho satthaṃ ādāya addasa nāgaṃ. ‘Nāgo, bhadante’ti. Brāhmaṇo evamāha – ‘tiṭṭhatu nāgo, mā nāgaṃ ghaṭṭesi; namo karohi nāgassā’’’ti.

    ‘‘อิเม โข ตฺวํ, ภิกฺขุ, ปเญฺห ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุเจฺฉยฺยาสิ, ยถา จ เต ภควา พฺยากโรติ ตถา นํ ธาเรยฺยาสิฯ นาหํ ตํ, ภิกฺขุ, ปสฺสามิ สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย, โย อิเมสํ ปญฺหานํ เวยฺยากรเณน จิตฺตํ อาราเธยฺย อญฺญตฺร ตถาคเตน วา, ตถาคตสาวเกน วา, อิโต วา ปน สุตฺวา’’ติ – อิทมโวจ สา เทวตาฯ อิทํ วตฺวา ตเตฺถวนฺตรธายิฯ

    ‘‘Ime kho tvaṃ, bhikkhu, pañhe bhagavantaṃ upasaṅkamitvā puccheyyāsi, yathā ca te bhagavā byākaroti tathā naṃ dhāreyyāsi. Nāhaṃ taṃ, bhikkhu, passāmi sadevake loke samārake sabrahmake sassamaṇabrāhmaṇiyā pajāya sadevamanussāya, yo imesaṃ pañhānaṃ veyyākaraṇena cittaṃ ārādheyya aññatra tathāgatena vā, tathāgatasāvakena vā, ito vā pana sutvā’’ti – idamavoca sā devatā. Idaṃ vatvā tatthevantaradhāyi.

    ๒๕๐. อถ โข อายสฺมา กุมารกสฺสโป ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อายสฺมา กุมารกสฺสโป ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิมํ, ภเนฺต, รตฺติํ อญฺญตรา เทวตา อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺณา เกวลกปฺปํ อนฺธวนํ โอภาเสตฺวา เยนาหํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิตา โข, ภเนฺต, สา เทวตา มํ เอตทโวจ – ‘ภิกฺขุ ภิกฺขุ, อยํ วมฺมิโก รตฺติํ ธูมายติ, ทิวา ปชฺชลติ’ฯ พฺราหฺมโณ เอวมาห – ‘อภิกฺขณ, สุเมธ, สตฺถํ อาทายา’ติฯ อภิกฺขณโนฺต สุเมโธ สตฺถํ อาทาย…เป.… อิโต วา ปน สุตฺวาติฯ อิทมโวจ, ภเนฺต, สา เทวตาฯ อิทํ วตฺวา ตเตฺถวนฺตรธายิฯ ‘โก นุ โข, ภเนฺต, วมฺมิโก, กา รตฺติํ ธูมายนา, กา ทิวา ปชฺชลนา, โก พฺราหฺมโณ, โก สุเมโธ, กิํ สตฺถํ, กิํ อภิกฺขณํ, กา ลงฺคี, กา อุทฺธุมายิกา, โก ทฺวิธาปโถ, กิํ จงฺควารํ, โก กุโมฺม, กา อสิสูนา , กา มํสเปสิ, โก นาโค’’’ติ?

    250. Atha kho āyasmā kumārakassapo tassā rattiyā accayena yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho āyasmā kumārakassapo bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘imaṃ, bhante, rattiṃ aññatarā devatā abhikkantāya rattiyā abhikkantavaṇṇā kevalakappaṃ andhavanaṃ obhāsetvā yenāhaṃ tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Ekamantaṃ ṭhitā kho, bhante, sā devatā maṃ etadavoca – ‘bhikkhu bhikkhu, ayaṃ vammiko rattiṃ dhūmāyati, divā pajjalati’. Brāhmaṇo evamāha – ‘abhikkhaṇa, sumedha, satthaṃ ādāyā’ti. Abhikkhaṇanto sumedho satthaṃ ādāya…pe… ito vā pana sutvāti. Idamavoca, bhante, sā devatā. Idaṃ vatvā tatthevantaradhāyi. ‘Ko nu kho, bhante, vammiko, kā rattiṃ dhūmāyanā, kā divā pajjalanā, ko brāhmaṇo, ko sumedho, kiṃ satthaṃ, kiṃ abhikkhaṇaṃ, kā laṅgī, kā uddhumāyikā, ko dvidhāpatho, kiṃ caṅgavāraṃ, ko kummo, kā asisūnā , kā maṃsapesi, ko nāgo’’’ti?

    ๒๕๑. ‘‘‘วมฺมิโก’ติ โข, ภิกฺขุ, อิมเสฺสตํ จาตุมหาภูติกสฺส 5 กายสฺส อธิวจนํ, มาตาเปตฺติกสมฺภวสฺส โอทนกุมฺมาสูปจยสฺส อนิจฺจุจฺฉาทน-ปริมทฺทนเภทน-วิทฺธํสน-ธมฺมสฺสฯ

    251. ‘‘‘Vammiko’ti kho, bhikkhu, imassetaṃ cātumahābhūtikassa 6 kāyassa adhivacanaṃ, mātāpettikasambhavassa odanakummāsūpacayassa aniccucchādana-parimaddanabhedana-viddhaṃsana-dhammassa.

    ‘‘ยํ โข, ภิกฺขุ, ทิวา กมฺมเนฺต 7 อารพฺภ รตฺติํ อนุวิตเกฺกติ อนุวิจาเรติ – อยํ รตฺติํ ธูมายนาฯ ยํ โข, ภิกฺขุ, รตฺติํ อนุวิตเกฺกตฺวา อนุวิจาเรตฺวา ทิวา กมฺมเนฺต ปโยเชติ กาเยน วาจาย ‘มนสา’ 8 – อยํ ทิวา ปชฺชลนาฯ

    ‘‘Yaṃ kho, bhikkhu, divā kammante 9 ārabbha rattiṃ anuvitakketi anuvicāreti – ayaṃ rattiṃ dhūmāyanā. Yaṃ kho, bhikkhu, rattiṃ anuvitakketvā anuvicāretvā divā kammante payojeti kāyena vācāya ‘manasā’ 10 – ayaṃ divā pajjalanā.

    ‘‘‘พฺราหฺมโณ’ติ โข, ภิกฺขุ, ตถาคตเสฺสตํ อธิวจนํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสฯ ‘สุเมโธ’ติ โข ภิกฺขุ เสกฺขเสฺสตํ ภิกฺขุโน อธิวจนํฯ

    ‘‘‘Brāhmaṇo’ti kho, bhikkhu, tathāgatassetaṃ adhivacanaṃ arahato sammāsambuddhassa. ‘Sumedho’ti kho bhikkhu sekkhassetaṃ bhikkhuno adhivacanaṃ.

    ‘‘‘สตฺถ’นฺติ โข, ภิกฺขุ, อริยาเยตํ ปญฺญาย อธิวจนํฯ ‘อภิกฺขณ’นฺติ โข, ภิกฺขุ, วีริยารมฺภเสฺสตํ อธิวจนํฯ

    ‘‘‘Sattha’nti kho, bhikkhu, ariyāyetaṃ paññāya adhivacanaṃ. ‘Abhikkhaṇa’nti kho, bhikkhu, vīriyārambhassetaṃ adhivacanaṃ.

    ‘‘‘ลงฺคี’ติ โข, ภิกฺขุ, อวิชฺชาเยตํ อธิวจนํฯ อุกฺขิป ลงฺคิํ, ปชห อวิชฺชํ; อภิกฺขณ, สุเมธ, สตฺถํ อาทายาติ อยเมตสฺส อโตฺถฯ

    ‘‘‘Laṅgī’ti kho, bhikkhu, avijjāyetaṃ adhivacanaṃ. Ukkhipa laṅgiṃ, pajaha avijjaṃ; abhikkhaṇa, sumedha, satthaṃ ādāyāti ayametassa attho.

    ‘‘‘อุทฺธุมายิกา’ติ โข, ภิกฺขุ, โกธูปายาสเสฺสตํ อธิวจนํฯ อุกฺขิป อุทฺธุมายิกํ, ปชห โกธูปายาสํ; อภิกฺขณ, สุเมธ, สตฺถํ อาทายาติ อยเมตสฺส อโตฺถฯ

    ‘‘‘Uddhumāyikā’ti kho, bhikkhu, kodhūpāyāsassetaṃ adhivacanaṃ. Ukkhipa uddhumāyikaṃ, pajaha kodhūpāyāsaṃ; abhikkhaṇa, sumedha, satthaṃ ādāyāti ayametassa attho.

    ‘‘‘ทฺวิธาปโถ’ติ โข, ภิกฺขุ, วิจิกิจฺฉาเยตํ อธิวจนํฯ อุกฺขิป ทฺวิธาปถํ, ปชห วิจิกิจฺฉํ; อภิกฺขณ, สุเมธ, สตฺถํ อาทายาติ อยเมตสฺส อโตฺถฯ

    ‘‘‘Dvidhāpatho’ti kho, bhikkhu, vicikicchāyetaṃ adhivacanaṃ. Ukkhipa dvidhāpathaṃ, pajaha vicikicchaṃ; abhikkhaṇa, sumedha, satthaṃ ādāyāti ayametassa attho.

    ‘‘‘จงฺควาร’นฺติ โข, ภิกฺขุ, ปญฺจเนฺนตํ นีวรณานํ อธิวจนํ, เสยฺยถิทํ – กามจฺฉนฺทนีวรณสฺส, พฺยาปาทนีวรณสฺส, ถีนมิทฺธนีวรณสฺส, อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจนีวรณสฺส, วิจิกิจฺฉานีวรณสฺสฯ อุกฺขิป จงฺควารํ, ปชห ปญฺจ นีวรเณ ; อภิกฺขณ, สุเมธ, สตฺถํ อาทายาติ อยเมตสฺส อโตฺถฯ

    ‘‘‘Caṅgavāra’nti kho, bhikkhu, pañcannetaṃ nīvaraṇānaṃ adhivacanaṃ, seyyathidaṃ – kāmacchandanīvaraṇassa, byāpādanīvaraṇassa, thīnamiddhanīvaraṇassa, uddhaccakukkuccanīvaraṇassa, vicikicchānīvaraṇassa. Ukkhipa caṅgavāraṃ, pajaha pañca nīvaraṇe ; abhikkhaṇa, sumedha, satthaṃ ādāyāti ayametassa attho.

    ‘‘‘กุโมฺม’ติ โข, ภิกฺขุ, ปญฺจเนฺนตํ อุปาทานกฺขนฺธานํ อธิวจนํ, เสยฺยถิทํ – รูปุปาทานกฺขนฺธสฺส, เวทนุปาทานกฺขนฺธสฺส, สญฺญุปาทานกฺขนฺธสฺส, สงฺขารุปาทานกฺขนฺธสฺส, วิญฺญาณุปาทานกฺขนฺธสฺสฯ อุกฺขิป กุมฺมํ, ปชห ปญฺจุปาทานกฺขเนฺธ; อภิกฺขณ, สุเมธ, สตฺถํ อาทายาติ อยเมตสฺส อโตฺถฯ

    ‘‘‘Kummo’ti kho, bhikkhu, pañcannetaṃ upādānakkhandhānaṃ adhivacanaṃ, seyyathidaṃ – rūpupādānakkhandhassa, vedanupādānakkhandhassa, saññupādānakkhandhassa, saṅkhārupādānakkhandhassa, viññāṇupādānakkhandhassa. Ukkhipa kummaṃ, pajaha pañcupādānakkhandhe; abhikkhaṇa, sumedha, satthaṃ ādāyāti ayametassa attho.

    ‘‘‘อสิสูนา’ติ โข, ภิกฺขุ, ปญฺจเนฺนตํ กามคุณานํ อธิวจนํ – จกฺขุวิเญฺญยฺยานํ รูปานํ อิฎฺฐานํ กนฺตานํ มนาปานํ ปิยรูปานํ กามูปสํหิตานํ รชนียานํ, โสตวิเญฺญยฺยานํ สทฺทานํ…เป.… ฆานวิเญฺญยฺยานํ คนฺธานํ…เป.… ชิวฺหาวิเญฺญยฺยานํ รสานํ…เป.… กายวิเญฺญยฺยานํ โผฎฺฐพฺพานํ อิฎฺฐานํ กนฺตานํ มนาปานํ ปิยรูปานํ กามูปสํหิตานํ รชนียานํฯ อุกฺขิป อสิสูนํ, ปชห ปญฺจ กามคุเณ; อภิกฺขณ, สุเมธ, สตฺถํ อาทายาติ อยเมตสฺส อโตฺถฯ

    ‘‘‘Asisūnā’ti kho, bhikkhu, pañcannetaṃ kāmaguṇānaṃ adhivacanaṃ – cakkhuviññeyyānaṃ rūpānaṃ iṭṭhānaṃ kantānaṃ manāpānaṃ piyarūpānaṃ kāmūpasaṃhitānaṃ rajanīyānaṃ, sotaviññeyyānaṃ saddānaṃ…pe… ghānaviññeyyānaṃ gandhānaṃ…pe… jivhāviññeyyānaṃ rasānaṃ…pe… kāyaviññeyyānaṃ phoṭṭhabbānaṃ iṭṭhānaṃ kantānaṃ manāpānaṃ piyarūpānaṃ kāmūpasaṃhitānaṃ rajanīyānaṃ. Ukkhipa asisūnaṃ, pajaha pañca kāmaguṇe; abhikkhaṇa, sumedha, satthaṃ ādāyāti ayametassa attho.

    ‘‘‘มํสเปสี’ติ โข, ภิกฺขุ, นนฺทีราคเสฺสตํ อธิวจนํฯ อุกฺขิป มํสเปสิํ, ปชห นนฺทีราคํ; อภิกฺขณ, สุเมธ, สตฺถํ อาทายาติ อยเมตสฺส อโตฺถฯ

    ‘‘‘Maṃsapesī’ti kho, bhikkhu, nandīrāgassetaṃ adhivacanaṃ. Ukkhipa maṃsapesiṃ, pajaha nandīrāgaṃ; abhikkhaṇa, sumedha, satthaṃ ādāyāti ayametassa attho.

    ‘‘‘นาโค’ติ โข, ภิกฺขุ, ขีณาสวเสฺสตํ ภิกฺขุโน อธิวจนํฯ ติฎฺฐตุ นาโค, มา นาคํ ฆเฎฺฎสิ; นโม กโรหิ นาคสฺสาติ อยเมตสฺส อโตฺถ’’ติฯ

    ‘‘‘Nāgo’ti kho, bhikkhu, khīṇāsavassetaṃ bhikkhuno adhivacanaṃ. Tiṭṭhatu nāgo, mā nāgaṃ ghaṭṭesi; namo karohi nāgassāti ayametassa attho’’ti.

    อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมโน อายสฺมา กุมารกสฺสโป ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติฯ

    Idamavoca bhagavā. Attamano āyasmā kumārakassapo bhagavato bhāsitaṃ abhinandīti.

    วมฺมิกสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ ตติยํฯ

    Vammikasuttaṃ niṭṭhitaṃ tatiyaṃ.







    Footnotes:
    1. วมฺมีโก (กตฺถจิ) สกฺกตานุรูปํ
    2. ปงฺกวารํ (สฺยา.), จงฺกวารํ (ก.)
    3. vammīko (katthaci) sakkatānurūpaṃ
    4. paṅkavāraṃ (syā.), caṅkavāraṃ (ka.)
    5. จาตุมฺมหาภูติกสฺส (สี. สฺยา. ปี.)
    6. cātummahābhūtikassa (sī. syā. pī.)
    7. กมฺมนฺตํ (ก.)
    8. ( ) นตฺถิ (สี. สฺยา.)
    9. kammantaṃ (ka.)
    10. ( ) natthi (sī. syā.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๓. วมฺมิกสุตฺตวณฺณนา • 3. Vammikasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๓. วมฺมิกสุตฺตวณฺณนา • 3. Vammikasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact