Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) |
๓. วมฺมิกสุตฺตวณฺณนา
3. Vammikasuttavaṇṇanā
๒๔๙. ปิยวจนนฺติ ปิยสมุทาจาโรฯ วิญฺญุชาติกา หิ ปรํ ปิเยน สมุทาจรนฺตา ‘‘ภว’’นฺติ วา, ‘‘เทวานํ ปิโย’’ติ วา, ‘‘อายสฺมา’’ติ วา สมุทาจรนฺติ, ตสฺมา สมฺมุขา สโมฺพธนวเสน ‘‘อาวุโส’’ติ, ติโรกฺขํ ‘‘อายสฺมา’’ติ อยมฺปิ สมุทาจาโรฯ มหากสฺสปอุรุเวลกสฺสปาทโย อเญฺญปิ กสฺสปนามกา อตฺถีติ ‘‘กตรสฺส กสฺสปสฺสา’’ติ ปุจฺฉนฺติฯ รญฺญาติ โกสลรญฺญาฯ ‘‘สญฺชานิํสู’’ติ สเงฺขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวริตุํ ‘‘อยํ ปนา’’ติอาทิ อารทฺธํฯ อสฺสาติ กุมารกสฺสปสฺส, ‘‘สญฺชานิํสู’’ติ วุตฺตสญฺชานนสฺส วาฯ ปุญฺญานิ กโรโนฺตติ กปฺปสตสหสฺสํ เทเวสุ จ มนุเสฺสสุ จ นิพฺพตฺติตฺวา ทานาทีนิ ปุญฺญานิ ภาเวโนฺตฯ โอสกฺกเนฺตติ ปริหายมาเนฯ ปฐมนฺติ กุมาริกากาเลฯ สตฺถา อุปาลิเตฺถรํ ปฎิจฺฉาเปสิ ตํ อธิกรณํ วินยกเมฺมเนวสฺสา ภิกฺขุนิยา ปพฺพชฺชาย อโรคภาวํฯ
249.Piyavacananti piyasamudācāro. Viññujātikā hi paraṃ piyena samudācarantā ‘‘bhava’’nti vā, ‘‘devānaṃ piyo’’ti vā, ‘‘āyasmā’’ti vā samudācaranti, tasmā sammukhā sambodhanavasena ‘‘āvuso’’ti, tirokkhaṃ ‘‘āyasmā’’ti ayampi samudācāro. Mahākassapauruvelakassapādayo aññepi kassapanāmakā atthīti ‘‘katarassa kassapassā’’ti pucchanti. Raññāti kosalaraññā. ‘‘Sañjāniṃsū’’ti saṅkhepato vuttamatthaṃ vivarituṃ ‘‘ayaṃ panā’’tiādi āraddhaṃ. Assāti kumārakassapassa, ‘‘sañjāniṃsū’’ti vuttasañjānanassa vā. Puññāni karontoti kappasatasahassaṃ devesu ca manussesu ca nibbattitvā dānādīni puññāni bhāvento. Osakkanteti parihāyamāne. Paṭhamanti kumārikākāle. Satthā upālittheraṃ paṭicchāpesi taṃ adhikaraṇaṃ vinayakammenevassā bhikkhuniyā pabbajjāya arogabhāvaṃ.
ปญฺญตฺติวิภาวนาติ ‘‘อนฺธวน’’เนฺตฺวว ปญฺญายมานสฺส วิภาวนาฯ โอลียตีติ สงฺกุจติ สณิกํ วตฺตติฯ ภาณโกติ สรภาณโกฯ ยํ อตฺถิ, ตํ คเหตฺวาติ อิทานิ ปริเยสิตพฺพฎฺฐานํ นตฺถิ, ยถาคตํ ปน ยํ อตฺถิ, ตํ คเหตฺวาฯ พลวคุเณติ อธิมตฺตคุเณฯ กสฺสปภควโต กาเล นิรุฬฺหสมญฺญาวเสน วจนสนฺตติยา อวิเจฺฉเทน จ อิมสฺมิมฺปิ พุทฺธุปฺปาเท ตํ ‘‘อนฺธวน’’เนฺตฺวว ปญฺญายิตฺถ, อุปรูปริวฑฺฒมานาย ปถวิยา อุปริ รุกฺขคจฺฉาทีสุ สญฺชายเนฺตสุปีติฯ เสกฺขปฎิปทนฺติ เสกฺขภาวาวหํ วิสุทฺธิปฎิปตฺติํฯ
Paññattivibhāvanāti ‘‘andhavana’’ntveva paññāyamānassa vibhāvanā. Olīyatīti saṅkucati saṇikaṃ vattati. Bhāṇakoti sarabhāṇako. Yaṃ atthi, taṃ gahetvāti idāni pariyesitabbaṭṭhānaṃ natthi, yathāgataṃ pana yaṃ atthi, taṃ gahetvā. Balavaguṇeti adhimattaguṇe. Kassapabhagavato kāle niruḷhasamaññāvasena vacanasantatiyā avicchedena ca imasmimpi buddhuppāde taṃ ‘‘andhavana’’ntveva paññāyittha, uparūparivaḍḍhamānāya pathaviyā upari rukkhagacchādīsu sañjāyantesupīti. Sekkhapaṭipadanti sekkhabhāvāvahaṃ visuddhipaṭipattiṃ.
อญฺญตร-สโทฺท อปากเฎ วิย ปากเฎปิ วตฺตติ เอก-สเทฺทน สมานตฺถตฺตาติ ทเสฺสตุํ ‘‘อภิชานาตี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ภยเภรวทสฺสิตมฺปิ อภิกฺกนฺต-สทฺทสฺส อตฺถุทฺธารํ อิธ ทเสฺสโนฺต เอวํ เหฎฺฐา ตตฺถ ตตฺถ กตา อตฺถสํวณฺณนา ปรโต ตสฺมิํ ตสฺมิํ สุตฺตปเทเส ยถารหํ วตฺตพฺพาติ นยทสฺสนํ กโรติฯ กญฺจนสนฺนิภตฺตจตา สุวณฺณวณฺณคฺคหเณน คหิตาติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘ฉวิย’’นฺติฯ ฉวิคตา ปน วณฺณธาตุ เอว ‘‘สุวณฺณวโณฺณ’’ติ เอตฺถ วณฺณคฺคหเณน คหิตาติ อปเรฯ วณฺณียติ กิตฺตียติ อุโคฺฆสนนฺติ วโณฺณ, ถุติฯ วณฺณียติ อสงฺกรโต ววตฺถปียตีติ วโณฺณ, กุลวโคฺคฯ วณฺณียติ ผลํ เอเตน ยถาสภาวโต วิภาวียตีติ วโณฺณ, การณํฯ วณฺณนํ ทีฆรสฺสาทิวเสน สณฺฐหนนฺติ วโณฺณ, สณฺฐานํฯ วณฺณียติ อณุมหนฺตาทิวเสน ปมียตีติ วโณฺณ, ปมาณํฯ วเณฺณติ วิการมาปชฺชมานํ หทยงฺคตภาวํ ปกาเสตีติ วโณฺณ, รูปายตนํฯ เอวํ เตน เตน ปวตฺตินิมิเตฺตน วณฺณ-สทฺทสฺส ตสฺมิํ ตสฺมิํ อเตฺถ ปวตฺติ เวทิตพฺพาฯ
Aññatara-saddo apākaṭe viya pākaṭepi vattati eka-saddena samānatthattāti dassetuṃ ‘‘abhijānātī’’tiādi vuttaṃ. Bhayabheravadassitampi abhikkanta-saddassa atthuddhāraṃ idha dassento evaṃ heṭṭhā tattha tattha katā atthasaṃvaṇṇanā parato tasmiṃ tasmiṃ suttapadese yathārahaṃ vattabbāti nayadassanaṃ karoti. Kañcanasannibhattacatā suvaṇṇavaṇṇaggahaṇena gahitāti adhippāyenāha ‘‘chaviya’’nti. Chavigatā pana vaṇṇadhātu eva ‘‘suvaṇṇavaṇṇo’’ti ettha vaṇṇaggahaṇena gahitāti apare. Vaṇṇīyati kittīyati ugghosananti vaṇṇo, thuti. Vaṇṇīyati asaṅkarato vavatthapīyatīti vaṇṇo, kulavaggo. Vaṇṇīyati phalaṃ etena yathāsabhāvato vibhāvīyatīti vaṇṇo, kāraṇaṃ. Vaṇṇanaṃ dīgharassādivasena saṇṭhahananti vaṇṇo, saṇṭhānaṃ. Vaṇṇīyati aṇumahantādivasena pamīyatīti vaṇṇo, pamāṇaṃ. Vaṇṇeti vikāramāpajjamānaṃ hadayaṅgatabhāvaṃ pakāsetīti vaṇṇo, rūpāyatanaṃ. Evaṃ tena tena pavattinimittena vaṇṇa-saddassa tasmiṃ tasmiṃ atthe pavatti veditabbā.
อนวเสสตฺตํ สกลตา เกวลตาฯ เกวลกปฺปาติ เอตฺถ เกจิ อีสํ อสมตฺตา เกวลา เกวลกปฺปาติ วทนฺติ, เอวํ สติ อนวเสสโตฺถ เอว เกวล-สโทฺท สิยาฯ อนตฺถนฺตเรน ปน กปฺป-สเทฺทน ปทวฑฺฒนํ กตฺวา เกวลา เอว เกวลกปฺปาฯ ตถา วา กปฺปนียตฺตา ปญฺญเปตพฺพตฺตา เกวลกปฺปาฯ เยภุยฺยตา พหุลภาโวฯ อพฺยามิสฺสตา วิชาติเยน อสงฺกโร สุทฺธตาฯ อนติเรกตา ตํมตฺตตา วิเสสาภาโวฯ เกวลกปฺปนฺติ เกวลํ ทฬฺหํ กตฺวาติ อโตฺถฯ เกวลํ วุจฺจติ นิพฺพานํ สพฺพสงฺขตวิวิตฺตตฺตาฯ เตนาห ‘‘วิสํโยคาทิอเนกโตฺถ’’ติฯ เกวลํ เอตสฺส อธิคตํ อตฺถีติ เกวลี, สจฺฉิกตนิโรโธ ขีณาสโวฯ
Anavasesattaṃ sakalatā kevalatā. Kevalakappāti ettha keci īsaṃ asamattā kevalā kevalakappāti vadanti, evaṃ sati anavasesattho eva kevala-saddo siyā. Anatthantarena pana kappa-saddena padavaḍḍhanaṃ katvā kevalā eva kevalakappā. Tathā vā kappanīyattā paññapetabbattā kevalakappā. Yebhuyyatā bahulabhāvo. Abyāmissatā vijātiyena asaṅkaro suddhatā. Anatirekatā taṃmattatā visesābhāvo. Kevalakappanti kevalaṃ daḷhaṃ katvāti attho. Kevalaṃ vuccati nibbānaṃ sabbasaṅkhatavivittattā. Tenāha ‘‘visaṃyogādianekattho’’ti. Kevalaṃ etassa adhigataṃ atthīti kevalī, sacchikatanirodho khīṇāsavo.
กปฺป-สโทฺท ปนายํ สอุปสโคฺค อนุปสโคฺค จาติ อธิปฺปาเยน โอกปฺปนียปเท ลพฺภมานํ โอกปฺปสทฺทมตฺตํ นิทเสฺสติ, อญฺญถา กปฺป-สทฺทสฺส อตฺถุทฺธาเร โอกปฺปนียปทํ อนิทสฺสนเมว สิยาฯ สมณกเปฺปหีติ วินยสิเทฺธหิ สมณโวหาเรหิฯ นิจฺจกปฺปนฺติ นิจฺจกาลํฯ ปญฺญตฺตีติ นามํฯ นามเญฺหตํ ตสฺส อายสฺมโต, ยทิทํ กโปฺปติฯ กปฺปิตเกสมสฺสูติ กตฺตริกาย เฉทิตเกสมสฺสุฯ ทฺวงฺคุลกโปฺปติ มชฺฌนฺหิกเวลาย วีติกฺกนฺตาย ทฺวงฺคุลตาวิกโปฺปฯ เลโสติ อปเทโสฯ อนวเสสํ ผริตุํ สมตฺถสฺสปิ โอภาสสฺส เกนจิ การเณน เอกเทสผรณมฺปิ สิยา, อยํ ปน สพฺพโสว ผรีติ ทเสฺสตุํ สมนฺตโตฺถ กปฺป-สโทฺท คหิโตติ อาห ‘‘อนวเสสํ สมนฺตโต’’ติฯ
Kappa-saddo panāyaṃ saupasaggo anupasaggo cāti adhippāyena okappanīyapade labbhamānaṃ okappasaddamattaṃ nidasseti, aññathā kappa-saddassa atthuddhāre okappanīyapadaṃ anidassanameva siyā. Samaṇakappehīti vinayasiddhehi samaṇavohārehi. Niccakappanti niccakālaṃ. Paññattīti nāmaṃ. Nāmañhetaṃ tassa āyasmato, yadidaṃ kappoti. Kappitakesamassūti kattarikāya cheditakesamassu. Dvaṅgulakappoti majjhanhikavelāya vītikkantāya dvaṅgulatāvikappo. Lesoti apadeso. Anavasesaṃ pharituṃ samatthassapi obhāsassa kenaci kāraṇena ekadesapharaṇampi siyā, ayaṃ pana sabbasova pharīti dassetuṃ samantattho kappa-saddo gahitoti āha ‘‘anavasesaṃ samantato’’ti.
สมณสญฺญาสมุทาจาเรนาติ ‘‘อหํ สมโณ’’ติ เอวํ อุปฺปนฺนสญฺญาสมุฎฺฐิเตน สมุทาจาเรน, ตนฺนิมิเตฺตน วา ตโพฺพหาเรนฯ ปุพฺพโยเคติ ปุพฺพโยคกถายํฯ ปปโญฺจ เอสาติ เอโส ตุเมฺหสุ อาคเตสุ ยถาปวโตฺต ปฎิสนฺถาโร กถาสมุทาจาโร จ อมฺหากํ ปปโญฺจฯ เอตฺตกมฺปิ อกตฺวา สมณธมฺมเมว กโรมาติ อธิปฺปาโยฯ
Samaṇasaññāsamudācārenāti ‘‘ahaṃ samaṇo’’ti evaṃ uppannasaññāsamuṭṭhitena samudācārena, tannimittena vā tabbohārena. Pubbayogeti pubbayogakathāyaṃ. Papañco esāti eso tumhesu āgatesu yathāpavatto paṭisanthāro kathāsamudācāro ca amhākaṃ papañco. Ettakampi akatvā samaṇadhammameva karomāti adhippāyo.
อริยภูมิํ ปโตฺตติ อนาคามิผลํ อธิคโตฯ ปกฺกุสาติกุลปุตฺตํ สนฺธาย วทติฯ วิภชิตฺวาติ วิภาคํ กตฺวาฯ ตุริตาลปนวเสนาติ ตุริตํ อาลปนวเสนฯ เตน ทุลฺลโภ อยํ สมโณ, ตสฺมา สีฆมสฺส ปโญฺห กเถตโพฺพ, อิมินา จ สีฆํ คนฺตฺวา สตฺถา ปุจฺฉิตโพฺพติ ตุริตํ อาลปีติ ทเสฺสติฯ ‘‘ยถา วา’’ติอาทินา ปน วจนาลงฺการวเสน ทฺวิกฺขตฺตุํ อาลปติฯ เอวมาหาติ ‘‘ภิกฺขุ ภิกฺขู’’ติ เอวํ ทฺวิกฺขตฺตุํ อโวจฯ
Ariyabhūmiṃ pattoti anāgāmiphalaṃ adhigato. Pakkusātikulaputtaṃ sandhāya vadati. Vibhajitvāti vibhāgaṃ katvā. Turitālapanavasenāti turitaṃ ālapanavasena. Tena dullabho ayaṃ samaṇo, tasmā sīghamassa pañho kathetabbo, iminā ca sīghaṃ gantvā satthā pucchitabboti turitaṃ ālapīti dasseti. ‘‘Yathā vā’’tiādinā pana vacanālaṅkāravasena dvikkhattuṃ ālapati. Evamāhāti ‘‘bhikkhu bhikkhū’’ti evaṃ dvikkhattuṃ avoca.
วมฺมิกปริยาเยน กรชกายํ ปจฺจกฺขํ กตฺวา ทเสฺสนฺตี เทวตา ‘‘อยํ วมฺมิโก’’ติ อาหฯ ตาย ปน ภาวตฺถสฺส อภาสิตตฺตา สทฺทตฺถเมว ทเสฺสโนฺต ‘‘ปุรโต ฐิตํ…เป.… อยนฺติ อาหา’’ติ อโวจฯ เสเสสุปิ เอเสว นโยฯ มณฺฑูกนฺติ ถลมณฺฑูกํฯ โส หิ อุทฺธุมายิกาติ วุจฺจติ, น อุทกมณฺฑูโกฯ ตสฺส นิวาสโต วาโต มา โข พาธยิตฺถาติ ‘‘อุปริวาตโต อปคมฺมา’’ติ วุตฺตํฯ กถํ ปนายํ เทวตา อิมินา นีหาเรน อิเม ปเญฺห เถรสฺส อาจิกฺขีติ? เกจิ ตาว อาหุ – ยถาสุตมตฺถํ อุปมาภาเวน คเหตฺวา อตฺตโน ปฎิภาเนน อุปเมยฺยตฺถํ มนสา จิเนฺตตฺวา ตํ ภควาว อิมสฺส อาจิกฺขิสฺสติฯ สา จ เทสนา อตฺถาย หิตาย สุขาย โหตีติ ‘‘อยํ วมฺมิโก’’ติอาทินา อุปมาวเสเนว ปนฺนรส ปเญฺห เถรสฺส อาจิกฺขิฯ กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล กิร พาราณสิยํ เอโก เสฎฺฐิ อโฑฺฒ มหทฺธโน มหนฺตํ นิธานํ นิทหิตฺวา ปลิฆาทิอาการานิ กานิจิปิ ลงฺคานิ ตตฺถ ฐเปสิฯ โส มรณกาเล อตฺตโน สหายสฺส พฺราหฺมณสฺส อาโรเจสิ – ‘‘อิมสฺมิํ ฐาเน มยา นิธานํ นิทหิตํ, ตํ มม ปุตฺตสฺส วิญฺญุตํ ปตฺตสฺส ทเสฺสตี’’ติ วตฺวา กาลมกาสิฯ พฺราหฺมโณ สหายกปุตฺตสฺส วิญฺญุตํ ปตฺตกาเล ตํ ฐานํ ทเสฺสสิฯ โส นิขนิตฺวา สพฺพปจฺฉา นาคํ ปสฺสิ, นาโค อตฺตโน ปุตฺตํ ทิสฺวา ‘‘สุเขเนว ธนํ คณฺหตู’’ติ อปคจฺฉิฯ สฺวายมโตฺถ ตทา โลเก ปากโฎ ชาโตฯ อยํ ปน เทวตา ตทา พาราณสิยํ คหปติกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปโตฺต สตฺถริ ปรินิพฺพุเต อุรํ ทตฺวา สาสเน ปพฺพชิโต ปญฺจหิ สหายกภิกฺขูหิ สทฺธิํ สมณธมฺมมกาสิฯ เย สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ปญฺจ ภิกฺขู นิเสฺสณิํ พนฺธิตฺวา’’ติอาทิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ยถาสุตมตฺถํ อุปมาภาเวน คเหตฺวา’’ติอาทิฯ อปเร ปน ‘‘เทวตา อตฺตโน ปฎิภาเนน อิเม ปเญฺห เอวํ อภิสงฺขริตฺวา เถรสฺส อาจิกฺขี’’ติ วทนฺติฯ เทวปุเตฺต นิสฺสกฺกํ เทวปุตฺตปญฺหตฺตา ตสฺส อตฺถสฺสฯ
Vammikapariyāyena karajakāyaṃ paccakkhaṃ katvā dassentī devatā ‘‘ayaṃ vammiko’’ti āha. Tāya pana bhāvatthassa abhāsitattā saddatthameva dassento ‘‘purato ṭhitaṃ…pe… ayanti āhā’’ti avoca. Sesesupi eseva nayo. Maṇḍūkanti thalamaṇḍūkaṃ. So hi uddhumāyikāti vuccati, na udakamaṇḍūko. Tassa nivāsato vāto mā kho bādhayitthāti ‘‘uparivātato apagammā’’ti vuttaṃ. Kathaṃ panāyaṃ devatā iminā nīhārena ime pañhe therassa ācikkhīti? Keci tāva āhu – yathāsutamatthaṃ upamābhāvena gahetvā attano paṭibhānena upameyyatthaṃ manasā cintetvā taṃ bhagavāva imassa ācikkhissati. Sā ca desanā atthāya hitāya sukhāya hotīti ‘‘ayaṃ vammiko’’tiādinā upamāvaseneva pannarasa pañhe therassa ācikkhi. Kassapasammāsambuddhakāle kira bārāṇasiyaṃ eko seṭṭhi aḍḍho mahaddhano mahantaṃ nidhānaṃ nidahitvā palighādiākārāni kānicipi laṅgāni tattha ṭhapesi. So maraṇakāle attano sahāyassa brāhmaṇassa ārocesi – ‘‘imasmiṃ ṭhāne mayā nidhānaṃ nidahitaṃ, taṃ mama puttassa viññutaṃ pattassa dassetī’’ti vatvā kālamakāsi. Brāhmaṇo sahāyakaputtassa viññutaṃ pattakāle taṃ ṭhānaṃ dassesi. So nikhanitvā sabbapacchā nāgaṃ passi, nāgo attano puttaṃ disvā ‘‘sukheneva dhanaṃ gaṇhatū’’ti apagacchi. Svāyamattho tadā loke pākaṭo jāto. Ayaṃ pana devatā tadā bārāṇasiyaṃ gahapatikule nibbattitvā viññutaṃ patto satthari parinibbute uraṃ datvā sāsane pabbajito pañcahi sahāyakabhikkhūhi saddhiṃ samaṇadhammamakāsi. Ye sandhāya vuttaṃ ‘‘pañca bhikkhū nisseṇiṃ bandhitvā’’tiādi. Tena vuttaṃ ‘‘yathāsutamatthaṃ upamābhāvena gahetvā’’tiādi. Apare pana ‘‘devatā attano paṭibhānena ime pañhe evaṃ abhisaṅkharitvā therassa ācikkhī’’ti vadanti. Devaputte nissakkaṃ devaputtapañhattā tassa atthassa.
๒๕๑. จตูหิ มหาภูเตหิ นิพฺพโตฺตติ จาตุมหาภูติโกฯ เตนาห ‘‘จตุมหาภูตมยสฺสา’’ติฯ วมติ อุคฺคิรโนฺต วิย โหตีติ อโตฺถฯ วนฺตโกติ อุจฺฉฑฺฑโกฯ วนฺตุสฺสโยติ อุปจิกาหิ วนฺตสฺส มตฺติกาปิณฺฑสฺส อุสฺสยภูโตฯ วนฺตสิเนหสมฺพโทฺธติ วเนฺตน เขฬสิเนเหน สมฺปิณฺฑิโตฯ อสุจิกลิมลํ วมตีติ เอตฺถ มุขาทีหิ ปาณกานํ นิคฺคมนโต ปาณเก วมตีติ อยมฺปิ อโตฺถ ลพฺภเตวฯ อริเยหิ วนฺตโกติ กายภาวสามเญฺญน วุตฺตํฯ ทุกฺขสจฺจปริญฺญาย วา สพฺพสฺสปิ เตภูมกธมฺมชาตสฺส ปริญฺญาตตฺตา สโพฺพปิ กาโย อริเยหิ ฉนฺทราคปฺปหาเนน วโนฺต เอวฯ ตํ สพฺพนฺติ เยหิ ตีหิ อฎฺฐิสเตหิ อุสฺสิโต, เยหิ นฺหารูหิ สมฺพโทฺธ, เยหิ มํเสหิ อวลิโตฺต, เยน อลฺลจเมฺมน ปริโยนโทฺธ, ยาย ฉวิยา รญฺชิโต, ตํ อฎฺฐิอาทิสพฺพํ อจฺจนฺตเมว ชิคุจฺฉิตฺวา วิรตฺตตายวนฺตเมวฯ ‘‘ยถา จา’’ติอาทินา วตฺตโพฺพปมโตปิ วมฺมิโก วิย วมฺมิโกติ อิมมตฺถํ ทเสฺสติฯ
251. Catūhi mahābhūtehi nibbattoti cātumahābhūtiko. Tenāha ‘‘catumahābhūtamayassā’’ti. Vamati uggiranto viya hotīti attho. Vantakoti ucchaḍḍako. Vantussayoti upacikāhi vantassa mattikāpiṇḍassa ussayabhūto. Vantasinehasambaddhoti vantena kheḷasinehena sampiṇḍito. Asucikalimalaṃ vamatīti ettha mukhādīhi pāṇakānaṃ niggamanato pāṇake vamatīti ayampi attho labbhateva. Ariyehi vantakoti kāyabhāvasāmaññena vuttaṃ. Dukkhasaccapariññāya vā sabbassapi tebhūmakadhammajātassa pariññātattā sabbopi kāyo ariyehi chandarāgappahānena vanto eva. Taṃ sabbanti yehi tīhi aṭṭhisatehi ussito, yehi nhārūhi sambaddho, yehi maṃsehi avalitto, yena allacammena pariyonaddho, yāya chaviyā rañjito, taṃ aṭṭhiādisabbaṃ accantameva jigucchitvā virattatāyavantameva. ‘‘Yathā cā’’tiādinā vattabbopamatopi vammiko viya vammikoti imamatthaṃ dasseti.
สมฺภวติ เอตสฺมาติ สมฺภโว, มาตาเปตฺติโก สมฺภโว เอตสฺสาติ มาตาเปตฺติกสมฺภโวฯ ตสฺสฯ อุปจิยติ เอเตนาติ อุปจโย’ โอทนกุมฺมาสํ อุปจโย เอตสฺสาติ โอทนกุมฺมาสูปจโยฯ ตสฺสฯ อธุวสภาวตาย อนิจฺจธมฺมสฺส, เสทคูถ-ปิตฺต-เสมฺหาทิ-ธาตุโกฺขภ-ครุภาวทุคฺคนฺธานํ วิโนทนาย อุจฺฉาเทตพฺพธมฺมสฺส, ปริโต สมฺพาหเนน ปริมทฺทิตพฺพธมฺมสฺส, ขเณ ขเณ ภิชฺชนสภาวตาย เภทนธมฺมสฺส, ตโต เอว วิกิรณสภาวตาย วิทฺธํสนธมฺมสฺสาติ ธมฺม-สโทฺท ปเจฺจกํ โยเชตโพฺพฯ ตนุวิเลปเนนาติ กายาวเลปเนน อุจฺฉาทนวิเลปเนนฯ องฺคปจฺจงฺคาพาธวิโนทนตฺถายาติ ตาทิสสมุฎฺฐาน-สรีรวิการวิคมายฯ ยสฺมา สุกฺกโสณิตํ อาหาโร, อุจฺฉาทนํ ปริมทฺทนญฺจ ยถารหํ อุปฺปาทสฺส, วุฑฺฒิยา จ ปจฺจโย, ตสฺมา อาห ‘‘มาตาเปตฺติก…เป.… กถิโต’’ติฯ อุจฺจาวจภาโวติ ยถารหํ โยเชตโพฺพ – โอทนกุมฺมาสูปจย-อุจฺฉาทนปริมทฺทนคฺคหเณหิ อุจฺจภาโว, วฑฺฒีฯ มาตาเปตฺติกสมฺภวคฺคหเณน สมุทโยฯ อิตเรหิ อวจภาโว, ปริหานิ, อตฺถงฺคโม ปกาสิโตฯ องฺคปจฺจงฺคานํ สณฺฐปนมฺปิ หิ วฎฺฎปจฺจยตฺตา วฎฺฎนฺติฯ
Sambhavati etasmāti sambhavo, mātāpettiko sambhavo etassāti mātāpettikasambhavo. Tassa. Upaciyati etenāti upacayo’ odanakummāsaṃ upacayo etassāti odanakummāsūpacayo. Tassa. Adhuvasabhāvatāya aniccadhammassa, sedagūtha-pitta-semhādi-dhātukkhobha-garubhāvaduggandhānaṃ vinodanāya ucchādetabbadhammassa, parito sambāhanena parimadditabbadhammassa, khaṇe khaṇe bhijjanasabhāvatāya bhedanadhammassa, tato eva vikiraṇasabhāvatāya viddhaṃsanadhammassāti dhamma-saddo paccekaṃ yojetabbo. Tanuvilepanenāti kāyāvalepanena ucchādanavilepanena. Aṅgapaccaṅgābādhavinodanatthāyāti tādisasamuṭṭhāna-sarīravikāravigamāya. Yasmā sukkasoṇitaṃ āhāro, ucchādanaṃ parimaddanañca yathārahaṃ uppādassa, vuḍḍhiyā ca paccayo, tasmā āha ‘‘mātāpettika…pe… kathito’’ti. Uccāvacabhāvoti yathārahaṃ yojetabbo – odanakummāsūpacaya-ucchādanaparimaddanaggahaṇehi uccabhāvo, vaḍḍhī. Mātāpettikasambhavaggahaṇena samudayo. Itarehi avacabhāvo, parihāni, atthaṅgamo pakāsito. Aṅgapaccaṅgānaṃ saṇṭhapanampi hi vaṭṭapaccayattā vaṭṭanti.
โกโธ ธูโมติ เอตฺถ ธูมปริยาเยน โกธสฺส วุตฺตตฺตา ธูม-สโทฺท โกเธ วตฺตตีติ วุตฺตํ ‘‘ธูโม วิย ธูโม’’ติฯ ภสฺมนีติ ภสฺมํฯ โมสวชฺชนฺติ มุสาวาโทฯ ธูโม เอว ธูมายิตํฯ อิจฺฉา ธูมายิตํ เอติสฺสาติ อิจฺฉาธูมายิตา, ปชาฯ อิจฺฉาธูมายิตสทฺทสฺส ตณฺหาย วุตฺติ วุตฺตนโย เอวฯ ธูมายโนฺตติ วิตกฺกสนฺตาเปน สํตเปฺปโนฺต, วิตเกฺกโนฺตติ อโตฺถฯ ปลิโปติ ทุกฺกรมหากทฺทมํฯ ติมูลนฺติ ตีหิ มูเลหิ ปติฎฺฐิตํ วิย อจลํ ปวตฺตนฺติ วุตฺตํฯ รโช จ ธูโม จ มยา ปกาสิตาติ รชสภาวกรณเฎฺฐน ‘‘รโช’’ติ จ ธูมสภาวกรณเฎฺฐน ‘‘ธูโม’’ติ จ มยา ปกาสิตาฯ ปกติธูโม วิย อคฺคิสฺส กิเลสคฺคิชาลสฺส ปญฺญาณภาวโตฯ ธมฺมเทสนาธูโม ญาณคฺคิสนฺธีปนสฺส ปุพฺพงฺคมภาวโตฯ อยํ รตฺติํ ธูมายนาติ ยา ทิวา กตฺตพฺพกมฺมเนฺต อุทฺทิสฺส รตฺติยํ อนุวิตกฺกนา, อยํ รตฺติํ ธูมายนาฯ
Kodho dhūmoti ettha dhūmapariyāyena kodhassa vuttattā dhūma-saddo kodhe vattatīti vuttaṃ ‘‘dhūmo viya dhūmo’’ti. Bhasmanīti bhasmaṃ. Mosavajjanti musāvādo. Dhūmo eva dhūmāyitaṃ. Icchā dhūmāyitaṃ etissāti icchādhūmāyitā, pajā. Icchādhūmāyitasaddassa taṇhāya vutti vuttanayo eva. Dhūmāyantoti vitakkasantāpena saṃtappento, vitakkentoti attho. Palipoti dukkaramahākaddamaṃ. Timūlanti tīhi mūlehi patiṭṭhitaṃ viya acalaṃ pavattanti vuttaṃ. Rajo ca dhūmo ca mayā pakāsitāti rajasabhāvakaraṇaṭṭhena ‘‘rajo’’ti ca dhūmasabhāvakaraṇaṭṭhena ‘‘dhūmo’’ti ca mayā pakāsitā. Pakatidhūmo viya aggissa kilesaggijālassa paññāṇabhāvato. Dhammadesanādhūmo ñāṇaggisandhīpanassa pubbaṅgamabhāvato. Ayaṃ rattiṃ dhūmāyanāti yā divā kattabbakammante uddissa rattiyaṃ anuvitakkanā, ayaṃ rattiṃ dhūmāyanā.
สตฺตนฺนํ ธมฺมานนฺติ อิทํ สุเตฺต (จูฬนิ. เมตฺตคูมาณวปุจฺฉานิเทฺทส ๒๘) อาคตนเยน วุตฺตํฯ สุตฺตญฺจ ตถา อาราธนเวเนยฺยชฺฌาสยวเสนฯ ตเทกฎฺฐตาย วา ตทญฺญกิเลสานํฯ สุนฺทรปโญฺญติ ญาตตีรณปหานปริญฺญาย ปญฺญาย สุนฺทรปโญฺญฯ
Sattannaṃ dhammānanti idaṃ sutte (cūḷani. mettagūmāṇavapucchāniddesa 28) āgatanayena vuttaṃ. Suttañca tathā ārādhanaveneyyajjhāsayavasena. Tadekaṭṭhatāya vā tadaññakilesānaṃ. Sundarapaññoti ñātatīraṇapahānapariññāya paññāya sundarapañño.
เอตนฺติ ‘‘สตฺถ’’นฺติ เอตํ อธิวจนํ สํกิเลสธมฺมานํ สสนโต สมุจฺฉินฺทนโตฯ นฺติ วีริยํฯ ปญฺญาคติกเมว ปญฺญาย หิตเสฺสว อธิเปฺปตตฺตาฯ โลกิยาย ปญฺญาย อารมฺภกาเล โลกิยวีริยํ คเหตพฺพํ, โลกุตฺตราย ปญฺญาย ปวตฺติกฺขเณ โลกุตฺตรวีริยํ คเหตพฺพนฺติ โยชนาฯ อตฺถทีปนาติ อุปเมยฺยตฺถทีปนี อุปมาฯ
Etanti ‘‘sattha’’nti etaṃ adhivacanaṃ saṃkilesadhammānaṃ sasanato samucchindanato. Nti vīriyaṃ. Paññāgatikameva paññāya hitasseva adhippetattā. Lokiyāya paññāya ārambhakāle lokiyavīriyaṃ gahetabbaṃ, lokuttarāya paññāya pavattikkhaṇe lokuttaravīriyaṃ gahetabbanti yojanā. Atthadīpanāti upameyyatthadīpanī upamā.
คามโตติ อตฺตโน วสนคามโตฯ มเนฺตติ อาถพฺพนมเนฺตฯ เต หิ พฺราหฺมณา อรเญฺญ เอว วาเจนฺติ ‘‘มา อเญฺญ อโสฺสสุ’’นฺติฯ ตถา อกาสีติ จตฺตาโร โกฎฺฐาเส อกาสิฯ เอวเมตฺถ วมฺมิกปญฺหเสฺสว วเสน อุปมา อาคตา, เสสานํ วเสน เหฎฺฐา วุตฺตนเยน เวทิตพฺพาฯ
Gāmatoti attano vasanagāmato. Manteti āthabbanamante. Te hi brāhmaṇā araññe eva vācenti ‘‘mā aññe assosu’’nti. Tathā akāsīti cattāro koṭṭhāse akāsi. Evamettha vammikapañhasseva vasena upamā āgatā, sesānaṃ vasena heṭṭhā vuttanayena veditabbā.
ลงฺคนเฎฺฐน นิวารณเฎฺฐน ลงฺคี, ปลิโฆฯ ญาณมุเขติ วิปสฺสนาญาณวีถิยํฯ ปตตีติ ปวตฺตติฯ กมฺมฎฺฐานอุคฺคหปริปุจฺฉาวเสนาติ จตุสจฺจกมฺมฎฺฐานสฺส อุคฺคณฺหเนน ตสฺส อตฺถปริปุจฺฉาวเสน เจว วิปสฺสนาสงฺขาต-อตฺถวินิจฺฉย-ปริปุจฺฉาวเสน จฯ สพฺพโส ญาตุํ อิจฺฉา หิ ปริปุจฺฉาฯ วิปสฺสนา จ อนิจฺจาทิโต สพฺพเตภูมกธมฺมานํ ญาตุํ อิจฺฉติฯ เอวํ วิปสฺสนาวเสน อวิชฺชาปหานมาห, อุปริกตฺตพฺพสพฺภาวโต น ตาว มคฺควเสนฯ
Laṅganaṭṭhena nivāraṇaṭṭhena laṅgī, paligho. Ñāṇamukheti vipassanāñāṇavīthiyaṃ. Patatīti pavattati. Kammaṭṭhānauggahaparipucchāvasenāti catusaccakammaṭṭhānassa uggaṇhanena tassa atthaparipucchāvasena ceva vipassanāsaṅkhāta-atthavinicchaya-paripucchāvasena ca. Sabbaso ñātuṃ icchā hi paripucchā. Vipassanā ca aniccādito sabbatebhūmakadhammānaṃ ñātuṃ icchati. Evaṃ vipassanāvasena avijjāpahānamāha, uparikattabbasabbhāvato na tāva maggavasena.
วลฺลิอนฺตเร วาติ วา-สโทฺท ปํสุอนฺตเร วา มตฺติกนฺตเร วาติ อวุตฺตวิกปฺปโตฺถฯ จิตฺตาวิลมตฺตโกวาติ จิตฺตโกฺขภมตฺตโกวฯ อนิคฺคหิโตติ ปฎิสงฺขานพเลน อนิวาริโตฯ มุขวิกุลนํ มุขสโงฺกโจฯ หนุสโญฺจปนํ ปาเปติ อโนฺตชปฺปนาวตฺถายํฯ ทิสา วิโลกนํ ปาเปติ ยตฺถ พาเธตโพฺพ ฐิโต, ตํทสฺสนตฺถํ นิวารกปริวารณตฺถํฯ ทณฺฑสตฺถาภินิปาตนฺติ ทณฺฑสตฺถานํ ปรสฺส อุปริ นิปาตนาวตฺถํฯ เยน โกเธน อนิคฺคหิเตน มาตาทิกํ อฆาเตตพฺพํ อุคฺฆาเตตฺวา ‘‘อยุตฺตํ วต มยา กต’’นฺติ อตฺตานมฺปิ หนติ, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ ‘‘ปรฆาตนมฺปิ อตฺตฆาตนมฺปิ ปาเปตี’’ติฯ เยน วา ปรสฺส หญฺญมานสฺส วเสน ฆาตโกปิ ฆาตนํ ปาปุณาติ, ตาทิสสฺส วเสนายมโตฺถ เวทิตโพฺพฯ โกธสามเญฺญน เหตํ วุตฺตํ ‘‘ปรํ ฆาเตตฺวา อตฺตานํ ฆาเตตี’’ติฯ ปรมุสฺสทคโตติ ปรมุกฺกํสคโตฯ ทฬฺหํ ปริสฺสยมาวหตาย โกโธว โกธูปายาโสฯ เตนาห ‘‘พลวปฺปโตฺต’’ติอาทิฯ
Valliantare vāti vā-saddo paṃsuantare vā mattikantare vāti avuttavikappattho. Cittāvilamattakovāti cittakkhobhamattakova. Aniggahitoti paṭisaṅkhānabalena anivārito. Mukhavikulanaṃ mukhasaṅkoco. Hanusañcopanaṃ pāpeti antojappanāvatthāyaṃ. Disā vilokanaṃ pāpeti yattha bādhetabbo ṭhito, taṃdassanatthaṃ nivārakaparivāraṇatthaṃ. Daṇḍasatthābhinipātanti daṇḍasatthānaṃ parassa upari nipātanāvatthaṃ. Yena kodhena aniggahitena mātādikaṃ aghātetabbaṃ ugghātetvā ‘‘ayuttaṃ vata mayā kata’’nti attānampi hanati, taṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ ‘‘paraghātanampi attaghātanampi pāpetī’’ti. Yena vā parassa haññamānassa vasena ghātakopi ghātanaṃ pāpuṇāti, tādisassa vasenāyamattho veditabbo. Kodhasāmaññena hetaṃ vuttaṃ ‘‘paraṃ ghātetvā attānaṃ ghātetī’’ti. Paramussadagatoti paramukkaṃsagato. Daḷhaṃ parissayamāvahatāya kodhova kodhūpāyāso. Tenāha ‘‘balavappatto’’tiādi.
เทฺวธาปถสมา โหติ อปฺปฎิปตฺติเหตุภาวโตฯ
Dvedhāpathasamāhoti appaṭipattihetubhāvato.
กุสลธโมฺม น ติฎฺฐติ นีวรเณหิ นิวาริตปรมตฺตาฯ สมถปุพฺพงฺคมํ วิปสฺสนํ ภาวยโต ปฐมํ สมเถน นีวรณวิกฺขมฺภนํ โหติ, วิปสฺสนา ปน ตทงฺควเสเนว ตานิ นีหรตีติ วุตฺตํ ‘‘วิกฺขมฺภนตทงฺควเสนา’’ติฯ
Kusaladhammo na tiṭṭhati nīvaraṇehi nivāritaparamattā. Samathapubbaṅgamaṃ vipassanaṃ bhāvayato paṭhamaṃ samathena nīvaraṇavikkhambhanaṃ hoti, vipassanā pana tadaṅgavaseneva tāni nīharatīti vuttaṃ ‘‘vikkhambhanatadaṅgavasenā’’ti.
‘‘กุโมฺมว องฺคานิ สเก กปาเล’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๗) กุมฺมสฺส องฺคภาเวน วิเสสโต ปาทสีสานิ เอว วุจฺจนฺตีติ อาห ‘‘ปเญฺจว องฺคานิ โหนฺตี’’ติฯ วิปสฺสนาจารสฺส วุจฺจมานตฺตา อธิการโต สมฺมสนียานเมว ธมฺมานํ อิธ คหณนฺติ ‘‘สเพฺพปิ สงฺขตา ธมฺมา’’ติ วิเสสํ กตฺวาว วุตฺตํฯ เตนาห ภควา ‘‘ปญฺจเนฺนตํ อุปาทานกฺขนฺธานํ อธิวจน’’นฺติฯ
‘‘Kummova aṅgāni sake kapāle’’tiādīsu (saṃ. ni. 1.17) kummassa aṅgabhāvena visesato pādasīsāni eva vuccantīti āha ‘‘pañceva aṅgāni hontī’’ti. Vipassanācārassa vuccamānattā adhikārato sammasanīyānameva dhammānaṃ idha gahaṇanti ‘‘sabbepi saṅkhatā dhammā’’ti visesaṃ katvāva vuttaṃ. Tenāha bhagavā ‘‘pañcannetaṃ upādānakkhandhānaṃ adhivacana’’nti.
สุนนฺติ โกฎฺฎนฺติ เอตฺถาติ สูนา, อธิกุฎฺฎนนฺติ อาห ‘‘สูนาย อุปรี’’ติฯ อสินาติ มํสกนฺตเนนฯ ฆาติยมานาติ หญฺญมานา วิพาธิยมานาฯ วตฺถุกามานํ อุปริ กตฺวาติ วตฺถุกาเมสุ ฐเปตฺวา เต อจฺจาธานํ กตฺวาฯ กนฺติตาติ ฉินฺทิตาฯ โกฎฺฎิตาติ พิลโส วิภชิตาฯ ฉนฺทราคปฺปหานนฺติ ฉนฺทราคสฺส วิกฺขมฺภนปฺปหานํฯ
Sunanti koṭṭanti etthāti sūnā, adhikuṭṭananti āha ‘‘sūnāya uparī’’ti. Asināti maṃsakantanena. Ghātiyamānāti haññamānā vibādhiyamānā. Vatthukāmānaṃ upari katvāti vatthukāmesu ṭhapetvā te accādhānaṃ katvā. Kantitāti chinditā. Koṭṭitāti bilaso vibhajitā. Chandarāgappahānanti chandarāgassa vikkhambhanappahānaṃ.
สมฺมตฺตาติ มุจฺฉิตา สมฺมูฬฺหาฯ นนฺทีราคํ อุปคมฺม วฎฺฎํ วเฑฺฒนฺตีติ สมฺมูฬฺหตฺตา เอวอาทีนวํ อปสฺสนฺตา นนฺทีราคสฺส อารมฺมณํ อุปคนฺตฺวา ตํ ปริพฺรูเหนฺติฯ นนฺทีราคพทฺธาติ นนฺทีราเค ลคฺคตฺตา เตน พทฺธาฯ วเฎฺฎ ลคฺคนฺตีติ เตภูมเก วเฎฺฎ สชฺชนฺติฯ ตตฺถ สชฺชตฺตา เอว ทุกฺขํ ปตฺวาปิ น อุกฺกณฺฐนฺติ น นิพฺพินฺทนฺติฯ อิธ อนวเสสปฺปหานํ อธิเปฺปตนฺติ อาห ‘‘จตุตฺถมเคฺคน นนฺทีราคปฺปหานํ กถิต’’นฺติฯ
Sammattāti mucchitā sammūḷhā. Nandīrāgaṃ upagamma vaṭṭaṃ vaḍḍhentīti sammūḷhattā evaādīnavaṃ apassantā nandīrāgassa ārammaṇaṃ upagantvā taṃ paribrūhenti. Nandīrāgabaddhāti nandīrāge laggattā tena baddhā. Vaṭṭe laggantīti tebhūmake vaṭṭe sajjanti. Tattha sajjattā eva dukkhaṃ patvāpi na ukkaṇṭhanti na nibbindanti. Idha anavasesappahānaṃ adhippetanti āha ‘‘catutthamaggena nandīrāgappahānaṃ kathita’’nti.
อนงฺคณสุเตฺต (ม. นิ. อฎฺฐ. ๑.๖๓) ปกาสิโต เอว ‘‘ฉนฺทาทีหิ น คจฺฉนฺตี’’ติอาทินาฯ ‘‘พุโทฺธ โส ภควา’’ติอาทิ ‘‘นโม กโรหี’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๔๙, ๒๕๑) วุตฺตนมกฺการสฺส กรณาการทสฺสนํฯ โพธายาติ จตุสจฺจสโมฺพธายฯ ตถา ทมถสมถตรณปรินิพฺพานานิ อริยมคฺควเสน เวทิตพฺพานิฯ สมถปรินิพฺพานานิ ปน อนุปาทิเสสวเสนปิ โยเชตพฺพานิฯ กมฺมฎฺฐานํ อโหสีติ วิปสฺสนากมฺมฎฺฐานํ อโหสิฯ เอตสฺส ปญฺหสฺสาติ เอตสฺส ปนฺนรสมสฺส ปญฺหสฺส อโตฺถฯ เอวํ อิตเรสุปิ วตฺตพฺพํ วิปสฺสนากมฺมฎฺฐานํ ขีณาสวคุเณหิ มตฺถกํ ปาเปโนฺต ยถานุสนฺธินาว เทสนํ นิฎฺฐเปสิ, น ปุจฺฉิตานุสนฺธินาติ อธิปฺปาโยฯ นนุ จ ปุจฺฉาวเสนายํ เทสนา อารทฺธาติ? สจฺจํ อารทฺธา, เอวํ ปน ‘‘ปุจฺฉาวสิโก นิเกฺขโป’’ติ วตฺตพฺพํ, น ‘‘ปุจฺฉานุสนฺธิวเสน นิฎฺฐปิตา’’ติฯ อนฺตรปุจฺฉาวเสน เทสนาย อปริวตฺติตตฺตา อารมฺภานุรูปเมว ปน เทสนา นิฎฺฐปิตาฯ
Anaṅgaṇasutte (ma. ni. aṭṭha. 1.63) pakāsito eva ‘‘chandādīhi na gacchantī’’tiādinā. ‘‘Buddho so bhagavā’’tiādi ‘‘namo karohī’’ti (ma. ni. 1.249, 251) vuttanamakkārassa karaṇākāradassanaṃ. Bodhāyāti catusaccasambodhāya. Tathā damathasamathataraṇaparinibbānāni ariyamaggavasena veditabbāni. Samathaparinibbānāni pana anupādisesavasenapi yojetabbāni. Kammaṭṭhānaṃ ahosīti vipassanākammaṭṭhānaṃ ahosi. Etassa pañhassāti etassa pannarasamassa pañhassa attho. Evaṃ itaresupi vattabbaṃ vipassanākammaṭṭhānaṃ khīṇāsavaguṇehi matthakaṃ pāpento yathānusandhināva desanaṃ niṭṭhapesi, na pucchitānusandhināti adhippāyo. Nanu ca pucchāvasenāyaṃ desanā āraddhāti? Saccaṃ āraddhā, evaṃ pana ‘‘pucchāvasiko nikkhepo’’ti vattabbaṃ, na ‘‘pucchānusandhivasena niṭṭhapitā’’ti. Antarapucchāvasena desanāya aparivattitattā ārambhānurūpameva pana desanā niṭṭhapitā.
วมฺมิกสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ
Vammikasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๓. วมฺมิกสุตฺตํ • 3. Vammikasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๓. วมฺมิกสุตฺตวณฺณนา • 3. Vammikasuttavaṇṇanā