Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya |
๗. วนปตฺถสุตฺตํ
7. Vanapatthasuttaṃ
๑๙๐. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติฯ ‘‘ภทเนฺต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ – ‘‘วนปตฺถปริยายํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามิ, ตํ สุณาถ, สาธุกํ มนสิกโรถ, ภาสิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ –
190. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tatra kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘bhikkhavo’’ti. ‘‘Bhadante’’ti te bhikkhū bhagavato paccassosuṃ. Bhagavā etadavoca – ‘‘vanapatthapariyāyaṃ vo, bhikkhave, desessāmi, taṃ suṇātha, sādhukaṃ manasikarotha, bhāsissāmī’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho te bhikkhū bhagavato paccassosuṃ. Bhagavā etadavoca –
๑๙๑. ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อญฺญตรํ วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรติฯ ตสฺส ตํ วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฎฺฐิตา เจว สติ น อุปฎฺฐาติ, อสมาหิตญฺจ จิตฺตํ น สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา น ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตญฺจ อนุตฺตรํ โยคเกฺขมํ นานุปาปุณาติฯ เย จ โข อิเม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา – จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา – เต กสิเรน สมุทาคจฺฉนฺติฯ เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา อิติ ปฎิสญฺจิกฺขิตพฺพํ – ‘อหํ โข อิมํ วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรามิ, ตสฺส เม อิมํ วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฎฺฐิตา เจว สติ น อุปฎฺฐาติ, อสมาหิตญฺจ จิตฺตํ น สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา น ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตญฺจ อนุตฺตรํ โยคเกฺขมํ นานุปาปุณามิฯ เย จ โข อิเม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา – จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา – เต กสิเรน สมุทาคจฺฉนฺตี’ติฯ เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา รตฺติภาคํ วา ทิวสภาคํ วา ตมฺหา วนปตฺถา ปกฺกมิตพฺพํ, น วตฺถพฺพํฯ
191. ‘‘Idha, bhikkhave, bhikkhu aññataraṃ vanapatthaṃ upanissāya viharati. Tassa taṃ vanapatthaṃ upanissāya viharato anupaṭṭhitā ceva sati na upaṭṭhāti, asamāhitañca cittaṃ na samādhiyati, aparikkhīṇā ca āsavā na parikkhayaṃ gacchanti, ananuppattañca anuttaraṃ yogakkhemaṃ nānupāpuṇāti. Ye ca kho ime pabbajitena jīvitaparikkhārā samudānetabbā – cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānappaccayabhesajjaparikkhārā – te kasirena samudāgacchanti. Tena, bhikkhave, bhikkhunā iti paṭisañcikkhitabbaṃ – ‘ahaṃ kho imaṃ vanapatthaṃ upanissāya viharāmi, tassa me imaṃ vanapatthaṃ upanissāya viharato anupaṭṭhitā ceva sati na upaṭṭhāti, asamāhitañca cittaṃ na samādhiyati, aparikkhīṇā ca āsavā na parikkhayaṃ gacchanti, ananuppattañca anuttaraṃ yogakkhemaṃ nānupāpuṇāmi. Ye ca kho ime pabbajitena jīvitaparikkhārā samudānetabbā – cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānappaccayabhesajjaparikkhārā – te kasirena samudāgacchantī’ti. Tena, bhikkhave, bhikkhunā rattibhāgaṃ vā divasabhāgaṃ vā tamhā vanapatthā pakkamitabbaṃ, na vatthabbaṃ.
๑๙๒. ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อญฺญตรํ วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรติฯ ตสฺส ตํ วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฎฺฐิตา เจว สติ น อุปฎฺฐาติ, อสมาหิตญฺจ จิตฺตํ น สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา น ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตญฺจ อนุตฺตรํ โยคเกฺขมํ นานุปาปุณาติฯ เย จ โข อิเม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา – จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา – เต อปฺปกสิเรน สมุทาคจฺฉนฺติฯ เตน , ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา อิติ ปฎิสญฺจิกฺขิตพฺพํ – ‘อหํ โข อิมํ วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรามิฯ ตสฺส เม อิมํ วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฎฺฐิตา เจว สติ น อุปฎฺฐาติ อสมาหิตญฺจ จิตฺตํ น สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา น ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตญฺจ อนุตฺตรํ โยคเกฺขมํ นานุปาปุณามิฯ เย จ โข อิเม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา – จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา – เต อปฺปกสิเรน สมุทาคจฺฉนฺติฯ น โข ปนาหํ จีวรเหตุ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต น ปิณฺฑปาตเหตุ…เป.… น เสนาสนเหตุ…เป.… น คิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารเหตุ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโตฯ อถ จ ปน เม อิมํ วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฎฺฐิตา เจว สติ น อุปฎฺฐาติ, อสมาหิตญฺจ จิตฺตํ น สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา น ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตญฺจ อนุตฺตรํ โยคเกฺขมํ นานุปาปุณามี’ติฯ เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา สงฺขาปิ ตมฺหา วนปตฺถา ปกฺกมิตพฺพํ, น วตฺถพฺพํฯ
192. ‘‘Idha pana, bhikkhave, bhikkhu aññataraṃ vanapatthaṃ upanissāya viharati. Tassa taṃ vanapatthaṃ upanissāya viharato anupaṭṭhitā ceva sati na upaṭṭhāti, asamāhitañca cittaṃ na samādhiyati, aparikkhīṇā ca āsavā na parikkhayaṃ gacchanti, ananuppattañca anuttaraṃ yogakkhemaṃ nānupāpuṇāti. Ye ca kho ime pabbajitena jīvitaparikkhārā samudānetabbā – cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānappaccayabhesajjaparikkhārā – te appakasirena samudāgacchanti. Tena , bhikkhave, bhikkhunā iti paṭisañcikkhitabbaṃ – ‘ahaṃ kho imaṃ vanapatthaṃ upanissāya viharāmi. Tassa me imaṃ vanapatthaṃ upanissāya viharato anupaṭṭhitā ceva sati na upaṭṭhāti asamāhitañca cittaṃ na samādhiyati, aparikkhīṇā ca āsavā na parikkhayaṃ gacchanti, ananuppattañca anuttaraṃ yogakkhemaṃ nānupāpuṇāmi. Ye ca kho ime pabbajitena jīvitaparikkhārā samudānetabbā – cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānappaccayabhesajjaparikkhārā – te appakasirena samudāgacchanti. Na kho panāhaṃ cīvarahetu agārasmā anagāriyaṃ pabbajito na piṇḍapātahetu…pe… na senāsanahetu…pe… na gilānappaccayabhesajjaparikkhārahetu agārasmā anagāriyaṃ pabbajito. Atha ca pana me imaṃ vanapatthaṃ upanissāya viharato anupaṭṭhitā ceva sati na upaṭṭhāti, asamāhitañca cittaṃ na samādhiyati, aparikkhīṇā ca āsavā na parikkhayaṃ gacchanti, ananuppattañca anuttaraṃ yogakkhemaṃ nānupāpuṇāmī’ti. Tena, bhikkhave, bhikkhunā saṅkhāpi tamhā vanapatthā pakkamitabbaṃ, na vatthabbaṃ.
๑๙๓. ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อญฺญตรํ วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรติฯ ตสฺส ตํ วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฎฺฐิตา เจว สติ อุปฎฺฐาติ, อสมาหิตญฺจ จิตฺตํ สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตญฺจ อนุตฺตรํ โยคเกฺขมํ อนุปาปุณาติฯ เย จ โข อิเม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา – จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา, เต กสิเรน สมุทาคจฺฉนฺติฯ เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา อิติ ปฎิสญฺจิกฺขิตพฺพํ – ‘อหํ โข อิมํ วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรามิฯ ตสฺส เม อิมํ วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฎฺฐิตา เจว สติ อุปฎฺฐาติ อสมาหิตญฺจ จิตฺตํ สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตญฺจ อนุตฺตรํ โยคเกฺขมํ อนุปาปุณามิฯ เย จ โข อิเม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา – จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา – เต กสิเรน สมุทาคจฺฉนฺติฯ น โข ปนาหํ จีวรเหตุ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต, น ปิณฺฑปาตเหตุ…เป.… น เสนาสนเหตุ…เป.… น คิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารเหตุ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต ฯ อถ จ ปน เม อิมํ วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฎฺฐิตา เจว สติ อุปฎฺฐาติ, อสมาหิตญฺจ จิตฺตํ สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตญฺจ อนุตฺตรํ โยคเกฺขมํ อนุปาปุณามี’ติฯ เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา สงฺขาปิ ตสฺมิํ วนปเตฺถ วตฺถพฺพํ, น ปกฺกมิตพฺพํฯ
193. ‘‘Idha pana, bhikkhave, bhikkhu aññataraṃ vanapatthaṃ upanissāya viharati. Tassa taṃ vanapatthaṃ upanissāya viharato anupaṭṭhitā ceva sati upaṭṭhāti, asamāhitañca cittaṃ samādhiyati, aparikkhīṇā ca āsavā parikkhayaṃ gacchanti, ananuppattañca anuttaraṃ yogakkhemaṃ anupāpuṇāti. Ye ca kho ime pabbajitena jīvitaparikkhārā samudānetabbā – cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānappaccayabhesajjaparikkhārā, te kasirena samudāgacchanti. Tena, bhikkhave, bhikkhunā iti paṭisañcikkhitabbaṃ – ‘ahaṃ kho imaṃ vanapatthaṃ upanissāya viharāmi. Tassa me imaṃ vanapatthaṃ upanissāya viharato anupaṭṭhitā ceva sati upaṭṭhāti asamāhitañca cittaṃ samādhiyati, aparikkhīṇā ca āsavā parikkhayaṃ gacchanti, ananuppattañca anuttaraṃ yogakkhemaṃ anupāpuṇāmi. Ye ca kho ime pabbajitena jīvitaparikkhārā samudānetabbā – cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānappaccayabhesajjaparikkhārā – te kasirena samudāgacchanti. Na kho panāhaṃ cīvarahetu agārasmā anagāriyaṃ pabbajito, na piṇḍapātahetu…pe… na senāsanahetu…pe… na gilānappaccayabhesajjaparikkhārahetu agārasmā anagāriyaṃ pabbajito . Atha ca pana me imaṃ vanapatthaṃ upanissāya viharato anupaṭṭhitā ceva sati upaṭṭhāti, asamāhitañca cittaṃ samādhiyati, aparikkhīṇā ca āsavā parikkhayaṃ gacchanti, ananuppattañca anuttaraṃ yogakkhemaṃ anupāpuṇāmī’ti. Tena, bhikkhave, bhikkhunā saṅkhāpi tasmiṃ vanapatthe vatthabbaṃ, na pakkamitabbaṃ.
๑๙๔. ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อญฺญตรํ วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรติฯ ตสฺส ตํ วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฎฺฐิตา เจว สติ อุปฎฺฐาติ, อสมาหิตญฺจ จิตฺตํ สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตญฺจ อนุตฺตรํ โยคเกฺขมํ อนุปาปุณาติฯ เย จ โข อิเม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา – จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา – เต อปฺปกสิเรน สมุทาคจฺฉนฺติฯ เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา อิติ ปฎิสญฺจิกฺขิตพฺพํ – ‘อหํ โข อิมํ วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรามิฯ ตสฺส เม อิมํ วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฎฺฐิตา เจว สติ อุปฎฺฐาติ อสมาหิตญฺจ จิตฺตํ สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตญฺจ อนุตฺตรํ โยคเกฺขมํ อนุปาปุณามิฯ เย จ โข อิเม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา – จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา – เต อปฺปกสิเรน สมุทาคจฺฉนฺตี’ติ ฯ เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา ยาวชีวมฺปิ ตสฺมิํ วนปเตฺถ วตฺถพฺพํ, น ปกฺกมิตพฺพํฯ
194. ‘‘Idha pana, bhikkhave, bhikkhu aññataraṃ vanapatthaṃ upanissāya viharati. Tassa taṃ vanapatthaṃ upanissāya viharato anupaṭṭhitā ceva sati upaṭṭhāti, asamāhitañca cittaṃ samādhiyati, aparikkhīṇā ca āsavā parikkhayaṃ gacchanti, ananuppattañca anuttaraṃ yogakkhemaṃ anupāpuṇāti. Ye ca kho ime pabbajitena jīvitaparikkhārā samudānetabbā – cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānappaccayabhesajjaparikkhārā – te appakasirena samudāgacchanti. Tena, bhikkhave, bhikkhunā iti paṭisañcikkhitabbaṃ – ‘ahaṃ kho imaṃ vanapatthaṃ upanissāya viharāmi. Tassa me imaṃ vanapatthaṃ upanissāya viharato anupaṭṭhitā ceva sati upaṭṭhāti asamāhitañca cittaṃ samādhiyati, aparikkhīṇā ca āsavā parikkhayaṃ gacchanti, ananuppattañca anuttaraṃ yogakkhemaṃ anupāpuṇāmi. Ye ca kho ime pabbajitena jīvitaparikkhārā samudānetabbā – cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānappaccayabhesajjaparikkhārā – te appakasirena samudāgacchantī’ti . Tena, bhikkhave, bhikkhunā yāvajīvampi tasmiṃ vanapatthe vatthabbaṃ, na pakkamitabbaṃ.
๑๙๕. ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อญฺญตรํ คามํ อุปนิสฺสาย วิหรติ …เป.… อญฺญตรํ นิคมํ อุปนิสฺสาย วิหรติ…เป.… อญฺญตรํ นครํ อุปนิสฺสาย วิหรติ…เป.… อญฺญตรํ ชนปทํ อุปนิสฺสาย วิหรติ…เป.… อญฺญตรํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วิหรติฯ ตสฺส ตํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฎฺฐิตา เจว สติ น อุปฎฺฐาติ, อสมาหิตญฺจ จิตฺตํ น สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา น ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตญฺจ อนุตฺตรํ โยคเกฺขมํ นานุปาปุณาติฯ เย จ โข อิเม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา – จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา – เต กสิเรน สมุทาคจฺฉนฺติฯ เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา อิติ ปฎิสญฺจิกฺขิตพฺพํ – ‘อหํ โข อิมํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วิหรามิฯ ตสฺส เม อิมํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฎฺฐิตา เจว สติ น อุปฎฺฐาติ, อสมาหิตญฺจ จิตฺตํ น สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา น ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตญฺจ อนุตฺตรํ โยคเกฺขมํ นานุปาปุณามิฯ เย จ โข อิเม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา – จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา – เต กสิเรน สมุทาคจฺฉนฺตี’ติฯ เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา รตฺติภาคํ วา ทิวสภาคํ วา โส ปุคฺคโล อนาปุจฺฉา ปกฺกมิตพฺพํ, นานุพนฺธิตโพฺพฯ
195. ‘‘Idha, bhikkhave, bhikkhu aññataraṃ gāmaṃ upanissāya viharati …pe… aññataraṃ nigamaṃ upanissāya viharati…pe… aññataraṃ nagaraṃ upanissāya viharati…pe… aññataraṃ janapadaṃ upanissāya viharati…pe… aññataraṃ puggalaṃ upanissāya viharati. Tassa taṃ puggalaṃ upanissāya viharato anupaṭṭhitā ceva sati na upaṭṭhāti, asamāhitañca cittaṃ na samādhiyati, aparikkhīṇā ca āsavā na parikkhayaṃ gacchanti, ananuppattañca anuttaraṃ yogakkhemaṃ nānupāpuṇāti. Ye ca kho ime pabbajitena jīvitaparikkhārā samudānetabbā – cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānappaccayabhesajjaparikkhārā – te kasirena samudāgacchanti. Tena, bhikkhave, bhikkhunā iti paṭisañcikkhitabbaṃ – ‘ahaṃ kho imaṃ puggalaṃ upanissāya viharāmi. Tassa me imaṃ puggalaṃ upanissāya viharato anupaṭṭhitā ceva sati na upaṭṭhāti, asamāhitañca cittaṃ na samādhiyati, aparikkhīṇā ca āsavā na parikkhayaṃ gacchanti, ananuppattañca anuttaraṃ yogakkhemaṃ nānupāpuṇāmi. Ye ca kho ime pabbajitena jīvitaparikkhārā samudānetabbā – cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānappaccayabhesajjaparikkhārā – te kasirena samudāgacchantī’ti. Tena, bhikkhave, bhikkhunā rattibhāgaṃ vā divasabhāgaṃ vā so puggalo anāpucchā pakkamitabbaṃ, nānubandhitabbo.
๑๙๖. ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อญฺญตรํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วิหรติฯ ตสฺส ตํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฎฺฐิตา เจว สติ น อุปฎฺฐาติ, อสมาหิตญฺจ จิตฺตํ น สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา น ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตญฺจ อนุตฺตรํ โยคเกฺขมํ นานุปาปุณาติฯ เย จ โข อิเม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา – จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา, เต อปฺปกสิเรน สมุทาคจฺฉนฺติฯ เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา อิติ ปฎิสญฺจิกฺขิตพฺพํ – ‘อหํ โข อิมํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วิหรามิฯ ตสฺส เม อิมํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฎฺฐิตา เจว สติ น อุปฎฺฐาติ, อสมาหิตญฺจ จิตฺตํ น สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา น ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตญฺจ อนุตฺตรํ โยคเกฺขมํ นานุปาปุณามิฯ เย จ โข อิเม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา – จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา – เต อปฺปกสิเรน สมุทาคจฺฉนฺติฯ น โข ปนาหํ จีวรเหตุ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต, น ปิณฺฑปาตเหตุ…เป.… น เสนาสนเหตุ…เป.… น คิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารเหตุ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโตฯ อถ จ ปน เม อิมํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฎฺฐิตา เจว สติ น อุปฎฺฐาติ, อสมาหิตญฺจ จิตฺตํ น สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา น ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตญฺจ อนุตฺตรํ โยคเกฺขมํ นานุปาปุณามี’ติฯ เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา สงฺขาปิ โส ปุคฺคโล อาปุจฺฉา ปกฺกมิตพฺพํ, นานุพนฺธิตโพฺพฯ
196. ‘‘Idha pana, bhikkhave, bhikkhu aññataraṃ puggalaṃ upanissāya viharati. Tassa taṃ puggalaṃ upanissāya viharato anupaṭṭhitā ceva sati na upaṭṭhāti, asamāhitañca cittaṃ na samādhiyati, aparikkhīṇā ca āsavā na parikkhayaṃ gacchanti, ananuppattañca anuttaraṃ yogakkhemaṃ nānupāpuṇāti. Ye ca kho ime pabbajitena jīvitaparikkhārā samudānetabbā – cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānappaccayabhesajjaparikkhārā, te appakasirena samudāgacchanti. Tena, bhikkhave, bhikkhunā iti paṭisañcikkhitabbaṃ – ‘ahaṃ kho imaṃ puggalaṃ upanissāya viharāmi. Tassa me imaṃ puggalaṃ upanissāya viharato anupaṭṭhitā ceva sati na upaṭṭhāti, asamāhitañca cittaṃ na samādhiyati, aparikkhīṇā ca āsavā na parikkhayaṃ gacchanti, ananuppattañca anuttaraṃ yogakkhemaṃ nānupāpuṇāmi. Ye ca kho ime pabbajitena jīvitaparikkhārā samudānetabbā – cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānappaccayabhesajjaparikkhārā – te appakasirena samudāgacchanti. Na kho panāhaṃ cīvarahetu agārasmā anagāriyaṃ pabbajito, na piṇḍapātahetu…pe… na senāsanahetu…pe… na gilānappaccayabhesajjaparikkhārahetu agārasmā anagāriyaṃ pabbajito. Atha ca pana me imaṃ puggalaṃ upanissāya viharato anupaṭṭhitā ceva sati na upaṭṭhāti, asamāhitañca cittaṃ na samādhiyati, aparikkhīṇā ca āsavā na parikkhayaṃ gacchanti, ananuppattañca anuttaraṃ yogakkhemaṃ nānupāpuṇāmī’ti. Tena, bhikkhave, bhikkhunā saṅkhāpi so puggalo āpucchā pakkamitabbaṃ, nānubandhitabbo.
๑๙๗. ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อญฺญตรํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วิหรติฯ ตสฺส ตํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฎฺฐิตา เจว สติ อุปฎฺฐาติ, อสมาหิตญฺจ จิตฺตํ สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตญฺจ อนุตฺตรํ โยคเกฺขมํ อนุปาปุณาติฯ เย จ โข อิเม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา – จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา – เต กสิเรน สมุทาคจฺฉนฺติฯ เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา อิติ ปฎิสญฺจิกฺขิตพฺพํ – ‘อหํ โข อิมํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วิหรามิฯ ตสฺส เม อิมํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฎฺฐิตา เจว สติ อุปฎฺฐาติ, อสมาหิตญฺจ จิตฺตํ สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตญฺจ อนุตฺตรํ โยคเกฺขมํ อนุปาปุณามิฯ เย จ โข อิเม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา – จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา – เต กสิเรน สมุทาคจฺฉนฺติฯ น โข ปนาหํ จีวรเหตุ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต, น ปิณฺฑปาตเหตุ…เป.… น เสนาสนเหตุ…เป.… น คิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารเหตุ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโตฯ อถ จ ปน เม อิมํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฎฺฐิตา เจว สติ อุปฎฺฐาติ, อสมาหิตญฺจ จิตฺตํ สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตญฺจ อนุตฺตรํ โยคเกฺขมํ อนุปาปุณามี’ติฯ เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา สงฺขาปิ โส ปุคฺคโล อนุพนฺธิตโพฺพ, น ปกฺกมิตพฺพํฯ
197. ‘‘Idha pana, bhikkhave, bhikkhu aññataraṃ puggalaṃ upanissāya viharati. Tassa taṃ puggalaṃ upanissāya viharato anupaṭṭhitā ceva sati upaṭṭhāti, asamāhitañca cittaṃ samādhiyati, aparikkhīṇā ca āsavā parikkhayaṃ gacchanti, ananuppattañca anuttaraṃ yogakkhemaṃ anupāpuṇāti. Ye ca kho ime pabbajitena jīvitaparikkhārā samudānetabbā – cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānappaccayabhesajjaparikkhārā – te kasirena samudāgacchanti. Tena, bhikkhave, bhikkhunā iti paṭisañcikkhitabbaṃ – ‘ahaṃ kho imaṃ puggalaṃ upanissāya viharāmi. Tassa me imaṃ puggalaṃ upanissāya viharato anupaṭṭhitā ceva sati upaṭṭhāti, asamāhitañca cittaṃ samādhiyati, aparikkhīṇā ca āsavā parikkhayaṃ gacchanti, ananuppattañca anuttaraṃ yogakkhemaṃ anupāpuṇāmi. Ye ca kho ime pabbajitena jīvitaparikkhārā samudānetabbā – cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānappaccayabhesajjaparikkhārā – te kasirena samudāgacchanti. Na kho panāhaṃ cīvarahetu agārasmā anagāriyaṃ pabbajito, na piṇḍapātahetu…pe… na senāsanahetu…pe… na gilānappaccayabhesajjaparikkhārahetu agārasmā anagāriyaṃ pabbajito. Atha ca pana me imaṃ puggalaṃ upanissāya viharato anupaṭṭhitā ceva sati upaṭṭhāti, asamāhitañca cittaṃ samādhiyati, aparikkhīṇā ca āsavā parikkhayaṃ gacchanti, ananuppattañca anuttaraṃ yogakkhemaṃ anupāpuṇāmī’ti. Tena, bhikkhave, bhikkhunā saṅkhāpi so puggalo anubandhitabbo, na pakkamitabbaṃ.
๑๙๘. ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อญฺญตรํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วิหรติฯ ตสฺส ตํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฎฺฐิตา เจว สติ อุปฎฺฐาติ, อสมาหิตญฺจ จิตฺตํ สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ , อนนุปฺปตฺตญฺจ อนุตฺตรํ โยคเกฺขมํ อนุปาปุณาติฯ เย จ โข อิเม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา – จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา – เต อปฺปกสิเรน สมุทาคจฺฉนฺติฯ เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา อิติ ปฎิสญฺจิกฺขิตพฺพํ – ‘อหํ โข อิมํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วิหรามิ ฯ ตสฺส เม อิมํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฎฺฐิตา เจว สติ อุปฎฺฐาติ, อสมาหิตญฺจ จิตฺตํ สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตญฺจ อนุตฺตรํ โยคเกฺขมํ อนุปาปุณามิฯ เย จ โข อิเม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา – จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา – เต อปฺปกสิเรน สมุทาคจฺฉนฺตี’ติฯ เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา ยาวชีวมฺปิ โส ปุคฺคโล อนุพนฺธิตโพฺพ, น ปกฺกมิตพฺพํ, อปิ ปนุชฺชมาเนนปี’’ติ 1ฯ
198. ‘‘Idha pana, bhikkhave, bhikkhu aññataraṃ puggalaṃ upanissāya viharati. Tassa taṃ puggalaṃ upanissāya viharato anupaṭṭhitā ceva sati upaṭṭhāti, asamāhitañca cittaṃ samādhiyati, aparikkhīṇā ca āsavā parikkhayaṃ gacchanti , ananuppattañca anuttaraṃ yogakkhemaṃ anupāpuṇāti. Ye ca kho ime pabbajitena jīvitaparikkhārā samudānetabbā – cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānappaccayabhesajjaparikkhārā – te appakasirena samudāgacchanti. Tena, bhikkhave, bhikkhunā iti paṭisañcikkhitabbaṃ – ‘ahaṃ kho imaṃ puggalaṃ upanissāya viharāmi . Tassa me imaṃ puggalaṃ upanissāya viharato anupaṭṭhitā ceva sati upaṭṭhāti, asamāhitañca cittaṃ samādhiyati, aparikkhīṇā ca āsavā parikkhayaṃ gacchanti, ananuppattañca anuttaraṃ yogakkhemaṃ anupāpuṇāmi. Ye ca kho ime pabbajitena jīvitaparikkhārā samudānetabbā – cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānappaccayabhesajjaparikkhārā – te appakasirena samudāgacchantī’ti. Tena, bhikkhave, bhikkhunā yāvajīvampi so puggalo anubandhitabbo, na pakkamitabbaṃ, api panujjamānenapī’’ti 2.
อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติฯ
Idamavoca bhagavā. Attamanā te bhikkhū bhagavato bhāsitaṃ abhinandunti.
วนปตฺถสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ สตฺตมํฯ
Vanapatthasuttaṃ niṭṭhitaṃ sattamaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๗. วนปตฺถปริยายสุตฺตวณฺณนา • 7. Vanapatthapariyāyasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๗. วนปตฺถปริยายสุตฺตวณฺณนา • 7. Vanapatthapariyāyasuttavaṇṇanā