Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā)

    ๑๒. วงฺคีสสุตฺตวณฺณนา

    12. Vaṅgīsasuttavaṇṇanā

    ๒๒๐. ทฺวาทสเม อายสฺมาติ ปิยวจนํฯ วงฺคีโสติ ตสฺส เถรสฺส นามํฯ โส กิร ปุเพฺพ ปทุมุตฺตรกาเล ปฎิภานสมฺปนฺนํ สาวกํ ทิสฺวา ทานํ ทตฺวา ปตฺถนํ กตฺวา กปฺปสตสหสฺสํ ปารมิโย ปูเรตฺวา อมฺหากํ ภควโต กาเล สกลชมฺพุทีเป วาทกามตาย ชมฺพุสาขํ ปริหริตฺวา เอเกน ปริพฺพาชเกน สทฺธิํ วาทํ กตฺวา วาเท ชยปราชยานุภาเวน เตเนว ปริพฺพาชเกน สทฺธิํ สํวาสํ กเปฺปตฺวา วสมานาย เอกิสฺสา ปริพฺพาชิกาย กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพโตฺต วยํ อาคมฺม มาติโต ปญฺจวาทสตานิ, ปิติโต ปญฺจวาทสตานีติ วาทสหสฺสํ อุคฺคณฺหิตฺวา วิจรติฯ เอกญฺจ วิชฺชํ ชานาติ, ยํ วิชฺชํ ปริชปฺปิตฺวา มตานํ สีสํ องฺคุลิยา ปหริตฺวา – ‘‘อสุกฎฺฐาเน นิพฺพโตฺต’’ติ ชานาติฯ โส อนุปุเพฺพน คามนิคมาทีสุ วิจรโนฺต ปญฺจหิ มาณวกสเตหิ สทฺธิํ สาวตฺถิํ อนุปฺปโตฺต นครทฺวาเร สาลาย นิสีทติฯ

    220. Dvādasame āyasmāti piyavacanaṃ. Vaṅgīsoti tassa therassa nāmaṃ. So kira pubbe padumuttarakāle paṭibhānasampannaṃ sāvakaṃ disvā dānaṃ datvā patthanaṃ katvā kappasatasahassaṃ pāramiyo pūretvā amhākaṃ bhagavato kāle sakalajambudīpe vādakāmatāya jambusākhaṃ pariharitvā ekena paribbājakena saddhiṃ vādaṃ katvā vāde jayaparājayānubhāvena teneva paribbājakena saddhiṃ saṃvāsaṃ kappetvā vasamānāya ekissā paribbājikāya kucchimhi nibbatto vayaṃ āgamma mātito pañcavādasatāni, pitito pañcavādasatānīti vādasahassaṃ uggaṇhitvā vicarati. Ekañca vijjaṃ jānāti, yaṃ vijjaṃ parijappitvā matānaṃ sīsaṃ aṅguliyā paharitvā – ‘‘asukaṭṭhāne nibbatto’’ti jānāti. So anupubbena gāmanigamādīsu vicaranto pañcahi māṇavakasatehi saddhiṃ sāvatthiṃ anuppatto nagaradvāre sālāya nisīdati.

    ตทา จ นครวาสิโน ปุเรภตฺตํ ทานํ ทตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ สุทฺธุตฺตราสงฺคา คนฺธมาลาทิหตฺถา ธมฺมสฺสวนาย วิหารํ คจฺฉนฺติฯ มาณโว ทิสฺวา, ‘‘กหํ คจฺฉถา’’ติ? ปุจฺฉิฯ เต ‘‘ทสพลสฺส สนฺติกํ ธมฺมสฺสวนายา’’ติ อาหํสุฯ โสปิ สปริวาโร เตหิ สทฺธิํ คนฺตฺวา ปฎิสนฺถารํ กตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ อถ นํ ภควา อาห – ‘‘วงฺคีส, ภทฺทกํ กิร สิปฺปํ ชานาสี’’ติฯ ‘‘โภ โคตม, อหํ พหุสิปฺปํ ชานามิฯ ตุเมฺห กตรํ สนฺธาย วทถา’’ติ? ฉวทูสกสิปฺปนฺติฯ อาม, โภ โคตมาติฯ อถสฺส ภควา อตฺตโน อานุภาเวน นิรเย นิพฺพตฺตสฺส สีสํ ทเสฺสตฺวา, ‘‘วงฺคีส, อยํ กหํ นิพฺพโตฺต’’ติ ปุจฺฉิฯ โส มนฺตํ ชปฺปิตฺวา องฺคุลิยา ปหริตฺวา ‘‘นิรเย’’ติ อาหฯ ‘‘สาธุ, วงฺคีส, สุกถิต’’นฺติ เทวโลเก นิพฺพตฺตสฺส สีสํ ทเสฺสสิฯ ตมฺปิ โส ตเถว พฺยากาสิฯ อถสฺส ขีณาสวสฺส สีสํ ทเสฺสสิฯ โส ปุนปฺปุนํ มนฺตํ ปริวเตฺตตฺวาปิ องฺคุลิยา ปหริตฺวาปิ นิพฺพตฺตฎฺฐานํ น ปสฺสติฯ

    Tadā ca nagaravāsino purebhattaṃ dānaṃ datvā pacchābhattaṃ suddhuttarāsaṅgā gandhamālādihatthā dhammassavanāya vihāraṃ gacchanti. Māṇavo disvā, ‘‘kahaṃ gacchathā’’ti? Pucchi. Te ‘‘dasabalassa santikaṃ dhammassavanāyā’’ti āhaṃsu. Sopi saparivāro tehi saddhiṃ gantvā paṭisanthāraṃ katvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Atha naṃ bhagavā āha – ‘‘vaṅgīsa, bhaddakaṃ kira sippaṃ jānāsī’’ti. ‘‘Bho gotama, ahaṃ bahusippaṃ jānāmi. Tumhe kataraṃ sandhāya vadathā’’ti? Chavadūsakasippanti. Āma, bho gotamāti. Athassa bhagavā attano ānubhāvena niraye nibbattassa sīsaṃ dassetvā, ‘‘vaṅgīsa, ayaṃ kahaṃ nibbatto’’ti pucchi. So mantaṃ jappitvā aṅguliyā paharitvā ‘‘niraye’’ti āha. ‘‘Sādhu, vaṅgīsa, sukathita’’nti devaloke nibbattassa sīsaṃ dassesi. Tampi so tatheva byākāsi. Athassa khīṇāsavassa sīsaṃ dassesi. So punappunaṃ mantaṃ parivattetvāpi aṅguliyā paharitvāpi nibbattaṭṭhānaṃ na passati.

    อถ นํ ภควา ‘‘กิลมสิ, วงฺคีสา’’ติ อาห? อาม โภ, โคตมาติฯ ปุนปฺปุนํ อุปธาเรหีติฯ ตถา กโรโนฺตปิ อทิสฺวา, ‘‘ตุเมฺห, โภ โคตม, ชานาถา’’ติ อาหฯ อาม, วงฺคีส, มํ นิสฺสาย เจส คโต, อหมสฺส คติํ ชานามีติฯ มเนฺตน ชานาสิ, โภ โคตมาติ? อาม, วงฺคีส, เอเกน มเนฺตเนว ชานามีติฯ โภ โคตม, มยฺหํ มเนฺตน อิมํ มนฺตํ เทถาติฯ อมูลิโก, วงฺคีส, มยฺหํ มโนฺตติฯ เทถ, โภ โคตมาติฯ น สกฺกา มยฺหํ สนฺติเก อปพฺพชิตสฺส ทาตุนฺติฯ โส อเนฺตวาสิเก อามเนฺตสิ – ‘‘ตาตา สมโณ โคตโม อติเรกสิปฺปํ ชานาติ, อหํ อิมสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา สิปฺปํ คณฺหามิ, ตโต สกลชมฺพุทีเป อเมฺหหิ พหุตรํ ชานโนฺต นาม น ภวิสฺสติฯ ตุเมฺห ยาว อหํ อาคจฺฉามิ, ตาว อนุกฺกณฺฐิตฺวา วิจรถา’’ติ เต อุโยฺยเชตฺวา ‘‘ปพฺพาเชถ ม’’นฺติ อาหฯ สตฺถา นิโคฺรธกปฺปสฺส ปฎิปาเทสิฯ เถโร ตํ อตฺตโน วสนฎฺฐานํ เนตฺวา ปพฺพาเชสิฯ โส ปพฺพชิตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ อาคมฺม วนฺทิตฺวา ฐิโต ‘‘สิปฺปํ เทถา’’ติ ยาจิฯ วงฺคีส, ตุเมฺห สิปฺปํ คณฺหนฺตา อโลณโภชนถณฺฑิลเสยฺยาทีหิ ปริกมฺมํ กตฺวา คณฺหถ, อิมสฺสาปิ สิปฺปสฺส ปริกมฺมํ อตฺถิ, ตํ ตาว กโรหีติฯ สาธุ, ภเนฺตติฯ อถสฺส สตฺถา ทฺวตฺติํสาการกมฺมฎฺฐานํ อาจิกฺขิฯ โส ตํ อนุโลมปฎิโลมํ มนสิกโรโนฺต วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา อนุกฺกเมน อรหตฺตํ ปาปุณิฯ

    Atha naṃ bhagavā ‘‘kilamasi, vaṅgīsā’’ti āha? Āma bho, gotamāti. Punappunaṃ upadhārehīti. Tathā karontopi adisvā, ‘‘tumhe, bho gotama, jānāthā’’ti āha. Āma, vaṅgīsa, maṃ nissāya cesa gato, ahamassa gatiṃ jānāmīti. Mantena jānāsi, bho gotamāti? Āma, vaṅgīsa, ekena manteneva jānāmīti. Bho gotama, mayhaṃ mantena imaṃ mantaṃ dethāti. Amūliko, vaṅgīsa, mayhaṃ mantoti. Detha, bho gotamāti. Na sakkā mayhaṃ santike apabbajitassa dātunti. So antevāsike āmantesi – ‘‘tātā samaṇo gotamo atirekasippaṃ jānāti, ahaṃ imassa santike pabbajitvā sippaṃ gaṇhāmi, tato sakalajambudīpe amhehi bahutaraṃ jānanto nāma na bhavissati. Tumhe yāva ahaṃ āgacchāmi, tāva anukkaṇṭhitvā vicarathā’’ti te uyyojetvā ‘‘pabbājetha ma’’nti āha. Satthā nigrodhakappassa paṭipādesi. Thero taṃ attano vasanaṭṭhānaṃ netvā pabbājesi. So pabbajitvā satthu santikaṃ āgamma vanditvā ṭhito ‘‘sippaṃ dethā’’ti yāci. Vaṅgīsa, tumhe sippaṃ gaṇhantā aloṇabhojanathaṇḍilaseyyādīhi parikammaṃ katvā gaṇhatha, imassāpi sippassa parikammaṃ atthi, taṃ tāva karohīti. Sādhu, bhanteti. Athassa satthā dvattiṃsākārakammaṭṭhānaṃ ācikkhi. So taṃ anulomapaṭilomaṃ manasikaronto vipassanaṃ vaḍḍhetvā anukkamena arahattaṃ pāpuṇi.

    วิมุตฺติสุขํ ปฎิสํเวทีติ เอวํ อรหตฺตํ ปตฺวา วิมุตฺติสุขํ ปฎิสํเวเทโนฺตฯ กาเวยฺยมตฺตาติ กาเวเยฺยน กพฺพกรเณน มตฺตาฯ ขนฺธายตนธาตุโยติ อิมานิ ขนฺธาทีนิ ปกาเสโนฺต ธมฺมํ เทเสสิฯ เย นิยามคตทฺทสาติ เย นิยามคตา เจว นิยามทสฺสาติ จฯ สฺวาคตนฺติ สุอาคมนํฯ อิทฺธิปโตฺตมฺหีติ อิมินา อิทฺธิวิธญาณํ คหิตํฯ เจโตปริยายโกวิโทติ อิมินา เจโตปริยญาณํฯ ทิพฺพโสตํ ปน อวุตฺตมฺปิ คหิตเมว โหติฯ เอวํ ฉ อภิญฺญาปโตฺต เอโส มหาสาวโกติ เวทิตโพฺพฯ ทฺวาทสมํฯ

    Vimuttisukhaṃ paṭisaṃvedīti evaṃ arahattaṃ patvā vimuttisukhaṃ paṭisaṃvedento. Kāveyyamattāti kāveyyena kabbakaraṇena mattā. Khandhāyatanadhātuyoti imāni khandhādīni pakāsento dhammaṃ desesi. Ye niyāmagataddasāti ye niyāmagatā ceva niyāmadassāti ca. Svāgatanti suāgamanaṃ. Iddhipattomhīti iminā iddhividhañāṇaṃ gahitaṃ. Cetopariyāyakovidoti iminā cetopariyañāṇaṃ. Dibbasotaṃ pana avuttampi gahitameva hoti. Evaṃ cha abhiññāpatto eso mahāsāvakoti veditabbo. Dvādasamaṃ.

    อิติ สารตฺถปฺปกาสินิยา

    Iti sāratthappakāsiniyā

    สํยุตฺตนิกาย-อฎฺฐกถาย

    Saṃyuttanikāya-aṭṭhakathāya

    วงฺคีสสํยุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Vaṅgīsasaṃyuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๑๒. วงฺคีสสุตฺตํ • 12. Vaṅgīsasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๑๒. วงฺคีสสุตฺตวณฺณนา • 12. Vaṅgīsasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact