Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā)

    ๑๒. วงฺคีสสุตฺตวณฺณนา

    12. Vaṅgīsasuttavaṇṇanā

    ๒๒๐. โส กิร วิจรตีติ สมฺพโนฺธฯ ‘‘ยถายํ ทีโป ชมฺพุทีโปติ ชมฺพุนา ปญฺญาโต, เอวาหมฺปิ เตน ชมฺพุนา ปญฺญายิสฺส’’นฺติ ชมฺพุสาขํ ปริหริตฺวาฯ วาทํ กตฺวาติ ‘‘อิมสฺมิํ วาเท สเจ เต ปราชโย โหติ, ตฺวํ เม ทาโส โหหิฯ สเจ เม ปราชโย, อหํ เต ภริยา’’ติ เอวํ กติกํ กตฺวาฯ วาเท ชยปราชยานุภาเวนาติ ตถาปวตฺติเต วาเท ปริพฺพาชกสฺส ชยานุภาเวน เจว อตฺตโน ปราชเยน จฯ วยํ อาคมฺมาติ สิปฺปุคฺคหณวยํ อาคมฺมฯ วิชฺชนฺติ มนฺตํฯ

    220. So kira vicaratīti sambandho. ‘‘Yathāyaṃ dīpo jambudīpoti jambunā paññāto, evāhampi tena jambunā paññāyissa’’nti jambusākhaṃ pariharitvā. Vādaṃ katvāti ‘‘imasmiṃ vāde sace te parājayo hoti, tvaṃ me dāso hohi. Sace me parājayo, ahaṃ te bhariyā’’ti evaṃ katikaṃ katvā. Vāde jayaparājayānubhāvenāti tathāpavattite vāde paribbājakassa jayānubhāvena ceva attano parājayena ca. Vayaṃ āgammāti sippuggahaṇavayaṃ āgamma. Vijjanti mantaṃ.

    นิพฺพตฺตคติวิภาวนวเสน ฉวสีสภาวํ ทูเสติ วินาเสตีติ ฉวทูสกํ สิปฺปํ, ตถาปวตฺตํ มนฺตปทํฯ อตฺตโน อานุภาเวนาติ นิรเย นิพฺพตฺตสตฺตสฺส สีสํ ยตฺถ กตฺถจิ ฐิตํ พุทฺธานุภาเวน อาเนตฺวา ทเสฺสตฺวาฯ ขีณาสวสฺส สีสนฺติ ปรมปฺปิจฺฉตาย กญฺจิปิ อชานาเปตฺวา อรญฺญํ ปวิสิตฺวา ปรินิพฺพุตสฺส ขีณาสวสฺส ฉฑฺฑิตํ สีสกฎาหํฯ ทเสฺสสีติ อตฺตโน อานุภาเวน อาเนตฺวา ทเสฺสสิฯ

    Nibbattagativibhāvanavasena chavasīsabhāvaṃ dūseti vināsetīti chavadūsakaṃ sippaṃ, tathāpavattaṃ mantapadaṃ. Attano ānubhāvenāti niraye nibbattasattassa sīsaṃ yattha katthaci ṭhitaṃ buddhānubhāvena ānetvā dassetvā. Khīṇāsavassa sīsanti paramappicchatāya kañcipi ajānāpetvā araññaṃ pavisitvā parinibbutassa khīṇāsavassa chaḍḍitaṃ sīsakaṭāhaṃ. Dassesīti attano ānubhāvena ānetvā dassesi.

    ‘‘ตุเมฺห, โภ โคตม, ชานาถา’’ติ กามํ วงฺคีโส นิพฺพตฺตฎฺฐานํ สนฺธาย ปุจฺฉติ, ภควา ปน อนุปาทิเสสนิพฺพานํ สนฺธาย ‘‘อาม, วงฺคีส…เป.… คติํ ชานามี’’ติ อาหฯ วุตฺตเญฺหตํ ‘‘นิพฺพานํ อรหโต คตี’’ติฯ วงฺคีโส สยํ มนฺตพเลน คติปริยาปนฺนสฺส คติํ ชานโนฺต ภควนฺตมฺปิ ‘‘อยมฺปิ ตถา’’ติ มญฺญมาโน ‘‘มเนฺตน ชานาสิ, โภ โคตมา’’ติ อาหฯ ภควา อตฺตโน พุทฺธญาณเมว มนฺตํ กตฺวา ทีเปโนฺต ‘‘อาม, วงฺคีส, เอเกน มเนฺตเนว ชานามี’’ติ อาหฯ มุธา เอว ทาตพฺพนฺติ อมูลิโกฯ อนนฺตรหิตาย ภูมิยา สยนํ ถณฺฑิลเสยฺยาอาทิ-สเทฺทน สายตติยํ อุทโกโรหณภูมิหรณาทิํ สงฺคณฺหาติฯ โส ตํ…เป.… อรหตฺตํ ปาปุณีติ อิมินา วงฺคีสเตฺถโร ปพฺพชิตฺวา น จิรเสฺสว สุขาย ปฎิปทาย อรหตฺตํ ปโตฺต วิย ทิสฺสติ, น โข ปเนตํ เอวํ ทฎฺฐพฺพํ, อายติํ เถโร ปพฺพชิตฺวา สมถวิปสฺสนาสุ กมฺมํ อารภิตฺวาปิ ทุกฺขาย ปฎิปทาย ตาทิสํ กาลํ วีตินาเมตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เตนาห –

    ‘‘Tumhe, bho gotama, jānāthā’’ti kāmaṃ vaṅgīso nibbattaṭṭhānaṃ sandhāya pucchati, bhagavā pana anupādisesanibbānaṃ sandhāya ‘‘āma, vaṅgīsa…pe… gatiṃ jānāmī’’ti āha. Vuttañhetaṃ ‘‘nibbānaṃ arahato gatī’’ti. Vaṅgīso sayaṃ mantabalena gatipariyāpannassa gatiṃ jānanto bhagavantampi ‘‘ayampi tathā’’ti maññamāno ‘‘mantena jānāsi, bho gotamā’’ti āha. Bhagavā attano buddhañāṇameva mantaṃ katvā dīpento ‘‘āma, vaṅgīsa, ekena manteneva jānāmī’’ti āha. Mudhā eva dātabbanti amūliko. Anantarahitāya bhūmiyā sayanaṃ thaṇḍilaseyyā. Ādi-saddena sāyatatiyaṃ udakorohaṇabhūmiharaṇādiṃ saṅgaṇhāti. So taṃ…pe… arahattaṃ pāpuṇīti iminā vaṅgīsatthero pabbajitvā na cirasseva sukhāya paṭipadāya arahattaṃ patto viya dissati, na kho panetaṃ evaṃ daṭṭhabbaṃ, āyatiṃ thero pabbajitvā samathavipassanāsu kammaṃ ārabhitvāpi dukkhāya paṭipadāya tādisaṃ kālaṃ vītināmetvā arahattaṃ pāpuṇi. Tenāha –

    ‘‘นิกฺขนฺตํ วต มํ สนฺตํ, อคารสฺมานคาริยํ;

    ‘‘Nikkhantaṃ vata maṃ santaṃ, agārasmānagāriyaṃ;

    วิตกฺกา อุปธาวนฺติ, ปคพฺภา กณฺหโต อิเม’’ฯ (สํ. นิ. ๑.๒๐๙; เถรคา. ๑๒๑๘);

    Vitakkā upadhāvanti, pagabbhā kaṇhato ime’’. (saṃ. ni. 1.209; theragā. 1218);

    อายสฺมโต วงฺคีสสฺส อนภิรติ อุปฺปนฺนา โหติ, ราโค จิตฺตํ อนุทฺธํเสติ, ‘‘กามราเคน ฑยฺหามิ, จิตฺตํ เม ปริฑยฺหตี’’ติอาทิ (เถรคา. ๑๒๓๒)ฯ

    Āyasmato vaṅgīsassa anabhirati uppannā hoti, rāgo cittaṃ anuddhaṃseti, ‘‘kāmarāgena ḍayhāmi, cittaṃ me pariḍayhatī’’tiādi (theragā. 1232).

    วิมุตฺติสุขนฺติ สพฺพโส กิเลสวิมุตฺติยํ นิพฺพาเน จ อุปฺปนฺนํ สมฺปติอรหตฺตผลสุขํ ปฎิสํเวเทโนฺตติ ยถาปริจฺฉินฺนํ กาลํ ปติ สมฺมเทว เวเทโนฺต อนุภวโนฺตฯ กวินา กตํ, ตโต วา อาคตํ, ตสฺส วา อิทนฺติ กาเวยํ, ตเทเวตฺถ ‘‘กาเวยฺย’’นฺติ วุตฺตํฯ เย นิยามคตทฺทสาติ เย ภิกฺขู อริยา พุทฺธานํ สาวกา ผลฎฺฐภาเวน นิยามคตา เจว มคฺคฎฺฐภาเวน นิยามทสา จฯ นิยาโมติ หิ สมฺมตฺตนิยาโม อธิเปฺปโตฯ สุอาคมนนฺติ มม อิมสฺส สตฺถุโน สนฺติเก อาคมนํ อุปคมนํ, อิมสฺมิญฺจ ธมฺมวินเย อาคมนํ ปพฺพชนํ อุปสมฺปทา สุนฺทรํ อาคมนํฯ ตตฺถ การณมาห ‘‘ติโสฺส วิชฺชา’’ติอาทิฯ อวุตฺตมฺปิ คาถาย อตฺถโต คหิตเมว เถรสฺส ฉฬภิญฺญภาวโตฯ

    Vimuttisukhanti sabbaso kilesavimuttiyaṃ nibbāne ca uppannaṃ sampatiarahattaphalasukhaṃ paṭisaṃvedentoti yathāparicchinnaṃ kālaṃ pati sammadeva vedento anubhavanto. Kavinā kataṃ, tato vā āgataṃ, tassa vā idanti kāveyaṃ, tadevettha ‘‘kāveyya’’nti vuttaṃ. Ye niyāmagataddasāti ye bhikkhū ariyā buddhānaṃ sāvakā phalaṭṭhabhāvena niyāmagatā ceva maggaṭṭhabhāvena niyāmadasā ca. Niyāmoti hi sammattaniyāmo adhippeto. Suāgamananti mama imassa satthuno santike āgamanaṃ upagamanaṃ, imasmiñca dhammavinaye āgamanaṃ pabbajanaṃ upasampadā sundaraṃ āgamanaṃ. Tattha kāraṇamāha ‘‘tisso vijjā’’tiādi. Avuttampi gāthāya atthato gahitameva therassa chaḷabhiññabhāvato.

    วงฺคีสสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Vaṅgīsasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.

    สารตฺถปฺปกาสินิยา สํยุตฺตนิกาย-อฎฺฐกถาย

    Sāratthappakāsiniyā saṃyuttanikāya-aṭṭhakathāya

    วงฺคีสสํยุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ

    Vaṅgīsasaṃyuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๑๒. วงฺคีสสุตฺตํ • 12. Vaṅgīsasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๑๒. วงฺคีสสุตฺตวณฺณนา • 12. Vaṅgīsasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact