Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā

    ๒๑. มหานิปาโต

    21. Mahānipāto

    ๑. วงฺคีสเตฺถรคาถาวณฺณนา

    1. Vaṅgīsattheragāthāvaṇṇanā

    สตฺตตินิปาเต นิกฺขนฺตํ วต มํ สนฺตนฺติอาทิกา อายสฺมโต วงฺคีสเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวตีนคเร มหาโภคกุเล นิพฺพโตฺต, ปุริมนเยเนว วิหารํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุณโนฺต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ ปฎิภานวนฺตานํ อคฺคฎฺฐาเน ฐเปนฺตํ ทิสฺวา สตฺถุ อธิการกมฺมํ กตฺวา – ‘‘อหมฺปิ อนาคเต ปฎิภานวนฺตานํ อโคฺค ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ กตฺวา, สตฺถารา พฺยากโต ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วงฺคีโสติ ลทฺธนาโม ตโย เพเท อุคฺคณฺหโนฺต อาจริยํ อาราเธตฺวา, ฉวสีสมนฺตํ นาม สิกฺขิตฺวา ฉวสีสํ นเขน อาโกเฎตฺวา ‘‘อยํ สโตฺต อสุกโยนิยํ นิพฺพโตฺต’’ติ ชานาติฯ

    Sattatinipāte nikkhantaṃ vata maṃ santantiādikā āyasmato vaṅgīsattherassa gāthā. Kā uppatti? Ayaṃ kira padumuttarabuddhakāle haṃsavatīnagare mahābhogakule nibbatto, purimanayeneva vihāraṃ gantvā dhammaṃ suṇanto satthāraṃ ekaṃ bhikkhuṃ paṭibhānavantānaṃ aggaṭṭhāne ṭhapentaṃ disvā satthu adhikārakammaṃ katvā – ‘‘ahampi anāgate paṭibhānavantānaṃ aggo bhaveyya’’nti patthanaṃ katvā, satthārā byākato yāvajīvaṃ kusalaṃ katvā devamanussesu saṃsaranto imasmiṃ buddhuppāde sāvatthiyaṃ brāhmaṇakule nibbattitvā vaṅgīsoti laddhanāmo tayo bede uggaṇhanto ācariyaṃ ārādhetvā, chavasīsamantaṃ nāma sikkhitvā chavasīsaṃ nakhena ākoṭetvā ‘‘ayaṃ satto asukayoniyaṃ nibbatto’’ti jānāti.

    พฺราหฺมณา ‘‘อยํ อมฺหากํ ชีวิตมโคฺค’’ติ ญตฺวา วงฺคีสํ คเหตฺวา ปฎิจฺฉนฺนยาเน นิสีทาเปตฺวา คามนิคมราชธานิโย วิจรนฺติฯ วงฺคีโสปิ ติวสฺสมตฺถเก มตานมฺปิ สีสํ อาหราเปตฺวา นเขน อาโกเฎตฺวา ‘‘อยํ สโตฺต อสุกโยนิยํ นิพฺพโตฺต’’ติ วตฺวา มหาชนสฺส กงฺขเจฺฉทนตฺถํ เต เต ชเน อาวาเหตฺวา อตฺตโน อตฺตโน คติํ กถาเปติฯ เตน ตสฺมิํ มหาชโน อภิปฺปสีทติฯ โส ตํ นิสฺสาย มหาชนสฺส หตฺถโต สตมฺปิ สหสฺสมฺปิ ลภตีติฯ พฺราหฺมณา วงฺคีสมาทาย ยถารุจิํ วิจริตฺวา ปุน สาวตฺถิํ อคมํสุฯ วงฺคีโส สตฺถุ คุเณ สุตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตุกาโม อโหสิฯ พฺราหฺมณา ‘‘สมโณ โคตโม มายาย ตํ อาวเฎฺฎสฺสตี’’ติ ปฎิกฺขิปิํสุฯ วงฺคีโส เตสํ วจนํ อนาทิยิตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา มธุรปฎิสนฺถารํ กตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ

    Brāhmaṇā ‘‘ayaṃ amhākaṃ jīvitamaggo’’ti ñatvā vaṅgīsaṃ gahetvā paṭicchannayāne nisīdāpetvā gāmanigamarājadhāniyo vicaranti. Vaṅgīsopi tivassamatthake matānampi sīsaṃ āharāpetvā nakhena ākoṭetvā ‘‘ayaṃ satto asukayoniyaṃ nibbatto’’ti vatvā mahājanassa kaṅkhacchedanatthaṃ te te jane āvāhetvā attano attano gatiṃ kathāpeti. Tena tasmiṃ mahājano abhippasīdati. So taṃ nissāya mahājanassa hatthato satampi sahassampi labhatīti. Brāhmaṇā vaṅgīsamādāya yathāruciṃ vicaritvā puna sāvatthiṃ agamaṃsu. Vaṅgīso satthu guṇe sutvā satthāraṃ upasaṅkamitukāmo ahosi. Brāhmaṇā ‘‘samaṇo gotamo māyāya taṃ āvaṭṭessatī’’ti paṭikkhipiṃsu. Vaṅgīso tesaṃ vacanaṃ anādiyitvā satthu santikaṃ gantvā madhurapaṭisanthāraṃ katvā ekamantaṃ nisīdi.

    ตํ สตฺถา ปุจฺฉิ – ‘‘วงฺคีส, กิญฺจิ สิปฺปํ ชานาสี’’ติ? ‘‘อาม, โภ โคตม, ฉวสีสมนฺตํ นาม ชานามิฯ เตน ติวสฺสมตฺถเก มตานมฺปิ สีสํ นเขน อาโกเฎตฺวา นิพฺพตฺตฎฺฐานํ ชานามี’’ติฯ สตฺถา ตสฺส เอกํ นิรเย นิพฺพตฺตสฺส สีสํ ทเสฺสสิ, เอกํ มนุเสฺสสุ , เอกํ เทเวสุ, เอกํ ปรินิพฺพุตสฺส สีสํ ทเสฺสสิฯ โส ปฐมํ สีสํ อาโกเฎตฺวา, ‘‘โภ โคตม, อยํ สโตฺต นิรเย นิพฺพโตฺต’’ติ อาหฯ ‘‘สาธุ, วงฺคีส, สุฎฺฐุ ตยา ทิฎฺฐํฯ อยํ สโตฺต กุหิํ นิพฺพโตฺต’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘มนุสฺสโลเก’’ติฯ ‘‘อยํ กุหิ’’นฺติ? ‘‘เทวโลเก’’ติ ติณฺณนฺนมฺปิ นิพฺพตฺตฎฺฐานํ กเถสิฯ ปรินิพฺพุตสฺส ปน สีสํ นเขน อาโกเฎโนฺต เนว อนฺตํ น โกฎิํ ปสฺสิฯ อถ นํ สตฺถา ‘‘น สโกฺกสิ วงฺคีสา’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘อุปปริกฺขามิ ตาวา’’ติ ปุนปฺปุนํ ปริวเตฺตตฺวา อาโกเฎโนฺตปิ พาหิรกมเนฺตน ขีณาสวสฺส คติํ กถํ ชานิสฺสติ, อถสฺส มตฺถกโต เสโท มุจฺจิฯ โส ลชฺชิตฺวา ตุณฺหีภูโต อฎฺฐาสิฯ อถ นํ สตฺถา – ‘‘กิลมสิ, วงฺคีสา’’ติ อาหฯ ‘‘อาม, โภ โคตม, อิมสฺส อุปฺปนฺนฎฺฐานํ ชานิตุํ น สโกฺกมิ, สเจ ตุเมฺห ชานาถ, กเถถา’’ติฯ ‘‘วงฺคีส, อหํ เอตมฺปิ ชานามิ, อิโต อุตฺตริตรมฺปิ ชานามี’’ติ วตฺวา –

    Taṃ satthā pucchi – ‘‘vaṅgīsa, kiñci sippaṃ jānāsī’’ti? ‘‘Āma, bho gotama, chavasīsamantaṃ nāma jānāmi. Tena tivassamatthake matānampi sīsaṃ nakhena ākoṭetvā nibbattaṭṭhānaṃ jānāmī’’ti. Satthā tassa ekaṃ niraye nibbattassa sīsaṃ dassesi, ekaṃ manussesu , ekaṃ devesu, ekaṃ parinibbutassa sīsaṃ dassesi. So paṭhamaṃ sīsaṃ ākoṭetvā, ‘‘bho gotama, ayaṃ satto niraye nibbatto’’ti āha. ‘‘Sādhu, vaṅgīsa, suṭṭhu tayā diṭṭhaṃ. Ayaṃ satto kuhiṃ nibbatto’’ti pucchi. ‘‘Manussaloke’’ti. ‘‘Ayaṃ kuhi’’nti? ‘‘Devaloke’’ti tiṇṇannampi nibbattaṭṭhānaṃ kathesi. Parinibbutassa pana sīsaṃ nakhena ākoṭento neva antaṃ na koṭiṃ passi. Atha naṃ satthā ‘‘na sakkosi vaṅgīsā’’ti pucchi. ‘‘Upaparikkhāmi tāvā’’ti punappunaṃ parivattetvā ākoṭentopi bāhirakamantena khīṇāsavassa gatiṃ kathaṃ jānissati, athassa matthakato sedo mucci. So lajjitvā tuṇhībhūto aṭṭhāsi. Atha naṃ satthā – ‘‘kilamasi, vaṅgīsā’’ti āha. ‘‘Āma, bho gotama, imassa uppannaṭṭhānaṃ jānituṃ na sakkomi, sace tumhe jānātha, kathethā’’ti. ‘‘Vaṅgīsa, ahaṃ etampi jānāmi, ito uttaritarampi jānāmī’’ti vatvā –

    ‘‘จุติํ โย เวทิ สตฺตานํ, อุปปตฺติญฺจ สพฺพโส;

    ‘‘Cutiṃ yo vedi sattānaṃ, upapattiñca sabbaso;

    อสตฺตํ สุคตํ พุทฺธํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํฯ

    Asattaṃ sugataṃ buddhaṃ, tamahaṃ brūmi brāhmaṇaṃ.

    ‘‘ยสฺส คติํ น ชานนฺติ, เทวา คนฺธพฺพมานุสา;

    ‘‘Yassa gatiṃ na jānanti, devā gandhabbamānusā;

    ขีณาสวํ อรหนฺตํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติฯ (ธ. ป. ๔๑๙-๔๒๐; สุ. นิ. ๖๔๘-๖๔๙) –

    Khīṇāsavaṃ arahantaṃ, tamahaṃ brūmi brāhmaṇa’’nti. (dha. pa. 419-420; su. ni. 648-649) –

    อิมา เทฺว คาถา อภาสิฯ วงฺคีโส ‘‘เตน หิ, โภ โคตม, ตํ วิชฺชํ เม เทถา’’ติ อปจิติํ ทเสฺสตฺวา สตฺถุ สนฺติเก นิสีทิฯ สตฺถา ‘‘อเมฺหหิ สมานลิงฺคสฺส เทมา’’ติ อาหฯ วงฺคีโส ‘‘ยํกิญฺจิ กตฺวา มยา อิมํ มนฺตํ คเหตุํ วฎฺฎตี’’ติ พฺราหฺมเณ อาห – ‘‘ตุเมฺห มยิ ปพฺพชเนฺต มา จินฺตยิตฺถ, อหํ มนฺตํ อุคฺคณฺหิตฺวา สกลชมฺพุทีเป เชฎฺฐโก ภวิสฺสามิ, ตุมฺหากมฺปิ เตน ภทฺทกเมว ภวิสฺสตี’’ติ มนฺตตฺถาย สตฺถุสนฺติกํ อุปสงฺกมิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิฯ ตทา จ เถโร นิโคฺรธกโปฺป ภควโต สนฺติเก ฐิโต โหติ, ตํ ภควา อาณาเปสิ – ‘‘นิโคฺรธกปฺป, อิมํ ปพฺพาเชหี’’ติฯ โส สตฺถุ อาณาย ตํ ปพฺพาเชสิฯ อถสฺส สตฺถา ‘‘มนฺตปริวารํ ตาว อุคฺคณฺหาหี’’ติ ทฺวตฺติํสาการกมฺมฎฺฐานํ วิปสฺสนากมฺมฎฺฐานญฺจ อาจิกฺขิฯ โส ทฺวตฺติํสาการํ สชฺฌายโนฺตว วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปสิฯ พฺราหฺมณา วงฺคีสํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กิํ, โภ วงฺคีส, สมณสฺม โคตมสฺส สนฺติเก สิปฺปํ สิกฺขิต’’นฺติ ปุจฺฉิํสุฯ ‘‘กิํ สิปฺปสิกฺขเนน, คจฺฉถ ตุเมฺห, น มยฺหํ ตุเมฺหหิ กตฺตพฺพกิจฺจ’’นฺติฯ พฺราหฺมณา ‘‘ตฺวมฺปิ ทานิ สมณสฺส โคตมสฺส วสํ อาปโนฺน, มายาย อาวฎฺฎิโต, กิํ มยํ ตว สนฺติเก กริสฺสามา’’ติ อาคตมเคฺคเนว ปกฺกมิํสุฯ วงฺคีสเตฺถโร วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา อรหตฺตํ สจฺฉากาสิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๕.๙๖-๑๔๒) –

    Imā dve gāthā abhāsi. Vaṅgīso ‘‘tena hi, bho gotama, taṃ vijjaṃ me dethā’’ti apacitiṃ dassetvā satthu santike nisīdi. Satthā ‘‘amhehi samānaliṅgassa demā’’ti āha. Vaṅgīso ‘‘yaṃkiñci katvā mayā imaṃ mantaṃ gahetuṃ vaṭṭatī’’ti brāhmaṇe āha – ‘‘tumhe mayi pabbajante mā cintayittha, ahaṃ mantaṃ uggaṇhitvā sakalajambudīpe jeṭṭhako bhavissāmi, tumhākampi tena bhaddakameva bhavissatī’’ti mantatthāya satthusantikaṃ upasaṅkamitvā pabbajjaṃ yāci. Tadā ca thero nigrodhakappo bhagavato santike ṭhito hoti, taṃ bhagavā āṇāpesi – ‘‘nigrodhakappa, imaṃ pabbājehī’’ti. So satthu āṇāya taṃ pabbājesi. Athassa satthā ‘‘mantaparivāraṃ tāva uggaṇhāhī’’ti dvattiṃsākārakammaṭṭhānaṃ vipassanākammaṭṭhānañca ācikkhi. So dvattiṃsākāraṃ sajjhāyantova vipassanaṃ paṭṭhapesi. Brāhmaṇā vaṅgīsaṃ upasaṅkamitvā ‘‘kiṃ, bho vaṅgīsa, samaṇasma gotamassa santike sippaṃ sikkhita’’nti pucchiṃsu. ‘‘Kiṃ sippasikkhanena, gacchatha tumhe, na mayhaṃ tumhehi kattabbakicca’’nti. Brāhmaṇā ‘‘tvampi dāni samaṇassa gotamassa vasaṃ āpanno, māyāya āvaṭṭito, kiṃ mayaṃ tava santike karissāmā’’ti āgatamaggeneva pakkamiṃsu. Vaṅgīsatthero vipassanaṃ vaḍḍhetvā arahattaṃ sacchākāsi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 2.55.96-142) –

    ‘‘ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน, สพฺพธเมฺมสุ จกฺขุมา;

    ‘‘Padumuttaro nāma jino, sabbadhammesu cakkhumā;

    อิโต สตสหสฺสมฺหิ, กเปฺป อุปฺปชฺชิ นายโกฯ

    Ito satasahassamhi, kappe uppajji nāyako.

    ‘‘ยถาปิ สาคเร อูมิ, คคเน วิย ตารกา;

    ‘‘Yathāpi sāgare ūmi, gagane viya tārakā;

    เอวํ ปาวจนํ ตสฺส, อรหเนฺตหิ จิตฺติตํฯ

    Evaṃ pāvacanaṃ tassa, arahantehi cittitaṃ.

    ‘‘สเทวาสุรนาเคหิ, มนุเชหิ ปุรกฺขโต;

    ‘‘Sadevāsuranāgehi, manujehi purakkhato;

    สมณพฺราหฺมณากิเณฺณ, ชนมเชฺฌ ชินุตฺตโมฯ

    Samaṇabrāhmaṇākiṇṇe, janamajjhe jinuttamo.

    ‘‘ปภาหิ อนุรญฺชโนฺต, โลเก โลกนฺตคู ชิโน;

    ‘‘Pabhāhi anurañjanto, loke lokantagū jino;

    วจเนน วิโพเธโนฺต, เวเนยฺยปทุมานิ โสฯ

    Vacanena vibodhento, veneyyapadumāni so.

    ‘‘เวสารเชฺชหิ สมฺปโนฺน, จตูหิ ปุริสุตฺตโม;

    ‘‘Vesārajjehi sampanno, catūhi purisuttamo;

    ปหีนภยสารโชฺช, เขมปฺปโตฺต วิสารโทฯ

    Pahīnabhayasārajjo, khemappatto visārado.

    ‘‘อาสภํ ปวรํ ฐานํ, พุทฺธภูมิญฺจ เกวลํ;

    ‘‘Āsabhaṃ pavaraṃ ṭhānaṃ, buddhabhūmiñca kevalaṃ;

    ปฎิชานาติ โลกโคฺค, นตฺถิ สโญฺจทโก กฺวจิฯ

    Paṭijānāti lokaggo, natthi sañcodako kvaci.

    ‘‘สีหนาทมสมฺภีตํ, นทโต ตสฺส ตาทิโน;

    ‘‘Sīhanādamasambhītaṃ, nadato tassa tādino;

    เทวา นโร วา พฺรหฺมา วา, ปฎิวตฺตา น วิชฺชติฯ

    Devā naro vā brahmā vā, paṭivattā na vijjati.

    ‘‘เทเสโนฺต ปวรํ ธมฺมํ, สนฺตาเรโนฺต สเทวกํ;

    ‘‘Desento pavaraṃ dhammaṃ, santārento sadevakaṃ;

    ธมฺมจกฺกํ ปวเตฺตติ, ปริสาสุ วิสารโทฯ

    Dhammacakkaṃ pavatteti, parisāsu visārado.

    ‘‘ปฎิภานวตํ อคฺคํ, สาวกํ สาธุสมฺมตํ;

    ‘‘Paṭibhānavataṃ aggaṃ, sāvakaṃ sādhusammataṃ;

    คุณํ พหุํ ปกิเตฺตตฺวา, เอตทเคฺค ฐเปสิ ตํฯ

    Guṇaṃ bahuṃ pakittetvā, etadagge ṭhapesi taṃ.

    ‘‘ตทาหํ หํสวติยํ, พฺราหฺมโณ สาธุสมฺมโต;

    ‘‘Tadāhaṃ haṃsavatiyaṃ, brāhmaṇo sādhusammato;

    สพฺพเวทวิทู ชาโต, วาคีโส วาทิสูทโนฯ

    Sabbavedavidū jāto, vāgīso vādisūdano.

    ‘‘อุเปจฺจ ตํ มหาวีรํ, สุตฺวาหํ ธมฺมเทสนํ;

    ‘‘Upecca taṃ mahāvīraṃ, sutvāhaṃ dhammadesanaṃ;

    ปีติวรํ ปฎิลภิํ, สาวกสฺส คุเณ รโตฯ

    Pītivaraṃ paṭilabhiṃ, sāvakassa guṇe rato.

    ‘‘นิมเนฺตตฺวาว สุคตํ, สสงฺฆํ โลกนนฺทนํ;

    ‘‘Nimantetvāva sugataṃ, sasaṅghaṃ lokanandanaṃ;

    สตฺตาหํ โภชยิตฺวาหํ, ทุเสฺสหจฺฉาทยิํ ตทาฯ

    Sattāhaṃ bhojayitvāhaṃ, dussehacchādayiṃ tadā.

    ‘‘นิปจฺจ สิรสา ปาเท, กโตกาโส กตญฺชลี;

    ‘‘Nipacca sirasā pāde, katokāso katañjalī;

    เอกมนฺตํ ฐิโต หโฎฺฐ, สนฺถวิํ ชินมุตฺตมํฯ

    Ekamantaṃ ṭhito haṭṭho, santhaviṃ jinamuttamaṃ.

    ‘‘นโม เต วาทิมทฺทน, นโม เต อิสิสตฺตม;

    ‘‘Namo te vādimaddana, namo te isisattama;

    นโม เต สพฺพโลกคฺค, นโม เต อภยํ กรฯ

    Namo te sabbalokagga, namo te abhayaṃ kara.

    ‘‘นโม เต มารมถน, นโม เต ทิฎฺฐิสูทน;

    ‘‘Namo te māramathana, namo te diṭṭhisūdana;

    นโม เต สนฺติสุขท, นโม เต สรณํ กรฯ

    Namo te santisukhada, namo te saraṇaṃ kara.

    ‘‘อนาถานํ ภวํ นาโถ, ภีตานํ อภยปฺปโท;

    ‘‘Anāthānaṃ bhavaṃ nātho, bhītānaṃ abhayappado;

    วิสฺสามภูมิ สนฺตานํ, สรณํ สรเณสินํฯ

    Vissāmabhūmi santānaṃ, saraṇaṃ saraṇesinaṃ.

    ‘‘เอวมาทีหิ สมฺพุทฺธํ, สนฺถวิตฺวา มหาคุณํ;

    ‘‘Evamādīhi sambuddhaṃ, santhavitvā mahāguṇaṃ;

    อโวจํ วาทิสูทสฺส, คติํ ปโปฺปมิ ภิกฺขุโนฯ

    Avocaṃ vādisūdassa, gatiṃ pappomi bhikkhuno.

    ‘‘ตทา อโวจ ภควา, อนนฺตปฎิภานวา;

    ‘‘Tadā avoca bhagavā, anantapaṭibhānavā;

    โย โส พุทฺธํ อโภเชสิ, สตฺตาหํ สหสาวกํฯ

    Yo so buddhaṃ abhojesi, sattāhaṃ sahasāvakaṃ.

    ‘‘คุณญฺจ เม ปกิเตฺตสิ, ปสโนฺน เสหิ ปาณิภิ;

    ‘‘Guṇañca me pakittesi, pasanno sehi pāṇibhi;

    เอโส ปตฺถยเต ฐานํ, วาทิสูทสฺส ภิกฺขุโนฯ

    Eso patthayate ṭhānaṃ, vādisūdassa bhikkhuno.

    ‘‘อนาคตมฺหิ อทฺธาเน, ลจฺฉเส ตํ มโนรถํ;

    ‘‘Anāgatamhi addhāne, lacchase taṃ manorathaṃ;

    เทวมานุสสมฺปตฺติํ, อนุโภตฺวา อนปฺปกํฯ

    Devamānusasampattiṃ, anubhotvā anappakaṃ.

    ‘‘สตสหสฺสิโต กเปฺป, โอกฺกากกุลสมฺภโว;

    ‘‘Satasahassito kappe, okkākakulasambhavo;

    โคตโม นาม โคเตฺตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติฯ

    Gotamo nāma gottena, satthā loke bhavissati.

    ‘‘ตสฺส ธเมฺมสุ ทายาโท, โอรโส ธมฺมนิมฺมิโต;

    ‘‘Tassa dhammesu dāyādo, oraso dhammanimmito;

    วงฺคีโส นาม นาเมน, เหสฺสติ สตฺถุ สาวโกฯ

    Vaṅgīso nāma nāmena, hessati satthu sāvako.

    ‘‘ตํ สุตฺวา มุทิโต หุตฺวา, ยาวชีวํ ตทา ชินํ;

    ‘‘Taṃ sutvā mudito hutvā, yāvajīvaṃ tadā jinaṃ;

    ปจฺจเยหิ อุปฎฺฐาสิํ, เมตฺตจิโตฺต ตถาคตํฯ

    Paccayehi upaṭṭhāsiṃ, mettacitto tathāgataṃ.

    ‘‘เตน กเมฺมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;

    ‘‘Tena kammena sukatena, cetanāpaṇidhīhi ca;

    ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตุสิตํ อคมาสหํฯ

    Jahitvā mānusaṃ dehaṃ, tusitaṃ agamāsahaṃ.

    ‘‘ปจฺฉิเม จ ภเว ทานิ, ชาโต วิปฺปกุเล อหํ;

    ‘‘Pacchime ca bhave dāni, jāto vippakule ahaṃ;

    ปจฺจาชาโต ยทา อาสิํ, ชาติยา สตฺตวสฺสิโกฯ

    Paccājāto yadā āsiṃ, jātiyā sattavassiko.

    ‘‘สพฺพเวทวิทู ชาโต, วาทสตฺถวิสารโท;

    ‘‘Sabbavedavidū jāto, vādasatthavisārado;

    วาทิสฺสโร จิตฺตกถี, ปรวาทปฺปมทฺทโนฯ

    Vādissaro cittakathī, paravādappamaddano.

    ‘‘วเงฺค ชาโตติ วงฺคีโส, วจเน อิสฺสโรติ วา;

    ‘‘Vaṅge jātoti vaṅgīso, vacane issaroti vā;

    วงฺคีโส อิติ เม นามํ, อภวี โลกสมฺมตํฯ

    Vaṅgīso iti me nāmaṃ, abhavī lokasammataṃ.

    ‘‘ยทาหํ วิญฺญุตํ ปโตฺต, ฐิโต ปฐมโยพฺพเน;

    ‘‘Yadāhaṃ viññutaṃ patto, ṭhito paṭhamayobbane;

    ตทา ราชคเห รเมฺม, สาริปุตฺตมหทฺทสํฯ

    Tadā rājagahe ramme, sāriputtamahaddasaṃ.

    ‘‘ปิณฺฑาย วิจรนฺตํ ตํ, ปตฺตปาณิํ สุสํวุตํ;

    ‘‘Piṇḍāya vicarantaṃ taṃ, pattapāṇiṃ susaṃvutaṃ;

    อโลลกฺขิํ มิตภาณิํ, ยุคมตฺตํ นิทกฺขิตํฯ

    Alolakkhiṃ mitabhāṇiṃ, yugamattaṃ nidakkhitaṃ.

    ‘‘ตํ ทิสฺวา วิมฺหิโต หุตฺวา, อโวจํ มมนุจฺฉวํ;

    ‘‘Taṃ disvā vimhito hutvā, avocaṃ mamanucchavaṃ;

    กณิการํว นิจิตํ, จิตฺตํ คาถาปทํ อหํฯ

    Kaṇikāraṃva nicitaṃ, cittaṃ gāthāpadaṃ ahaṃ.

    ‘‘อาจิกฺขิ โส เม สตฺถารํ, สมฺพุทฺธํ โลกนายกํ;

    ‘‘Ācikkhi so me satthāraṃ, sambuddhaṃ lokanāyakaṃ;

    ตทา โส ปณฺฑิโต วีโร, อุตฺตริํ สมโวจ เมฯ

    Tadā so paṇḍito vīro, uttariṃ samavoca me.

    ‘‘วิราคสํหิตํ วากฺยํ, กตฺวา ทุทฺทสมุตฺตมํ;

    ‘‘Virāgasaṃhitaṃ vākyaṃ, katvā duddasamuttamaṃ;

    วิจิตฺตปฎิภาเนหิ, โตสิโต เตน ตาทินาฯ

    Vicittapaṭibhānehi, tosito tena tādinā.

    ‘‘นิปจฺจ สิรสา ปาเท, ปพฺพาเชหีติ มํ พฺรวิ;

    ‘‘Nipacca sirasā pāde, pabbājehīti maṃ bravi;

    ตโต มํ ส มหาปโญฺญ, พุทฺธเสฎฺฐมุปานยิฯ

    Tato maṃ sa mahāpañño, buddhaseṭṭhamupānayi.

    ‘‘นิปจฺจ สิรสา ปาเท, นิสีทิํ สตฺถุ สนฺติเก;

    ‘‘Nipacca sirasā pāde, nisīdiṃ satthu santike;

    มมาห วทตํ เสโฎฺฐ, กจฺจิ วงฺคีส ชานาสิฯ

    Mamāha vadataṃ seṭṭho, kacci vaṅgīsa jānāsi.

    ‘‘กิญฺจิ สิปฺปนฺติ ตสฺสาหํ, ชานามีติ จ อพฺรวิํ;

    ‘‘Kiñci sippanti tassāhaṃ, jānāmīti ca abraviṃ;

    มตสีสํ วนจฺฉุทฺธํ, อปิ พารสวสฺสิกํ;

    Matasīsaṃ vanacchuddhaṃ, api bārasavassikaṃ;

    ตว วิชฺชาวิเสเสน, สเจ สโกฺกสิ วาจยฯ

    Tava vijjāvisesena, sace sakkosi vācaya.

    ‘‘อาโมติ เม ปฎิญฺญาเต, ตีณิ สีสานิ ทสฺสยิ;

    ‘‘Āmoti me paṭiññāte, tīṇi sīsāni dassayi;

    นิรยนรเทเวสุ, อุปปเนฺน อวาจยิํฯ

    Nirayanaradevesu, upapanne avācayiṃ.

    ‘‘ตทา ขีณาสวเสฺสว, สีสํ ทเสฺสสิ นายโก;

    ‘‘Tadā khīṇāsavasseva, sīsaṃ dassesi nāyako;

    ตโตหํ วิหตารโพฺภ, ปพฺพชฺชํ สมยาจิสํฯ

    Tatohaṃ vihatārabbho, pabbajjaṃ samayācisaṃ.

    ‘‘ปพฺพชิตฺวาน สุคตํ, สนฺถวามิ ตหิํ ตหิํ;

    ‘‘Pabbajitvāna sugataṃ, santhavāmi tahiṃ tahiṃ;

    ตโต มํ กพฺพวิโตฺตสิ, อุชฺฌายนฺติห ภิกฺขโวฯ

    Tato maṃ kabbavittosi, ujjhāyantiha bhikkhavo.

    ‘‘ตโต วีมํสนตฺถํ เม, อาห พุโทฺธ วินายโก;

    ‘‘Tato vīmaṃsanatthaṃ me, āha buddho vināyako;

    ตกฺกิกา ปนิมา คาถา, ฐานโส ปฎิภนฺติ ตํฯ

    Takkikā panimā gāthā, ṭhānaso paṭibhanti taṃ.

    ‘‘น กพฺพวิโตฺตหํ วีร, ฐานโส ปฎิภนฺติ มํ;

    ‘‘Na kabbavittohaṃ vīra, ṭhānaso paṭibhanti maṃ;

    เตน หิ ทานิ วงฺคีส, ฐานโส สนฺถวาหิ มํฯ

    Tena hi dāni vaṅgīsa, ṭhānaso santhavāhi maṃ.

    ‘‘ตทาหํ สนฺถวิํ วีรํ, คาถาหิ อิสิสตฺตมํ;

    ‘‘Tadāhaṃ santhaviṃ vīraṃ, gāthāhi isisattamaṃ;

    ฐานโส เม ตทา ตุโฎฺฐ, ชิโน อเคฺค ฐเปสิ มํฯ

    Ṭhānaso me tadā tuṭṭho, jino agge ṭhapesi maṃ.

    ‘‘ปฎิภาเนน จิเตฺตน, อเญฺญสมติมญฺญหํ;

    ‘‘Paṭibhānena cittena, aññesamatimaññahaṃ;

    เปสเล เตน สํวิโคฺค, อรหตฺตมปาปุณิํฯ

    Pesale tena saṃviggo, arahattamapāpuṇiṃ.

    ‘‘ปฎิภานวตํ อโคฺค, อโญฺญ โกจิ น วิชฺชติ;

    ‘‘Paṭibhānavataṃ aggo, añño koci na vijjati;

    ยถายํ ภิกฺขุ วงฺคีโส, เอวํ ธาเรถ ภิกฺขโวฯ

    Yathāyaṃ bhikkhu vaṅgīso, evaṃ dhāretha bhikkhavo.

    ‘‘สตสหเสฺส กตํ กมฺมํ, ผลํ ทเสฺสสิ เม อิธ;

    ‘‘Satasahasse kataṃ kammaṃ, phalaṃ dassesi me idha;

    สุมุโตฺต สรเวโคว, กิเลเส ฌาปยิํ มมฯ

    Sumutto saravegova, kilese jhāpayiṃ mama.

    ‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ, ภวา สเพฺพ สมูหตา;

    ‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ, bhavā sabbe samūhatā;

    นาโคว พนฺธนํ เฉตฺวา, วิหรามิ อนาสโวฯ

    Nāgova bandhanaṃ chetvā, viharāmi anāsavo.

    ‘‘สฺวาคตํ วต เม อาสิ, พุทฺธเสฎฺฐสฺส สนฺติเก;

    ‘‘Svāgataṃ vata me āsi, buddhaseṭṭhassa santike;

    ติโสฺส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสนํฯ

    Tisso vijjā anuppattā, kataṃ buddhassa sāsanaṃ.

    ‘‘ปฎิสมฺภิทา จตโสฺส, วิโมกฺขาปิ จ อฎฺฐิเม;

    ‘‘Paṭisambhidā catasso, vimokkhāpi ca aṭṭhime;

    ฉฬภิญฺญา สจฺฉิกตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ

    Chaḷabhiññā sacchikatā, kataṃ buddhassa sāsana’’nti.

    อรหา ปน หุตฺวา เถโร สตฺถุ สนฺติกํ คจฺฉโนฺต จกฺขุปถโต ปฎฺฐาย จเนฺทน, สูริเยน, อากาเสน, มหาสมุเทฺทน, สิเนรุนา ปพฺพตราเชน, สีเหน มิครญฺญา, หตฺถินาเคนาติ เตน เตน สทฺธิํ อุปเมโนฺต อเนเกหิ ปทสเตหิ สตฺถารํ วเณฺณโนฺตว อุปคจฺฉติฯ เตน ตํ สตฺถา สงฺฆมเชฺฌ นิสิโนฺน ปฎิภานวนฺตานํ อคฺคฎฺฐาเน ฐเปสิฯ อถ เถเรน อรหตฺตปฺปตฺติโต ปุเพฺพ จ ปจฺฉา จ ตํ ตํ จิตฺตํ อาคมฺม ภาสิตาฯ เถรํ อุทฺทิสฺส อานนฺทเตฺถราทีหิ ภาสิตา จ –

    Arahā pana hutvā thero satthu santikaṃ gacchanto cakkhupathato paṭṭhāya candena, sūriyena, ākāsena, mahāsamuddena, sinerunā pabbatarājena, sīhena migaraññā, hatthināgenāti tena tena saddhiṃ upamento anekehi padasatehi satthāraṃ vaṇṇentova upagacchati. Tena taṃ satthā saṅghamajjhe nisinno paṭibhānavantānaṃ aggaṭṭhāne ṭhapesi. Atha therena arahattappattito pubbe ca pacchā ca taṃ taṃ cittaṃ āgamma bhāsitā. Theraṃ uddissa ānandattherādīhi bhāsitā ca –

    ๑๒๑๘.

    1218.

    ‘‘นิกฺขนฺตํ วต มํ สนฺตํ, อคารสฺมานคาริยํ;

    ‘‘Nikkhantaṃ vata maṃ santaṃ, agārasmānagāriyaṃ;

    วิตกฺกา อุปธาวนฺติ, ปคพฺภา กณฺหโต อิเมฯ

    Vitakkā upadhāvanti, pagabbhā kaṇhato ime.

    ๑๒๑๙.

    1219.

    ‘‘อุคฺคปุตฺตา มหิสฺสาสา, สิกฺขิตา ทฬฺหธมฺมิโน;

    ‘‘Uggaputtā mahissāsā, sikkhitā daḷhadhammino;

    สมนฺตา ปริกิเรยฺยุํ, สหสฺสํ อปลายินํฯ

    Samantā parikireyyuṃ, sahassaṃ apalāyinaṃ.

    ๑๒๒๐.

    1220.

    ‘‘สเจปิ เอตฺตกา ภิโยฺย, อาคมิสฺสนฺติ อิตฺถิโย;

    ‘‘Sacepi ettakā bhiyyo, āgamissanti itthiyo;

    เนว มํ พฺยาธยิสฺสนฺติ, ธเมฺม สมฺหิ ปติฎฺฐิโตฯ

    Neva maṃ byādhayissanti, dhamme samhi patiṭṭhito.

    ๑๒๒๑.

    1221.

    ‘‘สกฺขี หิ เม สุตํ เอตํ, พุทฺธสฺสาทิจฺจพนฺธุโน;

    ‘‘Sakkhī hi me sutaṃ etaṃ, buddhassādiccabandhuno;

    นิพฺพานคมนํ มคฺคํ, ตตฺถ เม นิรโต มโนฯ

    Nibbānagamanaṃ maggaṃ, tattha me nirato mano.

    ๑๒๒๒.

    1222.

    ‘‘เอวเญฺจ มํ วิหรนฺตํ, ปาปิม อุปคจฺฉสิ;

    ‘‘Evañce maṃ viharantaṃ, pāpima upagacchasi;

    ตถา มจฺจุ กริสฺสามิ, น เม มคฺคมฺปิ ทกฺขสิฯ

    Tathā maccu karissāmi, na me maggampi dakkhasi.

    ๑๒๒๓.

    1223.

    ‘‘อรติญฺจ รติญฺจ ปหาย, สพฺพโส เคหสิตญฺจ วิตกฺกํ;

    ‘‘Aratiñca ratiñca pahāya, sabbaso gehasitañca vitakkaṃ;

    วนถํ น กเรยฺย กุหิญฺจิ, นิพฺพนโถ อวนโถ ส ภิกฺขุฯ

    Vanathaṃ na kareyya kuhiñci, nibbanatho avanatho sa bhikkhu.

    ๑๒๒๔.

    1224.

    ‘‘ยมิธ ปถวิญฺจ เวหาสํ, รูปคตํ ชคโตคธํ กิญฺจิ;

    ‘‘Yamidha pathaviñca vehāsaṃ, rūpagataṃ jagatogadhaṃ kiñci;

    ปริชียติ สพฺพมนิจฺจํ, เอวํ สเมจฺจ จรนฺติ มุตตฺตาฯ

    Parijīyati sabbamaniccaṃ, evaṃ samecca caranti mutattā.

    ๑๒๒๕.

    1225.

    ‘‘อุปธีสุ ชนา คธิตาเส, ทิฎฺฐสุเต ปฎิเฆ จ มุเต จ;

    ‘‘Upadhīsu janā gadhitāse, diṭṭhasute paṭighe ca mute ca;

    เอตฺถ วิโนทย ฉนฺทมเนโช, โย เหตฺถ น ลิมฺปติ มุนิ ตมาหุฯ

    Ettha vinodaya chandamanejo, yo hettha na limpati muni tamāhu.

    ๑๒๒๖.

    1226.

    ‘‘อถ สฎฺฐิสิตา สวิตกฺกา, ปุถุชฺชนตาย อธมฺมา นิวิฎฺฐา;

    ‘‘Atha saṭṭhisitā savitakkā, puthujjanatāya adhammā niviṭṭhā;

    น จ วคฺคคตสฺส กุหิญฺจิ, โน ปน ทุฎฺฐุลฺลคาหี ส ภิกฺขุฯ

    Na ca vaggagatassa kuhiñci, no pana duṭṭhullagāhī sa bhikkhu.

    ๑๒๒๗.

    1227.

    ‘‘ทโพฺพ จิรรตฺตสมาหิโต, อกุหโก นิปโก อปิหาลุ;

    ‘‘Dabbo cirarattasamāhito, akuhako nipako apihālu;

    สนฺตํ ปทํ อชฺฌคมา มุนิ, ปฎิจฺจ ปรินิพฺพุโต กงฺขติ กาลํฯ

    Santaṃ padaṃ ajjhagamā muni, paṭicca parinibbuto kaṅkhati kālaṃ.

    ๑๒๒๘.

    1228.

    ‘‘มานํ ปชหสฺสุ โคตม, มานปถญฺจ ชหสฺสุ อเสสํ;

    ‘‘Mānaṃ pajahassu gotama, mānapathañca jahassu asesaṃ;

    มานปถมฺหิ ส มุจฺฉิโต, วิปฺปฎิสารีหุวา จิรรตฺตํฯ

    Mānapathamhi sa mucchito, vippaṭisārīhuvā cirarattaṃ.

    ๑๒๒๙.

    1229.

    ‘‘มเกฺขน มกฺขิตา ปชา, มานหตา นิรยํ ปปตนฺติ;

    ‘‘Makkhena makkhitā pajā, mānahatā nirayaṃ papatanti;

    โสจนฺติ ชนา จิรรตฺตํ, มานหตา นิรยํ อุปปนฺนาฯ

    Socanti janā cirarattaṃ, mānahatā nirayaṃ upapannā.

    ๑๒๓๐.

    1230.

    ‘‘น หิ โสจติ ภิกฺขุ กทาจิ, มคฺคชิโน สมฺมา ปฎิปโนฺน;

    ‘‘Na hi socati bhikkhu kadāci, maggajino sammā paṭipanno;

    กิตฺติญฺจ สุขญฺจานุโภติ, ธมฺมทโสติ ตมาหุ ตถตฺตํฯ

    Kittiñca sukhañcānubhoti, dhammadasoti tamāhu tathattaṃ.

    ๑๒๓๑.

    1231.

    ‘‘ตสฺมา อขิโล อิธ ปธานวา, นีวรณานิ ปหาย วิสุโทฺธ;

    ‘‘Tasmā akhilo idha padhānavā, nīvaraṇāni pahāya visuddho;

    มานญฺจ ปหาย อเสสํ, วิชฺชายนฺตกโร สมิตาวีฯ

    Mānañca pahāya asesaṃ, vijjāyantakaro samitāvī.

    ๑๒๓๒.

    1232.

    ‘‘กามราเคน ฑยฺหามิ, จิตฺตํ เม ปริฑยฺหติ;

    ‘‘Kāmarāgena ḍayhāmi, cittaṃ me pariḍayhati;

    สาธุ นิพฺพาปนํ พฺรูหิ, อนุกมฺปาย โคตมฯ

    Sādhu nibbāpanaṃ brūhi, anukampāya gotama.

    ๑๒๓๓.

    1233.

    ‘‘สญฺญาย วิปริเยสา, จิตฺตํ เต ปริฑยฺหติ;

    ‘‘Saññāya vipariyesā, cittaṃ te pariḍayhati;

    นิมิตฺตํ ปริวเชฺชหิ, สุภํ ราคูปสํหิตํฯ

    Nimittaṃ parivajjehi, subhaṃ rāgūpasaṃhitaṃ.

    ๑๒๓๔.

    1234.

    ‘‘อสุภาย จิตฺตํ ภาเวหิ, เอกคฺคํ สุสมาหิตํ;

    ‘‘Asubhāya cittaṃ bhāvehi, ekaggaṃ susamāhitaṃ;

    สติ กายคตา ตฺยตฺถุ, นิพฺพิทาพหุโล ภวฯ

    Sati kāyagatā tyatthu, nibbidābahulo bhava.

    ๑๒๓๕.

    1235.

    ‘‘อนิมิตฺตญฺจ ภาเวหิ, มานานุสยมุชฺชห;

    ‘‘Animittañca bhāvehi, mānānusayamujjaha;

    ตโต มานาภิสมยา, อุปสโนฺต จริสฺสสิฯ

    Tato mānābhisamayā, upasanto carissasi.

    ๑๒๓๖.

    1236.

    ‘‘ตเมว วาจํ ภาเสยฺย, ยายตฺตานํ น ตาปเย;

    ‘‘Tameva vācaṃ bhāseyya, yāyattānaṃ na tāpaye;

    ปเร จ น วิหิํเสยฺย, สา เว วาจา สุภาสิตาฯ

    Pare ca na vihiṃseyya, sā ve vācā subhāsitā.

    ๑๒๓๗.

    1237.

    ‘‘ปิยวาจเมว ภาเสยฺย, ยา วาจา ปฎินนฺทิตา;

    ‘‘Piyavācameva bhāseyya, yā vācā paṭinanditā;

    ยํ อนาทาย ปาปานิ, ปเรสํ ภาสเต ปิยํฯ

    Yaṃ anādāya pāpāni, paresaṃ bhāsate piyaṃ.

    ๑๒๓๘.

    1238.

    ‘‘สจฺจํ เว อมตา วาจา, เอส ธโมฺม สนนฺตโน;

    ‘‘Saccaṃ ve amatā vācā, esa dhammo sanantano;

    สเจฺจ อเตฺถ จ ธเมฺม จ, อาหุ สโนฺต ปติฎฺฐิตาฯ

    Sacce atthe ca dhamme ca, āhu santo patiṭṭhitā.

    ๑๒๓๙.

    1239.

    ‘‘ยํ พุโทฺธ ภาสติ วาจํ, เขมํ นิพฺพานปตฺติยา;

    ‘‘Yaṃ buddho bhāsati vācaṃ, khemaṃ nibbānapattiyā;

    ทุกฺขสฺสนฺตกิริยาย, สา เว วาจานมุตฺตมาฯ

    Dukkhassantakiriyāya, sā ve vācānamuttamā.

    ๑๒๔๐.

    1240.

    ‘‘คมฺภีรปโญฺญ เมธาวี, มคฺคามคฺคสฺส โกวิโท;

    ‘‘Gambhīrapañño medhāvī, maggāmaggassa kovido;

    สาริปุโตฺต มหาปโญฺญ, ธมฺมํ เทเสติ ภิกฺขุนํฯ

    Sāriputto mahāpañño, dhammaṃ deseti bhikkhunaṃ.

    ๑๒๔๑.

    1241.

    ‘‘สํขิเตฺตนปิ เทเสติ, วิตฺถาเรนปิ ภาสติ;

    ‘‘Saṃkhittenapi deseti, vitthārenapi bhāsati;

    สาลิกายิว นิโคฺฆโส, ปฎิภานํ อุทิยฺยติฯ

    Sālikāyiva nigghoso, paṭibhānaṃ udiyyati.

    ๑๒๔๒.

    1242.

    ‘‘ตสฺส ตํ เทสยนฺตสฺส, สุณนฺติ มธุรํ คิรํ;

    ‘‘Tassa taṃ desayantassa, suṇanti madhuraṃ giraṃ;

    สเรน รชนีเยน, สวนีเยน วคฺคุนา;

    Sarena rajanīyena, savanīyena vaggunā;

    อุทคฺคจิตฺตา มุทิตา, โสตํ โอเธนฺติ ภิกฺขโวฯ

    Udaggacittā muditā, sotaṃ odhenti bhikkhavo.

    ๑๒๔๓.

    1243.

    ‘‘อชฺช ปนฺนรเส วิสุทฺธิยา, ภิกฺขู ปญฺจสตา สมาคตา;

    ‘‘Ajja pannarase visuddhiyā, bhikkhū pañcasatā samāgatā;

    สํโยชนพนฺธนจฺฉิทา, อนีฆา ขีณปุนพฺภวา อิสีฯ

    Saṃyojanabandhanacchidā, anīghā khīṇapunabbhavā isī.

    ๑๒๔๔.

    1244.

    ‘‘จกฺกวตฺตี ยถา ราชา, อมจฺจปริวาริโต;

    ‘‘Cakkavattī yathā rājā, amaccaparivārito;

    สมนฺตา อนุปริเยติ, สาครนฺตํ มหิํ อิมํฯ

    Samantā anupariyeti, sāgarantaṃ mahiṃ imaṃ.

    ๑๒๔๕.

    1245.

    ‘‘เอวํ วิชิตสงฺคามํ, สตฺถวาหํ อนุตฺตรํ;

    ‘‘Evaṃ vijitasaṅgāmaṃ, satthavāhaṃ anuttaraṃ;

    สาวกา ปยิรุปาสนฺติ, เตวิชฺชา มจฺจุหายิโนฯ

    Sāvakā payirupāsanti, tevijjā maccuhāyino.

    ๑๒๔๖.

    1246.

    ‘‘สเพฺพ ภควโต ปุตฺตา, ปลาเปตฺถ น วิชฺชติ;

    ‘‘Sabbe bhagavato puttā, palāpettha na vijjati;

    ตณฺหาสลฺลสฺส หนฺตารํ, วเนฺท อาทิจฺจพนฺธุนํฯ

    Taṇhāsallassa hantāraṃ, vande ādiccabandhunaṃ.

    ๑๒๔๗.

    1247.

    ‘‘ปโรสหสฺสํ ภิกฺขูนํ, สุคตํ ปยิรุปาสติ;

    ‘‘Parosahassaṃ bhikkhūnaṃ, sugataṃ payirupāsati;

    เทเสนฺตํ วิรชํ ธมฺมํ, นิพฺพานํ อกุโตภยํฯ

    Desentaṃ virajaṃ dhammaṃ, nibbānaṃ akutobhayaṃ.

    ๑๒๔๘.

    1248.

    ‘‘สุณนฺติ ธมฺมํ วิมลํ, สมฺมาสมฺพุทฺธเทสิตํ;

    ‘‘Suṇanti dhammaṃ vimalaṃ, sammāsambuddhadesitaṃ;

    โสภติ วต สมฺพุโทฺธ, ภิกฺขุสงฺฆปุรกฺขโตฯ

    Sobhati vata sambuddho, bhikkhusaṅghapurakkhato.

    ๑๒๔๙.

    1249.

    ‘‘นาคนาโมสิ ภควา, อิสีนํ อิสิสตฺตโม;

    ‘‘Nāganāmosi bhagavā, isīnaṃ isisattamo;

    มหาเมโฆว หุตฺวาน, สาวเก อภิวสฺสสิฯ

    Mahāmeghova hutvāna, sāvake abhivassasi.

    ๑๒๕๐.

    1250.

    ‘‘ทิวา วิหารา นิกฺขมฺม, สตฺถุทสฺสนกมฺยตา;

    ‘‘Divā vihārā nikkhamma, satthudassanakamyatā;

    สาวโก เต มหาวีร, ปาเท วนฺทติ วงฺคิโสฯ

    Sāvako te mahāvīra, pāde vandati vaṅgiso.

    ๑๒๕๑.

    1251.

    ‘‘อุมฺมคฺคปถํ มารสฺส, อภิภุยฺย จรติ ปภิชฺช ขีลานิ;

    ‘‘Ummaggapathaṃ mārassa, abhibhuyya carati pabhijja khīlāni;

    ตํ ปสฺสถ พนฺธปมุญฺจ กรํ, อสิตํว ภาคโส ปวิภชฺชฯ

    Taṃ passatha bandhapamuñca karaṃ, asitaṃva bhāgaso pavibhajja.

    ๑๒๕๒.

    1252.

    ‘‘โอฆสฺส หิ นิตรณตฺถํ, อเนกวิหิตํ มคฺคํ อกฺขาสิ;

    ‘‘Oghassa hi nitaraṇatthaṃ, anekavihitaṃ maggaṃ akkhāsi;

    ตสฺมิญฺจ อมเต อกฺขาเต, ธมฺมทสา ฐิตา อสํหีราฯ

    Tasmiñca amate akkhāte, dhammadasā ṭhitā asaṃhīrā.

    ๑๒๕๓.

    1253.

    ‘‘ปโชฺชตกโร อติวิชฺฌ, สพฺพฐิตีนํ อติกฺกมมทฺทส;

    ‘‘Pajjotakaro ativijjha, sabbaṭhitīnaṃ atikkamamaddasa;

    ญตฺวา จ สจฺฉิกตฺวา จ, อคฺคํ โส เทสยิ ทสทฺธานํฯ

    Ñatvā ca sacchikatvā ca, aggaṃ so desayi dasaddhānaṃ.

    ๑๒๕๔.

    1254.

    ‘‘เอวํ สุเทสิเต ธเมฺม, โก ปมาโท วิชานตํ ธมฺมํ;

    ‘‘Evaṃ sudesite dhamme, ko pamādo vijānataṃ dhammaṃ;

    ตสฺมา หิ ตสฺส ภควโต สาสเน, อปฺปมโตฺต สทา นมสฺสมนุสิเกฺขฯ

    Tasmā hi tassa bhagavato sāsane, appamatto sadā namassamanusikkhe.

    ๑๒๕๕.

    1255.

    ‘‘พุทฺธานุพุโทฺธ โย เถโร, โกณฺฑโญฺญ ติพฺพนิกฺกโม;

    ‘‘Buddhānubuddho yo thero, koṇḍañño tibbanikkamo;

    ลาภี สุขวิหารานํ, วิเวกานํ อภิณฺหโสฯ

    Lābhī sukhavihārānaṃ, vivekānaṃ abhiṇhaso.

    ๑๒๕๖.

    1256.

    ‘‘ยํ สาวเกน ปตฺตพฺพํ, สตฺถุ สาสนการินา;

    ‘‘Yaṃ sāvakena pattabbaṃ, satthu sāsanakārinā;

    สพฺพสฺส ตํ อนุปฺปตฺตํ, อปฺปมตฺตสฺส สิกฺขโตฯ

    Sabbassa taṃ anuppattaṃ, appamattassa sikkhato.

    ๑๒๕๗.

    1257.

    ‘‘มหานุภาโว เตวิโชฺช, เจโตปริยโกวิโท;

    ‘‘Mahānubhāvo tevijjo, cetopariyakovido;

    โกณฺฑโญฺญ พุทฺธทายาโท, ปาเท วนฺทติ สตฺถุโนฯ

    Koṇḍañño buddhadāyādo, pāde vandati satthuno.

    ๑๒๕๘.

    1258.

    ‘‘นคสฺส ปเสฺส อาสีนํ, มุนิํ ทุกฺขสฺส ปารคุํ;

    ‘‘Nagassa passe āsīnaṃ, muniṃ dukkhassa pāraguṃ;

    สาวกา ปยิรุปาสนฺติ, เตวิชฺชา มจฺจุหายิโนฯ

    Sāvakā payirupāsanti, tevijjā maccuhāyino.

    ๑๒๕๙.

    1259.

    ‘‘เจตสา อนุปริเยติ, โมคฺคลฺลาโน มหิทฺธิโก;

    ‘‘Cetasā anupariyeti, moggallāno mahiddhiko;

    จิตฺตํ เนสํ สมเนฺวสํ, วิปฺปมุตฺตํ นิรูปธิํฯ

    Cittaṃ nesaṃ samanvesaṃ, vippamuttaṃ nirūpadhiṃ.

    ๑๒๖๐.

    1260.

    ‘‘เอวํ สพฺพงฺคสมฺปนฺนํ, มุนิํ ทุกฺขสฺส ปารคุํ;

    ‘‘Evaṃ sabbaṅgasampannaṃ, muniṃ dukkhassa pāraguṃ;

    อเนกาการสมฺปนฺนํ, ปยิรุปาสนฺติ โคตมํฯ

    Anekākārasampannaṃ, payirupāsanti gotamaṃ.

    ๑๒๖๑.

    1261.

    ‘‘จโนฺท ยถา วิคตวลาหเก นเภ, วิโรจติ วีตมโลว ภาณุมา;

    ‘‘Cando yathā vigatavalāhake nabhe, virocati vītamalova bhāṇumā;

    เอวมฺปิ องฺคีรส ตฺวํ มหามุนิ, อติโรจสิ ยสสา สพฺพโลกํฯ

    Evampi aṅgīrasa tvaṃ mahāmuni, atirocasi yasasā sabbalokaṃ.

    ๑๒๖๒.

    1262.

    ‘‘กาเวยฺยมตฺตา วิจริมฺห ปุเพฺพ, คามา คามํ ปุรา ปุรํ;

    ‘‘Kāveyyamattā vicarimha pubbe, gāmā gāmaṃ purā puraṃ;

    อถทฺทสาม สมฺพุทฺธํ, สพฺพธมฺมาน ปารคุํฯ

    Athaddasāma sambuddhaṃ, sabbadhammāna pāraguṃ.

    ๑๒๖๓.

    1263.

    ‘‘โส เม ธมฺมมเทเสสิ, มุนิ ทุกฺขสฺส ปารคู;

    ‘‘So me dhammamadesesi, muni dukkhassa pāragū;

    ธมฺมํ สุตฺวา ปสีทิมฺห, สทฺธา โน อุทปชฺชถฯ

    Dhammaṃ sutvā pasīdimha, saddhā no udapajjatha.

    ๑๒๖๔.

    1264.

    ‘‘ตสฺสาหํ วจนํ สุตฺวา, ขเนฺธ อายตนานิ จ;

    ‘‘Tassāhaṃ vacanaṃ sutvā, khandhe āyatanāni ca;

    ธาตุโย จ วิทิตฺวาน, ปพฺพชิํ อนคาริยํฯ

    Dhātuyo ca viditvāna, pabbajiṃ anagāriyaṃ.

    ๑๒๖๕.

    1265.

    ‘‘พหูนํ วต อตฺถาย, อุปฺปชฺชนฺติ ตถาคตา;

    ‘‘Bahūnaṃ vata atthāya, uppajjanti tathāgatā;

    อิตฺถีนํ ปุริสานญฺจ, เย เต สาสนการกาฯ

    Itthīnaṃ purisānañca, ye te sāsanakārakā.

    ๑๒๖๖.

    1266.

    ‘‘เตสํ โข วต อตฺถาย, โพธิมชฺฌคมา มุนิ;

    ‘‘Tesaṃ kho vata atthāya, bodhimajjhagamā muni;

    ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีนญฺจ, เย นิยามคตทฺทสาฯ

    Bhikkhūnaṃ bhikkhunīnañca, ye niyāmagataddasā.

    ๑๒๖๗.

    1267.

    ‘‘สุเทสิตา จกฺขุมตา, พุเทฺธนาทิจฺจพนฺธุนา;

    ‘‘Sudesitā cakkhumatā, buddhenādiccabandhunā;

    จตฺตาริ อริยสจฺจานิ, อนุกมฺปาย ปาณินํฯ

    Cattāri ariyasaccāni, anukampāya pāṇinaṃ.

    ๑๒๖๘.

    1268.

    ‘‘ทุกฺขํ ทุกฺขสมุปฺปาทํ, ทุกฺขสฺส จ อติกฺกมํ;

    ‘‘Dukkhaṃ dukkhasamuppādaṃ, dukkhassa ca atikkamaṃ;

    อริยํ จฎฺฐงฺคิกํ มคฺคํ, ทุกฺขูปสมคามินํฯ

    Ariyaṃ caṭṭhaṅgikaṃ maggaṃ, dukkhūpasamagāminaṃ.

    ๑๒๖๙.

    1269.

    ‘‘เอวเมเต ตถา วุตฺตา, ทิฎฺฐา เม เต ยถา ตถา;

    ‘‘Evamete tathā vuttā, diṭṭhā me te yathā tathā;

    สทโตฺถ เม อนุปฺปโตฺต, กตํ พุทฺธสฺส สาสนํฯ

    Sadattho me anuppatto, kataṃ buddhassa sāsanaṃ.

    ๑๒๗๐.

    1270.

    ‘‘สฺวาคตํ วต เม อาสิ, มม พุทฺธสฺส สนฺติเก;

    ‘‘Svāgataṃ vata me āsi, mama buddhassa santike;

    สุวิภเตฺตสุ ธเมฺมสุ, ยํ เสฎฺฐํ ตทุปาคมิํฯ

    Suvibhattesu dhammesu, yaṃ seṭṭhaṃ tadupāgamiṃ.

    ๑๒๗๑.

    1271.

    ‘‘อภิญฺญาปารมิปฺปโตฺต, โสตธาตุ วิโสธิตา;

    ‘‘Abhiññāpāramippatto, sotadhātu visodhitā;

    เตวิโชฺช อิทฺธิปโตฺตมฺหิ, เจโตปริยโกวิโทฯ

    Tevijjo iddhipattomhi, cetopariyakovido.

    ๑๒๗๒.

    1272.

    ‘‘ปุจฺฉามิ สตฺถารมโนมปญฺญํ, ทิเฎฺฐว ธเมฺม โย วิจิกิจฺฉานํ เฉตฺตา;

    ‘‘Pucchāmi satthāramanomapaññaṃ, diṭṭheva dhamme yo vicikicchānaṃ chettā;

    อคฺคาฬเว กาลมกาสิ ภิกฺขุ, ญาโต ยสสฺสี อภินิพฺพุตโตฺตฯ

    Aggāḷave kālamakāsi bhikkhu, ñāto yasassī abhinibbutatto.

    ๑๒๗๓.

    1273.

    ‘‘นิโคฺรธกโปฺป อิติ ตสฺส นามํ, ตยา กตํ ภควา พฺราหฺมณสฺส;

    ‘‘Nigrodhakappo iti tassa nāmaṃ, tayā kataṃ bhagavā brāhmaṇassa;

    โส ตํ นมสฺสํ อจริ มุตฺยเปโข, อารทฺธวีริโย ทฬฺหธมฺมทสฺสีฯ

    So taṃ namassaṃ acari mutyapekho, āraddhavīriyo daḷhadhammadassī.

    ๑๒๗๔.

    1274.

    ‘‘ตํ สาวกํ สกฺก มยมฺปิ สเพฺพ, อญฺญาตุมิจฺฉาม สมนฺตจกฺขุ;

    ‘‘Taṃ sāvakaṃ sakka mayampi sabbe, aññātumicchāma samantacakkhu;

    สมวฎฺฐิตา โน สวนาย โสตา, ตุวํ โน สตฺถา ตฺวมนุตฺตโรสิฯ

    Samavaṭṭhitā no savanāya sotā, tuvaṃ no satthā tvamanuttarosi.

    ๑๒๗๕.

    1275.

    ‘‘ฉินฺท โน วิจิกิจฺฉํ พฺรูหิ เมตํ, ปรินิพฺพุตํ เวทย ภูริปญฺญ;

    ‘‘Chinda no vicikicchaṃ brūhi metaṃ, parinibbutaṃ vedaya bhūripañña;

    มเชฺฌว โน ภาส สมนฺตจกฺขุ, สโกฺกว เทวาน สหสฺสเนโตฺตฯ

    Majjheva no bhāsa samantacakkhu, sakkova devāna sahassanetto.

    ๑๒๗๖.

    1276.

    ‘‘เย เกจิ คนฺถา อิธ โมหมคฺคา, อญฺญาณปกฺขา วิจิกิจฺฉฐานา;

    ‘‘Ye keci ganthā idha mohamaggā, aññāṇapakkhā vicikicchaṭhānā;

    ตถาคตํ ปตฺวา น เต ภวนฺติ, จกฺขุญฺหิ เอตํ ปรมํ นรานํฯ

    Tathāgataṃ patvā na te bhavanti, cakkhuñhi etaṃ paramaṃ narānaṃ.

    ๑๒๗๗.

    1277.

    ‘‘โน เจ หิ ชาตุ ปุริโส กิเลเส, วาโต ยถา อพฺภฆนํ วิหาเน;

    ‘‘No ce hi jātu puriso kilese, vāto yathā abbhaghanaṃ vihāne;

    ตโมวสฺส นิวุโต สพฺพโลโก, โชติมโนฺตปิ น ปภาเสยฺยุํฯ

    Tamovassa nivuto sabbaloko, jotimantopi na pabhāseyyuṃ.

    ๑๒๗๘.

    1278.

    ‘‘ธีรา จ ปโชฺชตกรา ภวนฺติ, ตํ ตํ อหํ วีร ตเถว มเญฺญ;

    ‘‘Dhīrā ca pajjotakarā bhavanti, taṃ taṃ ahaṃ vīra tatheva maññe;

    วิปสฺสินํ ชานมุปาคมิมฺห, ปริสาสุ โน อาวิกโรหิ กปฺปํฯ

    Vipassinaṃ jānamupāgamimha, parisāsu no āvikarohi kappaṃ.

    ๑๒๗๙.

    1279.

    ‘‘ขิปฺปํ คิรํ เอรย วคฺคุ วคฺคุํ, หํโสว ปคฺคยฺห สณิกํ นิกูช;

    ‘‘Khippaṃ giraṃ eraya vaggu vagguṃ, haṃsova paggayha saṇikaṃ nikūja;

    พินฺทุสฺสเรน สุวิกปฺปิเตน, สเพฺพว เต อุชฺชุคตา สุโณมฯ

    Bindussarena suvikappitena, sabbeva te ujjugatā suṇoma.

    ๑๒๘๐.

    1280.

    ‘‘ปหีนชาติมรณํ อเสสํ, นิคฺคยฺห โธนํ วเทสฺสามิ ธมฺมํ;

    ‘‘Pahīnajātimaraṇaṃ asesaṃ, niggayha dhonaṃ vadessāmi dhammaṃ;

    น กามกาโร หิ ปุถุชฺชนานํ, สเงฺขยฺยกาโร จ ตถาคตานํฯ

    Na kāmakāro hi puthujjanānaṃ, saṅkheyyakāro ca tathāgatānaṃ.

    ๑๒๘๑.

    1281.

    ‘‘สมฺปนฺนเวยฺยากรณํ ตเวทํ, สมุชฺชุปญฺญสฺส สมุคฺคหีตํ;

    ‘‘Sampannaveyyākaraṇaṃ tavedaṃ, samujjupaññassa samuggahītaṃ;

    อยมญฺชลิ ปจฺฉิโม สุปฺปณามิโต, มา โมหยี ชานมโนมปญฺญฯ

    Ayamañjali pacchimo suppaṇāmito, mā mohayī jānamanomapañña.

    ๑๒๘๒.

    1282.

    ‘‘ปโรปรํ อริยธมฺมํ วิทิตฺวา, มา โมหยี ชานมโนมวีริย;

    ‘‘Paroparaṃ ariyadhammaṃ viditvā, mā mohayī jānamanomavīriya;

    วาริํ ยถา ฆมฺมนิ ฆมฺมตโตฺต, วาจาภิกงฺขามิ สุตํ ปวสฺสฯ

    Vāriṃ yathā ghammani ghammatatto, vācābhikaṅkhāmi sutaṃ pavassa.

    ๑๒๘๓.

    1283.

    ‘‘ยทตฺถิกํ พฺรหฺมจริยํ อจรี, กปฺปายโน กจฺจิสฺสตํ อโมฆํ;

    ‘‘Yadatthikaṃ brahmacariyaṃ acarī, kappāyano kaccissataṃ amoghaṃ;

    นิพฺพายิ โส อาทุ สอุปาทิเสโส, ยถา วิมุโตฺต อหุ ตํ สุโณมฯ

    Nibbāyi so ādu saupādiseso, yathā vimutto ahu taṃ suṇoma.

    ๑๒๘๔.

    1284.

    ‘‘อเจฺฉจฺฉิ ตณฺหํ อิธ นามรูเป, (อิติ ภควา,)

    ‘‘Acchecchi taṇhaṃ idha nāmarūpe, (iti bhagavā,)

    กณฺหสฺส โสตํ ทีฆรตฺตานุสยิตํ;

    Kaṇhassa sotaṃ dīgharattānusayitaṃ;

    อตาริ ชาติํ มรณํ อเสสํ, อิจฺจพฺรวิ ภควา ปญฺจเสโฎฺฐฯ

    Atāri jātiṃ maraṇaṃ asesaṃ, iccabravi bhagavā pañcaseṭṭho.

    ๑๒๘๕.

    1285.

    ‘‘เอส สุตฺวา ปสีทามิ, วโจ เต อิสิสตฺตม;

    ‘‘Esa sutvā pasīdāmi, vaco te isisattama;

    อโมฆํ กิร เม ปุฎฺฐํ, น มํ วเญฺจสิ พฺราหฺมโณฯ

    Amoghaṃ kira me puṭṭhaṃ, na maṃ vañcesi brāhmaṇo.

    ๑๒๘๖.

    1286.

    ‘‘ยถา วาที ตถา การี, อหุ พุทฺธสฺส สาวโก;

    ‘‘Yathā vādī tathā kārī, ahu buddhassa sāvako;

    อเจฺฉจฺฉิ มจฺจุโน ชาลํ, ตตํ มายาวิโน ทฬฺหํฯ

    Acchecchi maccuno jālaṃ, tataṃ māyāvino daḷhaṃ.

    ๑๒๘๗.

    1287.

    ‘‘อทฺทส ภควา อาทิํ, อุปาทานสฺส กปฺปิโย;

    ‘‘Addasa bhagavā ādiṃ, upādānassa kappiyo;

    อจฺจคา วต กปฺปาโน, มจฺจุเธยฺยํ สุทุตฺตรํฯ

    Accagā vata kappāno, maccudheyyaṃ suduttaraṃ.

    ๑๒๘๘.

    1288.

    ‘‘ตํ เทวเทวํ วนฺทามิ, ปุตฺตํ เต ทฺวิปทุตฺตม;

    ‘‘Taṃ devadevaṃ vandāmi, puttaṃ te dvipaduttama;

    อนุชาตํ มหาวีรํ, นาคํ นาคสฺส โอรส’’นฺติฯ –

    Anujātaṃ mahāvīraṃ, nāgaṃ nāgassa orasa’’nti. –

    อิมา คาถา สงฺคีติกาเล เอกชฺฌํ กตฺวา สงฺคหํ อาโรปิตาฯ ตตฺถ ‘‘นิกฺขนฺตํ วต มํ สนฺต’’นฺติอาทโย ปญฺจ คาถา อายสฺมา วงฺคีโส นโว อจิรปพฺพชิโต หุตฺวา วิหารํ อุปคตา อลงฺกตปฎิยตฺตา สมฺพหุลา อิตฺถิโย ทิสฺวา อุปฺปนฺนราโค ตํ วิโนเทโนฺต อภาสิฯ

    Imā gāthā saṅgītikāle ekajjhaṃ katvā saṅgahaṃ āropitā. Tattha ‘‘nikkhantaṃ vata maṃ santa’’ntiādayo pañca gāthā āyasmā vaṅgīso navo acirapabbajito hutvā vihāraṃ upagatā alaṅkatapaṭiyattā sambahulā itthiyo disvā uppannarāgo taṃ vinodento abhāsi.

    ตตฺถ นิกฺขนฺตํ วต มํ สนฺตํ, อคารสฺมานคาริยนฺติ อคารโต นิกฺขนฺตํ อนคาริยํ ปพฺพชิตํ มํ สมานํฯ วิตกฺกาติ กามวิตกฺกาทโย ปาปวิตกฺกาฯ อุปธาวนฺตีติ มม จิตฺตํ อุปคจฺฉนฺติฯ ปคพฺภาติ ปาคพฺภิยยุตฺตา วสิโนฯ ‘‘อยํ เคหโต นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิโต, นยิมํ อนุทฺธํสิตุํ ยุตฺต’’นฺติ เอวํ อปริหารโต นิลฺลชฺชาฯ กณฺหโตติ กาฬโต, ลามกภาวโตติ อโตฺถฯ อิเมติ เตสํ อตฺตโน ปจฺจกฺขตา วุตฺตาฯ

    Tattha nikkhantaṃ vata maṃ santaṃ, agārasmānagāriyanti agārato nikkhantaṃ anagāriyaṃ pabbajitaṃ maṃ samānaṃ. Vitakkāti kāmavitakkādayo pāpavitakkā. Upadhāvantīti mama cittaṃ upagacchanti. Pagabbhāti pāgabbhiyayuttā vasino. ‘‘Ayaṃ gehato nikkhamitvā pabbajito, nayimaṃ anuddhaṃsituṃ yutta’’nti evaṃ aparihārato nillajjā. Kaṇhatoti kāḷato, lāmakabhāvatoti attho. Imeti tesaṃ attano paccakkhatā vuttā.

    อสุทฺธชีวิโน ปริวารยุตฺตา มนุสฺสา อุคฺคกิจฺจตาย ‘‘อุคฺคา’’ติ วุจฺจนฺติ, เตสํ ปุตฺตา อุคฺคปุตฺตาฯ มหิสฺสาสาติ มหาอิสฺสาสาฯ สิกฺขิตาติ ทฺวาทส วสฺสานิ อาจริยกุเล อุคฺคหิตสิปฺปาฯ ทฬฺหธมฺมิโนติ, ทฬฺหธนุโน ฯ ทฬฺหธนุ นาม ทฺวิสหสฺสถามํ วุจฺจติฯ ทฺวิสหสฺสถามนฺติ, จ ยสฺส อาโรปิตสฺส ชิยาย พโนฺธ โลหสีสาทีนํ ภาโร ทเณฺฑ คเหตฺวา ยาว กณฺฑปมาณา นภํ อุกฺขิตฺตสฺส ปถวิโต มุจฺจติฯ สมนฺตา ปริกิเรยฺยุนฺติ สมนฺตโต กเณฺฑ ขิเปยฺยุํฯ กิตฺตกาติ เจ อาห ‘‘สหสฺสํ อปลายิน’’นฺติฯ ยุเทฺธ อปรํ มุขานํ สหสฺสมตฺตานํฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – สิกฺขิตา กตหตฺถา อุคฺคา ทฬฺหธนุโน มหิสฺสาสา อุคฺคปุตฺตา สหสฺสมตฺตา กทาจิปิ ยุเทฺธ ปราชยํ อปตฺตา อปฺปมตฺตา สมนฺตโต ฐตฺวา ถมฺภํ อุปนิสฺสาย สเจปิ วเสฺสยฺยุํฯ ตาทิเสหิปิ อิสฺสาสสหเสฺสหิ สมนฺตา สเร ปริกิรียเนฺต สุสิกฺขิโต ปุริโส ทณฺฑํ คเหตฺวา สเพฺพ สเร อตฺตโน สรีเร อปตมาเน กตฺวา ปาทมูเล ปาเตยฺยฯ ตตฺถ เอโกปิ อิสฺสาโส เทฺว สเร เอกโต ขิปโนฺต นาม นตฺถิฯ อิตฺถิโย ปน รูปารมฺมณาทิวเสน ปญฺจ ปญฺจ สเร เอกโต ขิปนฺติ, เอวํ ขิปนฺติโยฯ เอตฺตกา ภิโยฺยติ อิมาหิ อิตฺถีหิ ภิโยฺยปิ พหู อิตฺถิโย อตฺตโน อิตฺถิกุตฺตหาสภาวาทิโต วิธํเสนฺติฯ

    Asuddhajīvino parivārayuttā manussā uggakiccatāya ‘‘uggā’’ti vuccanti, tesaṃ puttā uggaputtā. Mahissāsāti mahāissāsā. Sikkhitāti dvādasa vassāni ācariyakule uggahitasippā. Daḷhadhamminoti, daḷhadhanuno . Daḷhadhanu nāma dvisahassathāmaṃ vuccati. Dvisahassathāmanti, ca yassa āropitassa jiyāya bandho lohasīsādīnaṃ bhāro daṇḍe gahetvā yāva kaṇḍapamāṇā nabhaṃ ukkhittassa pathavito muccati. Samantā parikireyyunti samantato kaṇḍe khipeyyuṃ. Kittakāti ce āha ‘‘sahassaṃ apalāyina’’nti. Yuddhe aparaṃ mukhānaṃ sahassamattānaṃ. Idaṃ vuttaṃ hoti – sikkhitā katahatthā uggā daḷhadhanuno mahissāsā uggaputtā sahassamattā kadācipi yuddhe parājayaṃ apattā appamattā samantato ṭhatvā thambhaṃ upanissāya sacepi vasseyyuṃ. Tādisehipi issāsasahassehi samantā sare parikirīyante susikkhito puriso daṇḍaṃ gahetvā sabbe sare attano sarīre apatamāne katvā pādamūle pāteyya. Tattha ekopi issāso dve sare ekato khipanto nāma natthi. Itthiyo pana rūpārammaṇādivasena pañca pañca sare ekato khipanti, evaṃ khipantiyo. Ettakā bhiyyoti imāhi itthīhi bhiyyopi bahū itthiyo attano itthikuttahāsabhāvādito vidhaṃsenti.

    สกฺขี หิ เม สุตํ เอตนฺติ สมฺมุขา มยา เอตํ สุตํฯ นิพฺพานคมนํ มคฺคนฺติ ลิงฺควิปลฺลาเสน วุตฺตํ, นิพฺพานคามิมโคฺคติ อโตฺถ, วิปสฺสนํ สนฺธายาหฯ ตตฺถ เม นิรโต มโนติ ตสฺมิํ วิปสฺสนามเคฺค มยฺหํ จิตฺตํ นิรตํฯ

    Sakkhī hi me sutaṃ etanti sammukhā mayā etaṃ sutaṃ. Nibbānagamanaṃ magganti liṅgavipallāsena vuttaṃ, nibbānagāmimaggoti attho, vipassanaṃ sandhāyāha. Tattha me nirato manoti tasmiṃ vipassanāmagge mayhaṃ cittaṃ nirataṃ.

    เอวเญฺจ มํ วิหรนฺตนฺติ เอวํ อนิจฺจอสุภชฺฌานภาวนาย จ วิปสฺสนาภาวนาย จ วิหรนฺตํ มํฯ ปาปิมาติ กิเลสมารํ อาลปติฯ ตถา มจฺจุ กริสฺสามิ, น เม มคฺคมฺปิ ทกฺขสีติ มยา กตํ มคฺคมฺปิ ยถา น ปสฺสสิ, ตถา มจฺจุ อนฺตํ กริสฺสามีติ โยชนาฯ

    Evañcemaṃ viharantanti evaṃ aniccaasubhajjhānabhāvanāya ca vipassanābhāvanāya ca viharantaṃ maṃ. Pāpimāti kilesamāraṃ ālapati. Tathā maccu karissāmi, na me maggampi dakkhasīti mayā kataṃ maggampi yathā na passasi, tathā maccu antaṃ karissāmīti yojanā.

    อรติญฺจาติอาทิกา ปญฺจ คาถา อตฺตโน สนฺตาเน อุปฺปเนฺน อรติอาทิเก วิโนเทเนฺตน วุตฺตาฯ ตตฺถ อรตินฺติ อธิกุสเลสุ ธเมฺมสุ ปนฺตเสนาสเนสุ จ อุกฺกณฺฐนํฯ รตินฺติ ปญฺจกามคุณรติํฯ ปหายาติ ปชหิตฺวาฯ สพฺพโส เคหสิตญฺจ วิตกฺกนฺติ, เคหนิสฺสิตํ ปุตฺตทาราทิปฎิสํยุตฺตํ ญาติวิตกฺกาทิญฺจ มิจฺฉาวิตกฺกํ อนวเสสโต ปหายฯ วนถํ น กเรยฺย กุหิญฺจีติ อชฺฌตฺติกพาหิรปฺปเภเท สพฺพสฺมิํ วตฺถุสฺมิํ ตณฺหํ น กเรยฺยํฯ นิพฺพนโถ อวนโถ ส ภิกฺขูติ โย หิ สเพฺพน สพฺพํ นิตฺตโณฺห , ตโต เอว กตฺถจิปิ นนฺทิยา อภาวโต อวนโถ, โส ภิกฺขุ นาม สํสาเร ภยสฺส สมฺมเทว อิกฺขณตาย ภินฺนกิเลสตาย จาติ อโตฺถฯ

    Aratiñcātiādikā pañca gāthā attano santāne uppanne aratiādike vinodentena vuttā. Tattha aratinti adhikusalesu dhammesu pantasenāsanesu ca ukkaṇṭhanaṃ. Ratinti pañcakāmaguṇaratiṃ. Pahāyāti pajahitvā. Sabbaso gehasitañca vitakkanti, gehanissitaṃ puttadārādipaṭisaṃyuttaṃ ñātivitakkādiñca micchāvitakkaṃ anavasesato pahāya. Vanathaṃ na kareyya kuhiñcīti ajjhattikabāhirappabhede sabbasmiṃ vatthusmiṃ taṇhaṃ na kareyyaṃ. Nibbanatho avanatho sa bhikkhūti yo hi sabbena sabbaṃ nittaṇho , tato eva katthacipi nandiyā abhāvato avanatho, so bhikkhu nāma saṃsāre bhayassa sammadeva ikkhaṇatāya bhinnakilesatāya cāti attho.

    ยมิธ ปถวิญฺจ เวหาสํ, รูปคตํ ชคโตคธํ กิญฺจีติ ยํกิญฺจิ อิธ ปถวีคตํ ภูมินิสฺสิตํ เวหาสํ เวหาสฎฺฐํ เทวโลกนิสฺสิตํ รูปคตํ รูปชาตํ รุปฺปนสภาวํ ชคโตคธํ โลกิกํ ภวตฺตยปริยาปนฺนํ สงฺขตํฯ ปริชียติ สพฺพมนิจฺจนฺติ สพฺพํ ตํ ชราภิภูตํ, ตโต เอว อนิจฺจํ ตโต เอว ทุกฺขํ อนตฺตาติ เอวํ ติลกฺขณาโรปนํ อาหฯ อยํ เถรสฺส มหาวิปสฺสนาติ วทนฺติฯ เอวํ สเมจฺจ จรนฺติ มุตตฺตาติ เอวํ สเมจฺจ อภิสเมจฺจ วิปสฺสนาปญฺญาสหิตาย มคฺคปญฺญาย ปฎิวิชฺฌิตฺวา มุตตฺตา ปริญฺญาตตฺตภาวา ปณฺฑิตา จรนฺติ วิหรนฺติฯ

    Yamidha pathaviñca vehāsaṃ, rūpagataṃ jagatogadhaṃ kiñcīti yaṃkiñci idha pathavīgataṃ bhūminissitaṃ vehāsaṃ vehāsaṭṭhaṃ devalokanissitaṃ rūpagataṃ rūpajātaṃ ruppanasabhāvaṃ jagatogadhaṃ lokikaṃ bhavattayapariyāpannaṃ saṅkhataṃ. Parijīyati sabbamaniccanti sabbaṃ taṃ jarābhibhūtaṃ, tato eva aniccaṃ tato eva dukkhaṃ anattāti evaṃ tilakkhaṇāropanaṃ āha. Ayaṃ therassa mahāvipassanāti vadanti. Evaṃ samecca caranti mutattāti evaṃ samecca abhisamecca vipassanāpaññāsahitāya maggapaññāya paṭivijjhitvā mutattā pariññātattabhāvā paṇḍitā caranti viharanti.

    อุปธีสูติ ขนฺธูปธิอาทีสุฯ ชนาติ อนฺธปุถุชฺชนาฯ คธิตาเสติ ปฎิพทฺธจิตฺตาฯ เอตฺถ หิ วิเสสโต กามคุณูปธีสุ ฉโนฺท อปเนตโพฺพติ ทเสฺสโนฺต อาห ทิฎฺฐสุเต ปฎิเฆ จ มุเต จาติฯ ทิฎฺฐสุเตติ ทิเฎฺฐ เจว สุเต จ, รูปสเทฺทสูติ อโตฺถฯ ปฎิเฆติ ฆฎฺฎนีเย โผฎฺฐเพฺพฯ มุเตติ วุตฺตาวเสเส มุเต, คนฺธรเสสูติ วุตฺตํ โหติฯ สารตฺถปกาสนิยํ (สํ. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑.๒๑๐) ‘‘ปฎิฆปเทน คนฺธรสา คหิตา, มุตปเทน โผฎฺฐพฺพารมฺมณ’’นฺติ วุตฺตํฯ เอตฺถ วิโนทย ฉนฺทมเนโชติ เอตสฺมิํ ทิฎฺฐาทิเภเท ปญฺจกามคุเณ กามจฺฉนฺทํ วิโนเทหิ, ตถา สติ สพฺพตฺถ อเนโช อวิกโปฺป ภวสิฯ โย เหตฺถ น ลิมฺปติ มุนิ ตมาหูติ โย หิ เอตฺถ กามคุเณ ตณฺหาเลเปน น ลิมฺปติ, ตํ โมเนยฺยธมฺมฎฺฐโต ‘‘มุนี’’ติ ปณฺฑิตา วทนฺติฯ ‘‘อถ สฎฺฐิสิตา’’ติ ปาฬีติ อธิปฺปาเยน เกจิ ‘‘สฎฺฐิธมฺมารมฺมณนิสฺสิตา’’ติ อตฺถํ วทนฺติฯ ‘‘อฎฺฐสฎฺฐิสิตา สวิตกฺกา’’ติ ปน ปาฬิ, อปฺปกญฺหิ อูนํ อธิกํ วา น คณนูปคํ โหตีติฯ อฎฺฐสฎฺฐิสิตาติ ทฺวาสฎฺฐิทิฎฺฐิคตสนฺนิสฺสิตา มิจฺฉาวิตกฺกาติ อโตฺถติ เกจิ วทนฺติฯ ทิฎฺฐิคติกา จ สตฺตาวาสาภาวลทฺธิํ อชฺฌูปคตาติ อธิจฺจสมุปฺปนฺนวาทํ ฐเปตฺวา อิตเรสํ วเสน ‘‘อถ สฎฺฐิสิตา สวิตกฺกา’’ติ วุตฺตํฯ ยถา หิ ตณฺหาเลปาภาเวน ภิกฺขูติ วุจฺจติ, เอวํ ทิฎฺฐิเลปาภาเวนปีติ ทเสฺสตุํ ‘‘อถ สฎฺฐิสิตา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ปุถุชฺชนตาย อธมฺมา นิวิฎฺฐาติ เต ปน มิจฺฉาวิตกฺกา นิจฺจาทิคาหวเสน อธมฺมา ธมฺมโต อเปตา ปุถุชฺชนตายํ อนฺธพาเล นิวิฎฺฐา อภินิวิฎฺฐาฯ น จ วคฺคคตสฺส กุหิญฺจีติ ยตฺถ กตฺถจิ วตฺถุสฺมิํ สสฺสตวาทาทิมิจฺฉาทิฎฺฐิวคฺคคโต, ตํลทฺธิโก น จ อสฺส ภเวยฺยฯ อฎฺฐกถายํ (สํ. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑.๒๑๐) ปน ‘‘อถ สฎฺฐิสิตา สวิตกฺกา, ปุถู ชนตาย อธมฺมา นิวิฎฺฐา’’ติ ปทํ อุทฺธริตฺวา อถ ฉ อารมฺมณนิสฺสิตา ปุถู อธมฺมวิตกฺกา ชนตาย นิวิฎฺฐาติ วุตฺตํฯ ตถา น จ วคฺคคตสฺส กุหิญฺจีติ เตสํ วเสน น กตฺถจิ กิเลสวคฺคคโต ภเวยฺยาติ จ วุตฺตํฯ โน ปน ทุฎฺฐุลฺลคาหี ส ภิกฺขูติ โย กิเลเสหิ ทูสิตตฺตา อติวิย ทุฎฺฐุลฺลตา จ ทุฎฺฐุลฺลานํ มิจฺฉาวาทานํ คณฺหนสีโล จ โน อสฺส โน ภเวยฺย, โส ภิกฺขุ นาม โหตีติฯ

    Upadhīsūti khandhūpadhiādīsu. Janāti andhaputhujjanā. Gadhitāseti paṭibaddhacittā. Ettha hi visesato kāmaguṇūpadhīsu chando apanetabboti dassento āha diṭṭhasute paṭighe ca mute cāti. Diṭṭhasuteti diṭṭhe ceva sute ca, rūpasaddesūti attho. Paṭigheti ghaṭṭanīye phoṭṭhabbe. Muteti vuttāvasese mute, gandharasesūti vuttaṃ hoti. Sāratthapakāsaniyaṃ (saṃ. ni. aṭṭha. 1.1.210) ‘‘paṭighapadena gandharasā gahitā, mutapadena phoṭṭhabbārammaṇa’’nti vuttaṃ. Ettha vinodaya chandamanejoti etasmiṃ diṭṭhādibhede pañcakāmaguṇe kāmacchandaṃ vinodehi, tathā sati sabbattha anejo avikappo bhavasi. Yo hettha na limpati muni tamāhūti yo hi ettha kāmaguṇe taṇhālepena na limpati, taṃ moneyyadhammaṭṭhato ‘‘munī’’ti paṇḍitā vadanti. ‘‘Atha saṭṭhisitā’’ti pāḷīti adhippāyena keci ‘‘saṭṭhidhammārammaṇanissitā’’ti atthaṃ vadanti. ‘‘Aṭṭhasaṭṭhisitā savitakkā’’ti pana pāḷi, appakañhi ūnaṃ adhikaṃ vā na gaṇanūpagaṃ hotīti. Aṭṭhasaṭṭhisitāti dvāsaṭṭhidiṭṭhigatasannissitā micchāvitakkāti atthoti keci vadanti. Diṭṭhigatikā ca sattāvāsābhāvaladdhiṃ ajjhūpagatāti adhiccasamuppannavādaṃ ṭhapetvā itaresaṃ vasena ‘‘atha saṭṭhisitā savitakkā’’ti vuttaṃ. Yathā hi taṇhālepābhāvena bhikkhūti vuccati, evaṃ diṭṭhilepābhāvenapīti dassetuṃ ‘‘atha saṭṭhisitā’’tiādi vuttaṃ. Puthujjanatāya adhammāniviṭṭhāti te pana micchāvitakkā niccādigāhavasena adhammā dhammato apetā puthujjanatāyaṃ andhabāle niviṭṭhā abhiniviṭṭhā. Na ca vaggagatassa kuhiñcīti yattha katthaci vatthusmiṃ sassatavādādimicchādiṭṭhivaggagato, taṃladdhiko na ca assa bhaveyya. Aṭṭhakathāyaṃ (saṃ. ni. aṭṭha. 1.1.210) pana ‘‘atha saṭṭhisitā savitakkā, puthū janatāya adhammā niviṭṭhā’’ti padaṃ uddharitvā atha cha ārammaṇanissitā puthū adhammavitakkā janatāya niviṭṭhāti vuttaṃ. Tathā na ca vaggagatassa kuhiñcīti tesaṃ vasena na katthaci kilesavaggagato bhaveyyāti ca vuttaṃ. No pana duṭṭhullagāhī sa bhikkhūti yo kilesehi dūsitattā ativiya duṭṭhullatā ca duṭṭhullānaṃ micchāvādānaṃ gaṇhanasīlo ca no assa no bhaveyya, so bhikkhu nāma hotīti.

    ทโพฺพติ ทพฺพชาติโก ปณฺฑิโตฯ จิรรตฺตสมาหิโตติ จิรกาลโต ปฎฺฐาย สมาหิโตฯ อกุหโกติ โกหญฺญรหิโต อสโฐ อมายาวีฯ นิปโกติ นิปุโณ เฉโกฯ อปิหาลูติ นิตฺตโณฺหฯ สนฺตํ ปทํ อชฺฌคมาติ, นิพฺพานํ อธิคโตฯ โมเนยฺยธมฺมสมนฺนาคตโต มุนิฯ ปรินิพฺพุโตติ อารมฺมณกรณวเสน นิพฺพานํ ปฎิจฺจ สอุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพุโตฯ กงฺขติ กาลนฺติ อิทานิ อนุปาทิเสสนิพฺพานตฺถาย กาลํ อาคเมติฯ น ตสฺส กิญฺจิ กรณียํ อตฺถิ, ยถา เอทิโส ภวิสฺสติ, ตถา อตฺตานํ สมฺปาเทตีติ อธิปฺปาโยฯ

    Dabboti dabbajātiko paṇḍito. Cirarattasamāhitoti cirakālato paṭṭhāya samāhito. Akuhakoti kohaññarahito asaṭho amāyāvī. Nipakoti nipuṇo cheko. Apihālūti nittaṇho. Santaṃ padaṃ ajjhagamāti, nibbānaṃ adhigato. Moneyyadhammasamannāgatato muni. Parinibbutoti ārammaṇakaraṇavasena nibbānaṃ paṭicca saupādisesāya nibbānadhātuyā parinibbuto. Kaṅkhati kālanti idāni anupādisesanibbānatthāya kālaṃ āgameti. Na tassa kiñci karaṇīyaṃ atthi, yathā ediso bhavissati, tathā attānaṃ sampādetīti adhippāyo.

    มานํ ปชหสฺสูติอาทโย จตโสฺส คาถา ปฎิภานสมฺปตฺติํ นิสฺสาย อตฺตโน ปวตฺตมานํ มานํ วิโนเทเนฺตน วุตฺตาฯ ตตฺถ มานํ ปชหสฺสูติ เสยฺยมานาทินววิธํ มานํ ปริจฺจชฯ โคตมาติ โคตมโคตฺตสฺส ภควโต สาวกตฺตา อตฺตานํ โคตมโคตฺตํ กตฺวา อาลปติฯ มานปถนฺติ มานสฺส ปวตฺติฎฺฐานภูตํ อโยนิโสมนสิการปริกฺขิตฺตํ ชาติอาทิํ ตปฺปฎิพทฺธกิเลสปฺปหาเนน ชหสฺสุ ปชหฯ อเสสนฺติ สพฺพเมวฯ มานปถมฺหิ ส มุจฺฉิโตติ มานวตฺถุนิมิตฺตํ มุจฺฉํ อาปโนฺนฯ วิปฺปฎิสารีหุวา จิรรตฺตนฺติ อิมสฺมิํ มานปถานุโยคกฺขเณ วีติวเตฺต ปุเพฺพว อรหตฺตํ ปาปุณิสฺส, ‘‘นโฎฺฐหมสฺมี’’ติ วิปฺปฎิสารี อหุวา อโหสิฯ

    Mānaṃ pajahassūtiādayo catasso gāthā paṭibhānasampattiṃ nissāya attano pavattamānaṃ mānaṃ vinodentena vuttā. Tattha mānaṃ pajahassūti seyyamānādinavavidhaṃ mānaṃ pariccaja. Gotamāti gotamagottassa bhagavato sāvakattā attānaṃ gotamagottaṃ katvā ālapati. Mānapathanti mānassa pavattiṭṭhānabhūtaṃ ayonisomanasikāraparikkhittaṃ jātiādiṃ tappaṭibaddhakilesappahānena jahassu pajaha. Asesanti sabbameva. Mānapathamhi sa mucchitoti mānavatthunimittaṃ mucchaṃ āpanno. Vippaṭisārīhuvā cirarattanti imasmiṃ mānapathānuyogakkhaṇe vītivatte pubbeva arahattaṃ pāpuṇissa, ‘‘naṭṭhohamasmī’’ti vippaṭisārī ahuvā ahosi.

    มเกฺขน มกฺขิตา ปชาติ สูราทินา อตฺตานํ อุกฺกํเสตฺวา ปเร วเมฺภตฺวา ปรคุณมกฺขนลกฺขเณน มเกฺขน ปิสิตตฺตา มกฺขีฯ ปุคฺคโล หิ ยถา ยถา ปเรสํ คุเณ มเกฺขติ, ตถา ตถา อตฺตโน คุเณ ปุญฺชติ นิรากโรติ นามฯ มานหตาติ มาเนน หตคุณาฯ นิรยํ ปปตนฺตีติ นิรยํ อุปปชฺชนฺติฯ

    Makkhenamakkhitā pajāti sūrādinā attānaṃ ukkaṃsetvā pare vambhetvā paraguṇamakkhanalakkhaṇena makkhena pisitattā makkhī. Puggalo hi yathā yathā paresaṃ guṇe makkheti, tathā tathā attano guṇe puñjati nirākaroti nāma. Mānahatāti mānena hataguṇā. Nirayaṃ papatantīti nirayaṃ upapajjanti.

    มคฺคชิโนติ มเคฺคน วิชิตกิเลโสฯ กิตฺติญฺจ สุขญฺจาติ วิญฺญูหิ ปสํสิตญฺจ กายิกเจตสิกสุขญฺจ อนุโภตีติ ปฎิลภติฯ ธมฺมทโสติ ตมาหุ ตถตฺตนฺติ ตํ ตถภาวํ สมฺมาปฎิปนฺนํ ยาถาวโต ธมฺมทสฺสีติ ปณฺฑิตา อาหุฯ

    Maggajinoti maggena vijitakileso. Kittiñca sukhañcāti viññūhi pasaṃsitañca kāyikacetasikasukhañca anubhotīti paṭilabhati. Dhammadasoti tamāhu tathattanti taṃ tathabhāvaṃ sammāpaṭipannaṃ yāthāvato dhammadassīti paṇḍitā āhu.

    อขิโลติ ปญฺจเจโตขิลรหิโตฯ ปธานวาติ สมฺมปฺปธานวีริยสมฺปโนฺนฯ วิสุโทฺธติ นีวรณสงฺขาตวลาหกาปคเมน วิสุทฺธมานโส ฯ อเสสนฺติ นววิธมฺปิ มานํ อคฺคมเคฺคน ปชหิตฺวาฯ วิชฺชายนฺตกโร สมิตาวีติ สพฺพโส สมิตกิเลโส ติวิธาย วิชฺชาย ปริโยสานปฺปโตฺต โหตีติ อตฺตานํ โอวทติฯ

    Akhiloti pañcacetokhilarahito. Padhānavāti sammappadhānavīriyasampanno. Visuddhoti nīvaraṇasaṅkhātavalāhakāpagamena visuddhamānaso . Asesanti navavidhampi mānaṃ aggamaggena pajahitvā. Vijjāyantakaro samitāvīti sabbaso samitakileso tividhāya vijjāya pariyosānappatto hotīti attānaṃ ovadati.

    อเถกทิวสํ อายสฺมา อานโนฺท อญฺญตเรน ราชมหามเตฺตน นิมนฺติโต ปุพฺพณฺหสมยํ ตสฺส เคหํ คนฺตฺวา ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทิ อายสฺมตา วงฺคีเสน ปจฺฉาสมเณนฯ อถ ตสฺมิํ เคเห อิตฺถิโย สพฺพาลงฺการปฎิมณฺฑิตา เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา, วนฺทิตฺวา ปญฺหํ ปุจฺฉนฺติ, ธมฺมํ สุณนฺติฯ อถายสฺมโต วงฺคีสสฺส นวปพฺพชิตสฺส อารมฺมณํ ปริคฺคเหตุํ อสโกฺกนฺตสฺส วิสภาคารมฺมเณ ราโค อุปฺปชฺชิฯ โส สโทฺธ อุชุชาติโก กุลปุโตฺต ‘‘อยํ เม ราโค วฑฺฒิตฺวา ทิฎฺฐธมฺมิกํ สมฺปรายิกมฺปิ อตฺถํ นาเสยฺยา’’ติ จิเนฺตตฺวา ยถานิสิโนฺนว เถรสฺส อตฺตโน ปวตฺติํ อาวิกโรโนฺต ‘‘กามราเคนา’’ติ คาถมาหฯ ตตฺถ ยทิปิ กิเลสรชฺชนปริฬาโห กายมฺปิ พาธติ, จิตฺตํ ปน พาเธโนฺต จิรตรํ พาเธตีติ ทเสฺสตุํ ‘‘กามราเคน ฑยฺหามี’’ติ วตฺวา ‘‘จิตฺตํ เม ปริฑยฺหตี’’ติ วุตฺตํฯ นิพฺพาปนนฺติ ราคนิพฺพาปนการณํ ราคปริฬาหสฺส นิพฺพาปนสมตฺถํ โอวาทํ กโรหีติ อโตฺถฯ

    Athekadivasaṃ āyasmā ānando aññatarena rājamahāmattena nimantito pubbaṇhasamayaṃ tassa gehaṃ gantvā paññatte āsane nisīdi āyasmatā vaṅgīsena pacchāsamaṇena. Atha tasmiṃ gehe itthiyo sabbālaṅkārapaṭimaṇḍitā theraṃ upasaṅkamitvā, vanditvā pañhaṃ pucchanti, dhammaṃ suṇanti. Athāyasmato vaṅgīsassa navapabbajitassa ārammaṇaṃ pariggahetuṃ asakkontassa visabhāgārammaṇe rāgo uppajji. So saddho ujujātiko kulaputto ‘‘ayaṃ me rāgo vaḍḍhitvā diṭṭhadhammikaṃ samparāyikampi atthaṃ nāseyyā’’ti cintetvā yathānisinnova therassa attano pavattiṃ āvikaronto ‘‘kāmarāgenā’’ti gāthamāha. Tattha yadipi kilesarajjanapariḷāho kāyampi bādhati, cittaṃ pana bādhento cirataraṃ bādhetīti dassetuṃ ‘‘kāmarāgena ḍayhāmī’’ti vatvā ‘‘cittaṃ me pariḍayhatī’’ti vuttaṃ. Nibbāpananti rāganibbāpanakāraṇaṃ rāgapariḷāhassa nibbāpanasamatthaṃ ovādaṃ karohīti attho.

    สญฺญาย วิปริเยสาติอาทิกา คาถา เตน ยาจิเตน อายสฺมตา อานเนฺทน วุตฺตาฯ วิปริเยสาติ วิปลฺลาเสน อสุเภ สุภนฺติ ปวเตฺตน วิปรีตคฺคาเหนฯ นิมิตฺตนฺติ กิเลสชนกนิมิตฺตํฯ ปริวเชฺชหีติ ปริพฺพชฯ สุภํ ราคูปสํหิตนฺติ ราควฑฺฒนารมฺมณํ สุภํ ปริวเชฺชโนฺต อสุภสญฺญาย ปริวเชฺชยฺย, สพฺพตฺถ อนภิรติสญฺญายฯ ตสฺมา ตทุภยมฺปิ ทเสฺสโนฺต ‘‘อสุภายา’’ติอาทิมาหฯ

    Saññāya vipariyesātiādikā gāthā tena yācitena āyasmatā ānandena vuttā. Vipariyesāti vipallāsena asubhe subhanti pavattena viparītaggāhena. Nimittanti kilesajanakanimittaṃ. Parivajjehīti paribbaja. Subhaṃ rāgūpasaṃhitanti rāgavaḍḍhanārammaṇaṃ subhaṃ parivajjento asubhasaññāya parivajjeyya, sabbattha anabhiratisaññāya. Tasmā tadubhayampi dassento ‘‘asubhāyā’’tiādimāha.

    ตตฺถ อสุภายาติ อสุภานุปสฺสนายฯ จิตฺตํ ภาเวหิ เอกคฺคํ สุสมาหิตนฺติ อตฺตโน จิตฺตวิเกฺขปาภาเวน เอกคฺคํ อารมฺมเณสุ สุสมาหิตํ อปฺปิตํ กตฺวา ภาเวหิ ตว อสุภานุปสฺสนํ สุกรํ อกฺขามีติฯ สติ กายคตา ตฺยตฺถูติ วุตฺตกายคตาสติภาวนา ตยา ภาวิตา พหุลีกตา โหตูติ อโตฺถฯ นิพฺพิทาพหุโล ภวาติ อตฺตภาเว สพฺพสฺมิญฺจ นิเพฺพทพหุโล โหหิฯ

    Tattha asubhāyāti asubhānupassanāya. Cittaṃ bhāvehi ekaggaṃ susamāhitanti attano cittavikkhepābhāvena ekaggaṃ ārammaṇesu susamāhitaṃ appitaṃ katvā bhāvehi tava asubhānupassanaṃ sukaraṃ akkhāmīti. Sati kāyagatā tyatthūti vuttakāyagatāsatibhāvanā tayā bhāvitā bahulīkatā hotūti attho. Nibbidābahulo bhavāti attabhāve sabbasmiñca nibbedabahulo hohi.

    อนิมิตฺตญฺจ ภาเวหีติ นิจฺจนิมิตฺตาทีนํ อุคฺฆาฎเนน วิเสสโต อนิจฺจานุปสฺสนา อนิมิตฺตา นาม, ตโต มานานุสยมุชฺชหาติ ตํ ภาเวโนฺต มคฺคปฎิปาฎิยา อคฺคมคฺคาธิคเมน มานานุสยํ สมุจฺฉินฺทฯ มานาภิสมยาติ มานสฺส ทสฺสนาภิสมยา เจว ปหานาภิสมยา จฯ อุปสโนฺตติ สพฺพโส ราคาทีนํ สนฺตตาย อุปสโนฺต จริสฺสสิ วิหริสฺสสีติ อโตฺถฯ

    Animittañca bhāvehīti niccanimittādīnaṃ ugghāṭanena visesato aniccānupassanā animittā nāma, tato mānānusayamujjahāti taṃ bhāvento maggapaṭipāṭiyā aggamaggādhigamena mānānusayaṃ samucchinda. Mānābhisamayāti mānassa dassanābhisamayā ceva pahānābhisamayā ca. Upasantoti sabbaso rāgādīnaṃ santatāya upasanto carissasi viharissasīti attho.

    ตเมว วาจนฺติอาทิกา จตโสฺส คาถา ภควตา สุภาสิตสุเตฺต (สํ. นิ. ๑.๒๑๓) เทสิเต โสมนสฺสชาเตน เถเรน ภควนฺตํ สมฺมุขา อภิตฺถวเนฺตน วุตฺตาฯ ยายตฺตานํ น ตาปเยติ ยาย วาจาย เหตุภูตาย อตฺตานํ วิปฺปฎิสาเรน น ตาเปยฺย น วิเหเฐยฺยฯ ปเร จ น วิหิํเสยฺยาติ ปเร จ ปเรหิ ภินฺทโนฺต น พาเธยฺยฯ สา เว วาจา สุภาสิตาติ สา วาจา เอกํเสน สุภาสิตา นาม, ตสฺมา ตเมว วาจํ ภาเสยฺยาติ โยชนาฯ อิมาย คาถาย อปิสุณวาจาวเสน ภควนฺตํ โถเมติฯ

    Tameva vācantiādikā catasso gāthā bhagavatā subhāsitasutte (saṃ. ni. 1.213) desite somanassajātena therena bhagavantaṃ sammukhā abhitthavantena vuttā. Yāyattānaṃ na tāpayeti yāya vācāya hetubhūtāya attānaṃ vippaṭisārena na tāpeyya na viheṭheyya. Pare ca na vihiṃseyyāti pare ca parehi bhindanto na bādheyya. Sā ve vācā subhāsitāti sā vācā ekaṃsena subhāsitā nāma, tasmā tameva vācaṃ bhāseyyāti yojanā. Imāya gāthāya apisuṇavācāvasena bhagavantaṃ thometi.

    ปฎินนฺทิตาติ ปฎิมุขภาเวน นนฺทิตา ปิยายิตา สมฺปติ อายติญฺจ สุณเนฺตหิ สมฺปฎิจฺฉิตาฯ ยํ อนาทายาติ ยํ วาจํ ภาสโนฺต ปาปานิ ปเรสํ อปฺปิยานิ อนิฎฺฐานิ ผรุสวจนานิ อนาทาย อคฺคเหตฺวา อตฺถพฺยญฺชนมธุรํ ปิยเมว ทีเปติฯ ตเมว ปิยวาจํ ภาเสยฺยาติ ปิยวาจาวเสน อภิตฺถวิฯ

    Paṭinanditāti paṭimukhabhāvena nanditā piyāyitā sampati āyatiñca suṇantehi sampaṭicchitā. Yaṃ anādāyāti yaṃ vācaṃ bhāsanto pāpāni paresaṃ appiyāni aniṭṭhāni pharusavacanāni anādāya aggahetvā atthabyañjanamadhuraṃ piyameva dīpeti. Tameva piyavācaṃ bhāseyyāti piyavācāvasena abhitthavi.

    อมตาติ สาธุภาเวน อมตสทิสาฯ วุตฺตเญฺหตํ – ‘‘สจฺจํ หเว สาธุตรํ รสาน’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๗๓)ฯ นิพฺพานามตปจฺจยตฺตา วา อมตาฯ เอส ธโมฺม สนนฺตโนติ ยา อยํ สจฺจวาจา นาม, เอส โปราโณ ธโมฺม จริยา ปเวณิฯ อิทเมว หิ โปราณานํ อาจิณฺณํ ยํ เต น อลิกํ ภาสิํสุฯ เตนาห – ‘‘สเจฺจ อเตฺถ จ ธเมฺม จ, อาหุ สโนฺต ปติฎฺฐิตา’’ติฯ ตตฺถ สเจฺจ ปติฎฺฐิตตฺตา เอว อตฺตโน จ ปเรสญฺจ อเตฺถ ปติฎฺฐิตา, อเตฺถ ปติฎฺฐิตตฺตา เอว ธเมฺม ปติฎฺฐิตา โหนฺตีติ เวทิตพฺพาฯ สจฺจวิเสสนเมว วา เอตํฯ อิทญฺหิ วุตฺตํ โหติ – สเจฺจ ปติฎฺฐิตาฯ กีทิเส? อเตฺถ จ ธเมฺม จ, ยํ ปเรสํ อตฺถโต อนเปตตฺตา อตฺถํ อนุปโรธกรํ, ธมฺมโต อนเปตตฺตา ธมฺมํ ธมฺมิกเมว อตฺถํ สาเธตีติฯ อิมาย คาถาย สจฺจวาจาวเสน อภิตฺถวิฯ เขมนฺติ อภยํ นิรุปทฺทวํฯ เกน การเณนาติ เจ? นิพฺพานปตฺติยา ทุกฺขสฺสนฺตกิริยาย, ยสฺมา กิเลสนิพฺพานํ ปาเปติ, วฎฺฎทุกฺขสฺส จ อนฺตกิริยาย สํวฎฺฎติ, ตสฺมา เขมนฺติ อโตฺถฯ อถ วา ยํ พุโทฺธ นิพฺพานปตฺติยา วา ทุกฺขสฺสนฺตกิริยาย วาติ ทฺวินฺนํ นิพฺพานธาตูนํ อตฺถาย เขมมคฺคปฺปกาสนโต เขมํ วาจํ ภาสติฯ สา เว วาจานมุตฺตมาติ สา วาจา สพฺพวาจานํ เสฎฺฐาติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ อิมาย คาถาย มนฺตาวจนวเสน ภควนฺตํ อภิตฺถวโนฺต อรหตฺตนิกูเฎน โถมนํ ปริโยสาเปติฯ

    Amatāti sādhubhāvena amatasadisā. Vuttañhetaṃ – ‘‘saccaṃ have sādhutaraṃ rasāna’’nti (saṃ. ni. 1.73). Nibbānāmatapaccayattā vā amatā. Esa dhammo sanantanoti yā ayaṃ saccavācā nāma, esa porāṇo dhammo cariyā paveṇi. Idameva hi porāṇānaṃ āciṇṇaṃ yaṃ te na alikaṃ bhāsiṃsu. Tenāha – ‘‘sacce atthe ca dhamme ca, āhu santo patiṭṭhitā’’ti. Tattha sacce patiṭṭhitattā eva attano ca paresañca atthe patiṭṭhitā, atthe patiṭṭhitattā eva dhamme patiṭṭhitā hontīti veditabbā. Saccavisesanameva vā etaṃ. Idañhi vuttaṃ hoti – sacce patiṭṭhitā. Kīdise? Atthe ca dhamme ca, yaṃ paresaṃ atthato anapetattā atthaṃ anuparodhakaraṃ, dhammato anapetattā dhammaṃ dhammikameva atthaṃ sādhetīti. Imāya gāthāya saccavācāvasena abhitthavi. Khemanti abhayaṃ nirupaddavaṃ. Kena kāraṇenāti ce? Nibbānapattiyā dukkhassantakiriyāya, yasmā kilesanibbānaṃ pāpeti, vaṭṭadukkhassa ca antakiriyāya saṃvaṭṭati, tasmā khemanti attho. Atha vā yaṃ buddho nibbānapattiyā vā dukkhassantakiriyāya vāti dvinnaṃ nibbānadhātūnaṃ atthāya khemamaggappakāsanato khemaṃ vācaṃ bhāsati. Sā ve vācānamuttamāti sā vācā sabbavācānaṃ seṭṭhāti evamettha attho daṭṭhabbo. Imāya gāthāya mantāvacanavasena bhagavantaṃ abhitthavanto arahattanikūṭena thomanaṃ pariyosāpeti.

    คมฺภีรปโญฺญติ ติโสฺส คาถา อายสฺมโต สาริปุตฺตเตฺถรสฺส ปสํสนวเสน วุตฺตาฯ ตตฺถ คมฺภีรปโญฺญติ คมฺภีเรสุ ขนฺธายตนาทีสุ ปวตฺตาย นิปุณาย ปญฺญาย สมนฺนาคตตฺตา คมฺภีรปโญฺญฯ เมธาสงฺขาตาย ธโมฺมชปญฺญาย สมนฺนาคตตฺตา เมธาวีฯ ‘‘อยํ ทุคฺคติยา มโคฺค, อยํ สุคติยา มโคฺค, อยํ นิพฺพานสฺส มโคฺค’’ติ เอวํ มเคฺค จ อมเคฺค จ โกวิทตาย มคฺคามคฺคสฺส โกวิโทฯ มหติยา สาวกปารมีญาณสฺส มตฺถกํ ปตฺตาย ปญฺญาย วเสน มหาปโญฺญธมฺมํ เทเสติ ภิกฺขุนนฺติ สมฺมเทว ปวตฺติํ นิวตฺติํ วิภาเวโนฺต ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสติฯ ตสฺสา ปน เทสนาย ปวตฺติอาการํ ทเสฺสตุํ ‘‘สํขิเตฺตนปี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ

    Gambhīrapaññoti tisso gāthā āyasmato sāriputtattherassa pasaṃsanavasena vuttā. Tattha gambhīrapaññoti gambhīresu khandhāyatanādīsu pavattāya nipuṇāya paññāya samannāgatattā gambhīrapañño. Medhāsaṅkhātāya dhammojapaññāya samannāgatattā medhāvī. ‘‘Ayaṃ duggatiyā maggo, ayaṃ sugatiyā maggo, ayaṃ nibbānassa maggo’’ti evaṃ magge ca amagge ca kovidatāya maggāmaggassa kovido. Mahatiyā sāvakapāramīñāṇassa matthakaṃ pattāya paññāya vasena mahāpañño. Dhammaṃ deseti bhikkhunanti sammadeva pavattiṃ nivattiṃ vibhāvento bhikkhūnaṃ dhammaṃ deseti. Tassā pana desanāya pavattiākāraṃ dassetuṃ ‘‘saṃkhittenapī’’tiādi vuttaṃ.

    ตตฺถ สํขิเตฺตนปีติ ‘‘จตฺตาริมานิ, อาวุโส, อริยสจฺจานิฯ กตมานิ จตฺตาริ? ทุกฺขํ อริยสจฺจํ…เป.… อิมานิ โข, อาวุโส, จตฺตาริ อริยสจฺจานิ, ตสฺมา ติหาวุโส, อิทํ ทุกฺขนฺติ โยโค กรณีโย’’ติ เอวํ สํขิเตฺตนปิ เทเสติฯ ‘‘กตมญฺจาวุโส, ทุกฺขํ อริยสจฺจํ? ชาติปิ ทุกฺขา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๓.๓๗๒-๓๗๓) นเยน ตาเนว วิภชโนฺต วิตฺถาเรนปิ ภาสติฯ ขนฺธาทิเทสนาสุปิ เอเสว นโยฯ สาลิกายิว นิโคฺฆโสติ ยถา มธุรํ อมฺพปกฺกํ สายิตฺวา ปเกฺขหิ วาตํ ทตฺวา มธุรรวํ นิจฺฉาเรนฺติยา สาลิกาย นิโคฺฆโส, เอวํ เถรสฺส ธมฺมํ กเถนฺตสฺส มธุโร นิโคฺฆโส โหติฯ ธมฺมเสนาปติสฺส หิ ปิตฺตาทีนํ วเสน อปลิพุทฺธวจนํ โหติ, อยทเณฺฑน ปหฎกํสถาลโก วิย สโทฺท นิจฺฉรติฯ ปฎิภานํ อุทิยฺยตีติ กเถตุกมฺยตาย สติ สมุทฺทโต วีจิโย วิย อุปรูปริ อนนฺตํ ปฎิภานํ อุฎฺฐหติฯ

    Tattha saṃkhittenapīti ‘‘cattārimāni, āvuso, ariyasaccāni. Katamāni cattāri? Dukkhaṃ ariyasaccaṃ…pe… imāni kho, āvuso, cattāri ariyasaccāni, tasmā tihāvuso, idaṃ dukkhanti yogo karaṇīyo’’ti evaṃ saṃkhittenapi deseti. ‘‘Katamañcāvuso, dukkhaṃ ariyasaccaṃ? Jātipi dukkhā’’tiādinā (ma. ni. 3.372-373) nayena tāneva vibhajanto vitthārenapi bhāsati. Khandhādidesanāsupi eseva nayo. Sālikāyiva nigghosoti yathā madhuraṃ ambapakkaṃ sāyitvā pakkhehi vātaṃ datvā madhuraravaṃ nicchārentiyā sālikāya nigghoso, evaṃ therassa dhammaṃ kathentassa madhuro nigghoso hoti. Dhammasenāpatissa hi pittādīnaṃ vasena apalibuddhavacanaṃ hoti, ayadaṇḍena pahaṭakaṃsathālako viya saddo niccharati. Paṭibhānaṃ udiyyatīti kathetukamyatāya sati samuddato vīciyo viya uparūpari anantaṃ paṭibhānaṃ uṭṭhahati.

    ตสฺสาติ ธมฺมเสนาปติสฺสฯ นฺติ ธมฺมํ เทเสนฺตสฺสฯ สุณนฺตีติ ยํ โน เถโร กเถติ, ตํ โน โสสฺสามาติ อาทรชาตา สุณนฺติฯ มธุรนฺติ อิฎฺฐํฯ รชนีเยนาติ กเนฺตนฯ สวนีเยนาติ กณฺณสุเขนฯ วคฺคุนาติ มเฎฺฐน มโนหเรนฯ อุทคฺคจิตฺตาติ โอทคฺยปีติยา วเสน อุทคฺคจิตฺตา อลีนจิตฺตาฯ มุทิตาติ อาโมทิตา ปาโมเชฺชน สมนฺนาคตาฯ โอเธนฺตีติ อวทหนฺติ อญฺญาย จิตฺตํ อุปฎฺฐเปนฺตา โสตํ อุปเนนฺติฯ

    Tassāti dhammasenāpatissa. Tanti dhammaṃ desentassa. Suṇantīti yaṃ no thero katheti, taṃ no sossāmāti ādarajātā suṇanti. Madhuranti iṭṭhaṃ. Rajanīyenāti kantena. Savanīyenāti kaṇṇasukhena. Vaggunāti maṭṭhena manoharena. Udaggacittāti odagyapītiyā vasena udaggacittā alīnacittā. Muditāti āmoditā pāmojjena samannāgatā. Odhentīti avadahanti aññāya cittaṃ upaṭṭhapentā sotaṃ upanenti.

    อชฺช ปนฺนรเสติอาทิกา จตโสฺส คาถา ปวารณาสุตฺตนฺตเทสนาย (สํ. นิ. ๑.๒๑๕) สตฺถารํ มหาภิกฺขุสงฺฆปริวุตํ นิสินฺนํ ทิสฺวา โถเมเนฺตน วุตฺตาฯ ตตฺถ ปนฺนรเสติ ยสฺมิญฺหิ สมเย ภควา ปุพฺพาราเม นิสีทโนฺต สายนฺหสมเย สมฺปตฺตปริสาย กาลยุตฺตํ สมยยุตฺตํ ธมฺมํ เทเสตฺวา, อุทกโกฎฺฐเก คตฺตานิ ปริสิญฺจิตฺวา, วตฺถนิวสโน เอกํสํ สุคตมหาจีวรํ กตฺวา, มิคารมาตุปาสาเท มชฺฌิมถมฺภํ นิสฺสาย ปญฺญตฺตวรพุทฺธาสเน นิสีทิตฺวา, สมนฺตโต นิสินฺนํ ภิกฺขุสงฺฆํ อนุวิโลเกตฺวา ตทหุโปสเถ ปวารณาทิวเส นิสิโนฺน โหติ, อิมสฺมิํ ปนฺนรสีอุโปสเถติ อโตฺถฯ วิสุทฺธิยาติ วิสุทฺธตฺถาย วิสุทฺธิปวารณายฯ ภิกฺขู ปญฺจสตา สมาคตาติ , ปญฺจสตมตฺตา ภิกฺขู สตฺถารํ ปริวาเรตฺวา นิสชฺชวเสน เจว อชฺฌาสยวเสน จ สมาคตาฯ เต จ สํโยชนพนฺธนจฺฉิทาติ สํโยชนสงฺขาเต สนฺตานสฺส พนฺธนภูเต กิเลเส ฉินฺทิตฺวา ฐิตาฯ ตโต เอว อนีฆา ขีณปุนพฺภวา อิสีติ กิเลสทุกฺขาภาเวน นิทุกฺขา ขีณปุนพฺภวา, อเสกฺขานํ สีลกฺขนฺธาทีนํ เอสิตภาเวน อิสีติฯ

    Ajjapannarasetiādikā catasso gāthā pavāraṇāsuttantadesanāya (saṃ. ni. 1.215) satthāraṃ mahābhikkhusaṅghaparivutaṃ nisinnaṃ disvā thomentena vuttā. Tattha pannaraseti yasmiñhi samaye bhagavā pubbārāme nisīdanto sāyanhasamaye sampattaparisāya kālayuttaṃ samayayuttaṃ dhammaṃ desetvā, udakakoṭṭhake gattāni parisiñcitvā, vatthanivasano ekaṃsaṃ sugatamahācīvaraṃ katvā, migāramātupāsāde majjhimathambhaṃ nissāya paññattavarabuddhāsane nisīditvā, samantato nisinnaṃ bhikkhusaṅghaṃ anuviloketvā tadahuposathe pavāraṇādivase nisinno hoti, imasmiṃ pannarasīuposatheti attho. Visuddhiyāti visuddhatthāya visuddhipavāraṇāya. Bhikkhū pañcasatā samāgatāti , pañcasatamattā bhikkhū satthāraṃ parivāretvā nisajjavasena ceva ajjhāsayavasena ca samāgatā. Te ca saṃyojanabandhanacchidāti saṃyojanasaṅkhāte santānassa bandhanabhūte kilese chinditvā ṭhitā. Tato eva anīghā khīṇapunabbhavā isīti kilesadukkhābhāvena nidukkhā khīṇapunabbhavā, asekkhānaṃ sīlakkhandhādīnaṃ esitabhāvena isīti.

    วิชิตสงฺคามนฺติ วิชิตกิเลสสงฺคามตฺตา วิชิตมารพลตฺตา วิชิตสงฺคามํฯ สตฺถวาหนฺติ อฎฺฐงฺคิเก อริยมคฺครเถ อาโรเปตฺวา เวเนยฺยสเตฺต วาเหติ สํสารกนฺตารโต อุตฺตาเรตีติ ภควา สตฺถวาโหฯ เตนาห พฺรหฺมา สหมฺปติ ‘‘อุเฎฺฐหิ, วีร, วิชิตสงฺคาม, สตฺถวาหา’’ติ (มหาว. ๘; ม. นิ. ๑.๒๘๒), ตํ สตฺถวาหํ อนุตฺตรํ สตฺถารํ สาวกา ปยิรุปาสนฺติฯ เตวิชฺชา มจฺจุหายิโนติ เอวรูเปหิ สาวเกหิ ปริวาริโต จกฺกวตฺติ วิย ราชา อมจฺจปริวาริโต ชนปทจาริกวเสน สมนฺตา อนุปริเยตีติ โยชนาฯ

    Vijitasaṅgāmanti vijitakilesasaṅgāmattā vijitamārabalattā vijitasaṅgāmaṃ. Satthavāhanti aṭṭhaṅgike ariyamaggarathe āropetvā veneyyasatte vāheti saṃsārakantārato uttāretīti bhagavā satthavāho. Tenāha brahmā sahampati ‘‘uṭṭhehi, vīra, vijitasaṅgāma, satthavāhā’’ti (mahāva. 8; ma. ni. 1.282), taṃ satthavāhaṃ anuttaraṃ satthāraṃ sāvakā payirupāsanti. Tevijjā maccuhāyinoti evarūpehi sāvakehi parivārito cakkavatti viya rājā amaccaparivārito janapadacārikavasena samantā anupariyetīti yojanā.

    ปลาโปติ ตุโจฺฉ อโนฺตสารรหิโต, สีลรหิโตติ อโตฺถฯ วเนฺท อาทิจฺจพนฺธุนนฺติ อาทิจฺจพนฺธุํ สตฺถารํ ทสพลํ วนฺทามีติ วทติฯ

    Palāpoti tuccho antosārarahito, sīlarahitoti attho. Vande ādiccabandhunanti ādiccabandhuṃ satthāraṃ dasabalaṃ vandāmīti vadati.

    ปโรสหสฺสนฺติอาทิกา จตโสฺส คาถา นิพฺพานปฎิสํยุตฺตาย ธมฺมิยา กถาย ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสนฺตํ ภควนฺตํ โถเมเนฺตน วุตฺตาฯ ตตฺถ ปโรสหสฺสนฺติ อติเรกสหสฺสํ, อฑฺฒเตฬสานิ ภิกฺขุสหสฺสานิ สนฺธาย วุตฺตํฯ อกุโตภยนฺติ นิพฺพาเน กุโตจิปิ ภยํ นตฺถิฯ นิพฺพานํ ปตฺตสฺส จ กุโตจิปิ ภยํ นตฺถีติ นิพฺพานํ อกุโตภยํ นามฯ

    Parosahassantiādikā catasso gāthā nibbānapaṭisaṃyuttāya dhammiyā kathāya bhikkhūnaṃ dhammaṃ desentaṃ bhagavantaṃ thomentena vuttā. Tattha parosahassanti atirekasahassaṃ, aḍḍhateḷasāni bhikkhusahassāni sandhāya vuttaṃ. Akutobhayanti nibbāne kutocipi bhayaṃ natthi. Nibbānaṃ pattassa ca kutocipi bhayaṃ natthīti nibbānaṃ akutobhayaṃ nāma.

    ‘‘อาคุํ น กโรตี’’ติอาทินา (สุ. นิ. ๕๒๗) วุตฺตการเณหิ ภควา นาโคติ วุจฺจตีติ นาคนาโมสิ ภควาติฯ อิสีนํ อิสิสตฺตโมติ สาวกปเจฺจกพุทฺธอิสีนํ อุตฺตโม อิสิ, วิปสฺสีสมฺมาสมฺพุทฺธโต ปฎฺฐาย อิสีนํ วา สตฺตมโก อิสิฯ มหาเมโฆวาติ จาตุทฺทีปิกมหาเมโฆ วิย หุตฺวาฯ

    ‘‘Āguṃ na karotī’’tiādinā (su. ni. 527) vuttakāraṇehi bhagavā nāgoti vuccatīti nāganāmosi bhagavāti. Isīnaṃ isisattamoti sāvakapaccekabuddhaisīnaṃ uttamo isi, vipassīsammāsambuddhato paṭṭhāya isīnaṃ vā sattamako isi. Mahāmeghovāti cātuddīpikamahāmegho viya hutvā.

    ทิวา วิหาราติ ปฎิสลฺลานฎฺฐานโตฯ สาวโก เต, มหาวีร, ปาเท วนฺทติ วงฺคีโสติ อิทํ เถโร อรหตฺตํ ปตฺวา อตฺตโน วิเสสาธิคมํ ปกาเสโนฺต วทติฯ

    Divā vihārāti paṭisallānaṭṭhānato. Sāvako te, mahāvīra, pāde vandati vaṅgīsoti idaṃ thero arahattaṃ patvā attano visesādhigamaṃ pakāsento vadati.

    อุมฺมคฺคปถนฺติอาทิกา จตโสฺส คาถา ภควตา ‘‘กิํ นุ เต, วงฺคีส, อิมา คาถาโย ปุเพฺพ ปริวิตกฺกิตา, อุทาหุ ฐานโส เจตา ปฎิภนฺตี’’ติ ปุจฺฉิเตน ฐานโส ปฎิภนฺตีติ ทเสฺสเนฺตน วุตฺตาฯ กสฺมา ปเนวํ ตํ ภควา อโวจ? สงฺฆมเชฺฌ กิร กถา อุทปาทิ – ‘‘วงฺคีสเตฺถโร วิสฺสฎฺฐคโนฺถ เนว อุเทฺทเสน, น ปริปุจฺฉาย, น โยนิโสมนสิกาเรน กมฺมํ กโรติฯ คาถํ พนฺธโนฺต วณฺณปทานิ กโรโนฺต วิจรตี’’ติฯ อถ ภควา ‘‘อิเม ภิกฺขู วงฺคีสสฺส ปฎิภานสมฺปตฺติํ น ชานนฺติ, อหมสฺส ปฎิภานสมฺปตฺติํ ชานาเปสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา ‘‘กิํ นุ โข, วงฺคีสา’’ติอาทินา ปุจฺฉติฯ อุมฺมคฺคปถนฺติ อเนกานิ กิเลสุปฺปชฺชนปถานิฯ วฎฺฎปฺปสุตปถตาย หิ ปถนฺติ วุตฺตํฯ ปภิชฺช ขีลานีติ ราคาทิขีลานิ ปญฺจ ภินฺทิตฺวา จรสิฯ ตํ ปสฺสถาติ เอวํ อภิภุยฺย จ ฉินฺทิตฺวา จ จรนฺตํ พุทฺธํ ปสฺสถฯ พนฺธปมุญฺจกรนฺติ พนฺธนโมจนกรํฯ อสิตนฺติ อนิสฺสิตํฯ ภาคโส ปฎิภชฺชาติ สติปฎฺฐานาทิโกฎฺฐาสโต ธมฺมํ ปฎิภชฺชนียํ กตฺวาฯ ปวิภชฺชาติปิ ปาโฐฯ อุเทฺทสาทิโกฎฺฐาสโต ปกาเรน วิภชิตฺวา วิภชิตฺวา ธมฺมํ เทเสตีติ อโตฺถฯ

    Ummaggapathantiādikā catasso gāthā bhagavatā ‘‘kiṃ nu te, vaṅgīsa, imā gāthāyo pubbe parivitakkitā, udāhu ṭhānaso cetā paṭibhantī’’ti pucchitena ṭhānaso paṭibhantīti dassentena vuttā. Kasmā panevaṃ taṃ bhagavā avoca? Saṅghamajjhe kira kathā udapādi – ‘‘vaṅgīsatthero vissaṭṭhagantho neva uddesena, na paripucchāya, na yonisomanasikārena kammaṃ karoti. Gāthaṃ bandhanto vaṇṇapadāni karonto vicaratī’’ti. Atha bhagavā ‘‘ime bhikkhū vaṅgīsassa paṭibhānasampattiṃ na jānanti, ahamassa paṭibhānasampattiṃ jānāpessāmī’’ti cintetvā ‘‘kiṃ nu kho, vaṅgīsā’’tiādinā pucchati. Ummaggapathanti anekāni kilesuppajjanapathāni. Vaṭṭappasutapathatāya hi pathanti vuttaṃ. Pabhijja khīlānīti rāgādikhīlāni pañca bhinditvā carasi. Taṃ passathāti evaṃ abhibhuyya ca chinditvā ca carantaṃ buddhaṃ passatha. Bandhapamuñcakaranti bandhanamocanakaraṃ. Asitanti anissitaṃ. Bhāgaso paṭibhajjāti satipaṭṭhānādikoṭṭhāsato dhammaṃ paṭibhajjanīyaṃ katvā. Pavibhajjātipi pāṭho. Uddesādikoṭṭhāsato pakārena vibhajitvā vibhajitvā dhammaṃ desetīti attho.

    โอฆสฺสาติ กามาทิจตุโรฆสฺสฯ อเนกวิหิตนฺติ สติปฎฺฐานาทิวเสน อเนกวิธํ อฎฺฐติํสาย วา กมฺมฎฺฐานานํ วเสน อเนกปฺปการํ อมตาวหํ มคฺคํ อกฺขาสิ อภาสิฯ ตสฺมิญฺจ อมเต อกฺขาเตติ ตสฺมิํ เตน อกฺขาเต อมเต อมตาวเหฯ ธมฺมทสาติ ธมฺมสฺส ปสฺสิตาโรฯ ฐิตา อสํหีราติ เกนจิ อสํหาริยา หุตฺวา ปติฎฺฐิตาฯ อติวิชฺฌาติ อติวิชฺฌิตฺวาฯ สพฺพฎฺฐิตีนนฺติ สเพฺพสํ ทิฎฺฐิฎฺฐานานํ วิญฺญาณฎฺฐิตีนํ วาฯ อติกฺกมมทฺทสาติ อติกฺกมภูตํ นิพฺพานํ อทฺทสฯ อคฺคนฺติ อุตฺตมํ ธมฺมํฯ อเคฺคติ วา ปาโฐ, ปฐมตรนฺติ อโตฺถฯ ทสทฺธานนฺติ ปญฺจวคฺคิยานํ อคฺคํ ธมฺมํ, อเคฺค วา อาทิโต เทสยีติ อโตฺถฯ

    Oghassāti kāmādicaturoghassa. Anekavihitanti satipaṭṭhānādivasena anekavidhaṃ aṭṭhatiṃsāya vā kammaṭṭhānānaṃ vasena anekappakāraṃ amatāvahaṃ maggaṃ akkhāsi abhāsi. Tasmiñca amate akkhāteti tasmiṃ tena akkhāte amate amatāvahe. Dhammadasāti dhammassa passitāro. Ṭhitā asaṃhīrāti kenaci asaṃhāriyā hutvā patiṭṭhitā. Ativijjhāti ativijjhitvā. Sabbaṭṭhitīnanti sabbesaṃ diṭṭhiṭṭhānānaṃ viññāṇaṭṭhitīnaṃ vā. Atikkamamaddasāti atikkamabhūtaṃ nibbānaṃ addasa. Agganti uttamaṃ dhammaṃ. Aggeti vā pāṭho, paṭhamataranti attho. Dasaddhānanti pañcavaggiyānaṃ aggaṃ dhammaṃ, agge vā ādito desayīti attho.

    ตสฺมาติ ยสฺมา ‘‘เอส ธโมฺม สุเทสิโต’’ติ ชานเนฺตน ปมาโท น กาตโพฺพ, ตสฺมา อนุสิเกฺขติ ติโสฺส สิกฺขา วิปสฺสนาปฎิปาฎิยา มคฺคปฎิปาฎิยา จ สิเกฺขยฺยฯ

    Tasmāti yasmā ‘‘esa dhammo sudesito’’ti jānantena pamādo na kātabbo, tasmā anusikkheti tisso sikkhā vipassanāpaṭipāṭiyā maggapaṭipāṭiyā ca sikkheyya.

    พุทฺธานุพุโทฺธติอาทิกา ติโสฺส คาถา อายสฺมโต อญฺญาตโกณฺฑญฺญเตฺถรสฺส โถมนวเสน วุตฺตาฯ ตตฺถ พุทฺธานุพุโทฺธติ พุทฺธานํ อนุพุโทฺธ ฯ พุทฺธา หิ ปฐมํ จตฺตาริ สจฺจานิ พุชฺฌิํสุ, ปจฺฉา เถโร สพฺพปฐมํ, ตสฺมา พุทฺธานุพุโทฺธติฯ ถิเรหิ สีลกฺขนฺธาทีหิ สมนฺนาคตตฺตา เถโร, อกุปฺปธโมฺมติ อโตฺถฯ ติพฺพนิกฺกโมติ ทฬฺหวีริโยฯ สุขวิหารานนฺติ ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารานํฯ วิเวกานนฺติ ติณฺณมฺปิ วิเวกานํฯ สพฺพสฺส ตนฺติ ยํ สพฺพสาวเกน ปตฺตพฺพํ, อสฺส อเนน ตํ อนุปฺปตฺตํฯ อปฺปมตฺตสฺส สิกฺขโตติ อปฺปมเตฺตน หุตฺวา สิกฺขเนฺตนฯ

    Buddhānubuddhotiādikā tisso gāthā āyasmato aññātakoṇḍaññattherassa thomanavasena vuttā. Tattha buddhānubuddhoti buddhānaṃ anubuddho . Buddhā hi paṭhamaṃ cattāri saccāni bujjhiṃsu, pacchā thero sabbapaṭhamaṃ, tasmā buddhānubuddhoti. Thirehi sīlakkhandhādīhi samannāgatattā thero, akuppadhammoti attho. Tibbanikkamoti daḷhavīriyo. Sukhavihārānanti diṭṭhadhammasukhavihārānaṃ. Vivekānanti tiṇṇampi vivekānaṃ. Sabbassa tanti yaṃ sabbasāvakena pattabbaṃ, assa anena taṃ anuppattaṃ. Appamattassa sikkhatoti appamattena hutvā sikkhantena.

    เตวิโชฺช เจโตปริยโกวิโทติ ฉสุ อภิญฺญาสุ จตโสฺส วทติ, อิตรา เทฺว ยทิปิ น วุตฺตา, เถโร ปน ฉฬภิโญฺญวฯ ยสฺมา เถรํ หิมวเนฺต ฉทฺทนฺตทหโต อาคนฺตฺวา ภควติ ปรมนิปจฺจการํ ทเสฺสตฺวา, วนฺทนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานเสน ภควโต สมฺมุขา เถรํ อภิตฺถวเนฺตน อิมา คาถา วุตฺตา, ตสฺมา ‘‘โกณฺฑโญฺญ พุทฺธทายาโท, ปาเท วนฺทติ สตฺถุโน’’ติ วุตฺตํฯ

    Tevijjocetopariyakovidoti chasu abhiññāsu catasso vadati, itarā dve yadipi na vuttā, thero pana chaḷabhiññova. Yasmā theraṃ himavante chaddantadahato āgantvā bhagavati paramanipaccakāraṃ dassetvā, vandantaṃ disvā pasannamānasena bhagavato sammukhā theraṃ abhitthavantena imā gāthā vuttā, tasmā ‘‘koṇḍañño buddhadāyādo, pāde vandati satthuno’’ti vuttaṃ.

    นคสฺส ปเสฺสติอาทิกา ติโสฺส คาถา ปญฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธิํ สเพฺพเหว อรหเนฺตหิ ภควติ กาฬสิลายํ วิหรเนฺต อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เตสํ ภิกฺขูนํ จิตฺตํ สมเนฺวสโนฺต อรหตฺตผลวิมุตฺติํ ปสฺสิตฺถฯ ตํ ทิสฺวา อายสฺมา วงฺคีโส ภควนฺตํ เถเร จ อภิตฺถวโนฺต อภาสิฯ ตตฺถ นคสฺส ปเสฺสติ อิสิคิลิปพฺพตสฺส ปเสฺส กาฬสิลายํฯ อาสีนนฺติ นิสินฺนํฯ

    Nagassa passetiādikā tisso gāthā pañcahi bhikkhusatehi saddhiṃ sabbeheva arahantehi bhagavati kāḷasilāyaṃ viharante āyasmā mahāmoggallāno tesaṃ bhikkhūnaṃ cittaṃ samanvesanto arahattaphalavimuttiṃ passittha. Taṃ disvā āyasmā vaṅgīso bhagavantaṃ there ca abhitthavanto abhāsi. Tattha nagassa passeti isigilipabbatassa passe kāḷasilāyaṃ. Āsīnanti nisinnaṃ.

    เจตสาติ อตฺตโน เจโตปริยญาเณนฯ จิตฺตํ เนสํ สมเนฺวสนฺติ เตสํ ขีณาสวภิกฺขูนํ จิตฺตํ สมเนฺวสโนฺตฯ อนุปริเยตีติ อนุกฺกเมน ปริจฺฉินฺทติฯ

    Cetasāti attano cetopariyañāṇena. Cittaṃ nesaṃ samanvesanti tesaṃ khīṇāsavabhikkhūnaṃ cittaṃ samanvesanto. Anupariyetīti anukkamena paricchindati.

    เอวํ สพฺพงฺคสมฺปนฺนํ ‘‘มุนิํ ทุกฺขสฺส ปารคุ’’นฺติ วุตฺตาย สตฺถุสมฺปตฺติยา เจว ‘‘เตวิชฺชา มจฺจุหายิโน’’ติ วุตฺตาย สาวกสมฺปตฺติยา จาติ สเพฺพหิ อเงฺคหิ สมฺปนฺนํ สมนฺนาคตํฯ มุนินฺติ หิ อิมินา ปเทน โมนสงฺขาเตน ญาเณน สตฺถุ อนวเสสเญยฺยาวโพโธ วุโตฺตติ อนาวรณญาเณน ทสพลญาณาทีนํ สงฺคโห กโต โหติ, เตนสฺส ญาณสมฺปทํ ทเสฺสติฯ ทุกฺขสฺส ปารคุนฺติ อิมินา ปหานสมฺปทํฯ ตทุภเยน จ สตฺถุ อานุภาวสมฺปทาทโย ทสฺสิตา โหนฺติฯ เตวิชฺชา มจฺจุหายิโนติ อิมินา สาวกานํ ญาณสมฺปตฺติทีปเนน จ นิพฺพานธาตุยา อธิคมทีปเนน จ ปททฺวเยน สตฺถุสาวกสมฺปตฺติ ทสฺสิตา โหติฯ ตถา หิ ยถาวุตฺตมตฺถํ ปากฎตรํ กาตุํ ‘‘มุนิํ ทุกฺขสฺส ปารคุํฯ อเนกาการสมฺปนฺนํ, ปยิรุปาสนฺติ โคตม’’นฺติ วุตฺตํฯ ตตฺถ อเนกาการสมฺปนฺนนฺติ อเนเกหิ อากาเรหิ สมฺปนฺนํ, อเนกาการคุณสมนฺนาคตนฺติ อโตฺถฯ

    Evaṃ sabbaṅgasampannaṃ ‘‘muniṃ dukkhassa pāragu’’nti vuttāya satthusampattiyā ceva ‘‘tevijjā maccuhāyino’’ti vuttāya sāvakasampattiyā cāti sabbehi aṅgehi sampannaṃ samannāgataṃ. Muninti hi iminā padena monasaṅkhātena ñāṇena satthu anavasesañeyyāvabodho vuttoti anāvaraṇañāṇena dasabalañāṇādīnaṃ saṅgaho kato hoti, tenassa ñāṇasampadaṃ dasseti. Dukkhassa pāragunti iminā pahānasampadaṃ. Tadubhayena ca satthu ānubhāvasampadādayo dassitā honti. Tevijjā maccuhāyinoti iminā sāvakānaṃ ñāṇasampattidīpanena ca nibbānadhātuyā adhigamadīpanena ca padadvayena satthusāvakasampatti dassitā hoti. Tathā hi yathāvuttamatthaṃ pākaṭataraṃ kātuṃ ‘‘muniṃ dukkhassa pāraguṃ. Anekākārasampannaṃ, payirupāsanti gotama’’nti vuttaṃ. Tattha anekākārasampannanti anekehi ākārehi sampannaṃ, anekākāraguṇasamannāgatanti attho.

    จโนฺท ยถาติ คาถา ภควนฺตํ จมฺปานคเร คคฺคราย โปกฺขรณิยา ตีเร มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน อเนเกหิ จ เทวนาคสหเสฺสหิ ปริวุตํ อตฺตโน วเณฺณน จ ยสสา จ วิโรจมานํ ทิสฺวา โสมนสฺสชาเตน อภิตฺถวเนฺตน วุตฺตาฯ ตตฺถ จโนฺท ยถา วิคตวลาหเก นเภติ ยถา สรทสมเย อปคตวลาหเก วลาหกสทิเสน อเญฺญน จ มหิกาทินา อุปกฺกิเลเสน วิมุเตฺต อากาเส ปุณฺณจโนฺท วิโรจติ, วีตมโลว ภาณุมาติ เตเนว วลาหกาทิอุปกฺกิเลสวิคเมน วิคตมโล ภาณุมา สูริโย ยถา วิโรจติฯ เอวมฺปิ, องฺคีรส, ตฺวนฺติ เอวํ อเงฺคหิ นิจฺฉรณชุตีหิ ชุติมนฺต ตฺวมฺปิ มหามุนิ ภควา, อติโรจสิ อตฺตโน ยสสา สเทวกํ โลกํ อติกฺกมิตฺวา วิโรจสีติฯ

    Candoyathāti gāthā bhagavantaṃ campānagare gaggarāya pokkharaṇiyā tīre mahatā bhikkhusaṅghena anekehi ca devanāgasahassehi parivutaṃ attano vaṇṇena ca yasasā ca virocamānaṃ disvā somanassajātena abhitthavantena vuttā. Tattha cando yathā vigatavalāhake nabheti yathā saradasamaye apagatavalāhake valāhakasadisena aññena ca mahikādinā upakkilesena vimutte ākāse puṇṇacando virocati, vītamalova bhāṇumāti teneva valāhakādiupakkilesavigamena vigatamalo bhāṇumā sūriyo yathā virocati. Evampi, aṅgīrasa, tvanti evaṃ aṅgehi niccharaṇajutīhi jutimanta tvampi mahāmuni bhagavā, atirocasi attano yasasā sadevakaṃ lokaṃ atikkamitvā virocasīti.

    กาเวยฺยมตฺตาติอาทิกา ทส คาถา อรหตฺตํ ปตฺวา อตฺตโน ปฎิปตฺติํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา สตฺถุ อตฺตโน จ คุเณ วิภาเวเนฺตน วุตฺตาฯ ตตฺถ กาเวยฺยมตฺตาติ กาเวเยฺยน กพฺพกรเณน มตฺตา มานิตา สมฺภาวิตา คุโณทยํ อาปนฺนาฯ อทฺทสามาติ อทฺทสิมฺหาฯ

    Kāveyyamattātiādikā dasa gāthā arahattaṃ patvā attano paṭipattiṃ paccavekkhitvā satthu attano ca guṇe vibhāventena vuttā. Tattha kāveyyamattāti kāveyyena kabbakaraṇena mattā mānitā sambhāvitā guṇodayaṃ āpannā. Addasāmāti addasimhā.

    อทฺธา โน อุทปชฺชถาติ รตนตฺตยํ อทฺธา อมฺหากํ อุปการตฺถาย อุปฺปชฺชิฯ

    Addhā no udapajjathāti ratanattayaṃ addhā amhākaṃ upakāratthāya uppajji.

    วจนนฺติ สจฺจปฎิสํยุตฺตํ ธมฺมกถํฯ ขเนฺธ อายตนานิ จ ธาตุโย จาติ ปญฺจกฺขเนฺธ ทฺวาทสายตนานิ, อฎฺฐารส ธาตุโย จฯ อิมสฺมิํ ฐาเน ขนฺธาทิกถา วตฺตพฺพาฯ สา วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๒.๔๒๑ อาทโย) วิตฺถาริตา เอวาติ ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพาฯ วิทิตฺวานาติ รูปาทิวิภาคาทิโต อนิจฺจตาทิโต จ ปุพฺพภาคญาเณน ชานิตฺวาฯ

    Vacananti saccapaṭisaṃyuttaṃ dhammakathaṃ. Khandhe āyatanāni ca dhātuyo cāti pañcakkhandhe dvādasāyatanāni, aṭṭhārasa dhātuyo ca. Imasmiṃ ṭhāne khandhādikathā vattabbā. Sā visuddhimagge (visuddhi. 2.421 ādayo) vitthāritā evāti tattha vuttanayeneva veditabbā. Viditvānāti rūpādivibhāgādito aniccatādito ca pubbabhāgañāṇena jānitvā.

    เย เต สาสนการกาติ เย เต สตฺตา ตถาคตานํ สาสนการกา, เตสํ พหูนํ อตฺถาย วต อุปฺปชฺชนฺติ ตถาคตาฯ

    Ye te sāsanakārakāti ye te sattā tathāgatānaṃ sāsanakārakā, tesaṃ bahūnaṃ atthāya vata uppajjanti tathāgatā.

    เย นิยามคตทฺทสาติ นิยาโม เอว นิยามคตํ, เย ภิกฺขู ภิกฺขุนิโย จ สมฺมตฺตนิยามํ อทฺทสํสุ อธิคจฺฉิํสุฯ เตสํ อตฺถาย วต โพธิํ สมฺมาสโมฺพธิํ อชฺฌคมา, มุนิ ภควาติ โยชนาฯ

    Yeniyāmagataddasāti niyāmo eva niyāmagataṃ, ye bhikkhū bhikkhuniyo ca sammattaniyāmaṃ addasaṃsu adhigacchiṃsu. Tesaṃ atthāya vata bodhiṃ sammāsambodhiṃ ajjhagamā, muni bhagavāti yojanā.

    สุเทสิตาติ เวเนยฺยชฺฌาสยานุรูปํ สเงฺขปโต วิตฺถารโต จ สุฎฺฐุ เทสิตาฯ จกฺขุมตาติ ปญฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมตาฯ อตฺตหิตกาเมหิ อรณียานิ กรณียานิ อริยภาวกรานิ, อริยสฺส วา ภควโต สจฺจานีติ อริยสจฺจานิฯ ทุกฺขนฺติอาทิ เตสํ อริยสจฺจานํ สรูปทสฺสนํ ฯ อิมสฺมิํ ฐาเน อริยสจฺจกถา วตฺตพฺพา, สา สพฺพาการโต วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๒.๕๒๙ อาทโย) วิตฺถาริตาติ ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพาฯ เอวเมเต ตถาติ เอเต ทุกฺขาทโย อริยสจฺจธมฺมา เอวํ ทุกฺขาทิปฺปกาเรน ตถา อวิตถา อนญฺญถาฯ วุตฺตา ทิฎฺฐา เม เต ยถา ตถาติ ยถา สตฺถารา วุตฺตา, ตถา มยา ทิฎฺฐา, อริยมคฺคญาเณน ปฎิวิทฺธตฺตา เอวํ เตสํฯ สทโตฺถ เม อนุปฺปโตฺต อรหตฺตํ มยา สจฺฉิกตํฯ ตโต จ กตํ พุทฺธสฺส ภควโต สาสนํ โอวาทานุสิฎฺฐิยํ อนุปติโฎฺฐฯ

    Sudesitāti veneyyajjhāsayānurūpaṃ saṅkhepato vitthārato ca suṭṭhu desitā. Cakkhumatāti pañcahi cakkhūhi cakkhumatā. Attahitakāmehi araṇīyāni karaṇīyāni ariyabhāvakarāni, ariyassa vā bhagavato saccānīti ariyasaccāni. Dukkhantiādi tesaṃ ariyasaccānaṃ sarūpadassanaṃ . Imasmiṃ ṭhāne ariyasaccakathā vattabbā, sā sabbākārato visuddhimagge (visuddhi. 2.529 ādayo) vitthāritāti tattha vuttanayeneva veditabbā. Evamete tathāti ete dukkhādayo ariyasaccadhammā evaṃ dukkhādippakārena tathā avitathā anaññathā. Vuttā diṭṭhā me te yathā tathāti yathā satthārā vuttā, tathā mayā diṭṭhā, ariyamaggañāṇena paṭividdhattā evaṃ tesaṃ. Sadattho me anuppatto arahattaṃ mayā sacchikataṃ. Tato ca kataṃ buddhassa bhagavato sāsanaṃ ovādānusiṭṭhiyaṃ anupatiṭṭho.

    สฺวาคตํ วต เม อาสีติ สุอาคมนํ วต เม อโหสิฯ มม พุทฺธสฺส สนฺติเกติ มม สมฺพุทฺธสฺส ภควโต สนฺติเก สมีเปฯ

    Svāgataṃ vata me āsīti suāgamanaṃ vata me ahosi. Mama buddhassa santiketi mama sambuddhassa bhagavato santike samīpe.

    อภิญฺญาปารมิปฺปโตฺตติ ฉนฺนมฺปิ อภิญฺญานํ ปารมิํ, อุกฺกํสํ อธิคโตฯ อิมินา หิ ปเทน วุตฺตเมวตฺถํ วิวริตุํ ‘‘โสตธาตุ วิโสธิตา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ

    Abhiññāpāramippattoti channampi abhiññānaṃ pāramiṃ, ukkaṃsaṃ adhigato. Iminā hi padena vuttamevatthaṃ vivarituṃ ‘‘sotadhātu visodhitā’’tiādi vuttaṃ.

    ปุจฺฉามิ สตฺถารนฺติอาทิกา ทฺวาทส คาถา อตฺตโน อุปชฺฌายสฺส ปรินิพฺพุตภาวํ ปุจฺฉเนฺตน วุตฺตาฯ อายสฺมโต นิโคฺรธกปฺปเตฺถรสฺส หิ ปรินิพฺพานกาเล อายสฺมา วงฺคีโส อสมฺมุขา อโหสิฯ ทิฎฺฐปุพฺพญฺจ เตน ตสฺส หตฺถกุกฺกุจฺจาทิ, ปุพฺพวาสนาวเสน หิ ตาทิสญฺจ อายสฺมโต ปิลินฺทวจฺฉสฺส วสลวาเทน สมุทาจาโร วิย ขีณาสวานมฺปิ โหติเยวฯ เตน ‘‘ปรินิพฺพุโต นุ โข เม อุปชฺฌาโย, อุทาหุ โน’’ติ อุปฺปนฺนปริวิตโกฺก สตฺถารํ ปุจฺฉิฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อุปชฺฌายสฺส ปรินิพฺพุตภาวํ ปุจฺฉเนฺตน วุตฺตา’’ติฯ ตตฺถ สตฺถารนฺติ ทิฎฺฐธมฺมิกาทีหิ เวเนยฺยานํ อนุสาสกํฯ อโนมปญฺญนฺติ โอมํ วุจฺจติ ปริตฺตํ ลามกํฯ น โอมปญฺญํ อโนมปญฺญํ, มหาปญฺญนฺติ อโตฺถฯ ทิเฎฺฐว ธเมฺมติ ปจฺจกฺขเมว, อิมสฺมิํเยว อตฺตภาเวติ อโตฺถฯ วิจิกิจฺฉานนฺติ สํสยานํ เอวรูปานํ วา ปริวิตกฺกานํ เฉตฺตาฯ อคฺคาฬเวติ อคฺคาฬวเจติยสงฺขาเต วิหาเรฯ ญาโตติ ปากโฎฯ ยสสฺสีติ ลาภสกฺการสมฺปโนฺนฯ อภินิพฺพุตโตฺตติ อุปสนฺตสภาโว อปริฑยฺหมานจิโตฺตฯ

    Pucchāmi satthārantiādikā dvādasa gāthā attano upajjhāyassa parinibbutabhāvaṃ pucchantena vuttā. Āyasmato nigrodhakappattherassa hi parinibbānakāle āyasmā vaṅgīso asammukhā ahosi. Diṭṭhapubbañca tena tassa hatthakukkuccādi, pubbavāsanāvasena hi tādisañca āyasmato pilindavacchassa vasalavādena samudācāro viya khīṇāsavānampi hotiyeva. Tena ‘‘parinibbuto nu kho me upajjhāyo, udāhu no’’ti uppannaparivitakko satthāraṃ pucchi. Tena vuttaṃ – ‘‘upajjhāyassa parinibbutabhāvaṃ pucchantena vuttā’’ti. Tattha satthāranti diṭṭhadhammikādīhi veneyyānaṃ anusāsakaṃ. Anomapaññanti omaṃ vuccati parittaṃ lāmakaṃ. Na omapaññaṃ anomapaññaṃ, mahāpaññanti attho. Diṭṭheva dhammeti paccakkhameva, imasmiṃyeva attabhāveti attho. Vicikicchānanti saṃsayānaṃ evarūpānaṃ vā parivitakkānaṃ chettā. Aggāḷaveti aggāḷavacetiyasaṅkhāte vihāre. Ñātoti pākaṭo. Yasassīti lābhasakkārasampanno. Abhinibbutattoti upasantasabhāvo apariḍayhamānacitto.

    ตยา กตนฺติ ตาทิเส ฉายาสมฺปเนฺน นิโคฺรธรุกฺขมูเล นิสินฺนตฺตา ‘‘นิโคฺรธกโปฺป’’ติ ตยา กตํ นามํฯ อิติ โส ยถา อตฺตนา อุปลกฺขิตํ ตถา วทติฯ ภควา ปน น นิสินฺนตฺตา เอว ตํ ตถา อาลปติ, อปิ จ โข ตตฺถ อรหตฺตํ ปตฺตตฺตาปิฯ พฺราหฺมณสฺสาติ ชาติํ สนฺธาย วทติฯ โส กิร พฺราหฺมณมหาสาลกุลา ปพฺพชิโตฯ นมสฺสํ อจรินฺติ นมสฺสมาโน วิหาสิํฯ มุตฺยเปโขติ นิพฺพาเน ปติฎฺฐิโตฯ

    Tayā katanti tādise chāyāsampanne nigrodharukkhamūle nisinnattā ‘‘nigrodhakappo’’ti tayā kataṃ nāmaṃ. Iti so yathā attanā upalakkhitaṃ tathā vadati. Bhagavā pana na nisinnattā eva taṃ tathā ālapati, api ca kho tattha arahattaṃ pattattāpi. Brāhmaṇassāti jātiṃ sandhāya vadati. So kira brāhmaṇamahāsālakulā pabbajito. Namassaṃ acarinti namassamāno vihāsiṃ. Mutyapekhoti nibbāne patiṭṭhito.

    ทฬฺหธมฺมทสฺสีติ ภควนฺตํ อาลปติฯ ทฬฺหธมฺมญฺหิ นิพฺพานํ อภิชฺชนเฎฺฐน, ตญฺจ ภควา ปสฺสิ ทเสฺสสิ จฯ

    Daḷhadhammadassīti bhagavantaṃ ālapati. Daḷhadhammañhi nibbānaṃ abhijjanaṭṭhena, tañca bhagavā passi dassesi ca.

    สกฺกาติปิ ภควนฺตเมว กุลนาเมน อาลปติฯ มยมฺปิ สเพฺพติ, นิรวเสสปริสํ สงฺคณฺหิตฺวา อตฺตานํ ทเสฺสโนฺต วทติฯ สมนฺตจกฺขูติปิ ภควนฺตเมว สพฺพญฺญุตญฺญาเณน อาลปติฯ สมวฎฺฐิตาติ สมฺมา อวฎฺฐิตา, อาโภคํ กตฺวา ฐิตาฯ โนติ อมฺหากํฯ สวนายาติ อิมสฺส ปญฺหสฺส เวยฺยากรณํ สวนตฺถายฯ โสตาติ โสตธาตุยาฯ ตุวํ โน สตฺถา ตฺวมนุตฺตโรสีติ ถุติวจนวเสน วทติฯ

    Sakkātipi bhagavantameva kulanāmena ālapati. Mayampi sabbeti, niravasesaparisaṃ saṅgaṇhitvā attānaṃ dassento vadati. Samantacakkhūtipi bhagavantameva sabbaññutaññāṇena ālapati. Samavaṭṭhitāti sammā avaṭṭhitā, ābhogaṃ katvā ṭhitā. Noti amhākaṃ. Savanāyāti imassa pañhassa veyyākaraṇaṃ savanatthāya. Sotāti sotadhātuyā. Tuvaṃ no satthā tvamanuttarosīti thutivacanavasena vadati.

    ฉินฺท โน วิจิกิจฺฉนฺติ วิจิกิจฺฉาปฎิรูปกํ ตํ ปริวิตกฺกํ สนฺธายาหฯ อกุสลวิจิกิจฺฉาย ปน เถโร นิพฺพิจิกิโจฺฉวฯ พฺรูหิ เมตนฺติ พฺรูหิ เม เอตํฯ ยํ มยา ยาจิโตสิ ‘‘ตํ สาวกํ, สกฺก, มยมฺปิ สเพฺพ อญฺญาตุมิจฺฉามา’’ติ ยาจิโตว, ตํ พฺราหฺมณํ ปรินิพฺพุตํ เวทย ภูริปญฺญฯ มเชฺฌว โน ภาสา’’ติ ปรินิพฺพุตํ ชานิตฺวา มหาปญฺญ ภควา มเชฺฌว อมฺหากํ สเพฺพสํ ภาส, ยถา สเพฺพ มยํ ชาเนยฺยามฯ สโกฺกว เทวาน สหสฺสเนโตฺตติ , อิทํ ปน ถุติวจนเมวฯ อปิเจตฺถ อยมธิปฺปาโย – ยถา สโกฺก สหสฺสเนโตฺต เทวานํ มเชฺฌ เตหิ สกฺกจฺจํ สมฺปฎิจฺฉิตวจนํ ภาสติ, เอวํ อมฺหากํ มเชฺฌ อเมฺหหิ สมฺปฎิจฺฉิตวจนํ ภาสาติฯ

    Chinda no vicikicchanti vicikicchāpaṭirūpakaṃ taṃ parivitakkaṃ sandhāyāha. Akusalavicikicchāya pana thero nibbicikicchova. Brūhi metanti brūhi me etaṃ. Yaṃ mayā yācitosi ‘‘taṃ sāvakaṃ, sakka, mayampi sabbe aññātumicchāmā’’ti yācitova, taṃ brāhmaṇaṃ parinibbutaṃ vedaya bhūripañña. Majjheva no bhāsā’’ti parinibbutaṃ jānitvā mahāpañña bhagavā majjheva amhākaṃ sabbesaṃ bhāsa, yathā sabbe mayaṃ jāneyyāma. Sakkova devāna sahassanettoti , idaṃ pana thutivacanameva. Apicettha ayamadhippāyo – yathā sakko sahassanetto devānaṃ majjhe tehi sakkaccaṃ sampaṭicchitavacanaṃ bhāsati, evaṃ amhākaṃ majjhe amhehi sampaṭicchitavacanaṃ bhāsāti.

    เย เกจีติ อิมมฺปิ คาถํ ภควนฺตํ ถุนโนฺต วตฺตุกามตํ ชเนตุํ ภณติฯ ตสฺสโตฺถ – เย เกจิ อภิชฺฌาทโย คนฺถา, เตสํ อปฺปหาเน สติ โมหวิจิกิจฺฉานํ ปหานาภาวโต โมหมคฺคาติ จ, อญฺญาณปกฺขาติ จ, วิจิกิจฺฉฐานาติ จ วุจฺจนฺติฯ สเพฺพ เต ตถาคตํ ปตฺวา ตถาคตสฺส เทสนาพเลน วิทฺธํสิตา ภวนฺติ, นสฺสนฺติฯ กิํการณนฺติ? จกฺขุญฺหิ เอตํ ปรมํ นรานํ, ยสฺมา ตถาคโต สพฺพคนฺถวิธมเนน ปญฺญาจกฺขุชนนโต นรานํ ปรมํ จกฺขุนฺติ วุตฺตํ โหติฯ

    Ye kecīti imampi gāthaṃ bhagavantaṃ thunanto vattukāmataṃ janetuṃ bhaṇati. Tassattho – ye keci abhijjhādayo ganthā, tesaṃ appahāne sati mohavicikicchānaṃ pahānābhāvato mohamaggāti ca, aññāṇapakkhāti ca, vicikicchaṭhānāti ca vuccanti. Sabbe te tathāgataṃ patvā tathāgatassa desanābalena viddhaṃsitā bhavanti, nassanti. Kiṃkāraṇanti? Cakkhuñhi etaṃ paramaṃ narānaṃ, yasmā tathāgato sabbaganthavidhamanena paññācakkhujananato narānaṃ paramaṃ cakkhunti vuttaṃ hoti.

    โน เจ หิ ชาตูติ อิมมฺปิ คาถํ ถุนโนฺต เอว วตฺตุกามตํ ชเนโนฺต ภณติฯ ตตฺถ ชาตูติ เอกํสวจนํฯ ปุริโสติ ภควนฺตํ สนฺธายาหฯ โชติมโนฺตติ ปญฺญาโชติสมฺปนฺนา สาริปุตฺตาทโยฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยทิ ภควา ปุรตฺถิมาทิเภโท วาโต วิย อพฺภฆนํ เทสนาเวเคน กิเลเส วิหเนยฺย, ตโต ยถา อพฺภฆนนิวุโต โลโก ตโมว โหติ เอกนฺธกาโร, เอวํ สโพฺพปิ โลโก อญฺญาณนิวุโต ตโมว สิยาฯ เย จาปิ อิเม อิทานิ โชติมโนฺต ขายนฺติ สาริปุตฺตาทโย, เตปิ น ภาเสยฺยุํ, น ทีเปยฺยุนฺติฯ

    No ce hi jātūti imampi gāthaṃ thunanto eva vattukāmataṃ janento bhaṇati. Tattha jātūti ekaṃsavacanaṃ. Purisoti bhagavantaṃ sandhāyāha. Jotimantoti paññājotisampannā sāriputtādayo. Idaṃ vuttaṃ hoti – yadi bhagavā puratthimādibhedo vāto viya abbhaghanaṃ desanāvegena kilese vihaneyya, tato yathā abbhaghananivuto loko tamova hoti ekandhakāro, evaṃ sabbopi loko aññāṇanivuto tamova siyā. Ye cāpi ime idāni jotimanto khāyanti sāriputtādayo, tepi na bhāseyyuṃ, na dīpeyyunti.

    ธีรา จาติ อิมมฺปิ คาถํ ปุริมนเยเนวาหฯ ตสฺสโตฺถ – ธีรา จ ปณฺฑิตปุริสา, ปโชฺชตกรา ภวนฺติ ปญฺญาปโชฺชตํ อุปฺปาเทนฺติฯ ตํ ตสฺมา อหํ ตํ วีร ปธานวีริยสมนฺนาคต ภควา, ตเถว มเญฺญ ธีโร ปโชฺชตกโรเตฺวว มญฺญามิฯ มยมฺปิ วิปสฺสินํ สพฺพธเมฺม ยถาภูตํ ปสฺสนฺตํ ภควนฺตํ ชานนฺตา เอว อุปาคมิมฺหาฯ ตสฺมา ‘‘ปริสาสุ โน อาวิกโรหิ กปฺปํ ปรินิพฺพุโตว ยถา นิโคฺรธกปฺปํ อาวิกโรหิ ปกาเสหี’’ติฯ

    Dhīrā cāti imampi gāthaṃ purimanayenevāha. Tassattho – dhīrā ca paṇḍitapurisā, pajjotakarā bhavanti paññāpajjotaṃ uppādenti. Taṃ tasmā ahaṃ taṃ vīra padhānavīriyasamannāgata bhagavā, tatheva maññe dhīro pajjotakarotveva maññāmi. Mayampi vipassinaṃ sabbadhamme yathābhūtaṃ passantaṃ bhagavantaṃ jānantā eva upāgamimhā. Tasmā ‘‘parisāsu no āvikarohi kappaṃ parinibbutova yathā nigrodhakappaṃ āvikarohi pakāsehī’’ti.

    ขิปฺปนฺติ อิมมฺปิ คาถํ ปุริมนเยเนว อาหฯ ตสฺสโตฺถ – ภควา ขิปฺปํ คิรํ เอรย วคฺคุ วคฺคุํ อจิรายมาโน วาจํ ภาส วคฺคุ มโนหรํฯ หํโสว ยถา สุวณฺณหํโส โคจรํ ปริคฺคณฺหโนฺต ชาตสฺสรวนสณฺฑํ ทิสฺวา คีวํ ปคฺคยฺห ปเกฺข อุทฺธุนิตฺวา หฎฺฐตุโฎฺฐ สณิกํ อตรมาโน วคฺคุํ นิกูชติ คิรํ นิจฺฉาเรติ, เอวเมวํ ตฺวํ สณิกํ นิกูช อิมินา มหาปุริสลกฺขณญฺญตเรน พินฺทุสฺสเรน สุฎฺฐุ วิกปฺปิเตน อภิสงฺขเตน, เอเต มยํ สเพฺพ อุชุคตา อวิกฺขิตฺตมานสา หุตฺวา ตว นิกูชํ สุโณมาติฯ

    Khippanti imampi gāthaṃ purimanayeneva āha. Tassattho – bhagavā khippaṃ giraṃ eraya vaggu vagguṃ acirāyamāno vācaṃ bhāsa vaggu manoharaṃ. Haṃsova yathā suvaṇṇahaṃso gocaraṃ pariggaṇhanto jātassaravanasaṇḍaṃ disvā gīvaṃ paggayha pakkhe uddhunitvā haṭṭhatuṭṭho saṇikaṃ ataramāno vagguṃ nikūjati giraṃ nicchāreti, evamevaṃ tvaṃ saṇikaṃ nikūja iminā mahāpurisalakkhaṇaññatarena bindussarena suṭṭhu vikappitena abhisaṅkhatena, ete mayaṃ sabbe ujugatā avikkhittamānasā hutvā tava nikūjaṃ suṇomāti.

    ปหีนชาติมรณนฺติ , อิทมฺปิ ปุริมนเยเนว อาหฯ ตตฺถ น สิสฺสตีติ อเสโส, ตํ อเสสํ, โสตาปนฺนาทโย วิย กิญฺจิ อเสเสตฺวา ปหีนชาติมรณนฺติ วุตฺตํ โหติฯ นิคฺคยฺหาติ นิพนฺธิตฺวา, โธนนฺติ ธุตสพฺพปาปํฯ วเทสฺสามีติ กถาเปสฺสามิ ธมฺมํฯ น กามกาโร โหหิ ปุถุชฺชนานนฺติ ปุถุชฺชนเสกฺขาทีนํ ติวิธานํ ชนานํ กามกาโร นตฺถิ, เต ยํ อิจฺฉนฺติ ญาตุํ วา วตฺตุํ วา, ตํ น สโกฺกนฺติฯ สเงฺขยฺยกาโร จ ตถาคตานนฺติ ตถาคตานํ ปน วีมํสกาโร ปญฺญาปุพฺพงฺคมกิริยา, เต ยํ อิจฺฉนฺติ ญาตุํ วา วตฺตุํ วา, ตํ สโกฺกนฺติเยวาติ อธิปฺปาโยฯ

    Pahīnajātimaraṇanti , idampi purimanayeneva āha. Tattha na sissatīti aseso, taṃ asesaṃ, sotāpannādayo viya kiñci asesetvā pahīnajātimaraṇanti vuttaṃ hoti. Niggayhāti nibandhitvā, dhonanti dhutasabbapāpaṃ. Vadessāmīti kathāpessāmi dhammaṃ. Na kāmakāro hohi puthujjanānanti puthujjanasekkhādīnaṃ tividhānaṃ janānaṃ kāmakāro natthi, te yaṃ icchanti ñātuṃ vā vattuṃ vā, taṃ na sakkonti. Saṅkheyyakāro ca tathāgatānanti tathāgatānaṃ pana vīmaṃsakāro paññāpubbaṅgamakiriyā, te yaṃ icchanti ñātuṃ vā vattuṃ vā, taṃ sakkontiyevāti adhippāyo.

    อิทานิ ตํ สเงฺขยฺยการํ ปกาเสโนฺต ‘‘สมฺปนฺนเวยฺยากรณ’’นฺติ คาถมาหฯ ตสฺสโตฺถ – ตถา หิ ตว ภควา อิทํ สมุชฺชุปญฺญสฺส สพฺพตฺถ อปฺปฎิหตภาเวน อุชุคตปญฺญสฺส สมฺมเทว วุตฺตํ ปวตฺติตํ สมฺปนฺนเวยฺยากรณํ ‘‘สนฺตติมหามโตฺต สตฺตตาลมตฺตํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสติ, สุปฺปพุโทฺธ สโกฺก สตฺตเม ทิวเส ปถวิํ ปวิสิสฺสตี’’ติ เอวมาทิํ สมุคฺคหิตํ สมฺมเทว อุคฺคหิตํ อวิปรีตํ ทิฎฺฐํ, ปุน สุฎฺฐุตรํ อญฺชลิํ ปณาเมตฺวา อาหฯ อยมญฺชลิ ปจฺฉิโม สุปฺปณามิโตติ อยํ อปโรปิ อญฺชลิ สุฎฺฐุตรํ ปณามิโตฯ มา โมหยี ชานนฺติ มา โน อวจเนน โมหยิ, ชานโนฺต ตสฺส คติํฯ อโนมปญฺญาติ ภควนฺตํ อาลปติฯ

    Idāni taṃ saṅkheyyakāraṃ pakāsento ‘‘sampannaveyyākaraṇa’’nti gāthamāha. Tassattho – tathā hi tava bhagavā idaṃ samujjupaññassa sabbattha appaṭihatabhāvena ujugatapaññassa sammadeva vuttaṃ pavattitaṃ sampannaveyyākaraṇaṃ ‘‘santatimahāmatto sattatālamattaṃ abbhuggantvā parinibbāyissati, suppabuddho sakko sattame divase pathaviṃ pavisissatī’’ti evamādiṃ samuggahitaṃ sammadeva uggahitaṃ aviparītaṃ diṭṭhaṃ, puna suṭṭhutaraṃ añjaliṃ paṇāmetvā āha. Ayamañjali pacchimo suppaṇāmitoti ayaṃ aparopi añjali suṭṭhutaraṃ paṇāmito. Mā mohayī jānanti mā no avacanena mohayi, jānanto tassa gatiṃ. Anomapaññāti bhagavantaṃ ālapati.

    ปโรปรนฺติ อิมํ ปน คาถํ อปเรนปิ ปริยาเยน อโมหนเมว ยาจโนฺต อาหฯ ตตฺถ ปโรปรนฺติ โลกุตฺตรโลกิยวเสน สุนฺทราสุนฺทรํ ทูเร สนฺติเก วาฯ อริยธมฺมนฺติ จตุสจฺจธมฺมํฯ วิทิตฺวาติ ปฎิวิชฺฌิตฺวาฯ ชานนฺติ สพฺพํ เญยฺยธมฺมํ ชานโนฺตฯ วาจาภิกงฺขามีติ ยถา ฆมฺมนิ ฆมฺมกาเล อุณฺหาภิตโตฺต ปุริโส กิลโนฺต ตสิโต วาริํ, เอวํ เต วาจํ อภิกงฺขามิฯ สุตํ ปวสฺสาติ สุตสงฺขาตํ สทฺทายตนํ ปวสฺส ปคฺฆร มุญฺจ ปวตฺตฯ ‘‘สุตสฺส วสฺสา’’ติปิ ปาฬิฯ วุตฺตปการสฺส สทฺทายตนสฺส วุฎฺฐิํ วสฺสาติ อโตฺถฯ

    Paroparanti imaṃ pana gāthaṃ aparenapi pariyāyena amohanameva yācanto āha. Tattha paroparanti lokuttaralokiyavasena sundarāsundaraṃ dūre santike vā. Ariyadhammanti catusaccadhammaṃ. Viditvāti paṭivijjhitvā. Jānanti sabbaṃ ñeyyadhammaṃ jānanto. Vācābhikaṅkhāmīti yathā ghammani ghammakāle uṇhābhitatto puriso kilanto tasito vāriṃ, evaṃ te vācaṃ abhikaṅkhāmi. Sutaṃ pavassāti sutasaṅkhātaṃ saddāyatanaṃ pavassa pagghara muñca pavatta. ‘‘Sutassa vassā’’tipi pāḷi. Vuttapakārassa saddāyatanassa vuṭṭhiṃ vassāti attho.

    อิทานิ ยาทิสํ วาจํ อภิกงฺขติ, ตํ ปกาเสโนฺต ‘‘ยทตฺถิก’’นฺติ คาถมาหฯ ตตฺถ กปฺปายโนติ กปฺปเมว ปูชาวเสน วทติฯ ยถา วิมุโตฺตติ ‘‘กิํ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ยถา อเสโกฺข, อุทาหุ สอุปาทิเสสาย ยถา เสโกฺข’’ติ วา ปุจฺฉติฯ เสสเมตฺถ ปากฎเมวฯ

    Idāni yādisaṃ vācaṃ abhikaṅkhati, taṃ pakāsento ‘‘yadatthika’’nti gāthamāha. Tattha kappāyanoti kappameva pūjāvasena vadati. Yathā vimuttoti ‘‘kiṃ anupādisesāya nibbānadhātuyā yathā asekkho, udāhu saupādisesāya yathā sekkho’’ti vā pucchati. Sesamettha pākaṭameva.

    เอวํ ทฺวาทสหิ คาถาหิ ยาจิโต ภควา ตํ วิยากโรโนฺต ‘‘อเจฺฉจฺฉี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อเจฺฉจฺฉิ ตณฺหํ อิธ นามรูเป (อิติ ภควา) กณฺหสฺส โสตํ ทีฆรตฺตานุสยิตนฺติ อิมสฺมิํ นามรูเป กามตณฺหาทิเภทา ตณฺหา ทีฆรตฺตํ อปฺปหีนเฎฺฐน อนุสยิตา กณฺหนามกสฺส มารสฺส โสตนฺติปิ วุจฺจติฯ ตํ กณฺหสฺส โสตมุตํ ทีฆรตฺตานุสยิตํ อิธ นามรูเป ตณฺหํ กปฺปายโน ฉินฺทิฯ อิติ ภควาติ อิทํ ปน สงฺคีติการานํ วจนํฯ อตาริ ชาติํ มรณํ อเสสนฺติ โส ตํ ตณฺหํ เฉตฺวา อเสสํ ชาติมรณํ อตริ อนุปาทิเสสาย ปรินิพฺพายีติ ทเสฺสติ, อิจฺจพฺรวิ ภควา ปญฺจเสโฎฺฐติ อายสฺมตา วงฺคีเสน ปุโฎฺฐ ภควา เอวํ อโวจ ปญฺจหิ สทฺธาทีหิ อินฺทฺริเยหิ อนญฺญสาธารเณหิ จกฺขูหิ วา เสโฎฺฐฯ อถ วา ปญฺจเสโฎฺฐติ ปญฺจหิ สีลาทีหิ ธมฺมกฺขเนฺธหิ, ปญฺจหิ วา เหตุสมฺปทาทีหิ เสโฎฺฐ อุตฺตโม ปวโรติ สงฺคีติการานเมวิทมฺปิ วจนํฯ

    Evaṃ dvādasahi gāthāhi yācito bhagavā taṃ viyākaronto ‘‘acchecchī’’tiādimāha. Tattha acchecchi taṇhaṃ idha nāmarūpe (iti bhagavā) kaṇhassa sotaṃ dīgharattānusayitanti imasmiṃ nāmarūpe kāmataṇhādibhedā taṇhā dīgharattaṃ appahīnaṭṭhena anusayitā kaṇhanāmakassa mārassa sotantipi vuccati. Taṃ kaṇhassa sotamutaṃ dīgharattānusayitaṃ idha nāmarūpe taṇhaṃ kappāyano chindi. Iti bhagavāti idaṃ pana saṅgītikārānaṃ vacanaṃ. Atāri jātiṃ maraṇaṃ asesanti so taṃ taṇhaṃ chetvā asesaṃ jātimaraṇaṃ atari anupādisesāya parinibbāyīti dasseti, iccabravi bhagavā pañcaseṭṭhoti āyasmatā vaṅgīsena puṭṭho bhagavā evaṃ avoca pañcahi saddhādīhi indriyehi anaññasādhāraṇehi cakkhūhi vā seṭṭho. Atha vā pañcaseṭṭhoti pañcahi sīlādīhi dhammakkhandhehi, pañcahi vā hetusampadādīhi seṭṭho uttamo pavaroti saṅgītikārānamevidampi vacanaṃ.

    เอวํ วุเตฺต ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทมานโส อายสฺมา วงฺคีโส ‘‘เอส สุตฺวา’’ติอาทิกา คาถาโย อาหฯ ตตฺถ ปฐมคาถายํ น มํ วเญฺจสีติ ยสฺมา ปรินิพฺพุโต, ตสฺมา ตสฺส ปรินิพฺพุตภาวํ อิจฺฉนฺตํ มํ น วเญฺจสิ, น วิสํวาเทสีติ อโตฺถฯ เสสํ ปากฎเมวฯ

    Evaṃ vutte bhagavato bhāsitaṃ abhinandamānaso āyasmā vaṅgīso ‘‘esa sutvā’’tiādikā gāthāyo āha. Tattha paṭhamagāthāyaṃ na maṃ vañcesīti yasmā parinibbuto, tasmā tassa parinibbutabhāvaṃ icchantaṃ maṃ na vañcesi, na visaṃvādesīti attho. Sesaṃ pākaṭameva.

    ทุติยคาถายํ ยสฺมา มุตฺยเปโข วิหาสิ, ตสฺมา ตํ สนฺธายาห ‘‘ยถา วาที ตถา การี, อหุ พุทฺธสฺส สาวโก’’ติฯ มจฺจุโน ชาลํ ตต’’นฺติ เตภูมกวเฎฺฎ วิตฺถตํ มารสฺส ตณฺหาชาลํฯ มายาวิโนติ พหุมายสฺสฯ ‘‘ตถา มายาวิโน’’ติปิ เกจิ ปฐนฺติ, เตสํ โย อเนกาหิ มายาหิ อเนกกฺขตฺตุํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิฯ ตสฺส ตถา มายาวิโนติ อธิปฺปาโยฯ

    Dutiyagāthāyaṃ yasmā mutyapekho vihāsi, tasmā taṃ sandhāyāha ‘‘yathā vādī tathā kārī, ahu buddhassa sāvako’’ti. Maccuno jālaṃ tata’’nti tebhūmakavaṭṭe vitthataṃ mārassa taṇhājālaṃ. Māyāvinoti bahumāyassa. ‘‘Tathā māyāvino’’tipi keci paṭhanti, tesaṃ yo anekāhi māyāhi anekakkhattuṃ bhagavantaṃ upasaṅkami. Tassa tathā māyāvinoti adhippāyo.

    ตติยคาถาย อาทินฺติ มูลการณํฯ อุปาทานสฺสาติ วฎฺฎสฺสฯ วฎฺฎํ ทเฬฺหหิ กมฺมกิเลเสหิ อุปาทาตพฺพเฎฺฐน ‘‘อุปาทาน’’นฺติ วุตฺตํฯ ตสฺส อุปาทานสฺส อาทิํ อวิชฺชาตณฺหาทิเภทํ การณํ ญาณจกฺขุนา อทฺทสฯ กโปฺป กปฺปิโยติ เอวํ วตฺตุํ วฎฺฎติ ภควาติ อธิปฺปาเยน วทติฯ อจฺจคา วตาติ อติกฺกโนฺต วตฯ มจฺจุเธยฺยนฺติ มจฺจุ เอตฺถ ธิยฺยตีติ มจฺจุเธยฺยํ, เตภูมกวฎฺฎํ สุทุตฺตรํ อจฺจคา วตาติ เวทชาโต วทติฯ

    Tatiyagāthāya ādinti mūlakāraṇaṃ. Upādānassāti vaṭṭassa. Vaṭṭaṃ daḷhehi kammakilesehi upādātabbaṭṭhena ‘‘upādāna’’nti vuttaṃ. Tassa upādānassa ādiṃ avijjātaṇhādibhedaṃ kāraṇaṃ ñāṇacakkhunā addasa. Kappo kappiyoti evaṃ vattuṃ vaṭṭati bhagavāti adhippāyena vadati. Accagā vatāti atikkanto vata. Maccudheyyanti maccu ettha dhiyyatīti maccudheyyaṃ, tebhūmakavaṭṭaṃ suduttaraṃ accagā vatāti vedajāto vadati.

    อิทานิ สตฺถริ อตฺตโน อุปชฺฌาเย จ ปสนฺนมานโส ปสนฺนาการํ วิภาเวโนฺต ‘‘ตํ เทวเทว’’นฺติ โอสานคาถมาหฯ ตตฺถ ตํ เทวเทวํ วนฺทามีติ สมฺมุติเทโว, อุปปตฺติเทโว, วิสุทฺธิเทโวติ เตสํ สเพฺพสมฺปิ เทวานํ อุตฺตมเทวตาย เทวเทวํ ทฺวิปทุตฺตม ภควา ตํ วนฺทามิฯ น เกวลํ ตํเยว, อถ โข ตว สจฺจาภิสโมฺพธิยา อนุธมฺมชาตตฺตา อนุชาตํ, มารวิชเยน มหาวีริยตาย มหาวีรํ, อาคุอกรณาทิอเตฺถน นาคํ ตว อุเร วายามชนิตชาติตาย โอรสํ ปุตฺตํ นิโคฺรธกปฺปญฺจ วนฺทามิฯ

    Idāni satthari attano upajjhāye ca pasannamānaso pasannākāraṃ vibhāvento ‘‘taṃ devadeva’’nti osānagāthamāha. Tattha taṃ devadevaṃ vandāmīti sammutidevo, upapattidevo, visuddhidevoti tesaṃ sabbesampi devānaṃ uttamadevatāya devadevaṃ dvipaduttama bhagavā taṃ vandāmi. Na kevalaṃ taṃyeva, atha kho tava saccābhisambodhiyā anudhammajātattā anujātaṃ, māravijayena mahāvīriyatāya mahāvīraṃ, āguakaraṇādiatthena nāgaṃ tava ure vāyāmajanitajātitāya orasaṃ puttaṃ nigrodhakappañca vandāmi.

    เอวเมเต สุภูติอาทโย วงฺคีสปริโยสานา ทฺวิสตํ จตุสฎฺฐิ จ มหาเถรา อิธ ปาฬิยํ อารูฬฺหา, เต สเพฺพ ยถา สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สาวกภาเวน เอกวิธาฯ ตถา อเสกฺขภาเวน, อุกฺขิตฺตปลิฆตาย สํกิณฺณปริกฺขตาย, อพฺพุเฬฺหสิกตาย, นิรคฺคฬตาย, ปนฺนทฺธชตาย, ปนฺนภารตาย, วิสํยุตฺตตาย, ทสสุ อริยวาเสสุ วุฎฺฐวาสตาย จฯ ตถา หิ เต ปญฺจงฺควิปฺปหีนา, ฉฬงฺคสมนฺนาคตา, เอการกฺขา, จตุราปเสฺสนา, ปนุณฺณปเจฺจกสจฺจา, สมวยสเฎฺฐสนา, อนาวิลสงฺกปฺปา, ปสฺสทฺธกายสงฺขารา, สุวิมุตฺตจิตฺตา, สุวิมุตฺตปญฺญา จ (อ. นิ. ๑๐.๑๙)ฯ อิติ เอวมาทินา นเยน เอกวิธาฯ

    Evamete subhūtiādayo vaṅgīsapariyosānā dvisataṃ catusaṭṭhi ca mahātherā idha pāḷiyaṃ ārūḷhā, te sabbe yathā sammāsambuddhassa sāvakabhāvena ekavidhā. Tathā asekkhabhāvena, ukkhittapalighatāya saṃkiṇṇaparikkhatāya, abbuḷhesikatāya, niraggaḷatāya, pannaddhajatāya, pannabhāratāya, visaṃyuttatāya, dasasu ariyavāsesu vuṭṭhavāsatāya ca. Tathā hi te pañcaṅgavippahīnā, chaḷaṅgasamannāgatā, ekārakkhā, caturāpassenā, panuṇṇapaccekasaccā, samavayasaṭṭhesanā, anāvilasaṅkappā, passaddhakāyasaṅkhārā, suvimuttacittā, suvimuttapaññā ca (a. ni. 10.19). Iti evamādinā nayena ekavidhā.

    เอหิภิกฺขุภาเวน อุปสมฺปนฺนา, น เอหิภิกฺขุภาเวน อุปสมฺปนฺนาติ ทุวิธาฯ ตตฺถ อญฺญาสิ โกณฺฑญฺญปฺปมุขา ปญฺจวคฺคิยเตฺถรา, ยสเตฺถโร, ตสฺส สหายภูตา วิมโล สุพาหุ ปุณฺณชิ ควมฺปตีติ จตฺตาโร, อปเรปิ ตสฺส สหายภูตา ปญฺจปญฺญาส, ติํส ภทฺทวคฺคิยา, อุรุเวลกสฺสปปฺปมุขา สหสฺสปุราณชฎิลา, เทฺว อคฺคสาวกา, เตสํ ปริวารภูตา อฑฺฒเตรสสตา ปริพฺพาชกา, โจโร องฺคุลิมาลเตฺถโรติ สเพฺพ สหสฺสํ ปญฺญาสาธิกานิ ตีณิ สตานิ จ โหนฺติฯ เตเนตํ วุจฺจติ –

    Ehibhikkhubhāvena upasampannā, na ehibhikkhubhāvena upasampannāti duvidhā. Tattha aññāsi koṇḍaññappamukhā pañcavaggiyattherā, yasatthero, tassa sahāyabhūtā vimalo subāhu puṇṇaji gavampatīti cattāro, aparepi tassa sahāyabhūtā pañcapaññāsa, tiṃsa bhaddavaggiyā, uruvelakassapappamukhā sahassapurāṇajaṭilā, dve aggasāvakā, tesaṃ parivārabhūtā aḍḍhaterasasatā paribbājakā, coro aṅgulimālattheroti sabbe sahassaṃ paññāsādhikāni tīṇi satāni ca honti. Tenetaṃ vuccati –

    ‘‘สตตฺตยํ สหสฺสญฺจ, ปญฺญาสญฺจ ปุนาปเร;

    ‘‘Satattayaṃ sahassañca, paññāsañca punāpare;

    เอเต เถรา มหาปญฺญา, สเพฺพว เอหิภิกฺขุกา’’ติฯ

    Ete therā mahāpaññā, sabbeva ehibhikkhukā’’ti.

    น เกวลญฺจ เอเต เอว, อถ โข อเญฺญปิ พหู สนฺติฯ เสยฺยถิทํ – เสโล พฺราหฺมโณ, ตสฺส อเนฺตวาสิกภูตา ติสตพฺราหฺมณา, มหากปฺปิโน, ตสฺส ปริวารภูตํ ปุริสสหสฺสํ, สุโทฺธทนมหาราเชน เปสิตา กปิลวตฺถุวาสิโน ทสสหสฺสปุริสา, มหาพาวริยพฺราหฺมณสฺส อเนฺตวาสิกภูตา อชิตาทโย โสฬส สหสฺสปริมาณาติฯ เอวํ วุตฺตโต อเญฺญ น เอหิภิกฺขุภาเวน อุปสมฺปทา, เต ปน สรณคมนูปสมฺปทา, โอวาทปฎิคฺคหณูปสมฺปทา, ปญฺหาพฺยากรณูปสมฺปทา, ญตฺติจตุตฺถกมฺมูปสมฺปทาติ อิเมหิ จตูหิ อากาเรหิ ลทฺธูปสมฺปทาฯ อาทิโต หิ เอหิภิกฺขุภาวูปคตา เถรา, เตสํ ภควา ปพฺพชฺชํ วิย ตีหิ สรณคมเนเหว อุปสมฺปทมฺปิ อนุญฺญาสิ, อยํ สรณคมนูปสมฺปทาฯ ยา ปน –

    Na kevalañca ete eva, atha kho aññepi bahū santi. Seyyathidaṃ – selo brāhmaṇo, tassa antevāsikabhūtā tisatabrāhmaṇā, mahākappino, tassa parivārabhūtaṃ purisasahassaṃ, suddhodanamahārājena pesitā kapilavatthuvāsino dasasahassapurisā, mahābāvariyabrāhmaṇassa antevāsikabhūtā ajitādayo soḷasa sahassaparimāṇāti. Evaṃ vuttato aññe na ehibhikkhubhāvena upasampadā, te pana saraṇagamanūpasampadā, ovādapaṭiggahaṇūpasampadā, pañhābyākaraṇūpasampadā, ñatticatutthakammūpasampadāti imehi catūhi ākārehi laddhūpasampadā. Ādito hi ehibhikkhubhāvūpagatā therā, tesaṃ bhagavā pabbajjaṃ viya tīhi saraṇagamaneheva upasampadampi anuññāsi, ayaṃ saraṇagamanūpasampadā. Yā pana –

    ‘‘ตสฺมาติห เต, กสฺสป, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘ติพฺพํ เม หิโรตฺตปฺปํ, ปจฺจุปฎฺฐิตํ ภวิสฺสติ เถเรสุ นเวสุ มชฺฌิเมสู’ติ, เอวํ หิ เต, กสฺสป, สิกฺขิตพฺพํฯ ตสฺมาติห เต, กสฺสป, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘ยํกิญฺจิ ธมฺมํ สุณิสฺสามิ กุสลูปสํหิตํ, สพฺพํ ตํ อฎฺฐิํ กตฺวา มนสิ กริตฺวา สพฺพเจตสา สมนฺนาหริตฺวา โอหิตโสโต ธมฺมํ สุณิสฺสามี’ติ, เอวญฺหิ เต, กสฺสป, สิกฺขิตพฺพํฯ ตสฺมาติห เต, กสฺสป, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘สาตสหคตา จ เม กายคตา สติ น วิชหิสฺสตี’ติ, เอวญฺหิ เต, กสฺสป, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๑๕๔)ฯ

    ‘‘Tasmātiha te, kassapa, evaṃ sikkhitabbaṃ – ‘tibbaṃ me hirottappaṃ, paccupaṭṭhitaṃ bhavissati theresu navesu majjhimesū’ti, evaṃ hi te, kassapa, sikkhitabbaṃ. Tasmātiha te, kassapa, evaṃ sikkhitabbaṃ – ‘yaṃkiñci dhammaṃ suṇissāmi kusalūpasaṃhitaṃ, sabbaṃ taṃ aṭṭhiṃ katvā manasi karitvā sabbacetasā samannāharitvā ohitasoto dhammaṃ suṇissāmī’ti, evañhi te, kassapa, sikkhitabbaṃ. Tasmātiha te, kassapa, evaṃ sikkhitabbaṃ – ‘sātasahagatā ca me kāyagatā sati na vijahissatī’ti, evañhi te, kassapa, sikkhitabba’’nti (saṃ. ni. 2.154).

    อิมสฺส โอวาทสฺส ปฎิคฺคหเณน มหากสฺสปเตฺถรสฺส อนุญฺญาตอุปสมฺปทา, อยํ โอวาทปฎิคฺคหณูปสมฺปทา นามฯ ยา ปุพฺพาราเม จงฺกมเนฺตน ภควตา ‘‘อุทฺธุมาตกสญฺญาติ วา โสปาก ‘รูปสญฺญา’ติ วา อิเม ธมฺมา นานตฺถา นานาพฺยญฺชนา, อุทาหุ เอกตฺถา พฺยญฺชนเมว นาน’’นฺติอาทินา อสุภนิสฺสิเตสุ ปเญฺหสุ ปุจฺฉิเตสุ ภควนฺตํ อุปสงฺกมเนฺตน สตฺตวสฺสิเกน โสปากสามเณเรน ‘‘อุทฺธุมาตกสญฺญาติ วา ภควา ‘รูปสญฺญา’ติ วา อิเม ธมฺมา เอกตฺถา, พฺยญฺชนเมว นาน’’นฺติอาทินา วิสฺสชฺชิเตสุ ‘‘อิมินา สพฺพญฺญุตญฺญาเณน สทฺธิํ สํสนฺทิตฺวา อิเม ปญฺหา พฺยากตา’’ติ อารทฺธจิเตฺตน ภควตา อนุญฺญาตอุปสมฺปทาฯ อยํ ปญฺหาพฺยากรณูปสมฺปทา นามฯ ญตฺติจตุตฺถกมฺมูปสมฺปทา ปากฎาวฯ

    Imassa ovādassa paṭiggahaṇena mahākassapattherassa anuññātaupasampadā, ayaṃ ovādapaṭiggahaṇūpasampadā nāma. Yā pubbārāme caṅkamantena bhagavatā ‘‘uddhumātakasaññāti vā sopāka ‘rūpasaññā’ti vā ime dhammā nānatthā nānābyañjanā, udāhu ekatthā byañjanameva nāna’’ntiādinā asubhanissitesu pañhesu pucchitesu bhagavantaṃ upasaṅkamantena sattavassikena sopākasāmaṇerena ‘‘uddhumātakasaññāti vā bhagavā ‘rūpasaññā’ti vā ime dhammā ekatthā, byañjanameva nāna’’ntiādinā vissajjitesu ‘‘iminā sabbaññutaññāṇena saddhiṃ saṃsanditvā ime pañhā byākatā’’ti āraddhacittena bhagavatā anuññātaupasampadā. Ayaṃ pañhābyākaraṇūpasampadā nāma. Ñatticatutthakammūpasampadā pākaṭāva.

    ยถา เอหิภิกฺขุภาเวน อุปสมฺปทา, น เอหิภิกฺขุภาเวน อุปสมฺปทาติ ทุวิธา, เอวํ สมฺมุขาปรมฺมุขาเภทโตปิ ทุวิธาฯ เย หิ สตฺถุ ธรมานกาเล อริยาย ชาติยา ชาตา, เต อญฺญาสิโกณฺฑญฺญาทโย สมฺมุขสาวกา นามฯ เย ปน ภควโต ปรินิพฺพานโต ปจฺฉา อธิคตวิเสสา, เต สติปิ สตฺถุ ธมฺมสรีรสฺส ปจฺจกฺขภาเว สตฺถุ สรีรสฺส อปจฺจกฺขภาวโต ปรมฺมุขสาวกา นามฯ

    Yathā ehibhikkhubhāvena upasampadā, na ehibhikkhubhāvena upasampadāti duvidhā, evaṃ sammukhāparammukhābhedatopi duvidhā. Ye hi satthu dharamānakāle ariyāya jātiyā jātā, te aññāsikoṇḍaññādayo sammukhasāvakā nāma. Ye pana bhagavato parinibbānato pacchā adhigatavisesā, te satipi satthu dhammasarīrassa paccakkhabhāve satthu sarīrassa apaccakkhabhāvato parammukhasāvakā nāma.

    ตถา อุภโตภาควิมุตฺตปญฺญาวิมุตฺตตาวเสน, อิธ ปาฬิยํ อาคตา ปน อุภโตภาควิมุตฺตา เอวาติ เวทิตพฺพาฯ วุตฺตเญฺหตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๕.๑๔๒) –

    Tathā ubhatobhāgavimuttapaññāvimuttatāvasena, idha pāḷiyaṃ āgatā pana ubhatobhāgavimuttā evāti veditabbā. Vuttañhetaṃ apadāne (apa. thera 2.55.142) –

    ‘‘วิโมกฺขาปิ จ อฎฺฐิเม, ฉฬภิญฺญา สจฺฉิกตา’’ติฯ

    ‘‘Vimokkhāpi ca aṭṭhime, chaḷabhiññā sacchikatā’’ti.

    ตถา สาปทานานปทานเภทโต, เยสญฺหิ ปุริเมสุ สมฺมาสมฺพุเทฺธสุ ปเจฺจกพุทฺธพุทฺธสาวเกสุปิ ปุญฺญกิริยาวเสน ปวตฺติตํ สาวกปารมิตาสงฺขาตํ อตฺถิ อปทานํ, เต สาปทานา, เสยฺยถาปิ อปทานปาฬิยํ อาคตา เถราฯ เยสํ ปน ตํ นตฺถิ, เต อนปทานาฯ

    Tathā sāpadānānapadānabhedato, yesañhi purimesu sammāsambuddhesu paccekabuddhabuddhasāvakesupi puññakiriyāvasena pavattitaṃ sāvakapāramitāsaṅkhātaṃ atthi apadānaṃ, te sāpadānā, seyyathāpi apadānapāḷiyaṃ āgatā therā. Yesaṃ pana taṃ natthi, te anapadānā.

    กิํ ปน สเพฺพน สพฺพํ ปุพฺพเหตุสมฺปตฺติยา วินา สจฺจาภิสโมฺพโธ สมฺภวตีติ? น สมฺภวติฯ น หิ อุปนิสฺสยสมฺปตฺติรหิตสฺส อริยมคฺคาธิคโม อตฺถิ, ตสฺส สุทุกฺกรทุรภิสมฺภวสภาวโตฯ ยถาห ‘‘ตํ กิํ มญฺญถ, ภิกฺขเว, กตมํ นุ โข ทุกฺกรตรํ วา ทุรภิสมฺภวตรํ วา’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๕.๑๑๑๕)ฯ ยทิ เอวํ กสฺมา วุตฺตํ – ‘‘เยสํ ปน ตํ นตฺถิ, เต อนปทานา’’ติ? นยิทเมวํ ทฎฺฐพฺพํ ‘‘เย สเพฺพน สพฺพํ อุปนิสฺสยสมฺปตฺติรหิตา, เต อนปทานา’’ติ ตาทิสานํ อิธ อนธิเปฺปตตฺตาฯ เยสํ ปน อติอุกฺกํสคตํ อปทานํ นตฺถิ, เต อิธ ‘‘อนปทานา’’ติ วุตฺตา, น สเพฺพน สพฺพํ อุปนิสฺสยรหิตาเยว ฯ ตถา หิ อิเม สตฺตา พุทฺธุปฺปาเทสุ อจฺฉริยาจิเนฺตยฺยคุณวิภูติวิตฺถตํ พุทฺธานํ อานุภาวํ ปสฺสนฺตา จตุปฺปมาณิกสฺส โลกสฺส สพฺพถาปิ ปสาทาวหตฺตา สตฺถริ สทฺธํ ปฎิลภนฺติฯ ตถา สทฺธมฺมสฺสวเนน, สาวกานํ สมฺมาปฎิปตฺติทสฺสเนน, กทาจิ มหาโพธิสตฺตานํ สมฺมาสโมฺพธิยา จิตฺตาภินีหารทสฺสเนน, เตสํ สนฺติเก โอวาทานุสาสนปฎิลาเภน จ สทฺธเมฺม สทฺธํ ปฎิลภนฺติ, เต ตตฺถ ปฎิลทฺธสทฺธา ยทิปิ สํสาเร นิพฺพาเน จ อาทีนวานิสํเส ปสฺสนฺติ, มหารชกฺขตาย ปน โยคเกฺขมํ อนภิสมฺภุนนฺตา อนฺตรนฺตรา วิวฎฺฎูปนิสฺสยํ กุสลพีชํ อตฺตโน สนฺตาเน โรเปนฺติเยว สปฺปุริสูปนิสฺสยสฺส พหูการภาวโตฯ เตนาห (พุ. วํ. ๒.๗๒-๗๔) –

    Kiṃ pana sabbena sabbaṃ pubbahetusampattiyā vinā saccābhisambodho sambhavatīti? Na sambhavati. Na hi upanissayasampattirahitassa ariyamaggādhigamo atthi, tassa sudukkaradurabhisambhavasabhāvato. Yathāha ‘‘taṃ kiṃ maññatha, bhikkhave, katamaṃ nu kho dukkarataraṃ vā durabhisambhavataraṃ vā’’tiādi (saṃ. ni. 5.1115). Yadi evaṃ kasmā vuttaṃ – ‘‘yesaṃ pana taṃ natthi, te anapadānā’’ti? Nayidamevaṃ daṭṭhabbaṃ ‘‘ye sabbena sabbaṃ upanissayasampattirahitā, te anapadānā’’ti tādisānaṃ idha anadhippetattā. Yesaṃ pana atiukkaṃsagataṃ apadānaṃ natthi, te idha ‘‘anapadānā’’ti vuttā, na sabbena sabbaṃ upanissayarahitāyeva . Tathā hi ime sattā buddhuppādesu acchariyācinteyyaguṇavibhūtivitthataṃ buddhānaṃ ānubhāvaṃ passantā catuppamāṇikassa lokassa sabbathāpi pasādāvahattā satthari saddhaṃ paṭilabhanti. Tathā saddhammassavanena, sāvakānaṃ sammāpaṭipattidassanena, kadāci mahābodhisattānaṃ sammāsambodhiyā cittābhinīhāradassanena, tesaṃ santike ovādānusāsanapaṭilābhena ca saddhamme saddhaṃ paṭilabhanti, te tattha paṭiladdhasaddhā yadipi saṃsāre nibbāne ca ādīnavānisaṃse passanti, mahārajakkhatāya pana yogakkhemaṃ anabhisambhunantā antarantarā vivaṭṭūpanissayaṃ kusalabījaṃ attano santāne ropentiyeva sappurisūpanissayassa bahūkārabhāvato. Tenāha (bu. vaṃ. 2.72-74) –

    ‘‘ยทิมสฺส โลกนาถสฺส, วิรชฺฌิสฺสาม สาสนํ;

    ‘‘Yadimassa lokanāthassa, virajjhissāma sāsanaṃ;

    อนาคตมฺหิ อทฺธาเน, เหสฺสาม สมฺมุขา อิมํฯ

    Anāgatamhi addhāne, hessāma sammukhā imaṃ.

    ‘‘ยถา มนุสฺสา นทิํ ตรนฺตา, ปฎิติตฺถํ วิรชฺฌิย;

    ‘‘Yathā manussā nadiṃ tarantā, paṭititthaṃ virajjhiya;

    เหฎฺฐาติเตฺถ คเหตฺวาน, อุตฺตรนฺติ มหานทิํฯ

    Heṭṭhātitthe gahetvāna, uttaranti mahānadiṃ.

    ‘‘เอวเมว มยํ สเพฺพ, ยทิ มุญฺจามิมํ ชินํ;

    ‘‘Evameva mayaṃ sabbe, yadi muñcāmimaṃ jinaṃ;

    อนาคตมฺหิ อทฺธาเน, เหสฺสาม สมฺมุขา อิม’’นฺติฯ

    Anāgatamhi addhāne, hessāma sammukhā ima’’nti.

    เอวํ วิวฎฺฎํ อุทฺทิสฺส อุปฺปาทิตกุสลจิตฺตํ สตสหสฺสาธิกจตุอสเงฺขฺยยฺยกาลนฺตเร วิโมกฺขาธิคมสฺส อุปนิสฺสโย น โหตีติ น สกฺกา วตฺตุํฯ ปเคว ปตฺถนาวเสน อธิการํ กตฺวา ปวตฺติตํฯ เอวํ ทุวิธาเปเตฯ

    Evaṃ vivaṭṭaṃ uddissa uppāditakusalacittaṃ satasahassādhikacatuasaṅkhyeyyakālantare vimokkhādhigamassa upanissayo na hotīti na sakkā vattuṃ. Pageva patthanāvasena adhikāraṃ katvā pavattitaṃ. Evaṃ duvidhāpete.

    อคฺคสาวกา, มหาสาวกา, ปกติสาวกาติ ติวิธาฯ เตสุ อายสฺมา อญฺญาสิโกณฺฑโญฺญ, วโปฺป, ภทฺทิโย, มหานาโม, อสฺสชิ, นาลโก, ยโส, วิมโล, สุพาหุ, ปุณฺณชิ, ควมฺปติ, อุรุเวลกสฺสโป, นทีกสฺสโป, คยากสฺสโป, สาริปุโตฺต, มหาโมคฺคลฺลาโน, มหากสฺสโป, มหากจฺจายโน, มหาโกฎฺฐิโก, มหากปฺปิโน, มหาจุโนฺท, อนุรุโทฺธ, กงฺขาเรวโต, อานโนฺท, นนฺทโก, ภคุ, นโนฺท, กิมิโล, ภทฺทิโย, ราหุโล, สีวลิ, อุปาลิ , ทโพฺพ, อุปเสโน, ขทิรวนิยเรวโต, ปุโณฺณ มนฺตาณิปุโตฺต, ปุโณฺณ สุนาปรนฺตโก, โสโณ กุฎิกโณฺณ, โสโณ โกฬิวีโส, ราโธ, สุภูติ, องฺคุลิมาโล, วกฺกลิ, กาฬุทายี, มหาอุทายี, ปิลินฺทวโจฺฉ, โสภิโต, กุมารกสฺสโป, รฎฺฐปาโล , วงฺคีโส, สภิโย, เสโล, อุปวาโน, เมฆิโย, สาคโต, นาคิโต, ลกุณฺฑกภทฺทิโย, ปิโณฺฑลภารทฺวาโช, มหาปนฺถโก, จูฬปนฺถโก, พากุโล, กุณฺฑธาโน, ทารุจีริโย, ยโสโช, อชิโต, ติสฺสเมเตฺตโยฺย, ปุณฺณโก, เมตฺตคู, โธตโก, อุปสิโว, นโนฺท, เหมโก, โตเทโยฺย, กโปฺป, ชตุกณฺณิ, ภทฺราวุโธ, อุทโย, โปสาโล, โมฆราชา, ปิงฺคิโยติ เอเต อสีติมหาสาวกา นามฯ

    Aggasāvakā, mahāsāvakā, pakatisāvakāti tividhā. Tesu āyasmā aññāsikoṇḍañño, vappo, bhaddiyo, mahānāmo, assaji, nālako, yaso, vimalo, subāhu, puṇṇaji, gavampati, uruvelakassapo, nadīkassapo, gayākassapo, sāriputto, mahāmoggallāno, mahākassapo, mahākaccāyano, mahākoṭṭhiko, mahākappino, mahācundo, anuruddho, kaṅkhārevato, ānando, nandako, bhagu, nando, kimilo, bhaddiyo, rāhulo, sīvali, upāli , dabbo, upaseno, khadiravaniyarevato, puṇṇo mantāṇiputto, puṇṇo sunāparantako, soṇo kuṭikaṇṇo, soṇo koḷivīso, rādho, subhūti, aṅgulimālo, vakkali, kāḷudāyī, mahāudāyī, pilindavaccho, sobhito, kumārakassapo, raṭṭhapālo, vaṅgīso, sabhiyo, selo, upavāno, meghiyo, sāgato, nāgito, lakuṇḍakabhaddiyo, piṇḍolabhāradvājo, mahāpanthako, cūḷapanthako, bākulo, kuṇḍadhāno, dārucīriyo, yasojo, ajito, tissametteyyo, puṇṇako, mettagū, dhotako, upasivo, nando, hemako, todeyyo, kappo, jatukaṇṇi, bhadrāvudho, udayo, posālo, mogharājā, piṅgiyoti ete asītimahāsāvakā nāma.

    กสฺมา ปน เต เอว เถรา ‘‘มหาสาวกา’’ติ วุจฺจนฺตีติ? อภินีหารสฺส มหนฺตภาวโตฯ ตถา หิ เทฺว อคฺคสาวกาปิ มหาสาวเกสุ อโนฺตคธาฯ เต หิ สาวกปารมีญาณสฺส มตฺถกปฺปตฺติยา สาวเกสุ อคฺคธมฺมาธิคเมน อคฺคฎฺฐาเน ฐิตาปิ อภินีหารมหนฺตตาสามเญฺญน ‘‘มหาสาวกา’’ติปิ วุจฺจนฺติฯ อิตเร ปน ปกติสาวเกหิ สาติสยมหาภินีหาราฯ ตถา หิ เต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล กตปณิธานาฯ ตโต เอว สาติสยํ อภิญฺญาสมาปตฺตีสุ วสิโน ปภินฺนปฎิสมฺภิทา จฯ กามํ สเพฺพปิ อรหโนฺต สีลวิสุทฺธิอาทิเก สมฺปาเทตฺวา จตูสุ สติปฎฺฐาเนสุ ปติฎฺฐิตจิตฺตา สตฺต โพชฺฌเงฺค ยถาภูตํ ภาเวตฺวา มคฺคปฎิปาฎิยา อนวเสสโต กิเลเส เขเปตฺวา อคฺคผเล ปติฎฺฐหนฺติ, ตถาปิ ยถา สทฺธาวิมุตฺตโต ทิฎฺฐิปฺปตฺตสฺส, ปญฺญาวิมุตฺตโต จ อุภโตภาควิมุตฺตสฺส ปุพฺพภาคภาวนาวิเสโส อทฺธา อิจฺฉิโต วิเสโส, เอวํ อภินีหารมหนฺตตาปุพฺพโยคมหนฺตตาหิ อตฺตสนฺตาเน สาติสยคุณวิเสสสฺส นิปฺผาทิตตฺตา สีลาทิคุเณหิ มหนฺตา สาวกาติ มหาสาวกาฯ เตสุเยว ปน เย โพธิปกฺขิยธเมฺมสุ ปาโมกฺขภาเวน ธุรภูตานํ สมฺมาทิฎฺฐิสมฺมาสมาธีนํ สาติสยกิจฺจนฺตรภาวนิปฺผตฺติยา การณภูตาย ตชฺชาภินีหาราภินิหตาย สกฺกจฺจํ นิรนฺตรํ จิรกาลํ สมาหิตาย สมฺมาปฎิปตฺติยา ยถากฺกมํ ปญฺญาย สมาธิสฺมิญฺจ อุกฺกํสปารมิปฺปตฺติยา สวิเสสํ สพฺพคุเณหิ อคฺคภาเว ฐิตาฯ เต สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา สติปิ มหาสาวกเตฺต สาวกปารมิยา มตฺถเก สพฺพสาวกานํ อคฺคภาเว ฐิตตฺตา อภินีหารมหนฺตภาวโต, ปุพฺพโยคมหนฺตภาวโต จ ‘‘อคฺคสาวกา’’อิเจฺจว วุจฺจนฺติฯ เย ปน อริยสาวกา อคฺคสาวกา วิย จ มหาสาวกา วิย จ น ปริมิตาว, อถ โข อเนกสตา อเนกสหสฺสา, เต ปกติสาวกาฯ อิธ ปาฬิยํ อารูฬฺหา ปน ปริมิตาว คาถาวเสน ปริคฺคหิตตฺตาฯ ตถาปิ มหาสาวเกสุปิ เกจิ อิธ ปาฬิยํ นารูฬฺหาฯ

    Kasmā pana te eva therā ‘‘mahāsāvakā’’ti vuccantīti? Abhinīhārassa mahantabhāvato. Tathā hi dve aggasāvakāpi mahāsāvakesu antogadhā. Te hi sāvakapāramīñāṇassa matthakappattiyā sāvakesu aggadhammādhigamena aggaṭṭhāne ṭhitāpi abhinīhāramahantatāsāmaññena ‘‘mahāsāvakā’’tipi vuccanti. Itare pana pakatisāvakehi sātisayamahābhinīhārā. Tathā hi te padumuttarassa bhagavato kāle katapaṇidhānā. Tato eva sātisayaṃ abhiññāsamāpattīsu vasino pabhinnapaṭisambhidā ca. Kāmaṃ sabbepi arahanto sīlavisuddhiādike sampādetvā catūsu satipaṭṭhānesu patiṭṭhitacittā satta bojjhaṅge yathābhūtaṃ bhāvetvā maggapaṭipāṭiyā anavasesato kilese khepetvā aggaphale patiṭṭhahanti, tathāpi yathā saddhāvimuttato diṭṭhippattassa, paññāvimuttato ca ubhatobhāgavimuttassa pubbabhāgabhāvanāviseso addhā icchito viseso, evaṃ abhinīhāramahantatāpubbayogamahantatāhi attasantāne sātisayaguṇavisesassa nipphāditattā sīlādiguṇehi mahantā sāvakāti mahāsāvakā. Tesuyeva pana ye bodhipakkhiyadhammesu pāmokkhabhāvena dhurabhūtānaṃ sammādiṭṭhisammāsamādhīnaṃ sātisayakiccantarabhāvanipphattiyā kāraṇabhūtāya tajjābhinīhārābhinihatāya sakkaccaṃ nirantaraṃ cirakālaṃ samāhitāya sammāpaṭipattiyā yathākkamaṃ paññāya samādhismiñca ukkaṃsapāramippattiyā savisesaṃ sabbaguṇehi aggabhāve ṭhitā. Te sāriputtamoggallānā satipi mahāsāvakatte sāvakapāramiyā matthake sabbasāvakānaṃ aggabhāve ṭhitattā abhinīhāramahantabhāvato, pubbayogamahantabhāvato ca ‘‘aggasāvakā’’icceva vuccanti. Ye pana ariyasāvakā aggasāvakā viya ca mahāsāvakā viya ca na parimitāva, atha kho anekasatā anekasahassā, te pakatisāvakā. Idha pāḷiyaṃ ārūḷhā pana parimitāva gāthāvasena pariggahitattā. Tathāpi mahāsāvakesupi keci idha pāḷiyaṃ nārūḷhā.

    เอวํ ติวิธาปิ เต อนิมิตฺตวิโมกฺขาทิเภทโต ติวิธา, วิโมกฺขสมธิคมวเสนปิ ติวิธาฯ ตโย หิ อิเม วิโมกฺขา สุญฺญโต วิโมโกฺข, อนิมิโตฺต วิโมโกฺข, อปฺปณิหิโต วิโมโกฺขติฯ เต จ วิโมกฺขา สุญฺญตาทีหิ อนิจฺจานุปสฺสนาทีหิ ตีหิ อนุปสฺสนาหิ อธิคนฺตพฺพาฯ อาทิโต หิ อนิจฺจาทีสุ เยน เกนจิ อากาเรน วิปสฺสนาภินิเวโส โหติฯ ยทา ปน วุฎฺฐานคามินิยา วิปสฺสนาย อนิจฺจาการโต สงฺขาเร สมฺมสนฺติยา มคฺควุฎฺฐานํ โหติ, ตทา วิปสฺสนา สติปิ ราคนิมิตฺตาทีนํ สมุคฺฆาฎเน สงฺขารนิมิตฺตํ ปน สา น วิสฺสเชฺชตีติ นิปฺปริยาเยน อนิมิตฺตนามํ อลภมานา อตฺตโน มคฺคสฺส อนิมิตฺตนามํ ทาตุํ น สโกฺกตีติฯ กิญฺจาปิ อภิธเมฺม อนิมิตฺตวิโมโกฺข น อุทฺธโฎ, สุตฺตเนฺต ปน ราคาทินิมิตฺตานํ สมุคฺฆาเฎน ลพฺภตีติฯ

    Evaṃ tividhāpi te animittavimokkhādibhedato tividhā, vimokkhasamadhigamavasenapi tividhā. Tayo hi ime vimokkhā suññato vimokkho, animitto vimokkho, appaṇihito vimokkhoti. Te ca vimokkhā suññatādīhi aniccānupassanādīhi tīhi anupassanāhi adhigantabbā. Ādito hi aniccādīsu yena kenaci ākārena vipassanābhiniveso hoti. Yadā pana vuṭṭhānagāminiyā vipassanāya aniccākārato saṅkhāre sammasantiyā maggavuṭṭhānaṃ hoti, tadā vipassanā satipi rāganimittādīnaṃ samugghāṭane saṅkhāranimittaṃ pana sā na vissajjetīti nippariyāyena animittanāmaṃ alabhamānā attano maggassa animittanāmaṃ dātuṃ na sakkotīti. Kiñcāpi abhidhamme animittavimokkho na uddhaṭo, suttante pana rāgādinimittānaṃ samugghāṭena labbhatīti.

    ‘‘อนิมิตฺตญฺจ ภาเวหิ, มานานุสยมุชฺชห;

    ‘‘Animittañca bhāvehi, mānānusayamujjaha;

    ตโต มานาภิสมยา, อุปสโนฺต จริสฺสสี’’ติฯ (สํ. นิ. ๑.๒๑๒) –

    Tato mānābhisamayā, upasanto carissasī’’ti. (saṃ. ni. 1.212) –

    อาทินา หิ วิปสฺสนาย อนิมิตฺตวิโมกฺขภาโว อนุตฺตรสฺส อนิมิตฺตวิโมกฺขภาโว จ วุโตฺตฯ ยทา วุฎฺฐานคามินิยา วิปสฺสนาย ทุกฺขโต สงฺขาเร สมฺมสนฺติยา มคฺควุฎฺฐานํ โหติ, ตทา วิปสฺสนา ราคปณิธิอาทีนํ สมุคฺฆาฎเนน อปฺปณิหิตนามํ ลภตีติ อปฺปณิหิตวิโมกฺขํ นาม โหติฯ ตทนนฺตโร จ มโคฺค อปฺปณิหิตวิโมโกฺขฯ ยทา ปน วุฎฺฐานคามินิยา วิปสฺสนาย อนตฺตากาเรน สมฺมสนฺติยา มคฺควุฎฺฐานํ โหติ, ตทา วิปสฺสนา อตฺตทิฎฺฐิยา สมุคฺฆาฎเนน สุญฺญตนามํ ลภตีติ สุญฺญตวิโมกฺขํ นาม โหติฯ ตทนนฺตโร จ มโคฺค สุญฺญตวิโมโกฺข นาม โหติฯ อิเมสุ อคฺคมคฺคภูเตสุ ตีสุ วิโมเกฺขสุ อิเมสํ เถรานํ เกจิ อนิมิตฺตวิโมเกฺขน มุตฺตา, เกจิ อปฺปณิหิตวิโมเกฺขน, เกจิ สุญฺญตวิโมเกฺขนฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อนิมิตฺตวิโมกฺขาทิเภทโต ติวิธา, วิโมกฺขสมธิคเมนปิ ติวิธา’’ติฯ

    Ādinā hi vipassanāya animittavimokkhabhāvo anuttarassa animittavimokkhabhāvo ca vutto. Yadā vuṭṭhānagāminiyā vipassanāya dukkhato saṅkhāre sammasantiyā maggavuṭṭhānaṃ hoti, tadā vipassanā rāgapaṇidhiādīnaṃ samugghāṭanena appaṇihitanāmaṃ labhatīti appaṇihitavimokkhaṃ nāma hoti. Tadanantaro ca maggo appaṇihitavimokkho. Yadā pana vuṭṭhānagāminiyā vipassanāya anattākārena sammasantiyā maggavuṭṭhānaṃ hoti, tadā vipassanā attadiṭṭhiyā samugghāṭanena suññatanāmaṃ labhatīti suññatavimokkhaṃ nāma hoti. Tadanantaro ca maggo suññatavimokkho nāma hoti. Imesu aggamaggabhūtesu tīsu vimokkhesu imesaṃ therānaṃ keci animittavimokkhena muttā, keci appaṇihitavimokkhena, keci suññatavimokkhena. Tena vuttaṃ – ‘‘animittavimokkhādibhedato tividhā, vimokkhasamadhigamenapi tividhā’’ti.

    ปฎิปทาวิภาเคน จตุพฺพิธาฯ จตโสฺส หิ ปฎิปทา – ทุกฺขปฎิปทา ทนฺธาภิญฺญา, ทุกฺขปฎิปทา ขิปฺปาภิญฺญา, สุขปฎิปทา ทนฺธาภิญฺญา, สุขปฎิปทา ขิปฺปาภิญฺญาติฯ ตตฺถ รูปมุขาทีสุ วิปสฺสนาภินิเวเสสุ โย รูปมุเขน วิปสฺสนํ อภินิวิสิตฺวา จตฺตาริ มหาภูตานิ ปริคฺคเหตฺวา อุปาทารูปํ ปริคฺคณฺหาติ อรูปํ ปริคฺคณฺหาติ, รูปารูปํ ปน ปริคฺคณฺหโนฺต ทุเกฺขน กสิเรน กิลมโนฺต ปริคฺคเหตุํ สโกฺกติ, ตสฺส ทุกฺขปฎิปทา นาม โหติ, ปริคฺคหิตรูปารูปสฺส ปน วิปสฺสนาปริวาเส มคฺคปาตุภาวทนฺธตาย ทนฺธาภิญฺญา นาม โหติฯ โยปิ รูปารูปํ ปริคฺคเหตฺวา นามรูปํ ววตฺถเปโนฺต ทุเกฺขน กสิเรน กิลมโนฺต ววตฺถเปติ, ววตฺถปิเต จ นามรูเป วิปสฺสนาปริวาสํ วสโนฺต จิเรน มคฺคํ อุปฺปาเทตุํ สโกฺกติ, ตสฺสปิ ทุกฺขปฎิปทา ทนฺธาภิญฺญา นาม โหติฯ อปโร นามรูปมฺปิ ววตฺถเปตฺวา ปจฺจเย ปริคฺคณฺหโนฺต ทุเกฺขน กสิเรน กิลมโนฺต ปริคฺคณฺหาติฯ ปจฺจเย จ ปริคฺคเหตฺวา วิปสฺสนาปริวาสํ วสโนฺต จิเรน มคฺคํ อุปฺปาเทติ, เอวมฺปิ ทุกฺขปฎิปทา ทนฺธาภิญฺญา นาม โหติฯ อปโร ปจฺจเยปิ ปริคฺคเหตฺวา ลกฺขณานิ ปฎิวิชฺฌโนฺต ทุเกฺขน กสิเรน กิลมโนฺต ปฎิวิชฺฌติ, ปฎิวิทฺธลกฺขโณ จ วิปสฺสนาปริวาสํ วสโนฺต จิเรน มคฺคํ อุปฺปาเทติ, เอวมฺปิ ทุกฺขปฎิปทา ทนฺธาภิญฺญา นาม โหติฯ อปโร ลกฺขณานิปิ ปฎิวิชฺฌิตฺวา วิปสฺสนาญาเณ ติเกฺข สูเร ปสเนฺน วหเนฺต อุปฺปนฺนวิปสฺสนานิกนฺติํ ปริยาทิยมาโน ทุเกฺขน กสิเรน กิลมโนฺต ปริยาทิยติ, นิกนฺติญฺจ ปริยาทิยิตฺวา วิปสฺสนาปริวาสํ วสโนฺต จิเรน มคฺคํ อุปฺปาเทติ, เอวมฺปิ ทุกฺขปฎิปทา ทนฺธาภิญฺญา นาม โหติฯ ยถาวุตฺตาสุเยว ปฎิปทาสุ มคฺคปาตุภาวสฺส ขิปฺปตาย ทุกฺขปฎิปทา ขิปฺปาภิญฺญา, ตาสํ ปน ปฎิปทานํ อกิจฺฉสิทฺธิยํ มคฺคปาตุภาวสฺส ทนฺธตาย ขิปฺปตาย จ ยถากฺกมํ สุขปฎิปทา ทนฺธาภิญฺญา, สุขปฎิปทา ขิปฺปาภิญฺญา จ เวทิตพฺพาฯ อิมาสํ จตสฺสนฺนํ ปฎิปทานํ วเสน อคฺคมคฺคปฺปตฺติยา เถรานํ จตุพฺพิธตา เวทิตพฺพาฯ น หิ ปฎิปทาหิ วินา อริยมคฺคาธิคโม อตฺถิฯ ตถา หิ อภิธเมฺม ‘‘ยสฺมิํ สมเย โลกุตฺตรํ ฌานํ ภาเวติ นิยฺยานิกํ อปจยคามิํ…เป.… ทุกฺขปฎิปทํ ทนฺธาภิญฺญ’’นฺติอาทินา (ธ. ส. ๒๗๗) ปฎิปทาย สทฺธิํเยว อริยมโคฺค วิภโตฺต, เตน วุตฺตํ ‘‘ปฎิปทาวิภาเคน จตุพฺพิธา’’ติฯ

    Paṭipadāvibhāgena catubbidhā. Catasso hi paṭipadā – dukkhapaṭipadā dandhābhiññā, dukkhapaṭipadā khippābhiññā, sukhapaṭipadā dandhābhiññā, sukhapaṭipadā khippābhiññāti. Tattha rūpamukhādīsu vipassanābhinivesesu yo rūpamukhena vipassanaṃ abhinivisitvā cattāri mahābhūtāni pariggahetvā upādārūpaṃ pariggaṇhāti arūpaṃ pariggaṇhāti, rūpārūpaṃ pana pariggaṇhanto dukkhena kasirena kilamanto pariggahetuṃ sakkoti, tassa dukkhapaṭipadā nāma hoti, pariggahitarūpārūpassa pana vipassanāparivāse maggapātubhāvadandhatāya dandhābhiññā nāma hoti. Yopi rūpārūpaṃ pariggahetvā nāmarūpaṃ vavatthapento dukkhena kasirena kilamanto vavatthapeti, vavatthapite ca nāmarūpe vipassanāparivāsaṃ vasanto cirena maggaṃ uppādetuṃ sakkoti, tassapi dukkhapaṭipadā dandhābhiññā nāma hoti. Aparo nāmarūpampi vavatthapetvā paccaye pariggaṇhanto dukkhena kasirena kilamanto pariggaṇhāti. Paccaye ca pariggahetvā vipassanāparivāsaṃ vasanto cirena maggaṃ uppādeti, evampi dukkhapaṭipadā dandhābhiññā nāma hoti. Aparo paccayepi pariggahetvā lakkhaṇāni paṭivijjhanto dukkhena kasirena kilamanto paṭivijjhati, paṭividdhalakkhaṇo ca vipassanāparivāsaṃ vasanto cirena maggaṃ uppādeti, evampi dukkhapaṭipadā dandhābhiññā nāma hoti. Aparo lakkhaṇānipi paṭivijjhitvā vipassanāñāṇe tikkhe sūre pasanne vahante uppannavipassanānikantiṃ pariyādiyamāno dukkhena kasirena kilamanto pariyādiyati, nikantiñca pariyādiyitvā vipassanāparivāsaṃ vasanto cirena maggaṃ uppādeti, evampi dukkhapaṭipadā dandhābhiññā nāma hoti. Yathāvuttāsuyeva paṭipadāsu maggapātubhāvassa khippatāya dukkhapaṭipadā khippābhiññā, tāsaṃ pana paṭipadānaṃ akicchasiddhiyaṃ maggapātubhāvassa dandhatāya khippatāya ca yathākkamaṃ sukhapaṭipadā dandhābhiññā, sukhapaṭipadā khippābhiññā ca veditabbā. Imāsaṃ catassannaṃ paṭipadānaṃ vasena aggamaggappattiyā therānaṃ catubbidhatā veditabbā. Na hi paṭipadāhi vinā ariyamaggādhigamo atthi. Tathā hi abhidhamme ‘‘yasmiṃ samaye lokuttaraṃ jhānaṃ bhāveti niyyānikaṃ apacayagāmiṃ…pe… dukkhapaṭipadaṃ dandhābhiñña’’ntiādinā (dha. sa. 277) paṭipadāya saddhiṃyeva ariyamaggo vibhatto, tena vuttaṃ ‘‘paṭipadāvibhāgena catubbidhā’’ti.

    อินฺทฺริยาธิกวิภาเคน ปญฺจวิธาฯ สติปิ เนสํ สจฺจาภิสโมฺพธสามเญฺญ เอกเจฺจ เถรา สทฺธุตฺตรา, เสยฺยถาปิ เถโร วกฺกลิ; เอกเจฺจ วีริยุตฺตรา, เสยฺยถาปิ เถโร มหาโสโณ, โกฬิวีโส; เอกเจฺจ สตุตฺตรา, เสยฺยถาปิ เถโร โสภิโต, เอกเจฺจ สมาธุตฺตรา, เสยฺยถาปิ เถโร จูฬปนฺถโก, เอกเจฺจ ปญฺญุตฺตรา, เสยฺยถาปิ เถโร อานโนฺทฯ ตถา หิ โส คติมนฺตตาย อตฺถโกสลฺลาทิวนฺตตาย จ ปสํสิโต, อยญฺจ วิภาโค ปุพฺพภาเค ลพฺภมานวิเสสวเสน วุโตฺตฯ อคฺคมคฺคกฺขเณ ปน เสสานมฺปิ อินฺทฺริยานํ เอกสภาวา อิจฺฉิตาติฯ

    Indriyādhikavibhāgena pañcavidhā. Satipi nesaṃ saccābhisambodhasāmaññe ekacce therā saddhuttarā, seyyathāpi thero vakkali; ekacce vīriyuttarā, seyyathāpi thero mahāsoṇo, koḷivīso; ekacce satuttarā, seyyathāpi thero sobhito, ekacce samādhuttarā, seyyathāpi thero cūḷapanthako, ekacce paññuttarā, seyyathāpi thero ānando. Tathā hi so gatimantatāya atthakosallādivantatāya ca pasaṃsito, ayañca vibhāgo pubbabhāge labbhamānavisesavasena vutto. Aggamaggakkhaṇe pana sesānampi indriyānaṃ ekasabhāvā icchitāti.

    ตถา ปารมิปฺปตฺตา, ปฎิสมฺภิทาปฺปตฺตา, ฉฬภิญฺญา, เตวิชฺชา, สุกฺขวิปสฺสกาติ ปญฺจวิธาฯ สาวเกสุ หิ เอกเจฺจ สาวกปารมิยา มตฺถกปฺปตฺตา, ยถา ตํ อายสฺมา สาริปุโตฺต, อายสฺมา จ มหาโมคฺคลฺลาโน; เอกเจฺจ อตฺถปฎิสมฺภิทา ธมฺมปฎิสมฺภิทา นิรุตฺติปฎิสมฺภิทา ปฎิภานปฎิสมฺภิทาติ อิมาสํ จตุนฺนํ ปฎิสมฺภิทานํ วเสน ปฎิสมฺภิทาปฺปตฺตา; เอกเจฺจ อิทฺธิวิธญาณาทีนํ อภิญฺญานํ วเสน ฉฬภิญฺญา; เอกเจฺจ ปุเพฺพนิวาสญาณาทีนํ ติสฺสนฺนํ วิชฺชานํ วเสน เตวิชฺชาฯ เย ปน ขณิกสมาธิมเตฺต ฐตฺวา วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา อธิคตอคฺคมคฺคา, เต อาทิโต อนฺตรนฺตรา จ สมาธิเชน ฌานเงฺคน วิปสฺสนาพฺภนฺตรํ ปฎิสนฺธานานํ อภาวา สุกฺขา วิปสฺสนา เอเตสนฺติ สุกฺขวิปสฺสกา นามฯ อยญฺจ วิภาโค สาวกานํ สาธารณภาวํ อุปปริกฺขิตฺวา วุโตฺตฯ อิธ ปาฬิยํ อาคตา นเตฺถว สุกฺขวิปสฺสกาฯ เตเนวาห –

    Tathā pāramippattā, paṭisambhidāppattā, chaḷabhiññā, tevijjā, sukkhavipassakāti pañcavidhā. Sāvakesu hi ekacce sāvakapāramiyā matthakappattā, yathā taṃ āyasmā sāriputto, āyasmā ca mahāmoggallāno; ekacce atthapaṭisambhidā dhammapaṭisambhidā niruttipaṭisambhidā paṭibhānapaṭisambhidāti imāsaṃ catunnaṃ paṭisambhidānaṃ vasena paṭisambhidāppattā; ekacce iddhividhañāṇādīnaṃ abhiññānaṃ vasena chaḷabhiññā; ekacce pubbenivāsañāṇādīnaṃ tissannaṃ vijjānaṃ vasena tevijjā. Ye pana khaṇikasamādhimatte ṭhatvā vipassanaṃ paṭṭhapetvā adhigataaggamaggā, te ādito antarantarā ca samādhijena jhānaṅgena vipassanābbhantaraṃ paṭisandhānānaṃ abhāvā sukkhā vipassanā etesanti sukkhavipassakā nāma. Ayañca vibhāgo sāvakānaṃ sādhāraṇabhāvaṃ upaparikkhitvā vutto. Idha pāḷiyaṃ āgatā nattheva sukkhavipassakā. Tenevāha –

    ‘‘ปฎิสมฺภิทา จตโสฺส, วิโมกฺขาปิ จ อฎฺฐิเม;

    ‘‘Paṭisambhidā catasso, vimokkhāpi ca aṭṭhime;

    ฉฬภิญฺญา สจฺฉิกตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติอาทิฯ (อป. เถร ๑.๑.๓๗๔; ๒.๔๓.๑๔);

    Chaḷabhiññā sacchikatā, kataṃ buddhassa sāsana’’ntiādi. (apa. thera 1.1.374; 2.43.14);

    เอวํ ปารมิปฺปตฺตาทิวเสน ปญฺจวิธาฯ

    Evaṃ pāramippattādivasena pañcavidhā.

    อนิมิตฺตาทิวเสน ฉพฺพิธา อนิมิตฺตวิมุโตฺตติอาทโยฯ

    Animittādivasena chabbidhā animittavimuttotiādayo.

    สทฺธาธุโร , ปญฺญาธุโรติ ทุวิธาฯ ตถา อปฺปณิหิตวิมุโตฺต ปญฺญาวิมุโตฺต จาติฯ เอวํ อนิมิตฺตวิมุตฺตาทิวเสน จ ปริยายวิมุตฺตเภเทน สตฺตวิธาฯ จตูสุ หิ อรูปสมาปตฺตีสุ เอกเมกํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ อารภิตฺวา อรหตฺตํ ปตฺตา จตฺตาโร, นิโรธโต วุฎฺฐาย อรหตฺตํ ปโตฺต จาติ ปญฺจ, อุภโตภาควิมุตฺตา, สทฺธาธุรปญฺญาธุรวเสน เทฺว ปญฺญาวิมุตฺตาติ เอวํ วิมุตฺติเภเทน สตฺตวิธาฯ

    Saddhādhuro , paññādhuroti duvidhā. Tathā appaṇihitavimutto paññāvimutto cāti. Evaṃ animittavimuttādivasena ca pariyāyavimuttabhedena sattavidhā. Catūsu hi arūpasamāpattīsu ekamekaṃ pādakaṃ katvā vipassanaṃ ārabhitvā arahattaṃ pattā cattāro, nirodhato vuṭṭhāya arahattaṃ patto cāti pañca, ubhatobhāgavimuttā, saddhādhurapaññādhuravasena dve paññāvimuttāti evaṃ vimuttibhedena sattavidhā.

    ธุรปฎิปทาวิภาเคน อฎฺฐวิธาฯ โย หิ ทุกฺขปฎิปทาย ทนฺธาภิญฺญาย นิยฺยาติ, โส สทฺธาธุรปญฺญาธุรวเสน ทุวิธา, ตถา เสสปฎิปทาสุปีติ เอวํ ธุรปฎิปทาวิภาเคน อฎฺฐวิธาฯ

    Dhurapaṭipadāvibhāgena aṭṭhavidhā. Yo hi dukkhapaṭipadāya dandhābhiññāya niyyāti, so saddhādhurapaññādhuravasena duvidhā, tathā sesapaṭipadāsupīti evaṃ dhurapaṭipadāvibhāgena aṭṭhavidhā.

    วิมุตฺติเภเทน นววิธาฯ ปญฺจ อุภโตภาควิมุตฺตา, เทฺว ปญฺญาวิมุตฺตา, ปญฺญาวิมุตฺติยํ เจโตวิมุตฺติยญฺจ ปารมิปฺปตฺตา เทฺว อคฺคสาวกา จาติ เอวํ นววิธาฯ

    Vimuttibhedena navavidhā. Pañca ubhatobhāgavimuttā, dve paññāvimuttā, paññāvimuttiyaṃ cetovimuttiyañca pāramippattā dve aggasāvakā cāti evaṃ navavidhā.

    วิมุตฺติวเสเนว ทสวิธาฯ จตูสุ อรูปาวจรชฺฌาเนสุ จ เอกเมกํ ปาทกํ กตฺวา อรหตฺตํ ปตฺตา จตฺตาโร, สุกฺขวิปสฺสโกติ ปญฺจ ปญฺญาวิมุตฺตา, ยถาวุตฺตา จ อุภโตภาควิมุตฺตา จาติ เอวํ วิมุตฺติเภเทเนว ทสวิธาฯ เต ยถาวุเตฺตน ธุรเภเทน ภิชฺชมานา วีสติ โหนฺติฯ ปฎิปทาเภเทน ภิชฺชมานา จตฺตาลีสํ โหนฺติฯ ปุน ปฎิปทาเภเทน ธุรเภเทน จ ภิชฺชมานา อสีติ โหนฺติฯ อถ เต สุญฺญตวิมุตฺตาทิวิภาเคน ภิชฺชมานา จตฺตาลีสาธิกา เทฺว สตานิ โหนฺติฯ ปุน อินฺทฺริยาธิกภาเวน ภิชฺชมานา ทฺวิสตุตฺตรํ สหสฺสํ โหนฺตีติฯ เอวํ อตฺตโน คุณวเสน อเนกเภทวิภเตฺตสุ มคฺคฎฺฐผลเฎฺฐสุ อริยสาวเกสุ เย อตฺตโน ปฎิปตฺติปวตฺติอาทิเก จ วิภาเวนฺติฯ เย ‘‘ฉนฺนา เม กุฎิกา’’ติอาทิกา (เถรคา. ๑) คาถา อุทานาทิวเสน อภาสิํสุฯ เต จ อิธ คาถามุเขน สงฺคหํ อารูฬฺหาฯ เตนาห – ‘‘สีหานํว นทนฺตานํ…เป.… ผุสิตฺวา อจฺจุตํ ปท’’นฺติ (เถรคา. นิทานคาถา)ฯ เอวเมตฺถ ปกิณฺณกกถา เวทิตพฺพาฯ

    Vimuttivaseneva dasavidhā. Catūsu arūpāvacarajjhānesu ca ekamekaṃ pādakaṃ katvā arahattaṃ pattā cattāro, sukkhavipassakoti pañca paññāvimuttā, yathāvuttā ca ubhatobhāgavimuttā cāti evaṃ vimuttibhedeneva dasavidhā. Te yathāvuttena dhurabhedena bhijjamānā vīsati honti. Paṭipadābhedena bhijjamānā cattālīsaṃ honti. Puna paṭipadābhedena dhurabhedena ca bhijjamānā asīti honti. Atha te suññatavimuttādivibhāgena bhijjamānā cattālīsādhikā dve satāni honti. Puna indriyādhikabhāvena bhijjamānā dvisatuttaraṃ sahassaṃ hontīti. Evaṃ attano guṇavasena anekabhedavibhattesu maggaṭṭhaphalaṭṭhesu ariyasāvakesu ye attano paṭipattipavattiādike ca vibhāventi. Ye ‘‘channā me kuṭikā’’tiādikā (theragā. 1) gāthā udānādivasena abhāsiṃsu. Te ca idha gāthāmukhena saṅgahaṃ ārūḷhā. Tenāha – ‘‘sīhānaṃva nadantānaṃ…pe… phusitvā accutaṃ pada’’nti (theragā. nidānagāthā). Evamettha pakiṇṇakakathā veditabbā.

    วงฺคีสเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Vaṅgīsattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.

    มหานิปาตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Mahānipātavaṇṇanā niṭṭhitā.

    พทรติตฺถมหาวิหารวาสินา อาจริยธมฺมปาลเตฺถเรน กตา

    Badaratitthamahāvihāravāsinā ācariyadhammapālattherena katā

    เถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Theragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.




    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๑. วงฺคีสเตฺถรคาถา • 1. Vaṅgīsattheragāthā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact