Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มิลินฺทปญฺหปาฬิ • Milindapañhapāḷi |
๑๐. วณฺณภณนปโญฺห
10. Vaṇṇabhaṇanapañho
๑๐. ‘‘ภเนฺต นาคเสน, ภาสิตเมฺปตํ ภควตา ‘มมํ วา, ภิกฺขเว, ปเร วณฺณํ ภาเสยฺยุํ, ธมฺมสฺส วา, สงฺฆสฺส วา วณฺณํ ภาเสยฺยุํ, ตตฺร ตุเมฺหหิ น อานโนฺท, น โสมนสฺสํ, น เจตโส อุปฺปิลาวิตตฺตํ กรณีย’นฺติ ปุน จ ตถาคโต เสลสฺส พฺราหฺมณสฺส ยถาภุเจฺจ วเณฺณ ภญฺญมาเน อานนฺทิโต สุมโน อุปฺปิลาวิโต ภิโยฺย อุตฺตริํ สกคุณํ ปกิเตฺตสิ –
10. ‘‘Bhante nāgasena, bhāsitampetaṃ bhagavatā ‘mamaṃ vā, bhikkhave, pare vaṇṇaṃ bhāseyyuṃ, dhammassa vā, saṅghassa vā vaṇṇaṃ bhāseyyuṃ, tatra tumhehi na ānando, na somanassaṃ, na cetaso uppilāvitattaṃ karaṇīya’nti puna ca tathāgato selassa brāhmaṇassa yathābhucce vaṇṇe bhaññamāne ānandito sumano uppilāvito bhiyyo uttariṃ sakaguṇaṃ pakittesi –
‘‘‘ราชาหมสฺมิ เสลาติ, ธมฺมราชา อนุตฺตโร;
‘‘‘Rājāhamasmi selāti, dhammarājā anuttaro;
ธเมฺมน จกฺกํ วเตฺตมิ, จกฺกํ อปฺปฎิวตฺติย’นฺติ 1ฯ
Dhammena cakkaṃ vattemi, cakkaṃ appaṭivattiya’nti 2.
‘‘ยทิ, ภเนฺต นาคเสน, ภควตา ภณิตํ ‘มมํ วา, ภิกฺขเว, ปเร วณฺณํ ภาเสยฺยุํ, ธมฺมสฺส วา สงฺฆสฺส วา วณฺณํ ภาเสยฺยุํ, ตตฺร ตุเมฺหหิ น อานโนฺท, น โสมนสฺสํ, น เจตโส อุปฺปิลาวิตตฺตํ กรณีย’นฺติ, เตน หิ เสลสฺส พฺราหฺมณสฺส ยถาภุเจฺจ วเณฺณ ภญฺญมาเน อานนฺทิโต สุมโน อุปฺปิลาวิโต ภิโยฺย อุตฺตริํ สกคุณํ ปกิเตฺตสีติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉาฯ ยทิ เสลสฺส พฺราหฺมณสฺส ยถาภุเจฺจ วเณฺณ ภญฺญมาเน อานนฺทิโต สุมโน อุปฺปิลาวิโต ภิโยฺย อุตฺตริํ สกคุณํ ปกิเตฺตสิ, เตน หิ ‘มมํ วา, ภิกฺขเว, ปเร วณฺณํ ภาเสยฺยุํ, ธมฺมสฺส วา สงฺฆสฺส วา วณฺณํ ภาเสยฺยุํ, ตตฺร ตุเมฺหหิ น อานโนฺท, น โสมนสฺสํ, น เจตโส อุปฺปิลาวิตตฺตํ กรณีย’นฺติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉาฯ อยมฺปิ อุภโต โกฎิโก ปโญฺห ตวานุปฺปโตฺต, โส ตยา นิพฺพาหิตโพฺพ’’ติฯ
‘‘Yadi, bhante nāgasena, bhagavatā bhaṇitaṃ ‘mamaṃ vā, bhikkhave, pare vaṇṇaṃ bhāseyyuṃ, dhammassa vā saṅghassa vā vaṇṇaṃ bhāseyyuṃ, tatra tumhehi na ānando, na somanassaṃ, na cetaso uppilāvitattaṃ karaṇīya’nti, tena hi selassa brāhmaṇassa yathābhucce vaṇṇe bhaññamāne ānandito sumano uppilāvito bhiyyo uttariṃ sakaguṇaṃ pakittesīti yaṃ vacanaṃ, taṃ micchā. Yadi selassa brāhmaṇassa yathābhucce vaṇṇe bhaññamāne ānandito sumano uppilāvito bhiyyo uttariṃ sakaguṇaṃ pakittesi, tena hi ‘mamaṃ vā, bhikkhave, pare vaṇṇaṃ bhāseyyuṃ, dhammassa vā saṅghassa vā vaṇṇaṃ bhāseyyuṃ, tatra tumhehi na ānando, na somanassaṃ, na cetaso uppilāvitattaṃ karaṇīya’nti tampi vacanaṃ micchā. Ayampi ubhato koṭiko pañho tavānuppatto, so tayā nibbāhitabbo’’ti.
‘‘ภาสิตเมฺปตํ , มหาราช, ภควตา ‘มมํ วา, ภิกฺขเว, ปเร วณฺณํ ภาเสยฺยุํ, ธมฺมสฺส วา สงฺฆสฺส วา วณฺณํ ภาเสยฺยุํ, ตตฺร ตุเมฺหหิ น อานโนฺท, น โสมนสฺสํ, น เจตโส อุปฺปิลาวิตตฺตํ กรณีย’นฺติฯ เสลสฺส จ พฺราหฺมณสฺส ยถาภุเจฺจ วเณฺณ ภญฺญมาเน ภิโยฺย อุตฺตริํ สกคุณํ ปกิตฺติตํ –
‘‘Bhāsitampetaṃ , mahārāja, bhagavatā ‘mamaṃ vā, bhikkhave, pare vaṇṇaṃ bhāseyyuṃ, dhammassa vā saṅghassa vā vaṇṇaṃ bhāseyyuṃ, tatra tumhehi na ānando, na somanassaṃ, na cetaso uppilāvitattaṃ karaṇīya’nti. Selassa ca brāhmaṇassa yathābhucce vaṇṇe bhaññamāne bhiyyo uttariṃ sakaguṇaṃ pakittitaṃ –
‘‘‘ราชาหมสฺมิ เสลาติ, ธมฺมราชา อนุตฺตโร;
‘‘‘Rājāhamasmi selāti, dhammarājā anuttaro;
ธเมฺมน จกฺกํ วเตฺตมิ, จกฺกํ อปฺปฎิวตฺติย’นฺติฯ
Dhammena cakkaṃ vattemi, cakkaṃ appaṭivattiya’nti.
‘‘ปฐมํ, มหาราช, ภควตา ธมฺมสฺส สภาวสรสลกฺขณํ สภาวํ อวิตถํ ภูตํ ตจฺฉํ ตถตฺถํ ปริทีปยมาเนน ภณิตํ ‘มมํ วา ภิกฺขเว, ปเร วณฺณํ ภาเสยฺยุํ, ธมฺมสฺส วา สงฺฆสฺส วา วณฺณํ ภาเสยฺยุํ, ตตฺร ตุเมฺหหิ น อานโนฺท, น โสมนสฺสํ, น เจตโส อุปฺปิลาวิตตฺตํ กรณีย’นฺติฯ ยํ ปน ภควตา เสลสฺส พฺราหฺมณสฺส ยถาภุเจฺจ วเณฺณ ภญฺญมาเน ภิโยฺย อุตฺตริํ สกคุณํ ปกิตฺติตํ ‘ราชาหมสฺมิ เสลาติ, ธมฺมราชา อนุตฺตโร’ติ ตํ น ลาภเหตุ, น ยสเหตุ, น อตฺตเหตุ, น ปกฺขเหตุ, น อเนฺตวาสิกมฺยตาย, อถ โข อนุกมฺปาย การุเญฺญน หิตวเสน เอวํ อิมสฺส ธมฺมาภิสมโย ภวิสฺสติ ติณฺณญฺจ มาณวกสตานนฺติ, เอวํ ภิโยฺย อุตฺตริํ สกคุณํ ภณิตํ ‘ราชาหมสฺมิ เสลาติ, ธมฺมราชา อนุตฺตโร’ติฯ ‘‘สาธุ, ภเนฺต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฎิจฺฉามี’’ติฯ
‘‘Paṭhamaṃ, mahārāja, bhagavatā dhammassa sabhāvasarasalakkhaṇaṃ sabhāvaṃ avitathaṃ bhūtaṃ tacchaṃ tathatthaṃ paridīpayamānena bhaṇitaṃ ‘mamaṃ vā bhikkhave, pare vaṇṇaṃ bhāseyyuṃ, dhammassa vā saṅghassa vā vaṇṇaṃ bhāseyyuṃ, tatra tumhehi na ānando, na somanassaṃ, na cetaso uppilāvitattaṃ karaṇīya’nti. Yaṃ pana bhagavatā selassa brāhmaṇassa yathābhucce vaṇṇe bhaññamāne bhiyyo uttariṃ sakaguṇaṃ pakittitaṃ ‘rājāhamasmi selāti, dhammarājā anuttaro’ti taṃ na lābhahetu, na yasahetu, na attahetu, na pakkhahetu, na antevāsikamyatāya, atha kho anukampāya kāruññena hitavasena evaṃ imassa dhammābhisamayo bhavissati tiṇṇañca māṇavakasatānanti, evaṃ bhiyyo uttariṃ sakaguṇaṃ bhaṇitaṃ ‘rājāhamasmi selāti, dhammarājā anuttaro’ti. ‘‘Sādhu, bhante nāgasena, evametaṃ tathā sampaṭicchāmī’’ti.
วณฺณภณนปโญฺห ทสโมฯ
Vaṇṇabhaṇanapañho dasamo.
Footnotes: