Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) |
๕. วปฺปสุตฺตวณฺณนา
5. Vappasuttavaṇṇanā
๑๙๕. ปญฺจเม วโปฺปติ ทสพลสฺส จูฬปิตา สกฺยราชาฯ นิคณฺฐสาวโกติ เวสาลิยํ สีหเสนาปติ วิย นาฬนฺทายํ อุปาลิคหปติ วิย จ นิคณฺฐสฺส นาฎปุตฺตสฺส อุปฎฺฐาโกฯ กาเยน สํวุโตติ กายทฺวารสฺส สํวุตตฺตา ปิหิตตฺตา กาเยน สํวุโต นามฯ เสสทฺวเยปิ เอเสว นโยฯ อวิชฺชาวิราคาติ อวิชฺชาย ขยวิราเคนฯ วิชฺชุปฺปาทาติ มคฺควิชฺชาย อุปฺปาเทนฯ ตํ ฐานนฺติ ตํ การณํฯ อวิปกฺกวิปากนฺติ อลทฺธวิปากวารํฯ ตโตนิทานนฺติ ตํเหตุ ตปฺปจฺจยาฯ ทุกฺขเวทนิยา อาสวา อสฺสเวยฺยุนฺติ ทุกฺขเวทนาย ปจฺจยภูตา กิเลสา อสฺสเวยฺยุํ, ตสฺส ปุริสสฺส อุปฺปเชฺชยฺยุนฺติ อโตฺถฯ อภิสมฺปรายนฺติ ทุติเย อตฺตภาเวฯ กายสมารมฺภปจฺจยาติ กายกมฺมปจฺจเยนฯ อาสวาติ กิเลสาฯ วิฆาตปริฬาหาติ เอตฺถ วิฆาโตติ ทุกฺขํฯ ปริฬาโหติ กายิกเจตสิโก ปริฬาโหฯ ผุสฺส ผุสฺส พฺยนฺตีกโรตีติ ญาณวชฺฌํ กมฺมํ ญาณผเสฺสน ผุสิตฺวา ผุสิตฺวา ขยํ คเมติ, วิปากวชฺฌํ กมฺมํ วิปากผเสฺสน ผุสิตฺวา ผุสิตฺวา ขยํ คเมติฯ นิชฺชราติ กิเลสชีรณกปฎิปทาฯ เสสวาเรสุปิ เอเสว นโยฯ อิธ ฐตฺวา อยํ ภิกฺขุ ขีณาสโว กาตโพฺพ, จตฺตาริ มหาภูตานิ นีหริตฺวา จตุสจฺจววตฺถานํ ทเสฺสตฺวา ยาว อรหตฺตผลํ กมฺมฎฺฐานํ กเถตพฺพํฯ
195. Pañcame vappoti dasabalassa cūḷapitā sakyarājā. Nigaṇṭhasāvakoti vesāliyaṃ sīhasenāpati viya nāḷandāyaṃ upāligahapati viya ca nigaṇṭhassa nāṭaputtassa upaṭṭhāko. Kāyena saṃvutoti kāyadvārassa saṃvutattā pihitattā kāyena saṃvuto nāma. Sesadvayepi eseva nayo. Avijjāvirāgāti avijjāya khayavirāgena. Vijjuppādāti maggavijjāya uppādena. Taṃ ṭhānanti taṃ kāraṇaṃ. Avipakkavipākanti aladdhavipākavāraṃ. Tatonidānanti taṃhetu tappaccayā. Dukkhavedaniyā āsavā assaveyyunti dukkhavedanāya paccayabhūtā kilesā assaveyyuṃ, tassa purisassa uppajjeyyunti attho. Abhisamparāyanti dutiye attabhāve. Kāyasamārambhapaccayāti kāyakammapaccayena. Āsavāti kilesā. Vighātapariḷāhāti ettha vighātoti dukkhaṃ. Pariḷāhoti kāyikacetasiko pariḷāho. Phussa phussa byantīkarotīti ñāṇavajjhaṃ kammaṃ ñāṇaphassena phusitvā phusitvā khayaṃ gameti, vipākavajjhaṃ kammaṃ vipākaphassena phusitvā phusitvā khayaṃ gameti. Nijjarāti kilesajīraṇakapaṭipadā. Sesavāresupi eseva nayo. Idha ṭhatvā ayaṃ bhikkhu khīṇāsavo kātabbo, cattāri mahābhūtāni nīharitvā catusaccavavatthānaṃ dassetvā yāva arahattaphalaṃ kammaṭṭhānaṃ kathetabbaṃ.
อิทานิ ปน ตสฺส ขีณาสวสฺส สตตวิหาเร ทเสฺสตุํ เอวํ สมฺมา วิมุตฺตจิตฺตสฺสาติอาทิมาหฯ ตตฺถ สมฺมา วิมุตฺตจิตฺตสฺสาติ เหตุนา การเณน สมฺมา วิมุตฺตสฺสฯ สตตวิหาราติ นิจฺจวิหารา นิพทฺธวิหาราฯ เนว สุมโน โหตีติ อิฎฺฐารมฺมเณ ราควเสน น โสมนสฺสชาโต โหติฯ น ทุมฺมโนติ อนิฎฺฐารมฺมเณ ปฎิฆวเสน น โทมนสฺสชาโต โหติฯ อุเปกฺขโก วิหรติ สโต สมฺปชาโนติ สติสมฺปชญฺญปริคฺคหิตาย มชฺฌตฺตาการลกฺขณาย อุเปกฺขาย เตสุ อารมฺมเณสุ อุเปกฺขโก มชฺฌโตฺต หุตฺวา วิหรติฯ
Idāni pana tassa khīṇāsavassa satatavihāre dassetuṃ evaṃ sammā vimuttacittassātiādimāha. Tattha sammā vimuttacittassāti hetunā kāraṇena sammā vimuttassa. Satatavihārāti niccavihārā nibaddhavihārā. Neva sumano hotīti iṭṭhārammaṇe rāgavasena na somanassajāto hoti. Na dummanoti aniṭṭhārammaṇe paṭighavasena na domanassajāto hoti. Upekkhako viharati sato sampajānoti satisampajaññapariggahitāya majjhattākāralakkhaṇāya upekkhāya tesu ārammaṇesu upekkhako majjhatto hutvā viharati.
กายปริยนฺติกนฺติ กายนฺติกํ กายปริจฺฉินฺนํ, ยาว ปญฺจทฺวารกาโย ปวตฺตติ, ตาว ปวตฺตํ ปญฺจทฺวาริกเวทนนฺติ อโตฺถฯ ชีวิตปริยนฺติกนฺติ ชีวิตนฺติกํ ชีวิตปริจฺฉินฺนํ, ยาว ชีวิตํ ปวตฺตติ, ตาว ปวตฺตํ มโนทฺวาริกเวทนนฺติ อโตฺถฯ ตตฺถ ปญฺจทฺวาริกเวทนา ปจฺฉา อุปฺปชฺชิตฺวา ปฐมํ นิรุชฺฌติ, มโนทฺวาริกเวทนา ปฐมํ อุปฺปชฺชิตฺวา ปจฺฉา นิรุชฺฌติฯ สา หิ ปฎิสนฺธิกฺขเณ วตฺถุรูปสฺมิํเยว ปติฎฺฐาติฯ ปญฺจทฺวาริกา ปวเตฺต ปญฺจทฺวารวเสน ปวตฺตมานา ปฐมวเย วีสติวสฺสกาเล รชฺชนทุสฺสนมุยฺหนวเสน อธิมตฺตา พลวตี โหติ, ปณฺณาสวสฺสกาเล ฐิตา โหติ, สฎฺฐิวสฺสกาลโต ปฎฺฐาย ปริหายมานา, อสีตินวุติวสฺสกาเล มนฺทา โหติฯ ตทา หิ สตฺตา ‘‘จิรรตฺตํ เอกโต นิสีทิมฺหา นิปชฺชิมฺหา’’ติ วทเนฺตปิ น ชานามาติ วทนฺติฯ อธิมตฺตานิปิ รูปาทิอารมฺมณานิ น ปสฺสาม, สุคนฺธทุคฺคนฺธํ วา สาทุอสาทุํ วา ถทฺธมุทุกํ วาติ น ชานามาติปิ วทนฺติฯ อิติ เนสํ ปญฺจทฺวาริกเวทนา ภคฺคา โหติ, มโนทฺวาริกา ปวตฺตติฯ สาปิ อนุปุเพฺพน ปริหายมานา มรณสมเย หทยโกฎิํเยว นิสฺสาย ปวตฺตติฯ ยาว ปเนสา ปวตฺตติ, ตาว สโตฺต ชีวตีติ วุจฺจติฯ ยทา นปฺปวตฺตติ, ตทา ‘‘มโต นิรุโทฺธ’’ติ วุจฺจติฯ
Kāyapariyantikanti kāyantikaṃ kāyaparicchinnaṃ, yāva pañcadvārakāyo pavattati, tāva pavattaṃ pañcadvārikavedananti attho. Jīvitapariyantikanti jīvitantikaṃ jīvitaparicchinnaṃ, yāva jīvitaṃ pavattati, tāva pavattaṃ manodvārikavedananti attho. Tattha pañcadvārikavedanā pacchā uppajjitvā paṭhamaṃ nirujjhati, manodvārikavedanā paṭhamaṃ uppajjitvā pacchā nirujjhati. Sā hi paṭisandhikkhaṇe vatthurūpasmiṃyeva patiṭṭhāti. Pañcadvārikā pavatte pañcadvāravasena pavattamānā paṭhamavaye vīsativassakāle rajjanadussanamuyhanavasena adhimattā balavatī hoti, paṇṇāsavassakāle ṭhitā hoti, saṭṭhivassakālato paṭṭhāya parihāyamānā, asītinavutivassakāle mandā hoti. Tadā hi sattā ‘‘cirarattaṃ ekato nisīdimhā nipajjimhā’’ti vadantepi na jānāmāti vadanti. Adhimattānipi rūpādiārammaṇāni na passāma, sugandhaduggandhaṃ vā sāduasāduṃ vā thaddhamudukaṃ vāti na jānāmātipi vadanti. Iti nesaṃ pañcadvārikavedanā bhaggā hoti, manodvārikā pavattati. Sāpi anupubbena parihāyamānā maraṇasamaye hadayakoṭiṃyeva nissāya pavattati. Yāva panesā pavattati, tāva satto jīvatīti vuccati. Yadā nappavattati, tadā ‘‘mato niruddho’’ti vuccati.
สฺวายมโตฺถ วาปิยา ทีเปตโพฺพ – ยถา หิ ปุริโส ปญฺจอุทกมคฺคสมฺปนฺนํ วาปิํ กเรยฺยฯ ปฐมํ เทเว วุเฎฺฐ ปญฺจหิ อุทกมเคฺคหิ อุทกํ ปวิสิตฺวา อโนฺตวาปิยํ อาวาเฎ ปูเรยฺยฯ ปุนปฺปุนํ เทเว วสฺสเนฺต อุทกมเคฺค ปูเรตฺวา คาวุตฑฺฒโยชนมตฺตํ โอตฺถริตฺวา อุทกํ ติเฎฺฐยฺย ตโต ตโต วิสฺสนฺทมานํฯ อถ นิทฺธมนตุเมฺพ วิวริตฺวา เขเตฺตสุ กเมฺม กยิรมาเน อุทกํ นิกฺขมนฺตํ, สสฺสปากกาเล อุทกํ นิกฺขนฺตํ อุทกํ ปริหีนํ, ‘‘มเจฺฉ คณฺหามา’’ติ วตฺตพฺพตํ อาปเชฺชยฺยฯ ตโต กติปาเหน อาวาเฎสุเยว อุทกํ สณฺฐเหยฯ ยาว ปน ตํ อาวาเฎสุ โหติ, ตาว มหาวาปิยํ อุทกํ อตฺถีติ สงฺขํ คจฺฉติฯ ยทา ปน ตตฺถ ฉิชฺชติ, ตทา ‘‘วาปิยํ อุทกํ นตฺถี’’ติ วุจฺจติฯ เอวํ สมฺปทมิทํ เวทิตพฺพํฯ
Svāyamattho vāpiyā dīpetabbo – yathā hi puriso pañcaudakamaggasampannaṃ vāpiṃ kareyya. Paṭhamaṃ deve vuṭṭhe pañcahi udakamaggehi udakaṃ pavisitvā antovāpiyaṃ āvāṭe pūreyya. Punappunaṃ deve vassante udakamagge pūretvā gāvutaḍḍhayojanamattaṃ ottharitvā udakaṃ tiṭṭheyya tato tato vissandamānaṃ. Atha niddhamanatumbe vivaritvā khettesu kamme kayiramāne udakaṃ nikkhamantaṃ, sassapākakāle udakaṃ nikkhantaṃ udakaṃ parihīnaṃ, ‘‘macche gaṇhāmā’’ti vattabbataṃ āpajjeyya. Tato katipāhena āvāṭesuyeva udakaṃ saṇṭhaheya. Yāva pana taṃ āvāṭesu hoti, tāva mahāvāpiyaṃ udakaṃ atthīti saṅkhaṃ gacchati. Yadā pana tattha chijjati, tadā ‘‘vāpiyaṃ udakaṃ natthī’’ti vuccati. Evaṃ sampadamidaṃ veditabbaṃ.
ปฐมํ เทเว วสฺสเนฺต ปญฺจหิ มเคฺคหิ อุทเก ปวิสเนฺต อาวาฎานํ ปูรณกาโล วิย หิ ปฐมเมว ปฎิสนฺธิกฺขเณ มโนทฺวาริกเวทนาย วตฺถุรูเป ปติฎฺฐิตกาโล, ปุนปฺปุนํ เทเว วสฺสเนฺต ปญฺจมคฺคานํ ปูรณกาโล วิย ปวเตฺต ปญฺจทฺวาริกเวทนาย ปวตฺติ, คาวุตฑฺฒโยชนมตฺตํ อโชฺฌตฺถรณํ วิย ปฐมวเย วีสติวสฺสกาเล รชฺชนาทิวเสน ตสฺส อธิมตฺตพลวภาโว, ยาว วาปิโต อุทกํ น นิคฺคจฺฉติ, ตาว ปูราย วาปิยา ฐิตกาโล วิย ปญฺญาสวสฺสกาเล ตสฺส ฐิตกาโล, นิทฺธมนตุเมฺพสุ วิวเฎสุ กเมฺม กยิรมาเน อุทกสฺส นิกฺขมนกาโล วิย สฎฺฐิวสฺสกาลโต ปฎฺฐาย ตสฺส ปริหานิ, อุทเก ภเฎฺฐ อุทกมเคฺคสุ ปริตฺตอุทกสฺส ฐิตกาโล วิย อสีตินวุติกาเล ปญฺจทฺวาริกเวทนาย มนฺทกาโล, อาวาเฎสุเยว อุทกสฺส ปติฎฺฐิตกาโล วิย หทยวตฺถุโกฎิํ นิสฺสาย มโนทฺวาเร เวทนาย ปวตฺติกาโล, อาวาเฎสุ ปริเตฺตปิ อุทเก สติ ‘‘วาปิยํ อุทกํ อตฺถี’’ติ วตฺตพฺพกาโล วิย ยาว สา ปวตฺตติ, ตาว ‘‘สโตฺต ชีวตี’’ติ วุจฺจติฯ ยถา ปน อาวาเฎสุ อุทเก ฉิเนฺน ‘‘นตฺถิ วาปิยํ อุทก’’นฺติ วุจฺจติ, เอวํ มโนทฺวาริกเวทนาย อปฺปวตฺตมานาย สโตฺต มโตติ วุจฺจติฯ อิมํ เวทนํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘ชีวิตปริยนฺติกํ เวทนํ เวทิยมาโน’’ติฯ
Paṭhamaṃ deve vassante pañcahi maggehi udake pavisante āvāṭānaṃ pūraṇakālo viya hi paṭhamameva paṭisandhikkhaṇe manodvārikavedanāya vatthurūpe patiṭṭhitakālo, punappunaṃ deve vassante pañcamaggānaṃ pūraṇakālo viya pavatte pañcadvārikavedanāya pavatti, gāvutaḍḍhayojanamattaṃ ajjhottharaṇaṃ viya paṭhamavaye vīsativassakāle rajjanādivasena tassa adhimattabalavabhāvo, yāva vāpito udakaṃ na niggacchati, tāva pūrāya vāpiyā ṭhitakālo viya paññāsavassakāle tassa ṭhitakālo, niddhamanatumbesu vivaṭesu kamme kayiramāne udakassa nikkhamanakālo viya saṭṭhivassakālato paṭṭhāya tassa parihāni, udake bhaṭṭhe udakamaggesu parittaudakassa ṭhitakālo viya asītinavutikāle pañcadvārikavedanāya mandakālo, āvāṭesuyeva udakassa patiṭṭhitakālo viya hadayavatthukoṭiṃ nissāya manodvāre vedanāya pavattikālo, āvāṭesu parittepi udake sati ‘‘vāpiyaṃ udakaṃ atthī’’ti vattabbakālo viya yāva sā pavattati, tāva ‘‘satto jīvatī’’ti vuccati. Yathā pana āvāṭesu udake chinne ‘‘natthi vāpiyaṃ udaka’’nti vuccati, evaṃ manodvārikavedanāya appavattamānāya satto matoti vuccati. Imaṃ vedanaṃ sandhāya vuttaṃ – ‘‘jīvitapariyantikaṃ vedanaṃ vediyamāno’’ti.
กายสฺส เภทาติ กายสฺส เภเทนฯ อุทฺธํ ชีวิตปริยาทานาติ ชีวิตกฺขยโต อุทฺธํฯ อิเธวาติ ปฎิสนฺธิวเสน ปรโต อคนฺตฺวา อิเธวฯ สีตี ภวิสฺสนฺตีติ ปวตฺติวิปฺผนฺทนทรถรหิตานิ สีตานิ อปฺปวตฺตนธมฺมานิ ภวิสฺสนฺติฯ
Kāyassa bhedāti kāyassa bhedena. Uddhaṃ jīvitapariyādānāti jīvitakkhayato uddhaṃ. Idhevāti paṭisandhivasena parato agantvā idheva. Sītībhavissantīti pavattivipphandanadaratharahitāni sītāni appavattanadhammāni bhavissanti.
ถูณํ ปฎิจฺจาติ รุกฺขํ ปฎิจฺจฯ กุทฺทาลปิฎกํ อาทายาติ กุทฺทาลญฺจ ขณิตฺติญฺจ ปจฺฉิญฺจ คเหตฺวาติ อโตฺถฯ เทสนา ปน กุทฺทาลวเสเนว กตาฯ มูเล ฉิเนฺทยฺยาติ มูลมฺหิ กุทฺทาเลน ฉิเนฺทยฺยฯ ปลิขเณยฺยาติ ขณิตฺติยา สมนฺตา ขเณยฺยฯ
Thūṇaṃ paṭiccāti rukkhaṃ paṭicca. Kuddālapiṭakaṃ ādāyāti kuddālañca khaṇittiñca pacchiñca gahetvāti attho. Desanā pana kuddālavaseneva katā. Mūle chindeyyāti mūlamhi kuddālena chindeyya. Palikhaṇeyyāti khaṇittiyā samantā khaṇeyya.
เอวเมว โขติ เอตฺถ อิทํ โอปมฺมสํสนฺทนํ – รุโกฺข วิย หิ อตฺตภาโว ทฎฺฐโพฺพ, รุกฺขํ ปฎิจฺจ ฉายา วิย กุสลากุสลํ กมฺมํ, ฉายํ อปฺปวตฺตํ กาตุกาโม ปุริโส วิย โยคาวจโร, กุทฺทาโล วิย ปญฺญา, ปิฎกํ วิย สมาธิ, ขณิตฺติ วิย วิปสฺสนา, ขณิตฺติยา มูลานํ ปลิขณนกาโล วิย อรหตฺตมเคฺคน อวิชฺชาย เฉทนกาโล, ขณฺฑาขณฺฑํ กรณกาโล วิย ขนฺธวเสน ทิฎฺฐกาโล, ผาลนกาโล วิย อายตนวเสน ทิฎฺฐกาโล, สกลีกรณกาโล วิย ธาตุวเสน ทิฎฺฐกาโล, วาตาตเปน วิโสสนกาโล วิย กายิกเจตสิกสฺส วีริยสฺส กรณกาโล, อคฺคินา ฑหนกาโล วิย ญาเณน กิเลสานํ ฑหนกาโล, มสิกรณกาโล วิย วตฺตมานก-ปญฺจกฺขนฺธกาโล, มหาวาเต โอผุนนกาโล วิย นทีโสเต ปวาหนกาโล วิย จ ฉินฺนมูลกานํ ปญฺจนฺนํ ขนฺธานํ อปฺปฎิสนฺธิกนิโรโธ, โอผุนนปฺปวาหเนหิ อปญฺญตฺติกภาวูปคโม วิย ปุนพฺภเว วิปากกฺขนฺธานํ อนุปฺปาเทน อปณฺณตฺติกภาโว เวทิตโพฺพฯ
Evamevakhoti ettha idaṃ opammasaṃsandanaṃ – rukkho viya hi attabhāvo daṭṭhabbo, rukkhaṃ paṭicca chāyā viya kusalākusalaṃ kammaṃ, chāyaṃ appavattaṃ kātukāmo puriso viya yogāvacaro, kuddālo viya paññā, piṭakaṃ viya samādhi, khaṇitti viya vipassanā, khaṇittiyā mūlānaṃ palikhaṇanakālo viya arahattamaggena avijjāya chedanakālo, khaṇḍākhaṇḍaṃ karaṇakālo viya khandhavasena diṭṭhakālo, phālanakālo viya āyatanavasena diṭṭhakālo, sakalīkaraṇakālo viya dhātuvasena diṭṭhakālo, vātātapena visosanakālo viya kāyikacetasikassa vīriyassa karaṇakālo, agginā ḍahanakālo viya ñāṇena kilesānaṃ ḍahanakālo, masikaraṇakālo viya vattamānaka-pañcakkhandhakālo, mahāvāte ophunanakālo viya nadīsote pavāhanakālo viya ca chinnamūlakānaṃ pañcannaṃ khandhānaṃ appaṭisandhikanirodho, ophunanappavāhanehi apaññattikabhāvūpagamo viya punabbhave vipākakkhandhānaṃ anuppādena apaṇṇattikabhāvo veditabbo.
ภควนฺตํ เอตทโวจาติ สตฺถริ เทสนํ วินิวเฎฺฎเนฺต โสตาปตฺติผลํ ปตฺวา เอตํ ‘‘เสยฺยถาปิ, ภเนฺต’’ติอาทิวจนํ อโวจฯ ตตฺถ อุทยตฺถิโกติ วฑฺฒิอตฺถิโกฯ อสฺสปณิยํ โปเสยฺยาติ ปญฺจ อสฺสโปตสตานิ กิณิตฺวา ปจฺฉา วิกฺกิณิสฺสามีติ โปเสยฺยฯ สหสฺสคฺฆนกสฺส อสฺสสฺส ปญฺจสตมตฺตํ อุปกรณํ คนฺธมาลาทิวเสน โปสาวนิกํเยว อคมาสิฯ อถสฺส เต อสฺสา เอกทิวเสเนว โรคํ ผุสิตฺวา สเพฺพ ชีวิตกฺขยํ ปาปุเณยฺยุนฺติ อิมินา อธิปฺปาเยน เอวมาหฯ อุทยเญฺจว นาธิคเจฺฉยฺยาติ วฑฺฒิญฺจ เคหโต นีหริตฺวา ทินฺนมูลญฺจ กิญฺจิ น ลเภยฺยฯ ปยิรุปาสินฺติ จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฎฺฐหิํฯ สฺวาหํ อุทยเญฺจว นาธิคจฺฉินฺติ โส อหํ เนว อุทยํ น เคหโต ทินฺนธนํ อธิคจฺฉิํ, ปณิยอสฺสชคฺคนโก นาม ชาโตสฺมีติ ทเสฺสติฯ เสสเมตฺถ อุตฺตานเมวาติฯ
Bhagavantaṃ etadavocāti satthari desanaṃ vinivaṭṭente sotāpattiphalaṃ patvā etaṃ ‘‘seyyathāpi, bhante’’tiādivacanaṃ avoca. Tattha udayatthikoti vaḍḍhiatthiko. Assapaṇiyaṃ poseyyāti pañca assapotasatāni kiṇitvā pacchā vikkiṇissāmīti poseyya. Sahassagghanakassa assassa pañcasatamattaṃ upakaraṇaṃ gandhamālādivasena posāvanikaṃyeva agamāsi. Athassa te assā ekadivaseneva rogaṃ phusitvā sabbe jīvitakkhayaṃ pāpuṇeyyunti iminā adhippāyena evamāha. Udayañceva nādhigaccheyyāti vaḍḍhiñca gehato nīharitvā dinnamūlañca kiñci na labheyya. Payirupāsinti catūhi paccayehi upaṭṭhahiṃ. Svāhaṃ udayañceva nādhigacchinti so ahaṃ neva udayaṃ na gehato dinnadhanaṃ adhigacchiṃ, paṇiyaassajagganako nāma jātosmīti dasseti. Sesamettha uttānamevāti.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๕. วปฺปสุตฺตํ • 5. Vappasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๕. วปฺปสุตฺตวณฺณนา • 5. Vappasuttavaṇṇanā