Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) |
๕. วปฺปสุตฺตวณฺณนา
5. Vappasuttavaṇṇanā
๑๙๕. ปญฺจเม ปิหิตตฺตาติ อกุสลสฺส ปเวสนทฺวารํ ปิทหิตฺวา ฐิตตฺตาฯ กาเยน สํวริตพฺพญฺหิ อปิหิเตน ทฺวาเรน ปวตฺตนกํ ปาปธมฺมํ สํวริตฺวา ฐิโต กาเยน สํวุโต นามฯ ขยวิราเคนาติ อจฺจนฺตขยสงฺขาเตน วิรชฺชเนน, อนุปฺปาทนิโรเธนาติ อโตฺถฯ กิํ วิชฺชา ปุเพฺพ อุปฺปนฺนาติ? อุภยเมตํ น วตฺตพฺพํฯ ปหานาภิสมยภาวนาภิสมยานํ อภินฺนกาลตฺตา ปทีปุชฺชลเนน อนฺธการํ วิย วิชฺชุปฺปาเทน อวิชฺชา นิรุทฺธาว โหติ, วตฺตพฺพํ วา เหตุผลตฺตมุปจารวเสนฯ ยถา หิ ปทีปุชฺชลนเหตุโก อนฺธการวิคโม, เอวํ วิชฺชุปฺปาทเหตุโก อวิชฺชานิโรโธฯ เหตุผลธมฺมา จ สมานกาลาปิ ปุพฺพาปรกาลา วิย โวหรียนฺติ ยถา ‘‘จกฺขุญฺจ ปฎิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิญฺญาณ’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๔๐๐; ๓.๔๒๑, ๔๒๕, ๔๒๖; สํ. นิ. ๒.๔๓-๔๔; ๒.๔.๖๐; กถา. ๔๖๕, ๔๖๗) ปจฺจยาทานุปฺปชฺชนกิริยาฯ จิตฺตสฺส กายสฺส จ วิหนนโต วิฆาโต, ทุกฺขํฯ ปริทหนโต ปริฬาโหฯ
195. Pañcame pihitattāti akusalassa pavesanadvāraṃ pidahitvā ṭhitattā. Kāyena saṃvaritabbañhi apihitena dvārena pavattanakaṃ pāpadhammaṃ saṃvaritvā ṭhito kāyena saṃvuto nāma. Khayavirāgenāti accantakhayasaṅkhātena virajjanena, anuppādanirodhenāti attho. Kiṃ vijjā pubbe uppannāti? Ubhayametaṃ na vattabbaṃ. Pahānābhisamayabhāvanābhisamayānaṃ abhinnakālattā padīpujjalanena andhakāraṃ viya vijjuppādena avijjā niruddhāva hoti, vattabbaṃ vā hetuphalattamupacāravasena. Yathā hi padīpujjalanahetuko andhakāravigamo, evaṃ vijjuppādahetuko avijjānirodho. Hetuphaladhammā ca samānakālāpi pubbāparakālā viya voharīyanti yathā ‘‘cakkhuñca paṭicca rūpe ca uppajjati cakkhuviññāṇa’’nti (ma. ni. 1.400; 3.421, 425, 426; saṃ. ni. 2.43-44; 2.4.60; kathā. 465, 467) paccayādānuppajjanakiriyā. Cittassa kāyassa ca vihananato vighāto, dukkhaṃ. Paridahanato pariḷāho.
นิจฺจวิหาราติ สพฺพทา ปวตฺตนกวิหาราฯ ฐเปตฺวา หิ สมาปตฺติเวลํ ภวงฺคเวลญฺจ ขีณาสวา อิมินา ฉฬงฺคุเปกฺขาวิหาเรน สพฺพกาลํ วิหรนฺติฯ จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวาติ จกฺขุวิญฺญาเณน รูปํ ทิสฺวาฯ จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวาติ หิ นิสฺสยโวหาเรน วุตฺตํฯ สสมฺภารกถา เหสา ยถา ‘‘ธนุนา วิชฺฌตี’’ติ, ตสฺมา นิสฺสยสีเสน นิสฺสิตสฺส คหณํ ทฎฺฐพฺพํฯ ราควเสน น โสมนสฺสชาโต โหตีติ เคหสิตเปมวเสนปิ ชวนกฺขเณ โสมนสฺสชาโต น โหติ มเคฺคน สมุจฺฉินฺนตฺตา, น โทมนสฺสชาโต ปสาทญฺญถตฺตวเสนปิฯ อุเปกฺขโก มชฺฌโตฺต หุตฺวา วิหรตีติ อสมเปกฺขเนน โมหํ อนุปฺปาเทโนฺต ญาณุเปกฺขาวเสเนว อุเปกฺขโก วิหรติ มชฺฌโตฺตฯ ขีณาสโว หิ อิเฎฺฐปิ อนิเฎฺฐปิ มชฺฌเตฺตปิ อารมฺมเณ โย อสมเปกฺขเนน สมสมา อโยนิโสคหเณ อขีณาสวานํ โมโห อุปฺปชฺชติ, ตํ อนุปฺปาเทโนฺต มเคฺคเนว ตสฺส สมุคฺฆาติตตฺตา ญาณุเปกฺขาวเสเนว อุเปกฺขโก วิหรติ, อยญฺจสฺส ปฎิปตฺติ สติเวปุลฺลปตฺติยา ปญฺญาเวปุลฺลปตฺติยา จาติ วุตฺตํ ‘‘สติสมฺปชญฺญปริคฺคหิตายา’’ติฯ
Niccavihārāti sabbadā pavattanakavihārā. Ṭhapetvā hi samāpattivelaṃ bhavaṅgavelañca khīṇāsavā iminā chaḷaṅgupekkhāvihārena sabbakālaṃ viharanti. Cakkhunā rūpaṃ disvāti cakkhuviññāṇena rūpaṃ disvā. Cakkhunā rūpaṃ disvāti hi nissayavohārena vuttaṃ. Sasambhārakathā hesā yathā ‘‘dhanunā vijjhatī’’ti, tasmā nissayasīsena nissitassa gahaṇaṃ daṭṭhabbaṃ. Rāgavasena na somanassajāto hotīti gehasitapemavasenapi javanakkhaṇe somanassajāto na hoti maggena samucchinnattā, na domanassajāto pasādaññathattavasenapi. Upekkhako majjhatto hutvā viharatīti asamapekkhanena mohaṃ anuppādento ñāṇupekkhāvaseneva upekkhako viharati majjhatto. Khīṇāsavo hi iṭṭhepi aniṭṭhepi majjhattepi ārammaṇe yo asamapekkhanena samasamā ayonisogahaṇe akhīṇāsavānaṃ moho uppajjati, taṃ anuppādento maggeneva tassa samugghātitattā ñāṇupekkhāvaseneva upekkhako viharati, ayañcassa paṭipatti sativepullapattiyā paññāvepullapattiyā cāti vuttaṃ ‘‘satisampajaññapariggahitāyā’’ti.
เอตฺถ จ ‘‘ฉสุ ทฺวาเรสุ อุเปกฺขโก วิหรตี’’ติ อิมินา ฉฬงฺคุเปกฺขา กถิตาฯ ‘‘สมฺปชาโน’’ติ วจนโต ปน จตฺตาริ ญาณสมฺปยุตฺตจิตฺตานิ ลพฺภนฺติ เตหิ วินา สมฺปชานตาย อสมฺภวโตฯ ‘‘สตตวิหารา’’ติ วจนโต อฎฺฐปิ มหากิริยจิตฺตานิ ลพฺภนฺติ ญาณุปฺปตฺติปจฺจยรหิตกาเลปิ ปวตฺติโชตนโตฯ ‘‘อรชฺชโนฺต อทุสฺสโนฺต’’ติ วจนโต หสิตุปฺปาทโวฎฺฐพฺพเนหิ สทฺธิํ ทส จิตฺตานิ ลพฺภนฺติฯ อรชฺชนาทุสฺสนวเสน ปวตฺติ หิ เตสมฺปิ สาธารณาติฯ นนุ เจตฺถ ‘‘อุเปกฺขโก วิหรตี’’ติ ฉฬงฺคุเปกฺขาวเสน อิเมสํ สตตวิหารานํ อาคตตฺตา โสมนสฺสํ กถํ ลพฺภตีติ? อาเสวนโตติฯ กิญฺจาปิ หิ ขีณาสโว อิฎฺฐานิเฎฺฐปิ อารมฺมเณ มชฺฌเตฺต วิย พหุลํ อุเปกฺขโก วิหรติ อตฺตโน ปริสุทฺธปฺปกติภาวาวิชหนโต, กทาจิ ปน ตถา เจโตภิสงฺขารภาเว ยํ ตํ สภาวโต อิฎฺฐํ อารมฺมณํ , ตสฺส ยาถาวโต สภาวคฺคหณวเสนปิ อรหโต จิตฺตํ โสมนสฺสสหคตํ หุตฺวา ปวตฺตเตว, ตญฺจ โข ปุพฺพาเสวนวเสนฯ
Ettha ca ‘‘chasu dvāresu upekkhako viharatī’’ti iminā chaḷaṅgupekkhā kathitā. ‘‘Sampajāno’’ti vacanato pana cattāri ñāṇasampayuttacittāni labbhanti tehi vinā sampajānatāya asambhavato. ‘‘Satatavihārā’’ti vacanato aṭṭhapi mahākiriyacittāni labbhanti ñāṇuppattipaccayarahitakālepi pavattijotanato. ‘‘Arajjanto adussanto’’ti vacanato hasituppādavoṭṭhabbanehi saddhiṃ dasa cittāni labbhanti. Arajjanādussanavasena pavatti hi tesampi sādhāraṇāti. Nanu cettha ‘‘upekkhako viharatī’’ti chaḷaṅgupekkhāvasena imesaṃ satatavihārānaṃ āgatattā somanassaṃ kathaṃ labbhatīti? Āsevanatoti. Kiñcāpi hi khīṇāsavo iṭṭhāniṭṭhepi ārammaṇe majjhatte viya bahulaṃ upekkhako viharati attano parisuddhappakatibhāvāvijahanato, kadāci pana tathā cetobhisaṅkhārabhāve yaṃ taṃ sabhāvato iṭṭhaṃ ārammaṇaṃ , tassa yāthāvato sabhāvaggahaṇavasenapi arahato cittaṃ somanassasahagataṃ hutvā pavattateva, tañca kho pubbāsevanavasena.
กาโยติ (สํ. นิ. ฎี. ๒.๒.๕๑) ปญฺจทฺวารกาโย, โส อโนฺต อวสานํ เอติสฺสาติ กายนฺติกา, ตํ กายนฺติกํฯ เตนาห – ‘‘ยาว ปญฺจทฺวารกาโย ปวตฺตติ, ตาว ปวตฺต’’นฺติฯ ชีวิตนฺติกนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ ปจฺฉา อุปฺปชฺชิตฺวาติ เอตสฺมิํ อตฺตภาเว มโนทฺวาริกเวทนาโต ปจฺฉา อุปฺปชฺชิตฺวา ตโต ปฐมํ นิรุชฺฌติ, ตโต เอว อตฺถสิทฺธมตฺถํ สรูเปเนว ทเสฺสตุํ ‘‘มโนทฺวาริกเวทนา ปฐมํ อุปฺปชฺชิตฺวา ปจฺฉา นิรุชฺฌตี’’ติ วุตฺตํฯ อิทานิ ตเมว สเงฺขเปน วุตฺตํ วิวริตุํ ‘‘สา หี’’ติอาทิมาหฯ ยาว เตตฺติํสวสฺสานิ ปฐมวโยฯ ปญฺญาสวสฺสกาเลติ ปฐมวยโต ยาว ปญฺญาสวสฺสกาลา, ตาวฯ ฐิตา โหตีติ วฑฺฒิหานิโย อนุปคนฺตฺวา สมรูเปเนว ฐิตา โหติฯ มนฺทาติ มุทุกา อติขิณาฯ ตทาติ อสีตินวุติวสฺสกาเล วทเนฺตปิ ตถาจิรปริจิเตปีติ อธิปฺปาโยฯ ภคฺคาติ เตโชภเคฺคน ภคฺคา ทุพฺพณฺณาฯ หทยโกฎิํเยวาติ จกฺขาทิวตฺถูสุ อปฺปวตฺติตฺวา เตสํ อาทิอนฺตโกฎิภูตํ หทยวตฺถุํเยวฯ ตาวาติ ยาว เวทนา วตฺตติ, ตาวฯ
Kāyoti (saṃ. ni. ṭī. 2.2.51) pañcadvārakāyo, so anto avasānaṃ etissāti kāyantikā, taṃ kāyantikaṃ. Tenāha – ‘‘yāva pañcadvārakāyo pavattati, tāva pavatta’’nti. Jīvitantikanti etthāpi eseva nayo. Pacchā uppajjitvāti etasmiṃ attabhāve manodvārikavedanāto pacchā uppajjitvā tato paṭhamaṃ nirujjhati, tato eva atthasiddhamatthaṃ sarūpeneva dassetuṃ ‘‘manodvārikavedanā paṭhamaṃ uppajjitvā pacchā nirujjhatī’’ti vuttaṃ. Idāni tameva saṅkhepena vuttaṃ vivarituṃ ‘‘sā hī’’tiādimāha. Yāva tettiṃsavassāni paṭhamavayo. Paññāsavassakāleti paṭhamavayato yāva paññāsavassakālā, tāva. Ṭhitā hotīti vaḍḍhihāniyo anupagantvā samarūpeneva ṭhitā hoti. Mandāti mudukā atikhiṇā. Tadāti asītinavutivassakāle vadantepi tathāciraparicitepīti adhippāyo. Bhaggāti tejobhaggena bhaggā dubbaṇṇā. Hadayakoṭiṃyevāti cakkhādivatthūsu appavattitvā tesaṃ ādiantakoṭibhūtaṃ hadayavatthuṃyeva. Tāvāti yāva vedanā vattati, tāva.
วาปิยาติ มหาตฬาเกนฯ ปญฺจอุทกมคฺคสมฺปนฺนนฺติ ปญฺจหิ อุทกสฺส ปวิสนนิกฺขมนมเคฺคหิ ยุตฺตํฯ ตโต ตโต วิสฺสนฺทมานํ สพฺพโส ปุณฺณตฺตาฯ ปฐมํ เทเว วสฺสเนฺตติอาทิ อุปมาสํสนฺทนํฯ อิมํ เวทนํ สนฺธายาติ อิมํ ยถาวุตฺตํ ปริโยสานปฺปตฺตํ มโนทฺวาริกเวทนํ สนฺธายฯ
Vāpiyāti mahātaḷākena. Pañcaudakamaggasampannanti pañcahi udakassa pavisananikkhamanamaggehi yuttaṃ. Tato tato vissandamānaṃ sabbaso puṇṇattā. Paṭhamaṃ deve vassantetiādi upamāsaṃsandanaṃ. Imaṃ vedanaṃ sandhāyāti imaṃ yathāvuttaṃ pariyosānappattaṃ manodvārikavedanaṃ sandhāya.
กายสฺส เภทาติ อตฺตภาวสฺส วินาสนโตฯ ปรโต อคนฺตฺวาติ ปรโลกวเสน อคนฺตฺวาฯ เวทนานํ สีติภาโว นาม สงฺขารทรถปริฬาหาภาโวฯ โส ปนายํ สพฺพโส อปฺปวตฺติวเสเนวาติ อาห ‘‘อปฺปวตฺตนธมฺมานิ ภวิสฺสนฺตี’’ติฯ
Kāyassa bhedāti attabhāvassa vināsanato. Parato agantvāti paralokavasena agantvā. Vedanānaṃ sītibhāvo nāma saṅkhāradarathapariḷāhābhāvo. So panāyaṃ sabbaso appavattivasenevāti āha ‘‘appavattanadhammāni bhavissantī’’ti.
อตฺตภาวํ นาเสตุกามสฺส ทฬฺหํ อุปฺปนฺนํ สํเวคญาณํ สนฺธายาห ‘‘กุทาโล วิย ปญฺญา’’ติฯ ตโต นิพฺพตฺติตชฺฌานสมาธิํ สนฺธาย ‘‘ปิฎกํ วิย สมาธี’’ติฯ ตนฺนิสฺสาย ปวเตฺตตพฺพวิปสฺสนารมฺภญาณํ สนฺธาย ‘‘ขนิตฺติ วิย วิปสฺสนา’’ติ จ วุตฺตํฯ เสสเมตฺถ อุตฺตานเมวฯ
Attabhāvaṃ nāsetukāmassa daḷhaṃ uppannaṃ saṃvegañāṇaṃ sandhāyāha ‘‘kudālo viya paññā’’ti. Tato nibbattitajjhānasamādhiṃ sandhāya ‘‘piṭakaṃ viya samādhī’’ti. Tannissāya pavattetabbavipassanārambhañāṇaṃ sandhāya ‘‘khanitti viya vipassanā’’ti ca vuttaṃ. Sesamettha uttānameva.
วปฺปสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Vappasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๕. วปฺปสุตฺตํ • 5. Vappasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๕. วปฺปสุตฺตวณฺณนา • 5. Vappasuttavaṇṇanā