Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) |
๘. วาเสฎฺฐสุตฺตวณฺณนา
8. Vāseṭṭhasuttavaṇṇanā
๔๕๔. เอวํ เม สุตนฺติ วาเสฎฺฐสุตฺตํฯ ตตฺถ อิจฺฉานงฺคลวนสเณฺฑติ อิจฺฉานงฺคลคามสฺส อวิทูเร วนสเณฺฑฯ จงฺกีติ อาทโย ปญฺจปิ ชนา รโญฺญ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส ปุโรหิตา เอวฯ อเญฺญ จ อภิญฺญาตาติ อเญฺญ จ พหู อภิญฺญาตา พฺราหฺมณาฯ เต กิร ฉเฎฺฐ ฉเฎฺฐ มาเส ทฺวีสุ ฐาเนสุ สนฺนิปตนฺติฯ ยทา ชาติํ โสเธตุกามา โหนฺติ, ตทา โปกฺขรสาติสฺส สนฺติเก ชาติโสธนตฺถํ อุกฺกฎฺฐาย สนฺนิปตนฺติฯ ยทา มเนฺต โสเธตุกามา โหนฺติ, ตทา อิจฺฉานงฺคเล สนฺนิปตนฺติฯ อิมสฺมิํ กาเล มนฺตโสธนตฺถํ สนฺนิปติํสุฯ อยมนฺตรา กถาติ ยํ อตฺตโน สหายกภาวานุรูปํ กถํ กเถนฺตา อนุวิจริํสุ, ตสฺสา กถาย อนฺตรา อยมญฺญา กถา อุทปาทิฯ สีลวาติ คุณวาฯ วตฺตสมฺปโนฺนติ อาจารสมฺปโนฺนฯ
454.Evaṃme sutanti vāseṭṭhasuttaṃ. Tattha icchānaṅgalavanasaṇḍeti icchānaṅgalagāmassa avidūre vanasaṇḍe. Caṅkīti ādayo pañcapi janā rañño pasenadissa kosalassa purohitā eva. Aññe ca abhiññātāti aññe ca bahū abhiññātā brāhmaṇā. Te kira chaṭṭhe chaṭṭhe māse dvīsu ṭhānesu sannipatanti. Yadā jātiṃ sodhetukāmā honti, tadā pokkharasātissa santike jātisodhanatthaṃ ukkaṭṭhāya sannipatanti. Yadā mante sodhetukāmā honti, tadā icchānaṅgale sannipatanti. Imasmiṃ kāle mantasodhanatthaṃ sannipatiṃsu. Ayamantarā kathāti yaṃ attano sahāyakabhāvānurūpaṃ kathaṃ kathentā anuvicariṃsu, tassā kathāya antarā ayamaññā kathā udapādi. Sīlavāti guṇavā. Vattasampannoti ācārasampanno.
๔๕๕. อนุญฺญาตปฎิญฺญาตาติ สิกฺขิตา ตุเมฺหติ เอวํ อาจริเยหิ อนุญฺญาตา, อาม อาจริย สิกฺขิตมฺหาติ เอวํ สยญฺจ ปฎิญฺญาตาฯ อสฺมาติ ภวามฯ อหํ โปกฺขรสาติสฺส, ตารุกฺขสฺสายํ มาณโวติ อหํ โปกฺขรสาติสฺส เชฎฺฐเนฺตวาสี อคฺคสิโสฺส, อยํ ตารุกฺขสฺสาติ ทีเปติฯ
455.Anuññātapaṭiññātāti sikkhitā tumheti evaṃ ācariyehi anuññātā, āma ācariya sikkhitamhāti evaṃ sayañca paṭiññātā. Asmāti bhavāma. Ahaṃ pokkharasātissa, tārukkhassāyaṃ māṇavoti ahaṃ pokkharasātissa jeṭṭhantevāsī aggasisso, ayaṃ tārukkhassāti dīpeti.
เตวิชฺชานนฺติ ติเวทานํ พฺราหฺมณานํฯ ยทกฺขาตนฺติ ยํ อตฺถโต จ พฺยญฺชนโต จ เอกํ ปทมฺปิ อกฺขาตํฯ ตตฺร เกวลิโนสฺมเสติ ตํ สกลํ ชานนโต ตตฺถ นิฎฺฐาคตมฺหาติ อโตฺถฯ อิทานิ ตํ เกวลิภาวํ อาวิกโรโนฺต ปทกสฺมาติอาทิมาหฯ ตตฺถ ชเปฺป อาจริยสาทิสาติ กถนฎฺฐาเน มยํ อาจริยสทิสาเยวฯ
Tevijjānanti tivedānaṃ brāhmaṇānaṃ. Yadakkhātanti yaṃ atthato ca byañjanato ca ekaṃ padampi akkhātaṃ. Tatra kevalinosmaseti taṃ sakalaṃ jānanato tattha niṭṭhāgatamhāti attho. Idāni taṃ kevalibhāvaṃ āvikaronto padakasmātiādimāha. Tattha jappe ācariyasādisāti kathanaṭṭhāne mayaṃ ācariyasadisāyeva.
กมฺมุนาติ ทสกุสลกมฺมปถกมฺมุนาฯ อยญฺหิ ปุเพฺพ สตฺตวิธํ กายวจีกมฺมํ สนฺธาย ‘‘ยโต โข, โภ, สีลวา โหตี’’ติ อาห, ติวิธํ มโนกมฺมํ สนฺธาย ‘‘วตฺตสมฺปโนฺน’’ติฯ เตน สมนฺนาคโต หิ อาจารสมฺปโนฺน โหติฯ จกฺขุมาติ ปญฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมนฺตภาเวน ภควนฺตํ อาลปติฯ
Kammunāti dasakusalakammapathakammunā. Ayañhi pubbe sattavidhaṃ kāyavacīkammaṃ sandhāya ‘‘yato kho, bho, sīlavā hotī’’ti āha, tividhaṃ manokammaṃ sandhāya ‘‘vattasampanno’’ti. Tena samannāgato hi ācārasampanno hoti. Cakkhumāti pañcahi cakkhūhi cakkhumantabhāvena bhagavantaṃ ālapati.
ขยาตีตนฺติ อูนภาวํ อตีตํ, ปริปุณฺณนฺติ อโตฺถฯ เปจฺจาติ อุปคนฺตฺวาฯ นมสฺสนฺตีติ นโม กโรนฺติฯ
Khayātītanti ūnabhāvaṃ atītaṃ, paripuṇṇanti attho. Peccāti upagantvā. Namassantīti namo karonti.
จกฺขุํ โลเก สมุปฺปนฺนนฺติ อวิชฺชนฺธกาเร โลเก ตํ อนฺธการํ วิธมิตฺวา โลกสฺส ทิฎฺฐธมฺมิกาทิอตฺถทสฺสเนน จกฺขุ หุตฺวา สมุปฺปนฺนํฯ
Cakkhuṃ loke samuppannanti avijjandhakāre loke taṃ andhakāraṃ vidhamitvā lokassa diṭṭhadhammikādiatthadassanena cakkhu hutvā samuppannaṃ.
๔๕๖. เอวํ วาเสเฎฺฐน โถเมตฺวา ยาจิโต ภควา เทฺวปิ ชเน สงฺคณฺหโนฺต เตสํ โว อหํ พฺยกฺขิสฺสนฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ พฺยกฺขิสฺสนฺติ พฺยากริสฺสามิฯ อนุปุพฺพนฺติ ติฎฺฐตุ ตาว พฺราหฺมณจินฺตา, ติณรุกฺขกีฎปฎงฺคโต ปฎฺฐาย อนุปฎิปาฎิยา อาจิกฺขิสฺสามีติ อโตฺถฯ ชาติวิภงฺคนฺติ ชาติวิตฺถารํฯ อญฺญมญฺญา หิ ชาติโยติ เตสํ เตสญฺหิ ปาณานํ ชาติโย อญฺญมญฺญา นานปฺปการาติ อโตฺถฯ
456. Evaṃ vāseṭṭhena thometvā yācito bhagavā dvepi jane saṅgaṇhanto tesaṃ vo ahaṃ byakkhissantiādimāha. Tattha byakkhissanti byākarissāmi. Anupubbanti tiṭṭhatu tāva brāhmaṇacintā, tiṇarukkhakīṭapaṭaṅgato paṭṭhāya anupaṭipāṭiyā ācikkhissāmīti attho. Jātivibhaṅganti jātivitthāraṃ. Aññamaññā hi jātiyoti tesaṃ tesañhi pāṇānaṃ jātiyo aññamaññā nānappakārāti attho.
ติณรุเกฺขติ อนุปาทินฺนกชาติํ กตฺวา ปจฺฉา อุปาทินฺนกชาติํ กเถสฺสามิ, เอวํ ตสฺส ชาติเภโท ปากโฎ ภวิสฺสตีติ อิมํ เทสนํ อารภิฯ มหาสีวเตฺถโร ปน ‘‘กิํ, ภเนฺต, อนุปาทินฺนกํ พีชนานตาย นานํ, อุปาทินฺนํ กมฺมนานตายาติ? เอวํ วตฺตุํ น วฎฺฎตี’’ติ ปุจฺฉิโต อาม น วฎฺฎติฯ กมฺมญฺหิ โยนิยํ ขิปติฯ โยนิสิทฺธา อิเม สตฺตา นานาวณฺณา โหนฺตีติฯ ติณรุเกฺขติ เอตฺถ อโนฺตเผคฺคู พหิสารา อนฺตมโส ตาลนาฬิเกราทโยปิ ติณาเนว, อโนฺตสารา ปน พหิเผคฺคู สเพฺพ รุกฺขา นามฯ น จาปิ ปฎิชานเรติ มยํ ติณา มยํ รุกฺขาติ วา, อหํ ติณํ, อหํ รุโกฺขติ วา เอวํ น ชานนฺติฯ ลิงฺคํ ชาติมยนฺติ อชานนฺตานมฺปิ จ เตสํ ชาติมยเมว สณฺฐานํ อตฺตโน มูลภูตติณาทิสทิสเมว โหติฯ กิํ การณา? อญฺญมญฺญา หิ ชาติโยฯ ยสฺมา อญฺญา ติณชาติ, อญฺญา รุกฺขชาติฯ ติเณสุปิ อญฺญา ตาลชาติ, อญฺญา นาฬิเกรชาติ, เอวํ วิตฺถาเรตพฺพํฯ อิมินา อิทํ ทเสฺสติ – ยํ ชาติวเสน นานา โหติ, ตํ อตฺตโน ปฎิญฺญํ ปเรสํ วา อุปเทสํ วินาปิ อญฺญชาติโต วิเสเสน คยฺหติฯ ยทิ จ ชาติยา พฺราหฺมโณ ภเวยฺย, โสปิ อตฺตโน ปฎิญฺญํ ปเรสํ วา อุปเทสํ วินา ขตฺติยโต เวสฺสโต สุทฺทโต วา วิเสเสน คเยฺหยฺย, น จ คยฺหติฯ ตสฺมา น ชาติยา พฺราหฺมโณติฯ ปรโต ปน ‘‘ยถา เอตาสุ ชาตีสู’’ติ คาถาย เอตมตฺถํ วจีเภเทเนว อาวิกริสฺสติฯ
Tiṇarukkheti anupādinnakajātiṃ katvā pacchā upādinnakajātiṃ kathessāmi, evaṃ tassa jātibhedo pākaṭo bhavissatīti imaṃ desanaṃ ārabhi. Mahāsīvatthero pana ‘‘kiṃ, bhante, anupādinnakaṃ bījanānatāya nānaṃ, upādinnaṃ kammanānatāyāti? Evaṃ vattuṃ na vaṭṭatī’’ti pucchito āma na vaṭṭati. Kammañhi yoniyaṃ khipati. Yonisiddhā ime sattā nānāvaṇṇā hontīti. Tiṇarukkheti ettha antopheggū bahisārā antamaso tālanāḷikerādayopi tiṇāneva, antosārā pana bahipheggū sabbe rukkhā nāma. Na cāpi paṭijānareti mayaṃ tiṇā mayaṃ rukkhāti vā, ahaṃ tiṇaṃ, ahaṃ rukkhoti vā evaṃ na jānanti. Liṅgaṃ jātimayanti ajānantānampi ca tesaṃ jātimayameva saṇṭhānaṃ attano mūlabhūtatiṇādisadisameva hoti. Kiṃ kāraṇā? Aññamaññā hi jātiyo. Yasmā aññā tiṇajāti, aññā rukkhajāti. Tiṇesupi aññā tālajāti, aññā nāḷikerajāti, evaṃ vitthāretabbaṃ. Iminā idaṃ dasseti – yaṃ jātivasena nānā hoti, taṃ attano paṭiññaṃ paresaṃ vā upadesaṃ vināpi aññajātito visesena gayhati. Yadi ca jātiyā brāhmaṇo bhaveyya, sopi attano paṭiññaṃ paresaṃ vā upadesaṃ vinā khattiyato vessato suddato vā visesena gayheyya, na ca gayhati. Tasmā na jātiyā brāhmaṇoti. Parato pana ‘‘yathā etāsu jātīsū’’ti gāthāya etamatthaṃ vacībhedeneva āvikarissati.
เอวํ อนุปาทินฺนเกสุ ชาติํ ทเสฺสตฺวา อุปาทินฺนเกสุ ทเสฺสโนฺต ตโต กีเฎติอาทิมาหฯ ยาว กุนฺถกิปิลฺลิเกติ กุนฺถกิปิลฺลิกํ ปริยนฺตํ กตฺวาติ อโตฺถฯ เอตฺถ จ เย อุปฺปติตฺวา คจฺฉนฺติ, เต ปฎงฺคา นามฯ อญฺญมญฺญา หิ ชาติโยติ เตสมฺปิ นีลรตฺตาทิวณฺณวเสน ชาติโย นานปฺปการาว โหนฺติฯ
Evaṃ anupādinnakesu jātiṃ dassetvā upādinnakesu dassento tato kīṭetiādimāha. Yāva kunthakipilliketi kunthakipillikaṃ pariyantaṃ katvāti attho. Ettha ca ye uppatitvā gacchanti, te paṭaṅgā nāma. Aññamaññā hi jātiyoti tesampi nīlarattādivaṇṇavasena jātiyo nānappakārāva honti.
ขุทฺทเกติ กาฬกาทโยฯ มหลฺลเกติ สสพิฬาราทโยฯ
Khuddaketi kāḷakādayo. Mahallaketi sasabiḷārādayo.
ปาทูทเรติ อุทรปาเท, อุทรํเยว เนสํ ปาทาติ วุตฺตํ โหติฯ ทีฆปิฎฺฐิเกติ สปฺปานญฺหิ สีสโต ยาว นงฺคุฎฺฐา ปิฎฺฐิเยว โหติ, เตน เต ‘‘ทีฆปิฎฺฐิกา’’ติ วุจฺจนฺติฯ
Pādūdareti udarapāde, udaraṃyeva nesaṃ pādāti vuttaṃ hoti. Dīghapiṭṭhiketi sappānañhi sīsato yāva naṅguṭṭhā piṭṭhiyeva hoti, tena te ‘‘dīghapiṭṭhikā’’ti vuccanti.
อุทเกติ โอทเก, อุทกมฺหิ ชาเตฯ
Udaketi odake, udakamhi jāte.
ปกฺขีติ สกุเณฯ เต หิ ปเตฺตหิ ยนฺตีติ ปตฺตยานา, เวหาสํ คจฺฉนฺตีติ วิหงฺคมาฯ
Pakkhīti sakuṇe. Te hi pattehi yantīti pattayānā, vehāsaṃ gacchantīti vihaṅgamā.
เอวํ ถลชลากาสโคจรานํ ปาณานํ ชาติเภทํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ เยนาธิปฺปาเยน ตํ ทเสฺสติ, ตํ อาวิกโรโนฺต ยถา เอตาสูติ คาถมาหฯ ตสฺสโตฺถ สเงฺขเปน วุโตฺตวฯ วิตฺถารโต ปเนตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ สยเมว ทเสฺสโนฺต น เกเสหีติอาทิมาหฯ ตตฺรายํ โยชนา – ยํ วุตฺตํ ‘‘นตฺถิ มนุเสฺสสุ ลิงฺคชาติมยํ ปุถู’’ติ, ตํ เอวํ นตฺถีติ เวทิตพฺพํฯ เสยฺยถิทํ? น เกเสหีติฯ น หิ – ‘‘พฺราหฺมณานํ เอทิสา เกสา โหนฺติ, ขตฺติยานํ เอทิสา’’ติ นิยโม อตฺถิ ยถา หตฺถิอสฺสมิคาทีนนฺติ อิมินา นเยน สพฺพํ โยเชตพฺพํฯ
Evaṃ thalajalākāsagocarānaṃ pāṇānaṃ jātibhedaṃ dassetvā idāni yenādhippāyena taṃ dasseti, taṃ āvikaronto yathā etāsūti gāthamāha. Tassattho saṅkhepena vuttova. Vitthārato panettha yaṃ vattabbaṃ, taṃ sayameva dassento na kesehītiādimāha. Tatrāyaṃ yojanā – yaṃ vuttaṃ ‘‘natthi manussesu liṅgajātimayaṃ puthū’’ti, taṃ evaṃ natthīti veditabbaṃ. Seyyathidaṃ? Na kesehīti. Na hi – ‘‘brāhmaṇānaṃ edisā kesā honti, khattiyānaṃ edisā’’ti niyamo atthi yathā hatthiassamigādīnanti iminā nayena sabbaṃ yojetabbaṃ.
ลิงฺคํ ชาติมยํ เนว, ยถา อญฺญาสุ ชาติสูติ อิทํ ปน วุตฺตเสฺสวตฺถสฺส นิคมนนฺติ เวทิตพฺพํฯ ตสฺสายํ โยชนา – เอวํ ยสฺมา อิเมหิ เกสาทีหิ นตฺถิ มนุเสฺสสุ ลิงฺคํ ชาติมยํ ปุถุ, ตสฺมา เวทิตพฺพเมตํ ‘‘พฺราหฺมณาทิเภเทสุ มนุเสฺสสุ ลิงฺคํ ชาติมยํ เนว, ยถา อญฺญาสุ ชาติสู’’ติฯ
Liṅgaṃ jātimayaṃ neva, yathā aññāsu jātisūti idaṃ pana vuttassevatthassa nigamananti veditabbaṃ. Tassāyaṃ yojanā – evaṃ yasmā imehi kesādīhi natthi manussesu liṅgaṃ jātimayaṃ puthu, tasmā veditabbametaṃ ‘‘brāhmaṇādibhedesu manussesu liṅgaṃ jātimayaṃ neva, yathā aññāsu jātisū’’ti.
๔๕๗. อิทานิ เอวํ ชาติเภเท อสติปิ ‘‘พฺราหฺมโณ ขตฺติโย’’ติ อิทํ นานตฺตํ ยถา ชาตํ , ตํ ทเสฺสตุํ ปจฺจตฺตนฺติ คาถมาหฯ ตตฺถ โวการนฺติ นานตฺตํฯ อยํ ปเนตฺถ สเงฺขปโตฺถ – ยถา หิ ติรจฺฉานานํ โยนิสิทฺธเมว เกสาทิสณฺฐาเนน นานตฺตํ, ตถา พฺราหฺมณาทีนํ อตฺตโน อตฺตโน สรีเร ตํ นตฺถิฯ เอวํ สเนฺตปิ ยเทตํ ‘‘พฺราหฺมโณ ขตฺติโย’’ติ โวการํ, ตํ โวการญฺจ มนุเสฺสสุ สมญฺญาย ปวุจฺจติ, โวหารมเตฺตเนว ปวุจฺจตีติฯ
457. Idāni evaṃ jātibhede asatipi ‘‘brāhmaṇo khattiyo’’ti idaṃ nānattaṃ yathā jātaṃ , taṃ dassetuṃ paccattanti gāthamāha. Tattha vokāranti nānattaṃ. Ayaṃ panettha saṅkhepattho – yathā hi tiracchānānaṃ yonisiddhameva kesādisaṇṭhānena nānattaṃ, tathā brāhmaṇādīnaṃ attano attano sarīre taṃ natthi. Evaṃ santepi yadetaṃ ‘‘brāhmaṇo khattiyo’’ti vokāraṃ, taṃ vokārañca manussesu samaññāya pavuccati, vohāramatteneva pavuccatīti.
เอตฺตาวตา ภควา ภารทฺวาชสฺส วาทํ นิคฺคณฺหิตฺวา อิทานิ ยทิ ชาติยา พฺราหฺมโณ ภเวยฺย, อาชีวสีลาจารวิปโนฺนปิ พฺราหฺมโณ ภเวยฺยฯ ยสฺมา ปน โปราณา พฺราหฺมณา ตสฺส พฺราหฺมณภาวํ น อิจฺฉนฺติ, โลเก จ อเญฺญปิ ปณฺฑิตมนุสฺสา, ตสฺมา วาเสฎฺฐสฺส วาทํ ปคฺคณฺหโนฺต โย หิ โกจิ มนุเสฺสสูติ อฎฺฐ คาถา อาหฯ ตตฺถ โครกฺขนฺติ เขตฺตรกฺขํ, กสิกมฺมนฺติ วุตฺตํ โหติฯ โคติ หิ ปถวิยา นามํ, ตสฺมา เอวมาหฯ ปุถุสิเปฺปนาติ ตนฺตวายกมฺมาทินานาสิเปฺปนฯ โวหารนฺติ วณิชฺชํฯ ปรเปเสฺสนาติ ปเรสํ เวยฺยาวจฺจกเมฺมนฯ อิสฺสตฺถนฺติ อาวุธชีวิกํ, อุสุญฺจ สตฺติํ จาติ วุตฺตํ โหติฯ โปโรหิเจฺจนาติ ปุโรหิตกเมฺมนฯ
Ettāvatā bhagavā bhāradvājassa vādaṃ niggaṇhitvā idāni yadi jātiyā brāhmaṇo bhaveyya, ājīvasīlācāravipannopi brāhmaṇo bhaveyya. Yasmā pana porāṇā brāhmaṇā tassa brāhmaṇabhāvaṃ na icchanti, loke ca aññepi paṇḍitamanussā, tasmā vāseṭṭhassa vādaṃ paggaṇhanto yo hi koci manussesūti aṭṭha gāthā āha. Tattha gorakkhanti khettarakkhaṃ, kasikammanti vuttaṃ hoti. Goti hi pathaviyā nāmaṃ, tasmā evamāha. Puthusippenāti tantavāyakammādinānāsippena. Vohāranti vaṇijjaṃ. Parapessenāti paresaṃ veyyāvaccakammena. Issatthanti āvudhajīvikaṃ, usuñca sattiṃ cāti vuttaṃ hoti. Porohiccenāti purohitakammena.
เอวํ พฺราหฺมณสมเยน จ โลกโวหาเรน จ อาชีวสีลาจารวิปนฺนสฺส อพฺราหฺมณภาวํ สาเธตฺวา เอวํ สเนฺต น ชาติยา พฺราหฺมโณ, คุเณหิ ปน พฺราหฺมโณ โหติฯ ตสฺมา ยตฺถ กตฺถจิ กุเล ชาโต โย คุณวา, โส พฺราหฺมโณ, อยเมตฺถ ญาโยติ เอวเมตํ ญายํ อตฺถโต อาปาเทตฺวา อิทานิ นํ วจีเภเทน ปกาเสโนฺต น จาหํ พฺราหฺมณนฺติอาทิมาหฯ ตสฺสโตฺถ – อหญฺหิ ยฺวายํ จตุนฺนํ โยนีนํ ยตฺถ กตฺถจิ ชาโต, ตตฺราปิ วิเสเสน โย พฺราหฺมณสฺส สํวณฺณิตาย มาตริ สมฺภูโต, ตํ โยนิชํ มตฺติสมฺภวํ, ยา จายํ อุภโต สุชาโตติอาทินา นเยน พฺราหฺมเณหิ พฺราหฺมณสฺส ปริสุทฺธอุปฺปตฺติมคฺคสงฺขาตา โยนิ วุตฺตา, สํสุทฺธคหณิโกติ อิมินา จ มาติสมฺปตฺติ, ตโตปิ ชาตสมฺภูตตฺตา โยนิโช มตฺติสมฺภโวติ วุจฺจติ, ตํ โยนิชํ มตฺติสมฺภวํ อิมินา จ โยนิชมตฺติสมฺภวมเตฺตน น พฺราหฺมณํ พฺรูมิฯ กสฺมา? ยสฺมา, โภ โภติ, วจนมเตฺตน อเญฺญหิ สกิญฺจเนหิ วิสิฎฺฐตฺตา โภวาทิ นาม โส โหติ, สเจ โหติ สกิญฺจโน สปลิโพโธฯ โย ปนายํ ยตฺถ กตฺถจิ ชาโตปิ ราคาทิกิญฺจนาภาเวน อกิญฺจโน, สพฺพคหณปฎินิสฺสเคฺคน อนาทาโน, อกิญฺจนํ อนาทานํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํฯ กสฺมา? ยสฺมา พาหิตปาโปติฯ
Evaṃ brāhmaṇasamayena ca lokavohārena ca ājīvasīlācāravipannassa abrāhmaṇabhāvaṃ sādhetvā evaṃ sante na jātiyā brāhmaṇo, guṇehi pana brāhmaṇo hoti. Tasmā yattha katthaci kule jāto yo guṇavā, so brāhmaṇo, ayamettha ñāyoti evametaṃ ñāyaṃ atthato āpādetvā idāni naṃ vacībhedena pakāsento na cāhaṃ brāhmaṇantiādimāha. Tassattho – ahañhi yvāyaṃ catunnaṃ yonīnaṃ yattha katthaci jāto, tatrāpi visesena yo brāhmaṇassa saṃvaṇṇitāya mātari sambhūto, taṃ yonijaṃ mattisambhavaṃ, yā cāyaṃ ubhato sujātotiādinā nayena brāhmaṇehi brāhmaṇassa parisuddhauppattimaggasaṅkhātā yoni vuttā, saṃsuddhagahaṇikoti iminā ca mātisampatti, tatopi jātasambhūtattā yonijo mattisambhavoti vuccati, taṃ yonijaṃ mattisambhavaṃ iminā ca yonijamattisambhavamattena na brāhmaṇaṃ brūmi. Kasmā? Yasmā, bho bhoti, vacanamattena aññehi sakiñcanehi visiṭṭhattā bhovādi nāma so hoti, sace hoti sakiñcano sapalibodho. Yo panāyaṃ yattha katthaci jātopi rāgādikiñcanābhāvena akiñcano, sabbagahaṇapaṭinissaggena anādāno, akiñcanaṃ anādānaṃ, tamahaṃ brūmibrāhmaṇaṃ. Kasmā? Yasmā bāhitapāpoti.
๔๕๘. กิญฺจภิโยฺย สพฺพสํโยชนํ เฉตฺวาติอาทิ สตฺตวีสติ คาถาฯ ตตฺถ สพฺพสํโยชนนฺติ ทสวิธสํโยชนํฯ น ปริตสฺสตีติ ตณฺหาปริตสฺสนาย น ปริตสฺสติฯ สงฺคาติคนฺติ ราคสงฺคาทโย อติกฺกนฺตํฯ วิสํยุตฺตนฺติ จตูหิ โยนีหิ สพฺพกิเลเสหิ วา วิสํยุตฺตํฯ
458. Kiñcabhiyyo sabbasaṃyojanaṃ chetvātiādi sattavīsati gāthā. Tattha sabbasaṃyojananti dasavidhasaṃyojanaṃ. Na paritassatīti taṇhāparitassanāya na paritassati. Saṅgātiganti rāgasaṅgādayo atikkantaṃ. Visaṃyuttanti catūhi yonīhi sabbakilesehi vā visaṃyuttaṃ.
นทฺธินฺติ อุปนาหํฯ วรตฺตนฺติ ตณฺหํฯ สนฺทานนฺติ ยุตฺตปาสํ, ทิฎฺฐิปริยุฎฺฐานเสฺสตํ อธิวจนํฯ สหนุกฺกมนฺติ อนุกฺกโม วุจฺจติ ปาเส ปเวสนคณฺฐิ, ทิฎฺฐานุสยเสฺสตํ นามํฯ อุกฺขิตฺตปลิฆนฺติ เอตฺถ ปลิโฆติ อวิชฺชาฯ พุทฺธนฺติ จตุสจฺจพุทฺธํฯ ติติกฺขตีติ ขมติฯ
Naddhinti upanāhaṃ. Varattanti taṇhaṃ. Sandānanti yuttapāsaṃ, diṭṭhipariyuṭṭhānassetaṃ adhivacanaṃ. Sahanukkamanti anukkamo vuccati pāse pavesanagaṇṭhi, diṭṭhānusayassetaṃ nāmaṃ. Ukkhittapalighanti ettha palighoti avijjā. Buddhanti catusaccabuddhaṃ. Titikkhatīti khamati.
ขนฺติพลนฺติ อธิวาสนขนฺติพลํฯ สา ปน สกิํ อุปฺปนฺนา พลานีกํ นาม น โหติ, ปุนปฺปุนํ อุปฺปนฺนา ปน โหติฯ ตสฺสา อตฺถิตาย พลานีกํฯ
Khantibalanti adhivāsanakhantibalaṃ. Sā pana sakiṃ uppannā balānīkaṃ nāma na hoti, punappunaṃ uppannā pana hoti. Tassā atthitāya balānīkaṃ.
วตวนฺตนฺติ ธุตงฺควนฺตํฯ สีลวนฺตนฺติ คุณวนฺตํฯ อนุสฺสทนฺติ ราคาทิอุสฺสทวิรหิตํฯ ‘‘อนุสฺสุต’’นฺติปิ ปาโฐ, อนวสฺสุตนฺติ อโตฺถฯ ทนฺตนฺติ นิพฺพิเสวนํฯ
Vatavantanti dhutaṅgavantaṃ. Sīlavantanti guṇavantaṃ. Anussadanti rāgādiussadavirahitaṃ. ‘‘Anussuta’’ntipi pāṭho, anavassutanti attho. Dantanti nibbisevanaṃ.
น ลิมฺปตีติ น อลฺลียติฯ กาเมสูติ กิเลสกามวตฺถุกาเมสุฯ
Na limpatīti na allīyati. Kāmesūti kilesakāmavatthukāmesu.
ทุกฺขสฺส ปชานาติ, อิเธว ขยนฺติ เอตฺถ อรหตฺตผลํ ทุกฺขกฺขโยติ อธิเปฺปตํฯ ปชานาตีติ อธิคมวเสน ชานาติฯ ปนฺนภารนฺติ โอหิตภารํ, ขนฺธกิเลสอภิสงฺขารกามคุณภาเร โอตาเรตฺวา ฐิตํฯ วิสํยุตฺตปทํ วุตฺตตฺถเมวฯ
Dukkhassapajānāti, idheva khayanti ettha arahattaphalaṃ dukkhakkhayoti adhippetaṃ. Pajānātīti adhigamavasena jānāti. Pannabhāranti ohitabhāraṃ, khandhakilesaabhisaṅkhārakāmaguṇabhāre otāretvā ṭhitaṃ. Visaṃyuttapadaṃ vuttatthameva.
คมฺภีรปญฺญนฺติ คมฺภีเรสุ อารมฺมเณสุ ปวตฺตปญฺญํฯ เมธาวินฺติ ปกติปญฺญาย ปญฺญวนฺตํฯ
Gambhīrapaññanti gambhīresu ārammaṇesu pavattapaññaṃ. Medhāvinti pakatipaññāya paññavantaṃ.
อนาคาเรหิ จูภยนฺติ อนาคาเรหิ จ วิสํสฎฺฐํ อุภยญฺจ, ทฺวีหิปิ เจเตหิ วิสํสฎฺฐเมวาติ อโตฺถฯ อโนกสารินฺติ โอกํ วุจฺจติ ปญฺจกามคุณาลโย, ตํ อนลฺลียมานนฺติ อโตฺถฯ อปฺปิจฺฉนฺติ อนิจฺฉํฯ
Anāgārehicūbhayanti anāgārehi ca visaṃsaṭṭhaṃ ubhayañca, dvīhipi cetehi visaṃsaṭṭhamevāti attho. Anokasārinti okaṃ vuccati pañcakāmaguṇālayo, taṃ anallīyamānanti attho. Appicchanti anicchaṃ.
ตเสสูติ สตเณฺหสุฯ ถาวเรสูติ นิตฺตเณฺหสุฯ
Tasesūti sataṇhesu. Thāvaresūti nittaṇhesu.
อตฺตทเณฺฑสูติ คหิตทเณฺฑสุฯ นิพฺพุตนฺติ กิเลสนิพฺพาเนน นิพฺพุตํฯ สาทาเนสูติ สอุปาทาเนสุฯ
Attadaṇḍesūti gahitadaṇḍesu. Nibbutanti kilesanibbānena nibbutaṃ. Sādānesūti saupādānesu.
โอหิโตติ ปติโตฯ
Ohitoti patito.
๔๕๙. อกกฺกสนฺติ นิโทฺทสํฯ สโทโส หิ รุโกฺขปิ สกกฺกโสติ วุจฺจติฯ วิญฺญาปนินฺติ อตฺถวิญฺญาปนิกํฯ สจฺจนฺติ อวิสํวาทิกํฯ อุทีรเยติ ภณติฯ ยาย นาภิสเชฺชติ ยาย คิราย ปรสฺส สชฺชนํ วา ลคฺคนํ วา น กโรติ, ตาทิสํ อผรุสํ คิรํ ภาสตีติ อโตฺถฯ
459.Akakkasanti niddosaṃ. Sadoso hi rukkhopi sakakkasoti vuccati. Viññāpaninti atthaviññāpanikaṃ. Saccanti avisaṃvādikaṃ. Udīrayeti bhaṇati. Yāyanābhisajjeti yāya girāya parassa sajjanaṃ vā lagganaṃ vā na karoti, tādisaṃ apharusaṃ giraṃ bhāsatīti attho.
ทีฆนฺติ สุตฺตารุฬฺหภณฺฑํฯ รสฺสนฺติ วิปฺปกิณฺณภณฺฑํฯ อณุนฺติ ขุทฺทกํฯ ถูลนฺติ มหนฺตํฯ สุภาสุภนฺติ สุนฺทราสุนฺทรํฯ ทีฆภณฺฑญฺหิ อปฺปคฺฆมฺปิ โหติ มหคฺฆมฺปิฯ รสฺสาทีสุปิ เอเสว นโยฯ อิติ เอตฺตาวตา น สพฺพํ ปริยาทิณฺณํ, ‘‘สุภาสุภ’’นฺติ อิมินา ปน ปริยาทิณฺณํ โหติฯ
Dīghanti suttāruḷhabhaṇḍaṃ. Rassanti vippakiṇṇabhaṇḍaṃ. Aṇunti khuddakaṃ. Thūlanti mahantaṃ. Subhāsubhanti sundarāsundaraṃ. Dīghabhaṇḍañhi appagghampi hoti mahagghampi. Rassādīsupi eseva nayo. Iti ettāvatā na sabbaṃ pariyādiṇṇaṃ, ‘‘subhāsubha’’nti iminā pana pariyādiṇṇaṃ hoti.
นิราสยนฺติ นิตฺตณฺหํฯ
Nirāsayanti nittaṇhaṃ.
อาลยาติ ตณฺหาลยาฯ อญฺญายาติ ชานิตฺวาฯ อมโตคธนฺติ อมตพฺภนฺตรํฯ อนุปฺปตฺตนฺติ อนุปวิฎฺฐํฯ
Ālayāti taṇhālayā. Aññāyāti jānitvā. Amatogadhanti amatabbhantaraṃ. Anuppattanti anupaviṭṭhaṃ.
อุโภ สงฺคนฺติ อุภยเมฺปตํ สงฺคํฯ ปุญฺญญฺหิ สเคฺค ลคฺคาเปติ, อปุญฺญํ อปาเย, ตสฺมา อุภยเมฺปตํ สงฺคนฺติ อาหฯ อุปจฺจคาติ อตีโตฯ
Ubho saṅganti ubhayampetaṃ saṅgaṃ. Puññañhi sagge laggāpeti, apuññaṃ apāye, tasmā ubhayampetaṃ saṅganti āha. Upaccagāti atīto.
อนาวิลนฺติ อาวิลกรณกิเลสวิรหิตํฯ นนฺทีภวปริกฺขีณนฺติ ปริกฺขีณนนฺทิํ ปริกฺขีณภวํฯ
Anāvilanti āvilakaraṇakilesavirahitaṃ. Nandībhavaparikkhīṇanti parikkhīṇanandiṃ parikkhīṇabhavaṃ.
‘‘โย อิม’’นฺติ คาถาย อวิชฺชาเยว วิสํวาทกเฎฺฐน ปลิปโถ, มหาวิทุคฺคตาย ทุคฺคํ, สํสรณเฎฺฐน สํสาโร, โมหนเฎฺฐน โมโหติ วุโตฺตฯ ติโณฺณติ จตุโรฆติโณฺณฯ ปารงฺคโตติ นิพฺพานํ คโตฯ ฌายีติ อารมฺมณลกฺขณูปนิชฺฌานวเสน ฌายีฯ อเนโชติ นิตฺตโณฺหฯ อนุปาทาย นิพฺพุโตติ กิญฺจิ คหณํ อคฺคเหตฺวา สพฺพกิเลสนิพฺพาเนน นิพฺพุโตฯ
‘‘Yo ima’’nti gāthāya avijjāyeva visaṃvādakaṭṭhena palipatho, mahāviduggatāya duggaṃ, saṃsaraṇaṭṭhena saṃsāro, mohanaṭṭhena mohoti vutto. Tiṇṇoti caturoghatiṇṇo. Pāraṅgatoti nibbānaṃ gato. Jhāyīti ārammaṇalakkhaṇūpanijjhānavasena jhāyī. Anejoti nittaṇho. Anupādāyanibbutoti kiñci gahaṇaṃ aggahetvā sabbakilesanibbānena nibbuto.
กาเมติ ทุวิเธปิ กาเมฯ อนาคาโรติ อนาคาโร หุตฺวาฯ ปริพฺพเชติ ปริพฺพชติฯ กามภวปริกฺขีณนฺติ ขีณกามํ ขีณภวํฯ
Kāmeti duvidhepi kāme. Anāgāroti anāgāro hutvā. Paribbajeti paribbajati. Kāmabhavaparikkhīṇanti khīṇakāmaṃ khīṇabhavaṃ.
มานุสกํ โยคนฺติ มานุสกํ ปญฺจกามคุณโยคํฯ ทิพฺพํ โยคนฺติ ทิพฺพํ ปญฺจกามคุณโยคํฯ สพฺพโยควิสํยุตฺตนฺติ สพฺพกิเลสโยควิสํยุตฺตํฯ
Mānusakaṃ yoganti mānusakaṃ pañcakāmaguṇayogaṃ. Dibbaṃ yoganti dibbaṃ pañcakāmaguṇayogaṃ. Sabbayogavisaṃyuttanti sabbakilesayogavisaṃyuttaṃ.
รตินฺติ ปญฺจกามคุณรติํฯ อรตินฺติ กุสลภาวนาย อุกฺกณฺฐิตํฯ วีรนฺติ วีริยวนฺตํฯ
Ratinti pañcakāmaguṇaratiṃ. Aratinti kusalabhāvanāya ukkaṇṭhitaṃ. Vīranti vīriyavantaṃ.
สุคตนฺติ สุนฺทรํ ฐานํ คตํ, สุนฺทราย วา ปฎิปตฺติยา คตํฯ
Sugatanti sundaraṃ ṭhānaṃ gataṃ, sundarāya vā paṭipattiyā gataṃ.
คตินฺติ นิพฺพตฺติํฯ ปุเรติ อตีเตฯ ปจฺฉาติ อนาคเตฯ มเชฺฌติ ปจฺจุปฺปเนฺนฯ กิญฺจนนฺติ กิญฺจนการโก กิเลโสฯ
Gatinti nibbattiṃ. Pureti atīte. Pacchāti anāgate. Majjheti paccuppanne. Kiñcananti kiñcanakārako kileso.
มเหสินฺติ มหเนฺต คุเณ ปริเยสนเฎฺฐน มเหสิํฯ วิชิตาวินนฺติ วิชิตวิชยํฯ
Mahesinti mahante guṇe pariyesanaṭṭhena mahesiṃ. Vijitāvinanti vijitavijayaṃ.
๔๖๐. เอวํ ภควา คุณโต ขีณาสวํเยว พฺราหฺมณํ ทเสฺสตฺวา เย ชาติโต พฺราหฺมโณติ อภินิเวสํ กโรนฺติ, เต อิทํ อชานนฺตา, สาว เนสํ ทิฎฺฐิ ทุทฺทิฎฺฐีติ ทเสฺสโนฺต สมญฺญา เหสาติ คาถาทฺวยมาหฯ ตสฺสโตฺถ – ยทิทํ พฺราหฺมโณ ขตฺติโย ภารทฺวาโช วาเสโฎฺฐติ นามโคตฺตํ ปกปฺปิตํ กตํ อภิสงฺขตํ, สมญฺญา เหสา โลกสฺมิํ, โวหารมตฺตนฺติ อโตฺถฯ กสฺมา? ยสฺมา สมุจฺจา สมุทาคตํ สมญฺญาย อาคตํฯ เอตญฺหิ ตตฺถ ตตฺถ ชาตกาเลเยวสฺส ญาติสาโลหิเตหิ ปกปฺปิตํ กตํฯ โน เจ นํ เอวํ ปกเปฺปยฺยุํ, น โกจิ กิญฺจิ ทิสฺวา อยํ พฺราหฺมโณติ วา ภารทฺวาโชติ วา ชาเนยฺยฯ เอวํ ปกปฺปิตํ เปตํ ทีฆรตฺตานุสยิตํ, ทิฎฺฐิคตมชานตํ, ตํ ปกปฺปิตํ นามโคตฺตํ ‘‘นามโคตฺตมตฺตเมตํ, โวหารตฺถํ ปกปฺปิต’’นฺติ, อชานนฺตานํ สตฺตานํ หทเย ทีฆรตฺตํ ทิฎฺฐิคตมนุสยิตํฯ ตสฺส อนุสยิตตฺตา ตํ นามโคตฺตํ อชานนฺตา โน ปพฺรุนฺติ, ‘‘ชาติยา โหติ พฺราหฺมโณ’’ติ อชานนฺตาว เอวํ วทนฺตีติ วุตฺตํ โหติฯ
460. Evaṃ bhagavā guṇato khīṇāsavaṃyeva brāhmaṇaṃ dassetvā ye jātito brāhmaṇoti abhinivesaṃ karonti, te idaṃ ajānantā, sāva nesaṃ diṭṭhi duddiṭṭhīti dassento samaññā hesāti gāthādvayamāha. Tassattho – yadidaṃ brāhmaṇo khattiyo bhāradvājo vāseṭṭhoti nāmagottaṃ pakappitaṃ kataṃ abhisaṅkhataṃ, samaññā hesā lokasmiṃ, vohāramattanti attho. Kasmā? Yasmā samuccā samudāgataṃ samaññāya āgataṃ. Etañhi tattha tattha jātakāleyevassa ñātisālohitehi pakappitaṃ kataṃ. No ce naṃ evaṃ pakappeyyuṃ, na koci kiñci disvā ayaṃ brāhmaṇoti vā bhāradvājoti vā jāneyya. Evaṃ pakappitaṃ petaṃ dīgharattānusayitaṃ, diṭṭhigatamajānataṃ, taṃ pakappitaṃ nāmagottaṃ ‘‘nāmagottamattametaṃ, vohāratthaṃ pakappita’’nti, ajānantānaṃ sattānaṃ hadaye dīgharattaṃ diṭṭhigatamanusayitaṃ. Tassa anusayitattā taṃ nāmagottaṃ ajānantā no pabrunti, ‘‘jātiyā hoti brāhmaṇo’’ti ajānantāva evaṃ vadantīti vuttaṃ hoti.
เอวํ ‘‘เย ‘ชาติโต พฺราหฺมโณ’ติ อภินิเวสํ กโรนฺติ, เต อิทํ โวหารมตฺตํ อชานนฺตา, สาว เนสํ ทิฎฺฐิ ทุทฺทิฎฺฐี’’ติ ทเสฺสตฺวา อิทานิ นิปฺปริยายเมว ชาติวาทํ ปฎิกฺขิปโนฺต กมฺมวาทญฺจ ปติฎฺฐเปโนฺต น ชจฺจาติอาทิมาหฯ ตตฺถ ‘‘กมฺมุนา’’ติ อุปฑฺฒคาถาย วิตฺถารณตฺถํ กสฺสโก กมฺมุนาติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ กมฺมุนาติ ปจฺจุปฺปเนฺนน กสิกมฺมาทินิพฺพตฺตกเจตนากมฺมุนาฯ
Evaṃ ‘‘ye ‘jātito brāhmaṇo’ti abhinivesaṃ karonti, te idaṃ vohāramattaṃ ajānantā, sāva nesaṃ diṭṭhi duddiṭṭhī’’ti dassetvā idāni nippariyāyameva jātivādaṃ paṭikkhipanto kammavādañca patiṭṭhapento na jaccātiādimāha. Tattha ‘‘kammunā’’ti upaḍḍhagāthāya vitthāraṇatthaṃ kassako kammunātiādi vuttaṃ. Tattha kammunāti paccuppannena kasikammādinibbattakacetanākammunā.
ปฎิจฺจสมุปฺปาททสฺสาติ อิมินา ปจฺจเยน เอวํ โหตีติ เอวํ ปฎิจฺจสมุปฺปาททสฺสาวิโนฯ กมฺมวิปากโกวิทาติ สมฺมานาวมานารหกุเล กมฺมวเสน อุปฺปตฺติ โหติ, อญฺญาปิ หีนปณีตตา หีนปณีเต กเมฺม วิปจฺจมาเน โหตีติฯ เอวํ กมฺมวิปากกุสลาฯ
Paṭiccasamuppādadassāti iminā paccayena evaṃ hotīti evaṃ paṭiccasamuppādadassāvino. Kammavipākakovidāti sammānāvamānārahakule kammavasena uppatti hoti, aññāpi hīnapaṇītatā hīnapaṇīte kamme vipaccamāne hotīti. Evaṃ kammavipākakusalā.
กมฺมุนา วตฺตตีติ คาถาย ปน โลโกติ วา ปชาติ วา สโตฺตติ วา เอโกเยวโตฺถ, วจนมตฺตเภโทฯ ปุริมปเทน เจตฺถ ‘‘อตฺถิ พฺรหฺมา มหาพฺรหฺมา เสโฎฺฐ สชิตา’’ติ ทิฎฺฐิยา ปฎิเสโธ เวทิตโพฺพฯ กมฺมุนา หิ ตาสุ ตาสุ คตีสุ วตฺตติ โลโก, ตสฺส โก สชิตาติฯ ทุติยปเทน ‘‘เอวํ กมฺมุนา นิพฺพโตฺตปิ จ ปวเตฺตปิ อตีตปจฺจุปฺปนฺนเภเทน กมฺมุนา วตฺตติ, สุขทุกฺขานิ ปจฺจนุโภโนฺต หีนปณีตาทิเภทญฺจ อาปชฺชโนฺต ปวตฺตตี’’ติ ทเสฺสติฯ ตติเยน ตเมวตฺถํ นิคเมติ ‘‘เอวํ สพฺพถาปิ กมฺมนิพนฺธนา สตฺตา กเมฺมเนว พทฺธา หุตฺวา ปวตฺตนฺติ, น อญฺญถา’’ติฯ จตุเตฺถน ตเมตฺถํ อุปมาย วิภาเวติฯ ยถา หิ รถสฺส ยายโต อาณิ นิพนฺธนํ โหติ, น ตาย อนิพโทฺธ ยาติ, เอวํ โลกสฺส นิพฺพตฺตโต จ ปวตฺตโต จ กมฺมํ นิพนฺธนํ, น เตน อนิพโทฺธ นิพฺพตฺตติ น ปวตฺตติฯ
Kammunā vattatīti gāthāya pana lokoti vā pajāti vā sattoti vā ekoyevattho, vacanamattabhedo. Purimapadena cettha ‘‘atthi brahmā mahābrahmā seṭṭho sajitā’’ti diṭṭhiyā paṭisedho veditabbo. Kammunā hi tāsu tāsu gatīsu vattati loko, tassa ko sajitāti. Dutiyapadena ‘‘evaṃ kammunā nibbattopi ca pavattepi atītapaccuppannabhedena kammunā vattati, sukhadukkhāni paccanubhonto hīnapaṇītādibhedañca āpajjanto pavattatī’’ti dasseti. Tatiyena tamevatthaṃ nigameti ‘‘evaṃ sabbathāpi kammanibandhanā sattā kammeneva baddhā hutvā pavattanti, na aññathā’’ti. Catutthena tametthaṃ upamāya vibhāveti. Yathā hi rathassa yāyato āṇi nibandhanaṃ hoti, na tāya anibaddho yāti, evaṃ lokassa nibbattato ca pavattato ca kammaṃ nibandhanaṃ, na tena anibaddho nibbattati na pavattati.
อิทานิ ยสฺมา เอวํ กมฺมนิพนฺธโน โลโก, ตสฺมา เสเฎฺฐน กมฺมุนา เสฎฺฐภาวํ ทเสฺสโนฺต ตเปนาติ คาถาทฺวยมาหฯ ตตฺถ ตเปนาติ ธุตงฺคตเปนฯ พฺรหฺมจริเยนาติ เมถุนวิรติยาฯ สํยเมนาติ สีเลน ฯ ทเมนาติ อินฺทฺริยทเมนฯ เอเตนาติ เอเตน เสเฎฺฐน ปริสุเทฺธน พฺรหฺมภูเตน กมฺมุนา พฺราหฺมโณ โหติฯ กสฺมา? ยสฺมา เอตํ พฺราหฺมณมุตฺตมํ, ยสฺมา เอตํ กมฺมํ อุตฺตโม พฺราหฺมณคุโณติ วุตฺตํ โหติฯ ‘‘พฺรหฺมาน’’นฺติปิ ปาโฐฯ อยํ ปเนตฺถ วจนโตฺถ – พฺรหฺมํ อาเนตีติ พฺรหฺมานํ, พฺราหฺมณภาวํ อาวหตีติ วุตฺตํ โหติฯ
Idāni yasmā evaṃ kammanibandhano loko, tasmā seṭṭhena kammunā seṭṭhabhāvaṃ dassento tapenāti gāthādvayamāha. Tattha tapenāti dhutaṅgatapena. Brahmacariyenāti methunaviratiyā. Saṃyamenāti sīlena . Damenāti indriyadamena. Etenāti etena seṭṭhena parisuddhena brahmabhūtena kammunā brāhmaṇo hoti. Kasmā? Yasmā etaṃ brāhmaṇamuttamaṃ, yasmā etaṃ kammaṃ uttamo brāhmaṇaguṇoti vuttaṃ hoti. ‘‘Brahmāna’’ntipi pāṭho. Ayaṃ panettha vacanattho – brahmaṃ ānetīti brahmānaṃ, brāhmaṇabhāvaṃ āvahatīti vuttaṃ hoti.
ทุติยคาถาย สโนฺตติ สนฺตกิเลโสฯ พฺรหฺมา สโกฺกติ พฺรหฺมา จ สโกฺก จ, โย เอวรูโป, โส น เกวลํ พฺราหฺมโณ, อถ โข พฺรหฺมา จ สโกฺก จ โส วิชานตํ ปณฺฑิตานํ, เอวํ วาเสฎฺฐ, ชานาหีติ วุตฺตํ โหติฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติฯ
Dutiyagāthāya santoti santakileso. Brahmā sakkoti brahmā ca sakko ca, yo evarūpo, so na kevalaṃ brāhmaṇo, atha kho brahmā ca sakko ca so vijānataṃ paṇḍitānaṃ, evaṃ vāseṭṭha, jānāhīti vuttaṃ hoti. Sesaṃ sabbattha uttānamevāti.
ปปญฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถาย
Papañcasūdaniyā majjhimanikāyaṭṭhakathāya
วาเสฎฺฐสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Vāseṭṭhasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๘. วาเสฎฺฐสุตฺตํ • 8. Vāseṭṭhasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๘. วาเสฎฺฐสุตฺตวณฺณนา • 8. Vāseṭṭhasuttavaṇṇanā